ใบความรู้ เรอ่ื ง กระจุกดาว Star Cluster กระจุกดาวเป็นกลุ่มดาวขนาดใหญ่แต่ละดวงซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่แรงโน้มถ่วงเดียวกัน ดาวแต่ละดวง น้ันอาจอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงหรือบริเวณรอบนอก กลุ่มของดาวจะมีลักษณะคล้ายกันเป็น วงกว้างขึ้น คุณสมบัติหลักท่ีระบุกลุ่มดาวคือ ความจริงท่ีว่าดาวแต่ละดวงในกระจุกดาวนั้นเคลื่อนท่ีรอบ ศูนย์กลางเดียวกัน ศูนย์กลางร่วมน้ันเป็นแรงโน้มถ่วงที่ผูกกับดาวท้ังหมดเข้าด้วยกัน กระจุกดาวเป็นท่ีรู้จักกัน วา่ เป็นระบบและอาจเปน็ ส่วนหนงึ่ ของกาแล็คซขี นาดใหญเ่ ช่นทางช้างเผอื ก ภาพที่ 1 กระจุกดาว Star Cluster http://www.digitalschool.club/digitalschool/science1_2_2/science21_1/more/page6. เนื่องจากแรงดึงดูดเดียวกันน้ันรวมกลุ่มดาวเข้าด้วยกันศูนย์กลางกระจุกดาวจึงค่อนข้างสว่าง ความ สว่างน้ันดูเหมือนจะกระจายออกไปเมื่อกลุ่มของกระจุกดาวตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางมากข้ึน แม้จะมีความจริง ที่ว่าแรงเดียวกันนี้เช่ือมดาวเข้าด้วยกัน แต่กระจุกดาวก็ไม่ได้อยู่น่ิง เม่ือเวลาผ่านไปกลุ่มเหล่าน้ีสามารถย้าย ออกจากกันหรือแยกออกเป็นสองส่วน ถ้ากระจุกดาวกลายเป็นกระจุกดาวแต่ละดวงสามารถรวมกลุ่มกันเป็น กลุ่มได้ นเี่ ป็นกลุ่มดาวฤกษ์ท่เี คลอื่ นทไี่ ปในทศิ ทางเดียวกัน แต่ไม่ได้รวมตัวกันรอบจุดศูนย์กลางร่วม ตัวอย่างนี้ จะเปน็ ดวงอาทิตยข์ องโลกและดาวดวงอื่นในระบบสรุ ิยะ
กระจกุ ดาวเปน็ กล่มุ ของดาวฤกษ์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1.กระจกุ ดาวเปิด (Open Cluster) กระจกุ ดาวเปิด (Open Cluster) เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์จานวนหลายพันดวงที่รวมกลุ่มกันอยู่ในเมฆโมเลกุล ขนาดยักษ์ชุดเดียวกัน และมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดต่อกันและกันอย่างหลวมๆ ซ่ึงตรงข้ามกับกระจุกดาวทรงกลม ที่มีการดึงดูดกันและกันมากกว่า กระจุกดาวเปิดจะพบได้ในดาราจักรชนิดก้นหอยและชนิดไร้รูปร่างเท่านั้น ซ่ึงเป็นดาราจักรท่ียังมีการก่อตัวของดาวฤกษ์ดาเนินอยู่ โดยท่ัวไปมีอายุน้อยกว่าร้อยล้านปีและมักถูกรบกวน จากกระจุกดาวอื่น หรือกลุ่มเมฆท่ีมันโคจรอยู่ใกล้ๆ ทาให้สูญเสียสมาชิกในกระจุกดาวไปบ้างในการ ประจันหน้าเช่นนัน้ กระจกุ ดาวเปดิ ท่มี อี ายนุ ้อย อาจยงั คงอยใู่ นกลุ่มเมฆโมเลกุลซึ่งมันก่อตัวขึ้นมาส่องแสงและ ความร้อนจนสามารถสร้างบริเวณเอช 2 ข้นึ มาได้ เม่อื เวลาผ่านไป แรงดันของการแผ่รังสีจากกระจุกดาวจะทา ให้เมฆโมเลกุลกระจัดกระจายออกไป โดยทั่วไปมวลของแก๊สในกลุ่มเมฆประมาณ 10% จะรวมเข้าอยู่ใน ดาวฤกษ์ ก่อนท่ีแรงดันของการแผร่ ังสจี ะผลกั พวกมันออกไปเสีย ภาพท่ี 2 กระจกุ ดาวลูกไก่ Credit: HST/NASA กระจุกดาวเปิดเปน็ วัตถุท้องฟ้าที่สาคัญมาก ในการศกึ ษาววิ ฒั นาการของดวงดาว เพราะดาวฤกษใ์ น กระจุกดาวเดยี วกนั จะมีอายใุ กลเ้ คยี งกันและมลี ักษณะทางเคมีคล้ายคลึงกนั การศึกษาผลกระทบต่อตวั แปร อันละเอยี ดอ่อนต่างๆ ของคุณลักษณะของดวงดาว จงึ ทาได้ง่ายกวา่ การศึกษาดาวฤกษ์เดย่ี วๆ กระจุกดาวเปดิ จานวนหนงึ่ เช่น กระจุกดาวลกู ไก่ กระจุกดาวสามเหล่ยี มหน้าวัว หรือ กระจกุ ดาวอลั ฟาเพอร์ เซย์ เป็นกระจุกดาวที่สามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปลา่ กระจุกดาวบางจาพวกเช่นกระจุกดาวแฝดจะมองเห็นได้ ค่อนข้างยาก หากไม่ใชเ้ ครื่องมอื ช่วย ส่วนอน่ื ๆ ทเ่ี หลอื จะมองเหน็ ไดโ้ ดยใช้กล้องสองตาหรือกลอ้ งโทรทรรศน์
ประวตั กิ ารสังเกตการณ์ กระจุกดาวเปดิ ทมี่ ชี ่ือเสยี งมากท่สี ุด คือกระจกุ ดาวลกู ไก่ เป็นทร่ี ู้จกั กนั มาเนน่ิ นานนบั แตโ่ บราณว่า เปน็ กล่มุ ของดวงดาว ส่วนกระจุกดาวอน่ื ๆ จะเปน็ ท่ีร้จู กั เพียงกล่มุ แสงฝา้ ๆ บนฟา้ เทา่ นนั้ กวา่ จะเป็นทที่ ราบ กนั ว่ากลมุ่ แสงฝา้ เหล่านัน้ เป็นกลุม่ ของดาวหลายดวง กเ็ มื่อมกี ารคิดคน้ กลอ้ งโทรทรรศน์ขน้ึ แลว้ การสงั เกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์ ชว่ ยทาใหแ้ ยกแยะประเภทของกระจกุ ดาวสองจาพวกออกจากกนั ได้ พวกหน่งึ คือกลมุ่ ของดาวฤกษ์หลายพนั ดวง ที่มกี ารกระจายตัวกันแบบทรงกลมปกติ มักพบในบรเิ วณใกล้ ศนู ย์กลางของดาราจักรทางช้างเผือกอีกพวกหนงึ่ มดี วงดาวรวมกันอยแู่ บบกระจัดกระจาย ไมม่ รี ูปรา่ งทแี่ น่นอน มกั พบในท้องฟ้าสว่ นอื่นโดยทั่วไป นกั ดาราศาสตร์เรยี กกระจกุ ดาวแบบแรกว่า กระจกุ ดาวทรงกลม และเรยี ก กระจุกดาวแบบหลังวา่ กระจุกดาวเปดิ ในบางครั้งอาจจะเรยี กกระจุกดาวเปดิ วา่ เป็น กระจกุ ของดาราจกั ร เนือ่ งจากจะพบไดเ้ พียงบนระนาบของดาราจักรทางช้างเผือกเท่านนั้ ดงั จะอธิบายต่อไปด้านลา่ ง เป็นที่ทราบกันมานานกอ่ นหน้าน้ีแล้ววา่ ดาวฤกษท์ ี่อยู่ในกระจุกดาวเปดิ กลมุ่ เดียวกนั จะมคี วามสัมพันธ์กัน ในทางกายภาพ คุณพ่อจอหน์ มเิ ชล ได้คานวณไว้เม่ือปี ค.ศ. 1767 ว่า โอกาสทีด่ าวฤกษ์ในกลมุ่ เดียวกนั เชน่ ดาวฤกษใ์ นกระจุกดาวลกู ไก่ จะเปน็ ผลจากมุมมองการสังเกตโดยบงั เอญิ ทเี่ ห็นจากโลก ได้เพียง 1 ใน 496,000 สว่ นเท่าน้ัน เม่อื วิชาดาราศาสตรม์ ีความแมน่ ยามากย่งิ ข้ึน ทาใหพ้ บวา่ กระจกุ ดาวฤกษ์ มักจะมีการเคล่อื นที่ เฉพาะผ่านหว้ งอวกาศสอดคลอ้ งไปในทางเดยี วกัน ขณะท่ีการตรวจวดั สเปกตรมั กพ็ บวา่ ความเร็วเชิงรัศมีของ ดาวฤกษเ์ หล่านน้ั มีความสอดคล้องกัน แสดงวา่ ดาวฤกษ์ในกระจกุ ดาวเดียวกนั เป็นดาว ทเ่ี กดิ ในเวลาเดยี วกัน และดึงดดู กนั และกันเอาไว้เป็นกลมุ่ แมจ้ ะแบ่งกระจุกดาวออกเปน็ สองพวก คือกระจุกดาวเปดิ และกระจุกดาว ทรงกลม แต่ในบางคร้ังก็อาจไม่เห็นความแตกตา่ งมากนัก ระหว่างกระจุกดาวทรงกลมท่ีค่อนขา้ งกระจายตัว กับกระจุกดาวเปดิ แบบท่ีค่อนข้างหนาแน่นนักดาราศาสตร์บางคนเชื่อว่า กระจกุ ดาวทั้งสองประเภทนี้ก่อตัวข้นึ ดว้ ยกลไกพ้ืนฐานท่เี หมือนๆ กัน แตกตา่ งกนั แตเ่ พียงเงือ่ นไขทีช่ ่วยให้การก่อตัว ของกระจุกดาวทรงกลมแบบ หนาแนน่ ทม่ี ดี าวฤกษ์นบั แสนๆ ดวงไม่อาจพบได้ในดาราจกั รของเราเท่าน้ันการก่อตัวแสงอินฟราเรดแสดงให้ เหน็ กระจกุ ดาวเปิดอนั หนาแนน่ ท่อี ยูใ่ นใจกลางเนบิวลานายพราน ดาวฤกษ์ส่วนใหญม่ ักมีการจับกลุ่มกนั เป็น ระบบดาวหลายดวงมานับแต่แรกเริม่ เพราะกล่มุ แกส๊ ที่มีมวลจานวนมากขนาดหลายๆ เท่าของมวลดวงอาทติ ย์ เท่านน้ั จึงจะหนกั มากพอทจี่ ะยุบตัวลงด้วยแรงโนม้ ถ่วงของตัวมนั เองได้ และเมฆแกส๊ ทม่ี ีมวลมากขนาดนน้ั ไม่ สามารถยุบตัวลงเปน็ ดาวฤกษ์เดี่ยวเพยี งดวงเดยี วการกอ่ ตวั ของกระจุกดาวเปิดเร่มิ ตน้ ขึน้ เมือ่ มีการยุบตัวลง บางสว่ นของเมฆโมเลกลุ ขนาดยกั ษ์ กลุ่มเมฆแก๊สทที่ ้ังเย็นและหนาแนน่ นี้มีมวลเปน็ หลายพันเทา่ ของมวลดวง อาทิตย์ มปี ัจจัยมากมายท่ีอาจทาใหเ้ มฆโมเลกลุ เหล่านีย้ บุ ตัวลง (หรอื ยุบลงบางส่วน) หรอื ทาใหเ้ กิดการระเบิด ในระหว่างการกาเนิดของดาวฤกษ์ ซึ่งทาให้กลายเปน็ กระจุกดาวเปดิ ปัจจัยเหลา่ น้ันรวมถงึ คลนื่ กระแทกจาก ซูเปอรโ์ นวาใกล้เคียง หรอื จากปฏิกิรยิ าแรงโน้มถ่วง เม่อื เมฆโมเลกลุ ยักษเ์ ร่ิมยุบตัวลง ดาวฤกษ์ก็เริ่มก่อตวั ขนึ้ ระหว่างการแตกตวั ของเมฆอย่างตอ่ เน่ือง เปน็ ชนิ้ ส่วนทเี่ ลก็ ลงและเลก็ ลงเรื่อยๆ ผลท่ีไดท้ าใหเ้ กิดเปน็ ดาวฤกษ์ จานวนนบั พันดวง สาหรบั ในดาราจักรของเรา อัตราการก่อตวั ของกระจกุ ดาวเปิดอยู่ท่ีประมาณ หน่งึ ครงั้ ต่อ ทุกๆ เวลาไม่กพ่ี นั ปี ทนั ทีที่กระบวนการก่อตัวของดาวฤกษ์เริ่มขึน้ ดาวฤกษ์ท่ีมีมวลมากที่สดุ และรอ้ นท่สี ดุ
(ร้จู กั ในช่ือดาวโอบี) จะปลดปล่อยรังสอี ัลตราไวโอเลตออกมาเปน็ จานวนมาก รงั สีเหล่าน้ีทาให้แกส๊ ในเมฆ โมเลกลุ ยกั ษแ์ ตกตวั อยา่ งรวดเร็ว เกดิ เป็นยา่ นทเ่ี รียกว่า บริเวณเอช 2 ลมดาวฤกษ์จากดาวมวลมากเหล่านี้ รว่ มกับแรงดนั จากการแผ่รงั สีจะผลกั แก๊สออกไป หลังจากผ่านไปหลายลา้ นปี กระจุกดาวจะเร่ิมประสบกบั ภาวะซเู ปอรโ์ นวาเปน็ ครั้งแรก ซ่ึงจะทาใหส้ ญู เสยี แก๊สออกไปจากระบบดาวเช่นเดียวกนั เม่ือผา่ นไปอีกหลายสิบล้านปี บรเิ วณกระจกุ ดาวก็จะไม่มแี กส๊ และไม่มีการก่อตัวของดาวฤกษ์ใหม่อีก ตอ่ ไป โดยทั่วไปแล้วมีแก๊สในบริเวณกระจุกดาวเพียง 10% เทา่ นัน้ ท่ีจะกลายสภาพมาเป็นดาวฤกษ์ ส่วนท่ี เหลอื ถูกไลก่ ระจายหายไปหมดยังมีอีกมมุ มองหนง่ึ ในกระบวนการกอ่ ตัวของดาวฤกษ์ นนั่ คือมนั กอ่ ตวั ขน้ึ อย่าง รวดเร็วจากแกนกลางเมฆโมเลกุล ครั้นเมอ่ื ดาวฤกษ์มวลมากเริ่มมีความสามารถส่องแสงได้ มันก็ไล่แก๊สท่ีเหลือ ในรูปแกส๊ ประจุร้อนออกไปด้วยความเร็วเสยี งเวลานับแต่แกนกลางโมเลกุลเริ่มหดตวั จนถึงการขับไลแ่ กส๊ ออกไปน้ีกินเวลาโดยประมาณไม่เกิน 1-3 ลา้ นปี โดยท่แี ก๊สในแกนกลางของเมฆประมาณ 30-40% เท่าน้นั ที่ จะก่อตวั ขึน้ เป็นดาวฤกษ์กระบวนการดูดและกระจายแกส๊ จงึ ทาให้กระจุกดาวเสียหายค่อนขา้ งมาก ซึ่งทาให้ มนั สูญเสยี ดาวฤกษ์ไปมาก หรือบางครั้งกส็ ญู เสียไปทงั้ หมดกระจกุ ดาวทุกแห่งลว้ นตอ้ งประสบการสญู เสียมวล ในวยั เยาว์ ไปเป็นจานวนมาก ขณะทอ่ี งคป์ ระกอบส่วนหนงึ่ ผา่ นพ้นชว่ งเวลาอายนุ ้อยเพอ่ื ดารงอยู่ต่อไป ดาว ฤกษ์อายนุ ้อยบางดวง ท่ีหลุดออกจากกระจุกดาวตน้ กาเนิดของตน กก็ ลายไปเป็นส่วนหนึ่งของสมาชกิ ดาวฤกษ์ ในสนามของดาราจักรการท่ดี าวฤกษ์จานวนมาก (แมไ้ ม่ใชท่ ั้งหมด) ลว้ นเป็นสว่ นหนง่ึ ของกระจุกดาวไม่แหง่ ใด กแ็ ห่งหน่ึง ดังนน้ั เราอาจมองวา่ กระจุกดาวเปน็ สว่ นหน่งึ ของโครงสรา้ งพน้ื ฐานของดาราจักร เหตุการณ์ท่ีแก๊ส กระจายตัวอย่างรุนแรงเพื่อกาหนดรูปรา่ ง (และทาลาย) กระจุกดาวจานวนมากเม่ือยามถือกาเนิดนั้น ได้ท้งิ ร่องรอยเอาไวใ้ นโครงสรา้ งดาราจักรทัง้ ในแง่ของรปู ลักษณ์และพลังงานจลนก์ ารที่กระจุกดาวสองแห่งหรือ มากกว่านัน้ มีกาเนิดมาจากเมฆโมเลกลุ ชดุ เดยี วกนั ถือเป็นเร่อื งปกติ ในเมฆแมเจลแลนใหญ่ ทง้ั กระจุกดาว Hodge 301 และ R136 ต่างก่อตวั ข้ึนมาจากกลมุ่ แกส๊ ในเนบวิ ลาบงึ้ ขณะท่ีในดาราจักรของเราเอง เมอ่ื ตรวจสอบลกั ษณะการเคล่อื นตัวย้อนไปจะพบวา่ กระจุกดาวสามเหลีย่ มหนา้ วัว และกระจุกดาวรวงผ้งึ สองกระจกุ ดาวใกลเ้ คียงที่มีชื่อเสียงมาก ต่างมีแหลง่ กาเนดิ มาจากกลุ่มเมฆเดียวกันเมื่อประมาณ 600 ล้านปี มาแลว้ ในบางคร้งั หากกระจกุ ดาวสองชุดมกี าเนดิ ขนึ้ พร้อมกัน มันอาจก่อตัวเปน็ กระจกุ ดาวแฝดได้ ตัวอย่างอนั เป็นท่ี รู้จกั ดีในทางช้างเผือกของเราคอื กระจกุ ดาวแฝด h Persei และ χ Persei คาดวา่ มีกระจุกดาวแฝดอยูเ่ ป็น จานวนกว่า 10 เทา่ ของจานวนที่เราได้พบเห็นแล้ว โดยมากมักพบอยู่ในกล่มุ เมฆแมเจลแลนเล็กและแมเจลแลนใหญ่ เน่อื งจากเราสามารถสงั เกตการณก์ ระจุกดาว ในระบบอน่ื ไดง้ ่ายกวา่ ในดาราจกั รของเราเอง
2. กระจกุ ดาวทรงกลม (Globular Cluster) เปน็ แหล่งรวมของดวงดาวท่ีมรี ูปร่างเป็นทรงกลม โคจรไปรอบๆ แกนกลางดาราจักร ดาวฤกษ์ในกระจกุ ดาวทรงกลมมแี รงโนม้ ถว่ งดงึ ดูดต่อกันค่อนขา้ งมาก ทาให้พวกมนั รวมตวั เป็นกลุม่ ทรงกลม มีความหนาแน่นของดาวค่อนข้างสงู โดยเฉพาะในจุดศนู ย์กลาง บางครง้ั เรียกช่อื โดยย่อเพยี งวา่ globular ภาพที่ 3 กระจุกดาวทรงกลม (Globular Cluster) Credit: NASA, ESA, S. Larsen (Radboud University, the Netherlands) กระจุกดาวทรงกลมมักพบอย่ใู นกลดดาราจักร มดี วงดาวรวมตวั กนั อยู่มากและมักมีอายุเก่าแก่ กวา่ ส่วนที่เหลือของดาราจักร หรอื กระจุกดาวเปดิ ซ่งึ มักพบในจานดาราจกั ร ในดาราจักรทางช้างเผอื กมกี ระจุก ดาวทรงกลมอยู่ราว 158 แหง่ และคาดวา่ ยังมีกระจกุ ดาวที่ยงั ค้นไม่พบอกี ราว 10-20 แห่ง ดาราจกั รขนาด ใหญ่อาจมีกระจุกดาวมากกวา่ นี้ เช่น ดาราจักรแอนโดรเมดาอาจมีกระจุกดาวอยรู่ าว 500 แหง่ ดาราจกั รชนดิ รี ขนาดยักษ์บางแห่ง เช่น ดาราจักร M87 อาจมกี ระจกุ ดาวทรงกลมอยู่มากถงึ กว่า 10,000 แหง่ กระจุกดาวทรง กลมเหล่านโี้ คจรอยใู่ นดาราจักรดว้ ยรศั มขี นาดใหญ่ราว 40 กโิ ลพารเ์ ซก็ (ประมาณ 131,000 ปีแสง) หรอื มากกวา่ น้ัน ดาราจกั รทุกแหง่ ในกลุ่มท้องถ่นิ ทีม่ ีมวลมากพอจะมีกล่มุ กระจุกดาวทรงกลมท่เี กย่ี วเน่อื งกัน และเท่าทีม่ ีการสารวจแลว้ ดาราจกั รขนาดใหญ่แต่ละแห่งจะมีระบบของกระจกุ ดาวทรงกลมอยู่ดว้ ยเสมอ ดาราจกั รแคระคนยิงธนกู บั ดาราจกั รแคระสนุ ขั ใหญด่ จู ะอยู่ในขัน้ ตอนการสญู เสียกระจกุ ดาวทรงกลมของ มัน (เช่นเดยี วกบั พาโลมาร์ 12) ใหแ้ กด่ าราจกั รทางชา้ งเผือก เหตุการณน์ ้ีแสดงใหเ้ หน็ ว่ามกี ระจุกดาวทรงกลม ในดาราจักรแหง่ นี้มากมายท่ี ถูกดึงออกไปจากดาราจักรในอดตี แม้จะดูเหมือนว่า กระจุกดาวทรงกลมเป็นแหล่งทีม่ ดี าวฤกษอ์ นั ถอื กาเนิดในยคุ แรกเริ่มของ
ดาราจักร แต่จุดกาเนดิ และบทบาทของมนั ในวิวัฒนาการของดาราจักรยังไมเ่ ปน็ ทป่ี ระจักษแ์ นช่ ัด เราทราบดี วา่ กระจุกดาวทรงกลมมคี วามแตกต่างอยา่ งชดั เจนจากดาราจักรแคระชนิดรี และมีการก่อตวั เป็น โครงสรา้ ง ดาวฤกษส์ ่วนหนึ่งอยู่ในดาราจักรแม่ของมนั เองแทนทจี่ ะแยกตัวเป็นดาราจกั รไปตา่ งหาก อยา่ งไรกด็ ี จากการ ประเมนิ ของนักดาราศาสตร์ เมอ่ื ไมน่ านมานี้พบว่ายงั ไมส่ ามารถแยกแยะกระจุกดาวทรงกลมกับดาราจักร แคระทรงไขอ่ อกจากกันเป็นคนละประเภทไดโ้ ดยเดด็ ขาด ประวัติการสังเกตการณ์ กระจุกดาวทรงกลมแหง่ แรกที่คน้ พบไดแ้ ก่ กระจุกดาว M22 ค้นพบโดย อบั ราฮมั ไอห์ล นกั ดาราศาสตรส์ มัครเล่นชาวเยอรมัน เม่ือปี ค.ศ. 1665 แตด่ ว้ ยความสามารถในการรบั แสงของกล้องโทรทรรศน์ ยคุ แรกๆ ยงั ไม่ดีนัก จึงไมส่ ามารถแยกแยะดาวฤกษ์แตล่ ะดวงในกระจุกดาวทรงกลมไดจ้ นกระท่ัง ชาลส์ เมสสิ เยร์ เฝ้าสังเกตกระจุกดาว M4 กระจกุ ดาวทรงกลม 8 แหง่ แรกทีม่ ีการค้นพบแสดงอยู่ในตารางทางด้านขวา ใน เวลาตอ่ มา สมภารลาซายล์ ไดเ้ พ่ิมรายชอ่ื กระจุกดาว NGC 104, NGC 4833, M55, M69, และ NGC 6397 เข้าไปในรายช่อื วตั ถทุ ้องฟา้ ของเขาในฉบับปี 1751-52 ตัวอกั ษร M ที่นาหนา้ ตัวเลขหมายถงึ เป็นรายชือ่ ดาว ของชาลส์ เมสสิเยร์ สว่ น NGC ยอ่ มาจาก New General Catalogue ของ จอหน์ เดรเยอร์ วลิ เลียม เฮอร์เชล ได้เรมิ่ โครงการสารวจท้องฟา้ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนข์ นาดใหญเ่ ม่ือปี ค.ศ. 1782 เขาสามารถจาแนกดาวฤกษ์แตล่ ะดวงในกระจุกดาวทรงกลมซงึ่ เป็นท่รี ู้จักแลว้ 33 แห่ง นอกจากนั้นเขา ยังคน้ พบกระจุกดาวเพิ่มอีก 37 แห่ง ในรายช่อื วัตถทุ ้องฟา้ ในห้วงอวกาศลกึ ของเฮอรเ์ ชลฉบับปี 1789 ซึ่งเป็น ฉบบั ท่ีสอง เขาได้ใชค้ าว่า กระจุกดาวทรงกลม (globular cluster) เป็นครั้งแรกเพ่ือเรยี กช่อื กลมุ่ ดาวฤกษ์ เหล่านั้น ตามลักษณะปรากฏของมนั มีการค้นพบกระจุกดาวทรงกลมเพิ่มขนึ้ เรื่อยๆ เป็น 83 แหง่ ในปี ค.ศ. 1915, 93 แห่งในปี ค.ศ. 1930 และถึง 97 แห่งในปี ค.ศ. 1947 ปัจจบุ ันพบกระจุกดาวทรงกลมในทาง ช้างเผอื กแล้วจานวน 151 แหง่ จากจานวนท่ีประมาณการไวว้ า่ น่าจะมีอยูร่ าว 180 ± 20 แห่ง เช่ือวา่ กระจุก ดาวท่ียังคน้ ไม่พบน้ีอาจจะซอ่ นอย่หู ลังม่านแก๊สและฝุ่นในดาราจักร กระจกุ ดาวทรงกลม
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: