ประวตั ิศาสตร์ยุโรป History of European Civilization By Tanupat Trakulthongchai
สารบญั 2 บทท่ี 1 ยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ 5 บทที่ 1 ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ 13 Prehistorical Europe 2 บทที่ 2 ยุคคลาสสกิ 19 บทที่ 3 ยุคกลาง 6 บทท่ี 4 ยคุ ฟนื้ ฟศู ลิ ปวิทยา 7 บทท่ี 5 การปฏวิ ัตฝิ ร่งั เศส 8 บทท่ี 6 การปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมและการล่าอาณานคิ ม 9 บทที่ 7 สงครามโลกครั้งที่ 1 10 บทที่ 8 การปฏิวตั ิรัสเซีย 11 บทท่ี 9 สงครามโลกครัง้ ที่ 2 12 บทท่ี 10 ยโุ รปในศตวรรษที่ 21 13 บทที่ 11 สหภาพยุโรป 14 บทที่ 12 พัฒนาการทางเศรษฐกิจของยุโรป บรรณานกุ รม 1
ยคุ กอ่ นประวัติศาสตร์ กระดูกของมนุษย์ยุคแรก ๆ ในยโุ รปถูกพบทเ่ี มอื ง Dmanisi ประเทศ จอร์เจยี ซ่ึงกระดูกเหล่านนั้ คาดวา่ มอี ายรุ าว ๆ 2 ล้านปีก่อนคริสตกาล หลักฐานของ มนุษยท์ ่มี โี ครงสร้างสรรี ะคล้ายมนุษยป์ จั จุบนั ทปี่ รากฏในยโุ รปที่เก่าทส่ี ุดนนั้ คอื ประมาณ 35,000 ปีกอ่ นครสิ ตกาล แต่หลกั ฐานแสดงการตัง้ รกรากถาวรนัน้ แสดงอยู่ ราว ๆ 7000 ปกี ่อนคริสตกาลในบัลแกเรยี โรมาเนีย และกรีซ ยุโรปกลางเขา้ สู่ยคุ หนิ ใหม่ (Neolithic) ในชว่ งประมาณ 6000 ปกี ่อน ครสิ ตกาลก่อนหลาย ๆ ที่ในยโุ รปเหนือซึ่งเข้าสยู่ คุ หนิ ใหม่ในชว่ งประมาณ 5000 ถึง 4000 ปีกอ่ นครสิ ตกาล ราว ๆ 2000 ปกี ่อนครสิ ตกาลเร่มิ มีอารยธรรมท่ีมีความรู้ทางการอา่ น- เขยี นในยโุ รปคอื อารยธรรมของชาวมโิ นน (Minoans) ทเี่ กาะครตี และตามด้วยชาว ไมซเี นยี น (Myceneans) (ทง้ั สองอารยธรรมอยูบ่ รเิ วณซง่ึ เปน็ ประเทศกรซี ใน ปจั จุบนั ) 34
กรีก บทท่ี 2 ยคุ คลาสสิก อารยธรรมกรีกเป็นอารยธรรมของชาวอนิ โด-ยโู รปยี น (Indo- European) ท่ีอพยพเขา้ มาตัง้ รกรากในเอเชยี ไมเนอร์ (Asia Minor) อารยธรรมกรีก Classical Age เป็นรากฐานของอารยธรรมโรมนั และอารยธรรมโลกตะวันตกในเวาตอ่ มา 5 กรกี ประกอบด้วยนครรัฐหลายนครรฐั โดยมีกษัตริยห์ รือผู้ทีไ่ ด้รบั การ เลอื กต้งั ข้ึนปกครองแลว้ แต่นครรัฐ นครรฐั ใดทเ่ี จริญรุง่ เรืองในเวลานน้ั ก็จะเปน็ ศนู ย์กลางของภูมภิ าค เช่น เม่ือเอเธนส์ (Athens) มอี านาจทางการค้า เอเธนส์กเ็ ป็น ผู้นาในการรบกับเปอร์เซยี ในสงครามเปอรเ์ ซีย (Persia War) หรอื เมือ่ สปาร์ตา (Sparta) รบชนะเอเธนส์ในสงครามเพโลพอนเนเชยี น (Peloponnesian War) เอเธนส์ก็ตกเปน็ เมอื งข้ึนของสปาร์ตา อารยธรรมกรกี น้ันใหค้ วามสาคญั กับงานเขยี น ศิลปะ ปรชั ญา และ ศาสนา ทงั้ สีอ่ ย่างน้ีได้ตกทอดมานบั พนั ปีแมว้ า่ ชว่ งเวลาอนั รุ่งโรจนข์ องกรกี จะได้จบ ลงไปแล้วหลงั จากพา่ ยแพแ้ กโ่ รมในสงครามไพริก (Phyrric War) 6
ศาสนากรีก ปรัชญาและวิทยาศาสตร์กรีก ชาวกรกี บชู าเทพเจ้าหลายองค์ ในลักษณะของพหุเทวนยิ ม โดยเชื่อว่า ชาวกรกี ไมใ่ ชค่ นกลุ่มแรกทตี่ อ้ งการค้นหาความจรงิ เกย่ี วกับโลก มนุษย์ เทพเจา้ อาศัยอย่บู นเทอื กเขาโอลมิ ปัส (Olympus) เทพเจา้ ท่ีชาวกรีกบูชามีนับรอ้ ย และธรรมชาติ แต่เป็นคนกุม่ แรกท่ไี ดจ้ ดบนั ทึกแนวคิดไวอ้ ยา่ งเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร องค์ แตช่ าวกรีกเชื่อวา่ เทพเจ้าที่สาคัญที่สดุ มีอยู่ 12 องค์ เรยี กว่า โอลมิ เปียน โสคราตสี (Socrates) ไดร้ บั การยกย่องวา่ เป็นบิดาแห่งปรชั ญา และเขากไ็ ด้ส่งทอด (Olympians) ความรู้ใหก้ บั ศษิ ย์ของเขา เพลโต (Plato) และต่อไปใหอ้ ริสโตเติล (Aristotle) ผู้ กอ่ ตั้งไลเซียม (Lycium) ท่ีเปน็ โรงเรียนทสี่ องเกย่ี วกบั วิทยาศาสตร์และปรชั ญา นอกจากนี้ ชาวกรกี ยังคน้ หาความจริงผา่ นวิทยาศาสตร์อกี ดว้ ย นักวิทยาศาสตรท์ ีส่ าคญั ในยคุ กรีกโบราณมหี ลายคน เช่น ธาลสี (Thales) พีทาโกรสั (Pythagoras) ยูคลิด (Euclid) ปโตเลมี (Ptolemy) และอาคมิ ดี สี (Archimedes) 78
โรมัน ระบอบสาธารณรฐั ในโรม โรมยุคโบราณ (Ancient Rome) แบ่งออกเป็นสามยคุ ไดแ้ ก่ หลงั จากขับไล่กษตั ริย์คนสดุ ท้าย ทาควนิ ิอุส (Tarquinius the Proud) 1. ยุคอาณาจกั ร (Roman Kingdom) (753–509 กอ่ น ค.ศ.) ออกไปจากเมือง ชาวโรมันก็ล้มเลกิ ระบอบกษตั รยิ ์และเปลย่ี นมาเปน็ ระบอบสาธาณ 2. ยคุ สาธารณรัฐ (Roman Republic) (509–27 ก่อน ค.ศ.) รฐั แทน โดยมกี ารเลอื กตงั้ กงสุล (Consul) ปลี ะสองคนมาดารงตาแหน่งผนู้ าประเทศ 3. ยุคจกั รวรรดิ (Roman Empire) (27 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 395) โดยมีวาระ 1 ปี และมีวฒุ ิสภา (Senate) ออกกฎหมายให้กบั สาธารณรัฐ โดยแตล่ ะปี จะมกี ารเลือกตงั้ วุฒิสมาชิก (Senator) 20 คน เข้ามาในวฒุ สิ ภา ซ่ึงสามารถเป็น โรมในยคุ เร่ิมต้นตง้ั อยูบ่ นเทือกเขาพาลาไทน์ (Palatine Hill) และได้ วุฒิสมาชกิ ได้ตลอดชพี ขยายอาณาเขตออกไปจนครอบคลมุ อิตาลี (Italy) และเกาะซีซิลิ (Sicily) ในจดุ สงู สุด อาณาเขตของโรมกว้างไกลจรดสเปน (Spain) ในทศิ ตะวันตก เกาะบรเิ ตน (Britain) ระบอบสาธารณรฐั สน้ิ สุดลงไมน่ านหลงั จากการฆาตกรรมจูเลยี ส ซซี าร์ ในทศิ เหนอื อียิปต์ (Egypt) ในทศิ ใต้ และเอเชยี ไมเนอร์ (Asia Minor) ในทศิ (Julius Caesar) ใน 45 ปีก่อน ค.ศ. ออกโตเวยี น (Octavian) บตุ รบุญธรรมของซี ตะวันออก ซาร์ ได้ปราบดาภิเษกขึน้ เปน็ จกั รพรรดแิ ห่งโรม 1 ปีหลงั จากนัน้ 9 10
โรมยคุ จกั รวรรดิ อาณาจักรไบแซนไทน์ ในยุคจกั รวรรดิ โรมมรี าชวงศอ์ ยูส่ ่รี าชวงศ์ โดยจักรพรรดขิ องโรมกม็ ี ใน ค.ศ. 476 ชนเผ่าทางเยอรมนไี ด้ต่อต้านการปกครองของโรม โรมุ ชือ่ เสยี งทั้งในทางบวกและทางลบ เช่น เนโร (Nero) ซ่ึงไดช้ อื่ วา่ เปน็ ทรราชและทาให้ ลสุ ออกุสตสุ (Romulus Augustus) จกั รพรรดิแห่งอาณาจกั รตะวนั ออกไม่สามารถ ราชวงศ์ของตนเองส้นิ สุดลง หรือจัสติเนียนที่ 1 (Justinian I) ผปู้ ระกาศให้ศาสนา ต่อสูก้ ับชนเผ่าได้ ทาให้ต้องหนีออกจากเมืองไป และเปน็ จุดสิน้ สดุ ของอาณาจกั ร ครสิ ต์เปน็ ศาสนาหลัก เปล่ียนจากศาสนากรกี ท่ีอยู่มากวา่ หา้ ร้อยปี โรมันตะวันตก บรรดาเมืองตา่ ง ๆ ทีเ่ คยอยู่ภายใตโ้ รมกลายเป็นนครรฐั ทีป่ กครอง ตนเอง ใน ค.ศ. 395 หลังการตายของทโี อดอซอิ สุ ที่ 1 (Theodosius I) จักรวรรดไิ ดแ้ บ่งแยกออกเป็นอาณาจักรโรมนั ตะวนั ออกและตะวันตก อาณาจักร แต่อารยธรรมโรมนั ยังคงอยูต่ ่อไปในอาณาจกั รตะวนั ออก หรอื ไบแซน ตะวันออกมีศูนย์กลางอยู่ที่ไบแซนเทยี ม (Byzantium) และคอนสแตนตโิ นเปลิ ไทน์ (Byzantine) และยังคงอยไู่ ปตลอดยคุ กลาง ถงึ แมใ้ นตอนท้ายเหลอื ความเป็น (Constantinople) ในเวลาตอ่ มา สว่ นอาณาจกั รตะวนั ตกมีศูนยก์ ลางอยูท่ ่ีมลิ าน โรมันอย่เู พยี งไมก่ ่ีอยา่ ง แมแ้ ตภ่ าษาละตินท่ีเป็นภาษาหลัก กถ็ กู เปลี่ยนเป็นภาษา (Milan) และโรมได้ลดสถานะลงเป็นเพยี งแค่ศนู ยก์ ลางทางศาสนาเท่านั้น กรีกในรอ้ ยกวา่ ปตี ่อมา 12 11
ยุคกลาง ยุคกลางนั้นมีความสัมพนั ธก์ ับอาณาจักรโรมันตะวนั ออกและตะวันตก โดยเร่มิ ขน้ึ เมอ่ื อาณาจักรตะวนั ตกลม่ สลายใน ค.ศ. 476 และสน้ิ สุดลงเมอ่ื อาณาจักร ตะวนั ออกลม่ สลายใน ค.ศ. 1453 ยุคกลางเรยี กอีกอย่างหนึง่ วา่ ยุคมืด เพราะเปน็ ยคุ ทปี่ ราศจากความ เจริญก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์หรือศลิ ปะ เปน็ ผลมาจากสงครามนบั ครัง้ ไมถ่ ้วนและ ความงมงายในศาสนา บทที่ 3 ยคุ กลาง 14 Medieval Age 13
สงครามครูเสด การค้าในยคุ กลาง ใน ค.ศ. 1095 พระสนั ตะปาปาเออร์บันท่ี 2 (Urban II) ประกาศให้ ในขณะท่ีการเดินเรือยังไมพ่ ัฒนา การค้าขายระหวา่ งยโุ รปกบั เอเชียทา ชาวครสิ ต์ทาสงครามกบั ชาวมุสลิมเพ่ือแยง่ ชงิ ดนิ แดนศักดิ์สทิ ธแิ์ หง่ เยรซู าเลม็ โดยการเดินทางทางบกผ่านเสน้ ทางสายไหม (Silk Road) หรอื ผา่ นพ่อค้าคนกลางคือ (Jerusalem) คนื มาจากการปกครองของมสุ ลิม “ตามประสงค์ของพระเจา้ ” (Deus ชาวอาหรับ vult) สงครามนี้สื้นสุดลงใน ค.ศ. 1291 กนิ เวลาเกอื บ 200 ปี การค้าขายเช่นนีท้ าให้เกิดการแลกเปลยี่ นวฒั นธรรมระหวา่ งสองทวปี สงครามครเู สดแบ่งออกเปน็ สงครามย่อยท้งั หมดแปดคร้ัง นกั รบครูเสด ตัวอยา่ งที่เห็นไดช้ ดั ท่ีสุดคอื การรบั เลขฮินดู-อารบิกมาใชแ้ ทนเลขโรมัน ทาให้ สามารถยดึ เยรูซาเลม็ ได้ในสงครามครั้งที่ 1 ใน ค.ศ. 1099 ในสงครามครง้ั ท่ี 3 ซาลา สามารถคานวณไดง้ ่ายขน้ึ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมยิง่ งา่ ยดายข้นึ ในสงครามครเู สด ดนิ (Saladin) สลุ ต่านของชาวมุสลิมได้เขา้ ยดึ ครองเยรูซาเล็มใน ค.ศ. 1187 ชาว เพราะกองกาลังทง้ั สองฝ่ายไดเ้ ดินทางไปขา้ มทวปี ทาใหเ้ ศรษฐกจิ ของเมืองในยุโรป ครสิ ตก์ ไ็ มส่ ามารถยึดเยรซู าเลม็ คืนไดเ้ ลยในสงครามอกี หา้ ครัง้ ตอ่ มา ตะวันออก เชน่ อสิ ตันบูล (Istanbul) เฟื่องฟู 15 16
ระบบฟวิ ดัล สงครามอ่ืน ๆ ในยุคกลาง ระบบฟิวดัล (Feudal system) เปน็ ระบบท่ีเปน็ เสาหลกั ทางการเมอื ง นอกจากสงครามครูเสดแลว้ ในยุคกลางยงั มีสงครามทสี่ าคัญอนื่ ๆ อีก ของยคุ กลาง โดยแบ่งคนออกเป็นชนชั้น คอื กษตั ริย์ ขุนนาง อศั วนิ และสามัญชน เชน่ • สงครามร้อยปี (Hundred Years’ War) (ค.ศ. 1337-1453) กษัตรยิ เ์ ปน็ ผูไ้ ดร้ บั เลือกมาจากพระเจ้า ทาใหม้ ีอานาจอยู่เหนอื ความ เปน็ ตายของคนอ่นื ขนุ นางไดร้ ับที่ดนิ จากกษตั ริย์ แลกกบั การปกป้องกษัตรยิ ใ์ หอ้ ยู่ใน สงครามร้อยปีเป็นสงครามระหวา่ งราชวงศ์แพลนทาเจเนต อานาจ แลว้ ขนุ นางก็นาท่ีดินไปมอบใหก้ ับอศั วนิ เพือ่ ตอบแทนทีเ่ ปน็ กองกาลงั ของ (Plantagenet) ขององั กฤษกบั ราชวงศว์ าลัวร์ (Valois) ของฝรัง่ เศส ทง้ั สองราชวงศ์ ขุนนางคนน้นั ๆ อัศวนิ นาท่ดี นิ ไปใหส้ ามัญชนเชา่ โดยสามัญชนต้องจ่ายค่าเชา่ เปน็ แยง่ ชิงบัลลังก์ของฝร่งั เศส ซง่ึ จบลงด้วยชัยชนะของราชวงศว์ าลัวร์ สินค้าเพือ่ แลกมากับความค้มุ ครองจากอัศวิน • สงครามดอกกุหลาบ (War of the Roses) (ค.ศ. 1455-1487) สงครามดอกกหุ ลาบเป็นสงครามการแย่งชงิ บัลลงั กอ์ ังกฤษของตระกูล แพลนทาเจเนตทสองสาย คอื ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ (Lancaster) และราชวงศย์ อร์ก (York) ฝา่ ยยอร์กเป็นผู้ครองบัลลงั ก์ในเวลาสว่ นใหญแ่ ต่ในทสี่ ุดแลงคาสเตอร์ก็ สามารถกลับมายึดบัลลงั ก์คืนได้ เฮนรี ทิวดอร์ (Henry Tudor) สมรสกับเอลิซาเบท แหง่ ยอร์ก (Elizabeth of York) ทาใหส้ น้ิ สุดสงครามดอกกหุ ลาบและเป็นจุดเริ่มต้น ของราชวงศ์ทวิ ดอร์ (Tudor) 17 18
การฟ้ืนฟูศลิ ปวทิ ยา ยคุ ฟืน้ ฟูศลิ ปวทิ ยา (Renaissance) เป็นชว่ งเวลาทเ่ี กดิ การ เปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรมในทวีปยโุ รป เป็นจุดเรม่ิ ต้นของวัฒนธรรมยคุ ใหม่ คฟ้นื ฟู ศิลปวิทยาเป็นการเคลอ่ื นไหวทางวัฒนธรรมทก่ี นิ เวลาตงั้ แตร่ าวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 14 ถงึ 17 ประกอบดว้ ยการเปล่ยี นแปลงทางวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศลิ ปะ ศาสนา และการเมอื ง การฟน้ื ฟูการศกึ ษาโดยอาศัยผลงานคลาสสกิ การพัฒนาจิตรกรรม และการปฏิรูปการศึกษา ซงึ่ การเปล่ยี นแปลงดังกล่าวเกดิ ขนึ้ จากแนวคิดมนุษยนิยม และปจั เจกชนนยิ ม ศูนย์กลางของการฟน้ื ฟศู ิลปวทิ ยาอยทู่ ่เี มอื ฟลอเรนซ์ (Florence) บทท่ี 4 ยคุ พน้ื ฟูศลิ ปวทิ ยา 20 Renaissance 19
พระเจ้าหลุยส์ท่ี 16 หลยุ ส์ที่ 16 (Louis XVI) เป็นกษตั ริยท์ ี่อย่ใู นตาแหนง่ ในช่วงท่ีฝรั่งเศส กาลังพบปัญหาเศรษฐกิจตกตา่ คร้ังใหญ่ ซงึ่ เปน็ ผลมาจากการสนบั สนุนชาวอเมรกิ ัน ในการปฏวิ ตั อิ เมรกิ า (American Revolution) ทรงครองราชย์ใน ค.ศ. 1774 ต่อ จากหลุยส์ท่ี 15 (Louis XV) พระอยั กา พระองคส์ มรสกับมารี อ็องตวั เนต็ (Marie Antoinette) เจ้าหญิงแหง่ ออสเตรยี ท้งั สองขน้ึ ช่ือในเร่อื งของการใชจ้ ่ายสุรยุ่ สรุ ่าย ซ่ึงสวนทางกับสามญั ชนท่ี กาลงั อดอยาก พฤติกรรมของกษัตรยิ แ์ ละราชนิ แี ห่งฝร่งั เศสเปน็ ตวั จุดชนวนใหเ้ กดิ การปฏิวตั ใิ นเวลาต่อมา บทที่ 5 การปฏิวัติฝรั่งเศส 22 French Revolution 21
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: