GI

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ กระบวนการเรยี นการสอนของรปู แบบ จี.ไอ. ( G.I. ) Group Investigation G.I. 3R 8Cเสนอ อาจารยด์ ร.เยาวเรศ ใจเย็น จดั ทาโดย 6026302005 นางสาวดวงพร ภาคน่มิ นวล สาขาหลกั สตู รและการสอน

G.I. “ G.I. ” คอื “ Group Investigation ” เป็ นรปู แบบที่ สง่ เสรมิ ใหผ้ เู ้ รยี นชว่ ยกนั ไปสบื คน้ ขอ้ มลู มาใชใ้ นการเรยี นรู ้ รว่ มกนั โดยดาเนนิ การเป็ นขนั้ ตอน 1 จัดผเู้ รียนเขา้ กลมุ่ คละความสามารถ กลุ่มละ 4 คน ( เกง่ -กลาง-ออ่ น ) 2 กล่มุ ยอ่ ยศึกษาเน้ือหาสาระรว่ มกนั โดย 3 สมาชกิ แต่ละคนไปศกึ ษาหาขอ้ มลู /คาตอบมาให้กลุ่ม กลมุ่ อภปิ รายรว่ มกัน และสรุปผลการศกึ ษา4 กล่มุ เสนอผลงานของกลมุ่ ต่อช้นั เรียน ก. แบ่งเนอื้ หาออกเปน็ หัวข้อย่อย ๆ แล้วแบ่งกนั ไปศึกษาหา ข้อมลู หรือคาตอบ ข. ในการเลือกเนอื้ หา ควรใหผ้ เู้ รียนอ่อนเปน็ ผเู้ ลอื กกอ่ น

GI มอี งค์ประกอบอยู่ดว้ ยกนั 6 ประการ คือG.I. 1) การเลือกหวั ขอ้ เรอ่ื งท่จี ะศึกษา (Topic Selection) 2) การวางแผนรว่ มมอื กันในการทางาน (Cooperative Planning) 3) การดาเนนิ งานตามแผนการที่วางไว้ (Implementation) 4) การวเิ คราะห์และสงั เคราะหง์ านที่ทา (Analysis and Synthesis) 5) การนาเสนอผลงาน (Presentation of Final Report) 6) การประเมนิ ผล (Evaluation)

แนวคิดในการจดั การเรียนรู้1) นกั เรียนแตล่ ะคนจะไดแ้ สดงความสามารถของตนในการแสวงหาความรู้2) นักเรยี นแตล่ ะคน ตอ้ งถา่ ยทอดความรู้หรอื วิธีการทางานใหเ้ พอื่ นนกั เรยี นเขา้ ใจดว้ ย3) ทกุ คนตอ้ งรว่ มแสดงความคดิ เหน็ อภิปรายซกั ถามจนเข้าใจในทุกเร่อื ง4) ทกุ คนต้องร่วมมอื กันสรปุ ความเข้าใจทไ่ี ด้นาสง่ อาจารยเ์ พยี ง 1 ฉบับเท่านัน้5) เหมาะกบั การสอนความรู้ทสี่ ามารถแยกเปน็ อิสระไดเ้ ป็นสว่ นๆ หรือแยกทาไดห้ ลายวธิ ีหรือการทบทวนเร่ืองใดที่แบง่ เปน็ เร่ืองย่อยๆ ได้ หรอื การทางานท่แี ยกออกเปน็ ชน้ิ ๆ ได้

วธิ ที ี่ชว่ ยพฒั นาทักษะในศตวรรษท่ี 21 G.I.

รG่วRGม.eIม.aือ.Idแ.iกnลับกgะทกับกาากางรราาพอรน่าฒัพเนปัฒนอน็ านอททากีมักทษกั ภะษาใะวนใะกนผานู้ รา G.I. เน่ืองจากขนั้ ตอนในการการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบจ.ี ไอ. ( G.I. ) Grเนouอ่ื งpจาIกnนvักeเsรtียigนaแtตio่ลnะคคนือจจะัดตผอ้ ูเ้ งรแียสนวเงขห้าากคลวมุ่ าคมลรู้ะความดว้สยาตมนาเรอถงเพแ่ือบเ่งตเรนียื้อมหทาี่จกะันมาไถป่าศยึกถษอาดแคลวา้วมนราู้ใหก้คลนับอมืน่ าอภิปรายร่วมกดังันนัน้แนลักะเสรรียุปนผทกุลคกนาจรงึศจึกะษตา้องเผพ่า่ือนนกาารเสอน่านอแถลืะอทเปา็คนวกาามรเพขา้ัฒใจนาทักษทะาในใหก้เากรดิ ทกาางราพนฒั รน่วมาทมักือษกะันทเปาง็นดท้าีมนแกลาระอกา่่อนใทหกุ้เกคิดนภกา่อวนะการเป็นผู้นาเทนีจ่ ื่อะงแจลาว้ กมเามส่ือรไปุ ดแ้ผลละเสรง่ียผบลรก้อับยอแาลจ้วารจยะ์ เตพ้ออ่ื งพมราอ้ เมสนนาอเผสลนงอานของกลมุ่ ตอ่ ชั้นเรยี น

ตวั อย่างการจดั การเรียนการสอนขัน้ ตอนการจดั การเรียนการสอน แบง่ ออกเป็น 4 ขั้นตอนใหญๆ่ ดังน้ี 1.การทบทวนและช้ีแจง (5-10 นาท)ี 1.1 ครแู ละนกั เรียนทบทวนความรูเ้ ดิม หรอื ทกั ษะพื้นฐานท่จี าเป็นทีต่ อ้ งทราบหรือสามารถจัดทา เปน็ มากอ่ น 1.2 ครบู อกจุดประสงค์ของการเรียนรใู้ นคาบการสอนน้ี 1.3 ครอู ธิบายข้ันตอนของการปฏิบตั งิ านและวิธีการต่างๆ ของการเรยี นแบบ GI 2.การมอบหมายงานและปฏบิ ตั งิ าน (10-15 นาท)ี 2.1 ครูจดั เตรียมใบงาน โดยแยกออกเปน็ 4 สว่ น หรือ 4 วิธตี ามความเหมาะสม (จัดแบ่งงานง่าย - ยาก) มอบใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เหมือนกัน 2.2 ภายในกลมุ่ จัดแบ่งงานตามความถนดั ความสามารถ (อ่อน-เก่ง) 2.3 แต่ละคนทาตามใบงานทไี่ ด้รับมอบหมาย ให้เสร็จภายในเวลาท่กี าหนด

3.สรปุ ผลงาน (15-20 นาท)ี 3.1 แตล่ ะคนนาผลงานของตนเสนอตอ่ เพ่อื นๆ ในกลุ่มตามลาดับ 1-4 3.2 อธบิ ายลกั ษณะงานทีไ่ ดร้ ับ การดาเนินงาน จนถึงสรปุ ทีไ่ ด้ (หรอื ผลงานท่ี แลว้ เสรจ็ ) 3.3 เพ่อื นๆ สามารถรว่ มอภิปรายหรอื ซกั ถาม แนวความคิด แนวการแกป้ ัญหาหรอื เสนอความ คิดเห็นอนื่ ๆ ได้ จนทกุ คนเข้าใจแจม่ ชัดในทุกงานครบถว้ น 3.4 จดั ทาเปน็ รายงานรว่ มกนั หรือผลงานร่วมกนั ส่ง 1 ชดุ4. การประเมนิ ผล ทาได้หลายวธิ ขี นึ้ อย่กู บั เวลาท่ีเหลือ เช่น 4.1 ใหน้ กั เรียนนาผลงานมาเสนอหนา้ ช้นั เรียนหรือบนบอรด์ แลว้ ครผู ้สู อนประเมิน หรือตง้ั กรรมการ นกั เรยี นมาชว่ ยประเมินผลงานของกล่มุ ต่างๆ (นอกเวลาเรียน) 4.2 ครูเลือกนกั เรยี นคนใดก็ได้ในแต่ละกลมุ่ มารายงานผลการทางานท้ังหมด ทกุ คนตอ้ งพรอ้ มทีจ่ ะ รายงานทง้ั หมดได้ 4.3 จากคะแนนท่ไี ด้ ครูชมเชย หรือให้รางวลั หรอื เกบ็ สะสมคะแนนไว้ สาหรับการจัดหา Super Team ประจาสัปดาห์ตอ่ ไป

สรปุกระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ จี.ไอ. ( G.I.) Group Investigationคือต้องการปลูกฝังการร่วมมือกันอย่างมีประชาธิปไตย มีการกระจายภาระงานและสิทธิ ในการแสดงความคิดเห็นท่ีเท่าเทียมกันของสมาชิกในกลุ่มให้มีการกระตุ้นบทบาทท่ีแตกต่างกันทั้งภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม เป็นการส่งเสริมการแก้ปัญหาโดยกลมุ่