1 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื งเทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ สำหรบั นกัเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชดุ กิจกรรมท่ี 1 ความรู้ทวั่ ไปเก่ียวกับขลยุ่ เพยี งออ สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาชุดมกจิัธกรยรมมท่ีศ1ึกษา เขต 33 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
ก 2 ค ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขลุย่ เพยี งออ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ค าน า ชุดกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ งความรู้ทัว่ ไปเกีย่ วกบั ขลยุ่ เพยี งออ จดั ทำขึ้นเพ่ือใชเ้ ปน็ เอกสารจัดการเรยี น การสอน เป็นส่วนหนึง่ ของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ งเทคนคิ การเป่าขลุ่ยเพยี งออ สำหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ โดยเอกสารนี้กล่าวถงึ ประวตั ิ ความเป็นมาของขล่ยุ เพยี งออ ลกั ษณะและส่วนประกอบของขล่ยุ เพียงออ ท่าทางการน่งั และการจบั ขล่ยุ เพียงออ ฝกึ ปฏิบัติจบั ขลุย่ เพียงออ ขอกราบขอบพระคุณบดิ า มารดา คณาจารย์ท่ีให้การศึกษา เจา้ ของตำราทุกท่าน ดังปรากฏใน บรรณานุกรมท้ายเล่ม ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
3 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุย่ เพยี งออ
4 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุย่ เพยี งออ
5 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุ่ยเพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ค าชีแ้ จงส าหรบั ครู ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความร้ทู ว่ั ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพียงออ มีจุดมงุ่ หมายเพ่ือช่วยพฒั นาการ เรียนรู้เรอ่ื ง เทคนคิ การเป่าขล่ยุ เพยี งออ ใชเ้ วลาในการจัดการเรยี นการสอนเป็นเวลา 2 ชวั่ โมง ครูผ้สู อน ด าเนินการดังนี้ 1. ข้ันเตรียมการสอน 1.1 ศกึ ษาค าชีแ้ จงในการใช้ชดุ กิจกรรมให้เขา้ ใจก่อนอยา่ งละเอยี ดรอบคอบ 1.2 ศึกษาสาระส าคญั และจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ทีจ่ ะสอน และข้ันตอนตา่ ง ๆ ใน แผนการจดั การเรยี นรู้ให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อน 1.3 ตรวจดอู ุปกรณ์ต่าง ๆ ในชดุ กจิ กรรมวา่ มีครบตามท่รี ะบุไวห้ รือไม่ อยู่ในสภาพใช้งาน ไดห้ รือไม่ 1.4 จดั เตรยี มอุปกรณท์ จี่ ะใช้ใหเ้ ปน็ ไปตามล าดบั การใชก้ อ่ นหลัง 2. ขั้นสอน 2.1 ด าเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามกระบวนการจัดการเรยี นการสอนของ แผนการจดั การเรียนรู้ 2.2 ขณะทีน่ ักเรยี นท ากิจกรรม ครคู อยให้ความช่วยเหลอื แนะน ากระตุน้ ใหน้ กั เรยี น ท ากจิ กรรมอย่างกระตือรือร้นและตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ระหวา่ งเรยี นพรอ้ มทงั้ สังเกตและประเมินพฤติกรรม การท างานของนักเรยี น 3. ข้นั หลงั สอน เม่อื สนิ้ สดุ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นการสอน ครูให้นักเรยี นร่วมตรวจสอบและเกบ็ อุปกรณ์ ใหเ้ รยี บร้อย เพอื่ สะดวกในการใช้คร้งั ต่อไป ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
6 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 บทบาทครู 1. ศกึ ษาชดุ กจิ กรรมการเรียนรเู้ รื่อง เทคนคิ การเปา่ ขลุย่ เพียงออ ส าหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา ปที ่ี 2 เรอ่ื ง ความรทู้ ่ัวไปเกีย่ วกบั ขล่ยุ เพยี งออ ใหเ้ ข้าใจก่อนท่ีจะน าไปใช้ 2. ครอู ธบิ าย ชีแ้ จงเกี่ยวกับการศึกษาและปฏบิ ัติตามชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง เทคนิคการ เปา่ ขลุ่ยเพยี งออ ส าหรับนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 และแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ 3. ครทู ดสอบนกั เรียนโดยใชแ้ บบทดสอบก่อนเรียน ก่อนด าเนินการสอนในแผน การจดั การเรยี นรู้แตล่ ะชดุ เพือ่ ทราบความรู้พ้นื ฐานของนักเรียน 4. ครูด าเนินการสอนตามแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ก าหนดไว้ 5. ครกู ากับติดตามการปฏบิ ัติกจิ กรรมและใหค้ าปรึกษาแนะน านกั เรยี น 6. ครทู ดสอบนกั เรียนโดยใชแ้ บบทดสอบหลงั เรยี น หลงั จากเรียนจบในแตล่ ะแผนการจดั - การเรยี นรแู้ ตล่ ะชุด เพ่ือวัดความสามารถในการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณของนักเรยี น ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
7 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขลุ่ยเพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 บทบาทของนกั เรียน 1. รับทราบจดุ ประสงค์การเรยี นรู้จากครูผู้สอน เพ่ือให้ทราบว่าเม่ือจบกจิ กรรมเรียนรแู้ ล้ว นกั เรยี นสามารถเรยี นรู้อะไรได้บา้ ง 2. ท าแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่ือทราบความรู้พ้นื ฐานของนกั เรียนทม่ี ีกอ่ นเรียน 3. เมอื่ แบง่ กลมุ่ เรียบร้อยแลว้ ใหแ้ ต่ละกล่มุ เลือกประธานและเลขานกุ ารกลมุ่ และแบง่ หน้าทใ่ี น การท างาน โดยทกุ คนตอ้ งมีส่วนร่วม 4. ปฏบิ ัติตามกจิ กรรมตามขน้ั ตอนดว้ ยความรับผดิ ชอบ มุ่งมน่ั ตงั้ ใจ เคารพตามกติกาใน การเรยี นรู้ ส่งงานตามที่ได้รับมอบหมาย 5. หากนกั เรียนมีขอ้ สงสัยเก่ียวกับการท ากิจกรรมควรถามครูผสู้ อนทนั ที 6. ตั้งใจศึกษาใบความรู้ และปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนหรือค าช้ีแจงของแต่ละกิจกรรมอย่าง จรงิ จงั 7. จดั เก็บวสั ดุอุปกรณใ์ หเ้ รียบร้อยทกุ ครง้ั หลงั ปฏิบตั ิกิจกรรรมเสร็จ หากวสั ดอุ ุปกรณช์ ารุด เสียหายต้องแจ้งครผู สู้ อนทราบทนั ที 8. ท าแบบทดสอบหลงั เรยี น เพอ่ื วดั ความสามารถในการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
8 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 รายการสื่อและอุปกรณใ์ นชดกุ ิจกรรม ส่อื ในชดุ กจิ กรรมประกอบด้วย จ านวน 1 ชุด จ านวน 3 ชุด สาระส าคญั จุดประสงค์การเรียนรู้ จ านวน 2 ชดุ ใบความรู้ จ านวน 1 ชุด ใบกจิ กรรม แบบทดสอบหลังเรยี น จ านวน 1 ชุด แบบประเมนิ ความสามารถในการเป่าขลยุ่ หลักการปฏิบตั ขิ ลยุ่ ไทยเบื้องตน้ จ านวน 1 ชดุ แบบบนั ทกึ การประเมนิ พฤตกิ รรม หลกั การปฏบิ ัติขลุ่ยไทยเบ้ืองต้น ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
9 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 สาระส าคัญ ขลยุ่ ไทยเป็นเครือ่ งดนตรปี ระเภทเครอื่ งเปา่ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มตั้งแต่ สมัยกรุงศรอี ยธยุ า เหมาะสา หรับการบรรเลงเดย่ี วซง่ึ มผี ู้นยิ มอยา่ ง แพรห่ ลาย เพราะมีเสยงี ท่ไี พเราะ นา หนักเบาและพกพาสะดวก จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายประวัตขิ องขลุ่ยเพยีงออโดยสังเขปได้ 2. บอกสว่ นประกอบของขลุ่ยเพยงี ออได้ 3. แสดงท่าการนง่ั และจับขลยเุ่ พยี งออไดถ้กู ตอ้ ง 4. ปฏิบตั ิจบั ขล่ยุ เพยี งออ โดยไล่เสยี งขน้ึ -ลง เรยี งเสยี ง และสลบั เสยี งได้ ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
10 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
11 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขลุย่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ใบความรูท้ ี ่ 1 ประวตั ่ความเป็ นมาของขลยุเพยี งออ ขลยุ่ เพียงออ เป็นเครื่องดนตรปี ระเภทเคร่ืองเป่าที่โบราณทส่ี ุดชนดิ หนง่ึ มคี วามนิยมในการเป่า มาชา้ นาน ขลยุ่ เพียงออเป็นเครอ่ื งดนตรีทีใ่ กลช้ ดิ กับคนไทยมากทีส่ ุด สนั นิษฐานว่า พฒั นามาจากปีอ่ ้อท่ีมี การเปลย่ี นเลาป่ีใหม้ ีความคงทนถาวรกวา่ เดมิ ที่เป็นไมร้ วกและกลายเปน็ ขลุ่ยในเวลาตอ่ มา เรยี กวา่ “พงออ” หรือ “เพียงออ” ซง่ึ กค็ ือ ขล่ยุ เพยี งออในปัจจุบนั จากหลกั ฐานของนักโบราณคดีที่ไดข้ ุดพบหบี ศพภรรยา เจ้าเมอื งของไทย ที่ริมฝัง่ แม่น้ าฮวงโฮ พบว่า หีบศพมี 9 ช้นั ชั้นในสุดท่ีติดกบั ตัวศพมีของส าคัญอยู่ 3 อย่าง คือ แคน 1 เตา้ ขลุ่ย 1 เลา และขมิ 1 ตัว มีอักษรจารกึ ศกั ราชไว้ด้วย ถ้านบั ถงึ ปัจจบุ นั มีอายุ ไดป้ ระมาณ 2,000 ปีเศษ เหตทุ เี่ รียกว่า “ขลุ่ย” เข้าใจว่า เรยี กตามเสียงเป่าทีไ่ ดย้ ิน เดิมขลยุ่ ใชไ้ ม้รวก ปลอ้ งยาว ๆ ไว้ข้อทางปลาย แตเ่ จาะรูทะลุข้อ และใช้ไฟย่างให้แห้ง ตบแต่งผิวให้ไหมเ้ กรียมเป็นลวดลาย สวยงาม ต่อมาท าด้วยไมจ้ ริงบ้าง งาบ้าง ขลยุ่ เลาหน่งึ มีรสู าหรบั นิว้ ปดิ เปดิ เพื่อเปล่ียนเสียง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเปน็ ราชธานี กล่าวว่า เคร่ืองดนตรีไทยทใ่ี ช้ในสมยั น้ี คือ เครือ่ งดนตรที ี่ใช้ กันมาแต่ครั้งกรงุ สโุ ขทัย แตไ่ ด้วิวฒั นาการใหด้ ขี ้นึ ท้ังในด้านรูปร่าง ลกั ษณะ คณุ ภาพของเสยี ง และน ามา ประสมเปน็ วงดนตรี รวมท้งั วธิ ีการบรรเลงมคี วามประณีตขนึ้ และมีเครื่องดนตรีบางชนิดเพม่ิ ขน้ึ จากเดิมใน สมัยสโุ ขทยั ตามข้อความในเอกสารดังกล่าวขา้ งตน้ (กฎมณเฑยี รบาล ตอนที่ 20) กล่าวถึงเคร่ืองดนตรี เป่าปี่ เป่าขลุ่ย สซี อ ดีดจเข้ ตีโทน ทบั ณ ทนี่ ้ขี อกล่าวถงึ เป่าขลยุ่ เท่านัน้ เป่าขล่ยุ หมายถึง การบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทเคร่อื งเปา่ ซึ่งมักท าดว้ ยไม้ไผ่หรอื ทเี่ รยี กว่า “ไมร้ วก” และประดษิ ฐ์ลวดลาย เชน่ ลายดอกพกิ ลุ ลายหิน เป็นตน้ ลักษณะรูปร่างยาวเปน็ ทรงกระบอก ด้านบนเจาะเปน็ รูส าหรับเป่าลมเพื่อใหเ้ กดิ เสยี ง และมีรปู ดิ -เปิด เพ่ือใหเ้ กดิ เสียงสูงต่ าตาม ต้องการ เราเรียกเคร่ืองดนตรปี ระเภทนี้ว่า “ขล่ยุ ” ซงึ่ ในสมัยนี้คงเป็นขลุ่ยขนาดกลาง ปจั จบุ นั เรยี กวา่ ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
12 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 “ขล่ยุ เพยี งออ” สว่ นขลยุ่ ขนาดเลก็ หรือขลยุ่ หลิบนน้ั สันนษิ ฐานวา่ คงยังไม่ใชใ้ นสมยั อยธุ ยา ดังลายพระหัตถ์สมเดจ็ ฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ ทรงประธานอธบิ ายในต านานเคร่อื งมโหรี ป่พี าทย์ (สมเดจ็ ฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ, 2473 : 6) ความว่า “ ... ต้ังแตม่ ะโหรผี หู้ ญิงเกิดมีขึ้น ก็เหน็ จะชอบเล่นกันแพรห่ ลาย จึงเกดิ เป็นเหตุ ให้มีผู้คดิ เพ่ิมเตมิ เครื่องมะโหรขี ึน้ โดยล าดบั มา เครอ่ื งมะโหรีท่ีเพม่ิ เติมเม่ือครง้ั กรุงศรีอยธุ ยา ยังเปน็ ราชธานี ( สังเกตตามทีป่ รากฏในรปู ภาพเขยี นแต่สมัยน้ัน ) คือ ร ามะนาส าหรับตี ประกอบกับทบั อยา่ ง 1 ขลุย่ ส าหรับเป่าให้ล าน าอยา่ ง 1 มะโหรวี งหนึง่ จึงกลายเป็น 6 คน” ต่อมามผี นู้ ิยมขลยุ่ เพียงออกันมากจนเกิดความเพลิดเพลินเกินขอบเขต ไดล้ ว้ งล้ าเข้าไปใน เขตพระราชฐาน จนกระทงั้ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991-2031) ออกกฎมณเฑียรบาล ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
13 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขลุ่ยเพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ตอนที่ 15 วา่ “ห้ามร้องเพลง เป่าขลยุ่ เปา่ ปี่ สีซอ ดดี จะเข้ กระจบั ป่ี ตีโทนทบั ใน เขตพระราชฐาน ” ในขณะเดียวกนั ขลุ่ยเพียง ก็มีบทบาทส าคัญในงานพระราชพธิ ี จากกฎมณเฑียรบาล ข้อท่ี 16 ได้ ก าหนด วา่ “ ชาวดนตรีคอยฟังสุร เสียง...ครั้นเสรจ็ ...ขลุ่ยน าเพลง... ” แสดงให้เห็นวา่ ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยา ขลุย่ เพียงออเป็นเครอื่ งดนตรีท่ีส าคัญท าหน้าทีน่ าขน้ึ เพลง ในตอนปลายสมยั อยุธยาได้น าขลยุ่ เพยี งออ โทน - ร ามะนา มาผสมในวงมโหรีเคร่อื งส่ี กลายเป็นมโหรีเครื่องหก ภาพท่ี 1 วงมโหรเี ครอ่ื งส่ี ทีม่ าของภาพ : สารานกุ รมไทยส าหรบั เยาวชน เล่ม 1 ภาพที่ 2 วงมโหรีเครอื่ งหก ท่มี าของภาพ : สารานกุ รมไทยส าหรับเยาวชน เล่ม 1 ครั้นถงึ สมัยกรุงรตั นโกสินทร์ ขลุ่ยเพียงออกลายเปน็ เครื่องดนตรีที่ส าคญั มากขึน้ กว่าเดิม นอกจาก จะใชเ้ ล่นคนเดียวแล้วยงั ใช้เล่นรว่ มกับวงดนตรีประเภทต่าง ๆ จงึ ได้ปรบั ขนาดขลยุ่ เพียงออ ให้มีระดับเสียง ลดหลนั่ ตา่ งกันไป เพ่อื ให้เหมาะสมในการบรรเลงประสมวงประเภทตา่ ง ๆ เช่น ขลุ่ยหลบิ ขลยุ่ เพยี งออ ใช้ในวงเครอื่ งสายป่ชี วา วงมโหรี และวงเครื่องสาย ขลุ่ยอู้ใช้ในวงป่ีพาทย์ไม้นวมและวงปพ่ี าทยด์ กึ ด าบรรพ์ ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
14 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ตอนท่ี 1 ให้นักเรยี นน าค าท่ีก าหนดใหใ้ ส่ในชอ่ งวา่ งให้ถกู ต้อง สมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุรยิ วงศ์ สมยั สุโขทัย สมยั อยธุ ยา สมยั ธนบรุ ี สมัยรตั นโกสินทร์ วงมโหรี วงมโหรีเครอื่ งหก วงปพ่ี าทย์นางหงส์ วงเครอื่ งสายป่ีชวา น าข้ึนเพลง เปน็ เคร่อื งตาม สอดประสานเพลง สอดแทรกท านองเพลง แมน่ ้ าแยงซเี กียง แม่น้ าคงคา แม่น้ าฮวงโห แมน่ ้ าโขง ป่อี อ้ กระจบั ปี่ ปชี่ วา ปน่ี อก ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
15 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 1. หลักฐานของนักโบราณคดีได้ขดุ พบหีบศพภรรยาเจ้าเมืองไทยคือที่ใด ................................... 2. ขลุย่ เพียงออไดน้ ามาผสมกับวงดนตรีครัง้ แรกคอื วงใด ....................................... 3. สมยั ใดขลุ่ยมหี ลายขนาด เพ่ือใหเ้ หมาะสมกับการประสมวงดนตรไี ทยประเภทตา่ ง ๆ ............................................ 4. ในสมัยอยุธยาขลุ่ยเพยี งออมีหนา้ ท่สี าคญั ใด ............................................ 5. ขลยุ่ เพียงออไม่พบในวงดนตรีใด ........................................... 6. หลกั ฐานของใครเปน็ ผูก้ ล่าวถึงขลยุ่ เพียงออเกิดข้ึนในสมัยอยธุ ยา ..................................... 7. ข้อห้ามเปา่ ขลุ่ยเพียงออในเขตพระราชฐานเกิดขนึ้ ในสมัยใด ......................................... .. 8. สันนิษฐานว่า ขลยุ่ เพยี งออพัฒนามาจากเคร่ืองดนตรีใด ............................................. 9. ตอนปลายสมยั อยธุ ยาได้น าขลยุ่ เพียงออ โทน-ร ามะนา เพมิ่ ข้ึนกลายเป็นวงดนตรใี ด ............................................. 10.ผู้ท่อี อกกฎมณเฑยี รบาล “ห้ามรอ้ งเพลง เปา่ ขลุย่ เปา่ ปี่ สีซอ ดดี จะเข้ กระจับป่ี ตโี ทนทับ ในเขตพระราชฐาน” ............................................................. ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
16 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุ่ยเพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ตอนท่ี 1 ให้นกั เรียนน าค าที่ก าหนดใหใ้สใ่ นชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง 1. แมน่ ้ าฮวงโห 2. วงมโหรี 3. สมยั รตั นโกสนิ ทร์ 4. น าข้ึนเพลง 5. วงป่พี าทย์นางหงส์ 6. สมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ 7. สมัยอยุธยา 8. ป่อี อ้ 9. วงมโหรีเครอ่ื งหก 10. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
17 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุย่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ใบความรูท้ ี ่ 2 สวนประกอบของขลยุ เพยี งออ ขลุย่ ไทยทุกชนดิ มสี ่วนประกอบท่ีคลา้ ยคลึงกนั มีชอ่ื เรียกเหมอื นกนั ผู้ทีจ่ ะฝึกหดั ขลุ่ยเพยี งออควร ร้ไู ว้ สามารถเรียกไดถ้ ูกต้อง ขล่ยุ เพียงออมสี ว่ นประกอบต่าง ๆ ดังน้ี 1. เลาขลุ่ย หมายถงึ ล าตัวของขล่ยุ มีลักษณะเปน็ หลอดกลมยาว ภายในกลวงตลอด ซ่งึ ท าดว้ ย ด้วยไม้รวก ไม้ชิงชัง หรอื วัสดุอื่น ๆ 2. ดาก คอื สว่ นตรงปลายดา้ นท่ีใช้เปา่ ของขล่ยุ ท าด้วยไมเ้ นื้อแขง็ หรือไมเ้ น้ือแน่นละเอยี ด เหลายาวประมาณ 2 นว้ิ ใหก้ ลมพอดกี บั ขนาดรใู นของท่อเลาขลยุ่ ปาดด้านในหน่งึ ออกเลก็ น้อยเป็นช่อง ส าหรับเปา่ สง่ ลมให้ผา่ นเข้าไปเกิดเปน็ เสียงดงั ไมท้ ใ่ี ชด้ ากขลยุ่ ได้แก่ ไม้สักทองหรือไม้สกั หิน 3. รูปากเป่า เป็นรทู ีเ่ กิดจากการปาดดากข้างหนึ่งของดากขลุ่ยออกเล็กนอ้ ยส าหรับปากเป่าและ ทางเดนิ ของลม ออกไปทะลุตรงรูปากนกแก้ว ซง่ึ ปลายสุดของไม้ดากจะปาดโค้งงอคล้ายปากนกแก้วลมจะ เปลี่ยนทิศทางท าใหเ้ กิดเสียงดงั 4. รูปากนกแกว้ อย่ตู รงระดับปลายสุดของไมด้ าก ท่ีเลาขลยุ่ แนวเดียวกบั รคู ้ า หรอื ช่องปากเปา่ เจาะรเู ป็นรูปสเี่ หลย่ี มผนื ผา้ ช่องตรงขา้ มกับดากปาดดา้ นลา่ งให้เป็นมมุ เฉยี ง จะท าใหล้ มที่ผา่ นช่องไมด้ าก เขา้ มากระทบกบั มุมนี้เกิดการหักเหเปน็ เสียงดังขึ้น 5. รเู ยอ่ื อยู่เหนือรูค้ าขึ้นไปด้านข้างทางขวามือของผเู้ ป่ารขู นาดเดยี วกับรูค้ า จะมีรู 1 รู ส าหรบั เปิดเย่ือบาง ๆ ท าจากเย่ือหัวหอม หรือเยื่อไม้ไผ่ เพื่อเวลาเปา่ จะไดเ้ กดิ การส่นั สะเทือนคลน่ื เสียงเพม่ิ ความกังวานไพเราะย่งิ ข้ึน แตข่ าดงา่ ย เพราะไมส่ ะดวกในการใช้ เลยมผี ู้หันมาใชเ้ ย่ือกระดาษธรรมดาแทน หรอื อดุ ดว้ ยข้ีผงึ้ หรือไม่ให้เจาะเลยกม็ ี 6. รคู ้ า อย่ทู างด้านหลังของขลยุ่ แนวเดยี วกบั ปากนกแกว้ ไวส้ าหรับหัวแมม่ อื มือบนอุดรูนไ้ี ว้รบั น้ าหนกั ของเลาขล่ยุ และปดิ เปิด บังคับเสยี งไดอ้ ีกด้วย ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
18 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 7. รบู งั คับเสียง อยู่ด้านบนของขลุย่ มี 7 รเู รียงอยู่แนวเดียวกนั แต่ละรูห่างกันตามมาตรส่วนของ การผลติ ขลุย่ ประมาณ 1 นวิ้ รเู หลา่ นี้มไี วส้ าหรับปิดเปิดบงั คบั เสยี งใหเ้ กิดเป็นเสยี งสูงต่ าต่าง ๆ ตาม ต้องการ เพ่อื เปลยี่ นระดบั เสียงในเวลาเปา่ ให้เปน็ ท านองเพลง 8. รูร้อยเชอื ก อยู่ทางปลายขลุ่ยด้านลา่ งเจาะรูทะลุตรงกนั ข้าม เจาะเยื้องกันมี 2 คู่ รวม 4 คู่ รูหนึ่งใช่ร้อยเชือกผูกเป็นหว่ งเพอ่ื แขวนขลยุ่ เก็บไว้ ตามขอ ตามตะปูขา้ งฝาหรือเสาเรือน รดู งั กล่าวมีผลกับ เสยี งขล่ยุ อยบู่ า้ ง คือ ใชป้ รับระดับเสียง โด คอื ปิดรู 1 รู เสยี งโดจะต่ าลงเลก็ น้อย ถา้ คว้านรรู ้อยเชือก ดา้ นบนให้สงู จากรูเดมิ เสยี ง โด จะสงู ขน้ึ บา้ ง ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
19 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
20 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุ่ยเพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 2 สวนประกอบของขลยเุ พยี งออ ค าชี้แจง ใหผ้ เู้ รียนบอกชื่อส่วนประกอบต่าง ๆ ของขลุ่ยเพยี งออ ตามหมายเลขท่กี าหนดให้ 1……………………… 2…………………… 3………..……..… 4…………..….…… … 5…………………… 6………………… 7……………….… 8……………..…… ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุย่ เพยี งออ
21 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 เฉลยใบงานที่ 2 สวนประกอบของขลยเุ พียงออ ค าช้ีแจง ใหผ้ เู้ รียนบอกช่ือส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของขลุย่ เพียงออ ตามหมายเลขท่ีก าหนดให้ 2. รูปากนกแก้ว 1. ดาก 3. ปากนกแก้ว 4. รเู ยื่อ 5. รูค้ า 6. เลาขลยุ่ 7. รบู งั คบั เสียง 8. รูรอ้ ยเชือก ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
22 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
23 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
24 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุย่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 แบบทดสอบหลังเรยนี ค าช้แี จง ให้นกั เรียนเลือกค าตอบท่ีถูกต้อง 1. หลกั ฐานของนักโบราณคดีได้ขดุ พบหบี ศพภรรยาเจา้ เมืองไทยคือท่ีใด 1. แม่น้ าแคว 2. แมน่ ้ าคงคา 3. แม่น้ าฮวงโห 4. แมน่ ้ าแยงซเี กียง 2. ขลุย่ เปน็ เครื่องดนตรีทีโ่ บราณมีมาช้านาน จากหลกั ฐานทางโบราณคดีขล่ยุ มอี ายุไมน่ ้อยกวา่ กป่ี ี 1. 200 ปีเศษ 2. 500 ปีเศษ 3. 1,000 ปเี ศษ 4. 2,000 ปเี ศษ 3. ขลุย่ เปน็ เครอื่ งดนตรีที่ได้รบั ความนิยมและเร่ิมบรรเลงประสมกนั เปน็ วงดนตรไีทย ต้ังแต่สมัยใด 1. สมยั สุโขทัย 2. สมยั อยุธยา 3. สมยั ธนบรุ ี 4. สมยั รัตนโกสินทร์ 4. ขลยุ่ ผลติ ไดจ้ ากวัสดุหลายชนดิ แตถ่ ้าตอ้ งการคุณภาพของเสยี ง ควรเลอื กขลุ่ยท ามาจากอะไร 1. ไม่ไผ่ 2. งาช้าง 3. ไม้รวก 4. ไม้ชงิ ชงั 5. ลักษณะของไม้ ท่นี ามาท าขลยุ่ ต้องเปน็ อยา่ งไร 1. เนื้อไม้บางแห้งสนิท 2. เน้อื ไม้หนาไม่มเี ส้ียน 3. เนอ้ื ไม้แก่จัดแห้งสนิท 4. เนือ้ ไม้แก่จดั มีเสี้ยนละเอยี ดสเี หลอื ง 6. ขล่ยุ เพียงออไม่พบในวงดนตรีใด 1. วงมโหรี 2. วงเครือ่ งสาย 3. วงปพ่ี าทยเ์ ครื่องห้า 4. วงปีพ่ าทย์ดึกด าบรรพ์ ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
25 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลุย่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 7. การนั่งเป่าขล่ยุ ควรค านงึ ถงึ สิ่งใดเป็นส าคัญ 1. ลักษณะของขลุ่ย 2. ลักษณะของเพลง 3. วฒั นธรรมไทย 4. สถานที่เปา่ ขลุ่ย 8. การจับขลุ่ยข้อใดจับถูกต้อง 1. มือบนปดิ 4 นิว้ มอื ลา่ งปดิ 3 น้วิ 2. มือบนปดิ 3 น้ิว มอื ล่างปิด 4 นว้ิ 3. มือบนปดิ 4 นวิ้ มอื ล่างปิด 4 นว้ิ 4. มือบนปดิ 5 นิ้ว มือล่างปิด 3 นิ้ว 9. ต าแหน่งของนว้ิ มอื ทีก่ ดดา้ นหลงั ของขล่ยุ แนวเดยี วกบั ปากนกแก้ว มือบนอดุ รนู ไ้ี ว้รบั น้ าหนกั ของ เลาขลุ่ย และปดิ เปิด คอื สว่ นประกอบของขล่ยุ ตรงไหน 1. รูค้ า 2. รเู ย่อื 3. รูบงั คับเสยี ง 4. รูปากนกแก้ว 10. ต าแหน่งอยู่ตรงระดบั ปลายสุดของไม้ดากทีเ่ ลาขล่ยุ แนวเดียวกับรูค้ า เจาะรเู ป็นรปู ส่ีเหลีย่ มผนื ผ้า ชอ่ งตรงข้ามกับดากปาดดา้ นล่างให้เปน็ มุมเฉยี ง คือ สว่ นประกอบของ ขลุย่ ตรงไหน 1. รคู ้ า 2. รปู ากเป่า 3. รบู งั คบั เสยี ง 4. รปู ากนกแก้ว ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
26 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 เฉลยค าตอบแบบทดสอบหลังเรยี นชดกุ จิ กรรมท ่ี 1 1. 3 2. 4 3. 2 4. 1 5. 3 6. 3 7. 3 8. 2 9. 1 10. 4 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ
27 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขล่ยุ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลยุ่ เพยี งออ
28 ชุดกจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนคิ การเป่าขลยุ่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 บรรณานุกรม คณะกรรมการสารานกุ รมไทยส าหรับเยาวชน. สารานุกรมไทยส าหรบั เยาวชน เล่ม 1. พิมพ์คร้งั ท่ี 8. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2533. ด ารงราชานภุ าพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ต านานเคร่อื งมะโหรปี พ่ี าทย.์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์พระจนั ทร์, 2473. นุชนาฏ วรรธนะศักด์ิ. เอกสารประกอบการสอน ดร 101 ดนตรีไทย. ภาควชิ ามนษุ ยศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. 2539. ประดษิ ฐ์ อินทนิล. ดนตรีไทยและนาฏศิลป.์ พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ : สวุ ีรยิ าสาสน์ , 2548. ประทีป นกั ป.่ี เอกสารประกอบการสอน วิชา ดนตรีไทย (Thai Music). ภาควิชามนษุ ยศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร. 2539. ประทีป นักป่ี. คู่มือการสอน วชิ า 101 ดนตรีไทย. ภาควชิ าดุริยางคศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรว์ โิ รฒ พษิ ณโุ ลก. 2536. อัศนีย์ เปลยี่ นศรี. พินจิ ดนตรีไทย เล่ม 1 ชุดประวตั ิศาสตรด์ นตรไี ทย. พิมพ์คร้งั ท่ี 1. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ 2555. ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
129 ชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ เทคนิคการเป่าขลุย่ เพยี งออ ชนั้ มยธั มศกึ ษาปีท่ี 2 จบชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง เทคนคิ การเปา่ ขลยุ่ เพยี งออ สำหรับนกัเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ชุดกิจกรรมที่ 1 ความรู้ท่วั ไปเก่ยี วกบั ขล่ยุ เพยี งออ สำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 33 ชุดกจิ กรรมท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ขลุ่ยเพยี งออ
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: