บทนำ� จากพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการท่ีจะท�ำนุบ�ำรุง อนุรักษ์ และเผยแพร่ ศลิ ปวฒั นธรรม อนั ดงี าม และในบรเิ วณทตี่ ง้ั ของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ครอบคลมุ ในกลมุ่ ภาคเหนอื ทง้ั ๑๗ จงั หวดั ซงึ่ ทง้ั หมดตา่ งมศี ลิ ปวฒั นธรรมอนั ดงี ามทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ และนกั ปราชญท์ มี่ ภี มู ปิ ญั ญาอนั เปน็ ทปี่ ระจกั ษอ์ ยหู่ ลายคน ซง่ึ นบั วนั กม็ อี ายมุ าก ขาดขวญั และกำ� ลงั ใจในการท�ำงานดา้ นศิลปวฒั นธรรม นอกจากน้ีองค์ความรู้ต่างๆ มักอยู่ตัวของผู้คนที่ท�ำงานด้านศิลปวัฒนธรรม จากความรู้ท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิบัติ ความรู้จากการสั่งสมประสบการณ์มาหลายปี หากความรู้เหล่าน้ันไม่ได้รับการถ่ายทอดออกมาแล้ว ก็จะหายไปกับตัวของผู้ที่ท�ำงาน น้ันเอง และความรู้ก็จะสูญหายไป ก็นับว่าเสียดายอย่างย่ิงหากจะเป็นอย่างนั้น ฉะน้ัน ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จึงได้จัดท�ำโครงการถอดองค์ความรู้ จากตัวคนออกมา แยกตามสาขางานศิลป์ เพ่ือที่จะให้องค์ความรู้นั้นสืบทอดเอาไว้ ฝากไว้กับแผ่นดิน และลมหายใจของศิลปวัฒนธรรมจะมีผู้สืบทอดต่อไป ไม่เพียงเท่านั้น ภูมิปัญญายังกระจายตัวอยู่ทั้งในกลุ่มคนต่างๆ ทั้งชาติพันธุ์ใหญ่น้อยในแผ่นดิน และ ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ระหว่างบ้านเมืองต่างๆ ท่ีอยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงที่มีความสัมพันธ์ กนั มาแตเ่ ดมิ จากในเทศกาลยีเ่ ปง็ ท่ีผ่านมา (ประจำ� ปี ๒๕๖๐) ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลล้านนา ได้จัดโครงการอันเป็นการส่งเสริมและท�ำนุบ�ำรุงศิลปวัฒนธรรม ประเพณีทอ้ งถ่นิ โดยได้สง่ ขบวนกระทงใหญเ่ ข้าประกวดในระดับจงั หวดั กับทางเทศบาล นครเชียงใหม่ ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ นั้น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ทั้งนี้เพื่อเป็นการไปสู่จุดมุ่งหมายอันส�ำคัญกว่ารางวัล ที่ได้รบั นั่นคอื การได้มาซ่งึ องค์ความรู้ ท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อการศกึ ษาทางศลิ ปวัฒนธรรม ภายใต้กระบวนการมีสว่ นร่วมของทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุน้ีจงึ เป็นที่มาของ การถอดองค์ความรู้จากกจิ กรรม “การจดั ทำ� รถกระทง มทร.ลา้ นนา” ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบของหนงั สอื และวดิ ที ศั น์ องคค์ วามรู้ ทมี่ เี นอ้ื หา สาระทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละ เปน็ แหลง่ เรยี นรสู้ ำ� หรบั นกั ศกึ ษา บคุ ลากร คณาจารย์ รวมถงึ ประชาชนทว่ั ไป ใหส้ ามารถนำ� ไปศกึ ษาพฒั นาตอ่ ยอด การพฒั นาศลิ ปะวฒั นธรรม การจดั ทำ� รถกระทง ในประเพณยี เ่ี ปง็ ของชาวลา้ นนา ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากย่ิงขึ้นตอ่ ไป คณะผู้จัดทำ�
สารบญั หน้า ๑ เรอ่ื ง ๑๔ ความรูท้ ่ัวไป “ประเพณลี อยกระทง” ๓๒ องคค์ วามรกู้ ารจัดทำ� “ขบวนรถกระทง มทร.ล้านนา” แนวทางและวธิ ีการบรู ณาการ
“คปวารมะรเทู้ พั่วไปณลี อยกระทง” ที่มาของภาพ : https://www.sanook.com/women/88637/
ความรทู้ ว่ั ไป “ประเพณลี อยกระทง” วนั ลอยกระทง เปน็ วนั สำ� คญั วนั หนง่ึ ของชาวไทย ตรงกบั วนั ขน้ึ ๑๕ คำ�่ เดอื น ๑๒ ตามปฏทิ นิ จนั ทรคตไิ ทย ตามปฏทิ นิ จนั ทรคตลิ า้ นนา มกั จะตกอยใู่ นราวเดอื นพฤศจกิ ายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีน้ีก�ำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อ พระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่ง แม่น�้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือ พระมหาสาวก ส�ำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้ก�ำหนดจัดในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงบริเวณท่ีติดกับแม่น้�ำ ล�ำคลอง หรือ แหล่งน้�ำต่าง ๆ ซงึ่ แตล่ ะพน้ื ทกี่ จ็ ะมเี อกลกั ษณท์ นี่ า่ สนใจแตกตา่ งกนั ไปในวนั ลอยกระทง ผคู้ นจะพากนั ทำ� “กระทง” จากวสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ ง ๆ ตกแตง่ เปน็ รปู คลา้ ยดอกบวั บาน ปกั ธปู เทยี น และนยิ ม ตดั เล็บ เส้นผม หรือใส่เหรยี ญกษาปณล์ งไปในกระทง แล้วนำ� ไปลอยในสายน้�ำ (ในพน้ื ท่ี ติดทะเล ก็นยิ มลอยกระทงริมฝ่ังทะเล) เช่อื วา่ เปน็ การลอยเคราะหไ์ ป นอกจากน้ยี งั เชอ่ื ว่าการลอยกระทง เป็นการบชู าและขอขมาพระแม่คงคาดว้ ย ขอ้ มูลอา้ งอิง https://sites.google.com/site/joistname/home/kahndkar-wanlxy-krathng ที่มาของภาพ http://www.thansettakij.com/content/348457 , https://www.edtguide.com/review/442164/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0% B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-2558 4
ประวตั ิความเปน็ มาของวนั ลอยกระทง ประเพณลี อยกระทงน้นั ไมม่ หี ลักฐานระบุแน่ชดั วา่ เริม่ ตงั้ แต่เมื่อใด แตเ่ ชื่อวา่ ประเพณนี ไี้ ดส้ บื ตอ่ กนั มายาวนานตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั โดยในรชั สมยั พอ่ ขนุ รามคำ� แหง เรยี ก ประเพณีลอยกระทงน้ีว่า “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป” และมีหลัก ฐานจากศิลาจารึกหลกั ที่ ๑ กล่าวถงึ งานเผาเทยี นเล่นไฟวา่ เป็นงานรื่นเรงิ ทใี่ หญ่ทีส่ ดุ ของ กรงุ สุโขทยั ท�ำใหเ้ ชื่อกันวา่ งานดังกลา่ วนา่ จะเป็นงานลอยกระทงอยา่ งแนน่ อน ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕ ไดท้ รงสนั นษิ ฐานวา่ พธิ ลี อยกระทงเปน็ พธิ ขี องพราหมณ์ จดั ข้ึนเพ่อื บชู าเทพเจา้ ๓ องค์ คอื พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำ� พระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และ ลอยโคมเพอื่ บชู ารอยพระบาทของพระพทุ ธเจ้า ก่อนท่ีนางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้น ประดิษฐ์กระทงดอกบวั ขึน้ เปน็ คนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฏในหนังสอื นางนพมาศ ที่ว่า “คร้ันวันเพ็ญเดือน ๑๒ ข้าน้อยได้กระท�ำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาด กว่าโคมสนมก�ำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่าง ๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบ บานรบั แสงจนั ทรใ์ หญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ลว้ นแต่พรรณดอกไมซ้ อ้ นสสี ลับให้เป็น ลวดลาย…” เม่ือสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของ นางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณี ลอยกระทงขึ้นเป็นประจ�ำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชด�ำรัส ท่ีว่า “ตั้งแต่น้ีสืบไปเบ้ืองหน้า โดยล�ำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลก�ำหนด นกั ขตั ฤกษว์ นั เพญ็ เดอื น ๑๒ ใหท้ ำ� โคมลอยเปน็ รปู ดอกบวั อทุ ศิ สกั การบชู าพระพทุ ธบาท นัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน” พิธีลอยกระทงจึงเปล่ียนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเพณีลอยกระทงสืบต่อกันเรื่อยมา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลท่ี ๑ ถึง รัชกาลท่ี ๓ พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยม ประดิษฐ์กระทงใหญ่เพ่ือประกวดประชันกัน ซ่ึงต้องใช้แรงคนและเงินจ�ำนวนมาก พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๔ ทรงเหน็ วา่ เปน็ การสน้ิ เปลอื ง จงึ โปรดให้ ยกเลกิ การประดษิ ฐก์ ระทงใหญแ่ ขง่ ขนั และโปรดใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศท์ ำ� เรอื ลอยประทปี 5
ถวายองค์ละล�ำแทนกระทงใหญ่ และเรยี กช่อื วา่ “เรอื ลอยประทีป” ตอ่ มาในรชั กาลที่ ๕ และรัชกาลท่ี ๖ ไดท้ รงฟน้ื ฟพู ระราชพธิ นี ี้ขน้ึ มาอกี ครงั้ ปัจจบุ ันการลอยพระประทีปของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงกระท�ำเป็นการส่วนพระองคต์ ามพระราชอธั ยาศยั เหตผุ ลและความเช่อื ของการลอยกระทง สาเหตทุ ม่ี ปี ระเพณลี อยกระทงขึ้นน้นั เกดิ จากความเชื่อหลาย ๆ ประการของ แต่ละท้องท่ี ไดแ้ ก่ ๑.เพอ่ื แสดงความสำ� นกึ ถงึ บญุ คณุ ของแมน่ ำ�้ ทใ่ี หเ้ ราไดอ้ าศยั นำ้� กนิ นำ้� ใช้ ตลอด จนเป็นการขอขมาต่อพระแมค่ งคา ทไ่ี ด้ทง้ิ ส่ิงปฏิกลู ต่าง ๆ ลงไปในน�ำ้ อันเป็นสาเหตใุ ห้ แหล่งน�้ำไม่สะอาด ๒.เพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวท่ีพระพุทธเจ้า เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทราย แมน่ ำ�้ นมั มทานที ซงึ่ เปน็ แมน่ ำ้� สายหนง่ึ อยใู่ นแควน้ ทกั ขณิ าบถของประเทศอนิ เดยี ปจั จบุ นั เรยี กวา่ แม่น้�ำเนรพทุ ทา ๓.เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอย ความทกุ ข์ ความโศกเศรา้ โรคภัยไขเ้ จ็บ และสิง่ ไม่ดตี า่ ง ๆ ให้ลอยตามแม่น�้ำไปกบั กระทง คล้ายกับพธิ ีลอยบาปของพราหมณ์ ๔.เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ท่ีชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซ่ึงบ�ำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล โดยมีต�ำนานเล่าว่า พระอุปคุตเปน็ พระมหาเถระรปู หนงึ่ ท่ีมีอิทธฤิ ทธมิ์ าก สามารถปราบพญามารได้ ๕.เพ่ือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยัง เปน็ การสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ียวให้เกิดขึ้นทงั้ ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ ๖.เพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็นการนัดพบปะสังสรรค์ กันในหมผู่ ไู้ ปรว่ มงาน ๗.เพอ่ื สง่ เสรมิ งานฝมี อื และความคดิ สรา้ งสรรค์ เพราะเมอื่ มเี ทศกาลลอยกระทง มกั จะมกี ารประกวดกระทงแขง่ กนั ทำ� ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มไดเ้ กดิ ความคดิ แปลกใหม่ และยงั รกั ษา ภูมปิ ญั ญาพืน้ บา้ นไวอ้ กี ดว้ ย ข้อมลู อา้ งอิง http://www.todayth.com/วันลอยกระทง.html 6
ประเพณีลอยกระทงของภาคเหนือ* การลอยกระทงของคนในภาคเหนือ นิยมท�ำกันในเดือนย่ีเป็ง เพ่ือบูชา พระอุปคุตต์ซ่ึงเชื่อกันว่าท่านบ�ำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกบั คตขิ องชาวพมา่ แตใ่ นปจั จบุ นั ไดม้ กี ารจดั งานวนั ลอยกระทงในวนั ขนึ้ ๑๕ คำ่� เดอื น ๑๒ โดยจดั เปน็ ประเพณที ยี่ ง่ิ ใหญใ่ นหลายๆจงั หวดั เชน่ ประเพณกี ระทงสาย ของจงั หวดั ตากเป็นพิธีที่น้�ำเอาพระพุทธศาสนาภูมิปัญญาของชาวบ้าน มาหล่อหลอมกันจนเป็น รูปแบบที่โดดเด่น ซึ่งชาวบ้านได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ซ่ึงจะมีลักษณะที่ แตกต่างจากจังหวัดอื่น เม่ือเราน�้ำกระทงมาลอยกระทงจะไหลไปตามร่องน้�ำเกิดเป็น สายยาวต่อเน่ืองท�ำให้แสงไฟของกระทงส่องแสงระยิบระยับเป็นสายยาวท�ำให้ดูแล้ว สวยงามมาก ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเป็นการประกวดกระทงสาย ส่วนประกอบของ กระทงสาย มีดงั นี้ ๑.กระทงนำ� เปน็ กระทงท่มี ีขนาดทใ่ี หญท่ ่ตี กแตง่ ด้วยใบตองสด ซึ่งประกอบไปดว้ ย ดอกไม้สดหลากหลายท่สี นั ที่มคี วามสวยงามพร้อมมผี ้าสบง เคร่ืองกระยาบวช หมาก พลู ขนม ฯลฯ เพอ่ื ทำ� พธิ จี ดุ ธปู เทยี วบชู าแมน่ ำ้� คงคาและบชู าพระพทุ ธเจา้ และจากนนั่ กน็ ำ้� ลง ลอยเปน็ อนั ดบั แรก ๒.กระทงตาม เป็นกระทงกะลามะพรา้ วที่ไมม่ รี ู นำ� มาขดั ถูให้สะอาดภายในกะลา น้ีใส่ด้ายดิบที่ฟั่นเป็นรูปตีนกา แล้วหล่อด้วยเทียนไขหรือน้�ำผึ้งส�ำหรับเป็นเชื้อไฟจุดก่อน ปล่อยลงลอย ๓.กระทงปิดท้าย เป็นกระทงขนาดกลาง ท่ีตกแต่งอย่างสวยงามคล้ายกระทงน้�ำ แตม่ ีขนาดทีเ่ ลก็ กวา่ เปน็ การบ่งบอกถึงการสนิ้ สดุ การลอยของสายนัน้ ๆ ท่ีมาของภาพ : https://www.sanook.com/women/88637/, https://sites.google.com/site/prapheniyipengkhxngthiy/, http://lenplay.com/1312.soc , https://www.sanook.com/news/2103626/gallery/923342/ 7
การเขา้ มาของประเพณลี อยกระทง จ.เชยี งใหม่ กล่าวกันว่าพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ผู้ท่ีริเริ่มการลอยกระทงที่เชียงใหม่ เป็นคนแรก ในช่วง พ.ศ.๒๔๖๐-๒๔๗๐ โดยจุดเทียนบนกาบมะพร้าวท�ำเป็นรูปเรือเล็ก หรือรูปหงส์ และใช้ท่อนไม้ปอท�ำเป็นรูปเรือ แต่ยังไม่เป็นท่ีนิยม เพราะชาวบ้านทั่วไป นิยมการประดับตกแต่งโคมตามบ้านเรือน ท�ำซุ้มประตูป่า และจัดเทศน์มหาชาติ หรือตั้งธมั มห์ ลวงมากกวา่ ลอยกระทงเป็นประเพณีเก่าแก่ สันนิษฐานกันว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก พิธีตามประทีปหรือทีปาวลี ของอินเดีย ซ่ึงจะมีการลอยกระทงเพื่อบูชาเทพเจ้าท้ังสาม ของศาสนาพราหมณ์ คอื พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณแ์ ละประเทศไทยได้รับ เอาคติความเชื่อน้ี เข้ามาปรับกับความเชื่อของท้องถ่ิน เกิดเป็นประเพณีการลอยกระทง เพือ่ ขอขมาลาโทษ พระแม่คงคาข้ึน ท้งั นเ้ี พราะชาวไทยสมัยกอ่ นประกอบอาชพี เกย่ี วกบั การกสิกรรมซึง่ จะตอ้ งอาศัยน�ำ้ เปน็ ปจั จยั หลกั ในการเพาะปลูกพืชพันธธุ์ ัญญาหาร ต่อมานายทิม โชตนา เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเชียงใหม่ ในช่วง พ.ศ.๒๔๙๐ ไดส้ นบั สนนุ การทอ่ งเทยี่ วโดยจดั ใหม้ กี ารลอยกระทงมากขน้ึ และมกี ารจดั งาน ขน้ึ ทป่ี ระตูทา่ แพ และพทุ ธสถานรมิ แม่น�ำ้ ปิง หลังจากน้ันการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย มาจัดตั้งส�ำนักงานที่จังหวัด เชียงใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ ได้ส่งเสริมการลอยกระทงแบบกรุงเทพฯ ท่ีจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นอย่างจริงจังและร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยมีการประกวดขบวนกระทงเล็ก และขบวนกระทงใหญ่ ต่อมาสมาคมผู้ประกอบการย่านไนท์บาร์ซา ได้จัดประกวด ขบวนโคมยี่เป็งขึ้นอีกวันหนึ่ง โดยทางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขต ภาคพายพั (ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ใหเ้ ปน็ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ในปี ๒๕๔๘) ได้เข้าร่วมกจิ กรรมการประกวดขบวนกระทงในงานประเพณยี ่เี ป็งของทาง จังหวดั เชยี งใหม่ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๑ *ข้อมูลอ้างอิง https://sites.google.com/site/joistname/wanlxy-krathng-trng-kab-wan-thi-theari/prapheni-lxy- krathng-phakh-henux 8
ท่ีมาของภาพ : https://www.talknewsonline.com/78228/ , https://www.sanook.com/news/2103626/gallery/923342/, https://www.naewna.com/likesara/378624, https://horoscope.mthai.com/horoscope-highlight/14903.html, https://sites.google.com/site/prapheniyipengkhxngthiy/ 9
รายละเอียดการจดั งานประเพณยี เี่ ปง็ จ.เชยี งใหม่ ส�ำหรับการจัดงานประเพณีย่ีเป็งของ จ.เชียงใหม่ นั้น ในแต่ละปีจะมีแนวคิด ของงานทแ่ี ตกตา่ งกันไป ซ่งึ ขึน้ อย่กู บั คณะผู้จดั งาน แตห่ ากรายละเอยี ดหลกั ของงานหรอื กิจกรรมท่ีจัดข้ึนน้ัน จะมีความแตกต่างกัน ไม่มากนัก ท้ังนี้ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้เห็น ขอ้ มลู ปจั จบุ นั ผเู้ ขยี นจงึ ขอใชร้ ายละเอยี ดการจดั งานประจำ� ปี ๒๕๖๑ ของจงั หวดั เชยี งใหม่ มานำ� เสนอใหเ้ ห็นภาพของรายละเอยี ดกิจกรรมการจดั งานต่างๆ ดงั น้ี งานประเพณีย่ีเป็ง เชียงใหม่ ประจ�ำปี ๒๕๖๑ จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แอ่วยเี่ ป็งเจยี งใหม่ ฮว่ มแฮงฮ่วมใจล๋ ดขยะ ปลอดประทดั ยกั ษ์ ไร้แอลกอฮอล์” ตัง้ แต่ วันท่ี ๒๐ – ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มรี ายละเอยี ด ดังน้ี วันที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ • เวลา ๑๘.๐๐ น. พิธเี ปิดกิจกรรม “ต๋ามผางปะต๊ดี สอ่ งฟ้าฮกั ษาเมือง” ณ ลาน อนุสาวรยี ์สามกษัตรยิ ์ • เวลา ๑๘.๓๐ น. ฟ้อนบูชาผางปะตี๊ด จ�ำนวน ๕๐๐ คน ณ ลานอนุสาวรีย์ สามกษตั ริย์ • เวลา ๑๙.๓๐-๒๓.๐๐ น. จุดผางปะตด๊ี รอบคเู มอื ง พร้อมกบั จดุ ผางปะตี๊ดถวาย เป็นพุทธบชู า บริเวณลานอนุสาวรียแ์ ละรอบคเู มอื งด้านใน • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงประตมิ ากรรมโคมไฟสีสนั ยีเ่ ปง็ บริเวณรอบ คูเมอื ง ประตูเมืองและแจ่งเมอื ง วนั ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ • เวลา ๑๘.๐๐ น. พธิ เี ปดิ งาน “ประเพณเี ดอื นยเ่ี ปง็ เชยี งใหม่ ประจำ� ปี ๒๕๖๑” บรเิ วณขว่ งประตทู า่ แพ • เวลา ๑๙.๐๐ น. การประกวดหนูนอ้ ยยีเ่ ปง็ ณ สำ� นักงานเทศบาล • เวลา ๑๙.๐๐-๒๓.๐๐ น. การประกวดเทพ-ี เทพบตุ รยเี่ ปง็ ณ ขว่ งประตทู า่ แพ • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงประติมากรรมโคมไฟสีสนั ยี่เปง็ บรเิ วณรอบ คเู มือง ประตูเมอื งและแจ่งเมอื ง • เวลา ๑๙.๓๐-๒๓.๐๐ น. จดุ ผางปะต๊ดี รอบคเู มือง พร้อมกบั จดุ ผางปะต๊ีดถวาย เปน็ พุทธบชู า บริเวณลานอนุสาวรยี ์และรอบคูเมอื งด้านใน 10
วนั ท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ • เวลา ๐๘.๐๙-๑๐.๓๐ น. พธิ บี วงสรวงศาลพระภูม,ิ เจดยี ์ขาว, ขอขมาแม่น�้ำปงิ ณ สำ� นักงานเทศบาล และทา่ น้�ำศรโี ขง • เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๐๐ น. การประกวดกระทงฝมี อื ใบตอง-ดอกไมส้ ด ณ สำ� นกั งาน เทศบาลฯ • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงศิลปวัฒนธรรม “คีตเภรีล้านนา นาฎลีลา กึกก้องสองฝ่ังปิง” โดยสมาคมกลองและศิลปะการแสดงลา้ นนา พรอ้ มดว้ ยการ แสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย โดย บ้านนาฏยคีตศิลปและเครือข่าย ณ สำ� นักงานเทศบาล • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงประตมิ ากรรมโคมไฟสสี ันยเ่ี ปง็ บรเิ วณรอบ คเู มือง ประตเู มืองและแจ่งเมือง • เวลา ๑๙.๐๐, ๒๒.๐๐ น. การปลอ่ ยกระทงสายสืบสานลา้ นนา ณ ล�ำน�้ำปิงหนา้ สำ� นักงานเทศบาล • เวลา ๑๙.๐๐-๒๓.๐๐ น. การประกวดเทพ-ี เทพบตุ รยเี่ ปง็ ณ ขว่ งประตทู า่ แพ • เวลา ๑๙.๓๐-๒๓.๐๐ น. จดุ ผางปะตด๊ี รอบคูเมือง พรอ้ มกับจุดผางปะตีด๊ ถวาย เปน็ พทุ ธบชู า บริเวณ ลานอนสุ าวรยี ์และรอบคเู มืองด้านใน วนั ที่ ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงประตมิ ากรรมโคมไฟสีสันยีเ่ ป็ง บรเิ วณรอบ คูเมอื ง ประตูเมืองและแจ่งเมอื ง • เวลา ๑๙.๐๐-๒๒.๐๐ น. การแสดงศิลปวัฒนธรรม “คีตเภรีล้านนา นาฏลีลา กึกก้องสองฝั่งปิง” โดยสมาคมกลองและศิลปะการแสดงล้านนา พร้อมด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย โดย บ้านนาฏยคีตศิลปและเครือข่าย ณ ส�ำนกั งานเทศบาล • เวลา ๑๙.๓๐-๒๓.๐๐ น. จุดผางปะตีด๊ รอบคูเมอื ง พร้อมกบั จุดผางปะต๊ีดถวาย เป็นพทุ ธบูชา บริเวณลานอนุสาวรยี แ์ ละรอบคูเมืองด้านใน • เวลา ๑๙.๐๐-๒๓.๐๐ น. การประกวดขบวนแห่กระทงใหญ่ บริเวณข่วงประตู ท่าแพ-ส�ำนักงานเทศบาล • เวลา ๑๙.๓๐ - ๒๑.๓๐ น. การแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติฯ ณ ล�ำน้�ำปิง หน้า เทศบาล 11
นอกจากนก้ี ็ยังมีการจดั งานในพ้นื ท่อี ่ืน ๆ รอบเมืองเชยี งใหม่ อาทิ งานสืบฮีต สานฮอย ฮอมปอย ไหว้สาพระสิริมังคลาจารย์ วันที่ ๒๑-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ พทุ ธสถานจังหวัดเชียงใหม่, ประเพณีต้ังธรรมหลวง เขาวงกต ตา๋ มผางปะต๊ดี บชู าพระ เจดยี ์ วนั ท่ี ๒๐-๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ณ วัดเจด็ ลนิ , ประเพณตี งั้ ธรรมหลวง ตา๋ มผาง ปะตี๊ดบชู าพระเจดีย์ วนั ท่ี ๒๑-๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ณ วัดโลกโมฬี, ดนตรสี รา้ งสรรค์ วัฒนธรรมสร้างสุขไร้แอลกอฮอล์ วันท่ี ๒๑-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ บริเวณหน้า คริสตจักรท่ี ๑ ถึง ข้างสะพานนวรฐั เป็นต้น หลักการการประกวดกระทงใหญใ่ นงานประเพณี เดอื นย่ีเปง็ เชียงใหม่ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ระเบยี บการประกวดกระทงใหญม่ ีดังตอ่ ไปน้ี ๑. การประกวดกระทงใหญ่ภายใต้แนวคิด เชียงใหม่นครที่เป็นท่ีสุดแห่ง ความสง่างามทางวฒั นธรรมใตร้ ม่ พระบารมีสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวรัชกาลท่ี ๑๐ เมื่อ เพอ่ื แสดงออกถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมประเพณีและมีคุณค่าของนครเชียงใหม่ภายใต้ รชั สมยั ของสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๑๐ เรอื่ งราวพรอ้ มขอ้ มลู นำ� เสนอตอ่ สอื่ มวลชนได้ ๒. รับสมัครประถมใหญ่จากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งส้ิน ๒๕ กระทง โดยถือวันที่ย่ืนสมัครตามล�ำดับเป็นส�ำคัญ หากครบจ�ำนวนกระทงตามที่ กำ� หนดไว้ กระทงลำ� ดับตอ่ ไปจะไม่ได้รบั เงินรางวลั ใดๆทงั้ สิ้น ๓. จดั ประกวดในคนื วนั ท่ี ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ โดยตง้ั ขบวนตัง้ แต่บรเิ วณ ถนนหนา้ ขว่ งประตทู า่ แพไปตามถนนคชสารผา่ นสแ่ี ยกหนา้ วดั พวกชา้ งเลย้ี วขวาเขา้ ไปตาม ถนนราชเชียงแสนสิ้นสุดท่ีบริเวณข่วงประตูเชียงใหม่เริ่มเคล่ือนขบวนเวลา ๑๙ นาฬิกา เป็นต้นไปขบวนเคลื่อนออกจากข่วงประตูท่าแพไปตามถนนท่าแพเล้ียวซ้ายเข้าถนน ไปรษณีย์ผ่านหน้าปะร�ำพิธีของคณะกรรมการตัดสินบริเวณหน้าส�ำนักงานเทศบาลนคร เชียงใหม่ ห้ามหยุดหรือย้อนกลับมาทางเดิมจะท�ำให้ขบวนที่มาถึงผ่านไปไม่ได้ จึงขอให้ ทุกขบวนเดนิ ผ่านหนา้ ตลาดเมืองใหมต่ รงไปออกถนนรัตนโกสินทร์ ๔. รับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ ส�ำนักการศึกษาเทศบาลนครเชียงใหม่ในวันเวลาราชการเบอร์โทรศัพท์ ๐ ๕๓๒๕ ๙๑๗๒ และ ๐ ๕๓๒๕ ๙๖๗๕ *ข้อมลู จาก การท่องเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย ส�ำนกั งานเชียงใหม่ 12
หลักเกณฑก์ ารประกวดกระทงใหญ่ ๑. กระทงที่ส่งเข้าประกวดจะต้องตกแต่งให้สวยงามความกว้างไม่น้อยกว่า ๒ เมตรไม่เกนิ ๔ เมตรความยาวไม่นอ้ ยกวา่ ๔ เมตรความสูงไม่เกนิ ๔.๕๐ เมตร โดย วัดจากพืน้ ถนนถึงยอดของกระทง เพราะจะรอดสะพานลอยจนั ทรส์ ง่ ไมไ่ ด้ ๒. จำ� นวนผเู้ ขา้ รว่ มรว้ิ ขบวนแหไ่ มน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๐ คนรว้ิ ขบวนแหจ่ ะตอ้ งมคี วาม เป็นระเบียบเรียบร้อยความพร้อมเพรียงความสวยงามการแต่งกายเหมาะสมกับการน�ำ เสนอเร่ืองของความเป็นเอกลักษณ์ล้านนา และจะต้องแต่งกายด้วยชุดพ้ืนเมืองล้านนา หรอื ชดุ ของคนลา้ นนาทม่ี คี วามเหมาะสมกบั แตล่ ะยคุ สมยั ของสงั คมคนลา้ นนาและมคี วาม เชื่อมโยงสอดคล้องกับกระทงที่ส่งเข้าประกวดท้ังน้ีเพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม การแตง่ กายของชาวลา้ นนาใหเ้ ปน็ เอกลักษณ์คู่เมอื งเชยี งใหมส่ ืบตอ่ ไป ๓. กระทงที่ส่งเข้าประกวดจะต้องมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ลา้ นนา ประกอบรว้ิ ขบวนแห่ โดยกำ� หนดจดุ การแสดงไว้ ๑ จดุ เวลาไมเ่ กนิ ๕ นาที ณ หนา้ ปะรำ� พธิ ีหนา้ สำ� นกั งานเทศบาลนครเชยี งใหม่ ขอ้ เสนอแนะ หากจดั การแสดงไวบ้ นรถจะชว่ ยใหข้ บวนเคลอ่ื นไปอยา่ งสะดวกไมข่ าดตอน หรือจดั การแสดงไปพรอ้ มกับการเคลอื่ นขบวน ๔. กระทงที่เข้าประกวดต้องแนบรูปแบบความหมายภาพสเก็ตหรือภาพถ่าย และขนาดของกระทงไวใ้ นใบสมคั รพรอ้ มแจง้ สถานทจี่ ดั ทำ� กระทงเพอื่ ถา่ ยทำ� ขน้ั ตอนการ ประกอบกระทง ๕. กระทงทส่ี ง่ เขา้ ประกวด หา้ มตดิ ปา้ ยโฆษณาสนิ คา้ บนรถกระทง หรอื ลอ้ เลยี น หาเสียงทางการเมอื งหรือเสียดสตี ่อบคุ คลสำ� คัญหรอื ทางพระพทุ ธศาสนา ๖. รปู แบบการจดั ล�ำดบั ขบวน • ชุดที่ ๑ ขบวนกระทงขบวนที่เข้าร่วมสนับสนุนและส่งเสริมงาน ประเพณีเดือนย่ีเป็ง • ชดุ ท่ี ๒ ขบวนกระทงทไี่ ดร้ บั รางวลั กระทงยอดเยยี่ มรางวลั ชนะเลศิ และรางวลั รองชนะเลศิ อันดบั ๑ และ ๒ โดยถือจากสถติ กิ ารไดร้ บั รางวัล ๓ ปยี อ้ นหลัง • ชุดท่ี ๓ ขบวนกระทงทเี่ ขา้ ร่วมประกวดโดยจับฉลากตามลำ� ดบั ๗ . ผู้ส่งกระทงเข้าประกวดจะต้องร่วมประชุมเพ่ือซักซ้อมความเข้าใจและ จับฉลากล�ำดับการเคล่ือนขบวนในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๓:๓๐ น ณ ห้องประชุม ๒ อาคารส�ำนักงานการศึกษาเทศบาลนครเชียงใหม่หากไม่มาจับฉลาก คณะกรรมการจะจับฉลากแทนโดยให้อยูล่ ำ� ดับสดุ ท้าย ทา้ ยขบวน 13
๘. ผู้ที่ส่งกระทงเข้าประกวดจะต้องน�ำรถกระทงมาตั้งขบวนตามล�ำดับท่ีจับ ฉลากไวต้ ามจดุ ทคี่ ณะกรรมการกำ� หนดไวโ้ ดยจะตดิ ลำ� ดบั หมายเลขไวใ้ หต้ งั้ แตป่ ระตทู า่ แพ ไปจนถึงประตเู ชยี งใหมแ่ ละจะต้องนำ� รถกระทงเข้าไปในเวลา ๑๕:๐๐ น ถงึ ๑๗.๐๐ น หากมาช้าหรือหลงั จากมกี ารเคล่อื นขบวนแลว้ จะตอ้ งไปตอ่ ท้ายขบวน ๙. คณะกรรมการตัดสนิ จะไปพจิ ารณาใหค้ ะแนนรถกระทง ณ จุดทต่ี งั้ กระทง ในเวลา ๑๗.๓๐ นาที ๑๐. เทศบาลนครเชยี งใหมจ่ ะทำ� การปรบั ลดเงนิ รางวลั สำ� หรบั กระทงทสี่ ง่ เขา้ ประกวดและท�ำผดิ หลักเกณฑก์ ารประกวดตามมติของคณะกรรมการตัดสินดังน้ี • ๑๐.๑ ขนาดของกระทงไมเ่ ปน็ ไปตามทก่ี ำ� หนดในหลกั เกณฑป์ รบั ลด เงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท • ๑๐.๒ จ�ำนวนผู้เข้าร่วมร้ิวขบวนแห่ต่�ำกว่า ๑๐๐ คนปรับลดเงิน รางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท • ๑๐.๓ กระทงทเี่ ขา้ รว่ มการประกวดจากทอ่ี นื่ และนำ� มาเขา้ รว่ มการ ประกวดในครั้งนี้ ปรบั ลดเงนิ รางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท • ๑๐.๔ ถา้ เปน็ กระทงทเ่ี ขา้ ประกวดในปที ผี่ า่ นมาและ ๕๐% ปรบั ลด เงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท ๑๑ หากคณะกรรมการตัดสินพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีกระทงใดเหมาะสม กับรางวัลกระทงยอดเย่ียมเทศบาลนครเชียงใหม่ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบรางวัลกระทง ยอดเย่ียม ๑๒ การตัดสนิ ของคณะกรรมการถือเป็นทีส่ ้ินสดุ และขอ้ ยุติ เกณฑก์ ารให้คะแนนการประกวดกระทงใหญ่ ๑ รางวัลกระทงยอดเยี่ยมพิจารณาจากคะแนนรวมสูงสุดของกระทงที่เข้า ประกวด ๒ รางวัลการประกวดกระทงใหญ่คะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนนดงั นี้ ๒.๑ การตกแต่งกระทง ๗๐ คะแนน ๒.๑.๑ รปู ทรงและความประณีต ๓๐ คะแนน ๒.๑.๒ แนวคิดความหมายองคป์ ระกอบกระทง ๒๐ คะแนน ๒.๑.๓ แสงสเี สยี ง ๑๐ คะแนน ๒.๑.๔ ผนู้ ่ังประกอบกระทง ๑๐ คะแนน 14
๒.๒ การจัดริ้วขบวนแห่ ๓๐ คะแนน ๒.๒.๑ ความเป็นระเบียบและความพร้อมเพรียงในการจัดรูป ขบวน ๑๐ คะแนน ๒.๒.๒ การแตง่ กายสวยงามสอดคลอ้ งกับกระทง ๑๐ คะแนน ๒.๒.๓ การแสดงประกอบกระทง ๑๐ คะแนน หมายเหตุเกณฑพ์ จิ ารณาใหค้ ะแนนริ้วขบวน ไมม่ ี ใหค้ ะแนน ๐ คะแนน พอใช้ ให้คะแนน ๔-๕ คะแนน ด ี ใหค้ ะแนน ๖-๗ คะแนน ดมี าก ให้คะแนน ๘-๑๐ คะแนน รางวัลการประกวด รางวลั กระทงยอดเยย่ี ม เงินรางวัล ๙๐,๐๐๐ บาท พรอ้ มเกยี รติบัตร รางวัลชนะเลศิ เงินรางวัล ๘๐,๐๐๐ บาทพรอ้ มถ้วยรางวลั และเกียรติบัตร รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ เงนิ รางวลั ๗๐,๐๐๐ บาทพรอ้ มถว้ ยรางวลั และเกยี รตบิ ตั ร รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ เงนิ รางวลั ๖๐,๐๐๐ บาทพรอ้ มถว้ ยรางวลั และเกยี รตบิ ตั ร รางวัลชมเชยเงินรางวลั ๕๐,๐๐๐ บาทพรอ้ มเกยี รตบิ ตั ร 15
“อขงบคค์ววนามรรถู้กากรจรัดะททำ� ง มทร.ล้านนา” ขบวนรถกระทงใหญ่ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาได้ด�ำเนินกิจกรรมส่งเสริมประเพณี ลอยกระทงและบ�ำรุงศาสนาศิลปวัฒนธรรมมาอย่างต่อเน่ือง ได้เข้าร่วมกิจกรรม ประกวดขบวนกระทงของจังหวัดเชียงใหม่ ในปี ๒๕๖๑ ภายใต้แนวคิดเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมประเพณีและมีคุณค่าของนครเชียงใหม่ภายใต้พระบารมี สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี ท้ังนี้ได้มีการประชุมวางแผนงานเพื่อให้ตรงกับข้อก�ำหนดหลักเกณฑ์การประกวด ขบวนกระทงของทางจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้คณะศิลปกรรมศาสตร์และ สถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นผู้ออกแบบรูปริ้วขบวนกระทงใหญ่ และเร่ิมด�ำเนินการใน ส่วนของโครงสร้างรถขบวนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ได้รับความร่วมมือและ การบูรณาการองค์ความรู้จากคณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร คณะศิลปกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์รวมถึง บคุ ลากรเจา้ หนา้ ทีแ่ ละนักศกึ ษาทไ่ี ดใ้ หค้ วามร่วมเดินขบวนในครง้ั น้ี แนวคดิ ในการจดั ทำ� ขบวนกระทง “มังคละราชา ใตร้ ่มโพธา มหาจักรีวงศ์” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จากนามอันหมายถึงมงคลแห่ง พระราชา ได้จัดท�ำขบวนกระทงโดยใช้สัญลักษณ์อันเป็น “มงคล” ไว้พร่ังพร้อม นั้น คือช้างเผือก อันเป็นสัตว์คู่บารมีของพระมหากษัตริย์ กอปรกับเชียงใหม่เป็นดินแดน ท่ีมีช้างเป็นสัตว์คู่เมืองมาแต่โบราณ ได้ทูนพระปรมาภิไธย ล้นเกล้ารัชกาลท่ี ๑๐ แหง่ ราชวงศจ์ กั รี ไวเ้ หนอื เกลา้ 16
ท่ีชาวล้านนาอยู่สุขร่มเย็นภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารนั้น ดังต้นโพธิ์ทอง ท่ีแผ่ก่ิงก้านชั้นสาขาไปในทุกทิศานุทิศ ด้วยน้�ำพระราชหฤทัยแห่งพระองค์ ก่อให้เกิด ความอุดมสมบูรณ์ผล ความเจริญงอกงาม ดังหม้อดอกบูรณฆฏะ เปรียบดั่งพระราช หฤทัยที่แผ่ขยายปกปักรักษาประชาราษฎร์ และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าไม้ของแผ่นดิน ท่ีถูกหล่อเลี้ยงภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย ปัดเป่า โภยภัยด้วยแววมยุระแห่งโมระเทวบุตร รายล้อมด้วยอัปสรสวรรค์ที่ออกมาอ�ำนวยพร และสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ท่ีทรงมีพระเมตตากรณุ าอย่างหาทส่ี ุดมิได้ รูปแบบขบวนกระทงใหญ่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา รูปท่ี ๑ รปู ที่ ๒ ในการนี้ คณะศิลปกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ โดย อาจารย์เนติ พิเคราะห์ เป็นผู้ออกแบบขบวนกระทง และ อาจารย์วิทยา พลวิฑูรย์ เป็นผู้ออกแบบรถกระทง โดยจะแบ่งองค์ประกอบเปน็ ๑๐ ส่วน ดงั นี้ 17
๑.ปา้ ยชอื่ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ขนาด ความยาวของตัวป้าย ๒๔๐ เซนติเมตร. ความสงู ของตวั ปา้ ย ๘๐ เซนตเิ มตร ความยาวของป้ายทั้งหมด ๔๐๐ เซนติเมตร. ความสูงของป้ายท้ังหมด ๑๐๐ เซนติเมตร วสั ดุ โครงสรา้ งจดั ทำ� ดว้ ยวสั ดทุ อ่ อลมู เิ นยี ม ขนาด ๑ นวิ้ ประกอบขอ้ ตอ่ ทอ่ พวี ซี ี ตวั ป้าย จัดทำ� ด้วยฟิวเจอรบ์ อรด์ หุม้ ด้วยกระดาษสีทอง กรอบปา้ ย ตกแต่งด้วยโฟมตัดลวดลายไทย ทาสีทอง ด้ามจับ และปลายด้านล่างของป้าย ตกแต่งด้วยผ้าสีทอง และกระดาษตัด รปู ใบโพธ์ิสที องประดบั ด้วยกระจกตัดเหล่ยี มและปักเลือ่ มสีทอง ช่ือของมหาวิทยาลัย ใช้โฟมตัดเป็นรูปตัวหนังสือ ค�ำว่า มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (ภาษาไทย) โดยใชฟ้ ้อนท์ประเภท FT Meuang. ลงสีขาว และ RAJAMANGALA UNIVERSITY OF TECHNOLOGY LANNA (ภาษาอังกฤษ) ลงสีบรอนซเ์ งนิ แนวคดิ และวธิ ที ำ� ปา้ ยชอ่ื ของมหาวทิ ยาลยั ฯ นำ� ขบวนกระทงนน้ั มขี นาดใหญ่ เพือ่ ให้น้�ำหนกั เบาและถือไดส้ ะดวกข้ึน จึงใช้โครงสร้างของปา้ ยเป็นวสั ดอุ ลมู ิเนียม เขา้ มุม ตา่ ง ๆ ดว้ ยขอ้ ตอ่ ทอ่ พวี ซี ี รวมถงึ พน้ื หลงั ของปา้ ยทำ� ดว้ ยฟวิ เจอรบ์ อรด์ ทบั ดว้ ยกระดาษสที อง ใหเ้ ขา้ กับลวดลายไทยท่ีได้ใชเ้ ทคนคิ การแกะโฟม และลงสีทองและประดบั ตกแตง่ ด้วยผ้า ปกั เลอ่ื มและกระจกตดั รปู สเี่ หลย่ี ม ในการนไ้ี ดน้ ำ� องคค์ วามรใู้ นดา้ นจติ กรรมและปฏมิ ากรรม เข้ามาประยุกต์เพ่ือให้เกิดความสมดุลย์ที่สวยงามของเนื้องานเพ่ือให้มองเห็นชื่อของ มหาวทิ ยาลัยได้ชัดเจน จึงเลือกประเภทของตัวหนงั สอื เป็น FT Meuang ทำ� ใหเ้ กิดความ อ่อนช้อย และคงความใกล้เคียงในเอกลักษณ์ล้านนา และลงสีขาวเพื่อให้ตัดกับพ้ืนหลัง สีทอง ด้านบนสุดของป้ายประกอบด้วยตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ในการนี้ได้มี ตวั แทนนักศึกษาชายและหญิง จำ� นวน ๒ คน เป็นตัวแทนถอื ปา้ ยชือ่ ของมหาวทิ ยาลัย 18
๒.โคมรปู บัวสที องและสชี มพู ขนาด ความสูง ๒๕ เซนตเิ มตร เสน้ ผ่านศูนย์กลาง ๑๕ เซนตเิ มตร วัสดุ โครงสรา้ งโคม : ลวดขดเป็นรปู กลีบดอกบัว ตวั โคม : ผา้ สชี มพู และสที อง ตกแตง่ ดว้ ยกระดาษตดั ฉลลุ ายไทย ดา้ มจบั : พันกระดาษสีทอง แนวคิด และวิธีท�ำ โคมดอกบัว เป็นโคมย่ีเป็งอีกชนิดหน่ึงท่ีท�ำได้ง่าย ไมล่ ะเอยี ดซบั ซอ้ น ดา้ มจบั ใชว้ สั ดทุ อ่ พวี ซี ี หรอื กระดาษมว้ นใหม้ ลี กั ษณะกลม ยาวประมาณ ๑๐ เซนตเิ มตร หุม้ ดว้ ยกระดาษสีทอง ฐานโคมเปน็ ไม้หนาประมาณ ๕ มิลลิเมตร ท�ำเปน็ ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณ ๕x๕ เซนติเมตร ดัดลวดไม้ไหวเป็นรูปโค้งคล้ายกลีบ ดอกบัว หลาย ๆ กลีบเพ่ือน�ำมาซ้อนกัน ประดับตกแต่งด้วยผ้าบางสีเหลือง และชมพู ตกแตง่ ดว้ ยกระดาษสที องตดั ฉลลุ วดลายไทย ใสด่ า้ มถอื ยาวพนั กระดาษสที อง ดา้ นในของ โคม จะปักด้วยเทียนไข (หรืออาจใช้ผางบะทสี แทน) เพือ่ ให้เกิดแสงสวา่ ง เปน็ การแสดง ความเคารพต่อพระแม่คงคา และบูชาพระพุทธศาสนาตามความเชื่อของคนล้านนา ในการน้ีได้มีตัวแทนคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาถือ จำ� นวน ๒๐ ท่าน 19
๓.พานพุม่ สักการะดอกไมส้ ที อง ขนาด ความสงู ๓๐ เซนติเมตร เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง ๒๕ เซนติเมตร วสั ดุ ฐาน : พานอลมู ิเนยี มสที อง (หรอื จะใชว้ สั ดอุ ่นื แทนได้) ตวั พมุ่ : โฟมตดั รปู ทรงพุ่มขา้ วบิณฑ์ ปลายยอด : ผ้าลกู ไม้ประดบั ดิ้นสที อง แนวคิด และวธิ ที ำ� ค�ำวา่ พ่มุ ข้าวบณิ ฑ์น้ที างการชา่ งศิลปะไทยแต่เดิม ก�ำหนด เอารปู ลกั ษณะทรวดทรงภายนอกจากบาตรพระ พมุ่ ขา้ วบณิ ฑจ์ ะจำ� แนกออกในรปู ลกั ษณะ และความหมายส�ำหรับใช้ในงานต่าง ๆ กัน ในท่ีน่ีทรงพุ่มดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง จะใช้ ส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีเชิญเข้าในขบวนเครื่องสูงแทนจามร จามร (อ่านว่า จา-มอน) เป็นช่ือ เคร่ืองสูงอย่างหนึ่งที่ถือเข้าในกระบวนพระราชยาน. เป็นแผ่นรูปส่ีเหลี่ยมขนมเปียกปูน ต้ังยอดแหลมข้ึน และมสี ว่ นประดับเป็นรปู สามเหลี่ยมเล็กตอ่ ยอดอกี ส่วนหนง่ึ มดี ้ามยาว ส�ำหรับพนักงานถือชูขึ้น. สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสันนิษฐาน ว่า จามร น่าจะมาจากค�ำ จามรี และหมายถึงแส้ขนหางจามรี ซ่ึงเป็นของส�ำคัญส่ิงหนึ่ง รวมอยู่ในเคร่ืองเบญจราชกกุธภัณฑ์ คือสิ่งท่ีแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อ เปลยี่ นจากแสม้ าเปน็ พดั จงึ ทำ� เปน็ พดั ยอดแหลม เหมาะทจี่ ะถอื เขา้ กระบวนพระราชยาน* (http://www.royin.go.th/?knowledges=จามร-๒๑-เมษายน-๒๕๕๑) 20
ตวั พ่มุ : ดา้ นในทำ� ด้วยโฟมตดั รปู ทรงพมุ่ ขา้ วบิณฑ์ ประดบั ดว้ ยกระดาษสที อง รูปใบไม้ซ้อนกันเป็นทรงพุ่ม โดยใช้เทคนิคการใช้ความร้อนรีดกระดาษ โดยน�ำกระดาษ สีทอง ตัดเป็นรูปกลีบดอก น�ำไปวางบนผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าฝ้ายบาง ทบคร่ึงให้คลุมชิ้น กระดาษสที องนน้ั และใชค้ วามรอ้ นจากเตารีด รีดลงบนผ้า จากนน้ั ให้ใชส้ นั มอื กดปลาย ผ้าด้านพร้อมด้วยกระดาษสีทองให้แน่น และใช้มืออีกด้านน่ึงจับปลายผ้า ดึงให้ตึง โน้ม ปลายผา้ เข้าหาตัว กจ็ ะไดก้ ระดาษสีทองทม่ี ีลกั ษณะเป็นกลีบดอกไมด้ งั ภาพ ปลายยอด : ทำ� จากผ้าลูกไม้ประดับดิ้นสีทอง ทรงฉัตร ๓ ชั้น ปลายยอดใช้ กระดาษสที อง ม้วนเป็นรปู กรวย ประดับอยบู่ นสุด โดยในขบวนมีตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาร่วม ถือพานพมุ่ ทองสกั การะ จ�ำนวน ๖ คู่ (ชาย ๖ คน หญิง ๖ คน) 21
๔.ชดุ เสลี่ยงพุ่มโพธท์ิ องสกั การะจ�ำนวน ๒ ชดุ ขนาด ต่อ ๑ ชดุ แบง่ เปน็ ๓ สว่ น ๑. สว่ นฐานพุ่มโพธ์ทิ อง ขนาด ๖๕ x ๖๕ x ๖๐ เซนตเิ มตร ๒. สว่ นพมุ่ โพธทิ์ อง สงู ๑๔๐ เซนตเิ มตร และเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๑๒๐ เซนตเิ มตร ๓. เสล่ยี ง ขนาด ๑๒๐ เซนติเมตร x ๑๒๐ เซนตเิ มตร x ๖๐ เซนติเมตร ไม้คานหาม ๔ อัน ขนาด ความยาว ๔ เมตร ตอ่ อนั วัสดุ ตอ่ ๑ ชดุ ฐานพุม่ โพธิท์ อง –ไม้และการดาษสี พุ่มโพธท์ิ อง -โครงพุม่ ใชเ้ หล็กเส้น -ใบโพธ์ิ ใชก้ ระดาษแขง็ สีทอง -ยอดฉัตร ๕ ช้ัน ตกแต่งด้วยผ้า ประดับดิน้ ทองและกระจกตดั เสล่ียง -ไมอ้ ดั เหลก็ กลอ่ ง และไมไ้ ผด่ า้ มยาว แนวคิด และวิธีท�ำ พุ่มโพธิ์ทอง เป็นสิ่งเสมือนแสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง และความเป็นอยู่ของที่สงบและดีงามของพสกนิกร ภายใต้การปกครองของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๑๐ จึงได้จัดวางพุ่มโพธ์ิทองบนเสล่ียง* ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระราชยานซึ่งสร้างขึ้นเป็นเคร่ืองประกอบพระเกียรติยศพระบรมวงศานุวงศ์ ในยุคน้ี มีหลายองค์ เข้าใจว่าสร้างตามแบบแผนพระราชประเพณีสมัยอยุธยา แต่ได้ดัดแปลง และปรับปรุงให้เหมาะสมกับกาลสมัยและสภาพการใช้สอย คือ ยังคงมีลักษณะอยู่ใน เครอ่ื งยานคานหาม ๔ ประเภท ไดแ้ ก่ 22
ยานมาศ - แบกสองล�ำคานข้นึ บา่ เสล่ยี ง - ทนี่ ง่ั โถงหามดว้ ยสาแหรกผูกคาน วอ - ลักษณะอยา่ งเสลยี่ งแตม่ หี ลังคา คานหาม - มีคานเดยี วหาม ๒ คน (*อ้างอิง : ความหมายของราชรถ ราชยาน pr.prd.go.th ๑๗ มี.ค.๒๕๕๕) โครงสร้างของพุ่มเสลี่ยงโพธ์ิทองประกอบด้วยโครงสร้างเหล็กประกอบไม้ไผ่พันกระดาษ สีทอง ตกแตง่ รอบฐานเสลยี่ งด้วยลวดลายผ้าปักเลื่อม แทน่ พานพุ่มประกอบดว้ ยแทน่ ไม้ ตกแตง่ ประดบั ประดาดว้ ยกระดาษสที องสเี ขยี วสชี มพสู เี งนิ และสเี หลอื งโดยใชเ้ ทคนคิ การ ฉลุกระดาษและตัดกระดาษเป็นลวดลายวิจิตรส่วนพุ่มโพธ์ิทอง ประกอบด้วยโครงสร้าง เหล็กพันกระดาษสีทองตกแต่งด้วยกระดาษรูปใบโพธ์ิสีทอง ส่วนยอดของพุ่มประกอบ ดว้ ยฉัตร ๕ ช้นั สที อง ประดับลวดลายผ้าปักดนิ้ สีทองและกระจกตดั (จะกลา่ วถงึ วิธีทำ� ใน บทของฉัตร ๕ ช้ันตอ่ ไป) ปลายยอดเสลยี่ งพุ่มโพธ์ทิ องสกั การะตกแต่งดว้ ยลกู แก้วสที อง พลแบกจำ� นวน ๘ คนตอ่ ๑ ชุดเสล่ยี ง 23
๕.ชุดธงชัยมงคลสที องจ�ำนวนทง้ั หมด ๑๐ ชุด ขนาด ธง : กวา้ ง ๙๐ เซนตเิ มตร x ยาว ๑๑๐ เซนตเิ มตร ดา้ มธง : ไมไ้ ผ่ เสน้ ผ่านศนู ย์กลางไม่เกิน ๑ นว้ิ ยาว ๒.๓ เมตร แกนธง : เหลก็ ทอ่ กลมกลวง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๑ นว้ิ ยาว ๑๒๐ เซนตเิ มตร วัสดุ ธง : ผา้ พิมพล์ ายสุโขทัย / เล่ือม / กระจกตัด ด้ามธง : ไมไ้ ผ่ พนั ดว้ ยกระดาษสที อง แกนธง : เหล็กท่อกลมกลวง ปลายยอด : ลูกแก้วพลาสติกสที อง แนวคิด และวิธีท�ำ ธงชัยมงคล เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล ชัยชนะ ความสำ� เรจ็ และความปติ ยิ นิ ดี ชน่ื ชมยนิ ดี ประกอบดว้ ยโครงสรา้ งดา้ มธงทำ� ดว้ ยไมไ้ ผพ่ นั กระดาษสที องความสูงของไมไ้ ผป่ ระมาณ ๒ เมตร ๓๐ เซนตเิ มตรปลายยอดไม้ไผป่ ระดับ ดว้ ยธงชัยมงคล โดยมโี ครงสร้างเหล็กท่อกลมกลวง เปน็ แกนธง และข้นึ รปู ตัวธง (ดังภาพ ประกอบดา้ นลา่ ง) ตกแตง่ ดว้ ยผา้ พมิ พล์ ายสโุ ขทยั ปกั เลอื่ มสที องประดบั กระจกตดั เปน็ รปู สเ่ี หลย่ี ม ปลายยอดธงชัยมงคลประดับด้วยลูกแกว้ สที อง พร้อมตัวแทนนักศึกษาจำ� นวน ๑๐ คน รว่ มถอื ธงชัยมงคลในขบวนกระทง 24
๖.ชดุ ฉัตรสีทอง จ�ำนวน ๑๔ ชดุ ชดุ ฉัตรสที อง (ขนาดเลก็ ) จ�ำนวน ๔ ชุด ขนาด ชุดฉัตรสีทอง จ�ำนวน ๑๔ ชุด แกนฉตั ร ความสูง ๑๖๐ เซนตเิ มตร เหลก็ ดดั กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๕๐ , ๔๐, ๓๐, ๒๐, ๑๐ เซนตเิ มตร ดา้ มถือ สงู ๒ เมตร ขนาด ชดุ ฉัตรสที อง (ขนาดเลก็ ) จ�ำนวน ๔ ชดุ แกนฉัตร ความสูง ๑๐๐ เซนติเมตร เหลก็ ดดั กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๕๐ , ๔๐, ๓๐, ๒๐, ๑๐ เซนตเิ มตร ด้ามฉตั ร สงู ๕๐ เซนติเมตร วสั ดุ แกนฉตั ร : เหลก็ ทอ่ กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๑ นว้ิ สงู ๑๖๐ เซนตเิ มตร ตวั ฉตั ร : เหลก็ ดดั กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๕๐ , ๔๐, ๓๐, ๒๐, ๑๐ เซนตเิ มตร : ผ้าประดับดิ้นทอง และกระจกตัด ด้ามฉตั ร : ไม้ไผ่ พนั กระดาษสีทอง สูง ๒ เมตร แนวคิด และวิธีท�ำ ฉัตร เป็น เคร่ืองสูง มีรูปร่างคล้ายร่มที่ซ้อนกันข้ึนไป เปน็ ชนั้ ๆ โดยช้ันบนมขี นาดเล็กกว่าช้ันล่าง จัดเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นผู้มีอ�ำนาจ และเป็นเคร่ืองหมายมงคลที่ส�ำคัญส่ิงหนึ่ง ตามคติความเชื่อของอินเดียโบราณว่าด้วย มงคล ๑๐๘ และในจีนจดั เปน็ เครอื่ งหมาย มงคลท่ีเนื่องในพระพุทธศาสนาสิ่งหนึ่งใน มงคล ๘ ฉัตรเป็นเคร่ืองสูงที่ใช้ท้ังส�ำหรับ แขวน ปัก ต้งั หรือเชิญเขา้ กระบวนแห่เปน็ เกียรติยศ กล่าวว่า ฉัตรพัฒนามาจากร่ม และร่มพัฒนามาจากใบบัวท่ีใช้คลุมศีรษะ กันสงิ่ ที่ไมพ่ ึงปรารถนา เชน่ แดด ฝน ตอ่ มาบุคคลส�ำคัญท่ีเป็นหัวหน้ามีผู้กางก้ัน ร่มให้ ร่มจึงใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงตน 25
ของผู้เป็นหัวหน้า เมื่อปรากฏในที่สาธารณะหรือผู้เป็นแม่ทัพนายกองใน ยามออกศึกสงคราม ค�ำราชาศัพท์ของร่ม คือ กลด และคันหนึ่งมักมีเพียง ช้ันเดียว มีหลักฐานว่าไทยเราใช้ฉัตรเป็นเคร่ืองประกอบพระราชอิสริยยศ ส�ำหรับพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดี ท่ี ๑ หรือพระเจ้าอู่ทอง ดังปรากฏในกฎมณเฑียรบาล ฉบับศักราช ๗๒๐ หรือ พ.ศ. ๑๙๐๑ ซ่ึงฉตั รในคร้งั นั้นเรียกวา่ อภริ ม เจา้ นายซึ่งด�ำรงพระยศ หรือต�ำแหน่ง หนอ่ สมเด็จพระพุทธเจ้าไดอ้ ภริ ม ๓ ชั้น พระอปุ ราชไดอ้ ภิรม ๒ชน้ั ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์มฉี ตั ร๔ชนดิ คอื ฉตั รขาวหรอื เศวตฉตั ร ฉัตรขาวลายทอง ฉัตรตาด และฉัตรโหมด การใช้ จ�ำนวนช้ันของฉัตร เป็นการแสดงพระราชอิสริยยศด้วย วิธีการใช้มีทั้งการแขวนและการปักต้ัง* (http:// www.finearts.go.th/promotion/๒๐๑๖-๑๐- ๑๗-๐๔-๑๑-๓๘/item/เครื่องประกอพระอิสริยยศที่ ปรากฏในร้ิวขบวน.html) การจัดท�ำฉัตรในครั้งน้ี เป็นการย่อ ส่วนเชิงสัญลักษณ์ โครงสร้างของฉัตรท�ำด้วย เหล็กดัดลักษณะกลมไล่ระดับจากเล็กไปหาใหญ ่ นับจากช้ันบนสู่ชั้นล่างสุด ลดหลั่นไล่ระดับไป ประดบั ดว้ ยผา้ ปกั ดนิ้ ทอง และกระจกตดั เหลยี่ ม เชิงชายผา้ ชั้นล่างสดุ ประดับดว้ ยผ้าลูกไม้ และ ลูกปัดสที อง ปลายยอดของฉัตร ประดบั ดว้ ย ลูกแก้วสีทอง แกนของฉตั ร ทำ� จากเหล็ก กลวง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ๑ นวิ้ เพอื่ จะนำ� ด้ามฉัตรท�ำด้วยไม้ไผ่ พันกระดาษสีทอง เ สี ย บ ป ร ะ ก บ กั บ แ ก น ข อ ง ฉั ต ร พร้อมตัวแทนนักศึกษาจ�ำนวน ๑๐ คู่ ถอื ฉัตรร่วมขบวนกระทง 26
๗.ชดุ การแสดงประกอบขบวนกระทง ชอ่ื ชุดการแสดง “บปุ ผาราชมงคล” การฟ้อนร�ำเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งล้านนาแสดงเห็นถึงลักษณะนิสัยความ อ่อนน้อม ถ่อมตน ในการด�ำเนินชีวิตภายใต้ความเช่ือความศรัทธาขอพระพุทธศาสนา การร่ายร�ำเป็นการประกอบพิธีกรรมให้ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิเกิดความพึงพอใจ ท่วงท่าการร�ำแต่ ดงั้ เดมิ นน้ั ไมม่ แี บบแผน ทง้ั นไ้ี ดป้ ระดษิ ฐท์ า่ แตแ่ สดงออกมาจากความปลมื้ ปตี ยิ นิ ดมี คี วาม สุขสนุกสนานเจอื ปนอย ู่ ท้ังนีไ้ ดป้ ระยุกตเ์ อาท่าทางการฟอ้ นในแบบต่างๆ มาแสดงออก ทางสัญลกั ษณค์ วามหมายของแตล่ ะเขตพน้ื ที่ไดแ้ ก่ เชียงใหม่ เชียงราย ล�ำปาง ตาก น่าน และพิษณุโลก ซึง่ เป็นพน้ื ท่ที ่ีมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนาตัง้ อย ู่ ประกอบไปด้วยตัวแทนนักศึกษาหญิง แต่งกายสวยงามด้วยโทนสีขาวทอง ผา้ ถงุ ใชเ้ ทคนคิ ยอ้ มสพี เิ ศษเปน็ สปี ระจำ� ของแตล่ ะพนื้ ที่ ดอกไมป้ ระดบั ตกแตง่ ผมเปน็ ดอก ประจำ� ของมหาวทิ ยาลยั แต่ละพื้นท่เี ชน่ กัน การแสดงฟอ้ นรำ� ชดุ บปุ ผาราชมงคล เปน็ การแสดงทเ่ี ปรยี บเสมอื นเหลา่ นางฟา้ นางสวรรค์ลงมาโปรยปรายทิพยบุปผามาลาดวงดอกไม้เพื่อท่ีจะมอบความสุขให้กับเรา เหลา่ นักท่องเท่ยี วทั้งไทยและตา่ งประเทศ รวมไปถงึ ชาวราชมงคลทุกคนดว้ ย ทงั้ นไี้ ดม้ ีการรบั สมคั รนกั ศึกษาทุกคณะ เพ่อื คัดสรร ฝึกซอ้ ม ให้การฟอ้ นรำ� ใน ครงั้ นี้สวยงาม น่าประทบั ใจ 27
๘.ขบวนกลองชัยมงคล ในอดีตบทบาทหน้าที่ของการตีกลองไชยมงคลเป็นกลองราชอาณาจักร เจ้าผู้ปกครองนครใช้ในยามเกดิ ศกึ สงคราม เพ่ือใช้เป็นอาณัตสิ ญั ญาณการจัดกระบวนทัพ การออกศกึ เมอื่ ชนะศกึ กจ็ ะมกี ารเฉลมิ ฉลอง เมอ่ื อำ� นาจของผปู้ กครองหมดไป กลองไชย มงคลถูกน�ำมาใชใ้ นพุทธจกั ร น�ำมาใชใ้ นพิธกี รรมทางศาสนา อาทิ ประเพณสี มโภชเมอื ง ประเพณอี ินทขิล โดยเฉพาะประเพณีอินทขิล บรรดาพ่อครู แม่ครู ทีม่ คี วามสามารถทาง ด้านศิลปะการฟ้อนดาบ จอ๊ ย ซอ จะมาแสดงเปน็ การเฉลมิ ฉลอง กลองไชยมงคลก็จะถกู นำ� มาร่วมแสดงในจังหวะปู๋จาธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จังหวะขอฝนแสนห่า กลองชัยมงคลหรอื กลองชยั เป็นกลองที่เก่าแก่ด้งั เดมิ ของล้านนาปรากฏช่อื ใน คมั ภรี ธ์ รรมลา้ นนา เปน็ กลองตน้ แบบทพี่ ฒั นาไปสกู่ ลองปชู าและกลองสะบดั ชยั ในปจั จบุ นั จังหวะและท่วงท�ำนองเพลงของกลองชัยมงคลมีลีลาท่ีงดงาม เน่ืองจากเป็นการตีใน พิธีกรรมทางพุทธศาสนาใช้ตีในงานบุญ งานกุศลทางพุทธศาสนาเพ่ือน้อมถวายเป็นพุทธ บชู า กลองชยั มงคลเปน็ มรดกคกู่ บั แผน่ ดนิ ลา้ นนาทท่ี รงคณุ คา่ บง่ บอกประวตั ศิ าสตรค์ วาม เปน็ อตั ลกั ษณท์ อ้ งถนิ่ เปน็ มรดกของแผน่ ดนิ ทไ่ี มม่ ใี ครคนใดคนหนงึ่ เปน็ เจา้ ของ ชาวลา้ นนา ทกุ คนเปน็ เจา้ ของรว่ มกนั จงึ ไดน้ ำ� มาประกอบในขบวนกระทงเพอ่ื ความเปน็ สริ มิ งคลและ เพ่ือส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ดนตรีล้านนา โดยมีตัวแทนนักศึกษาชายร่วมบรรเลง ท�ำนองเพลงชัยมงคลด้วย ส่วนเพลงน้ันเป็นการเรียบเรียงท�ำนองในการบรรเลงข้ึนใหม่ และใช้เคร่ืองดนตรีล้านนาเป็นส่วนประกอบ ในปีนี้เราได้บูรณาการคัดสรรน�ำนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาจากทุกคณะมาช่วยกันฝึกซ้อมการแสดงและน�ำ เสนอในขบวนกระทง จ.เชยี งใหม่ในปีน้ี 28
๙.รถกระทง มีองค์ประกอบหลกั อยสู่ องส่วน คือ ๑. ขบวนรถคนั แรกจะประกอบไปดว้ ยดา้ นหนา้ มปี า้ ยชอ่ื มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลล้านนาท่ีประดับตกแต่งด้วยลวดลายที่เป็นศิริมงคล และการอัญเชิญตรา สัญลักษณ์ประจ�ำมหาวิทยาลัย (เป็นรูปตราวงกลม ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ภายใน วงกลมเป็นรูปดอกบัวบาน ๘ กลีบ หมายถึง ปัญญาอันเป็นแสงสว่างในโลก ภายในรูป ดอกบัวบานเป็น รูปพระราชลัญจกร อันเป็นตราประจ�ำพระองค์ ในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร รัชกาลท่ี ๙ ผู้พระราชทานนามให้ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล” และมีรูปดอกไม้ทิพย์ สองข้างท่ีปลายแถบ ซง่ึ หมายถงึ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง แจม่ ใส เบกิ บาน ) พรอ้ มเครอื่ งราชสกั การะพานพมุ่ เงนิ พาน พุ่มทองประดับด้านหน้า ส่วนด้านหลังของตราสัญลักษณ์ประดับด้วยหม้อดอกไม้ทิพย์ หรือหม้อดอก บูรณฆฏะขนาดใหญ่สีทอง* (บูรณฆฏะ : เป็นลายภาชนะรูปหม้อน�้ำ บรรจุกอดอกบัวท้ังก้านใบและดอกบัว เช่ือว่าจะช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของประสบผลส�ำเร็จใน ทุกสิ่งท่ีปรารถนาและช่วยดลบันดาลทรัพย์สมบัติท้ังปวงหรือหมายถึงหม้อน�้ำท่ีมีน�้ำเต็ม บริบรู ณ์ มีเถาไม้เลือ้ ยออกมาท้งั สองขา้ ง แสดงสญั ลกั ษณช์ ีวิตและการสรา้ งสรรค์ เป็นคติ ความรม่ เย็น ความสมบรู ณ์พูนสุขและการสรา้ งสรรค ์ และเปน็ หน่งึ ในมงคล108 ซงึ่ บรรจุ อยู่ในรอยพระพุทธบาทด้วย ชาวล้านนานิยมจัดหม้อดอกเป็นส่ิงบูชาพระพุทธรูปตาม หง้ิ พระ เพอ่ื ความเจรญิ รงุ่ เรอื งและความอดุ มสมบรู ณ์ ) ในทนี่ ใ้ี ชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณใ์ นการแสดง ถึงความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญงอกงาม และเปรียบได้ด่ังน้�ำพระราชหฤทัยแผ่ไพศาล ปกปกั ษร์ กั ษาประชาราษฎร์ ใหอ้ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ดา้ นขา้ งประดบั ดว้ ยลวดลายเครอื กระหนก ท่ีเปรียบเหมือนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าไม้ของแผ่นดินสยามที่ถูกหล่อเลี้ยง ภายใต้รม่ พระบารมขี องพระมหากษตั รยิ ์ไทย *http://www.sri.cmu.ac.th/~elanna/symbollanna/interpretation_page027.html เวปไซดส์ ถาบนั วิจยั สงั คม มหาวิทยาลยั เชียงใหม่* 29
๒.ขบวนรถคันทีส่ องจะเชือ่ มต่อกบั รถคันแรก เป็นรถคนั ใหญ่ทสี่ ุดของขบวน ดา้ นหน้าตัวรถประกอบด้วย ปราสาทสีทองยอดมณฑปมีฐานปทั มรองรบั สอง หลงั ภายในประดับดว้ ยโคมแกว้ กลีบบวั เปรียบดัง่ แสงสว่างแห่งปัญญา ตอ่ ด้วยหมอ้ ดอก บูรณฆฏะ แสดงถงึ ความอุดมสมบูรณ์ ต�ำแหน่งดา้ นหนา้ ตวั รถยงั ประกอบไปด้วยชดุ การ แสดง “ฟอ้ นหางนกยงู ” (ชาย ๑ คน, หญงิ ๒ คน) ซงึ่ เปน็ ความเชอ่ื ในวฒั นธรรมเอเชยี อาคเนย์ ที่เชื่อว่านกยูงเป็นสัญลักษณ์ของ พระอาทติ ย์ ท่ีสอ่ งสวา่ งใหก้ ับโลกและจักรวาล ตรงกลางของตัวรถมีแท่นฐานบัวสามแท่นใช้เป็นท่ีน่ังส�ำหรับนางนพมาศ ทั้งสาม โดยได้คัดเลือกจากนักศึกษาหญิงจากทุกคณะ ที่มีหน้าตาสวยงามและบุคลิกดี ถือกระทงสวรรค์ประกอบ นางนพมาศท้ังสามถือเป็นตัวแทนนางฟ้านางอัปสรสวรรค์ท่ี ออกมาอ�ำนวยอวยพรและสรรเสริญพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ท่ีทรงมีพระเมตตา กรุณาอย่างหาทส่ี ุดมไิ ด้ ทา้ ยตวั รถจะเปน็ ฐานยกสงู เปน็ ทป่ี ระทบั ชา้ งทรงเครอื่ งขนาดใหญ่ โดยชา้ งทรง เครื่องนี้เป็นช้างในอุดมคติที่ส่งเครื่องประดับชุดเครื่องทรงของช้างซึ่งพระมหากษัตริย์ พระราชทานใหใ้ นวนั สมโภชขน้ึ ระวางเพอ่ื เปน็ เครอื่ งยศสำ� หรบั ชา่ งตน้ ของพระมหากษตั รยิ ์ มีส่วนของล�ำตัวช้างจะมีการเขียนด้วยลวดลายจิตรกรรมรูปเทวบุตรเทวดาประจ�ำอยู่บน ตัวช้างทรงเครื่อง เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพระบารมีของรัชกาลท่ี ๑๐ ท่ีทรงแผ่ขยายไป ถงึ เหลา่ เทพเทวดาและสตั วม์ งคลทง้ั หลาย โดยใหน้ กั ศกึ ษาศลิ ปไทยและจติ รกรรมประดบั เล่ือมและกระจกสีเพิ่มความแวววาว และสวยงาม บนหลังช้างทรงเคร่ืองจะอัญเชิญตรา พระปรมาภิไธย ประจ�ำรชั กาลท่ี ๑๐ ประกอบดว้ ย - พระมหาพชิ ัยมงกฎุ เปล่งรศั ม ี ท่แี สดงถึงการเปน็ พระมหากษตั ริย์โดย สมบรู ณภ์ ายใตพ้ ระนพปฎลมหาเศวตฉตั ร (ฉตั รขาว ๙ ชนั้ ) อนั แสดงถงึ พระบรมเดชานภุ าพ แผก่ ระจายไปไกลทวั่ ทกุ หนแหง่ เพอ่ื ปกปอ้ งคมุ้ ครองและชว่ ยเหลอื พสกนกิ รของพระองค์ ท่ัวทง้ั แผ่นดิน 30
- เลข ๑๐ ภายใตพ้ ระมหาพชิ ยั มงกฎุ หมายถงึ พระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลที่ ๑๐ - ว.ป.ร. ยอ่ มาจาก “วชริ าลงกรณ ปรมราชาธริ าช” อกั ษรพระปรมาภไิ ธย “สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” สตี ัวอกั ษร “ว.” สีขาวนวล – วนั พระราชสมภพ (วันจนั ทร์ นับตามคติ มหาทกั ษา) สีตวั อักษร “ป.” สีเหลือง – วนั พระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลท9่ี สตี วั อกั ษร “ร.” สฟี า้ – วนั พระราชสมภพ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรม ราชินีนาถในรัชกาลที9่ โดยรอบทงั้ สที่ ศิ ของชา้ งทรงยงั ประดบั ดว้ ยเครอื่ งประกอบพระอสิ รยิ ยศ เชน่ เครอื่ งสงู ฉตั ร ราชวัติ ธงชัยมงคล เปน็ ตน้ ส่วนขาท้ังสีข่ องชา้ งทรงยังประกอบไปด้วยจตุรเทพ (ใช้ชาย จ�ำนวน ๔ คนแต่องคแ์ บบเทวดา) ประจำ� อยูท่ ้งั สดี่ ้าน ตำ� แหนง่ ซา้ ยและขวาประดบั ดว้ ยชา้ งทรงเครอื่ งขนาดเลก็ สองชา้ งซงึ่ ไดต้ กแตง่ ด้วยลวดลายจิตรกรรมและเทคนิคการปักเล่ือม ยนื บนฐานปัทม บนหลังชา้ งประดับดว้ ย หมอ้ ดอกบูรณฆฏะ และฉัตรเบญจ 5 ชั้นเปน็ สว่ นสุดทา้ ยของรถขบวนคนั ท่ี 2 31
๑๐ ชุดบงั สูรย์รูปพระจันทรแ์ ละพระอาทิตยจ์ �ำนวน ๒ ชุด ขนาด ความสูงทัง้ สน้ิ ๓ เมตร ความกวา้ งทงั้ สนิ้ ๑๒๐ เซนติเมตร วัสดุ โครงสร้าง แกนกลาง : เหลก็ ทอ่ กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1 นว้ิ สงู 170 เซนตเิ มตร ตวั บงั สรู ย์ : เหลก็ เสน้ ความยาว120,115,105,97,70,36,15เซนตเิ มตร : เหล็กดดั รูปใบโพธิ์ขนาดใหญ่ สูง 140 เซนติเมตร ด้ามบงั สรู ย์ : ไมไ้ ผ่ พันกระดาษสที อง สูง 2 เมตร แนวคดิ และวธิ ที ำ� *เครอื่ งราชอสิ รยิ ยศ หรอื เครอื่ งยศ หมายถงึ เครอ่ื งหมาย แสดงเกียรติยศ เครื่องประกอบเกียรติยศ แสดงถึงความส�ำคัญของต�ำแหน่งหน้าท่ีและ บ�ำเหน็จความชอบที่พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ผู้ท่ี กระท�ำความดีความชอบในราชการแผ่นดิน ซึ่งแต่ครั้งโบราณได้มีระเบียบประเพณี ยึดถือเพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ราชตระกูล ขุนนาง ข้าราชการที่มี ต�ำแหน่งหน้าที่ หรือผู้ที่มีความชอบต่อแผ่นดินให้ปรากฏตามยศช้ันและฐานันดรศักดิ์ เหลา่ น้นั เครอ่ื งยศท�ำดว้ ยวัสดทุ ีส่ งู ค่างดงามด้วยฝมี ือชา่ งโบราณทม่ี คี วามประณตี วจิ ติ ร บรรจงมีรูปลักษณ์และลวดลายท่ีแตกต่างกันตามล�ำดับช้ันยศ เม่ือมีงานส�ำคัญผู้ท่ีได้รับ พระราชทานเครอื่ งยศสามารถแตง่ กายและนำ� เครอื่ งยศไปตง้ั เปน็ เกยี รตยิ ศ และใชส้ อยได้ ต่อหนา้ พระพักตรภ์ ายในท้องพระโรง โดยมกี ารจ�ำแนกเครอ่ื งยศออกเป็น 7 หมวด ได้แก่ 1. หมวดเคร่ืองสิริมงคล 2. หมวดเคร่ืองศิราภรณ์ 3. หมวดเครื่องภูษณาภรณ์ 4. หมวดเครื่องศัสตราวุธ 5. หมวดเคร่ืองอุปโภค 6. หมวดเครื่องสูง 7. หมวดยาน พาหนะ โดยบังสูรย์ เป็นหน่ึงในองค์ประกอบของหมวดเครื่องสูง ซึ่งจะประกอบ ด้วยฉัตรอภิรุมชุมสาย บังสูรย์ บังแทรก จามร กลด พัดโบก ฉัตรเบญจา สัปทน กรรชิง และธงทิวต่างๆ เครื่องยศหมวดนี้ บางอย่างเป็นเครื่องแสดงอิสริยยศ บางอย่างเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ ส่วนมากใช้เม่ือผู้มียศไปโดยกระบวนแห่ (*กรมธนารกั ษ์ : เครือ่ งราชอิสรยิ ยศ ลงวนั ท่ี 12 มกราคมม 2558) ในการจ�ำลองบังสูรย์เพ่ือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของขบวนกระทงในครั้งนี้ ได้น�ำเอาเหล็กพันด้วยกระดาษสีทอง ประกอบให้เป็นรูปคล้ายใบโพธ์ิประดับด้วยใบ โพธิ์ทอง โดยมีตัวแทนพระจันทร์ และพระอาทิตย์ ซ่ึงได้ใช้เทคนิคการฉลุโฟมให้เป็นรูป กระตา่ ย และนกยูง ประดบั ด้วยกระดาษสที อง กระจกตดั และปกั เลือ่ มเพื่อใหเ้ กิดความ สวยงาม ปลายยอดของบงั สรู ย์จะเป็นฉัตรประดับกระจกตดั และเลือ่ ม 32
33
แนวทางและวิธกี ารบูรณาการ ๓.๑ การบรู ณาการองคค์ วามรู้ นอกเหนอื จากแนวคดิ การสรา้ งขบวนกระทงใหส้ ามารถสอื่ ความหมายไดช้ ดั เจน ตรงกับหลักการประกวดของคณะกรรมการตัดสิน และการตกแต่งรูปขบวนให้เกิดความ สวยงาม สง่างามด้วยวัฒนธรรมภายใต้ความปราณีตแล้วน้ัน ส่ิงหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจ สำ� คญั ของการสรา้ งรถกระทงใหเ้ กดิ ความสมบรู ณท์ สี่ ดุ กค็ อื การสรา้ งความแขง็ แรงใหก้ บั รากฐาน เพื่อการขบั เคลอ่ื นรถกระทง และริ้วขบวน ให้เกดิ ความราบรื่น ไมส่ ะดดุ นน้ั เอง ซงึ่ เหลา่ นลี้ ว้ นเปน็ ความรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ จากศาสตรข์ องวศิ วกรรม ซง่ึ ถอื ไดว้ า่ เปน็ ศาสตรค์ วามรู้ ทีม่ ีความจำ� เป็นต่อการสรา้ งรถกระทงใหเ้ กดิ ความสมบรู ณ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยอาจารย์สาขาวิชาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล จงึ ได้เข้าร่วม เป็นส่วนหนึ่งในทีมงานโครงสร้างรถกระทงใหญ่ โดยได้ท�ำการบูรณาการองค์ความรู้ทาง ด้านวิศวกรรมศาสตร์กับรถกระทง ด้วยมีจุดมุ่งหมายให้การสร้างองค์ประกอบของการ ตกแต่งรถกระทงเกิดความสมบูรณ์ที่สุด โดยรายละเอียดของการ บูรณาการศาสตร์ทาง ด้านวศิ วกรรม คณะท�ำงานได้มีการด�ำเนินการดังนี้ ๑. จัดท�ำระบบขับเคล่ือนของตัวรถกระทง โดยการออกแบบและสร้างชุด โครงสรา้ งเหล็กแผ่นหนา ๑๐ มิลลิเมตร ยึดติดแชสชซี ้าย-ขวา ของท้ายรถ จากนน้ั เชอ่ื ม ติดกับเหลก็ ฉากและเหลก็ กลอ่ ง ยาว ๑.๒ เมตร เพ่อื ใชเ้ ปน็ จดุ ยึดชดุ หวั ลาก ๒. จัดท�ำโครงสรา้ งรถกระทง โดยการออกแบบและสร้างรถกระทง รองรบั นำ้� หนกั ได้ ๒,๕๐๐ กโิ ลกรมั มีขนาดความกว้าง ๒.๕ เมตร ความยาว ๕ เมตร และความสูง ๐.๗ เมตร โครงสร้างใชเ้ หลก็ รางตวั ซี ๔ น้ิว หนา ๕ มิลลิเมตร ติดต้งั ชดุ เพลาพร้อมแหนบ ๔ เพลา ๔ ลอ้ 34
๓. จดั ทำ� ชดุ หมนุ ตราสญั ลกั ษณพ์ ระปรมาภไิ ธย วปร. โดยใชม้ อเตอร์ ๑๒ โวลต์ เป็นต้นก�ำลัง จากนั้นใช้ชุดควบคุมมอเตอร์ ท�ำการปรับทิศทางการหมุนของมอเตอร์ให้ สามารถหมนุ ตามเขม็ นาฬกิ าและทวนเขม็ นาฬกิ าได้ อกี ทง้ั สามารถปรบั ความเรว็ รอบการ หมุนได้ ๔. จัดท�ำชุดปรับความสูง โดยใช้มอเตอร์ ๑๒ โวลต์ เป็นต้นก�ำลังขับเฟือง จากน้ันใช้ชุดควบคุมมอเตอร์ด้วยสัญญาณรีโมท ให้สามารถกดรีโมทปรับความสูงได้ตาม ความสวยงาม การออกแบบและสร้างชุดปรับความสูงใช้เฟืองตรงเช่ือมติดกับเพลากลวง ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางภายนอก ๑ นว้ิ จากนนั้ ใชเ้ พลากลวงขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางภายใน ๑ นิ้ว เป็นโครงสรา้ งฐานรองรบั ใหส้ ามารถปรบั ความสงู ไดป้ ระมาณ ๑.๒ เมตร ดังภาพ จากข้ันตอนต่างๆ ของการบูรณาการความรู้ส�ำหรับการจัดท�ำโครงสร้างรถ กระทงดว้ ยศาสตรท์ างดา้ นวศิ วกรรมนน้ั จะเหน็ ไดว้ า่ เปน็ สว่ นหนงึ่ ทม่ี คี วามสำ� คญั ทที่ ำ� ให้ การจัดท�ำรถกระทงเกิดความสมบูรณ์แบบ สามารถขับเคล่ือนไปด้วยความม่ันคงและ แข็งแรง และสร้างมิติของการน�ำเสนอรถกระทงให้เกิดความแตกต่างได้เป็นอย่างดี ด้วย เหตุน้ี ศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมจึงถือได้ว่าเป็นศาสตร์ท่ีมีความส�ำคัญต่อการจัดสร้างรถ กระทงเช่นกัน 35
๓.๒ การบูรณาการความร่วมมอื การบรู ณาการ การจดั ทำ� ขบวนรถกระทงในครง้ั น้ี ไดร้ บั ความรว่ มมอื จากหนว่ ย งานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ�ำนวน ๗ หน่วยงาน โดยการมีส่วนร่วม ของผบู้ ริหาร อาจารย์ เจา้ หนา้ ที่ และนกั ศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซง่ึ ไดด้ ำ� เนนิ การบรู ณาการความรว่ มมอื ระหวา่ งกนั ภายใตข้ อบเขตและการทำ� งานทม่ี คี วาม สอดรับ สัมพนั ธ์ ผา่ นข้นั ตอนการดำ� เนินงานตา่ งๆ ท่ีส�ำคญั ดังนี้ ๑.การบูรณาความร่วมมือ ผ่านกระบวนการประชุม เพ่ือหาข้อสรุปของ แนวทางการดำ� เนินโครงการ ในการด�ำเนินการ การจัดทำ� ขบวนรถกระทง มทร.ล้านนา ในคร้ังนี้ ไดเ้ กิดการ ประชมุ จำ� นวนทง้ั สน้ิ ๓ ครงั้ โดยไดม้ กี ารดำ� เนนิ การประชมุ บนพนื้ ฐานของการสรา้ งความ เขา้ ใจกนั ของหนว่ ยงาน ภายใตข้ อ้ มลู ตา่ งๆ ทส่ี ำ� คญั อาทิ การสรา้ งความเขา้ ใจในแนวคดิ ทศิ ทางของการจดั ทำ� ขบวนรถกระทงเพอ่ื การประกวด การสรา้ งความเขา้ ใจถงึ หนา้ ทข่ี อง ผรู้ ว่ มดำ� เนนิ การในแตล่ ะกระบวนการ แนวทางการสรา้ งความพรอ้ มเพรยี งในการประกวด รวมถึงองคค์ วามรใู้ นศาสตร์ตา่ งๆ เปน็ ต้น ท�ำใหไ้ ด้ซ่ึงข้อสรปุ ต่อการดำ� เนนิ งาน แกห่ นว่ ย งานต่างๆ ที่เขา้ รว่ ม ได้นำ� ไปใช้เปน็ ฐาน ส�ำหรับงานทีต่ อ้ งดำ� เนินการรบั ผดิ ชอบ หรือเปน็ งานที่ต้องประสานความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเร่ิมต้นของการด�ำเนินงาน ท่ที ำ� ให้เกิดความราบรื่นและน�ำมาซงึ่ ผลแหง่ ความสำ� เร็จของโครงการ รูปประกอบการประชมุ 36
๒. การบรู ณาการความรว่ มมอื ผา่ นกระบวนการ ลงมอื ปฏิบตั ิระหว่างอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษา ภายใต้การด�ำเนินการของการจัดท�ำ ขบวนรถกระทงเพื่อใช้ในการประกวดในคร้ังน้ี การบูรณาการ การมีส่วนร่วมของอาจารย์และ นกั ศกึ ษา ถอื ไดว้ า่ เปน็ องคป์ ระกอบหนง่ึ ทม่ี คี วาม ส�ำคัญ ในการด�ำเนินการให้ประสบความส�ำเร็จ เนือ่ งดว้ ยการด�ำเนินการในขน้ั ตอนต่างๆ จ�ำเป็น ตอ้ งใชน้ กั ศกึ ษาในการดำ� เนนิ การปฏบิ ตั เิ ปน็ หลกั ส�ำคัญ แต่หากการด�ำเนินการดังกล่าวเหล่าน้ี ก็จ�ำเป็นต้องใช้ความรู้ที่ถูกต้องและการควบคุม ทด่ี ี เพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ การเปน็ ไปอยา่ งมมี าตรฐาน เชน่ กนั ด้วยเหตุนี้ การท�ำงานในครั้งจึง ได้มีการให้อาจารย์และนักศึกษา ได้เกิดการ บรู ณาการ การทำ� งานรว่ มกนั โดยมงุ่ ใหน้ กั ศกึ ษา เป็นผู้ปฏิบัติและให้อาจารย์เป็นผู้ให้ความรู้และ เป็นผู้ควบคุม ภายใต้การแลกเปล่ียนเรียนรู้ บนบริบทของความเชี่ยวชาญในงานน้ันๆ อาทิ งานทางด้านเทคนิคทางด้านสถาปัตยกรรม จติ รกรรม งานออกแบบโครงสรา้ ง หรอื งานแสดง การร่ายร�ำต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์จากการด�ำเนินงาน โดยการบรู ณาการความรว่ มมอื ในครงั้ น้ี จงึ กอ่ เกดิ งานสร้างสรรค์ ทมี่ คี ณุ ภาพ มคี วามสมบรู ณ์ และ เสร็จตามกำ� หนดระยะเวลา 37
๓.การบูรณาการความรว่ มมอื ผา่ นซกั ซ้อมรว้ิ ขบวนกระทง การเดนิ ขบวน เพอื่ จดั รวิ้ ขบวนกระทง ใหอ้ งคป์ ระกอบมคี วามครบถว้ น สมบรู ณ์ สวยงาม และเกดิ ความพรอ้ มเพรยี ง ไดค้ ะแนนตามเกณฑข์ องคณะประกวดนน้ั จำ� เปน็ ตอ้ ง ให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันของทุกฝ่ายในการเสียสละเวลาเพื่อซักซ้อม ความเขา้ ใจในบทบาทหน้าทีข่ องแตล่ ะบุคคล ท่ีเข้าร่วมในแตล่ ะส่วนของรว้ิ ขบวน ดว้ ยวา่ ความสมบรู ณ์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง ของรว้ิ ขบวนจริง นั้น ตอ้ งเกิดจากความ เข้าใจในบทบาทหน้าท่ีของแต่ละบุคคล ท่ีเข้าร่วมในแต่ละส่วนของริ้วขบวน ด้วยเหตุนี้ การด�ำเนินการในคร้ังนี้ จึงได้มีการจ�ำลองสถานการณ์เสมือนจริงของการจัดริ้วขบวน เพ่ือการประกวด บนพืน้ ทข่ี องมหาวทิ ยาลัย ซง่ึ ได้รบั ความรว่ มมอื จาก ผบู้ ริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา เปน็ อย่างดยี งิ่ ด้วยเหตุนี้จงึ เปน็ ผลทำ� ให้ การจดั ร้ิวขบวนจรงิ ใน การประกวด สามารถด�ำเนินการส�ำเร็จ ลุล่วง ไปไดด้ ้วยดี 38
๔.การบูรณาการความร่วมมือ ผ่านกระบวนการจดั ท�ำข้อมูลองค์ความรู้ การไดม้ าซงึ่ องคค์ วามรู้ เพอ่ื การ ปรบั ปรงุ และการพฒั นาตอ่ ยอดการทำ� งาน ใหด้ ขี ้นึ นัน้ กระบวนการมสี ว่ นร่วมระหว่าง ผเู้ ชยี่ วชาญในการใหข้ อ้ มลู และผสู้ รปุ ในการ ถอดองค์ความรู้ ถือได้ว่าเป็นกระบวนการ หน่ึงที่มีความส�ำคัญ ซ่ึงทั้ง ๒ ส่วนจะต้อง บูรณาการในการสร้างองค์ความรู้ดังกล่าว ร่วมกัน กล่าวคือ ผู้เชี่ยวชาญจะต้องให้ ความร่วมมือในการให้ความรู้ภายใต้ความ เชี่ยวชาญท่ีมีลักษณะเฉพาะแก่ผู้รับข้อมูล ใหส้ ามารถเขา้ ใจ เพอื่ ทำ� การสรปุ องคค์ วามรู้ ดงั กลา่ วได้ สว่ นผสู้ รปุ ขอ้ มลู จะตอ้ งทำ� การ จัดเก็บและการวิเคราะห์ความรู้ท่ีได้รับ ใหเ้ กดิ ผลในรปู แบบขอ้ สรปุ ทม่ี คี วามชดั เจน สามารถเผยแพร่ให้ความรู้ต่อผู้ท่ีต้องการ ศึกษาต่อไปได้ ซ่ึงจากการบูรณาการ การท�ำงานร่วมมือกันในครั้งนี้ ได้มีการ ดำ� เนนิ การจดั ทำ� ขอ้ มลู องคค์ วามรู้ ผา่ นการ สร้างกระบวนการ ในการให้ข้อมูลความรู้ การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ดว้ ยการศกึ ษาการทำ� งาน บนพ้ืนที่ปฏิบัติงานจริงร่วมกัน ด้วยวิธี การได้มาซ่ึงความรู้ที่หลากหลาย อาทิ การสอบถาม การสัมภาษณ์ การสังเกต การทดลองปฏิบัติ เป็นต้น และน�ำข้อมูล ดังกล่าวมาท�ำการวิเคราะห์ ประมวลผล และท�ำการตรวจสอบกลับ เพ่ือให้ได้ซ่ึง ข้อมูลองค์ความรู้ที่มีความถูกต้องและมี ความสมบูรณ์ สามารถน�ำไปเผยแพร่ต่อ สาธารณชนไดม้ ีประสิทธิภาพตอ่ ไป 39
บทสรุป ในงานประเพณีลอยกระทงของจังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้เข้าร่วมเป็นส่วน หน่ึงในงานประเพณี โดยได้ส่งขบวนกระทงเข้าประกวด เพื่อมุ่ง เน้นถึงการร่วมมือกับจังหวัดเชียงใหม่ เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ล้านนา ในการน้ีได้รับความร่วมมือจาก ผู้บริหาร อาจารย์ เจ้า หน้าที่ นักศึกษา ผู้มีความเช่ียวชาญและช�ำนาญในด้านต่างๆ ประชุมหารือบูรณาการทางด้านความคิด ตกผลึกเป็นแนวคิด และร่วมกันออกแบบ สร้างสรรค์งาน น�ำเอาองค์ความรู้ และ ศาสตร์แขนงต่าง ๆ มาประยุกต์ให้เข้ากับแนวคิด ผสมผสาน ศิลปวัฒนธรรมล้านนา กับแนวคิดร่วมสมัยได้อย่างลงตัว รวม ถึงความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย ท�ำให้เกิดรูปแบบขบวน กระทงท่ีสวยงาม เป็นท่ีประทับใจให้แก่นักท่องเท่ียว และ ประชาชนท่ัวไป อีกท้ังยังน�ำมาซ่ึงผลลัพธ์ในรูปแบบองค์ความรู้ ดงั ปรากฏในหนงั สอื เลม่ นี้ ทสี่ ามารถใชใ้ นการสง่ ตอ่ องคค์ วามรทู้ ไ่ี ด้ แกผ่ สู้ นใจหรอื ผทู้ กี่ ำ� ลงั ศกึ ษา นำ� ไปใชป้ ระโยชน์ เพอ่ื การพฒั นางาน ทางด้านศลิ ปะ วฒั นธรรม ของชาติให้ดยี ิง่ ขน้ึ ต่อไป จัดท�ำโดย สถาบันถา่ ยทอดเทคโนโลยีสชู่ มุ ชน ศนู ยว์ ัฒนธรรมศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 98 หมู่ 6 ต�ำบลป่าปอ้ ง อ�ำเภอดอยสะเกด็ 128 ถนนหว้ ยแก้ว ต�ำบลช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม ่ 50220 อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งใหม่ 50300 โทรศพั ท์ : 0 5326 6516 #1032, โทรศพั ท์ : 0 5392 1444 #1600,1601 โทรสาร : 0 5326 6522 โทรสาร : 0 5321 3183 พมิ พท์ ี่ บริษทั สยามพมิ พ์นานา จำ� กดั 108 ซอยพงษส์ วุ รรณ ตำ� บลศรภี ูมิ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่ 50200 โทรศัพท์ : 0 5321 6962 ISBN : 987-974-625-842-5 ISBN : 978-974-625-843-2 (E-Book) 40
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: