1
ก คำนำ การจดั การศึกษาด้านอาชีพในปจั จบุ ันมคี วามสำคญั มากเพราะจะเปน็ การพฒั นาประชากรของ ประเทศให้มคี วามรู้ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพเปน็ การแกไ้ ขปัญหาการวา่ งงาน และส่งเสริมความเข้มแข็งให้แกเ่ ศรษฐกิจชมุ ชนซ่งึ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดก้ ำหนดยุทธศาสตร์ 2555 ภายใต้กรอบเวลา 2 ปที จ่ี ะพฒั นาศักยภาพของพ้ืนที่ใน 5 กลมุ่ อาชีพใหม่ให้สามารถแขง่ ขนั ไดใ้ น 5 ภูมิภาคหลักของโลก “รู้เขารู้เราเท่าทันเพื่อแข่งขันไดใ้ นเวทีโลก” ตลอดจนกำหนดภารกิจทจ่ี ะ ยกระดับการจดั การศกึ ษาเพื่อเพม่ิ ศกั ยภาพและขีดความสามารถให้ประชาชนไดม้ อี าชีพท่ีสามารถ สร้างรายได้ทม่ี ัน่ คง มั่งค่ัง โดยเนน้ การบรู ณาการใหส้ อดคล้องกับศกั ยภาพด้านต่างๆ รว่ มพฒั นาคน ไทยให้ได้รับการศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชพี และการมีงานทำอยา่ งมคี ณุ ภาพท่ัวถึงและเท่าเทยี มกนั ประชาชนมีรายได้มั่นคงมั่งคั่งและมงี านทำอย่างยงั่ ยืนมีความสามารถเชิงการแข่งขันทงั้ ในระดับ ภมู ิภาคอาเซยี นและระดบั สากลซ่งึ จะเปน็ การจัดการศกึ ษาตลอดชวี ติ ในรปู แบบใหม่ที่สร้างความม่ันคง ให้แกป่ ระชาชนและประเทศชาติ ผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก เปน็ ผลติ ผลผ้าทอท่ีเกดิ จากการพฒั นาภูมิปญั ญาดั้งเดมิ ดา้ น การทอผ้าของทอ้ งถนิ่ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะในแถบจงั หวดั มหาสารคาม เป็น กระบวนการทอผ้าไหมให้เกดิ เป็นผืนผา้ ที่มีลวดลายและสสี ันที่สวยงาม ประณีต ผ้าไหมลายสร้อย ดอกหมากเปน็ การสร้างสรรคล์ ายผ้าโดยนำลวดลายพน้ื ฐานท่มี ีมาแต่โบราณคือลายโคม เช่น โคมหา้ โคมเจด็ โคมเกา้ มาพัฒนาให้เป็นลายท่ีมคี วามละเอียดและเพิ่มสีสันให้สวยงามข้ึนเรยี กช่อื ว่า \"ลายสร้อยดอกหมาก” โดยนำโครงสรา้ งของลายโคมห้ามามดั ย้อมซอ้ นกับลายโคมเกา้ แลว้ โอบหม่ี แลเงา ใหม้ ีลายแนน่ ขนึ้ มีความละเอียดมากขนึ้ และเพมิ่ เติมสีสนั ให้สวยงาม หลากหลาย ทำใหไ้ ด้ ลายผ้าขนาดเลก็ และประณีต เอกลักษณ์ผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก คือ ลายดอกเล็กละเอียด ลวดลายสวยงามสม่ำเสมอ ตลอดทง้ั ผืน สขี องผา้ สวยงาม และสม่ำเสมอไมม่ ีรอยด่าง เส้นไหมเป็นเส้นเล็กเรยี บเสมอท้งั ผนื ดว้ ย ด้ายพ่งุ และด้ายยนื พืน้ ผา้ มีความละเอียดเนอ้ื แนน่ สมำ่ เสมอไมม่ ีรอยโปร่ง อาชีพการทอผ้าไหมจงึ เป็นอีกอาชีพหนง่ึ ท่ีจะเปน็ ทางเลือกในการสร้างรายได้และการมีงานทำ อย่างยง่ั ยนื ของประชาชน กศน.อำเภอกนั ทรวิชัย
ข สารบญั หนา้ คำนำ ......................................................................................................................... ก สารบญั ...................................................................................................................... ข ผ้าไหมลายสร้อยดอกหมาก มหาสารคาม สาระสำคญั ของมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม .................................................. 1 ประวตั ิความเป็นมา ............................................................................................ 2 เอกลักษณข์ องผ้าไหมลายสร้อยดอกหมาก ......................................................... 3 กระบวนการผลิต ................................................................................................ 4 คณุ ค่าของมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม ............................................................ 7 บทบาทของชุมชนทมี่ ีตอ่ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ...................................... 8 สถานการณ์ปัจจบุ ันของการถา่ ยทอดความร้แู ละปัจจัยคุกคาม ........................... 9 เอสารอ้างอิง ........................................................................................................ 9 บุคคลอ้างอิง ........................................................................................................ 9 หลักสูตรการทอผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก ............................................................. 10 คณะทำงาน ............................................................................................................... 21
1 ผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก มหาสารคาม ผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก พ้ืนท่ปี ฏิบตั ิ บา้ นลาด ตำบลศรีสุข อำเภอกนั ทรวชิ ัย จงั หวดั มหาสารคาม สาระสำคญั ของมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม ผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก เป็นผลิตผลผ้าทอที่เกิดจากการพฒั นาภมู ิปัญญาดั้งเดิมดา้ น การทอผา้ ของท้องถ่นิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะในแถบจงั หวัดมหาสารคาม เปน็ กระบวนการทอผ้าไหมให้เกิดเป็นผนื ผ้าทม่ี ีลวดลายและสีสนั ท่สี วยงาม ประณีต ผ้าไหมลายสร้อย ดอกหมากเป็นการสร้างสรรคล์ ายผ้าโดยนำลวดลายพนื้ ฐานท่มี ีมาแตโ่ บราณคือลายโคม เช่น โคมห้า โคมเจ็ด โคมเก้า มาพฒั นาใหเ้ ป็นลายท่มี คี วามละเอียดและเพม่ิ สสี ันให้สวยงามขึ้นเรยี กชอื่ วา่ \"ลายสร้อยดอกหมาก” โดยนำโครงสรา้ งของลายโคมหา้ มามัดยอ้ มซ้อนกบั ลายโคมเก้าแลว้ โอบหม่ี แลเงา ให้มีลายแน่นขน้ึ มีความละเอียดมากข้ึน และเพ่ิมเติมสสี นั ใหส้ วยงาม หลากหลาย ทำใหไ้ ด้ ลายผ้าขนาดเลก็ และประณตี กระบวนการสำคัญในการทอผา้ ไหมสร้อยดอกหมาก เรมิ่ จากการสาวไหมโดยเลือกไหมที่ เสน้ เล็กสม่ำเสมอ นำเส้นไหมไปฟอกและยอ้ มสี การเข็นเสน้ ไหม การคน้ เครอื หูก การสบื หูก การมดั หม่ี และการยอ้ มหม่ี การมัดหม่ซี ่งึ ต้องกำหนดรปู แบบลายใหส้ ม่ำเสมอ ลักษณะการมดั ส่วน ของวงโคมเกา้ ต้องมดั ไมใ่ ห้เป็นเหล่ียม วงดอกทงั้ ปอยหมีไ่ มต่ ำ่ กว่า 49 ดอก คอื 73 ลำ เพื่อให้ไดล้ าย ท่แี นน่ ละเอียด และสวยงาม โดยมขี น้ั ตอนของการมัดหมี่ คือ มัดหมีต่ ้งั โครงร่างของลาย นำไปยอ้ มสี แล้วโอบแลเงานำไปกัดสีออกให้ไหมขาว แล้วมัดขวางตรงเชิงของลาย นำหมไี่ ปย้อมสีแล้วโอบสี นำหมีท่ ่โี อบแล้วไปย้อมสพี ้นื ซง่ึ การเลือกสีทจี่ ะ ย้อมและสพี ้ืนนนั้ ขึ้นกบั ความตอ้ งการของชา่ งทอแต่ละคน เอกลักษณผ์ ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก คอื ลายดอกเลก็ ละเอียด ลวดลายสวยงามสมำ่ เสมอตลอดท้ังผืน สีของผ้า สวยงาม และ สมำ่ เสมอไม่มรี อยด่าง เสน้ ไหมเปน็ เส้นเลก็ เรยี บเสมอท้ังผืนดว้ ยด้ายพ่งุ และด้ายยืน พืน้ ผ้ามีความละเอยี ดเน้ือแน่น สมำ่ เสมอไมม่ รี อยโปร่ง
2 ประโยชนใ์ ช้สอยผ้าไหมสร้อยดอกหมาก นยิ มนำไปใชเ้ ป็นผ้านุ่งเป็นหลัก นอกจากนนั้ สามารถ นำไปตัดเยบ็ เป็นกระโปรง เสอ้ื กางเกง และประยกุ ตไ์ ปเป็นผลิตภัณฑเ์ ครื่องใช้ไดห้ ลากหลาย เชน่ กระเปา๋ ย่าม หมวก ซองใส่เอกสาร และของทร่ี ะลกึ อกี หลายชนดิ ประวตั คิ วามเปน็ มา การทอผ้าไหมลายสร้อยดอกหมาก เป็นภูมิปญั ญาด้ังเดมิ ด้านการทอผ้าของประชาชน ทอ้ งถ่นิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในแถบจังหวัดมหาสารคามทสี่ ืบทอดกันมาแต่อดีตกวา่ รอ้ ยปี ซึ่งเปน็ กระบวนการทอผา้ ไหมให้เกดิ เป็นผนื ผา้ ที่มลี วดลายและสีสนั ทีส่ วยงาม ประณีต ผา้ ไหมลายสร้อย ดอกหมากเป็นการสรา้ งสรรค์ลายผ้าโดยนำลวดลายพ้ืนฐานท่มี มี าแต่โบราณคือลายโคม เช่น โคมห้า โคมเจด็ โคมเก้า มาพฒั นาให้เปน็ ลายทม่ี ีความละเอยี ดและเพม่ิ สีสันใหส้ วยงามข้นึ เรยี กชื่อว่า \"ลายสร้อยดอกหมาก” เน่ืองจากลายดอกได้แรงบนั ดาลใจจากดอกหมาก ซึง่ ในอดตี นัน้ ต้นหมากมีให้ เห็นอยูท่ ่วั ไปตามหมู่บา้ นในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ด้วยผู้คนสมัยกอ่ นนยิ มกินหมากกนั และ ต้นหมากนน้ั มีดอกขนาดเล็กมกี ลีบแหลมหกกลีบเรียงเป็นสองช้ันสขี าวแกมเหลอื ง มเี กสรอยูใ่ จกลาง ดอกเป็นเส้นเล็กๆ แผอ่ อกมา ดสู วยงาม เมื่อออกดอกจะเรียงรอ้ ยต่อกนั เป็นสายและออกเปน็ ช่อระยา้ ยอ้ ยลงมา ทำให้ชา่ งทอเห็นแล้วเกิดความประทับใจจึงได้นำลกั ษณะของดอกหมากมาสร้างสรรค์เป็น ลายผา้ โดยนำโครงสรา้ งของลายโคมหา้ มามดั ย้อมซ้อนกบั ลายโคมเก้าแล้วโอบหมี่แลเงา ให้มีลายแน่น ขึน้ มคี วามละเอียดมากข้ึน และเพิม่ เตมิ สีสันใหส้ วยงาม หลากหลายในการมดั ยอ้ มแตล่ ะคร้งั ทำให้ได้ ลายผา้ ขนาดเล็กและประณตี แล้วเรียกลายผ้าน้วี ่า \"ลายสรอ้ ยดอกหมาก” ดว้ ยความละเอียดสวยงาม จึงเป็นผา้ ที่นยิ มใช้กนั ในอดีต และมกี ารสืบทอดตอ่ กนั มาในวฒั นธรรมการทอผ้าของกลุ่มผคู้ น ทตี่ ้ังถ่ิน ฐานอยูใ่ นบรเิ วณจังหวัดมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ดว้ ยความยากในการทอ และความซบั ซอ้ นของข้นั ตอนการทอผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก ทำให้ตอ้ งใช้ระยะเวลานานในการทอ จึงทำใหช้ าวบ้านในเขตจงั หวดั มหาสารคามเลกิ ทอผา้ ไหมลาย สรอ้ ยดอกหมากไประยะหนงึ่ ต่อมาเม่อื ปี พ.ศ. 2540 นายดสุ ติ โพธ์ิจันทร์ เจ้าหน้าท่จี ากสำนกั งาน ส่งเสริมอตุ สาหกรรมภาค 5 ได้เหน็ ผา้ ลายสร้อยดอกหมากซ่งึ เป็นผา้ ลายโบราณทีม่ คี วามสวยงาม จงึ ไดเ้ ข้ามาช่วยพัฒนากระบวนการมดั หมจ่ี ากเดมิ ทีเ่ ป็นลายเรขาคณิตซง่ึ ดแู ลว้ แข็งกระด้างใหม้ ี ลักษณะลายทีโ่ คง้ มนขนึ้ ดูไมแ่ ข็งกระด้าง ปรับปรุงการมดั หมใี่ ห้แน่นขึ้น ทำให้ได้ดอกท่มี ขี นาดเล็ก และพัฒนากระบวนการย้อมสใี หม้ ีความเงางาม แล้วถ่ายทอดให้แกช่ าวบา้ น ซึ่งหนงึ่ ในนนั้ คือ
3 นางสมจิตร บุรนี อก ชาวบ้านกดุ รัง ตำบลกุดรงั อำเภอกดุ รงั จงั หวดั มหาสารคาม กระทง่ั ปี พ.ศ. 2544 ในยคุ ท่ีทา่ นสริ ิเลศิ เมฆไพบลู ย์ มาเปน็ ผวู้ ่าราชการจังหวดั มหาสารคาม ท่านได้มีนโยบาย ส่งเสรมิ เอกลกั ษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม จึงได้มีการจัดการประกวดผ้าไหมเมืองมหาสารคามโดยให้ แตล่ ะอำเภอส่งผ้าไหมเข้ามาประกวด ซง่ึ มจี ำนวนผ้าไหมทสี่ ง่ เข้ามากวา่ 300 ผืน ปรากฏว่า ผ้าไหมท่ี ชนะการประกวดในคร้งั นั้นคือ ผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก จากอำเภอกุดรงั ผลงานของ นางสมจติ ร บุรนี อก ไดร้ บั รางวลั ชนะเลิศ และได้ยกเอาผ้าไหมลายสร้อยดอกหมากขน้ึ เป็นผ้าไหม ประจำจงั หวัดมหาสารคาม จากนั้นจึงไดม้ กี ารส่งเสริมใหช้ าวบ้านไดท้ อผ้าไหมมัดหมล่ี ายสร้อย ดอกหมากกนั อยา่ งกว้างขวางจนถงึ ปจั จบุ นั เอกลักษณ์ของผ้าไหมสรอ้ ยดอกหมาก 1. เอกลกั ษณด์ า้ นลวดลาย รูปทรงของลายเป็นรูป ดอกหมากขนาดเลก็ ลายดอกประกอบดว้ ยส่วนสำคัญคอื ชอ่ ดอก โบราณนยิ มย้อมสเี ขยี ว กลบี ดอกโบราณนิยมย้อมสีแดง และเกสร ดอกโบราณนิยมยอ้ มสีเหลือง ส่วนพน้ื นยิ มย้อมเป็นสีเมด็ มะขาม เมือ่ ผา้ ลายสร้อยดอกหมากทอสำเรจ็ เป็นผนื ผ้าออกมาแลว้ จะเหน็ ลายดอกทีม่ ีสีสันท้ังสเี ขียว สแี ดง สเี หลือง ตัดกับสพี ้นื ทำใหล้ าย ปรากฏอยา่ งโดดเด่น ด้วยส่วนประกอบของลายดอกและสที ีใ่ ช้ จงึ เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะของผา้ ไหมสร้อยดอกหมากท่ไี ม่ปรากฏใน ผ้าไหมลายอ่นื ๆ นอกจากน้ปี จั จบุ นั ยังได้มีการคิดคน้ สที ี่นำมาย้อมสว่ นตา่ งๆ ของลายดอกและสีพื้นท่ี หลากหลาย 2. เอกลกั ษณ์ด้านเทคนคิ ภูมปิ ญั ญา ผา้ ไหมลายสรอ้ ยดอกหมากใชเ้ ทคนิคการมัดลายซอ้ นกัน คอื การมดั ลายโคมห้า มัดซอ้ นกับลายโคมเก้าซ่งึ เปน็ ลายทมี่ มี าแตโ่ บราณ จากน้ันจงึ ทำการโอบหมีแ่ ล เงาเพ่ือให้ลายมีความแนน่ และส่วนประกอบของลายดอกมี ความละเอียด ทำใหม้ ีคุณสมบตั ิพเิ ศษเป็นจดุ เด่นคอื เกดิ เปน็ ลาย ดอกขนาดเลก็ ทีม่ ีความละเอยี ดอยา่ งยิ่ง เมอ่ื นำมายอ้ มสีลงไปใน การยอ้ มแตล่ ะคร้ังทำใหไ้ ดส้ ีท่ีสวยงาม เมื่อทอออกมาเป็น ผนื ผ้า แลว้ จะทำใหเ้ ห็นลายดอกหมากท่มี ีรูปทรงเปน็ ช่อชัน้ และมีสีสัน
4 ท่สี วยงามจับตา เรียงร้อยเปน็ เส้นสายบน ผืนผ้าไหมตลอดท้ังผืน ดว้ ยการใช้เส้นไหมแทท้ ี่เปน็ เสน้ เล็ก เรียบท้ังดา้ ยพงุ่ และดา้ ยยืน ทำใหไ้ ดผ้ ืนผ้าไหมมคี วามละเอยี ดเนอ้ื แน่น สม่ำเสมอไม่มรี อยโปร่ง และ เม่ือถกู แสงแดดกจ็ ะเกิดความแวววาวสวยงาม กระบวนการผลติ 1. การสาวไหม ทำไดโ้ ดยการต้มตวั ไหม โดยใชห้ ม้อทม่ี ี ความกว้างของปากวัดโดยรอบประมาณ 25 นวิ้ โดยท่ัวไปใช้หม้อ นงึ่ ข้าว ปากหมอ้ น้ันครอบดว้ ยไมโ้ ค้งคล้ายหว่ งของถังไมแ้ ละใชไ้ ม้ ลกั ษณะแบนเจาะรตู รงกลางพาดระหว่างห่วงทงั้ สองข้าง และ เหนือไมแ้ บนๆ น้ี มไี ม้รอกซ่งึ มลี ักษณะเปน็ วงกลม จากน้นั เอาฝกั ไหมท่ีจะสาว ใส่ลงไป ในหมอ้ ต้มประมาณ 30 – 50 นาที ระหวา่ งทร่ี อ ให้คนรงั ไหมในหมอ้ ประมาณ 2 – 3 คร้ัง ให้รงั ไหมสกุ ทัว่ กนั แล้วเอาแปรงชะรังไหมเบาๆ เส้นไหมกจ็ ะติดแปรงข้ึนมา จงึ นำมาสอดท่รี ูตรงกลางของไม้ ระหว่างหว่ ง ทัง้ สองข้าง และสาวให้พน้ รอก 1 รอบ จากน้ัน เวลาสาวไหม จะใชม้ อื ทั้งสองข้าง โดยมือหนึง่ สาวไหม จากรอก ลงภาชนะทีร่ องรบั เส้นไหม ส่วนอีกมอื หน่ึงถือไม้ อนั หนง่ึ เรยี กว่า \"ไมข้ นื \" ซ่ึงมลี กั ษณะเปน็ งา่ มยาวประมาณ 1 ศอก เพอ่ื ใช้ในการกดและเขย่ารังไหมท่ี อยู่ในหมอ้ เพราะรังไหมทอ่ี ยใู่ นหมอ้ นั้นจะลอยขน้ึ มาถ้าไมก่ ด และเขย่ารังไหมจะเกาะกันแนน่ สาวไม่ ออก หรอื ออกมาในลักษณะทเี่ สน้ ไหมมขี นาดไม่สม่ำเสมอกนั เครอื่ งสาวไหมทงั้ หมดเรียกว่า \"เครือ่ ง พวงสาว\" การสาวไหมนตี้ ้องหมน่ั เตมิ น้ำเย็นลงไปเป็นระยะระวงั อยา่ ให้นำ้ ถึงกับร้อนและเดอื ด เคร่ืองมอื ในการสาวไหมประกอบดว้ ย 1. เคร่อื งสาวไหม หรอื พวงสาว คอื รอกท่ใี ชด้ ึงเสน้ ไหมออกจากหม้อ 2. เตาไฟสำหรับตม้ รงั ไหม อาจเป็นเตาถ่านหรือเตาท่ใี ช้ฟนื กไ็ ด้
5 3. หม้อสำหรบั ตม้ รังไหมจะเป็นหม้อดนิ หรือหม้อเคลือบกไ็ ด้ ทนี่ ิยมใชห้ มอ้ นงึ่ ข้าวเหนียว เรียกว่าหม้อนึ่งเพราะมีขอบปากบานออกรบั กบั พวงสาวไดพ้ อดี 4. แปรงสำหรับชะรงั ไหมทำดว้ ยฟางขา้ ว 5. ถังใสน่ ้ำ เพอ่ื เอาไว้เตมิ น้ำในหมอ้ ตม้ เมอ่ื เวลานำ้ ร้อนเดอื ด 6. ไมข้ นื สำหรบั เขี่ยรงั ไหมในหมอ้ ให้เป็นไปตามตอ้ งการและ ใหเ้ ส้นไหมผ่านขน้ึ ไปยังรอก 7. กระบุงหรอื ตะกร้า สำหรับใส่เส้นไหม 2. การฟอกไหม หลังจากท่สี าวไหมจนหมดแล้ว ข้นั ตอน ต่อไปก็คอื ต้องนำไหมทไ่ี ดน้ ้ันมาฟอกให้น่มิ และเป็นสีขาว วิธีฟอกไหม ชาวบา้ นไม่ไดใ้ ชส้ ารเคมี แตจ่ ะใชข้ องท่ีหางา่ ยอยู่ใกล้ตัว เชน่ กาบกลว้ ย ใบกลว้ ย ตน้ กล้วย ผกั โขมหนาม ต้นตัง ไกน่ อ้ ย งวงต้นตาล ก้านตาล ฝกั หรือเปลือกเพกา ฯลฯ อย่างใดอย่างหนง่ึ นำมาฝานให้ บาง ผ่งึ แดดให้แหง้ และเผาไฟจนเปน็ เถ้า นำเถ้าท่ีได้ไปแชน่ ำ้ ไว้ให้ ตกตะกอน ใชเ้ ฉพาะสว่ นทเี่ ป็นน้ำใส นำไหมที่จะฟอกลงแชโ่ ดยกอ่ นจะ นำไหมลงแช่จะต้องทุบไหมให้อ่อนตวั เพื่อทีน่ ้ำจะไดซ้ ึมเข้าไดง้ ่าย แช่ จนไหมนมิ่ และขาว จงึ นำไปผง่ึ แดดให้แหง้ หากไหมยงั ไม่สะอาดก็ นำไปแชต่ ามวธิ ีเดิมอกี จากนั้นการดึงไหมออกจากลมุ่ ไหมจะต้องทำโดย ระมดั ระวังไม่ใหพ้ ันกนั เส้นไหมท่ฟี อกแลว้ จะอ่อนตวั ลง เส้นน่ิม 3. การมัดหมี่ คือ การทำผ้าไหมใหเ้ ปน็ ลายและสสี ันตา่ งๆ ตาม แบบหรือลายทีไ่ ด้ออกแบบไว้ ซึ่งปจั จบุ นั มีท้ังแบบลายที่ เปน็ แบบลายโบราณและแบบทเ่ี ปน็ ลายประยุกต์ โดยการ มดั เสน้ ไหมให้เปน็ ลวดลายทเ่ี สน้ พงุ่ ดว้ ยเชอื กฟางมัดลาย แล้วนำไปยอ้ มสี จากนนั้ นำมามัดลายอกี แลว้ ย้อมสีสลับกนั หลายครั้ง เพ่ือให้ผ้าไหมมลี วดลายและสีตามตอ้ งการ
6 4. การยอ้ มสีไหม สไี หมทนี่ ิยมใช้ย้อมมี 2 ชนดิ คือ 4.1 สยี อ้ มท่ไี ดจ้ ากธรรมชาติ ได้จากตน้ ไม้ ใช้ไดท้ ง้ั ใบ เปลอื ก ราก แก่นและผล ชาวอสี าน รจู้ กั การย้อมสีไหมให้ไดส้ ีตามต้องการ จากสีธรรมชาตมิ านานแลว้ มีขนั้ ตอนทีย่ ุ่งยากพอสมควรเรม่ิ จากไปหาไม้ท่จี ะใหส้ ีที่ต้องการ ซง่ึ จะอยู่ในป่าเป็นส่วนใหญ่ บางสตี อ้ งการใช้ต้นไมห้ ลายชนิด ทำให้ ยุ่งยาก เม่ือได้มาแล้วตอ้ งนำมาสบั มาซอย หนั่ ให้เป็นชิ้นเลก็ ๆ นำไปต้มกรองเอาน้ำให้ไดม้ ากตาม ตอ้ งการ แลว้ จึงนำไปย้อมแต่ละคร้งั สจี ะแตกตา่ งกันออกไป ไมเ่ หมอื นเดิมทเี ดยี ว ทำให้เกดิ รอยด่าง บนผืนผา้ ได้ ปจั จุบันจงึ นิยมใชส้ เี คมเี ป็นส่วนมากหรือเกอื บทง้ั หมด เพราะยอ้ มง่าย ขน้ั ตอนที่ทำไม่ ยงุ่ ยากซบั ซอ้ นสีท่ไี ดส้ ม่ำเสมอ จะยอ้ มก่คี รัง้ ๆ กไ็ ด้สีเหมอื นเดมิ และ สีตดิ ทนนานมากกวา่ สจี ากธรรมชาติ ต้นไม้ทน่ี ำยอ้ มแบบพื้นบา้ น สี ท่ยี ้อมจากธรรมชาติ มดี งั น้ี 1. สแี ดง ไดจ้ าก ครง่ั รากยอ 2. สีน้ำเงิน ได้จาก ต้นคราม 3. สีเหลือง ไดจ้ าก แก่นขนนุ ขม้นิ ชนั แก่นเข 4. สีเขยี ว ไดจ้ าก เปลือกสมอและใบหกู วาง ใบเตย 5. สมี ่วงออ่ น ได้จาก ลูกหวา้ 6. สชี มพู ได้จาก ตน้ ฝาง ตน้ มหากาฬ 7. สีดำ ได้จาก เปลือกสมอ และลูกมะเกลือ ลูกระจาย 8. สีสม้ ได้จากลูกสะตี (หมากชาตี) 9. สีน้ำตาลแก่ ได้จาก จานแกน่ อะลาง 10. สกี ากแี กมเขยี ว ไดจ้ าก เปลือกเพกากับแก่นขนนุ 11. สีกากีแกมเหลอื ง ได้จาก หมากสงกบั แกน่ แกแล 4.2 สียอ้ มวทิ ยาศาสตร์ หรอื สสี งั เคราะห์ มีสว่ นผสมทางเคมวี ิธียอ้ มแตล่ ะคร้ัง จะใชส้ ดั สว่ น ของสี และสารเคมีที่แน่นอน สีทไ่ี ด้จากการย้อมแตล่ ะครงั้ จะเหมอื นกนั แหลง่ ทอผา้ ในปัจจบุ ันนยิ มใช้ สยี อ้ มวทิ ยาศาสตร์
7 5. การทอผ้าไหม วิธกี ารในการทอผ้าเป็นขั้นตอนสดุ ท้าย กอ่ นทีจ่ ะออกมาเป็นผา้ ผนื คอื การทอผา้ ไหมจะประกอบไปด้วยเสน้ ไหม ๒ ชดุ คือชดุ แรกเป็น \"เสน้ ไหมยนื ”จะขึงไปตามความยาวผ้าอยู่ ติดกับก่ีทอ (เคร่ืองทอ) หรอื แกนม้วนด้านยืน อกี ชุดหนงึ่ คือ \"เสน้ ไหมพงุ่ ” จะถูกกรอเข้ากระสวย เพ่อื ใหก้ ระสวยเป็นตวั นำ เสน้ ด้ายพงุ่ สอดขดั เส้นด้ายยืนเปน็ มุมฉาก ทอสลับกนั ไปตลอด ความยาวของผืนผา้ การสอดดา้ ยพงุ่ แตล่ ะเสน้ ต้องสอดใหส้ ุด ถึงริมแตล่ ะดา้ น แล้วจึงวกกลับมา จะทำให้เกิดรมิ ผ้าเปน็ เสน้ ตรงท้ังสองด้าน สว่ นลวดลายของผ้านั้นขนึ้ อยกู่ ับการวาง ลายผ้าตามแบบของผทู้ อทไี่ ด้ทำการมัดหมี่ไว้ คุณค่าของมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม แตเ่ ดมิ ชาวบ้านแถบจงั หวัดมหาสารคามทอผา้ ลายโบราณ ตามแบบบรรพบุรษุ อยหู่ ลายลายดว้ ยกนั ภายหลงั ลายเก่าแก่ เหล่าน้ีก็เรมิ่ สญู หายไปจากชีวิตการทอผ้าของชาวบ้าน เนื่องจาก ความยากในการทอ ลายสร้อยดอกหมากกเ็ ป็นลายผ้าโบราณลาย หน่ึงท่ีเกือบจะสญู หายไปจากทอ้ งถ่นิ ด้วยความทีล่ ายผา้ มีความ ละเอยี ดมาก ผูท้ อตอ้ งมคี วามรู้ในเร่ืองของลาย และมฝี ีมือทง้ั ใน การมัดและการทอ ถา้ ไมม่ คี วามชำนาญ การย้อมสีอาจไม่สมำ่ เสมอ ทำให้ลายผ้าผิดเพ้ยี นไป นอกจากนต้ี ้องใชร้ ะยะเวลาในการทอมาก จึงเป็นสาเหตุใหช้ าวบ้านไม่นิยม ทอผ้าลาย \"สรอ้ ยดอกหมาก” จนกระทงั่ ทางจังหวัดมหาสารคาม ไดจ้ ัดใหม้ ีการประกวดผา้ ไหมประจำ จังหวัดขน้ึ ปรากฏวา่ ผา้ ไหมทไ่ี ดร้ ับรางวัลชนะเลศิ นั้น คือ ผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก เพราะมีความ สวยงามและวจิ ิตรบรรจงมาก จงึ ไดเ้ ลอื กผา้ ไหมลายสรอ้ ยดอกหมากเป็นผ้าไหมประจำจังหวัด พรอ้ ม กบั สนับสนุนใหช้ าวบา้ น ทอผา้ ลายนี้ใหม้ ากข้นึ ทำให้ขณะนก้ี ลุ่มทอผ้าไหมทกุ อำเภอของจงั หวดั มหาสารคาม ต่างก็หันมาผลิตผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมากกันมากขนึ้
8 \"ลายสรอ้ ยดอกหมาก” เป็นชอ่ื ลายตามคำเรยี กของคนโบราณ ปจั จบุ ันชาวบ้านอาจเรียก ต่างกันไป ในแต่ละท้องถน่ิ เชน่ ลายเกลด็ ปลา หรือลายโคมเก้า เกิดจากการนำเอาลายโคมหา้ มา มดั ซอ้ นกบั ลายโคมเก้าและทำการโอบหม่ีแลเงาเพือ่ ให้ลายแน่นขึน้ ละเอยี ดข้ึน ทำใหม้ ีคุณสมบตั พิ ิเศษ เปน็ จุดเด่นคอื เปน็ ลายเลก็ ทม่ี คี วามละเอียดอยา่ งยิง่ เมือ่ นำมาประยกุ ตส์ สี ันต์ลงไปในการมดั ยอ้ ม แต่ละครง้ั เกิดเป็นชอ่ ชน้ั ทำใหม้ องดูสวยงามจบั ตามีคุณคา่ มากข้นึ การทอผา้ ไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก เสน้ ไหมทีใ่ ชจ้ ะต้องเส้นเลก็ มีความสมำ่ เสมอ การทอผา้ ไหม ลายสร้อยดอกหมาก ใชเ้ วลาในการทอมากและขึน้ อยู่กับความละเอยี ดของลาย เฉพาะการมดั หม่ี ใช้ระยะเวลานาน 4 – 5 วัน ย่งิ ลายละเอยี ดกต็ ้องขยายลำหม่ีใหม้ ากข้ึนเปน็ 49 ลำ หรือ เป็น 73 ลำ ดอก จะมขี นาดเลก็ ลงไป สว่ นขนั้ ตอนการทอใชเ้ วลาประมาณ 15 วนั ต่อหน่งึ ผืน บทบาทของชมุ ชนทีม่ ตี อ่ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม ชาวบ้านไดม้ กี ารกอ่ ตัง้ กลุม่ ทอผา้ ไหมบา้ นลาด โดยมี นางตยุ๋ เหล่าชัย เป็นหัวหนา้ กลมุ่ และเปน็ ผูถ้ ่ายทอดความรู้ใหเ้ พื่อนบ้านใกล้เคียง ซึง่ เดิมทำการทอผา้ ไวส้ ำหรบั ใช้งานในบ้านอยู่ แลว้ เมื่อมีการทอผา้ ได้มากขน้ึ จงึ มีการนำผ้าทอไดไ้ ปจำหนา่ ย จงึ เกิดแนวคิดในการรวมกลมุ่ กนั เพอ่ื ผลติ และหาตลาดจดั จำหน่าย เพอ่ื สร้างรายได้ สร้างอาชีพแก่กลุม่ แมบ่ า้ น โดยการจัดตงั้ กลมุ่ วชิ าชพี 1 อำเภอ 1 อาชีพ เปน็ การพัฒนาอาชีพในชุมชน เพ่อื ใหเ้ กดิ การเรยี นรูแ้ ละถ่ายทอด ภมู ิปัญญาให้แกค่ นรุ่นใหม่ ได้รับการสนับสนุน กศน.อำเภอกันทรวชิ ัย ด้านงบประมาณศนู ย์ฝึกอาชีพ ชมุ ชน กล่มุ ได้ซื้อเสน้ ไหมจากวสิ าหกจิ ชมุ ชนโรงสาวไหมชุมชนโนน งาม ตำบลห้วยเตย อำเภอกุดรงั จงั หวดั มหาสารคาม และจาก จังหวดั ใกลเ้ คียง และวัตถดุ บิ อืน่ ในการยอ้ มเส้นไหมหาซ้ือไดจ้ าก ภายในท้องถิ่น ด้านการการผลติ สนิ คา้ กลมุ่ ไดท้ ำการอนุรักษ์ภูมิ ปญั ญาท้องถิ่นโดยฟืน้ ฟูการทอผ้าไหมลาย \"สร้อยดอกหมาก” ซ่งึ เป็นลายผา้ ด้ังเดิมของทอ้ งถิ่นอสี านซึ่งเกอื บจะสญู หายไป นอกจาก จะทำการทอผ้าไหมแลว้ ยงั ไดม้ กี ารนำผ้าไหมไปตดั เย็บเสอ้ื ผ้าเครอ่ื ง แต่งกายและของใช้ต่างๆ
9 สถานภาพปจั จุบันของการถ่ายทอดความรแู้ ละปจั จัยคกุ คาม ปญั หาและอุปสรรคในปจั จุบนั คอื กำลงั การผลติ ไม่เพยี งพอตอ่ ความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในชว่ งเทศกาลสำคญั ต่างๆ เชน่ วนั พ่อ วันแม่ วันข้ึนปีใหม่ เนอื่ งจากมลี กู คา้ ส่ังซอ้ื สนิ ค้า เปน็ จำนวนมาก และในการทอผา้ ไหมต้องใช้ความประณีตและระยะเวลานานพอสมควร ทำให้ การส่ังซ้อื สินค้าของลกู ค้าแตล่ ะครั้งใช้เวลานานกว่าจะไดส้ นิ ค้าอาจทำใหล้ กู ค้าไม่ซือ้ สนิ ค้า สมาชกิ ส่วนใหญ่เปน็ เกษตรกร ในฤดู ทำนาอาจทำให้ขาดกำลังผลิตสนิ ค้า ทำให้สินค้าไม่เพยี งพอตอ่ ความ ตอ้ งการของลูกคา้ แนวทางแกไ้ ข สมาชิกสับเปล่ียนหมุนเวียนกันทอผา้ ไหมท้งั กลางวันและ กลางคืน เพื่อให้ทนั กบั คามต้องการของลูกค้า เอกสารอ้างองิ - กลุ่มทอผ้าไทย เอกสารประกอบการเรียนรู้ การทอผ้าไหมมัดหมีล่ ายสร้อยดอกหมาก บา้ นลาด ตำบลศรสี ขุ อำเภอกันทรวิชัย จังหวดั มหาสารคาม บุคคลอ้างองิ - นางตุ๋ย เหลา่ ชัย บ้านลาด หมู่ที่ 1 ตำบลศรีสขุ อำเภอกันทรวชิ ยั จงั หวัดมหาสารคาม - นางอ้ม โสนะโชติ บ้านลาด หม่ทู ่ี 13 ตำบลศรสี ุข อำเภอกนั ทรวิชยั จังหวัดมหาสารคาม - นางทองมว้ น พานพันธ์ บ้านลาด หมู่ท่ี 17 ตำบลศรสี ขุ อำเภอกันทรวิชยั จังหวัดมหาสารคาม
10 หลักสูตรการทอผ้าไหมลายสร้อยดอกหมาก จำนวน 35 ช่วั โมง ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอกนั ทรวิชัย ผา้ ทอเปน็ ส่อื สัญลกั ษณข์ องคนในแตล่ ะชุมชน แสดงถึงเช้อื ชาติ เผ่าพันธุ์ และความแตกต่าง ทางวฒั นธรรม ผ้าทอยังคงเป็นปจั จัยสำคญั ในการดำรงชวี ิตของมนุษย์ต้งั แต่แกจ่ นถงึ ตาย และมี บทบาทสำคญั ทั้ง ในแงเ่ ศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม การทอผา้ เริ่มจากการสาน มนุษยเ์ รม่ิ สาน ต้นหญ้าอ่อนเพอ่ื ใช้ใส่วสั ดุ ส่ิงของ และตอ่ มากลายเป็นเสื่อและตะกรา้ และพฒั นามาเป็นวิธกี ารต่อต้น พชื เพื่อเป็นเส้นท่ียาวและทำให้ เหนยี ว ข้นึ สามารถรบั น้ำหนกั ไดม้ ากขนึ้ จนกระท่งั มกี ารคดิ ค้นวัสดุ การทอจากพชื มาเป็นเสน้ ใย เชน่ ฝ้าย รู้จกั วิธกี าร ทออยา่ งง่าย คือ การนำฝา้ ยมาผกู กับหินเป็นเสน้ ยนื และใชเ้ สน้ พุ่งเข้าไปเวลาทอ ในอดตี เด็กผู้หญงิ ทุกคนจะถกู ฝกึ หัดใหร้ ้จู กั การทอผ้า และเยบ็ ปัก ถักร้อย ซ่ึงเป็นสิ่งท่จี ำเปน็ ในการดำรงชีวิต ในชมุ ชนภาคเหนอื ผ้าทอ ยงั คงบทบาททางสงั คมและ วัฒนธรรม นอกจากบทบาททางการค้า ยงั มีการใชผ้ ้าใน ประเพณีและพธิ กี รรมตา่ ง ๆ ดงั นัน้ การสืบ ทอดความคิด ความเชื่อ แบบแผนทางสังคม จากคนรุน่ เกา่ สูค่ นรุ่น ใหม่ และพฒั นาศกั ยภาพ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ทม่ี ีอยู่ ในการเสรมิ สร้างคุณภาพชีวติ เพ่อื การด ารงอยู่ของ วฒั นธรรมควบคู่กับ การพัฒนาเป็น อาชพี และรายไดข้ องคนชุมชน การทอผา้ เปน็ วฒั นธรรมอย่างหนึง่ ทส่ี บื ทอด กันมา นอกจากคุณค่าทางศลิ ปะแล้วยังเปน็ การแสดงถงึ แบบแผนความเปน็ อยู่ในสังคม การจดั การศกึ ษาอาชีพในปจั จุบนั มีความสำคัญมากเพราะจะเปน็ การพัฒนาประชากรของ ประเทศใหม้ ีความร้คู วามสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพเป็นการแกไ้ ขปัญหาการว่างงาน และส่งเสรมิ ความเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่เศรษฐกิจชุมชนซึ่งกระทรวงศึกษาธิการไดก้ ำหนดยทุ ธศาสตร์ 2555 ภายใต้กรอบเวลา 2 ปีทจ่ี ะพฒั นาศกั ยภาพของพนื้ ทใ่ี น 5 กลมุ่ อาชีพใหม่ให้สามารถแข่งขันได้ใน 5 ภูมิภาคหลกั ของโลก “ร้เู ขารู้เราเท่าทันเพ่อื แขง่ ขันไดใ้ นเวทีโลก” ตลอดจนกำหนดภารกิจทจ่ี ะ ยกระดบั การจัดการศึกษาเพื่อเพิม่ ศักยภาพและขดี ความสามารถใหป้ ระชาชนได้มีอาชพี ทส่ี ามารถ สรา้ งรายได้ที่มัน่ คง มัง่ คง่ั โดยเนน้ การบูรณาการให้สอดคล้องกับศกั ยภาพดา้ นตา่ งๆ รว่ มพัฒนาคน ไทยให้ไดร้ ับการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาอาชีพและการมงี านทำอย่างมคี ณุ ภาพท่วั ถึงและเทา่ เทยี มกัน ประชาชนมีรายได้มั่นคงม่ังคัง่ และมงี านทำอยา่ งยง่ั ยืนมีความสามารถเชิงการแขง่ ขนั ทั้งในระดับ ภมู ภิ าคอาเซยี นและระดับสากลซึ่งจะเปน็ การจดั การศึกษาตลอดชีวิตในรปู แบบใหม่ทสี่ รา้ งความมัน่ คง ให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ
11 สภาพสงั คมในปจั จบุ นั มนุษย์เราได้รับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงในดา้ นต่างๆเช่น ดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื งสงั คมและส่ิงแวดล้อมเปน็ อย่างมากประชากรเพิ่มขน้ึ เร่ือย ๆ แตท่ รัพยากรมี น้อยลงจึงมีความจำเปน็ ต้องใชท้ รพั ยากรที่มอี ยอู่ ย่างจำกดั ให้มคี วามคมุ้ ค่าย่งิ ข้ึนโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เร่อื งของการประกอบอาชีพดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์มีความจำเป็นท่จี ะต้องใชป้ ระโยชนจ์ ากการ ประกอบอาชพี ให้มีความคุ้มค่าย่งิ ขึ้น อาชีพการทอผา้ ไหมจึงเป็นอีกอาชีพหน่ึงทจ่ี ะเป็นทางเลอื กในการสรา้ งรายได้และการมงี านทำ อย่างยัง่ ยนื ของประชาชน หลกั การของหลักสตู ร การจัดการศกึ ษาเพือ่ การพฒั นาอาชีพเพ่ือการมีงานทำกำหนดหลกั การไว้ดังน้ี 1. เปน็ หลักสตู รท่เี น้นการบรู ณาการใหส้ อดคลอ้ งกบั ศักยภาพดา้ นต่างๆ 5 ดา้ นไดแ้ ก่ศักยภาพ ของทรพั ยากรธรรมชาติในแตล่ ะพื้นที่ ศกั ยภาพของพนื้ ท่ีตามหลักภมู ิอากาศ ศักยภาพภูมปิ ระเทศ และทำเลท่ตี ้งั ของแตล่ ะประเทศ ศักยภาพของศิลปะวฒั นธรรมประเพณี วถิ ีชีวิตของแตล่ ะพน้ื ท่ี และ ศกั ยภาพของทรพั ยากรมนุษยใ์ นแต่ละพ้ืนที่ 2. รุ่นพัฒนาคนไทยใหไ้ ดร้ ับการศึกษาเพอื่ พัฒนาอาชีพและการมงี านทำอย่างมีคุณภาพท่วั ถงึ และเท่าเทียมกันสามารถสร้างรายได้ท่มี ่นั คงและเป็นบุคคลที่มีวนิ ัยเปี่ยมไปดว้ ยคุณธรรมจรยิ ธรรม มจี ิตสำนกึ ความรับผดิ ชอบต่อตนเอง ผู้อ่ืนและสังคม 3. สง่ เสรมิ ใหม้ ีความร่วมมือในการดำเนนิ งานร่วมกับภาคเี ครือขา่ ย 4. เน้นการฝกึ ปฏบิ ัติจรงิ เพ่อื ให้ผ้เู รียนเกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจและสามารถนำไปประกอบอาชีพ ให้เกดิ รายได้ท่ีมน่ั คงม่งั คง่ั และย่ังยืนในอาชีพส่งเสรมิ ให้มีการเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณ์เข้าสู่ หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน จุดมุ่งหมาย 1. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ทักษะความรู้ความเขา้ ใจเทคนิคการทอผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ 2. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นสามารถออกแบบการมดั รายการยอ้ มสีท่ีสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของตลาด 3. เพือ่ เปน็ การอนุรกั ษภ์ มู ิปัญญาท้องถิ่นและอาชีพดงั้ เดิมของบรรพบรุ ุษ 4. เพ่อื เปน็ การสบื สานวฒั นธรรมการทอผ้า
12 กลุม่ เป้าหมาย กลมุ่ เปา้ หมาย คือ ประชาชนกล่มุ เปา้ หมายนอกระบบโรงเรียน 1. ผทู้ ่ีไมม่ ีอาชีพ 2. ผมู้ อี าชพี และต้องการพัฒนาอาชพี 3. ควรเปน็ ผู้มีใจรักในการทอผ้าและมคี วามอดทน ระยะเวลา 35 ชว่ั โมง ทฤษฎี 14 ช่วั โมง ปฏิบัติ 21 ชั่วโมง โครงสรา้ งหลกั สูตร 1. ช่องทางการประกอบอาชพี การทอผ้า 1.1 ความสำคญั ของการประกอบอาชพี การทอผา้ 1.2 ความเปน็ ไปไดใ้ นการประกอบอาชีพการขอค่า - การวางแผนและการบริหารจัดการ - แหล่งเงินทนุ และการจดั หาเงนิ ทนุ - ความตอ้ งการของตลาด - ช่องทางการจดั จำหน่าย 1.3 ศึกษาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ท่ีเก่ียวข้อง - ศูนยอ์ นรุ กั ษ์ผ้าไหม - สถานประกอบการเก่ียวกับการทอผา้ - ร้านคา้ หรอื ตัวแทนในการจำหนา่ ยผลผลิต - เครอื ข่ายกลมุ่ ทอผ้า 1.4 การตดั สนิ ใจในการเลือกอาชพี - ความต้องการของตลาด - สถานประกอบการเครือขา่ ยกลุม่ องคก์ รท่ปี ระสบผลสำเร็จ
13 2. ทกั ษะการประกอบอาชพี การทอผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก 2.1 ความรู้เบือ้ งตน้ เก่ียวกบั การทอผ้าไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก - ประวัตคิ วามเปน็ มาวฒั นธรรมการทอผ้าไหมลายสร้อยดอกหมาก - กระบวนการและรปู แบบการทอผา้ ไหมลายสร้อยดอกหมาก - ความสำคัญและประโยชน์ของการประกอบอาชพี การทอผา้ ไหมลายสรอ้ ยดอกหมาก 2.2 การเตรียมวตั ถุดิบและสว่ นประกอบ - ขน้ั ตอนในการเตรียมด้ายสำหรับการทอ - การเลอื กเสน้ ไหม - วัตถดุ ิบและส่วนประกอบ 2.3 การฟอกด้าย - วตั ถุประสงคข์ องการป้องไหม - วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ของการฟอกไหม - ขั้นตอนการฟอก - ขอ้ ควรระวงั ในการฟอกไหม 2.4 การกวกั ไหม/การแกวง่ ไหม - จุดประสงคข์ องการกรอกไหม/การแบ่งไหม - วัตถวุ สั ดุอปุ กรณ์ - วธิ กี ารกวกั ไหม/การแกวง่ ไหม - ข้อความระมัดระวังในการกวักไหม/การแบ่งไหม 2.5 การเตรียมเส้นไหมพุง่ /ดา้ ยยื่น - ข้ันตอนการเตรียมเส้นไหมพุ่ง/ย่นื - การออกแบบลวดลาย - การรอ้ ยหลอดเล็กเป็นพวง 2.6 การค้นเส้นไหม - จดุ ประสงค์ของการคน้ ไหม - วัสดุและอปุ กรณ์ - วธิ กี ารคน้ ไหม - ข้อควรระวังในการค้นไหม
14 2.7 การออกแบบลายและการยอ้ มสีไหม - วสั ดอุ ปุ กรณ์ - วิธีการมัดลาย/ในขัน้ ตอน/การยอ้ มสีไหม - ขอ้ ควรระวงั ในการมดั ลายและการย้อมสีไหม - การตรวจสอบความถกู ต้องของลวดลาย 2.8 การกรองเสน้ ไหมย่นื /ด้ายพงุ่ - จุดประสงค์ของการกรอไหม - วัสดุและอปุ กรณ์ - วิธขี ัน้ ตอนการกรอด้าย - ข้อควรระวงั ในการกรอไหม 2.9 การมว้ น/ป่ันไหม - จุดประสงค์ของการม้วน/ปน่ั ไหม - วัสดุและอปุ กรณ์ - วิธีการมว้ น/ปั่นไหม - ข้อควรระวงั ในการมว้ น/ปั่นไหม 2.10 การเก็บตะกอ - จดุ ประสงค์ของการเก็บถักตะกอ - วัสดแุ ละอุปกรณ์ - วิธ/ี ข้ันตอนการเก็บตะกอ - ข้อควรระวงั ในการเก็บตะกอ 2.11 การทอผ้าพนื้ เมืองแบบ ๒ เสน้ - ข้ันตอนการทอผ้าพน้ื เมืองแบบ ๒ เสน้ - การเตรียมก่ี - การนำหลอดพุง่ ใส่กระสวย - การพุ่งกระสวย - การจดั ลวดลายและแต่งรมิ ขอบผา้
15 - การกระแทกฟืม - การขงึ หน้าผา้ ใหต้ ึง - การต่อเส้นไหมย่ืนและเส้นดา้ ยพุ่งเมื่อเสน้ ด้ายขาด - การปรับและปลอ่ ยเส้นด้ายยนื - การว่งิ เส้นยื่นขณะทอผ้า - การเก็บกี่เมอ่ื หยุดพกั การทอผ้า 2.12 การประยกุ ต์รูปแบบการขายเป็นผ้าแบบต่างๆท่ีสามารถนำไปใชไ้ ดอ้ ย่างหลากหลาย - การทอผ้าคลมุ ไหลล่ ายสรอ้ ยดอกหมาก - การทอผ้าพันคอลายขดิ - การทอผ้ารูปแบบอน่ื ๆเช่นผ้าปโู ตะ๊ ผา้ ตกแตง่ ผนงั และอ่นื ๆ 3 การบรหิ ารจดั การอาชีพ 3.1 การบรหิ ารจดั การอาชีพการทอผ้า 3.1.1 การดูแลรกั ษาคณุ ภาพของผ้า 3.1.2 การลดต้นทนุ ในการผลติ ของผา้ 3.1.3 การเพม่ิ มลู คา่ สินค้า - การแปรรูป - การออกแบบ - การประยุกต์ใช้ 3.2 การจดั การตลาด 3.2.1 การทำฐานขอ้ มูลลกู คา้ ท่ีใช้บริการคู่แข่งทางการตลาด 3.2.2 ประชาสัมพันธ์ 3.2.3 ส่งเสริมการขายและการบรกิ าร 3.2.4 การขอมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ 3.3 การจัดการความเส่ียง 3.3.1 การวิเคราะหศ์ ักยภาพในการประกอบอาชีพการทอผา้ 3.3.2 แก้ปญั หาความเส่ียงในการประกอบอาชีพการทอผ้า
16 4 โครงการประกอบอาชีพ 4.1 ความสำคัญของโครงการประกอบอาชพี การทอผา้ 4.2 ประโยชน์ของโครงการประกอบอาชีพการทอผ้า 4.3 องค์ประกอบในแต่ละองค์ประกอบของอาชีพการทอผา้ 4.4 การเขยี นโครงการการทอผ้า 4.5 การประเมินความเหมาะสมและสอดคลอ้ งของโครงการการต่อภาพการจัดการ กระบวนการเรียนรู้ 1. ศกึ ษาขอ้ มลู จากเอกสาร/ภูมิปัญญา 2. ฟงั วทิ ยากรบรรยายให้ความรู้ 3. การศึกษาดูงานจากแหล่งเรียนรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4. แลกเปล่ียนเรียนรู้ 5. ทำใบความรู้และใบงาน 6. ฝกึ ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองเพ่ิมเตมิ อย่างตอ่ เนือ่ ง 7. ฝึกปฏิบัติจริงและทดสอบผา่ นเกณฑ์ทกี่ ำหนดไว้ ที่ เรอ่ี ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวน จำนวนชั่วโมง การเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ 1 - ชอ่ ง สามารถอธบิ ายช่อง 1. ความสำคญั วิทยากรอธบิ าย 5 ทางการ ทางการประกอบ ของการประกอบ ความสำคัญของ ประกอบ อาชพี การทอผ้า อาชพี การทอผา้ การประกอบอาชพี อาชีพ 2. ความเป็นไป การทอผ้า การทอผา้ ได้ในการ ประกอบอาชพี การทอผา้
17 ท่ี เรี่อง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เนื้อหา การจดั กระบวน การเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ 2 - ทกั ษะการ สามารถบอกลกั ษณะ ทกั ษะการ วิทยากรอธบิ ายทักษะ 3 21 ประกอบ ของทกั ษะการ ประกอบอาชพี การประกอบอาชพี อาชีพการ ประกอบอาชพี การทอ การทอผ้าไหม การทอผ้า ทอผ้า ผา้ ไหมลายสร้อย ลายสร้อย - สาธติ ดอกหมาก ดอกหมาก - ปฏบิ ัติ 3 - การ สามารถอธบิ าย การประกอบ - อธบิ าย 3 บริหาร การประกอบอาชพี อาชพี - สาธิต จัดการ 1. ความสำคญั ของ ทอผ้าไหมลาย - ปฏิบัติ อาชพี การประกอบอาชีพ สร้อยดอกหมาก การทอผ้าไหมลาย การประเมนิ ผล สร้อยดอกหมาก - การทำแบบ 2. ประโยชน์ของ ประเมิน การประกอบอาชีพ - การตลาด การทอผ้า 3. องค์ประกอบในแต่ ละองค์ประกอบของ อาชพี การทอค่า 4. การประเมินความ เหมาะสมและ สอดคลอ้ งของ โครงการการทอผา้
18 ท่ี เรอี่ ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา การจดั กระบวน จำนวนชั่วโมง การเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ 4 - โครงการ 4.1 บอกความสำคัญ 4.1 ความสำคัญ 4.1 จดั ให้ผ้เู รียนศกึ ษา 3 ประกอบ ของ โครงการอาชีพ ของโครงการ เนอ้ื หาจาก ใบความรู้ อาชพี ได้ อาชพี การทอผา้ เร่อื งความสำคัญ ของ 4.2 บอกประโยชน์ ไหม โครงการอาชพี ของโครงการ อาชีพ 4.2 ประโยชน์ ประโยชน์ของ ได้ ของโครงการ โครงการอาชพี 4.3 บอกองค์ประกอบ อาชพี การทอผา้ องค์ประกอบของ ของ โครงการอาชพี ได้ ไหม โครงการอาชพี แล้วจัด 4.4 อธิบาย 4.3 องค์ประกอบ กิจกรรมสนทนา ความหมายของ ของโครงการ แลกเปลีย่ น ขอ้ มูล องคป์ ระกอบของ อาชพี การทอผา้ ความคดิ เหน็ เพ่ือสร้าง โครงการอาชีพได้ ไหม แนวคดิ ในการดำเนนิ 4.5 อธบิ ายลักษณะ 4.4 การเขียน กจิ กรรม การเรยี นรู้ การเขียนทด่ี ี ของ โครงการ อาชีพ 4.2 จัดให้ผูเ้ รียนศกึ ษา องคป์ ระกอบของ การทอผา้ ไหม สาระ ข้อมูล จากใบ โครงการอาชีพทดี่ ีได้ 4.5 การประเมิน ความรู้ เร่อื ง ตัวอยา่ ง 4.6 เขียนโครงการใน ความ เหมาะสม การเขยี นโครงการ แตล่ ะองค์ประกอบ ได้ และ สอดคล้อง อาชพี ทีด่ ี เหมาะสม เหมาะสมและถกู ตอ้ ง ของโครงการ และถกู ต้อง พร้อม 4.7 ตรวจสอบความ อาชีพ การทอผา้ จัดการอภปิ รายเพ่ือ เหมาะสม และ ไหม สรปุ แนวคิดเป็น สอดคล้องของ แนวทางในการ เขียน โครงการอาชพี ได้ โครงการอาชีพท่ดี ี เหมาะสมและถูกตอ้ ง
19 ที่ เร่อี ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวน จำนวนชว่ั โมง การเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ัติ 4.3 จัดให้ผเู้ รียนฝึก ปฏบิ ตั กิ ารเขียน โครงการอาชีพ 4.4 กำหนดใหผ้ ูเ้ รยี น ฝึกปฏบิ ัติการประเมนิ ความ เหมาะสมและ สอดคลอ้ ง ของ โครงการอาชพี 4.5 จดั ให้ผเู้ รียน ปรับปรุง โครงการ อาชพี ให้มคี วาม เหมาะสมและ ถกู ตอ้ ง 4.6 กำหนดใหผ้ ู้เรียน เขยี น โครงการอาชีพ ของตนเอง เพือ่ เสนอ ขอรับการ สนับสนุน งบประมาณ ดำเนนิ งานอาชีพ และใชใ้ น การดำเนินการ ประกอบ อาชพี ตอ่ ไป
20 ส่อื การเรยี นรู้ 1. สือ่ เอกสาร 2. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 3. ใบงาน 4. ใบความรู้ 5. ภูมปิ ญั ญา 6. สถานประกอบ การวดั และประเมินผล 1. การประเมินความรู้ภาคทฤษฎรี ะหว่างเรียนและจบหลักสตู ร 2. การประเมินผลงานการปฏบิ ตั ิระหวา่ งเรียนความสำเร็จของการปฏบิ ตั ิและจบหลักสูตร การจบหลักสตู ร 1. เวลาเรียนและฝกึ ปฏบิ ัติตามหลกั สูตรไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 2. มีผลการประเมนิ ผ่านตลอดหลกั สูตรไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 3. มีผลงานทม่ี คี ุณภาพจงึ จะได้รับวุฒิบตั ร เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา 1. หลกั ฐานการประเมนิ ผล 2. ทะเบียนคุมวฒุ ิบตั ร 3. วุฒิบัตรออกโดยสถานศึกษา การเทยี บโอน ผู้เรยี นที่จบหลกั สูตรน้ีสามารถนำไปเทยี บโอนผลการเรียนร้กู ับหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานพุทธศักราช 2551 ในสาระการประกอบอาชพี วิชาเลือกท่ีสถานศกึ ษาได้ จัดทำขึ้น
21 คณะผ้จู ดั ทำ ท่ปี รึกษา : นายสรุ ชัย จนั ทร์แดง ผอู้ ำนวยการ อำเภอกนั ทรวิชัย นางสาวศศกรณ์ บนั ทุปา ครู คศ. ๑ นายวีรชยั ใจมุ่ง ครูผูช้ ว่ ย นายสทิ ธศิ ักดิ์ นามแสงผา ครอู าสาสมัครฯ นางสาววไิ ลวรรณ อรรคเศรษฐัง ครูอาสาสมัครฯ ข้อมูล : ครู กศน.ตำบล นายนคร ช่างยนั ต์ ครู กศน.ตำบล นางสาวญาดา ทองเจริญ ครู กศน.ตำบล นางประทุม เหล่าสะพาน ครู กศน.ตำบล นายไพฑูรย์ วงศ์แสน ครู กศน.ตำบล นางกนกพร จำรัสศรี ครู กศน.ตำบล นางระเบยี บ เพยี รมงคล ครู กศน.ตำบล นายไพฑรู ย์ ทิพยโ์ สดา ครู กศน.ตำบล นางสาวอารรี ัตน์ เหลา่ สะพาน ครู กศน.ตำบล นางภทั รดา ธนูสา ครู กศน.ตำบล นางสาวสุรภา ยมศรีเคน ครูประจำศนู ย์การเรียนชมุ ชน นางสาวบานเย็น นาสรุ วิ งศ์ ครปู ระจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน นางสพุ ัตรา กนั ทรพทิ ักษ์ ครูประจำศนู ย์การเรยี นชุมชน นางสาววิลาสนิ ี เมอื งนาม ครูประจำศนู ย์การเรียนชุมชน นางสาวพรรธิภา เหลา่ สะพาน ครูประจำศนู ย์การเรียนชุมชน นางสาวพรรณทวิ า จนั ทริมา ครปู ระจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน นางสาวปณิตา สรอ้ ยคำ ครปู ระจำศนู ย์การเรยี นชมุ ชน นางสาวศรญั ญา ยุทธไชโย ครูประจำศนู ย์การเรียนชมุ ชน นางสาวรัตนพร มัตตา ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชุมชน นางสาวจนั ทร์แรม ภพู ลผัน ครูประจำศูนย์การเรยี นชุมชน นางสาวสุลาวรรณ ศริ ทิ รัพยว์ ัฒนานนั ท์ ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชุมชน นางอรอุมา สมดอกแกว้ ครูประจำศนู ย์การเรยี นชุมชน นางอบุ ลรตั น์ ศรสี ภุ ักด์ิ ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นางสาววไิ ลพร สอนสงิ ห์ ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นางสาวสุปรียา ธนสู า ครูประจำศนู ย์การเรยี นชุมชน พมิ พ์ / รปู เล่ม : นางรตั นา นติ ยารส
22
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: