Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก

กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก

Published by chainarong_2536, 2019-12-03 07:15:29

Description: กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป. อ. ปยุตโต)
วัดญาณเวศกวัน นครปฐม

Search

Read the Text Version

เนื่องจากเอาเสน้ เมริเดียนกรนี ชิ เป็นเส้นเลขศนู ย์ เวลาซ่งึ ใชส้ ัญญาณวทิ ยเุ ชือ่ มใหล้ งกนั น้นั กข็ ยายออกไป ท่ีตั้งตน้ นับเวลา ตามทตี่ กลงกนั ในปี 1884 นน้ั เวลาทีจ่ ดุ ท่ัวโลก เป็นเวลาสากลที่ประสานเวลาสรุ ิยะ เขา้ กบั เวลา น้ี คอื Greenwich time จงึ ถือเป็นเวลาสากล เรียกว่า อะตอม เรียกว่า UTC (Coordinated Universal Time, Universal Time เรยี กยอ่ เปน็ UT (ตกลงใชค้ ำ� หลังนใ้ี น เรียงสับลำ� ดบั เปน็ Universal Time Coordinated) ปี 1928) ซง่ึ ใชเ้ ป็นฐานในการค�ำนวณนับเวลาท่วั โลก ถ้า ไปทางตะวันออกของกรนี ชิ เวลากบ็ วกเพ่มิ ข้นึ ๑ ช่ัวโมง ครน้ั แลว้ ตง้ั แต่ ๑ ม.ค. 1972/๒๕๑๕ เวลา ทุกๆ ๑๕ องศา ถ้าไปทางตะวันตกของกรนี ชิ เวลาก็ลบ UTC ซ่งึ ใช้นาฬกิ าปรมาณู (atomic clock) บอก ลดลง ๑ ช่วั โมงทกุ ๆ ๑๕ องศา เชน่ ประเทศไทยนี้ อยู่ใน atomic time ท่ีมหี น่วยวัดเป็น atomic (SI) second ช่วงลองจจิ ูด 97°30’ ถงึ 105°30’ ตะวนั ออก คำ� นวณที่ (SI = Système International เป็นคำ� ฝร่งั เศส ตรงกบั 105° ไดเ้ ปน็ +7 (+ ๗ ชั่วโมง) ถ้าเวลาสากลท่กี รนี ิช ๑๓ International System) กเ็ ข้ามาแทน UT เปน็ อันว่า SI น. เวลาทปี่ ระเทศไทย ก็เปน็ ๒๐ น. second มาแทน solar second และโดยทั่วไปต้ังแต่ปี 1986/๒๕๒๙ กไ็ ดใ้ ช้ UTC แทน GMT Greenwich time น้ัน จะเหน็ วา่ นิยมเรยี ก เป็น Greenwich Mean Time ทย่ี ่อวา่ GMT (ทางการ มขี อ้ ควรร้แู ละขอ้ สงั เกตปลกี ยอ่ ยว่า เส้นเขตเวลา บัญญตั ิให้แปลวา่ เวลาปานกลางกรีนิช) ทง้ั นี้กเ็ พ่ือให้ชดั ท่ีพูดมาข้างตน้ นัน้ ไมส่ ามารถขดี ตรงตามธรรมชาติ บางที วา่ เป็นเวลาตามคา่ เฉลีย่ (mean=เฉลีย่ , ค่ากลาง) โดย ตอ้ งคดโค้ง ยึกยัก หรือซกิ แซ็กไปมา เพือ่ คมุ รวมเอาดนิ ถอื เหมอื นดังวา่ โลกหมุนเคล่ือนที่ไปในความเร็วอย่าง แดนของรฐั หรอื ชาติประเทศเดยี วกนั ใหเ้ ข้ามาอยใู่ น เดียวกนั วันคืนเทา่ กันทง้ั ปี (ซงึ่ ทีจ่ รงิ ไมเ่ ปน็ อยา่ งนน้ั ) ให้ เขตเวลาเดียวกนั พดู งา่ ยๆ วา่ ขึ้นต่อการเมอื ง (รวมทั้ง มนษุ ยส์ ะดวกท่จี ะใชเ้ ปน็ มาตรฐานได้ เศรษฐกิจ) ซ่งึ บางทีห่างจากความเปน็ จรงิ มาก ส่วน Universal Time หรอื UT กก็ า้ วมาเป็น ยกตวั อย่าง เช่น จีน ซงึ่ มีดินแดนกวา้ งใหญไ่ พศาล UTC กลา่ วคอื เนือ่ งจากเวลาที่นบั ตามการหมนุ เวยี น ถา้ เทยี บตามมาตรฐานท่ัวไป ก็คลุมประมาณ ๔ เขตเวลา โคจรไปของโลก โดยถือกันเปน็ สากลน้ัน มใิ ช่แม่นยำ� จรงิ หรอื 4 time zones แต่จีนใชเ้ วลามาตรฐาน คือ stand- ความเจรญิ ของวิทยาศาสตรช์ ว่ ยใหว้ ัดเวลาไดแ้ ม่นแท้ ard time เดยี วกันเกือบทงั้ ประเทศ (ใช้ +8) แสดงว่า โดยก้าวจาก solar time (เวลาสุริยะ) สู่ atomic time ท้องถิน่ ต่างๆ ในจนี ทีเ่ วลาจรงิ ตา่ งกันราว ๔ ช่วั โมง ตอ้ ง (เวลาอะตอม) เริ่มแตอ่ เมริกา กับอังกฤษ ใช้สญั ญาณวิทยุ ใช้เวลาเดียวกนั ต่างกนั มากกับสหรฐั ซง่ึ มเี นือ้ ทีน่ ้อยกว่า ประสานเวลาและคลื่นความถ่ีในการออกอากาศกระจาย จีนนิดเดียว แตจ่ ัดแบง่ เป็น ๔ เขตเวลา (ไมน่ ับอแลสกา) เสยี ง ให้ลงตวั ระหวา่ งกัน ตัง้ แต่ปี 1960/๒๕๐๓ น่ีคอื ได้ แม้เส้นเขตจะยกึ ยักบ้างตามเขตของรัฐต่างๆ ทเ่ี สน้ ผา่ น เวลาท่ีแน่นอนจริง เปน็ เวลาวิทยาศาสตร์ พอถงึ ปี 1964 แตก่ ็ใกลค้ วามจรงิ มาก หรืออยา่ งอินเดียกน็ า่ สนใจ มี เนื้อที่มากคาบเกีย่ ว ๒ เขตเวลา แทนทีจ่ ะใช้แยก ๒ เขต 238 ภาคพเิ ศษ หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพื่อการศึกษาสว่ นตวั เทา่ น้นั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน

เวลา (เขต +5 กับเขต +6) หรอื รวมใช้อันเดยี วกนั ทลี่ งตัว ดวงอาทิตยข์ ึน้ ๐๖.๔๕ น. คอื เรว็ ชา้ กว่ากนั ๑๘ นาที, ถึงทส่ี ดุ ก็เป็นสุดและเปน็ ต้นของตะวันออก กลายเป็นใชเ้ วลาเดยี วกัน แต่ทำ� แบบเฉล่ยี เปน็ ครึง่ ชว่ั โมง แตถ่ อยหลงั ไปครึ่งปี ณ วนั ท่ี ๑๒ ก.ค. ๒๕๕๔ ท่ีผา เรอื่ งเขตเวลา และการนับเวลาน้ี เป็นตวั อย่าง คอื ใช้ +5.30 ชะนะได ดวงอาทิตยข์ ้ึน ๐๕.๓๓ น. แล้วทก่ี รงุ เทพฯ ดวงอาทิตย์ขึ้น ๐๕.๕๗ น. คือเร็วช้ากว่ากนั ๒๔ นาที) ส�ำคัญของการทีม่ นษุ ยพ์ ยายามถือเอาประโยชนด์ ้วยการ อนึ่ง ที่วางหลกั ไว้วา่ เขตเวลา (time zone) หนงึ่ ประนีประนอมบัญญตั ิตามสมมุตขิ องมนุษย์ เข้ากับความ เปน็ ช่ัวโมงหนึง่ คอื ๑๕ องศานนั้ ถ้าแบ่งซอยออกไป ก็ ควรจะแปลกใจเลก็ น้อยว่า ประเทศใกล้เคยี งท่ี จรงิ แหง่ สภาวะของธรรมชาติ หมายความว่า longitude องศาหน่ึง เท่ากับ ๔ นาที อยูใ่ น time zone +7 เช่นเดยี วกบั ไทย ได้แก่ เวยี ดนาม เม่อื รูห้ ลกั นแ้ี ลว้ กส็ ามารถคำ� นวณเวลาทแี่ ท้จริงของท่ี และอินโดนีเซยี แต่มาเลเซยี และสิงคโปร์ ไปอยู่ในเขต นัน้ ๆ เช่น ประเทศไทยน้อี ยใู่ น time zone ทีเ่ ป็น +7 +8 ขณะที่พมา่ กำ้� กึง่ ใช้ standard time +6.30 เท่ากบั ๑๐๕ องศาตะวันออก เวลามาตรฐาน (standard time) ของไทยกค็ ือเวลา ณ จุดทีต่ รงแนว ๑๐๕ องศาน้ี อีกประการหนงึ่ เนอื่ งจากโลกกลม ก็ไมร่ วู้ ่าวัน ถ้าอย่ทู ี่กรงุ เทพฯ เมอ่ื รวู้ า่ กรงุ เทพฯ อย่ใู กล้ ๑๐๐ องศา หนงึ่ ๆ จะเริ่มต้นท่ีไหน จึงตกลงกันขีดเส้นสมมติขนึ้ โดย ๓๐ ลิปดา ตะวันออก (100°30´ E.) กไ็ ดเ้ วลาจริงของ นับจากเสน้ เมรเิ ดียนกรีนิชท่เี ปน็ ศนู ย์นนั้ ไป 180 ํ คอื ครึง่ กรุงเทพฯ ช้ากวา่ เวลามาตรฐาน ๑๘ นาที ดังนั้น ถ้าเวลา โลก เอาเสน้ เมรเิ ดียนท่ี ๑๘๐ เปน็ ทก่ี �ำหนดเสน้ วนั สากล มาตรฐานของประเทศวา่ ๑๒ น. คือเทีย่ ง กห็ มายความ เรยี กว่า international date line (เสน้ น้ีผา่ นช่องแคบ ว่า ตอ้ งรออีก ๑๘ นาที คือ ๑๒.๑๘ น. จึงจะเปน็ เวลา เบรงิ ทแ่ี ยกไซบีเรยี ของรัสเซีย กบั อะแลสกาของอเมรกิ า) เทย่ี งทีแ่ ทจ้ ริงของกรุงเทพฯ เสน้ วนั สากลนี้ นับจากกรีนชิ มาทางตะวนั ออก ก็ (ถา้ ตอ้ งการทราบเวลาจรงิ ซอ้ นอกี ชนั้ หนง่ึ คอื เวลา ๑๘๐ นบั จากกรนี ชิ ไปทางตะวนั ตก ก็ ๑๘๐ คอื เป็นเส้น ตามดวงอาทติ ย์ ซ่งึ ต่างกันไปตามฤดูกาล กเ็ ทยี บเอาจาก เดียวกนั ดงั นั้น ถ้านบั จากกรนี ชิ มาทางตะวันออก ทนี่ ่กี ็ เวลาทด่ี วงอาทติ ยข์ นึ้ จรงิ ในวนั นนั้ ๆ ดงั ทว่ี ทิ ยกุ ระจายเสยี ง เปน็ เวลาก่อนหนา้ เลยเวลาทีก่ รนี ิชไปแลว้ ๑๒ ชว่ั โมง แต่ แหง่ ประเทศไทยประกาศตอนจบภาคข่าวทุกเชา้ โดยถอื ถา้ นบั ไปทางตะวนั ตกก็อยู่หลังกรนี ิช ๑๒ ชวั่ โมง เปน็ จดุ ท่ีอยู่เกือบสดุ ทางทศิ ตะวนั ออกของประเทศ คือที่ผา อนั ว่าที่ ๒ ขา้ งของเส้นเดยี วกันน้ี เวลาห่างกัน ๒๔ ช่วั โมง ชะนะได อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี อยทู่ ่ี ๑๐๕ องศา จงึ ใช้ท่สี มมติน้ี บัญญัติลงไปวา่ ขา้ งตะวนั ตกของเสน้ น้ี ๓๐ ลิปดา กอ่ นกรุงเทพฯ ๕ องศา กค็ ือเรว็ กว่ากรุงเทพฯ เป็นจดุ เร่ิมต้นวันใหม่ ส่วนข้างตะวันออกคือสนิ้ สดุ วันเก่า ๒๐ นาที คำ� นวณแลว้ ก็จะทราบเวลาจริงของแตล่ ะวนั แม้วา่ จะไมถ่ งึ กบั เดด็ ขาด เพราะโลกเคล่ือนไปในแตล่ ะฤดู ถ้าใครเดนิ ทางขา้ มเส้น ๑๘๐ นี้ จากข้างตะวัน ช้าเร็วไม่เท่ากนั เชน่ ในฤดูหนาว วันท่ี ๑๒ ม.ค. ๒๕๕๕ ตกไปขา้ งตะวนั ออก กย็ ้อนกลับไปอยู่ในวันเก่า สว่ นคนที่ ทีผ่ าชะนะได ดวงอาทติ ยข์ นึ้ ๐๖.๒๗ น. แลว้ ท่กี รุงเทพฯ ขา้ มจากขา้ งตะวนั ออกไปข้างตะวนั ตก วนั เวลาก็จะข้าม หายไป ๑ วัน ท้งั นี้ ก็เพราะวา่ ส�ำหรับโลกที่กลมน้ี เม่อื ตะวนั ตก ห้ามซอื้ -ขาย อนุญาตให้ใชเ้ พอื่ การศกึ ษาส่วนตัวเท่านัน้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน ภาคพิเศษ 239

เฮนรี ฟอรด์ พาอเมรกิ ากา้ วขึ้นมาน�ำ ในปี 1908 ฟอรด์ ไดร้ ิเร่มิ งานสำ� คญั คอื ออกแบบ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ และผลติ รถฟอรด์ Model T สดี �ำ ราคาไม่แพง ให้ชาว บา้ นซอ้ื ไหว คันละเพียง $850.50 และหาซ้อื ไมย่ าก พ.ศ. ๒๔๔๖ (ค.ศ. 1903) ทสี่ หรฐั อเมริกา เฮนรี โดยผลิตจำ� นวนมาก กินน้�ำมัน ๒๐ ไมลต์ อ่ แกลลอน ใน ฟอร์ด (Henry Ford, 1863–1947) ต้งั แต่ยงั เปน็ ช่างกล บรรดารถยนตท์ ีข่ ายได้ทัง้ หมดในอเมรกิ า เป็นส่วนของ และวิศวกรทำ� งานอยู่กับบรษิ ทั เอดิสัน (Edison Co.) ได้ ฟอรด์ Model T ถงึ ๔๒.๔% พอถึงปี 1915 รถฟอร์ดคัน ใช้เวลาว่างผลติ รถยนตข์ ึน้ มาจนสำ� เรจ็ ในปี 1892 ครน้ั ถึง ท่ี ๑ ลา้ นกอ็ อกมา ถงึ ปี 1920 สว่ นในตลาดของฟอร์ด ปี 1903 ก็จดั ต้งั บรษิ ัทฟอรด์ มอเตอร์ (Ford Motor Co.) Model T ข้นึ ไปอกี ถึง ๕๔.๕๗% ปี 1924 ฟอรด์ Model ขึน้ และทำ� งานดว้ ยปรชี าสามารถจนฟอร์ดกลายเปน็ ผู้ T ทนทานราคาถูกออกมาราคาแค่คันละ $290 และถึง ผลิตรถยนต์ใหญท่ ี่สดุ ในโลก เวลานนั้ เกินครง่ึ ของรถยนตท์ ใ่ี ช้กันในโลก คือรถฟอร์ด Model T ปี 1927 เปน็ วาระครบ ๒๐ ปขี องรถฟอรด์ Model T เฮนรี ฟอร์ด หยดุ เลิกการผลิตฟอรด์ Model T แต่ บัดนน้ั โดยเปล่ยี นไปผลิต ฟอร์ด Model A ข้ึนมาแทน รถฟอร์ด คันที่ ๑๕ ล้าน ออกจากโรงงานในปีท่ี ๒๐ น้นั ก่อนปี 1900 อเมรกิ าผลติ รถยนตล์ ้าหลงั กวา่ ยุโรป เฮนรี ฟอร์ดจึงเป็นกำ� ลงั ใหญท่ นี่ �ำอเมรกิ าขึ้นมาเปน็ ผู้นำ� ดา้ นน้ี และครองความเป็นใหญอ่ ยู่ได้เกนิ คร่ึงศตวรรษ อยา่ งไมม่ ีใครเทยี มทาน (เม่ือเขา้ ทศวรรษ 1970s รถญ่ปี นุ่ และเยอรมนั จงึ ก้าวขนึ้ มา) ระบบงานของเฮนรี ฟอร์ดกน็ ่าสนใจ เขาเอาใจใส่ ให้ความส�ำคัญแกค่ นงาน ให้ค่าจ้างสงู กวา่ อตั ราจ้างงาน ตามปกติเปน็ อันมาก และให้คนงานมสี ่วนรว่ มในผลกำ� ไร โดยนำ� มาจัดสรรใหป้ ีละ ๓๐ ลา้ นเหรยี ญ อีกทั้งไดบ้ ำ� เพญ็ สาธารณประโยชน์มากมาย รวมท้ังการตัง้ มลู นธิ ิฟอรด์ (Ford Foundation, ต้งั ปี 1936) ซ่ึงเคยได้ช่ือวา่ เปน็ องค์กรการกศุ ลทรี่ วยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 240 ภาคพิเศษ หา้ มซ้ือ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พอื่ การศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ีลิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของก่อน

ฟอร์ดนำ� assembly line เข้ามา เพยี ง ๑.๕ ชัว่ โมง ทำ� ใหเ้ ขาผลติ รถได้จ�ำนวนมาก ทนั หนา้ ตรงขา้ มจากซา้ ย: พาอตุ สาหกรรมให้ก้าวใหญ่ ความต้องการ และขายได้ในราคาถกู สมความต้ังใจ เฮนรี ฟอร์ด รชั กาลที่ ๕ กบั Ford Model T พ.ศ. ๒๔๕๖ (ค.ศ. 1913) ทีส่ หรัฐอเมริกา หลงั ความส�ำเร็จของฟอร์ดทำ� ให้บริษัทอ่นื ตอ้ งนำ� Ford Model A จากเฮนรี ฟอรด์ ตั้งบรษิ ทั ฟอร์ดมอเตอรข์ น้ึ ในปี 1903 ระบบนีไ้ ปใช้ และแพรไ่ ปในอตุ สาหกรรมอื่นๆ ดว้ ย เปน็ assembly line เขาก็มงุ่ หน้าพัฒนาสร้างความก้าวหนา้ ในการผลติ รถยนต์ ความตืน่ ตวั ท�ำให้เกิดความเปลย่ี นแปลงขนานใหญ่ คราวหนง่ึ เขานกึ ถงึ การทำ� งานในโรงงานเน้อื สตั ว์ ทใี่ ช้ เป็นการปฏิวัติในวงการอุตสาหกรรมอย่างหน่งึ สายรอกพาซากสัตวไ์ ปส่งแกค่ นงานทีท่ �ำงานในสว่ นของ ตนๆ แล้วได้ความคิดท่ีจะนำ� มาดดั แปลงใชใ้ นงานผลิต แตร่ ะบบ assembly line น้ี แม้จะไดผ้ ลมาก แต่ รถยนต์ แตแ่ ทนท่ีจะเปน็ งานแยกสว่ นอยา่ งในโรงงานท�ำ กม็ ขี อ้ เสีย เช่น ทำ� ใหค้ นงานเกดิ ความเบือ่ หนา่ ยต่อการ เน้ือสัตว์ งานท่ีเขาคดิ น้ตี รงขา้ ม คือเปน็ การประกอบช้ิน ท�ำงานที่มกี ารเคลอ่ื นไหวแบบซ้�ำซากและสักว่า อีกทง้ั เมอื่ สว่ น โดยให้สายรอกน�ำส่วนประกอบตัง้ แตแ่ ค่เปน็ ฐาน จดั งานลงตวั แล้ว กส็ ามารถใชค้ นงานที่ไรห้ รือดอ้ ยฝีมอื หรอื เป็นโครง ไปส่งแก่ผู้ทำ� งานซึ่งจะต่อเตมิ หรอื ประกอบ เพือ่ ลดคา่ จา้ งลงไป เสยี คา่ ใช้จ่ายแตน่ อ้ ย ดงั นี้เป็นต้น ชิน้ สว่ น เปน็ ตน้ ในส่วนท่เี ปน็ หนา้ ท่เี ฉพาะของตนๆ แล้ว เลือ่ นต่อสู่ผู้ทำ� งานในล�ำดับต่อๆ ไป ไม่ขาดตอน จนงาน เสร็จ เช่นเปน็ รถท้ังคันท่สี มบรู ณ์ ระบบการใช้สายสง่ งานประกอบช้นิ ส่วนนี้ เรียก วา่ assembly line หรือบางทีกเ็ รียกวา่ production line และแปลกนั ว่า สายการผลิต ซ่ึงในอตุ สาหกรรม ใหญ่ๆ ปัจจบุ ันรู้จกั กนั ดี การใชร้ ะบบสายสง่ ตอ่ งาน ประกอบชน้ิ ส่วนนี้ ตอ้ งมีการวางแผนจัดการอย่างดี เช่น ใหท้ ุกอยา่ งลงตัวพอดี เข้าจังหวะกนั ทง้ั คนทำ� งาน เวลา และวสั ดุอปุ กรณ์ ทำ� ใหท้ งั้ ทุน่ แรงท่นุ เวลา ไดผ้ ลดี เฮนรี ฟอรด์ นเี่ องไดค้ ดิ เรือ่ งนีข้ ้ึน และเรม่ิ น�ำ assembly line เข้ามาใช้ในโรงงานของบรษิ ทั ฟอร์ด มอเตอร์ เมอ่ื วนั ที่ ๗ ตุลาคม 1913/๒๔๕๖ ทำ� ใหก้ าร ผลติ ฟอรด์ Model T ไดผ้ ลมาก รถท่ีเดิมกว่าจะประกอบ เสรจ็ ใชเ้ วลาคันละ ๑๒.๕ ชวั่ โมง คราวน้ีเสรจ็ ในเวลา ห้ามซ้อื -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตวั เทา่ น้ัน ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ต้องติดตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น ภาคพิเศษ 241

ลนิ ดเ์ บอร์ก กับ วีรบุรุษผู้มีชัย น�ำความส�ำเรจ็ มาให้ Spirit of St. Louis แก่เพือ่ นร่วมชาติและมวลชาวโลก พ.ศ. ๒๔๗๐ (ค.ศ. 1927) ทสี่ หรัฐอเมรกิ า ในวนั ท่ี ๒๐-๒๑ พฤษภาคม มเี หตกุ ารณ์สำ� คัญจากการกระท�ำ ของบุคคลผู้เดยี ว แตเ่ ป็นขา่ วใหญท่ ค่ี นสนใจตืน่ เตน้ กันไป ท่วั ทั้งโลก ประกาศความยิ่งใหญข่ องการสรา้ งความส�ำเร็จ ที่ดงี ามสร้างสรรค์ ความสำ� เร็จครง้ั น้คี ือ การบินเด่ียวรวด เดียวข้ามมหาสมุทรแอตแลนตกิ คร้งั แรก (first nonstop solo flight across the Atlantic) ยอ้ นหลังไป หลังจากสองพ่ีนอ้ ง Orville และ Wilbur Wright ท�ำการบินมีคนนงั่ ไดส้ �ำเรจ็ ครั้งแรกเม่ือ ๑๗ ธ.ค. 1903/๒๔๔๖ แล้ว การบนิ กก็ ้าวหนา้ มาโดย ลำ� ดับ แตก่ ็ยังไม่พัฒนาสกั เท่าใด ถึงจะมีการใช้เครือ่ งบนิ ในการรบครั้งแรก ในสงครามระหว่างอิตาลี กบั ตุรกี (Italo-Turkish War) เมอ่ื ๒๓ ต.ค. 1911/๒๔๕๔ แต่แม้ ในสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ (World War I, 1914-1918/ ๒๔๕๗-๒๔๖๑) กย็ งั มีการใชเ้ คร่อื งบินเพียงเล็กน้อย อากาศยานทีใ่ ช้มากหนอ่ ย กแ็ ค่บัลลูน (balloon) และ เรอื เหาะ (airship, บัลลนู ทรงซกิ าร์) ซ่ึงลอยตวั ด้วยแก๊สท่ี เบากวา่ อากาศ เชน่ ฮีเลียม และไฮโดรเจน หลังสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ ไมน่ าน การบนิ พาณชิ ย์ (commercial aviation หรือ air transport) ไดพ้ ัฒนา ไปมาก พอถงึ ปี 1919/๒๔๖๒ กเ็ ริม่ มเี คร่อื งบนิ โดยสาร ประจ�ำ ระหวา่ งปารีส กบั ลอนดอน (ระยะทางราว ๓๔๓ กม.) สว่ นในอเมรกิ า หลงั ปี 1925/๒๔๖๘ จึงมีบริษัท เอกชนใช้เคร่อื งบินบรกิ ารขนสง่ ไปรษณีย์ แล้วต่อมาก็รบั สง่ ผโู้ ดยสารประจำ� ทาง (ในอเมริกา เมืองใหญ่ๆ ห่างกัน 242 ภาคพเิ ศษ หา้ มซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพ่ือการศึกษาสว่ นตวั เทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น

ไกลกว่าปารีส-ลอนดอน มาก) ไมล์ ตอ่ ช่วั โมง (๑๗๒ กม./ชม.) ตลอดวนั ตลอดคนื ต้อนรบั ลินด์เบอร์กอย่างวรี บรุ ษุ ผยู้ ิ่งใหญ่ ทไี่ ดน้ ำ� ความ ในปี 1919 เจ้าของโรงแรมแหง่ หน่งึ ในนคร กลางทอ้ งฟา้ เวิ้งว้าง มีอากาศและกระแสลมทนี่ า่ พร่นั กลัว สำ� เรจ็ และเกียรติยศมาให้แกป่ ระเทศชาติ เปน็ งานฉลอง ฝ่าท้ังหิมะ ท้ังฝนและลกู เห็บ นำ�้ แขง็ จบั ปีกเครื่องบนิ ชยั ครง้ั ยิง่ ใหญ่ทีส่ ดุ ของชาตหิ ลงั การชนะในสงครามโลก นวิ ยอรก์ ตั้งรางวลั คงเหมอื นทา้ ขึน้ มาว่า ใครขับเครอื่ งบิน หลายครง้ั ต้องผา่ นไปกลางเมฆหนาทึบ มองไมเ่ หน็ อะไร ครัง้ ที่ ๑ ริว้ กระดาษที่คนโปรยลงมาตามถนนบนทาง บนิ เด่ียวรวดเดียวไมห่ ยุดเลยจากนวิ ยอรก์ ไปถงึ ปารสี เลย ทั้งหิวกระหาย และเม่อื ยลา้ ออ่ นเพลีย บ่อยครง้ั ที่ ท่เี ขาผ่านไป รวมนำ้� หนักไดส้ กั ๑,๘๐๐ ตัน มากกวา่ ท่ี (๕,๘๐๐ กม.) ได้ จะใหเ้ งนิ $25,000 เขาหมดความรูส้ ึกหรอื ผลอยหลับไป แลว้ รสู้ กึ ตวั ขนึ้ มา เคยโปรยคราวส้ินสงครามโลกครั้งที่ ๑ นน้ั เกิน ๑๐ เท่า ใหม่ทนั พอดีก่อนที่เครอื่ งบินจะดง่ิ ลงบนพ้นื มหาสมุทรท่ี เป็นเหตุการณท์ ่ีได้รับการบันทึกไวอ้ ย่างเป็นเกียรติภูมิ เม่ือตัง้ รางวัลข้นึ แลว้ เวลาผา่ นไปจนถึงปี 1927/ เย็นเยือก ขณะเดียวกัน ผู้คนทัว่ โลกทีร่ อฟังข่าว กไ็ ดแ้ ต่ ของชาวอเมริกนั เป็นบุคคลท่ีมชี ื่อเสยี งท่ีสุดทา่ นหนึง่ ใน ๒๔๗๐ ได้มผี ้พู ยายามบนิ หลายครง้ั แต่ไมม่ ีผูใ้ ดประสบ หวั่นใจวา่ วันหน่งึ กับคนื หน่งึ แล้วกอ็ ีกวนั หน่ึงผ่านไปแล้ว ประวตั ศิ าสตรก์ ารบิน ความสำ� เรจ็ มแี ตก่ ลายเปน็ การสละชวี ติ เท่าทท่ี ราบว่า เครอ่ื งบนิ นอ้ ยลำ� น้นั อยตู่ รงไหน มชี ะตากรรมเป็นอยา่ งไร ตายไป ๖ ราย จะไปถึงทีห่ มายหรือไม่ นอกจากเงินรางวลั $25,000 ทตี่ ง้ั ไว้ และ เครอ่ื งหมายเกียรตยิ ศทป่ี ระธานาธิบดีอเมรกิ นั มอบให้ ในปี 1927 น้ัน หน่มุ ข้อี าย อายุ ๒๕ ปี มชี อื่ วา่ ในที่สุด คืนวันรุง่ ขนึ้ ๒๑ พ.ค. ๒๔๗๐ เวลา แลว้ รฐั สภาอเมรกิ ัน (Congress) ไดอ้ อกกฎหมายพเิ ศษ ชารล์ ส์ เอ. ลนิ ดเ์ บอร์ก (Charles A. Lindbergh, 1902- ๒๒.๒๒ น. ชาร์ลส์ เอ. ลินดเ์ บอร์ก กไ็ ปถงึ เมอื งปารสี เขา มอบเหรยี ญ Congressional Medal of Honor แก่เขา 1974) ในฐานะที่เปน็ นักบนิ คนหนง่ึ ยอ่ มไดย้ นิ ขา่ วเรอ่ื งนี้ น�ำเคร่อื งบินลงจอดท่ีสนาม Le Bourget รวมใช้เวลาบนิ (เหรยี ญตราสงู สุดนี้ ตามปกติให้เฉพาะแก่ทหาร เพื่อเชิดชู เรือ่ ยมา เขาคดิ วา่ เขาตอ้ งทำ� ได้ ขอแตใ่ หม้ ีเครอ่ื งบนิ ท่ดี ี ๓๓ ชัว่ โมงคร่ึง เป็นระยะทาง ๕,๘๐๐ กม. (๓,๖๐๐ ไมล)์ “conspicuous gallantry and intrepidity at the น่ีคือการบนิ เดย่ี วรวดเดียวข้ามมหาสมทุ รแอตแลนตกิ risk of life, above and beyond the call of duty.”) คร้ันแลว้ ลินด์เบอร์กหาผ้สู นบั สนนุ เงินทุนคา่ สำ� เรจ็ ครัง้ แรก (first nonstop solo flight across the เคร่ืองบนิ เขาไปพบบริษทั ใหญๆ่ ทเ่ี ป็นผผู้ ลิตหลายราย Atlantic) ความส�ำเรจ็ ครั้งนี้ ดา้ นหนง่ึ เป็นเคร่อื งบ่งชี้ถงึ กล็ ้วนปฏิเสธ ไมย่ อมขายเคร่อื งบนิ ให้ ในทสี่ ุด เขาจ้าง ความก้าวหน้าและความหวังทีส่ ดใสของเทคโนโลยี พร้อม บริษัทหนงึ่ ทำ� เคร่ืองบนิ ขนึ้ โดยตวั เขาเองช่วยออกแบบ ทส่ี นามบนิ กรงุ ปารีสน้นั แมจ้ ะเปน็ เวลากลางคืน กบั ที่อกี ดา้ นหน่งึ เปน็ การพิสจู นค์ วามสามารถของมนุษย์ จนเสรจ็ ตง้ั ช่ือเครื่องบนิ น้นั วา่ Spirit of St. Louis ปรากฏวา่ ประชาชนทีต่ ามข่าวพากันมารอรับดว้ ยความ แสดงถงึ ความเขม้ แขง็ กลา้ หาญ และเปน็ พยานแหง่ คตนิ ยิ ม ตื่นเตน้ เนอื งแนน่ มากมาย (Walter Cronkite แหง่ CBS อเมรกิ นั อนั ชน่ื ชมในความสำ� เรจ็ ทที่ ำ� ไดย้ าก (“hard-won คร้นั แลว้ เช้าวนั ท่ี ๒๐ พ.ค. เวลา ๐๗.๕๒ น. บรรยายว่า คนมารบั ที่สนามบินมากกว่าแสนคน) ลนิ ด์ achievement”) นอกจากเปน็ ความส�ำเรจ็ ของตัวนักบนิ ชาร์ลส์ เอ. ลินดเ์ บอรก์ ก็น�ำ Spirit of St. Louis ขน้ึ เบอรก์ กลายเปน็ วรี บรุ ษุ ๒ ฟากมหาสมุทร เขาทำ� ให้ทัง้ แล้ว กท็ �ำใหป้ ระชาชนสนใจเคร่ืองบิน สนใจการบิน และ จาก Long Island เมืองนิวยอร์ก เนอ่ื งจากเครอ่ื งบนิ น้นั การบนิ และนกั บิน เปน็ ข่าวหนา้ แรกของหนังสอื พมิ พ์ไป มคี วามม่นั ใจในการเดินทางด้วยเครือ่ งบิน ตลอดจนการท่ี เล็กเครอื่ งยนตเ์ ดยี ว และต้องบรรทกุ นำ้� มันมาก เขาจงึ ทว่ั โลก หนงั สือพมิ พ์เรยี กเขาวา่ “Lucky Lindy” (ลนิ ดผี้ ู้ จะมีใจให้แกก่ ารเดินทางทางอากาศเพ่ิมขน้ึ ด้วย พยายามลดน�้ำหนกั ของอนื่ ให้เหลอื น้อยที่สุด แม้แตร่ ม่ มีโชค) บา้ ง “Lone Eagle” (อนิ ทรีย์เดี่ยว) บา้ ง ชชู ีพ และวทิ ยุก็ไมเ่ อาไป ทน่ี ่ังนักบินก็ใชไ้ ม้สาน มองทาง เวลาผา่ นมาอกี ๕ ปี ในปี 1932/๒๔๗๕ อะมเี ลีย ข้างหน้าด้วยกลอ้ งเปรสิ โคป (periscope) เม่ือกลับมาอเมรกิ า เพ่ือนร่วมชาติได้จดั งาน แอรฮ์ าร์ท (Amelia Earhart) ได้เปน็ สตรคี นแรกท่บี ิน ลนิ ดเ์ บอรก์ คนเดยี วแลน่ ลอยอยู่เหนือมหาสมทุ ร แอตแลนติก ในเครอื่ งบินล�ำน้อย ท่มี ีความเรว็ เฉล่ีย ๑๐๗ หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตให้ใชเ้ พื่อการศึกษาส่วนตัวเทา่ น้นั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดต่อขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน ภาคพิเศษ 243

244 ภาคพิเศษ หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ น้นั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น

เดยี่ วข้ามมหาสมทุ รแอตแลนติกสำ� เรจ็ ในวันเดอื นเดียว แอตแลนตกิ ระหวา่ งลอนดอน-นวิ ยอรก์ ใชเ้ วลาบนิ อ่ืนดว้ ย (chartered flights ไปทวั่ โลก) แตต่ ่อมา เพราะ กับลนิ ด์เบอรก์ คอื ๒๐-๒๑ พ.ค. (ก่อนนน้ั ๔ ปี ในปี ๑๙.๔๕ ชม. ขาดทุน ก็ตดั เท่ยี วบินลงๆ จนเหลอื ปลายทางประจ�ำเพียง 1928 เธอได้เป็นสตรีคนแรกทขี่ ้ามแอตแลนตกิ โดยเปน็ นิวยอร์ก จนในทส่ี ุดก็เลกิ ดำ� เนนิ การทั้งหมด (Air France ผโู้ ดยสารคนเดยี วในเคร่ืองบนิ ทีข่ ับโดยนักบนิ ๒ คน) ตอ่ ปี 1958/๒๕๐๑ เริ่มมกี ารใชเ้ ครือ่ งบนิ ไอพน่ (jet เลิก พ.ค. 2003 และ British Airways เลกิ ต.ค. 2003) มาถึงปี 1937 แอร์ฮาร์ทออกบนิ รอบโลกดว้ ยเครอื่ งบนิ airliner) ทำ� ให้คนหนั มานยิ มเดินทางไกลด้วยเครื่องบนิ สองเครอื่ งยนต์ โดยมี Fred Noonan เปน็ ผู้นำ� ทาง และ แทนรถไฟ และเรอื เดนิ สมทุ ร (กอ่ นนนั้ เมอื่ ปี 1953 BOAC อะมเี ลีย แอรฮ์ าร์ท กเ็ ดินทางไปได้เกิน ๒ ใน ๓ แล้ว แตไ่ ดห้ ายสญู ไปกลาง ไดเ้ รมิ่ ใชเ้ ครอ่ื งบินที่เรียกกันว่า พร๊อพเจต็ /propjet คอื หน้าตรงขา้ มจากซ้ายบน: มหาสมทุ รแปซิฟิก ใกล้เส้นวันทสี่ ากล (International มีไอพ่น turboprop ขับเคล่อื นใบพดั ซึง่ ผลิตโดยบริษัท บอลลนู Date Line) Rolls-Royce แล้วบรษิ ัทการบินประเทศอน่ื ก็ซอื้ บา้ ง) เรือเหาะ Jet airliner ระหว่างน้ี การบนิ พาณชิ ย์ (commercial aviation) ปี 1970/๒๕๑๓ วันท่ี ๒๑ ม.ค. Pan Am เร่มิ Spirit 0f St. Louis กพ็ ัฒนาต่อเนอื่ งมา ดังมีความก้าวหนา้ ที่ควรทราบ ดงั นี้ บริการเครื่องบินไอพน่ จมั โบ โบอิง้ ๗๔๗ (Boeing 747 Boeing 747 jumbo jet) ในเสน้ ทางบนิ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนตกิ Concorde ปี 1934/๒๔๗๗ เร่มิ มกี ารบินขนส่งไปรษณีย์ข้าม (เมอ่ื ปี 1966/๒๕๐๙ Pan Am ริเร่ิมสัง่ จัมโบ โบอ้งิ ๗๔๗ มหาสมทุ รแปซิฟิก จากนัน้ ไม่นาน กม็ ีบริการส�ำหรับคน มาเตรียมบรกิ าร ๒๕ เคร่ือง บรรทกุ ผู้โดยสารไดเ้ ทย่ี วละ โดยสาร ๓๔๒ ถึง ๔๙๐ คน ท�ำใหก้ ารบินสายอนื่ ตอ้ งพากนั ตาม) นับเปน็ การเปล่ยี นโฉมหน้าการบินครั้งสำ� คญั ปี 1939/๒๔๘๒ วนั ที่ ๒๘ ม.ิ ย. Pan American Airways เปิดการบนิ พาณชิ ยข์ ้ามมหาสมุทรแอตแลนตกิ ปี 1976/๒๕๑๙ วันที่ ๒๑ ม.ค. (ก่อนเริ่มรบั สง่ คร้งั แรก จากนวิ ยอรก์ ไปเมอื งมารเ์ ซลล์ (Marseilles) ใน ผโู้ ดยสาร Concorde เร่ิมท�ำการบนิ ครัง้ แรกในวนั ที่ ๒ ฝรง่ั เศส ใชเ้ วลาบนิ ๒๖ ชม.ครงึ่ คา่ โดยสารเทยี่ วละ $375 มี.ค. 1969/๒๕๑๒ และเรม่ิ บนิ เรว็ กวา่ เสยี ง ในวันท่ี ๑ ต.ค. 1969 ครน้ั ถงึ ๔ พ.ย. 1970 ก็บนิ ได้เร็วกวา่ เสยี ง ปี 1939/๒๔๘๒ ถงึ 1945/๒๔๘๘ ระหว่าง เกิน ๒ เท่า บนิ จากลอนดอนไปนิวยอร์ก ราว ๓ ชม.) Air สงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ คู่สงครามใชเ้ คร่อื งบนิ ในการรบกัน France และ British Airways เร่ิมเทย่ี วบนิ ประจ�ำของ อย่างเต็มที่ จึงเรง่ ผลิตและพฒั นาเครื่องบินอยา่ งรวดเรว็ เคร่ืองบนิ คอนคอรด์ เร็วกวา่ เสียง (supersonic Con- และมากมาย ท�ำให้การบนิ ก้าวหน้ามาอย่างมาก เมือ่ ส้ิน corde) โดย British Airways (ก่อนนค้ี ือ BOAC) บินจาก สงครามโลกนัน้ แลว้ กม็ ีเครอ่ื งบินสี่เครือ่ งยนต์ ทบี่ นิ ระยะ ลอนดอน ไปยงั บาหเ์ รน (Bahrain) และ Air France บนิ ไกล มหี ้องผ้โู ดยสารอย่างดี มอี ปุ กรณ์กา้ วหน้า พร่งั พร้อม จากปารสี ไปยังรโี อเดจาเนโร (Rio de Janeiro) แล้ว ไปทั่ว ประหยดั สะดวก ปลอดภยั น่งั สบาย ตอ่ มาก็เปิดบินประจ�ำมายงั กรงุ วอชงิ ตนั ดีซี (๒๔ พ.ค. 1976) และมาเมอื งนิวยอร์ก (พ.ย. 1977) และขยายไปท่ี ปี 1946/๒๔๘๙ วนั ท่ี ๑ ก.ค. BOAC (British Overseas Airways) เริม่ การบนิ พาณิชยข์ า้ มมหาสมุทร ห้ามซ้ือ-ขาย อนญุ าตให้ใชเ้ พ่ือการศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ นนั้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงค์จะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น ภาคพิเศษ 245

ทีวี โผลม่ านดิ ติดสงครามโลก ๖ ปี อยา่ งไรก็ตาม แท้จรงิ นั้น ในอเมรกิ า โทรทัศน์ สมัยนม้ี ปี ากกาลกู ลน่ื หาไดแ้ สนง่าย จน ๒๔๘๘ ผ่าน จึงบานไมห่ บุ พัฒนาช้ากวา่ ในยุโรป ซึ่งปรากฏว่า ในองั กฤษ BBC ได้ เขียนได้แสนสบาย เร่ิมบริการทีวีเปน็ เจา้ แรกของโลกท่ลี อนดอน ในปี 1936 งานอย่างเลศิ ทแ่ี สนดี พ.ศ. ๒๔๘๒ (ค.ศ. 1939) ทีส่ หรัฐอเมริกา วนั โดยเฉพาะท่เี ป็นงานเด่นออกถา่ ยทอดภายนอกครง้ั แรก น่าจะไดผ้ ลติ ได้มขี นึ้ มามากมาย ท่ี ๓๐ เมษายน มีการเปิดงานแสดงสินคา้ โลกท่ีเมอื ง คือเมอื่ BBC แพร่ภาพขบวนงานราชาภเิ ษกของพระเจ้า นิวยอรก์ (New York World’s Fair) บริษัท NBC ยอรจ์ ท่ี ๖ (King George VI) จากไฮด์ปาร์ค เมอื่ เดอื น พ.ศ. ๒๔๘๘ (ค.ศ. 1945) วนั ที่ ๒๙ ต.ค. ท่ี (National Broadcasting Company) ไดเ้ ปิดตวั เริ่ม พฤศจกิ ายน 1937 สหรัฐอเมรกิ า ห้าง Gimbel Bros. เมืองนวิ ยอรก์ วาง ออกรายการประจ�ำของโทรทัศน์ โดยท�ำการถ่ายทอดพธิ ี จ�ำหนา่ ยปากกาลูกลนื่ (ballpoint pens) ด้ามละ ท่ปี ระธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt เปน็ ประธาน เมือ่ โทรทัศนป์ รากฏตัวขน้ึ มาและทำ� ท่าจะ $12.50 มีบันทกึ ว่า เป็นความส�ำเรจ็ ทางพาณชิ ย์ครัง้ กล่าว และกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกทอี่ อกโทรทศั น์ งอกงามนนั้ ก็เขา้ สู่ช่วงเวลาของสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ใหญ่ พอถงึ ปี 1949 ปากกาลกู ลน่ื กต็ ิดตลาด และมสี ถิติ NBC บอกว่าปนี ั้นจะออกรายการทวี ี สปั ดาห์ละ ๒ ชัว่ โมง ซง่ึ เร่ิมข้นึ ในวันที่ ๑ ก.ย. 1939 ตอ่ มาไมช่ ้าสงครามได้ จ�ำหนา่ ยชนะปากกาหมกึ ซมึ เปน็ คร้งั แรก แมว้ า่ ในช่วงตน้ แล้วในปเี ดยี วกนั นน้ั CBS (Columbia Broadcasting รุนแรงมากขึ้น แลว้ ก็ท�ำให้โทรทัศนเ์ งียบเฉาจนเหมือน ธนาคารบางแห่งบอกวา่ ปากกาลกู ล่นื นี้ใชเ้ ซน็ ชือ่ ตาม System) กเ็ ร่มิ ออกรายการทวี เี ช่นกนั กวา่ จะถึงกลางปี กับลับหายไป เพราะโรงงานอิเลก็ ทรอนิกสท์ ง้ั หลายตอ้ ง กฎหมายไมไ่ ด้ แตป่ รากฏวา่ ปากกาอยา่ งใหมน่ ี้ ข้นึ ไปที่ ตอ่ มา คือ 1940 ในสหรฐั ได้มโี ทรทัศนแ์ ล้ว ๒๓ สถานี เปลย่ี นไปเปน็ ท่ีผลิตอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ ดงั ท่ีในอเมริกา ปี สูงก็ไม่รั่วไหล และใช้เขียนทับกระดาษคาร์บอนท�ำสำ� เนา 1945/๒๔๘๘ เพยี งประมาณ ๕,๐๐๐ บา้ น มีเครือ่ งรบั เอกสารธุรกิจและราชการไดด้ ีอกี ดว้ ย Braun HF1, 1958 โทรทัศน์ทเ่ี ทอะทะ แตใ่ นปี 1945 น้เี อง สงครามโลกครงั้ ที่ ๒ ก็จบลงในวนั ที่ ๒ ก.ย. ในเมืองไทย กวา่ จะรจู้ กั และใชป้ ากกาลูกลื่นกนั กวา้ งออกไป กเ็ มอ่ื ผา่ น พ.ศ. ๒๕๐๐ มาแล้ว ปตี อ่ มา 1946 รฐั บาลอเมรกิ นั ยกเลิกข้อจ�ำกดั เก่ยี วกบั การผลิตเครอ่ื งรับโทรทศั น์ จากนน้ั อุตสาหกรรม คนร่นุ ก่อนๆ ล�ำบากยุ่งยากไมน่ อ้ ยกบั การใช้ โทรทศั นก์ เ็ บ่งบานอยา่ งรวดเร็ว พอถงึ ปี 1949 มีเคร่ือง อปุ กรณ์การเขยี น เมอ่ื มีปากกาหมกึ ซึมให้ใช้ ก็ถือว่า รับโทรทัศน์เพมิ่ ข้นึ เปน็ ๑ ลา้ นเครอ่ื ง ถึงปี 1951 เป็น สะดวกสบายขนึ้ มากมายแลว้ แตย่ งั มขี ้อตดิ ขดั ไม่คล่อง ๑๐ ลา้ นเครื่อง แล้วกเ็ ปน็ ๕๐ ลา้ นเครื่องใน ๘ ปีตอ่ มา ตัวอยมู่ าก เชน่ เหนบ็ ปากกาไว้ บางทหี มึกรว่ั ไหลออกมา เปรอะกระเปา๋ เป้ือนเส้อื ผ้า เขยี นลงกระดาษ นอกจาก ในองั กฤษ บรกิ ารโทรทศั นข์ อง BBC คนื ชพี ในตอน ซึมสมชือ่ แล้ว ถูกนำ�้ หมกึ ละลาย ตวั หนงั สอื หายไป และ กลางปี 1946 แลว้ กเ็ จรญิ เตบิ โตตอ่ มา สว่ นในประเทศอน่ื ๆ เลอะเทอะ ต้องระวังคอยดูวา่ หมกึ จะหมด หมัน่ ดดู สูบ พดู ไดว้ า่ โทรทศั น์ หรอื ทวี ี เพงิ่ จะแพรห่ ลายเมอื่ เขา้ ทศวรรษ หมึกใหม่ ต้องมขี วดหมึกพร้อมไว้ อกี ท้งั เปน็ ของคอ่ นข้าง 1950s และสำ� หรับประเทศไทย ไดร้ ับค�ำบอกเล่าจาก มีราคา ถา้ จะให้เขยี นดี กย็ ่ิงตอ้ งหาของแพง และหาไม่ คณุ ประภาศรี บณุ ยประสิทธ์ิ ซึ่งขณะนีอ้ ายุ ๘๖ ปี ท่าน ง่ายนกั แตพ่ อปากกาลูกลื่นมา ปัญหาทกุ อยา่ งหายหมด ยืนยนั ไว้นานแลว้ วา่ ทวี ีเข้ามาเมอื งไทยใน พ.ศ. ๒๔๙๘ 246 ภาคพิเศษ ห้ามซ้ือ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น

การเขียนกลายเปน็ เรือ่ งสะดวกสบายแสนจะงา่ ย ปรากฏแกส่ ายตาออกมาคา้ ขายเมื่อปี 1895/๒๔๓๘ แต่ คุณ Milton Reynolds เดินทางจากชคิ าโกไปงาน ปากการาคาถกู ยง่ิ กว่าของเลน่ หาง่ายเกลอ่ื นกลาด จน คนไม่ค่อยใสใ่ จ จนกระทง่ั ชาวฮงั การสี องพ่ีนอ้ ง นามสกลุ ธุรกจิ ที่เมอื งบวั โนสไอเรส (Buenos Aires, เมืองหลวง กลายเปน็ ว่าใช้กนั ทง้ิ ๆ ขว้างๆ Bíró (ไบโร) ทำ� แบบทีใ่ ช้ง่ายออกมาในปี 1938/๒๔๘๑ ของอาร์เจนตินา) ไดไ้ ปเหน็ ปากกาแบบใหม่ ท่เี รยี กกนั (ทำ� สำ� เรจ็ ตง้ั แตป่ ี 1931 และออกแสดงในงาน Budapest วา่ “ไบโร/biro” เกิดตดิ ใจ ซอ้ื เอามา แล้วพฒั นาเปน็ การเขียนหนงั สือเปน็ ส่ือส�ำคัญในทางแหง่ ความ World Fair) จึงได้รับความนิยมใช้กันมากในอังกฤษ เรยี ก ปากกายหี่ อ้ ใหม่ต่างออกไป และผลติ ข้ึนมาตง้ั แต่ ๖ ต.ค. กา้ วหน้าของอารยธรรม อุปกรณ์การเขียนท่ีเปลย่ี นไป ว่า “ไบโร/biro” 1945/๒๔๘๘ ไดว้ นั ละ ๗๐ ด้าม โดยรา้ น Gimbels ใน ท�ำให้เกดิ ความเปลยี่ นแปลงทส่ี ำ� คญั ในความเปน็ อยแู่ ละ นิวยอร์ก เปน็ ผู้จำ� หนา่ ย การทำ� งานของมนษุ ย์ เมื่อคนยคุ นมี้ เี ครื่องมอื อย่างดี ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ที่ ๒ (World War II, พร้อมแลว้ งานสรา้ งสรรคท์ างจิตใจและทางปญั ญา ควร 1939-1945/๒๔๘๒-๒๔๘๘) นกั บินเรมิ่ นิยมใชป้ ากกา การพฒั นาดำ� เนินต่อมา จนถงึ ปี 1963 ในอเมรกิ า จะก้าวหน้าเพ่มิ ทวี ยง่ิ ตอ่ มามีคอมพวิ เตอร์ท่ีบนั ดาลตัว ลกู ล่ืน เพราะเมือ่ บินข้ึนในระดบั สูง ก็ไม่รวั่ ไหล หลงั กม็ ีปากกา soft-tip pen (ปากกาปลายนุ่ม หรือปลาย หนงั สือได้ดเี หลือลำ้� ย่ิงกว่าเขยี น ความเจรญิ งอกงามทาง สงครามแลว้ ความนยิ มก็ยงิ่ มากข้ึน ไฟเบอร,์ เรียกว่า felt-tip pen บ้าง felt pen บ้าง จิตปญั ญา น่าจะก้าวโลดไป มิใช่กลายเป็นสวนทางกนั fiber-tip marker บ้าง felt-tip marker บา้ ง) ออกมา ไบโรไดร้ ับเชิญจากประธานาธบิ ดีอารเ์ จนตนิ า ขาย ท�ำให้สะดวกในการวาดและเขยี นบนพื้นกระจกและ ย้อนดูความเป็นมา ในฐานะแหง่ ประดิษฐกรรม ให้ไปประเทศนนั้ สองพ่ีนอ้ งได้อพยพไปอยู่ท่นี น่ั และ พลาสตกิ เป็นต้น ถือวา่ ปากกาลกู ลืน่ เกดิ ขึน้ ในปี 1938/๒๔๘๑ แตถ่ า้ สืบ ตง้ั บรษิ ทั ขน้ึ มาผลิตปากกาของเขา ในปี 1943/๒๔๘๖ ประวัติมาแต่ตน้ พูก่ ัน (brush) ท่คี นจนี ใชก้ นั ตงั้ แต่ใกล้ ใหช้ ือ่ ปากกาว่า “Eterpen” แลว้ มีชาวอังกฤษให้ทนุ Ladislao Biro พันปี กอ่ น ค.ศ. นับว่าเป็นต้นตระกลู ของปากกา แลว้ สนบั สนนุ และทอ่ี ังกฤษ Henry Martin กับ Frederick ประมาณ ๓๐๐ ปี กอ่ น ค.ศ. ชาวอียิปตโ์ บราณก็รู้จัก Miles ไดต้ ้งั โรงงานข้นึ มาผลติ ปากกาน้ี ขายโดยห้าง ใชต้ ้นกกตน้ ออ้ เป็นเคร่อื งเขียน ต่อมา คงก่อนคริสต์ Martin-Miles บอกวา่ ข้ึนท่ีสงู หมกึ ไมร่ ว่ั ไหล สำ� หรบั ใชใ้ น ศตวรรษที่ 7 ก็มกี ารใช้ปากกาขนนก (quill pen) ซึง่ ใช้ กองทพั อากาศ ต่อมา บรษิ ทั ฝรงั่ เศสชื่อ “Bic” ได้รับเอา กนั มาในยุโรปจนถึงกลางครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 (เรม่ิ แต่ กิจการของ Martin-Miles ไป และพฒั นาปากกาลกู ลน่ื ปี 1828/๒๓๗๑) ปากกาโลหะจงึ เขา้ มาแทน (ปากกา นน้ั ใหเ้ ปน็ ชนดิ ราคาถกู ใชแ้ ลว้ ทงิ้ เลย (throwaway pen) โลหะมีมานาน ดังทีไ่ ด้พบปากกาทองสมั ฤทธใ์ิ นซากเมอื ง ปอมเปอี/Pompeii แต่ไม่นยิ มใช้กัน) แตก่ ็ได้แค่ปากกา ส่วนในอเมริกา ดังไดเ้ ลา่ แล้วข้างต้นวา่ มผี เู้ อา คอแรง้ ทีเ่ ขียนไป จมุ่ หมกึ ไป จนกระท่งั มีผผู้ ลติ ปากกา ปากกานไี้ ปพฒั นาผลิตออกมาวางขายในปี 1945/๒๔๘๘ หมกึ ซึมขน้ึ ในปี 1884/๒๔๒๗ จงึ ไดอ้ ปุ กรณห์ ลกั ในการ เรียกวา่ “ballpoint pen” โดยมีเรอื่ งสืบเนือ่ งมาวา่ เขยี น ซึ่งใช้กนั มานาน มีคนอเมรกิ นั ชอ่ื John H. Loud ประดษิ ฐป์ ากกา ลกู ลน่ื ขึ้นตงั้ แตป่ ี 1888/๒๔๓๑ และปากกาลกู ลืน่ ไดเ้ รมิ่ ห้ามซ้อื -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพ่อื การศึกษาส่วนตัวเท่าน้ัน ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องติดต่อขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น ภาคพิเศษ 247

จากบน: sundial, water clock คนร่นุ ใหม่ ไมร่ วู้ ่า ข้ึนมาอีกชั้นหนึ่ง คอื แสดงภาพเป็นเข็มทห่ี มุนไป) คุณปูย่ ่าตายาย แคใ่ ชเ้ ครือ่ งดูเวลา ก่อนเขา้ ยุคนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ คนใชน้ าฬกิ า ท้ังยงุ่ ยากใช้เงนิ เสยี เวลาแค่ไหน จกั รกล (mechanical watch and clock) ทมี่ ีลูกตุ้ม พ.ศ. ๒๕๐๓ (ค.ศ. 1960) วันที่ ๒๕ ต.ค. ทสี่ หรฐั หรอื ไมก่ ็ไขลาน ซ่งึ เดนิ หรอื ท�ำงานไดจ้ �ำกัดมาก ต้องปรบั อเมรกิ า หา้ ง Bulova นำ� นาฬกิ า Accutron ออกวางขาย ลกู ตมุ้ คอยดึงคอยยกลูกถ่วงบา้ ง ไขลานบ้าง เวลากไ็ ม่ เป็นนาฬกิ าขอ้ มืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เรอื นแรกของโลก จาก เท่ยี ง ถา้ เปน็ อยา่ งดีตรงหน่อย กแ็ พง แมแ้ ต่ทีว่ ่าเท่ยี งตรง นั้นอกี ๒ ปี คอื 1962 ห้างนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ ๓๑ ท่ีสดุ ถา้ ใชใ้ นเรอ่ื งละเอียด กย็ ังผดิ พลาดไม่นอ้ ย ถือเป็น เจ้า รว่ มทนุ กัน ๗ ล้านเหรยี ญอเมริกัน ดำ� เนนิ การพฒั นา ของมคี า่ มไี ม่มาก คนยุง่ ยากติดขดั ในการดเู วลากันมาก นาฬกิ าควอตซ์จนส�ำเรจ็ คร้นั ถึงเดือนธันวาคม 1967/ มกี จิ ธรุ ะ กไ็ ปหาดูเวลาบา้ ง นาฬิกาตาย ตอ้ งตงั้ ใหม่ และ ๒๕๑๐ ก็เปิดตวั นาฬกิ าข้อมอื ควอตซอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ คอยเทยี บเวลา แตบ่ ดั นี้ นาฬิกาเปน็ ของหางา่ ย ราคาถูก (electronic quartz wristwatch) ท่อี เมรกิ า โดย มีเกล่ือนกลาด บอกเวลาเทย่ี งตรง ผิดพลาดปลี ะไมก่ ี่ จ�ำหน่ายเคร่อื งละ $550 ขน้ึ ไป เปน็ นิมิตของการที่โลก วนิ าที จนคนทัว่ ไปไม่มีภาระหรือไมเ่ หน็ ความส�ำคัญที่จะ จะเข้าสยู่ ุคที่นาฬกิ าเปน็ ของหางา่ ย ราคาถูก ใชส้ ะดวก จดั การเรื่องเวลา อาศัยเพยี งแบตเตอรเ่ี ล็กๆ ท่ีเปลย่ี นไดง้ า่ ย และเทีย่ งตรง แม่นย�ำอย่างยง่ิ กาลเวลาคมุ กำ� กบั ชวี ติ และสังคมมนษุ ย์ตลอดมา ทกุ ยคุ สมยั มนษุ ย์ตอ้ งหาทางร้แู ละจัดการเวลาให้ได้ผลดี ในระยะแรก นาฬิกาอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ยงั เป็นแบบ ทสี่ ุด ในสมัยโบราณ เวลาสำ� คญั มากต่อเกษตรกรรม ต้อง แอนะล็อก/analog คอื มีเข็มช้ีบอกเวลาหมุนเคล่ือนท่ไี ป รู้ฤดูกาลทจ่ี ะทำ� ไรท่ ำ� นา คนเริม่ นับเวลาเมอ่ื ประมาณ (เปน็ analog watch) แต่หลงั จากน้ันไม่นาน ก็ท�ำชนดิ ๑ หมื่นปมี าแลว้ วธิ พี ้ืนฐานกค็ ือ ดดู วงตะวนั ดวงจันทร์ solid-state (ไมม่ สี ว่ นเคลอื่ นท่)ี เปน็ แบบดิจทิ ลั /digital และดวงดาว สิง่ ทีน่ ับได้วา่ เปน็ ปฏทิ ินเกา่ แกท่ ส่ี ุดท่คี ้นพบ คอื แสดงเปน็ ตวั เลขหรอื ภาพบนจอ (เปน็ digital-display เปน็ ปฏทิ นิ จนั ทรคติ (lunar calendar) watch) เร่มิ ดว้ ยในทศวรรษ 1960s นั้น มีแบบ LED (light-emitting diode/ไดโอดเปลง่ แสง) ก่อน จนถงึ ปี อียิปต์และบาบิโลเนยี เปน็ ชนชาตพิ วกแรกท่ไี ด้ 1975/๒๕๑๘ จอแบบ LCD (liquid crystal display/ พัฒนาระบบการนบั เวลาทัง้ เรื่องปฏิทินและนาฬกิ ามาได้ จอภาพผลึกเหลว) จงึ เข้าตลาด และมิใชใ่ ชก้ บั นาฬิกา มาก ดงั ทอี่ ียิปตไ์ ดท้ ำ� ปฏทิ ินยุตปิ ีละ ๓๖๕ วนั มาต้งั แต่ เท่าน้นั แต่ใชใ้ นอปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสอ์ ย่างอนื่ เชน่ ราว 2800 BC (๒,๘๐๐ ปี กอ่ น ค.ศ.) ทัง้ น้ี โดยสงั เกต เครื่องคิดเลขด้วย (นาฬิกา analog LCD watch ก็มซี อ้ น การขนึ้ และตกของดาวทสี่ ุกใสและเวลาทบี่ า่ ขึ้นของแมน่ ้�ำ ไนล์ (Nile) แลว้ กว่าจะถงึ 2100 BC อยี ิปตก์ ็ไดร้ ู้จัก แบ่งวันหน่งึ เปน็ ๒๔ ชัว่ โมงแล้ว และใกลก้ ันนั้น ชนท้ัง 248 ภาคพเิ ศษ ห้ามซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศกึ ษาส่วนตัวเทา่ นนั้ ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ขิ สทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ อ่ ต้องติดตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น

สองชาติน้นั (บ้างว่าอียิปต์ท�ำต้งั แตร่ าว 3500 BC) กไ็ ด้ แทบไม่ไดพ้ ัฒนานาฬิกามากไปกว่าที่อียิปตท์ �ำไว้ เครื่อง บตุ รของกาลิเลโอ นามวา่ Vincenzio Galilei กไ็ ดท้ ำ� ทำ� นาฬกิ าเงาแดด (shadow clock, ตอ่ มาพฒั นาเปน็ วัดเวลาท่ีใชก้ นั เร่อื ยมากค็ อื นาฬิกาทราย (hourglass นาฬิกามีลกู ตมุ้ แกวง่ คอื มี pendulum อย่างน้นั ขน้ึ แต่ sundial) ขนึ้ วัดเวลาในตอนกลางวนั สว่ นตอนกลางคนื ก็ หรือ sand glass และคุ้นกนั ในชื่อว่า egg-timer เรียก บุคคลที่ท�ำให้เป็นเร่ืองราวจริงจงั คอื นักดาราศาสตร์ ใชว้ ิธีดดู าว หรอื ดเู ชอื กดูเทยี นท่ีจดุ ไว้ ง่ายๆ กค็ อื narrow-waisted glass/“แก้วเอวกิว่ ”) ซึง่ ใช้ และฟสิ ิกส์ฮอลันดา นามวา่ Christiaan Huygens ซง่ึ ได้ วัดแคเ่ วลาส้ันๆ ออกแบบประดษิ ฐน์ าฬกิ าลกู ตมุ้ ขึน้ ในปี 1656/๒๑๙๙ ใกลถ้ งึ 1500 BC ชาวอยี ปิ ต์ก็ประดษิ ฐน์ าฬกิ า ท�ำให้นาฬิกาบอกเวลาเท่ยี งตรงขึน้ มาก และการผลติ ขนึ้ มาได้อยา่ งใหม่ ซ่งึ บอกเวลาแม่นย�ำมากขึ้น และใช้ จนกระท่งั ปลายสมยั กลางน้ัน เมื่อการค้าพาณชิ ย์ นาฬกิ ากก็ ลายเปน็ งานทม่ี คี วามสำ� คญั และขยายตวั ออกไป กลางคืนไดด้ ว้ ย คอื นาฬกิ านำ้� (clepsydra หรือ water เบง่ บานพรึบพรง่ั ขนึ้ และการปฏวิ ตั ิวิทยาศาสตร์ (Sci- มีการผลิตนาฬกิ าลูกตมุ้ สน้ั ใสต่ ้ไู ม้สำ� หรับแขวนตดิ ข้างฝา clock) ท่ีใชก้ ันตอ่ มาอกี เกือบ ๓,๐๐๐ ปี จนเข้าสูย่ ุค entific Revolution, เริม่ 1543/๒๐๘๖) ออกผล จงึ ตืน่ (เป็น wall clock) แต่เพราะน้�ำหนกั มาก ข้างฝามักทาน นาฬกิ าจกั รกล ระหวา่ งน้ี บาบโิ ลเนยี (Babylonia) ได้ ตัวกนั ข้นึ มาคดิ หานาฬิกาทีบ่ อกเวลาไดเ้ ทย่ี งตรง เหตุผล ไม่ไหว พังตกลงมาแตกกันเร่ือย (นาฬกิ าลูกตมุ้ ปรบั ความ เจริญก้าวหนา้ ในการคำ� นวณวันเวลาละเอียดลงไปจนร้จู กั ท่มี องเห็นงา่ ย คอื การค้าพาณิชย์ และกจิ การตา่ งๆ ซง่ึ ชา้ เรว็ ด้วยการเล่อื นขยับลูกตุ้มให้สูงขึ้น-เรว็ ตำ่� ลง-ช้า) นบั เวลาในแต่ละวนั ทีแ่ ตกตา่ งกันไปในตา่ งฤดู มีการนดั หมายพบปะรับสง่ สนิ คา้ มกี ารท�ำงานร่วมกัน เปน็ ตน้ เป็นกิจกรรมทางสังคมทต่ี อ้ งจำ� เพาะเจาะเวลา ในทส่ี ุด กม็ ผี ู้ผลิตนาฬิกาลูกตุ้มยาวใสต่ ูไ้ ม้สูงตง้ั ตอ่ จากยุคของนาฬิกาแดด และนาฬิกาน้�ำ ท่ีท�ำ มากกว่าการหมายรขู้ ้างเดียวตอ่ ธรรมชาตใิ นการเกษตร บนพ้ืนบา้ น (สูง ๑.๘ – ๒.๓ เมตร) ซงึ่ ต่อมาไดช้ อื่ ตาม ตามสภาพธรรมชาติแล้ว ก็เข้าสู่ยุคของนาฬกิ าจกั รกล ความต้องการอันจ�ำเปน็ น้ี จงึ ท�ำให้เอาจรงิ เอาจังในการ เพลงยอดนยิ ม “My Grandfather’s Clock” ของ (mechanical clock) แต่ในระยะแรก ถงึ จะเร่ิมมีจักรกล พัฒนาเครอ่ื งวัดเวลา น่ีคือเข้าส่ยู คุ การพฒั นานาฬิกาจกั ร Henry Clay Work ทเ่ี ขียนเมือ่ ปี 1876/๒๔๑๙ เรียกวา่ แต่ก็ไมใ่ ชเ่ ปน็ นาฬกิ าจักรกลจรงิ แม้ในราว 270 BC ก็ กลสมัยใหม่ (modern mechanical clocks) grandfather clock คือ“นาฬิกาคุณปู่” (grandfather’s เป็นการพัฒนาจากนาฬิกาน�้ำนน่ั เอง โดยท�ำใหม้ กี ลไก นาฬกิ าลกู ตุ้ม: clock หรอื longcase clock กเ็ รยี ก) ในเมอื งไทยเคย ประกอบตา่ งๆ ทขี่ บั เคลอ่ื นดว้ ยนำ้� แมแ้ ตร่ จู้ กั ทำ� ใหต้ รี ะฆงั นยิ มใช้มาก เรียกกนั วา่ “นาฬกิ าปารีส” ถือกันว่าเปน็ มเี สยี งนกร้อง เป็นต้น และต้งั แต่ ค.ศ.700/๑๒๔๓ ถงึ นาฬกิ าจกั รกลตอ้ งใช้พลงั งาน เรมิ่ ด้วยใชล้ กู ถว่ ง ของมรี าคา เป็นเครือ่ งประดับบา้ น แสดงความโอ่อา่ หรือ 1000/๑๕๔๓ ชาวอาหรบั ไดน้ �ำความรู้ทางดาราศาสตร์ น�้ำหนกั (weight) ขับระบบฟนั เฟืองท่ีจะหมุนเขม็ บอก ฐานะทดี่ ดี ้วย แต่รวมแลว้ นาฬิกาลกู ตุ้มเป็นของใหญ่และ มาใช้พฒั นานาฬกิ าแดดใหบ้ อกเวลาถูกตอ้ งตามการ ชั่วโมง นาฬกิ าขับเคลอื่ นดว้ ยลกู ถว่ ง (weight-driven หนัก จงึ ต้องต้ังหรือแขวนอยู่กับท่ี เคลอ่ื นท่ขี องดวงอาทติ ยซ์ ง่ึ ต่างไปตามฤดูกาล clocks) น้ี เทา่ ทพ่ี บเกดิ ข้ึนในฝรง่ั เศสและอังกฤษใกลป้ ี 1379/๑๙๒๒ แตย่ ังหา่ งไกลความเทยี่ งตรง แตก่ ่อนนนั้ นาฬกิ าบอกเวลาผิดไปวนั ละมากๆ นาฬิกาจักรกลเรม่ิ ตน้ ที่เมืองจนี ในคริสตศ์ ตวรรษ จึงมเี พียงเขม็ ช่ัวโมงอยา่ งเดียว คร้ันเมอื่ นาฬิกาบอกเวลา ที่ 8 โดยใชร้ ะบบฟนั เฟือง ซึง่ เปน็ พนื้ ฐานของนาฬิกาจักร ต่อมา ในช่วงปี 1581-1583/๒๑๒๔-๒๑๒๖ เท่ยี งตรงขึน้ ถงึ ปี 1680/๒๒๒๓ กม็ กี ารทำ� เขม็ นาทขี ้นึ กลทง้ั ปวง และในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 11 ก็มนี ักดาราศาสตร์ กาลเิ ลโอ (Galileo) ไดใ้ หค้ วามคิดในการใช้ลูกตมุ้ แกว่ง แล้วนาฬกิ าลูกตุม้ จงึ ได้มีเขม็ นาที (“second hand”) จนี คิดสรา้ งนาฬกิ าทางดาราศาสตรท์ ล่ี ะเอียดซบั ซ้อน (pendulum) ท่ีจะช่วยใหค้ มุ จังหวะเวลาได้สมำ�่ เสมอ [บางตำ� ราว่า นาฬกิ าพกไขลานมีเขม็ นาทีในปี 1670] ครน้ั ถงึ ปี 1641/๒๑๘๔ นกั วทิ ยาศาสตรอ์ ิตาเลียน ผู้เปน็ ส่วนในยโุ รป ตลอดสมยั กลาง (Middle Ages, นาฬิกาลกู ต้มุ สำ� คญั ทีไ่ ด้กลายเป็นมาตรฐาน 476/๑๐๑๙ - 1453/๑๙๙๖) ถึงจะมีจกั รกลมาแลว้ ก็ หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตให้ใชเ้ พอื่ การศกึ ษาสว่ นตัวเท่าน้นั ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น ภาคพิเศษ 249

สำ� หรบั นาฬิกาหอเวลาท่แี ทเ้ ท่ียงตรงทง้ั ปวง ไดแ้ ก่ West- minster clock บนหอวกิ ตอเรยี (Victoria Tower) ซง่ึ เปน็ หอนาฬกิ าของรัฐสภาอังกฤษ (clock tower of the Houses of Parliament, หรอื พูดสนั้ ๆ วา่ Parliament tower) ทก่ี รงุ ลอนดอน ซึ่งไดต้ ิดตงั้ ในช่วงปี 1856-59/ ๒๓๙๙-๒๔๐๒ โดยทั่วไปเรียกกนั วา่ “Big Ben” ตามชอื่ ระฆังใบใหญห่ นกั ๑๕ ตันคร่งึ ประจ�ำหอนั้น หน้าปดั ท้งั ส่ี ของนาฬิกาเรือนน้ี แตล่ ะดา้ นมเี ส้นผ่าศูนย์กลาง ๗ เมตร อย่สู ูงจากพ้นื ดิน ๕๕ เมตร ลูกตมุ้ แกวง่ ยาว ๔ เมตร หนกั ๓๑๘ กิโลกรัม นาฬิกาไขลาน: จากซา้ ยบน: John Harrison, นาฬกิ าทราย, นาฬิกาโครโนมเิ ตอร์, Nuremberg egg, Big Ben, Grandfather Clock, Atomic clock, นาฬิกาของ Huygens, Christiaan Huygens นาฬกิ าจกั รกลชนิดที่ ๒ คือจ�ำพวกที่ใชล้ าน (coiled spring) เร่มิ ขนึ้ ไม่นานหลังจำ� พวกใช้ลกู ถ่วง คือ ยงั ไมท่ นั สิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ยังอยู่ในยุคคนื ชีพของ ฝรงั่ (Renaissance) กม็ ผี ู้เร่ิมท�ำนาฬิกาที่ใชว้ ธิ ไี ขลาน แล้วก็พัฒนากันมา และเนือ่ งจากการใชล้ านสปรงิ น้ี ทำ� ขนาดเลก็ ได้ นอกจากท�ำเปน็ นาฬิกาต้งั หรอื แขวนเปน็ clock แลว้ กท็ ำ� ขนาดเลก็ ๆ เปน็ นาฬกิ าพก นาฬกิ าขอ้ มอื นาฬิกาใส่สายหอ้ ยคอ เป็น watch ขึน้ ด้วย ปรากฏว่า ในระยะที่กาลิเลโอทดลองการใชล้ กู ตุ้ม แกวง่ อยนู่ น่ั เอง (ในทศวรรษ 1580s) ทเ่ี มอื ง Nuremberg ในเยอรมนี กม็ ีการผลิตนาฬกิ าพกพาขึน้ มาจ�ำหนา่ ยเปน็ ครง้ั แรก เรยี กวา่ “ไขน่ เู รมเบอรก์ ” (“Nuremberg egg”) แต่ยังบอกเวลาไดห้ ยาบผดิ พลาดมาก จงึ มเี ขม็ ชว่ั โมง อยา่ งเดยี ว (อกี เกอื บรอ้ ยปี จงึ เกดิ เขม็ นาที ดงั บอกขา้ งตน้ ) นาฬกิ าพกพาตดิ ตวั ผกู ข้อมอื นมี้ กี ารพฒั นาตอ่ มามาก 250 ภาคพเิ ศษ หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศกึ ษาส่วนตัวเท่านั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สิทธิ์ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน

จนกระทง่ั ถงึ ศตวรรษที่ 18 ก็ใชเ้ พชรพลอย (jewels; มัก (battery-driven clock) อยา่ งเตม็ ตวั เปน็ ครงั้ แรก ๑ วนิ าที ต่อ ๑๐ ปี เปน็ ตน้ ทางของการพฒั นาส�ำหรับ ใช้ sapphires, rubies, diamonds หรือวัตถุสังเคราะห์) ตอ่ มาในปี 1918 มกี ารนำ� เอามอเตอรไ์ ฟฟา้ สมวาร นาฬิกาเลก็ เป็น quartz watch ต่อมา เป็นตวั รองรับเดอื ยแกนเฟือง เปน็ ต้น เพ่ือลดการเสียด นาฬิกาโครโนมเิ ตอร์: ทาน ไม่สกึ กรอ่ น ชว่ ยให้เที่ยงตรงยิง่ ข้ึน มี jewels มาก (synchronous electric motor) มาใช้กับนาฬกิ า โดย กว็ า่ ดี มอเตอรไ์ ฟฟา้ นห้ี มนุ เขา้ กบั ความถข่ี องไฟบา้ นทเ่ี ปน็ กระแส การเดนิ เรือในทะเล ทีแ่ สนเว้งิ วา้ งกว้างใหญ่ สลับ แล้วก็ทดเฟืองมาขับเคล่ือนเข็มนาฬิกาให้ไดอ้ ตั ราที่ ต้องการเครื่องวัดเวลาทีแ่ ม่นย�ำมาก เพื่อกำ� หนดต�ำแหน่ง ในดา้ นการค้าและความนยิ มใช้ นาฬกิ าขนาด พอดี เลยเกิดมีนาฬิกาไฟฟา้ ใช้ไฟบ้านอนั เปน็ ที่นยิ ม แตม่ ี แหง่ ที่ได้แน่ชัด ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 17-18 การคา้ ขาย เล็ก (watch) น้ี ผูผ้ ลิตเพ่ิงท�ำนาฬกิ าพกกระเป๋าออก ข้อเสียทว่ี า่ นาฬิกาไฟฟา้ แบบนีข้ ึ้นตอ่ กระแสไฟบา้ น ถ้า ผ่านยา่ นมหาสมุทรแอตแลนติก ขยายตวั มาก การเดนิ เรอื จำ� หน่ายกันจรงิ จงั ทอ่ี เมรกิ าในปี 1852/๒๓๙๕ แล้วหลงั กระแสไฟบา้ นมคี วามถไี่ มส่ มำ�่ เสมอ นาฬกิ ากพ็ ลอยไมต่ รง ตอ้ งการมาตรเวลาอันแมน่ ยำ� ทจ่ี ะก�ำหนด longitude/ จากนน้ั คร่ึงศตวรรษ จึงมนี าฬิกาข้อมอื (wristwatch) ถึงปี 1957/๒๕๐๐ มกี ารผลติ นาฬิกาไฟฟา้ ขนาด ลองจจิ ดู ใหไ้ ดต้ รงทส่ี ดุ ถา้ เดนิ เรอื ไป ๑ เดอื น นาฬกิ าตอ้ ง ซง่ึ ในระยะแรกถอื กันว่า เปน็ ของใช้จุม๋ จิ๋มประดบั ประดา พกพา (electric watch) ใชแ้ บตเตอรีอ่ ย่างจ๋วิ จากนั้น บอกเวลาไม่ผดิ เกนิ วันละ ๑/๑๐ วนิ าที ถ้าได้อย่างนี้ ก็จะ ส�ำหรบั ผหู้ ญงิ จนกระทั่งทหารเข้ารบในสงครามโลกคร้ังที่ ไมน่ าน ในปี 1960/๒๕๐๓ อย่างทเ่ี ล่าข้างตน้ แลว้ วา่ กำ� หนดลองจจิ ูดได้ผิดไม่เกิน ๑ ไมล์ มาตรเวลาทีว่ ัดได้ ๑ ในปี 1914/๒๔๕๗ จึงมองเหน็ ประโยชน์ใช้สอย ได้มกี ารวางขายนาฬกิ า Accutron เป็นนาฬิกาข้อมือ ขนาดนีเ้ รียกว่า “โครโนมเิ ตอร”์ (chronometer) มีผู้ อิเล็กทรอนิกสเ์ รือนแรกของโลก เวลาผา่ นมาอกี ๗ ปี ถึง พยายามท�ำมาตรเวลากนั มาใหเ้ ป็นโครโนมิเตอร์ แตก่ ไ็ ม่ อยา่ งไรกด็ ี ในระบบของนาฬกิ าจกั รกลนน้ั มขี อ้ เดอื นธันวาคม 1967/๒๕๑๐ ท่ีอเมริกา ก็มีการเปิดตวั ถงึ เกณฑ์ จนกระทง่ั ปี 1765/๒๓๐๘ ซงึ่ ยงั อยใู่ นยคุ นาฬกิ า เสียทสี่ ำ� คญั คอื ความเทย่ี งตรงถกู กระทบจากส่ิงแวดลอ้ ม นาฬิกาข้อมอื ควอตซอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ (electronic quartz จกั รกล ชา่ งไมช้ า่ งฝมี อื ชาวองั กฤษชอื่ John Harrison จงึ ไดม้ าก ทงั้ แรงเคลอ่ื นไหวภายนอก อณุ หภมู ิ และความชนื้ wristwatch) แลว้ โลกกเ็ ขา้ สยู่ คุ ท่นี าฬกิ าเป็นของหาง่าย ทำ� ไดส้ �ำเรจ็ เปน็ อนั แก้ปัญหาไปได้ ต่อมา เม่อื เกดิ นาฬกิ า โดยเฉพาะนาฬกิ าลูกตุม้ ถา้ ใช้ในเรือหรือยานพาหนะ แค่ ราคาถูก ใชส้ ะดวก และเทยี่ งตรงแม่นย�ำ เปน็ เหตุให้ ควอตซ์/quartz clock และ atomic clock/นาฬกิ า มีการเคล่ือนทไ่ี หวตวั เอียงโคลง กเ็ สียดุลเสยี จังหวะ และ นาฬิกาจักรกล เช่นไขลาน ที่ท้งั ราคากแ็ พง และไมต่ รง อะตอมแล้ว กท็ ำ� โครโนมิเตอรท์ แ่ี ม่นย�ำข้ึนอกี มากมาย สว่ นประกอบทั้งหลาย ถ้าเปน็ โลหะ อุณหภมู เิ ปลย่ี นก็ยืด เทา่ ตอ้ งเบนการพฒั นาไปในทางที่จะเป็นของใช้ฟ่มุ เฟือย นาฬิกาอะตอม: หด ถา้ เปน็ ไม้ กข็ ้ึนตอ่ ความชนื้ มรี าคา สวยงาม ประดบั ประดา นาฬิกาไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์: ท่จี รงิ ได้มกี ารประดิษฐ์นาฬิกาท่ขี ับเคลอื่ นด้วย นาฬกิ าอะตอม (atomic clock) เครอื่ งแรกประดษิ ฐ์ แรงไหวแกว่งของผลึกควอตซ์ (แรเ่ ขย้ี วหนมุ าน) มากอ่ น ขึน้ เมอื่ ปี 1948/๒๔๙๑ ตดิ ต้งั ไวท้ ่ีส�ำนักงานเกณฑ์ การใชก้ ระแสไฟฟา้ เปน็ พลงั งานขบั เคลอ่ื นในนาฬกิ า นแ้ี ลว้ ตั้งแต่ปี 1929/๒๔๗๒ แตค่ รงั้ นัน้ ทำ� เป็นนาฬิกา มาตรฐานแหง่ ชาติ (National Bureau of Standards) แทนลกู ถว่ งนำ้� หนกั และแทนขดลานนน้ั มมี านานแล้ว ใหญ่ คอื เป็น quartz clock และพฒั นาขึน้ มาเพื่อเปน็ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรฐั อเมรกิ า นาฬิกาอะตอมเคร่อื งแรก แต่เมื่อเร่มิ ตน้ มีการผลิตนาฬิกาไฟฟา้ (electric clock) ที่ เคร่อื งมือวดั เวลาทางวิทยาศาสตร์ ยังอย่ใู นวงแคบ แตถ่ ือ น้ีใช้โมเลกลุ ของแอมโมเนยี (ammonia molecule) ใชแ้ บตเตอร่ีข้ึนครัง้ แรก ในปี 1840/๒๓๘๓ ยังเปน็ การ ไดว้ า่ เปน็ ก้าวสำ� คญั รายเด่ียวครง้ั ใหญท่ สี่ ดุ ท่ีชว่ ยใหเ้ กดิ ต่อมา เม่ือมีความรู้เข้าใจกันดขี น้ึ กห็ ันไปใช้ธาตซุ เี ซยี ม ใช้ไฟฟ้าไปสนบั สนนุ ระบบลกู ถ่วงและขดลาน จนกระทั่ง การวัดเวลาไดแ้ ม่นย�ำ วา่ ตามหลัก ความผิดพลาดมเี พียง ปี 1906/๒๔๔๙ จึงมีนาฬิกาท่ขี ับเคล่อื นดว้ ยแบตเตอรี่ หา้ มซ้อื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพือ่ การศึกษาส่วนตวั เท่านน้ั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน ภาคพเิ ศษ 251

(cesium) นาฬกิ าอะตอมใชธ้ าตซุ ีเซยี ม (cesium atomic เมือ่ มีนาฬิกาอย่างสมัยใหมเ่ ข้ามาใช้ ก็เรยี กเวลา เน่ืองจากการประชุมท�ำกจิ รว่ มกนั ตามปกตทิ �ำในเวลา clock หรอื เรียกสั้นๆ ว่า cesium clock) เครอ่ื งแรก ติด ตามตวั เลข ๑ – ๑๒ บนหน้าปดั นาฬิกาน้นั เปน็ ๑ - ๑๒ ทก่ี �ำหนดกันไว้แนน่ อน การตรี ะฆังจงึ เปน็ สญั ญาณบอก ต้งั ทสี่ �ำนกั ปฏบิ ตั กิ ารฟิสกิ ส์แห่งชาติ (National Physical นาฬกิ า (ย่อเป็น น.) โดยเทียบกนั ไดด้ งั น้ี เวลาไปด้วย ในอดตี เม่อื เทคโนโลยยี ังไม่ก้าวหนา้ และไม่ Laboratory) ประเทศอังกฤษ ในปี 1955/๒๔๙๘ แพรห่ ลาย ประชาชน เฉพาะอย่างยิง่ ชาวบา้ นในชนบท ในเวลากลางวนั กอ่ นเทีย่ งวัน ตง้ั แต่ ๗ ถึง ๑๑ ทัว่ ประเทศ ได้อาศยั เสียงระฆงั ท่กี งั วานแวว่ จากวดั เปน็ นาฬกิ าอะตอมนท้ี ำ� งานโดยใชก้ ารไหวแกว่งตาม นาฬกิ า/น. เรยี กวา่ (๑) โมงเช้า ถึง ๕ โมงเช้า (๑๒ น. เคร่ืองบอกเวลา ในการด�ำเนินชีวิต และการท�ำมาหาเลีย้ ง ธรรมชาติของอะตอม (ปรมาณ)ู หรอื พูดอกี สำ� นวนหนึ่ง นยิ มเรียกวา่ เทยี่ งวนั ) หลงั เที่ยงวัน ตงั้ แต่ ๑๓ ถึง ๑๗ น. ชพี ประจำ� วนั ตงั้ แตต่ ื่นนอน จนเลิกนา เป็นต้น ทำ� ให้วัด วา่ วัดเวลาดว้ ยคลน่ื พลงั งานท่แี ผ่ออกจากอะตอม (โดย เรยี กวา่ บ่าย (๑) โมง ถึง บา่ ย ๕ โมง (๑๘ น. นิยมเรียก เป็นศนู ย์รวมและเปน็ ส่วนร่วมส�ำคัญอยู่ในบรรยากาศแหง่ นบั ไมโครเวฟ/microwaves ซ่งึ เปล่งออกจากอะตอมที่ ว่า ๖ โมงเย็น หรือ ยำ�่ ค่�ำ) ชีวติ จิตใจของประชาชนตลอดมา ไหวแกวง่ ) นาฬิกาอะตอมรนุ่ แรกๆ ยังผิดพลาดไดถ้ งึ ๑ วนิ าที ตอ่ ๓๐ ปี แตเ่ มอื่ ใชอ้ ะตอมของธาตซุ ีเซียมแลว้ ก็ ในเวลากลางคนื ๖ ชวั่ โมงแรก ตง้ั แต่ ๑๙ ถงึ ๒๔ นาฬกิ าทั้งหลายท่ไี ด้เล่าเรอื่ งมา (ไม่นบั นาฬิกา บอกเวลาไดแ้ มน่ ยำ� ทสี่ ุด ถึงกับรบั ประกันวา่ มคี วามผดิ น. เรียกวา่ ๑ ทุ่ม ถงึ ๖ ทมุ่ (๒๔ น. หรือ ๖ ทมุ่ นิยม ตามสภาพธรรมชาติในยคุ แรก) ตำ� รานิยมรวมจัดแบ่งเปน็ พลาดไม่เกนิ ๑ วนิ าที ตอ่ ๑ ลา้ นปี และจึงเป็นนาฬิกา เรยี กวา่ สองยาม) ๓ ประเภท คอื ที่ใชใ้ นงานของนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไมห่ ยุดแคน่ ้ี นัก 1. นาฬิกาจกั รกล (mechanical clocks and วิทยาศาสตรย์ งั พฒั นาต่อไปอกี โดยมองเหน็ ว่า ถา้ ใช้ ในเวลากลางคนื นน้ั หลงั เทยี่ งคนื ตงั้ แต่ ๑ ถงึ ๖ น. watches) อะตอมของธาตุอน่ื บางธาตุ เชน่ ไฮโดรเจน (hydrogen) เรียกว่า ตี ๑ ถึง ตี ๖ (๖ น. หรือ ตี ๖ นิยมเรียกว่า ย่�ำรุง่ ) ก) นาฬกิ าลูกถว่ ง (weight-driven clocks) หรอื เบริลเลยี ม (beryllium) จะไดเ้ วลาแม่นยำ� กวา่ ข) นาฬกิ าไขลาน (spring-driven clocks and นาฬิกาซีเซยี มเป็นพันๆ เท่า “ยาม” คอื สว่ นแหง่ วัน ตามวธิ นี ับของไทย ยาม watches) หนึ่งมี ๓ ชว่ั โมง รวมวันหน่ึงมี ๘ ยาม แต่ในบาลีแบง่ 2. นาฬกิ าไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (electric- เมื่อมนี าฬกิ าอะตอม (บางทีใหเ้ รยี กวา่ นาฬิกาเชงิ กลางคนื เปน็ ๓ ยาม ซอยเปน็ ยามละ ๔ ชวั่ โมง เรยี กว่า powered and electronic clocks and watches, หรอื อะตอม, จะเรียกว่า นาฬิกาปรมาณู กไ็ ด้) ก็ตง้ั มาตรฐาน ปฐมยาม มัชฌมิ ยาม และปัจฉิมยาม (เที่ยงคืน ที่เต็มสอง เรียกรวมใหส้ ั้นว่า electrical clocks and watches) เวลาโลกไดช้ ัดลงไป ดงั ท่ีปรากฏวา่ ต้ังแต่ ๑ ม.ค. 1972/ ยามของไทย จึงอยใู่ นกลางมัชฌมิ ยามของบาลี) ๒๕๑๕ เวลา UTC (universal time coordinated) ซ่งึ 3. นาฬิกาอะตอม (atomic clocks) ใช้ atomic clock บอก atomic time ก็เขา้ มาแทน UT ในถิ่นชุมชนสมยั ก่อน เช่น ตามย่านถนนหนทาง ควรทราบพเิ ศษเผ่ือไวด้ ้วยวา่ เรอื่ งการวัดเวลา และโดยทว่ั ไปตง้ั แตป่ ี 1986/๒๕๒๙ กไ็ ดใ้ ช้ UTC แทน GMT ในเมือง นิยมมียาม (คนยาม แขกยาม ไทยยาม) ใชฆ้ อ้ ง มิใช่มีเพยี งเท่านี้ ที่ว่านาฬิกาอะตอมแม่นยำ� ทส่ี ุดนน้ั กระแต (ฆอ้ งขนาดเล็ก) แขวนกับไมส้ �ำหรบั ถือ หรอื ถอื เป็นการพูดในระดบั ทว่ั ไป การวดั เวลาทีแ่ มน่ ย�ำกวา่ ในเมืองไทยสมัยโบราณ ใช้ฆอ้ ง กลอง และระฆัง เครอื่ งตีง่ายๆ อยา่ งอ่นื เดินตีหรือเคาะบอกเวลาแกช่ าว นาฬิกาอะตอมน้นั ท�ำไดด้ ว้ ยการวดั “พัลซาร”์ (pulsar) ตีเป็นสัญญาณบอกเวลา โดยใช้ ฆ้องโหมง่ ตใี นเวลา ถิน่ ในยามสงัด คือวดั กะตบุ วิทยุ (คำ� ใหม่=radio pulsations) ท่มี าจาก กลางวนั เปน็ สัญญาณบอก “โมง” ค่กู บั กลอง ทตี่ ีใน ดาวซ่ึงยุบตวั แลว้ และนอกจากวัดเวลาไดแ้ มน่ ขึ้นแลว้ เวลากลางคืน เปน็ สัญญาณบอก “ทุม่ ” ระฆัง ก็เป็นเคร่อื งตบี อกสญั ญาณอย่างหน่ึง ตาม ประเพณมี ีไวป้ ระจ�ำท่วี ัด ส�ำหรบั ตเี ปน็ สญั ญาณนัดหมาย ในการท�ำกิจรว่ มของสงฆ์ เชน่ ทำ� วตั รสวดมนต์ ฉันเพล และแจง้ เหตุต่างๆ เชน่ มีภิกษอุ าพาธโรคปัจจบุ นั และ 252 ภาคพเิ ศษ ห้ามซอื้ -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพ่อื การศกึ ษาส่วนตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ต่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน

นักวทิ ยาศาสตรย์ ังวัดเศษเวลาทส่ี ้ันลงไปอีกได้ด้วย ดงั ด้านหนึ่ง นกึ ถึงเวลา ๑ ในพันลา้ นล้านวินาที อกี ท่ีใช้เลเซอร์ (laser) ท�ำให้เกดิ กะตบุ แสงท่แี สนส้ัน แลว้ ด้านหน่งึ นึกถงึ กาแลก็ ซใี หญไ่ กลออกไป ๑๓ พนั ลา้ น สามารถวัดเหตกุ ารณ์ซ่งึ เกดิ ขน้ึ ในเศษเวลาท่สี ้ันเพยี ง ๑ ปแี สง เปน็ สภาวะท่ีละเอยี ดลกึ ล้�ำแสนอัศจรรยอ์ ยา่ งไม่ ในพันล้านลา้ นวนิ าที (1,000 trillionth of a second, นึกวา่ จะเปน็ ไปได้ ถ้าแปลแบบอังกฤษ เปน็ ๑ ในพนั ลา้ นล้านล้านวินาที) แลว้ ยอ้ นมาดอู กี ดา้ นหนึ่ง จติ ปญั ญาที่รู้ ท่เี ข้าใจ เมือ่ พูดมาถงึ ขั้นนี้ หลายคนบอกว่า ไมส่ ามารถ ท่ีคดิ อะไรๆ ต่อสภาวะเหลา่ นั้นได้ แล้วสอื่ ฉายสภาวะนั้น คดิ นกึ ไปถึงสภาวะดงั ท่ีวา่ นนั้ ได้ แต่นคี่ ือความจรงิ ของ ออกมาเป็นภาพที่ปรากฏเปน็ ความร้ขู ้ึนได้ อนั น้ีนา่ จะ ธรรมชาตทิ ่ีโดยแท้แลว้ กถ็ ึงกนั กับชวี ิตของทุกคน อนั มีอยู่ ละเอียดลกึ ล�้ำแสนอัศจรรยย์ ิง่ กวา่ นัน้ ให้เรียนรู้ได้ และสภาวะในระดบั นี้มีอยใู่ นต่างมติ มิ ากมาย ขอให้นกึ ดา้ นเทศะอยา่ งง่ายท่สี ดุ แค่ตวั ไรที่เกาะหนังเกาะ มีนกั วทิ ยาศาสตร์บางทา่ นนกึ แวบขนึ้ มาถงึ ความ ขนไก่อยนู่ ้ี มตี บั ไตไสพ้ ุงพรอ้ มบรบิ รู ณ์อยใู่ นตวั ของมนั จรงิ นี้ ทวี่ ่าจิตปัญญานแี่ หละศกึ ษารู้เขา้ ใจสภาวะอันแสน พอจะมองเห็นหรอื ไม่ อัศจรรยเ์ หล่านนั้ จึงคดิ วา่ ถา้ จะรู้ความจรงิ ให้ชดั เจนจบ จริง พึงต้องศึกษาให้ร้เู ข้าใจจติ ปัญญาทเ่ี ปน็ ตัวผหู้ ย่งั รู้หยัง่ ในทางตรงขา้ ม มองกาละและเทศะแงก่ วา้ งไกล เหน็ น้นั ด้วย และกา้ วใหมใ่ นวงการวิทยาศาสตร์ก็เกิดขึน้ ใหญ่โตและยาวนานบ้าง เช่น รกู้ นั วา่ ดวงอาทติ ย์มมี วล คอื เนอื้ ตวั เป็น ๓.๓๓ แสนเทา่ ของโลก นขี่ ้นั หนึง่ แลว้ มองขยายต่อไปวา่ กาแลก็ ซีหรอื ดาราจักรทางช้างเผอื ก (Milky Way Galaxy) ของเราน้ี มมี วลเปน็ ๑๐๐-๒๐๐ พันลา้ นเทา่ ของดวงอาทิตย์นน้ั แคข่ ั้นน้ี หลายคนก็ยอม ว่าเกินวิสัยทจ่ี ะคิดไปถงึ ลองมองอีกด้านหนึ่ง เชน่ รกู้ ันว่า ดวงอาทติ ย์อยู่ ห่างไกลจากโลกประมาณ ๑๕๐ ลา้ น กม. ส่องแสงมาถงึ โลกใน ๘ นาที แล้วมองเลยตอ่ ไป ดาวฤกษ์ดวงถัดจาก ดวงอาทิตยน์ ้ัน ทใ่ี กล้โลกที่สดุ (Proxima Centauri) อยู่ ไกลราว ๔.๒ ปีแสง (light-years) กาแล็กซอี ืน่ อยไู่ กล ออกไปเกือบ ๑๓ พันลา้ นปแี สง ในกาแลก็ ซบี างวงอาจมี ดาวฤกษถ์ งึ ลา้ นล้านดวง และกาแล็กซีในจกั รภพมเี ปน็ พัน ลา้ นหรอื ล้านล้านกาแล็กซี ห้ามซ้ือ-ขาย อนญุ าตให้ใช้เพ่อื การศกึ ษาส่วนตวั เทา่ นัน้ ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ อ่ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น ภาคพเิ ศษ 253

อาเซยี น/ASEAN ตัง้ เปา้ หมายไว้ Association of South East Asia ซง่ึ กอ่ ต้งั ข้นึ เมอ่ื เดือน ประชาคมอาเซียน จะมีได้ทนั ปี ๒๕๕๘/ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔/1961 โดยไทย สหพันธรฐั มลายู 2015 และฟลิ ิปปินส์ แตไ่ ดห้ ยดุ เลกิ ไปหลงั จากตัง้ มา ๒ ปี เนือ่ ง จากปัญหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอนิ โดนเี ซยี กับมาเลเซยี ) พ.ศ. ๒๕๑๐ (ค.ศ. 1967) วันท่ี ๘ สงิ หาคม ที่ ประเทศไทย ณ วงั สราญรมย์ กรุงเทพฯ มกี ารกอ่ ต้งั ผแู้ ทนของ ๕ ประเทศน้นั ไดแ้ ก่ นายอาดัม มาลกิ อาเซยี น/ASEAN คอื สมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย (รฐั มนตรีต่างประเทศอินโดนีเซยี ) ตนุ อบั ดุล ราชัก บนิ ตะวันออกเฉยี งใต้ (Association of South East Asian ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และ Nations) โดยปฏิญญากรงุ เทพ (Bangkok Declaration) รัฐมนตรกี ระทรวงพัฒนาการแหง่ ชาติมาเลเซยี ) นาย ซึ่งลงนามโดยรฐั มนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นาซโิ ซ รามอส (รฐั มนตรีต่างประเทศฟลิ ิปปนิ ส์) นายเอส สมาชกิ ก่อตั้ง ๕ ประเทศ คอื อนิ โดนเี ซยี ฟิลิปปินส์ ราชารัตนมั (รฐั มนตรตี ่างประเทศสงิ คโ์ ปร)์ และพนั เอก มาเลเซยี สงิ คโปร์ และไทย (พเิ ศษ) ถนัด คอมนั ตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย) (อาเซียนเกิดขน้ึ แทนทีส่ มาคมอาสา/ASA คือ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น (ASEAN Member States) ปจั จบุ นั มี ๑๐ ประเทศ ประกอบดว้ ยสมาชกิ เมอ่ื เรม่ิ กอ่ ตงั้ 254 ภาคพเิ ศษ หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตให้ใชเ้ พื่อการศึกษาส่วนตวั เท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น

ในปี 1967 ได้แก่ ๕ ประเทศขา้ งต้น และอกี ๕ ประเทศ Philippines/ฟิลิปปนิ ส์ (1967) การประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น คร้ังแรก จัดข้นึ ที่ ท่รี ับเข้าร่วมตามล�ำดบั ต่อมา คือ บรไู นดารุสซาลาม Singapore /สงิ คโปร์ (1967) เมืองบาหลี ในอนิ โดนเี ซีย เมื่อปี 1976/๒๕๑๙ ตอ่ มา ใน (1984) เวียดนาม (1995) ลาว (1997) พม่า (1997) และ Thailand/ไทย (1967) การประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น คร้ังท่ี ๑๓ (13th ASEAN กัมพูชา (1999) โดยมปี ระชากรรวมกันประมาณ ๕๐๐ Vietnam/เวียดนาม (1995) Summit) ที่สงิ ค์โปร์ สมาชกิ ได้ลงนาม (เมื่อ ๒๐ พ.ย. ลา้ นคน มีเน้ือท่ี ๔.๕ ลา้ น ตร.กม. (๑.๗ ลา้ น ตร.ไมล์) ทงั้ นี้ เวียดนามเป็นประเทศคอมมิวนสิ ต์รฐั แรก ที่ 2007/๒๕๕๐ มีผลบงั คับใช้ ธ.ค. 2008/๒๕๕๑ ทนั กอ่ น ได้รบั เขา้ เปน็ สมาชิกของอาเซยี น ประชุมสุดยอดคร้งั ท่ี ๑๔ ทีป่ ระเทศไทย) ตรา กฎบตั ร ๑๐ ประเทศนัน้ เรียงตามล�ำดบั อกั ษร ดังน้ี วตั ถปุ ระสงคข์ องการกอ่ ตงั้ อาเซยี น คอื เพอ่ื สง่ เสรมิ อาเซียน (ASEAN Charter) ซงึ่ เป็นธรรมนูญอาเซียน อัน (ตัวเลขเอนมีเส้นใต้ คอื ประเทศสมาชกิ ก่อตั้ง) ความเขา้ ใจอนั ดีตอ่ กันระหว่างประเทศในภมู ภิ าค ธำ� รง จะขบั เคลอื่ นการรวมตวั เปน็ ประชาคมอาเซยี นภายในปี ไว้ซ่งึ สันตภิ าพ เสถยี รภาพ และความม่ันคงทางการเมอื ง 2015/๒๕๕๘ และเมอื่ ต้นปี 1992/๒๕๕๓ กไ็ ด้มีเขตการ Brunei/บรไู น (1984) สร้างสรรค์ความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางเศรษฐกิจ การพัฒนา ค้าเสรอี าเซยี น/ASEAN Free Trade Area เกิดขึ้น Cambodia/กัมพูชา (1999) ทางสงั คมและวัฒนธรรม การกนิ ดีอยดู่ ขี องประชาชนบน Indonesia/อินโดนีเซีย (1967) พน้ื ฐานของความเสมอภาคและผลประโยชนร์ ่วมกนั ของ ประชาคมอาเซยี น (ASEAN Community) ทจี่ ะ Laos/ลาว (1997) ประเทศสมาชกิ สรา้ งขน้ึ ใหส้ ำ� เรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบดว้ ย ๓ เสาหลกั Malaysia/มาเลเซีย (1967) ของอาเซยี น (Three Pillars of ASEAN Community) Myanmar/พม่า (1997) คือ ๑. ประชาคมการเมืองและความมนั่ คงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community – APSC) ๒. ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) ๓. ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) ทัง้ น้ี ได้ตกลงใชภ้ าษาองั กฤษเปน็ ภาษากลาง สำ� นักเลขาธิการอาเซยี น (ASEAN Secretariat) ตั้งอยทู่ ่ีกรงุ จาการ์ตา/Jakarta ประเทศอนิ โดนีเซยี / Indonesia มีเลขาธิการซึ่งด�ำรงตำ� แหน่งวาระละ ๓ ปี โดยมี ดร.สรุ ินทร์ พิศสุวรรณ เปน็ เลขาธิการคนปจั จุบัน ในฐานะที่ทา่ นเปน็ คนไทย กเ็ ป็นเกียรตแิ กป่ ระเทศไทย ดว้ ย หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตให้ใช้เพอ่ื การศึกษาส่วนตวั เท่านนั้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสิทธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ต้องตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน ภาคพเิ ศษ 255

ยา่ งกา้ วแรกบนดวงจันทร์ และพากลับมายังโลกอย่างปลอดภยั (“landing a man (3 modules) คอื ทอ่ นบงั คบั การ (command module on the moon and returning him safely to Earth”) เรยี กย่อวา่ CM) ทอ่ นบริการ (service module, SM พ.ศ. ๒๕๑๒ (ค.ศ. 1969) ท่ีสหรฐั อเมริกา วัน กอ่ นสนิ้ ทศวรรษ 1960’s และเคยพดู (ที่ Rice Univesi- บรรจุเชอื้ เพลงิ ออกซเิ จน น้�ำ เคร่อื งเครา) และทอ่ นเบ้ือง ที่ ๒๐ กรกฎาคม ถอื เป็นวาระท่มี นุษย์ ช่อื วา่ Neil A. ty, ปี 1962) ว่า “เราเลอื กท่ีจะไปดวงจันทร์ในทศวรรษนี้ จันทรา (lunar module, LM) Armstrong ผูเ้ ดนิ ทางโดยยานอวกาศ Apollo 11 ได้ และทำ� สง่ิ อนื่ ๆ มใิ ชเ่ พราะว่ามนั งา่ ย แต่เพราะว่ามนั ยาก” ยา่ งเหยียบก้าวแรกบนดวงจันทร์ (“We choose to go to the moon in this decade พอเข้าวงโคจรของดวงจันทรแ์ ลว้ ในสามคนท่ีไป and do the other things, not because they are น้ัน ๒ คน คอื Armstrong กับ Aldrin เขา้ อย่ใู นทอ่ น ย้อนหลังไป ๘ ปี ใน ค.ศ.1961 ประธานาธบิ ดี easy but because they are hard.”) เบื้องจันทรา คือ LM และแยกท่อน LM ออกไปจาก ๒ John F. Kennedy ผู้มคี วามกระตือรอื ร้นอยา่ งมากใน ทอ่ นทีเ่ รียกรวมกนั ว่า CSM ปลอ่ ยให้ Collins อยคู่ น การสำ� รวจอวกาศ ไดก้ ลา่ วปราศรยั แกร่ ฐั สภา เรียกรอ้ ง ความมงุ่ มน่ั ของประธานาธิบดี Kennedy ดงั เดยี วใน CSM ทจี่ ะโคจรรอเวลาให้ ๒ คนนน้ั กลบั มา ใหส้ หรัฐมงุ่ มั่นอุทศิ ตวั ในการน�ำมนุษย์ไปลงบนดวงจนั ทร์ กลา่ วน้ี เป็นการหนุนโครงการ Apollo ในการส่งมนษุ ย์ ไปลงส�ำรวจดวงจนั ทร์ ถึงแมต้ ัวท่านเองจะถึงอสญั กรรม แลว้ ๒ คนก็พา LM ลงไปหาพระจันทร์ และ ไปเสยี ก่อน เพราะถกู ลอบสงั หาร เมื่อวันท่ี ๒๒ พ.ย. ตอนนี้ เพอื่ ความสะดวกในการสื่อสาร พวกเขาเรียก CSM 1963 แต่ NASA (National Aeronautics and Space ว่า โคลัมเบีย/Columbia และเรยี ก LM วา่ อเี กิล้ /Eagle Administration/องคก์ ารบรหิ ารการบนิ และอวกาศแหง่ ชาติ หรือ องคก์ ารนาซา) ก็ไม่หยุดย้งั ทจี่ ะเร่งรัดงานนใ้ี ห้ (Eagle คอื ท่อนเบอื้ งจันทรา หรือ LM นี้ แยก บรรลุเป้าหมาย แล้วในท่ีสดุ ก็ส่งนกั บนิ อวกาศไปลงดวง ย่อยออกไปอีกเป็น ๒ สว่ น คอื ตัวพาลงไป/ descent จนั ทร์ได้ทนั กอ่ นจะสิ้นทศวรรษนนั้ ในปี 1969 พอดี (ใน stage กับ ตัวพากลบั ขึน้ มา/ascent stage ในตอนลง สมยั ของประธานาธบิ ดี Richard M. Nixon) ไปดว้ ยกันทัง้ สองตัว แต่ในตอนกลบั ขน้ึ มา ตวั พาลงไป จะ ถกู ท้งิ ไวบ้ นดวงจนั ทร)์ ในวันที่ ๑๖ ก.ค. 1969 ยานอวกาศ Apollo 11 ทะยานสเู่ วหา โดยจรวด Saturn 5 พาขน้ึ ไป บรรทุก สองคนนนั้ พา LM (lunar module) หรือ Eagle นกั บนิ อวกาศ ๓ คน คอื Neil A. Armstrong, Buzz ลงจอดท่ี Sea of Tranquility ในวนั ที่ ๒๐ ก.ค. 1969 Aldrin และ Michael Collins เมอ่ื ไปไดร้ ะยะหนึ่ง และตอนลงจอดนี้ เขาทงั้ สองสวมชุดอวกาศ (space ตามก�ำหนด นักบินก็ดึงแยกยาน Apollo 11 ออกจาก suits) เมอ่ื จอดแลว้ Armstrong ออกไปก่อน โดย Aldrin จรวด Saturn 5 แลว้ Apollo 11 ก็แลน่ ไป ๓ วนั ดว้ ย ตามออกไป ทั้งสองคนลงบันไดไปถงึ แผ่นเหยยี บข้างล่าง แรงดงึ ดดู ของดวงจันทร์ และในที่สุดกค็ ุมหันเหให้เขา้ ใน วงโคจรรอบดวงจันทร์ได้สำ� เร็จ Armstrong ยา่ งเทา้ กา้ วลงบนดวงจนั ทร์ พรอ้ มกบั กลา่ ววา่ “สำ� หรับคนผหู้ นึง่ นน่ั เป็นแคย่ ่างก้าวเลก็ ๆ ก้าว ยาน Apollo 11 นัน้ แยกเปน็ หน่วยยอ่ ย ๓ ท่อน หนง่ึ (แต่มัน) คือก้าวโลดคร้ังมโหฬารสำ� หรับมนษุ ยชาติ” (“That’s one small step for a man, one giant leap for mankind.”) ท้ังสองคนเกบ็ ตวั อยา่ งหนิ ดนิ 256 ภาคพเิ ศษ ห้ามซ้อื -ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศกึ ษาสว่ นตัวเท่าน้นั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ตอ้ งติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน

และถา่ ยภาพ แลว้ จัดตง้ั อุปกรณ์วทิ ยาศาสตรอ์ ัตโนมตั ิ หลงั Apollo 11 น้ี โครงการ Apollo ยังสง่ นักบินอวกาศ อย่างไรกด็ ี มีความรปู้ ระกอบว่า ช่วงเวลาที่ ไว้บนดวงจนั ทร์ จนเสร็จการ กเ็ ดินทางกลบั ขึน้ มาเขา้ ใน ไปดวงจันทรอ์ ีก ๖ ครั้ง โดยครง้ั สุดทา้ ย คือ Apollo 17 สง่ Apollo 11 ข้นึ ไปนี้ อยูใ่ นระยะทีค่ นอเมริกนั กำ� ลงั CSM ท่ีเรยี กวา่ โคลัมเบยี ปล่อยตวั พากลับขนึ้ มา (ascent ส่งขนึ้ ไปเม่ือ ๗ ธ.ค. 1972/๒๕๑๕ เมอ่ื สำ� เร็จแลว้ งาน เดือดรอ้ นกระวนกระวายและหดหู่กังวลอยา่ งมากกบั stage) ของ LM หรอื Eagle ทงิ้ ไป แล้วก็จุดจรวดท่ีติด ส�ำรวจดวงจันทรก์ เ็ ป็นอันจบโครงการ (แต่ในทั้งหมดนนั้ สงครามเวยี ดนาม (Vietnam War, 1954-1975) หนังสอื มาผลกั CSM ออกจากวงโคจรของดวงจนั ทร์ เดินทาง ไปลงหาพระจันทร์ได้จรงิ ๖ ครง้ั เพราะพลาดไป ๑ คร้ัง The People’s Chronology, 1992 เขยี นบอกวา่ คน กลับคืนสูโ่ ลกมนษุ ย์ ลงบนมหาสมทุ รแปซิฟิก ในวนั ที่ ๒๔ คอื Apollo 13 ที่ส่งขน้ึ ไปเมื่อ ๑๑ เม.ย. 1970 ไดเ้ กดิ อเมรกิ ันหลายล้านคนเชอ่ื ว่า การเหยยี บย่างเดินไปบน ก.ค. 1969 เป็นอันจบการเดนิ ทาง อุบัตเิ หตุ ยงั ไมท่ นั ไดล้ งดวงจนั ทร์ ก็ต้องหาทางรอดกลับ ดวงจนั ทรน์ ้ี เปน็ การจัดฉากถ่ายทำ� ขน้ึ เพ่ือเบนความ สูโ่ ลกเสียกอ่ น) สนใจออกไปจากสงครามเวียดนาม กอ่ นส่ง Apollo 11 น้ขี ึน้ ไป โครงการ Apollo ได้ ยงิ สง่ ในขนั้ ทดลองและเตรยี มการหลาย Apollo แลว้ และ จากซ้าย: ๓ นักบนิ อวกาศ Neil A. Armstrong Buzz Aldrin Michael Collins รอยประทับรองเท้าบทู๊ ทอ่ นเบ้อื งจันทรา ปิดท้าย: ไดค้ ดิ วา่ จะเขยี นเร่อื งทีส่ �ำคัญมาก เกยี่ วกบั เหตกุ ารณข์ องโลก ทีต่ อ่ เนอ่ื งมาจากปีก่อนและ ยังเปน็ เรื่องเด่นน�ำต่อไปในปี ๒๕๕๕ น้ี อีก ๒ หวั ขอ้ คอื Arab Spring และ Euro Crisis แต่โรคาพาธ เกดิ ความพลิกผนั ฉบั พลัน ท�ำให้ตดั ใจระงบั การเขียน เปลี่ยนไปเข้ารักษาในโรงพยาบาล แต่กอ็ ยากฝากไว้ใหน้ กั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษา ตอนปลายขน้ึ ไป ศกึ ษาค้นคว้าเรื่องท้งั สองนี้ไว้ใหช้ ดั เพื่อรเู้ ท่าทันความเป็นไปของอารยธรรมโลก และทัง้ นี้ พงึ ศกึ ษาโดยโยงมาหยัง่ เรือ่ ง อาเซียน/ASEAN ด้วย อนญุ าตให้ใชเ้ พอื่ การศกึ ษาส่วนตวั เท่านน้ั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน ภาคพเิ ศษ 257

Acknowledgements 18 Bas-Relief Sculpture from the Palace of Sargon © Gianni 37 Lumbini / Matthew Knott / www.flickr.com Dagli Orti/CORBIS 37 Asokan pillar at Vaishali, Bihar / Rajeev Kumar / Wikipedia Particular thanks are due to the following principal sources 20 Buddha’s Footprints, Sanchi © Adam Woolfitt/CORBIS 37 Asokan pillar at Vaishali, Bihar, India / myself / Wikipedia for permission to use their copyrighted material: 21 Scenes from Buddha’s life / centralasian / www.flickr.com 38 Sanghamitta with Holy Bodhi Tree by Solius Mendis, 1. Wikipedia, the free encyclopedia 22 Asokan Inscription, by Charnchai Bindusen Kelaniya Vihara, Colombo, Sri Lanka / Lankapic / Wikipedia 2. www.flickr.com 24 Sattapannaguha, by Charnchai Bindusen 39 Phra Pathom Chedi © Paul Almasy/CORBIS 3. University of Texas Libraries 25 Temple of Kukulkan / pugwash00, www.flickr.com 40 The Great Wall of China / Saad Akhtar / www.flickr.com 4. David Rumsey Map Collection 26 The School of Athens by Raffaello Sanzio 40 Qin Shi Huangdi / www.chinapage.com Care has been taken to trace copyright holders. However, 27 The Death of Socrates by Jacques Louis David 41 Sanchi © Zach Hessler / www.flickr.com if any source has been omitted, we apologize for it and will, if 27 Socrates, Louvre by Eric Gaba / Sting / Wikipedia 41 The Great Stupa of Sanchi by Charnchai Bindusen informed, make corrections in any future edition. 27 Plato by Silanion, Capitoline Museums, Rome 42 Patanjali / healthwealthyandreallysmart.blogspot.com © Marie-Lan Nguyen / Wikimedia Commons 42 Coin of Demetrius, British Museum / PHGCOM / Wikipedia Picture Credits: 27 Bust of Aristotle, Ludovisi Collection, National Museum of 43 Coin of Menander, British Museum / World Imaging / Rome by Jestrow / Wikipedia Wikipedia Page: 28 Central Asian Buddhist Monks, Bezeklik grottoes, China 43 Head of the Buddha, Afghanistan (Hadda) / 01 Annapurna Himal Foothills © Paul A.Souders/CORBIS 28 Torah, the former Glockengasse Synagogue in Cologne / www.buddhascupture.net 03 Corpus of Indus Seals and inscriptions, eds. Jagat Pati Joshi Horsch Willy / Wikipedia 43 Moulin banal in Braine-le-Chateau, Belgium / Jean-Pol and Asko Parpola 28 A Rabbinical Disputation by Jacob Toorenvliet © Christie’s GRANDMONT / Wikipedia 03 Replica of Mo-Jo man, Lahore Museum © Ed Sentner Images/CORBIS 44 Statue of the Buddha at Mahintale, Sri Lunka / Wikipedia 03 Harappan bullock cart, Lahore Museum © Ed Sentner 29 Bhagavad Gita / www.quotesandsayings.com 45 Shiva Nataraja, Freer Gallery, Washington DC / Mr. T in DC 04 Peacock on the roof by Charnchai Bindusen 29 Khishna ans Arajuna / www.bhagavad-gita.us / www.flickr.com 07 Thales / Wikipedia / www.phil-fak.uni-duesseldorf.de 30 Alexander the Great on his horse Bucephalus / Wikipedia 46 Four-Armed Vishnu, Metropolitan Museum of Art / 07 Kapitolinischer Pythagoras / Galilea / de.wikipedia.org 31 The Empire of Alexander the Great / Thomas Lessman PHGCOM / Wikipedia 07 Heraclitus / cote / www.flickr.com 31 Stamp on Maurya Chandragupta / Amol N. Bankar, Ancient 46 Abayagiriya Dagaba in 1800 / www.comeonsrilankabykun 08 Birthplace of Buddha / Matthew Knott / www.flickr.com coinsofindia 1, Wikipedia chana.blogspot.com 08 Mahabodhi Temple © Atlantide Phototravel/Corbis 31 Coin of the Gupta king Chandragupta II, British Museum / 46 Abhayagiri Dagaba / Gwen Vanhee / www.flickr.com 09 Dhammekha Stupa, India by Sitthisak Thayanuwat PHGCOM / Wikipedia 47 Uttama coin / http://lakdiva.org/coins/ 09 Mahaparinibbana Stupa © jumpee2010 / www.flickr.com 31 Alexander the Great Bust, British Museum © Andrew Dunn, 48 Ribbed Vault and Carvings in Ellora Cave 10 © Richard T. 10 Gandara Art, Sravasti, Lahore Museum © Ed Sentner Wikipedia Nowitz/Corbis 11 Vulturepeak / National Informatics Centre, Bihar State Unit 31 Seleucus I Nicator, The National Archaeological Museum 51 Ajanta cave / Pnp! / www.flickr.com 13 Jetavana / Bpilgrim / Wikipedia of Naples, Italy / Massimo Finizio / Wikipedia 51 Cave #24, Ajanta Caves © Richard A. Cooke/CORBIS 13 Animal Sacrifice / www.columbia.edu/itc/mealac/pritchett 32 Ptolemy I Soter, Louvre by Jestrow / Wikipedia 52 Amaravati / soham_pablo / www.flickr.com 15 Castes of India / beinecke.library.yale.edu/digitallibrary 32 Ancient Library / Wikipedia 53 Buddha Image from Mathura, Uttar Pradesh ©Luca Tettoni/ 16 Tapas / www.columbia.edu/itc/mealac/pritchett 33 Hanuman before Rama / www.asia.si.edu / Wikipedia CORBIS 16 Hindo Dadhu, Benares by Herbert Ponting, 1907 / WIkipedia 33 Cleopatra, Centrale Montemartini, Rome / Truus, Bob & 53 Coins of Kossano (Kushan) / Jeantosti / Wikipedia 17 Fasting Buddha, Lahore Museum © Ed Sentner Jan too! / www.flickr.com 55 Gatius Julius Caesar, National Archaeological Museum of 18 Buddha sculpture, Gupta period © Luca Tettoni/Robert 34 Buddha’s Sermon © Christophe Boisvieux/Corbis Naples, Italy / Andreas Wahra / Wikipedia Harding World Imagery/Corbis 35 6th pillar edict of Emperor Asoka, British Museum / 55 Cleopatra, Altes Museum, Berlin by Marco Prins / PHGCOM / Wikipedia www.livius.org 36 Colosseum, Rome, Italy / Shutterstock 55 Bust of Marcus Antonius, Museo Vaticano, Rome © CORBIS 36 Pollice Verso, Phoenix Art Museum, Arizona by Jean-Léon 55 Augustus of Prima Porta, Museo Chiaramoni, Vatican, Gérôme / www. phxart.org / Wikipedia Rome / Andreas Wahra, Till Niermann / Wikipedia 258 picture credits

56 Street in Pompeii / Paul Vlaar / Wikipedia Art, The Early Buddhist Art of Thailand 95 Shiva Statue / Deepak Gupta / Wikipedia 56 Map of the Roman Empire in 125 during the reign of 77 Songstan Gampo, Tibet / www.cc.purdue.edu / Wikipedia 96 Reclining Buddha in Gal Vihara, Polonnaruwa / Lankapic / emperor Hadrian by Andrein with EraNavigator / Wikipedia 79 Xuanzang © Lebrecht Music & Arts/Corbis Wikipedia 56 Pompeo Magno / Guido Bertolotti / Wikipedia 79 Tang Taizong / Wikipedia 97 Devagiri Fort / Wikipedia 57 Sermon on the mount by Bloch, Copenhagen / Wikipedia 79 The Prophet Muhammad / BNF, MS Arabe 1489, fol. 5v / 97 Gomatesvara, Mysore / jshyun / www.flickr.com 57 Descent of the cross by Rubens, Palais des Beaux Arts de Lille Wikipedia 98 Sultan Mahmud of Ghazni / Wikipedia 57 Nero, Glyptothek, Munich / Freebase / Wikipedia 79 Kaaba Mirror / Muhammad Mahdi Karim 99 Khajuraho by Charnchai Bindusen 58 Gold coin of Kanishka, British Museum / Wikipedia (www.micro2micro.net) / Wikipedia 99 Prang Sam Yod / .Live.Your.Life. / www.flickr.com 58 White Horse Temple by Charnchai Bindusen 81 Afghanistan Jump-Starts a New Day © David Bathgate/Corbis 99 The Windsor Martyrs burned at the stake in 1543 59 Maitreya Buddha, Thikse Monastery / Payal Vora / 81 Statue in Mountainside, Afghanistan © Charles & Josette © Stefano Bianchetti/Corbis www.flickr.com Lenars/CORBIS 100 Mahmoud & Ayaz, and Shah Abbas, Reza Abbasi Museum 59 Dragon Gate Cave in Luoyang, China / Fanghong / Wikipedia 82 City Skyline with Umayyad Mosque and Souk © Bruno / Wikipedia 60 Colossal Buddha in Bamian © Paul Almasy/CORBIS Morandi/Robert Harding World Imagery/Corbis 100 Koning Anawrahta © Leo Koolhoven / www.flickr.com 60 Colossal Buddha at Bamiyan © Robert Harding World 83 Naqsh i Rustam / Ginolerhino 2002 / Wikipedia 101 Metal movable / Willi Heidelbach / Wikipedia Imagery/Corbis 84 Avalokitesvara, Malayu Srivijaya style / Gunkarta / Wikipedia 101 University of Bologna © Stephanie Maze/CORBIS 60 Three Brothers / The Field Museum / Wikipedia 85 Avalokitesvara, National Museum, Bangkok / Sukon 101 One the entrance of Sorbonne, in Paris / David Monniaux / 61 Germania Antiqua / Philip Clüver / www.library.yale.edu Sikkhakosol / www.learners.in.th Wikipedia 62 Nalanda by Bhikkhu Panot Gunavattho 86 Surya Majapahit, National Museum of Indonesia, jakarta / 101 Oxford University / 123 RF Stockphoto 62 Bust of Constantine / Art & Culture 104 / www.cultureart. Gunkarta / Wikipedia 102 Dhakeshwari Temple in 1890 / Wikipedia blogspot.com 86 Prajñãpãramitã, Korean Tripitaka / Wikipedia 102 1099 Siege of Jerusalem, National Library, Paris 63 Head of Buddha Statue / Hyougushi / www.flickr.com 86 Tripitaka Koreana Woodblock / Steve46814 / Wikipedia 103 Old Inca wonder / MarcoIE / www.flickr.com 63 Coin of Emperor Gratian / Wikipedia 87 Rajendra coin / http://lakdiva.org/coins/ Wikipedia 103 Ankor Wat / rosskevin756 / www.flickr.com 63 Attila with Goat Horns, Pavia, Italy 87 Statue of Buddha at Todaiji in Nara / Wikipedia 104 The screen and the mosque courtyard, Qutbminar / 64 Goryeo Buddhist painting, Asian Art Museum of 87 Todai-ji / Bobak Ha’Eri / Wikipedia www.columbia.edu/itc/mealac/pritchett San Francisco / Appleby / Wikipedia 87 Emperor Shomu, Imperial Collection, Japan / Wikipedia 104 Iron Pillar in Qutab Minar Complex © Hulton-Deutsch 65 Bust of Byzantine Empreror Theodosius II © Corbis 88 Buddha, Pala Dynasty, Musee Guimet, Paris / Wikipedia Collection/CORBIS 66 Buddhaghosa by Solius Mendis, Kelaniya Vihara, Colombo, 89 Center of Vikramshila / Devesh.bhatta / Wikipedia 106 Hindu Priest, India / The Library of Congress, LC-B2-2350-16 Srilanka / Lankapic / Wikipedia 89 Caliph Harun al-Rashid / http://miniaturesinancientart.com 107 Khwarezm Shah Ala Ad Din Mohammad / Wikipedia 67 Nothern Wei Buddha Statue, Tokyo National Museum 90 Aryabhata, India / Wikipedia 108 Shri Mahakali Mata / pritchett / www.columbia.edu 68 Carved Columns Ellora / amanderson2/ www.flickr.com 91 Nalanda by Charnchai Bindusen 108 Genghis Khan, National Palace Museum, Taipei / Wikipedia 68 Romulus Augustus, Rome / www.cngcoins.com / Wikipedia 92 Buddha’s life from a Prajna-paramita Manuscript, Northeast 109 The Khajuraho Temples © Frédéric Soltan/Sygma/Corbis 69 Taxila by Charnchai Bindusen India. courtesy of Freer Gallery of Art, Smithsonian Institution, 110 The Taj Mahal at dawn © Christophe Boisvieux/Corbis 71 Bodhidharma by Tsukioka Yoshitoshi / Wikipedia Washington, D.C.:Purchase, F1930.88 112 Tripitaka Koreana in Haeinsa / Lauren Heckler / Wikipedia 71 Prince Shotoku, Imperial Household Collection / Wikipedia 91 Temple at Chaiya, Thailand © Michael Freeman/CORBIS 113 Gregory IX by Raffaello Sanzio, Palazzi Pontifici, Vatican 72 Ajanta Caves and Environs © Michael Freeman/CORBIS 92 Borobudur, Indonesia / 123RF Stockphoto 113 Statue of Saladin in Damascus / Godfried Warreyn / 73 Ellora Caves © Frédéric Soltan/Sygma/Corbis 93 Shankaracharya, Ravi Varma’s Studio / www.columbia.edu Wikipedia 74 Kumbh Mela in Allahabad © Frédéric Soltan/Sygma/Corbis 93 Buddha statue in a perforated stupa © Graham Uden/ 114 Golden Buddha Statue in Thailand © Christophe 76 Bodhgaya, India / svennemeister / www.flickr.com Redlink/Corbis Boisvieux/Corbis 76 Giant Shivalingam in the Shiva temple © Luca Tettoni/ 94 The temple of the Shringeri Math / www.columbia.edu / 114 Sukhothai / 123RF Stockphoto Robert Harding World Imagery/Corbis itc/mealac/pritchett 114 Inscription No.1 (King Ramkamhaeng) © Michael Freeman/ 76 Vertical-axis winmills © Caroline Mawer, 2011 94 OTTO I, King of Germany, fineartamerica.com CORBIS 77 Dvaravati Cakka, National Museum, Bangkok / Dvaravati 94 Papa Giovanni XII / www.romamedioevale.it / Wikipedia 114 Knig Ramkamhaeng the Great / www.wapedia.mobi picture credits 259

115 An Ottoman Mamluk by Carle Vernet / Wikipedia 136 Ferdinand Magellan, Museo Naval de Madrid 148 King Narai the Great of Siam by Clestur / Wikipedia 115 Monsieur Ducel, Mameluke de la Garde, 1850, The Anne 137 Doi Suthep, Chiang Mai, Thailand © Sopon Supamangmee, 149 Constantin Phaulkon, 17th century print S. K. Brown Military Collection / Brown University Library www.soponphotography.com 149 Siamese Embassy To Louis XIV by Nicolas Larmessin 116 The Portrait of Kublai Khan by Anige, National Palace 137 Pope Clement VII by Sebastiano del Piombo (1485-1547) 150 Nader Shah Afshar, Victoria & Albert Museum, London Museum, Taipei 138 Pope Paul III by Tiziano Veccelli, Galleria Nazionale di 150 View of Peacock Throne © Bettmann/CORBIS 119 Boat Quay, Singapore © Romain Cintract/Hemis/Corbis Capodimonte 150 Portrait of Louis XIV, Hyacinthe Rigaud (1659–1743), Louis 120 Ayutthaya by Krisda Nithananond 138 Pope Sixtus V / www.papalartifacts.com XIV Collection, Louvre Museum 120 Ayutthaya / 123RF Stockphoto 138 Nicolaus Copernicus, Regional Museum in Torun 151 Vigil of Queen Mother’s grandsons © Pool Photo / Corbis 121 Ancient Hampi City Center / Wikipedia 138 Giordano Bruno, Livre du recteur (1578), University of Geneva 152 Ganges River at sunset © Destinations/Corbis 122 Timur by M. Gerasimov / www.museum.ru / Wikipedia 138 Portrait of Galileo Galilei by Justus Sustermans, National 154 Portrait of Warren Hastings by Lemuel Francis Abbott 122 Timur the Lame, Gallery of Art in Lviv / Wikipedia Maritime Museum, London 154 Spinning Mule / Pezzab / Wikipedia 122 Map of the city and fort at Malakka / Wikipedia 139 Portrait of Mary I of England, by Hans Eworth 154 Watt’s steam engine / Nicolas Perez / Wikipedia 124 Youngle Dadian Chinese Encyclopedia / Wikipedia 139 King Frances II of France and his wife by François Clouet 155 Sir William Jones, The James Smith Noel Collection 124 Younle Emperor / Wikipedia 139 Saint Bartholomew’s Day Massacre by François Dubois, 155 Samuel Johnson by Joshua Reynolds, Tate Gallery 125 Emerald Buddha, Wat Phra Kaeo © Luca Tettoni/Robert Musée cantonal des Beaux-Arts, Lausanne 157 King Taksin Statue / Ian Fuller / www.flickr.com Harding World Imagery/Corbis 140 Portrait of Elizabeth I © The Print Collector/Corbis 157 Wat Arun at Sunset / Stuck in Customs / www.flickr.com 125 Wat Bodharammahavihar / บะนายโยง่ / www.cm77.com 140 Philip II of Spain by Sofonisba Anguissola, Prado Museum, 158 The Old Asiatic Society Building / Wikipedia 126 Iudea, Rijksmuseum, Natherland Madrid, Spain 158 Captain James Cook, 1728–79 by William Hodges, 1775–76 126 Crowned Buddha Head © Luca I. Tettoni/CORBIS 141 Kanyakumari © sundarapandian / www.flickr.com 158 Statue of Liberty, NY /Wiliam Warby / www.flickr.com 128 Gutenberg Bible, Museum of Printing History, Houston / 142 King Nareuan / Mix vasuvadh / Wikipedia 159 Bronze medal of James Prinsep by William Wyon, National Andromeda8236 / www.flickr.com 143 The tomb of Akbar Shah, The Ames Library of South Asia Portrait Gallery, London 128 Constantine XI Palaiologos, Greece / Wikipedia at the University of Minnesota 159 Paper strip with writing in Kharoshthi. 2-5th century CE, 128 Michelangelo by Baccio Bandinelli, Musée Du Louvre, Paris 143 Koning Bayint Naung / LeoKoolhoven / www.flickr.com Yingpan, Tarim Basin, Xinjiang Museum 129 Pope Sixtus IV by Melozzo da Forlì, Vatican Museum 144 Buddha Daibutsu, Kamakura, Japan /Dirk Beyer/wikipedia 159 George Washington (1732-1799), by Gilbert Stuart, Yale 129 Jews Prying in the Synagogue by Maurycy Gottlieb, 1878 144 Commodore Matthew C. Perry, http://hdl.loc.gov/loc.pnp/ University, New Haven, Conn 130 Portrait of Amerigo Vespucci, Portrait of Amerigo Vespucci, cph 3g07502 159 Adam Smith, 1738 - 1822 by Lemuel Francis Abbott National Library of Australia / nla.pic-an2310320 144 Ernest Crofts’ A Scene from the Thirty Years’ War, 1884 - 159 Liberty Bell, Philadelphia / Ben Schumin / Wikipedia 130 Columbus by Ridolfo Ghirlandaio, c. 1520, Museum of the Leeds Art Gallery 159 John Frederick William Herschel (1792-1871) / Smithsonian sea and navigation of Genoa 145 Portrait of James I of England by Paul Van Somer, ca 1620 Instution Libraries 130 Pope Alexander VI by Cristofano dell’Altissimo (1525-1605), 146 Replica of Mayflower Sailing © Bettmann/CORBIS 160 King Buddhayodfah the Great of Siam by Chalerm Nagirak Corridoio Vasariano Museum, Florence 146 Pilgrim’s Landing by Edward Percy Moran (1862-1935), 160 The Three Seals Law / Wikipedia 131 The Cantino World Map, Biblioteca Estense, Modena, Italy Pilgrim Hall Museum, Plymouth, Mass. 161 Wat Poh Bangkok © Javier Baranda, Spain / www.flickr.com 132 Vasco Da Gama by Antonio Manuel da Fonseca (1796-1890), 146 Redraft of the Castello Plan New Amsterdam in 1660 / 162 British officers with Gurkhas © Hulton-Deutsch Collection/ National Maritime Museum, London New York Historical Society Library, Maps Collection CORBIS 133 Map of Goa / Braun and Hogenberg / Wikipedia 146 Galileo facing the Roman Inquisition, painting by Cristiano 162 Representation of the Declaration of the Rights of Man 133 King Manuel I of Portugal / Wikipedia Banti, 1857 and of the Citizen in 1789 133 Aztec sun stone replica / Gryffindor / Wikipedia 146 Shah Jahan © Muhammad Naeem, Lahore, Pakistan 163 Kemmendine Attack by J.Moore, 19th Century 134 Guru Nanak Dev / punjabwallpaper.wordpress.com 146 Mumtaz Mahal © Muhammad Naeem, Lahore, Pakistan 163 British Attack in Burma by J.Moore, 19th Century 134 Native American, Bibliographisches Institut, Leipzig 146 Aurangzeb Alamgir © Muhammad Naeem, Lahore, Pakistan 163 Napoleon in his King of Italy gown, 1805, by Andrea Appiani 135 Shahenshah Babar © Muhammad Naeem, Lahore-Pakistan 147 Taj Mahal / 123RF Stockphoto 163 Arthur Wellestley, 1st Duke of Wellington by Robert Home, 135 Sultan Selim I / Wikipedia 147 Portrait of Cardinal Richelieu by Philippe de Champaigne, 1804, National Portrait Gallery, London 136 Martin Luther / Wikipedia National Gallery, London 163 The Battle of Waterloo, 1852 by Clément Auguste Andrieux 260 picture credits

163 Thomas Hopkins Gallaudet © CORBIS 174 Portrait of Sir Edwin Arnold © Bettmann/CORBIS 187 Dome of Thammasat / ScorpianPK / Wikipedia 164 King Buddhalertlah of Siam by Chalerm Nagirak 174 Rhys Davids / Pali Text Society 188 Atomic Bombing of Japan, Necessary Evil 164 Monumento a Louis Braille / Rodolfoto / www.flickr.com 174 Portrait of Alexander III by I.N. Kramskoi (1837-1887) 188 Harry Truman, Prints & Photographs Division, Library of 164 Wood-carved Braille code by Christophe MOUSTIER / 174 John Maynard Keynes © Corbis Congress, cph.3c17122 Wikipedia 174 Pali Tipitaka of King Chulalongkorn the Great, courtesy of 188 Scene of destruction in a Berlin street / IWMCollections 165 King Nangklao of Siam / soham pablo / www.flickr.com The International Tipitaka Project / www.tipitakahall.net IWM Photo No.: BU 8604 166 Friedrich Fröbel / http://hdl.loc.gov/loc.pnp/LCDIG-pga-00127 176 Anagarika Dharmapala / Wikipedia 189 Little Boy Nuclear Weapon / United States Department of 166 Matthias Jacob Schleiden by Carl Schenk, ca 1855 176 Thawon Watthu Bldg., Bangkok by Thongsook Changvijjukarn Energy, U.S. federal government 166 Theodore Schwann by Henry Smith Williams, 1904 178 Bodhgaya after Renovation / Wikipedia 189 Fat Man Nuclear Device / U.S. Department of Defense, 116 Richard Owen, c.1870 / Wikipedia 178 Wilhelm Conrad Röentgen / Wikipedia U.S. federal government 166 Friedrich Engles by George Lester, 1868 178 Wilhelm Röentgen’s first x-ray by Wilhelm Röentgen, 189 Pearl Harbor Attack, 7 December 1941 / USS West Virginir 166 Karl Marx by John Mayall, 1875, International Institute of 178 The 1896 Olympic Silver Medal by Nicolas Gysis, 1896 190 Buddha’s footprints, Mahabodhi Temple © Photosindia/ Social History in Amsterdam 179 Mahabodhi Society, India / dhammasociety.org / 192 John Atanasoff at a press conference © Bettmann/CORBIS 167 Phukhaothong, Wat Saked, Bangkok / 123RF Stockphoto www.flickr.com 192 ENIAC © Paul W Shaffer, curator for the University of 168 Queen Victoria by Alexander Bassano, 1882. National 179 Statue of Anagarika Dhammapala, Sarnath © Thomas Pennsylvania ENIAC Museum / Wikipedia Portrait Gallery, London Kappler / www.flickr.com 192 UNIVAC II / U. S. Navy Electronics Supply Office / Wikipedia 168 Sir John Bowring, by John King 179 D. T. Suzuki by Mihoko Okamura 192 Altair 8800 Computer by Michael Holley / Wikipedia 168 F. B. Sayre, Prints & Photographs Division, Library of 181 Max Planck © Bettmann/CORBIS 193 IBM 1130 console by Bob Rosenbloom / Wikipedia Congress, ggbain 15346 181 Albert Einstein, Prints & Photographs Division, Library of 193 FGCS, PIM/m1 / Nixdorf / Wikipedia 168 Woodrow Wilson, Prints & Photographs Division, Library of Congress, cph.3g04940 193 MacIntosh Plus / Rama / Wikipedia Congress, cph. 3c32907 181 Marconi With His Wireless Apparatus © Hulton-Deutsch 193 Motorola Dyna TAC 8000X / Redrum0486 / Wikipedia 169 Charles Darwin by J. Cameron, 1869 Collection/CORBIS 195 Dr. Oswald T. Avery © Bettmann/CORBIS 169 John Dewey © Corbis 181 Orville Wrigh, Prints & Photographs Division, Library of 195 Mao Tse Tung © Roman Soumar/CORBIS 170 Alexander Cunningham, Santonio Museum of Art, Texas / Congress, ppmsc 06102 197 Mahatma Gandhi © Hulton-Deutsch Collection/CORBIS Mike Fitzpatrick 181 Wilbur Wright, Prints & Photographs Division, Library of 198 Wat Thai Buddhagaya, Bihar / watthaibuddhagaya.com 170 Abraham Lincoln, Prints & Photographs Division, Library of Congress, ppprs 00683 198 The Way of The Buddha by Bhikkhu C. Buddhivaro Congress, cph.3a53298 181 American Inventor L.H. Baekeland © Bettmann/CORBIS 199 Buddhamonthol, Nakhonpathom by Thongsook 171 Archaeological Survey of India, Muradpur, India (1905- 181 Alexander Graham Bell, Prints & Photographs Division, Changvijjukarn 1920) / www.kerninstitute.leidenuniv.nl Library of Congress, cph.3a17019 199 Phrasrisakyadasapalanyan, Nakhonpathom by Krisda 171 Gettysburg National Monument by Henry Hartley / Wikipedia 181 Sir Joseph Wilson Swan © Bettmann/CORBIS Nithananond 172 Mississippi Ku-Klux, Prints & Photographs Division, Library 181 Thomas Alva Edison, Prints & Photographs Division, Library 200 Chaththa Samฺ giti / Tipitaka International Council B.E. 2500 of Congress, cph.3a50075 of Congress, cph.3b26026 (1956) / www.dhammasociety.org 172 Klu Klux Klan Members Burning Cross © William 183 Bangkok - Chulalongkorn University / Roger Wollstadt / 201 Sputnik I, National Air and Space Museum / NASA Campbell/Sygma/Corbis www. flickr.com 201 The Buddha and Pancavaggiya, water-color painting by 172 Nobel Prize medals, Erik Lindberg (1873-1966) / 184 Abdul Aziz Ibn Sa’ud / www.bpeah.com Chakrabhand Posayakrit, courtesy of The Chakrabhand Jonathunder / wikipedia 184 King Abdullah I bin Hussein of Jordan, 1951 Posayakrit Foundation © All rights reserved 172 Portrait of Alfred Nobel by Gösta Florman (1831–1900) 184 Mustafa Kemal Atatürk / Zeynep / www.flickr.com 202 Tibet, Lhasa: Potala Palace © Fridmar Damm/Corbis 173 Reminton no.1 Typewriter 1870 © Corbis 185 Portrait of King Prajadhipok © Bettmann/CORBIS 202 S.S. o Dalai Lama / Elton Melo / www.flickr.com 173 Portrait of King Mindon, Mandalay Palace, Myanmar / 186 Clyde W. Tombaugh © Bettmann/CORBIS 202 Theodore Maiman & the world’s first laser / Wagaung / Wikipedia 186 Charles A. Lindbergh, Prints & Photographs Division, Library Kathleenfmaiman / wikipedia 173 Kyuaksa, Kuthodaw Pagoda, Mandalay, Myanmar / of Congress, LC-B2- 5897-15 202 Sirimavo Bandaranaike, Prime Minister of Ceylon Wagaung / Wikipedia 187 Buddhadasa Bhikkhu / Buddhadãsa Indapañño Archives © Bettmann/CORBIS picture credits 261

203 Pope John XXIII / John McNab / www.flickr.com 213 Mug shot of David Koresh by McLennan County Sheriff’s 244 USS Macon (ZRS-5), NASA Ames Resarch Center (NASA- 203 Buddhapadipa Thai Temple © Tomasz Nowak / Office / www.therightperspective.org ARC) / Wikipedia www.flickr.com 213 Timothy James McVeigh, courtesy of Gary Hunt, 244 De Havilland Comet 1 G-ALYW of BOAC, RuthAS / Wikipedia 204 Hippies 1960s / brizzle born and bred / www.flickr.com www.outpost-of-freedom.com 244 Spirit of St-Louis, National Air and Space Museum, Ad 204 Sharing a joint, Palm Springs / Wikiwatcher1 / Wikipedia 213 Shoko Asahara © nekkymomo / www.flickr.com Meskens / Wikipedia 204 Prabhupada Dancing at Bhakt / aquarius2001.worldpress.com 213 Marshall Herff Applewhite © Brooks Kraft/Sygma/Corbis 244 Boeing 747 of Pan Am, Eduard Marmet / Wikipedia 204 Hare Krishna Grigory © Kubatyan/shuttlerstock 214 Afghanistan Jump-Starts a New Day © David Bathgate/Corbis 244 A left side view of an Air France Concorde, PH3 Caffaro / 205 Wat Dhammaram by Weerasak Witthawaskul, Chicago 214 Dr. Ian Wilmut with Sheep © Remi Benali/Corbis Wikipedia 206 Pol Pot In The Cambodian Jungle © Bettmann/CORBIS 214 Pope John Paull II © Bernard Bisson/Sygma/Corbis 245 Amelia Earhart, Prints & Photographs division, Library of 207 Wat Phra That Phanom, Thailand / Matthew Gold / 215 Image of explosive destruction of Bamiyan buddhas by Congress, cph.3c12514 www.flickr.com the Taliban, March 21, 2001./ CNN (To illustrate the 246 Braun HF 1 television receiver, Germany, 1958, Oliver 207 King Savang Vatthana, Royal Lao Army Paywar Calendar / historic event of the destruction of the Bamiyan buddhas, Kurmis / Wikipedia Wikipedia in the context of religious supression of some art) 247 Primer bolígrafo marca “birome”, by Roberto Fiadone / 207 Souvanna Phouma / www.msxlabs.org 215 Afghanistan © Alexandra Boulat/VII/Corbis Wikipedia 208 Ho Chi Minh, 1946 / Báo Cà Mau / Wikipedia 216 Taj Mahal by Krisda Nithananond 247 Ladislao Biro. Circa 1978, CRONICA LOCA de maravillas / 208 Bombing in Vietnam, Lt. Col. Cecil J. Poss, 20th TRS on 221 Visakha at Buddhamonthol by Kan Arthayukti Wikipedia RF-101C, USAF. 230 Richard Owen by John van Voorst, 1879 248 Ancient sundial from Marcianopolis, Museum of Mosaicas, 208 Dead Vietcong by: SP5 Edgar Price Pictorial A.V. Plt. 69th 233 Dicraeosaurus by Linda Bucklin, shutterstock images Devnya, Bulgaria, Edal Anton Lefterov / Wikipedia Sig. Bn. (A) / Vietnam Center and Archive 233 Tyrannosaurus Rex by Catmando, shutterstock images 248 ancient CLOCK.PERSIA, Maahmaah / Wikipedia 209 Jim Jones © STEPHANIE MAZE/San Francisco Chronicle/ 234 Dinosaurier im Hauptbahnhof, Alexander Hüsing from 250 Antique sandglasses, The weaver at de.wikipedia Corbis Berlin, Deutschland / Wikipedia 250 Grandfather clock, Photo by Quadell / Wikipedia 209 Heng Samrin © Pascal Manoukian/Sygma/Corbis 234 Parasaurolophus, Field Museum, Lisa Andres from 250 John Harrison’s famous chronomete, Racklever / Wikipedia 209 The King of Cambodia, Norodom Sihamoni © Christian Riverside / Wikipedia 250 Nuremberg Egg, Germanisches Nationalmuseum Liewig/Corbis 234 T. rex , Manchester Museum, Picture by Billlion, Wikipedia Nuremberg, Pirkheimer / Wikipedia 209 Prince Norodom Ranariddh, FUNCINPEC leader © 234 Archaeopteryx lithographica, Museum für Naturkunde in 250 Big Ben clock tower, London, England, Aaron F. Ross, Les Stone/Sygma/Corbis Berlin, H. Raab / Wikipedia www.dr-yo.com 209 Samdech HUN SEN / Trade Promotion Department, 234 Edmontosaurus,Ballista / Wikipedia 250 Atomic Clock FOCS-1 (Switzerland), METAS / Wikipedia Cambodia 234 Pelvic bone of Tyrannosaurus rex, Ballista / Wikipedia 250 Christiaan Huygens: Clock and Horologii Oscillatorii, 210 Luang Por Chah, ABM Photo Archives 238 Map illustrating the current (post 2011) International Date Museum Boerhaave in Leiden, Netherlands, Rob Koopman 210 Luang Por Sumedho, ABM Photo Archives Line / Lambiam / Wikipedia / Wikipedia 210 Cittaviveka Buddhist Monastery by Bhikkhu Gavesako, CBM 239 Depiction of how the day changes at the International 250 Portrait of Christiaan Huygens (1629-1695), Bernard Vaillant 210 Amaravati Buddhist Monastery, ABM Photo Archives Date Line by Another Matt / Wikipedia 254 The headquarter of Association of Southeast Asia Nations 210 Korean Reverend Sun Myung Moon © Ira Wyman/Sygma/ 239 Pha Chanadai (ผาชะนะได) http://www.weekendhobby.com (ASEAN) by Gunawan Kartapranata / Wikipedia Corbis 240 Henry Ford, Hartsook, Prints & Photographs division, 254 The flags of ASEAN nations by Gunawan Kartapranata / 210 Maharishi Mahesh Yogi / Galaxy fm / www.flickr.com Library of Congress, cph.3c11278 Wikipedia 210 A.C. Bhaktivedanta Swami Prabhupada / Eequor / Wikipedia 240 1928 Ford Model A Business Coupe, Crawford Auto 256 Astronaut Buzz Aldrin on the moon, NASA 210 Bhagwan Shree Rajneesh / The Oregon Historical Society / Aviation Museum in Cleveland, Ohio, by Douglas Wilkinson 257 Astronauts of Apollo 11, NASA www.ohs.org 241 Ford company, USA, 1913 / Wikipedia 257 Apollo 11 Lunar Module Pilot Buzz Aldrin’s bootprint, 211 BUDSIR VI by Bhikkhu C. Buddhivaro 242 Charles Lindbergh, with Spirit of St. Louis, Prints & NASA / Buzz Aldrin 212 Fall of the Wall 1989 © dpa/dpa/Corbis Photographs division,Library of Congress, cph.3a23920 257 Buzz Aldrin, NASA Apollo Archive, Neil Armstrong 212 UN Conference on Environment and Development, 244 Balloon landing in Mashgh square, Iran (Persia), c 1850, United Nations Photo/www.flickr.com Iranway / Wikipedia 262 picture credits

ดชั นี เกิดนิกายในพระพทุ ธศาสนา หน้า 28 ลังกาเขา้ ยุคเขญ็ พุทธศาสนาพบวิกฤต 45 ราชวงศน์ นั ทะ ครองมคธ 29 แดนทมิฬในยคุ อโศก 46 ล�ำดบั เหตกุ ารณ์ เร่ืองขา้ งเคยี งในอนิ เดีย (มหากาพย์ มหาภารตะ) 29 ทมฬิ กบั พทุ ธศาสนา 46 ลำ� ดับเวลา อเลกซานเดอรก์ ลบั ไป จันทรคปุ ตข์ นึ้ มา 30 บ้านเมอื งสงบ กย็ ังตอ้ งพบปัญหา 46 กรีก รบ-สงบ-ส่งทูต สูป่ าฏลบี ุตร 31 ทมฬิ กบั กรกี -โรมนั -สิงหฬ 47 กอ่ นพทุ ธศักราช กรกี เข้าแดนชมพทู วปี 31 สังคายนาคร้งั ที่ ๕ หรือ ๔ 47 ก่อนพุทธกาล อารยธรรมชมพูทวปี หนา้ 3 แมท่ พั กรกี ตั้งอาณาจักร 31 อนิ เดยี ใต้: แดนทกั ษิณาบถ 50 ๑๖ แควน้ แห่งชมพูทวปี 7 อยี ปิ ตข์ ึ้นเปน็ ศนู ย์กรีก 32 พุทธศาสนาในทกั ษณิ าบถ 51 โยนก ท่เี กิดปราชญก์ รกี 7 พ.ศ. 201 - 300 ตะวันตกตอนบน มีอชันตา อาคเนย์ มอี มราวตี 52 ประสูติ-ตรสั รู้-ประกาศพระศาสนา 8 เขา้ สู่ยุคอโศกมหาราช หน้า 32 อุตราบถ และมัธยมประเทศ 53 ประดษิ ฐานพระศาสนาในแควน้ มคธ 9 อโศกมหาราช จักรพรรดิธรรมราชา 32 ทางสายไหม 54 พุทธประวัตติ รัสเลา่ 10 สบื อโศก ถึงคลโี อพัตรา 33 โรมนั เรืองอำ� นาจ 55 ๔๕ พรรษาแห่งพุทธกิจ 18 เร่อื งข้างเคยี งในอินเดีย (รามเกียรต์ิ: พระราม-นางสดี า) 33 ถนนโรมนั +ทางสายไหม 56 บาบโิ ลเนียใชไ้ มส้ กั อินเดีย 18 นโยบาย “ธรรมวิชยั ” 34 โรมันมาครองยิว 56 เลา่ จือ๊ ขงจ๊ือ ปราชญแ์ ห่งจีน 19 จารึกอโศก 35 พ.ศ. 501 - 600 พุทธกิจประจ�ำวัน 20 โรมันรงุ่ กรกี เลือนลบั 37 กำ� เนิดศาสนาครสิ ต์ หนา้ 57 เปอร์เซยี ข้นึ ครองกรีก 20 สังคายนาคร้งั ที่ ๓ และส่งศาสนทตู 38 พ.ศ. 601 - 700 โยนก: ไอโอเนีย-บากเตรีย 21 ๙ สาย มีไทยและจนี ดว้ ย? 39 โรมนั กำ� จัดครสิ ต์ หน้า 57 ต้นแบบสังคายนาและพทุ ธปจั ฉิมวาจา 21 พทุ ธศาสนาต้ังม่นั ในลังกา 39 พทุ ธศาสนาเข้าสจู่ นี 58 สังคายนา คร้ังที่ ๑ 24 พุทธศาสนาบนเส้นทางสู่จีน 39 พระเจ้ากนษิ กะ ผู้ตง้ั ศกราช 58 พ.ศ. 1 - 100 มหาสถปู สาญจี อยู่ในสภาพดีทส่ี ุด 40 สังคายนา ทีม่ หายานปรากฏตวั 59 การนับพุทธศกั ราช หนา้ 25 มหาสถปู สาญจี กับวิทิสาเทวี 40 ชนชาติไทยเร่มิ รับนับถอื พระพุทธศาสนา 59 สายอชาตศตั รูส้นิ วงศ์ สปู่ าฏลีบุตร 25 จนิ๋ ซีฮ่องเต้ สร้างกำ� แพงเมอื งจีน 40 พ.ศ. 701 - 800 กอ่ นเป็นอเมรกิ า 25 กษัตริย์พราหมณ์ก�ำจดั พทุ ธศาสนา 42 พามิยาน ศูนย์การคา้ ศาสนา ฯลฯ หนา้ 60 ข้นึ ยคุ กรีกแห่งเอเธนส์ 26 กรกี ร่งุ ท่ีโยนก 42 เปอร์เซียรุ่ง ชมพูทวปี รวน 60 ปราชญ์กรีกแหง่ เอเธนส์ 27 พ.ศ. 301 - 400 จนี ยคุ สามกก๊ 60 เพลโต ต่อด้วยอรสิ โตเติล 27 พญามิลินทป์ นิ่ โยนก ยอยกพุทธศาสนา หน้า 43 งานอชันตา ฟ้นื ขนึ้ มาและเดินหน้าตอ่ ไป 61 สังคายนา ครัง้ ท่ี ๒ 28 เร่อื งขา้ งเคยี งในอนิ เดีย (ลทั ธิไศวะ-ลทั ธโิ ยคะ) 43 พ.ศ. 801 - 900 คมั ภีร์เก่าของยวิ -คริสต์ 29 พ.ศ. 401 - 500 โรมันรวน เพราะบารเ์ บเรยี น หน้า 61 พ.ศ. 101 - 200 เทคโนโลย:ี เกิดกังหันน้�ำ หนา้ 43 อินเดยี รงุ่ ใหม่ ในยุคคปุ ตะ 63 สามอาณาจกั รทมิฬ 44 โรมันหันมาถอื คริสต์ 62 กษตั ริยท์ มิฬเข้าครองลงั กา 44 ดชั นี 263

พ.ศ. 901 - 1000 เหย้ี นจงั แหง่ นาลนั ทา 79 จะเข้ายคุ เตอร์กเปน็ สุลตา่ น 91 โรมันกำ� จัดคนนอกครสิ ต์ หน้า 63 พระถังซำ� จัง๋ แห่ง “ไซอิว๋ ” 80 พทุ ธศาสนาแบบมหายานเคยเจริญในภาคใตข้ องไทย 91 หลวงจีนฟาเหียนมาบก กลับทะเล 64 ตกั สิลา คร้ังเห้ียนจงั กบั ฟาเหยี น 80 ฝร่งั จะฟนื้ จักรวรรดโิ รมนั 92 พุทธศาสนาเขา้ สู่เกาหลี 64 มสุ ลิมอาหรับยดึ เยรูซาเล็ม 80 ปาละ กับทิเบต และศรีวชิ ยั 92 จีนกบั อาเซยี กลาง 65 อยี ิปต์ ฯลฯ ทยอยสอู่ สิ ลาม 80 อินเดยี คอ่ ยสงบได้ ในยุคแบกแดด 92 ฮน่ั -ฮนิ ดู ท�ำลายพทุ ธ 65 กาหลฟิ ขยาย โรมใกลห้ มดลม 81 อาหรบั หยดุ เตอรก์ จะเริ่มบุก 93 พระพุทธโฆสาจารย์ จากชมพูทวีป ไปสืบอรรถกถาทีล่ งั กา 66 อสิ ลามแตกเปน็ สหุ นี-่ ชีอะฮ์ 81 ศังกราจารย์ ท่ีฮนิ ดดู ว้ ยกนั กร็ ะแวง 93 ท่ัวยโุ รปสะทา้ น เพราะฮ่ันมา 66 สมั พนั ธไมตรี จนี -อนิ เดยี 82 สรา้ ง “บรมพทุ โธ” ในยคุ ของศรีวิชยั 93 จักรพรรดจิ ีนพโิ รธ 67 หรรษะถกู ลอบปลงพระชนม์ 82 จนี ยกเตา๋ ถึงคราวเซนข้นึ 93 พ.ศ. 1001 - 1100 พ.ศ. 1201 - 1300 ศังกราจารย์ กำ� จดั พุทธได้อย่างไร 94 มหาวิทยาลัยวลภี ท่ีเคยยิ่ใหญค่ กู่ ับนาลันทา หนา้ 67 เมอื งหลวงใหม่ของกาหลิฟ หนา้ 82 รปู ร่างเปน็ พระ แต่ความรู้ไม่เป็นพทุ ธ 94 อชันตาเลกิ ไป เอลโลราเร่ิมไม่นาน 68 ราชทตู จีน จบั กษตั รยิ อ์ นิ เดีย 82 นารายณ์อวตารแล้ว ศวิ ะอวตารกม็ ี 95 โรมล่ม ยโุ รปเขา้ ยคุ มดื 68 หลวงจนี อี้จิง ตามหลงั เหยี้ นจัง 83 พทุ ธศาสนาออ่ นแรง รอวนั ถกู ท�ำลาย 95 พวกฮ่ันท�ำลายตกั สิลา วัดวาหมดส้ิน 69 กาหลิฟตีอิหรา่ น-อาฟรกิ า ยันสเปน 83 พ.ศ. 1401 - 1500 บีแซนทีน มองล่วงหน้า 69 ทมิฬแห่งอินเดียใต้ กบั ศรีวิชยั 84 ทพั อิหร่านผา่ นใกล้ แตอ่ ินเดยี ยังไมเ่ ข้ายุคสงคราม หนา้ 94 อวสานราชวงศค์ ุปตะ 70 พระอนุรุทธาจารย์ แต่งคมั ภรี ห์ ลกั ในการเรยี นอภธิ รรม 84 ถึงยุคของอาณาจักรทมิฬ โจฬะเรอื งอ�ำนาจ 96 ภูมิหลังบีบคั้นทข่ี บั ดนั อารยธรรม 70 ศรวี ิชัย ที่ควรรู้ 84 ปาณฑยะข้ึนเป็นใหญ่ ในแดนทมฬิ 96 ช่วงต่อสู่ยคุ ใหม่ ก่อนอินเดียลกุ ดงั ไฟ 71 หีนยานมาก่อน 85 พ.ศ. 1501 - 1600 กำ� เนดิ นกิ ายเซน 71 ๕๐๐ ปที ร่ี ่งุ เรือง 85 กำ� เนิดจกั รวรรดิโรมนั อนั ศกั ดิส์ ิทธิ์ หน้า 95 ญี่ปนุ่ รบั พระพุทธศาสนา 71 ทมิฬ กบั ลังกา มเี วรกนั มายืดยาว 85 จนี พิมพ์พระไตรปิฎก พ่วงดว้ ยสรรพต�ำรา 95 หมู่ถ�้ำอชนั ตา-เอลโลรา วา่ โดยสรุป 72 ทมฬิ ยังเฉา คราวมอี าณาจักรใหญท่ างเหนือ 86 ท่ีศรีลงั กา ส้นิ ยคุ อนุราธปุระ 96 ถ้ำ� เดิม เมอื่ เร่ิมคือวัด แตไ่ ปมาตวัดเป็นวิมาน 73 เปลย้ี -ฟ้ืน-ดับ 86 เม่อื พทุ ธศาสนาจะสูญสนิ้ จากอนิ เดีย 97 เร่มิ ตน้ เปน็ ปชู นีย์ ฟ้ืนอีกทีเปน็ แค่ทีเ่ ท่ยี วดู 73 ปาณฑยะ และโจฬะ จะลับหรอื โรจน์ การค้าก็รุ่ง 87 เตอรก์ ตงั้ อาณาจักรรกุ เข้ามา 98 อาณาจกั รศรวี ิชัยเกดิ ที่สุมาตรา 76 ชมพทู วปี ได้ผู้น�ำใหม่ 88 ยคุ กาหลิฟสงบ สุลต่านรบรุก 98 พ.ศ. 1101 - 1200 สิ้นวงศก์ าหลฟิ เริ่มวงศใ์ หม่ 88 เตอร์กทำ� สงครามไป ก็ปล้นไป 98 พุทธฯ ถกู ทำ� ลายอีก กอ่ นฟน้ื ใหม่ หนา้ 76 อาหรับท�ำกระดาษไดจ้ ากจีน 88 เตอร์กรุก อนิ เดียไม่อาจตัง้ รบั 99 เทคโนโลย:ี พลงั งานจากลม 76 ปาละ ราชวงศพ์ ทุ ธสุดทา้ ย 89 ยโุ รปกำ� จดั คนนอกคริสต์ 99 ทวาราวดี ในทแี่ หง่ สุวรรณภูมิ 77 ปาละ+สถานศึกษา น�ำวิทยาส่ศู รวี ิชยั 89 ไทยอสี านและภาคกลาง มีทงั้ เถรวาท มหายาน และ พราหมณ์ พุทธศาสนาเขา้ สทู่ ิเบต 77 พ.ศ. 1301 - 1400 เขา้ มาปนกนั 99 ทัง้ ฮัน่ และศศางกะ ถึงอวสาน 77 กาหลฟิ แบกแดดใฝ่วิทยา หน้า 89 เตอร์กนำ� อิสลามส่กู ลางใจอนิ เดีย 100 อินเดียตัง้ ตัวได้ พทุ ธรุง่ สุดทา้ ย 78 มสุ ลิมอาหรบั ท�ำลายมหาวิทยาลัยวลภี 90 พมา่ รวมตงั้ อาณาจกั รแผอ่ าณาเขต พทุ ธศาสนาเถรวาทกแ็ ผข่ ยาย 100 จีนเข้ายุคราชวงศ์ถงั 78 วทิ ยา จากอนิ เดยี สู่ยโุ รป 90 เทคโนโลยี: จนี คืบอกี ก้าว 101 ท่แี ดนอาหรบั ก�ำเนดิ อิสลาม 78 นาลนั ทายังอยู่ แต่แพร่ตันตระ 91 อาหรบั ลง เตอรก์ รุ่ง 101 264 ดัชนี

พ.ศ. 1601 - 1700 จบสงครามครูเสดส์ ท่ีครสิ ต-์ อสิ ลามรบกนั มา ๒๐๐ ปี 118 เร่ิมการคา้ ทาส จับคนอาฟริกันขายส่งมาอเมรกิ า 132 ปาละสิน้ เสนะคือสดุ ท้าย หน้า 101 เตอรก์ ลงใต้ ขยายอำ� นาจในทกั ษณิ าบถ 119 โปรตเุ กสผู้พชิ ติ มะละกา คอื ฝร่งั ชาติแรกทีม่ าผกู สมั พันธ์ เกิดมหาวิทยาลัยในยุโรป 101 เทมาเสก็ ได้ชื่อสิงหปุระ คือสงิ คโปร์ 119 และเปิดการค้ากับไทย 132 ครูเสด: ครสิ ต-์ อสิ ลาม 102 อาณาจกั รทมิฬส้ินอ�ำนาจ เปล่ยี นเปน็ ของมุสลมิ 120 สเปนล่าอาณานิคมและสมบตั ิ ในอเมรกิ า 132 เสนะ ฟ้นื ฮนิ ดูและระบบวรรณะ 102 สุลต่านแห่งเดลี ใกลส้ น้ิ อ�ำนาจ 120 อาณานิคมแรกของโปรตุเกส ในอินเดีย 133 อารยธรรมเกา่ ในแดนที่มาเป็นอเมริกา 103 ไทยต้ังอยุธยา ลาวตง้ั ลา้ นช้าง 121 คิดจะสมาน ย่ิงเพ่มิ การขดั แยง้ 134 นครวัต อนสุ รณแ์ ห่งอารยธรรมขอมโบราณ 103 ยอ้ นประวตั ิของวชิ ยั นคร 121 ฝรง่ั พาโรคระบาดไปแพรใ่ นอเมรกิ า เจา้ ถน่ิ ตายดง่ั ใบไมร้ ว่ ง 134 พ.ศ. 1701 - 1800 พระพทุ ธศาสนาแบบลังกาวงศ์ เขา้ สู่ล้านนา 121 มุสลิมเตอรก์ ปกครองมุสลิมอาหรบั หมดส้ิน 135 สลุ ต่านใหม่ ใชว้ ิธีเก่า: รบมา ปล้นไป หนา้ 104 พ.ศ. 1901 - 2000 จบยคุ สลุ ต่านแห่งเดลี เขา้ ยุคมุสลมิ มงโกล 135 เร่ิมยคุ มสุ ลิมครองอินเดยี 104 มงโกลมา-เดลมี อด หนา้ 122 มสุ ลมิ เตอร์กอาเซียกลาง รุก-ท�ำลายล้างงา่ ยๆ ไม่มีการตอ่ สู้ 104 มงโกลระลอกใหม่ ตีหมด อินเดยี จดรสั เซยี 122 ยอ้ นทางมาครองมุสลิมอาหรบั ตะวันออกกลาง 135 พอยุคมุสลิมเรม่ิ พุทธฯก็ร้าง 105 เทคโนโลย:ี เกาหลอี ีกกา้ วในการพมิ พ์ 122 เกิดโปรเตสแตนต์ ยุโรปเข้ายคุ ปฏริ ูป 136 เหลือแต่ฮนิ ดู ยงั สู้กับมุสลมิ ต่อไป 106 กำ� เนดิ อาณาจักรมสุ ลมิ จดุ เร่ิมของมาเลเซยี 123 เดินเรือหาทางไปมา ไดช้ อ่ื มหาสมทุ รแปซฟิ ิก เตอร์กมา ระลอกใหม่ 106 อานุภาพของจีนค้มุ ครองมะละกา อกี ท้งั พิสูจน์วา่ โลกนี้กลมจริง 136 มหาวทิ ยาลยั ฮนิ ดู อยรู่ อดได้ 107 แต่พอโปตเุ กสมา ชอื่ มะละกากล็ บั หาย 123 พระสิริมังคลาจารย์แหง่ ล้านนา รบกันทว่ั ทัง้ ขา้ งนอก ท้งั ข้างใน 107 จีนพิมพ์หนงั สือสรรพวิทยา 124 ปราชญไ์ ทยทส่ี ุกใสในมาตรฐานวชิ าการสากล 137 ยุคอาหรบั -เตอรก์ มมี งโกลมาต่อ 107 ออตโตมานเตอร์ก หลงั ถกู มงโกลตี ต้งั ตวั ไดใ้ หม่ 124 องั กฤษประกาศไม่ขึน้ กับโปป๊ ตั้งนกิ ายใหมข่ องตนเอง 137 ตันตระ-ขชุรโหเติบโต อินเดยี กถ็ งึ คราวตาย 108 โปรตเุ กส เร่ิมยคุ อาณานิคม 124 โปรเตสแตนต์ปฏริ ูป คาทอลกิ ยอ้ นปฏริ ปู กร็ บกนั ใหญ่ 138 เจงกสิ ข่าน ผา่ นไหนแหลกนนั่ 108 พบพระแกว้ มรกต ทีเ่ ชยี งราย โปป๊ ต้ังศาลสูงสุด กำ� กบั การไตส่ วนศรัทธาอีกชัน้ 138 เดลีรอด เจงกิสข่านไม่เข้า 108 สดุ ทา้ ยประดิษฐานทีก่ รุงเทพฯ 125 เร่มิ ตน้ ปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ขดั กบั ศาลคริสต์ 138 ๖๕๑ ปี ที่มสุ ลิมครองอินเดยี 109 สังคายนาครัง้ แรกของประเทศไทย 125 สเปนนกั ลา่ ท�ำลายแอสเทคแล้ว ก็ถล่มอินคา 139 เกาหลพี ิมพ์พระไตรปิฎก 112 บ้านเมืองมน่ั คงลงตวั เข้มแข็ง พระนางแมรล่ี ะเลงเลอื ด กวาดลา้ งโปรเตสแตนตใ์ นองั กฤษ 139 โปป๊ ตง้ั ศาลไตส่ วนศรทั ธา เพอื่ กำ� จัดลัทธินอกครสิ ต์ 113 วัดวาเปน็ แหลง่ การศกึ ษาของชาวบา้ นชาวเมือง 126 พ.ศ. 2101 - 2200 เตอร์กยึดเยรซู าเลม็ 113 เทคโนโลย:ี เยอรมนั ก้าวไล่มาในการพิมพ์ 128 สงครามศาสนาในยุโรป หน้า 139 ไทยตั้งอาณาจักรสุโขทยั จักรวรรดิโรมันตะวันออกล่มสลาย ยุโรปสนิ้ สมยั กลาง 128 อาณาจักรฮินดูสุดทา้ ย 140 พทุ ธศาสนาเถรวาทสายลังกาวงศร์ ุ่งเรอื ง 114 ตะวนั ตกรุ่งสาง เมอื่ ตะวันออกรา้ งแสง 128 แมรส่ี นิ้ สมยั นอ้ งแมร่ีหันไปกำ� ราบคาทอลิก 140 พ.ศ. 1801 - 1900 พ.ศ. 2001 - 2100 ฝร่งั เศสวา่ แรง ตอ้ งเทียบสเปน 140 เตอรก์ วงศท์ าส ตง้ั กาหลฟิ อาหรบั เปน็ หนุ่ ตวั เองเปน็ สลุ ตา่ น 115 ศาลใหญ่ก�ำจดั คนนอกครสิ ต์ ตั้งท่สี เปน หนา้ 129 อวสานแหง่ วชิ ัยนคร 141 เตอรก์ คอื ผพู้ ทิ กั ษ์อารยธรรมมสุ ลมิ ของอาหรับ 115 ยวิ แยท่ ุกยุค และทุกท่ี 129 มสุ ลมิ ครองสดุ อินเดีย 141 สมัยกบุ ไลข่าน มีฝร่งั มารับราชการเมืองจีน 116 โคลัมบัสค้นพบอเมริกา 130 สงครามส�ำคญั พลิกผนั อารยธรรม 141 มชปหิต คัน่ กลาง ตอ่ ศรีวิชัย กอ่ นเขา้ ยคุ มสุ ลิม 117 โปป๊ ใหโ้ ปรตเุ กสกบั สเปนแบง่ โลก ไปหาเมอื งขน้ึ ไดค้ นละซกี 130 โมกุลเรม่ิ ให้เสรภี าพทางศาสนา 141 เตอร์ก ตั้งจักรวรรดิออตโตมานท่ียง่ิ ใหญ-่ ยนื ยาว 117 สองมหาอ�ำนาจมุสลิม ตา่ งนิกาย แขง่ อ�ำนาจกัน 132 เสยี กรุง ครง้ั ท่ี ๑ พระนเรศวรฯ กู้เอกราช 141 ยอ้ นทวนความ เส้นทางอิสลามสู่อนิ เดีย 118 โปรตเุ กสเปดิ อนิ เดียแก่การหาอาณานคิ ม 132 ศาสนาใหมข่ องจักรพรรดิอักบาร์ 143 ญป่ี นุ่ ปดิ ประเทศ เมอื่ รเู้ จตนานกั บวชทมี่ ากบั นกั ลา่ อาณานคิ ม 144 ดชั นี 265

คาทอลกิ -โปรเตสแตนต์ รบกนั ๓๐ ปี เยอรมนยี อ่ ยยบั 144 เนปาลเสยี เอกราช 162 องคก์ รขาวพิฆาตดำ� 172 “เมอื่ บ้านเมอื งดี เขาสร้างวดั ใหล้ ูกท่านเล่น” 144 ฝรั่งเศสสปู่ ระชาธิปไตย 162 รางวลั โนเบล (Nobel Prize) เพอ่ื ผทู้ ำ� คณุ ประโยชนอ์ นั ยงิ่ ใหญ่ 172 หนภี ัยศาสนา สู่อเมริกา หาอสิ รภาพ 146 ฝร่งั เศสน�ำหนา้ พาระบบเมตรกิ แพร่ไปทว่ั โลก 162 เทคโนโลย:ี เคร่ืองพมิ พ์ดีดเกิดทีอ่ เมริกา 173 เกาะแมนฮตั ตนั นิวยอร์ก ราคา ๒๔ เหรียญ 146 พมา่ หมดอิสรภาพ 163 คนั นิง่ แฮมคิดถึงใคร ท่มี าเผา-ฆ่า 173 ทชั มาฮาล อนุสรณ์รกั ตลอดกาล 147 นะโปเลียนเปลี่ยนโฉมยุโรป 163 แม้แต่ตัง้ ใจไปขดุ ฟ้นื บางแห่งกท็ �ำไมไ่ ด้ 173 กาลเิ ลโอขนึ้ ศาลสอบศรทั ธา รอดตายเพราะยอมสละคำ� สอน 147 ภาษามอื เพื่อคนหูหนวก ในกรงุ “โรงเรยี นหลวงสำ� หรบั ราษฎร” เกดิ กอ่ นทวี่ ดั มหรรณพ์ 173 บาทหลวงใหญ่ วา่ การแผ่นดนิ ฝร่ังเศส 147 ขยายโอกาสในการศกึ ษาออกไปกว้างไกล 163 พมา่ สรา้ งพระไตรปิฎกฉบบั หินออ่ น 173 ฝรง่ั เศสมา พาการทตู คกึ คกั ลงท้ายฝรง่ั เศสถกู ไล่ วสิ าขบชู าหายไปคราวส้นิ อยธุ ยา ฝรัง่ แต่งหนงั สอื ธรรมโดง่ ดัง 174 พาเมอื งไทยเข้าเงยี บ 148 กลบั ฟน้ื ข้ึนมาเป็นงานใหญ่ 164 ลอนดอน มีองค์กรพิมพ์พระไตรปิฎก 174 พ.ศ. 2201 - 2300 กำ� เนิดธรรมยตุ ตกิ นิกาย 164 ลทั ธิชังยิว vs. ลทั ธยิ ิวรกั ถน่ิ 174 โมกุลกำ� จดั ฮนิ ดูอกี หน้า 149 อักษรเบรลล์ เพือ่ คนตาบอด ดูโลกปัจจบุ นั อยา่ มองขา้ มนกั เศรษฐศาสตร์ทา่ นน้ี 174 ชาหต์ เี ดลี ขนทรพั ยไ์ ป 150 ความกา้ วหน้าสำ� คัญทางการศกึ ษาและสอ่ื สาร 164 อเมรกิ าออกหน้า รว่ มดว้ ยแคนาดา ฝรงั่ เศสสมัยพระนารายณ์ ก�ำจดั ครสิ ตต์ ่างนกิ าย 150 วัดโพธิ์มีจารกึ สรรพวิทยา ชวนจดั เขตเวลาใชก้ นั ทัง้ โลก 175 อิหรา่ นห้�ำห่ันมสุ ลมิ สหุ นี่ ท่ตี า่ งนกิ าย 151 เป็นมหาวิทยาลยั เปิดแห่งแรกของไทย 164 ไทยพิมพ์พระไตรปฎิ กเปน็ เลม่ หนังสือ ชุดแรกของโลก 175 ชาหผ์ ไู้ ม่ชอบสวรรค์ 151 หมอบรดั เลย์ รเิ รม่ิ งานการแพทยแ์ ละการพมิ พแ์ กส่ งั คมไทย 165 มโี รงเรยี นแลว้ ตอ้ งมโี รงพยาบาล เปน็ ฐานของชวี ติ และสงั คม 175 ทัพชาห์ทำ� ลายพระ 151 ตง้ั โรงเรยี นอนบุ าล ใหก้ ารเรียนเป็นประสบการณ์ ใช้ ร.ศ. แทน จ.ศ. 175 องั กฤษชนะฝรง่ั เศส ไดเ้ บงกอล 154 ทีร่ ่าเรงิ เบกิ บาน 166 วทิ ยาลยั แหง่ แรกของไทย 176 อังกฤษรงุ่ อุตสาหกรรมเริม่ 154 ได้ขอ้ ยตุ พิ อตงั้ ทฤษฎี วา่ ชวี ิตประกอบข้นึ ด้วยเซลล์ 166 อนาคาริกธรรมปาละ ผู้นำ� การฟืน้ ฟพู ุทธศาสนาในอนิ เดยี 176 ปฏวิ ตั สิ คู่ วามก้าวหนา้ ยคุ ใหม่ 154 ไดโนเสารเ์ พอื่ นรว่ มยคุ ของเตา่ หายไป บา้ งกลายเปน็ นก หมดจากโลก ตง้ั มหาโพธสิ มาคมเป็นฐาน เรม่ิ งานฟ้นื พทุ ธสถาน 177 เกิดสยามวงศ์ในลงั กาทวีป 155 แตไ่ ดโนเสาร์ แต่เต่ายงั อยมู่ าเปน็ คู่ของกระตา่ ย 166 ตั้งกระทรวงธรรมการ ให้ธรรมะคุมศาสนา พ.ศ. 2301 - 2400 ตง้ั ฐานความคดิ ของคอมมวิ นสิ ต์ ไวใ้ น และเป็นแกนของการศึกษา 177 อังกฤษร่วมปกครองอินเดีย หน้า 154 “The Communist Manifesto” 166 มหาวทิ ยาลัยสงฆแ์ หง่ แรกในประเทศไทย 177 องั กฤษส�ำรวจโบราณสถาน 155 สร้างเจดยี ์ใหญ่ ได้ภเู ขาทอง 167 อเมรกิ นั ชายน�ำเขา้ มา อเมรกิ ันหญงิ ชว่ ยทุนใหเ้ ดินหนา้ 178 เสยี กรงุ ครง้ั ท่ี ๒ พระเจา้ ตากสนิ กเู้ อกราช ตง้ั กรงุ ธนบรุ ี 156 ร. ๔ ทรงเริ่มพิธีมาฆบูชา 167 แม้จะสิน้ ชพี ขอเกดิ มาทำ� งานพทุ ธศาสนาตอ่ ไป 178 กัปตนั คุกเดนิ เรอื ไป โลกไดร้ ้จู กั ทวปี ออสเตรเลยี องั กฤษมาทำ� สัญญาคา้ ขาย คน้ พบเอกซเรย์ 178 อังกฤษไดอ้ าณานคิ ม 158 ไทยเปดิ ประเทศรับอารยธรรมตะวนั ตก 168 กฬี าโอลิมปกิ คืนชพี 178 อังกฤษใฝ่ศกึ ษา ตง้ั อาเซียสมาคม 158 พ.ศ. 2401 - 2500 ปลูกเมลด็ พชื ไว้ ผลเผลด็ ใหผ้ ู้อ่นื ชน่ื ชมตอ่ ไป 179 อังกฤษอ่านจารกึ อโศกได้ 159 อินเดยี เป็นเมอื งขน้ึ องั กฤษ หน้า 169 ปราชญ์อินเดียต่นื ตวั ตามฝร่ัง ต้ังสมาคมทางพทุ ธ 179 ประเทศอเมริกาเพ่งิ เกิด 159 ทฤษฎีววิ ัฒนาการอันลือลนั่ 169 พทุ ธแบบเซนเดน่ ก่อน ท่อี เมริกา 179 อทิ ธิพลใหญต่ ่อโลกเวลานี้ 159 ศกึ ษาโดยเด็กเป็นศูนยก์ ลาง 169 ในหวั เมอื ง เผดยี งพระสงฆ์สอนทัว่ ราชอาณาจักร 180 นกั ดาราศาสตร์องั กฤษ พบดาวมฤตยู 159 สงครามกลางเมืองจบไป อเมริกาไดเ้ ลิกทาส 170 แผนการศกึ ษาแห่งชาติ ฉบับแรกของประเทศไทย 180 “... ยอยกพระพทุ ธศาสนา ป้องกันขอบขณั ฑสีมา คนั น่ิงแฮม ผู้ไดท้ �ำคุณไว้ ในการฟืน้ พทุ ธสถาน 170 วทิ ยาศาสตร์+เทคโนโลยี: ความกา้ วหน้าท่คี วรสนใจ 181 รกั ษาประชาชนและมนตรี” 160 อดตี อันรุ่งเรือง ที่ไมเ่ หลอื แมร้ อ่ งรอย 171 พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบบั แรก ถดั จาก “กฎพระสงฆ”์ ใน ร. ๑ 182 จากรายงานของนักสำ� รวจ: ความสญู ส้ินเพราะถูกท�ำลาย 172 เฮนรี ฟอรด์ พาอเมรกิ ากา้ วขน้ึ มานำ� ในอตุ สาหกรรมรถยนต์ 182 เมอื งไทยเลกิ ทาส อย่างนมุ่ นวล ด้วยวธิ กี ารเป็นข้ันตอน 182 266 ดชั นี

กา้ วใหมข่ องการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม: ตามยคุ สมยั ของระบบการปกครอง 194 “ฮปิ ปี”้ บง่ ชีป้ ฏกิ ิรยิ าภายในตอ่ สงั คมวัตถนุ ยิ ม 204 บาลีสอบเขียน มนี ักธรรมมาเคยี ง 182 กา้ วส�ำคัญของพันธุศาสตร์ 195 ยา่ งก้าวแรกบนดวงจนั ทร์ 205 เมืองไทยเรมิ่ ใช้ “พุทธศักราช” 183 จุดเริ่ม ส่ปู ญั หาอาหรบั กับยวิ 195 ฝรั่งเข้ายคุ ตื่นตระหนกปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม 205 สงครามโลกครั้งท่ี ๑: สมยั น้ีมปี ากกาลูกล่ืน หาไดแ้ สนง่าย เขียนไดแ้ สนสบาย เกิดวัดไทยแหง่ แรกในอเมริกา 205 ความเปล่ียนแปลงใหญ่ ทน่ี �ำสู่ความเปลย่ี นแปลงตอ่ ไป 183 งานอยา่ งเลศิ ท่แี สนดี นา่ จะไดผ้ ลิตไดม้ ีข้ึนมามากมาย 195 UN จดั ประชุมใหญ่ หาทางแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อม 206 หอพระสมุดสำ� หรับพระนคร ก่อนมาเปน็ หอสมดุ แหง่ ชาติ 183 จนี เปล่ยี นเปน็ คอมมูนสิ ต์ 195 พนั ธศุ าสตร์กา้ วตอ่ ไปถึงตัดแต่งยนี 206 เกดิ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ชมพทู วปี ได้อิสรภาพ แตต่ อ้ งแยกเปน็ อินเดยี ปากีสถาน 197 เขมรแดงเขา้ มา เปลี่ยนกัมพูชาเปน็ คอมมนู ิสต์ 206 มหาวทิ ยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย 183 พระเจา้ อโศกน�ำพระพุทธศาสนาเข้ามาไว้ในธงชาตอิ นิ เดีย 197 พระธาตพุ นม ล้มแล้วคนื คง ยนื ยงเปน็ มง่ิ บูชนยี ์ 207 รสั เซียไปเป็นคอมมูนิสต์ ออตโตมานมาถึงอวสาน 184 ผ้ชู ู “อหงิ สา” ถูกพฆิ าตเพราะความกลวั วิหงิ สา 197 ลาวเลิกรบ จบลงดว้ ยคอมมนู สิ ต์ 207 เตอร์กฟบุ อาหรบั ฟืน้ ยวิ เขา้ ทางที่จะฟู 184 นาลันทาใหม่ ตั้งขึน้ ไว้เปน็ อนสุ รณแ์ ห่งนาลันทาโบราณ 197 เวยี ดนามรวมประเทศ เปน็ คอมมนู สิ ต์ 208 จากจกั รวรรดอิ อตโตมาน เปน็ สาธารณรฐั เตอรก์ ี 185 รฐั บาลอินเดียฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ได้อนุสรณ์ใหม่ 198 วนั โลกประลัยใกล้เข้ามา คนกาหลลนลาน อยไู่ ม่ถึง 208 เตอรก์ สลัดความเปน็ รัฐอิสลาม 185 ก�ำเนดิ พุทธมณฑล 198 เป็นคอมมนู สิ ต์แลว้ ๑๘ ปผี า่ นมา จบยุคมสุ ลิมเตอร์ก มุสลิมอาหรับตง้ั ตัวขึน้ ใหม่ 185 พทุ ธศาสนาเริ่มฟื้นข้นึ มาในตัวคน 199 กมั พูชากลบั เปน็ ราชอาณาจกั ร 209 พระไตรปิฎกบาลีเมืองไทย พิมพ์ใหม่ครบชุดคร้งั แรก เรยี กวา่ พระมหากษตั ริยไ์ ทยทรงสืบประเพณบี วชเรยี น 200 ต้ังวดั ป่านานาชาตแิ บบไทย ในองั กฤษ 210 “ฉบับสยามรฐั ” 185 พม่าฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ดว้ ยฉฏั ฐสงั คีติ 200 จับตัวไวรสั โรคเอดสไ์ ด้ แตย่ ังแก้ไขไม่ได้ 211 วรี บุรุษผู้มชี ยั นำ� ความสำ� เรจ็ มาใหแ้ ก่เพื่อนร่วมชาติ ไทยฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษ ให้เกดิ พุทธมณฑล 200 สงบจิต+โอว่ ัตถุ ออกบวช+หากาม สละโลก+สดุ มงั่ มี จบท่ไี หน และมวลชาวโลก 186 โซเวียตปลอ่ ยดาวเทยี ม อเมริกันเปล่ียนแนวการศึกษา 201 211 พระเณรเรียนนกั ธรรมกนั สบื มา พ.ศ. 2501 - 2547 ไทยทำ� พระไตรปฎิ กคอมพิวเตอร์ ฉบับแรกของโลก 211 คฤหัสถ์เริ่มมีธรรมศกึ ษาใหเ้ รียน 186 ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษแลว้ ได้บูชาในวนั เพญ็ อาสาฬหะทุกปี เปิดก�ำแพงเบอร์ลิน สน้ิ สุดสงครามเย็น 212 นกั ดาราศาสตรอ์ เมรกิ นั พบดาวยม 186 หนา้ 201 โซเวียตสลาย อเมริกาเป็นใหญผ่ ู้เดยี ว 212 เมืองไทยเปลี่ยนการปกครองเปน็ ประชาธิปไตย 186 แผนพัฒนาการเศรษฐกจิ แห่งชาติ - ชมุ นมุ ใหญ่สุดผู้น�ำนานาชาติ ก�ำเนดิ พุทธทาสภกิ ขุ และสวนโมกขพลาราม 187 แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ 201 ได้แคป่ ระกาศว่าแก้ปญั หายังไมไ่ ด้ 212 ราชบัณฑติ ยสถาน เครอื ข่ายทางปญั ญา ทเิ บตหนีจนี ไปกา้ วหนา้ ในอเมรกิ า 202 ลัทธโิ ลกประลัย ปว่ นจติ ใจไปถงึ การเมอื ง 213 แหลง่ อา้ งองิ ทางวชิ าการ 187 อเมรกิ ันจะเรมิ่ ใช้เลเซอร์ 202 โลกยงั ไม่บรรลัย คนทยอยประลยั ไปกระทัง่ ญ่ปี ่นุ 213 มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ศรลี งั กา มนี ายกรัฐมนตรหี ญิงคนแรกของโลก 202 ทาลบิ ันขจู่ ะท�ำลายพระพทุ ธรปู ใหญ่ 214 มาเป็นมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ 187 คนร่นุ ใหม่ ไม่รวู้ ่า คุณปยู่ า่ ตายาย แค่ใชเ้ ครอ่ื งดูเวลา พระพทุ ธรูปใหญส่ ลายเพราะทาลบิ ัน 214 ทีวี โผลม่ านิด ตดิ สงครามโลก ๖ ปี จน ๒๔๘๘ ผา่ น ทงั้ ยงุ่ ยากใชเ้ งินเสียเวลาแค่ไหน 202 โคลนนิง่ รายแรกของโลก 214 จงึ บานไม่หุบ 188 อกี ก้าวของพันธศุ าสตร์ 202 โป๊ปประกาศขอขมาต่อโลก 214 สงครามโลกคร้ังท่ี ๒: บา้ นเมอื งปฏิวตั ิ การปกครองคณะสงฆก์ ็อนวุ ัติ 203 ดับดิน้ กอ่ นวนั ส้นิ โลก จบสหัสวรรษเก่าทอี่ าฟรกิ า 214 คนตาย ๔๕ ล้าน สูอ่ วสานของลทั ธิอาณานคิ ม 189 คริสต์คาทอลกิ ปรับตวั ครัง้ ใหญ่ - วางนโยบายใหม่ 203 จบ Y2K ขน้ึ millennium ที่ 3 215 วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลย:ี ความกา้ วหน้าท่ีควรสงั เกต 192 เมืองไทยเป็นทีต่ ั้งถาวรของสำ� นกั งานใหญ่ พสล. 203 ชมพูทวปี ในปจั จุบนั 218 ๑ มกราคม เปน็ วันข้นึ ปใี หม่ 194 วัดไทยแห่งแรกในตะวันตก 203 นานาทวปี : ศาสนา - ศาสนิก 218 กระทรวงธรรมการ กับกระทรวงศกึ ษาธกิ าร อาเซยี น/ASEAN ตัง้ เปา้ หมายไว้ สหประชาชาตใิ หว้ นั วิสาขบูชา เป็นวันส�ำคัญสากล 220 กลบั กนั ไปมา เป็นปัญหามานาน 194 ประชาคมอาเซยี น จะมีได้ทันปี ๒๕๕๘/2015 203 ชาวพทุ ธนานาชาติจัดฉลองวันวสิ าขบูชาโลกในประเทศไทยและ พระได้ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ใหม่ มีมตใิ ห้พทุ ธมณฑลเป็นศนู ยก์ ลางพระพทุ ธศาสนาโลก 220 ดัชนี 267

ดชั นี กฎมนเทยี รบาล 127 กวั 133 กบุ ไลขา่ น, จกั รพรรดิ 100, 116 ไกลาส, ถ�ำ้ 73 คอนสแตนตนิ ที่ ๑/คอนสแตนติน กบลิ พัสด์,ุ เมือง/นคร 8, 10, กวั เตมาลา 25, 133 กุมภเมลา 78 ขงจ๊อื 19, 41, 60, 219 มหาราช, จักรพรรดิ 62 วตั ถุ 18, 19, 64, 167, 172 กศั มรี ะ 59, 79, 80 กมุ ารชีวะ, พระ 65 ขชรุ โห, เทวสถาน 99, 108 คอนสแตนตโิ นเปิล, เมอื ง 62, บคุ คล กรมพระราชวงั บวร 156 กสั มีร-คนั ธารรัฐ 38 กุมาริละ 95 ขโรษฐ,ี อกั ษร 159 63, 69, 128, 132, 185 เหตุการณ์ กรรณสวุ รรณ/เคาทะ, อาณาจกั ร กากเวรุ 15 กุรุ 7 ขวาเรซม์-ชาห์ 107, 108 คันธาระ 7, 30, 31, 43, 50, 53, สถานที่ 67 กาณวายนะ 42 กุรุเกษตร, ทงุ่ 29 ขนุ เทพกวี 149 56, 63, 69, 73, 79, 80, 218 กรกี 7, 20, 21, 26, 27, 30- กาณาริฏฐะ 13 กเุ วร, ทา้ ว 13 ขุนวรวงศาธิราช 142 คันธาระ, ศิลปะ 43, 64 268 ดัชนี 32, 34, 37, 42, 43, 47, กานากาวา, สนธิสัญญา 168 กุษาณ 43, 49, 53, 58, 60, 63 ขุนหลวงพะง่ัว 126, 127 คมั ภรี ์ครรภร์ ักษา 165 53, 56, 57, 61, 62, 68, กาบะฮ,์ มหาวิหาร 79 กสุ นิ ารา, เมือง 21, 63, 76 ขุนหลวงเม้า 59 คามวาสี 114 69, 84, 85, 89, 90, 115, การปฏวิ ตั ิฝรงั่ เศส 162 กูจา, เมอื ง 61, 65 ขุนหลวงสรศักด์ิ 148, 149, 156 คชิ ฌกฏู 11, 16 128, 148, 155, 178 การาจี 3 กูฏทันตพราหมณ์ 13 ขุนหลวงหาวัด 156 คติ โต, พันตรี 172 กรุงเทพฯ 125, 160, 161, 167, กาลาโศก 28 กฏู าคาร 18 เขมร 77, 209 คุณวรมัน, พระ 84 168, 187 กาลาโศก/กาลาโศกราช, พระเจา้ กู๊ดโฮป, แหลม 132 เขมรแดง 206 คตุ ติกะ 44 กฤษณะ 29 25 กูเตนเบอร์ก 101, 128 เขมา 10 คุปตะ 49, 60, 63, 64, 67, กฤษณะ, แม่นำ้� 71 กาลลิ ี 57 กรู ข่า 162 โขตาน, เมอื ง 39, 54, 58, 61 69-71, 90, 93 กฤษณะที่ ๑ 73 กาลเิ ลโอ 138, 147 กรู ู 210, 211 คงคา, แมน่ ำ�้ 3, 16, 31, 50, 56, ครุ ุนานัก 134 กลงิ คะ, แคว้น 32, 34, 44, 46 กาวิรปัฏฏนะ 47 เกตตสี เบอรก์ , เมือง 171 78, 87 ครุ ุ (ภัควาน) ศรี รชั นศี 211 กวม, เกาะ 136 กาเวรี, แม่น้ำ� 47 เกรกอรี่ที่ ๙, สนั ตะปาปา 113 คยา, ทา่ นำ้� 12 คู คลกั ซ์ แคลน 172 กอธ 62, 63 กาศยปะมาตังคะ 58 เกรเชี่ยน, จักรพรรดิ 63 คยาสีสะ 9 แคชเมียร์ 59, 87, 218 กอล 66 กาสี 7 เกรลปตุ ระ 46 คริสต,์ ศาสนา 29, 42, 46, 47, แครง, เมือง 143 กอลคอนดา 141 กาหลิฟ 79-83, 87-92, 97, เกราละ 44, 84 51, 52, 57, 61-63, 65, 68, แคลิฟอร์เนีย, รฐั 205, 213 กังหวา่ , เกาะ 112 98, 101, 113, 115, 134, เกาหลี 64, 71, 86, 95, 112, 70, 84, 86, 87, 99, 102, โคจนิ จีน 149 กัญจ/ี กญั จีปุรัม, อาณาจักร 135, 185 122, 211 113, 115, 116, 118, 129, โคธาวรี/โคทวรี, แมน่ �้ำ 50 85, 86 ก�ำแพงเพชร 125, 127 แกนดี, เมอื ง 47, 155 131, 133, 136, 138-140, โคปาละ 88 กันยากพุ ชะ, เมอื ง 77, 82, 88 กำ� แพงเมอื งจีน (กำ� แพงหมน่ื ล้)ี แกลลอเดท 163 142, 144, 146-150, 155, โคเปอรน์ คิ สั 138 กปั ตนั คุก 158 41 โกกนุท 10 165, 169, 173, 175, 176, โคโมรนิ , แหลม 120 กมั ปิล 121 กิจจานกุ ิจ 165 โกญจะ 10 184, 203, 210, 213, 214, โครนิ ธ์ 34 กัมพชู า 206, 209 กิตตสิ ิริราชสิงห,์ พระเจา้ โกบี 64 218, 219 โคลนน่ิง 214 กมั โพชะ 7, 34, 50, 218 155, 156 โกรีโอ 112 ครตี , เกาะ 3 โคลัมบัส, คริสโตเฟอร์ 130 กัลกยาวตาร 65 กมิ เมอ,ิ จักรพรรดิ 71 โกศล, แควน้ 7, 9, 13, 25, 63 ครเู สดส์ 70, 113, 115, 118 โคลัมโบ, กรงุ 220 กลั กตั ตา, เมอื ง 56, 67, 101, กือนาธรรมกิ ราช, พระเจ้า 121 โกสมั พี, เมอื ง 19 คลีโอพัตรา, พระนาง 33, 55 โคลเี ซยี ม, สนามกีฬา 37 155, 179 กตุ ุบ-อุด-ดิน, แม่ทพั 104 โกอินัวร์, เพชร 150 ควอนตมั , ทฤษฎี 181 โคโลราโด, รัฐ 205

ไคโร 115 86, 96 โจละ/โจฬะ 45, 47 โชม,ุ จกั รพรรดิ 87 145, 149, 168, 183, 189, ตมี ูร์ 121, 122, 135 ฆาซนา, เมอื ง 98, 106, 107 จิตตะ 10 โจฮวน, พระเจา้ 60 ไชย์ปาล, กษตั ริย์ 99 193, 213 ตมี ูหรดิ , ราชวงศ์ 122 ฆาซนาวิด, ราชวงศ์ 98, 104 จิ๋น, ราชวงศ์ 41, 60, 64 ชคัททละ 89, 105 ซอ้ ง, ราชวงศ์ 116 ดทั ช์ 123, 140, 155 ตลุ มยะ 33 ฆาซนี, เมอื ง 98-101, 104 จน๋ิ ซีฮ่องเต,้ จกั รพรรดิ 41 ชมพูทวีป 1, 3, 7, 20, 21, 25, ซัน ยัง มูน, ลัทธิ 211 ดามสั กัส 81, 82, 87, 88, 89, เตอรก์ 97, 107, 115, 117, ฆูร/์ เฆอร,์ เมอื ง 104, 106-108 จีน 19, 37, 39, 41, 47, 54, 30, 31, 44, 45, 50, 51, 53, ซานฟรานซสิ โก 204, 211 92, 97 135, 173, 184, 185 โฆสิตาราม 19 56, 58-61, 64-67, 71, 73, 78, 56, 60-63, 65, 68, 76, 77, ซาฟาวดิ , ราชวงศ์ 151 ดาวดึงสเทวโลก 18 เตอรก์ ี 185 งอ่ ก๊ก 60 79, 82, 83, 85-88, 92, 93, 80, 82-85, 87-90, 92-94, ซาย พุทธฺ วํโส 164 ดเี ชยี ส, จักรพรรดิ 57 เตอร์กีสถาน 88 งุ้ม, เจา้ ฟา้ 120 95, 101, 108, 112, 116, 97, 101, 105, 107, 117, ซาร์ อเลกซานเดอรท์ ี่ ๓, พระเจา้ ดุสติ มหาปราสาท, พระทีน่ ่งั 165 เตา๋ , ลัทธิ 93, 213 เงอ่ื ม อนิ ทฺ ปญฺโญ,ฺ พระมหา 187 122-124, 140, 165, 189, 118, 128, 158, 171, 179, 174 ดอู าร์ตี เฟอรน์ านเดซ 132 โตร์เดซลิ ยา่ ส์, สนธสิ ัญญา 130 จกกก๊ 60 195, 202, 218 197, 218, 219 ซาลอท ซาร์ 206 เดนมารก์ 144 โตเลมี, กษัตรยิ ์ 32, 33 จตสุ ดมภ์ 127 จลู ิอสุ ซซี าร์ 55 ชลนั ธร, เมือง 59 ซาเล็ม, เมอื ง 129 เดนเวอร์, เมือง 205 โตเลม,ี ราชวงศ์ 33, 115 จม่ืนศรเี สาวรักษ์ 144 เจงกิส ขา่ น 108 ชไลดึน 166 ซาอดุ 184 เดมตี ริอสุ , พระเจา้ 42 ไตรภมู ิพระร่วง 114 จอ๊ กจารก์ าร์ตา, เมือง 93 เจงโฮ 123 ชวา, เกาะ 64, 84, 85, 86, 93, ซาอดุ อี าระเบีย 78, 184 เดล,ี กรุง 3, 29, 53 ถัง, ราชวงศ์ 78, 93 จอมทอง, พระที่นงั่ 145 เจตี 7 117, 123 ซกิ ซตสั ที่ ๔, สันตะปาปา 129 เดวิด, กษัตรยิ ์ 54 ถงั ซำ� จ๋งั , พระ 60, 73, 79, 80 จอห์น ๒๓, สันตะปาปา 203 เจมส์ ปรนิ เสป 159, 170 ชวานน์ 166 ซิกซตัสที่ ๕, สันตะปาปา 138 ไดโอคลีเชยี น, จกั รพรรดิ 57, 61 ถังไทจง, พระเจา้ 79, 82 จอห์น ดวิ อ้ี 169 เจระ 44, 46, 84, 87 ชัมมู 218 ซนิ เกียง, มณฑล 39 ตระพังจิก 187 ถูปาราม 38, 47 จอห์น บาวรงิ , เซอร์ 168 เจา้ ทองลัน 126 ชา, อาจารย์ 210 ซเี รีย 34, 37, 79, 81, 82, 115, ตะนาวศรี 132, 149 เถรวาท 28, 38, 59, 99, 100, จอหน์ เมย์นาร์ด เคนส์ 174 เจา้ พระยา, แมน่ �้ำ 77, 160 ชารล์ ส์ ดารว์ นิ 169 122, 135 ตะเบ็งชเวตี้, พระเจ้า 142, 143 114, 120, 199, 205, 209 จอหน์ ท่ี ๑๒, สันตะปาปา 95 เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ 148 ชาร์ลสท์ ี่ ๑ 136 ซลี คู ัสที่ ๑, พระเจ้า 31 ตะเลง 100 ทมฬิ 34, 44, 45-47, 50, 51, จอห์นปอลท่ี ๒, สนั ตะปาปา 214 เจา้ พระยาพระเสดจ็ สเุ รนทราธบิ ดี ชาร์ละเมน 92 ซ่นุ กวน 60 ตะวันออกกลาง 115, 118, 122, 84 จอห์นสนั , ประธานาธบิ ดี 171 180 ชาฮ์ ชะฮาน 147 ซซู กู ิ 179 134, 135, 183, 185 ทมฬิ , ชาว 44, 45, 47, 84, 120 จกั รี, ราชวงศ์ 160 เจา้ พระยายมราช 167 ชิคาโก 177, 193, 205 เซน 71, 93, 179, 202, 204, 211 ตกั สลิ า 63, 69 ทมิฬก์ 44 จนั ทภาคา 16 เจา้ ฟา้ ชยั 148 ชีเปลือย 16 เซบูกติคนิ 98 ตนั ตระ 80, 90, 91, 100, 102, ทรงธรรม, พระเจ้า 145, 148, จนั ทรคุปต์, พระเจ้า 30, 31, 63 เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร์ 156 ชอี ะฮ์ 81, 91, 101, 132, 151, เซลจกู เตอร์ก 9, 70, 91, 102, 108, 211, 213 157 จันทรคปุ ตท์ ่ี ๑, พระเจา้ 63 เจ้าฟ้ามงกุฎ 156, 164 218 107, 108, 113, 185 ตัมพปณั ณิทวีป 38 ทรานสจอร์แดน 184 จันเทละ, ราชวงศ์ 99, 108 เจา้ ฟา้ ศริ ิราชกกุธภัณฑ์, เชน/ไชนะ, ศาสนา 21, 46, 67, เซลมิ ท่ี ๑, สลุ ตา่ น 135 ตากสนิ /ตากสนิ มหาราช, พระเจา้ ทราวทิ 44 จัมปา 123 พระเจา้ ลูกยาเธอ 175 72, 142, 218 แซมมวล จอหน์ สัน 155 127, 156, 157 ทรแู มน, ประธานาธิบดี 189 จาตรุ งคสันนิบาต 9, 167 เจ้าฟา้ อทุ มุ พร 156 เชยี งราย 125 ไซ่งอ่ น, เมือง 208 ตามรลปิ ต/ิ ตามลติ ต/ิ ตมั พลงิ ค์ 56 ทวาราวดี, อารยธรรม 77, 100 จารกึ วดั โพธิ์ 165 โจ, ราชวงศ์ 37, 41 เชียงใหม,่ เมือง 121, 125 ไซอิ๋ว 80 ตาลาส, แมน่ ้�ำ 88 ทอนมสิ ัมโภตะ 77 จาลิยบรรพต 19 โจโฉ 60 เชยี งอาน/ฉางอาน, เมอื ง 54, ไซโอน, ลทั ธิ 174 ตาฮีต,ิ เกาะ 158 ทอมบอฆ์ 186 จาลกุ ยะ-โจฬะ, ราชวงศ์ 96 โจเซฟ 57 56, 61, 65, 78, 79, 82, 89 ญาณกติ ติ, พระ 137 ติโลกราช, พระเจ้า 125, 127 ทะไล ลามะ 202 จาลุกยะ, ราชวงศ์ 61, 68, 71, โจผี 60 โชโตกุ, เจ้าชาย 71 ญ่ีปนุ่ 71, 87, 116, 143, 144, ตวิ รา 11 ทักษิณาบถ/ทกั ขณิ าบถ 50, 51, ดัชนี 269

60, 61, 71, 86, 118-120, 140 ธนนันทะ 29 นนั ทาจารย์, พระ 137 เนปาล 77, 82, 162 บุเรงนอง, พระเจา้ 127, 142, ปราสาททอง, พระเจ้า 145, 148 ทชั มาฮาล 147 ธนบุร,ี กรงุ 125, 127, 156, นันโทปนันทสตู รค�ำหลวง 156 เนเมียวสีหบดี 156 143 ปรยิ ทรรศ,ี สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทางสายไหม 54, 56, 61, 116 157, 161 นมั มทา/นรรมทา, แมน่ ำ�้ 42, 50, เนรัญชรา, แมน่ ำ�้ 8 บชู ายญั 13-15, 35, 42, 52, 64, 35, 36 ทาลบิ ัน 80, 151, 214, 215 ธรรมการ, กระทรวง 177, 180, 53, 71 เนโร, จักรพรรดิ 57, 212 67, 95 ปรีดี พนมยงค,์ ศ.ดร. 187 ทาส 13, 104, 115, 132, 170, 183, 194 นากาซากิ, เมอื ง 189 บรมโกศ, พระเจา้ อยหู่ วั 155, 156 เบกแลนด์ 181 ปอมปีย์ 56 171, 182 ธรรมปาละ, อนาคารกิ 176-179 นาคทาสก์, กษตั รยิ ์ 25 บรมบรรพต 167 เบงกอล 67, 84, 85, 88, 101, ปอรโ์ ต แซนโต, เกาะ 124 ทิเบต 77, 82, 91, 92, 102, ธรรมยตุ ติก, นิกาย 164, 209 นาคปุร,์ เมอื ง 199 บรมพุทโธ 93 102, 105, 106, 117, 154, ปอล/เปาโล 57 202 ธรรมรักษะ, พระ 58 นาคเสน, พระ 43, 125 บราซิล 130 155, 158, 159, 171, 218 ปอลท่ี ๓, สันตะปาปา 138 ทพิ ยศรทั ธา 143 ธรรมรุจิ, นิกาย 46 นาคารชนุ สาคร 52 บรโู น 138 เบญจวคั คีย,์ พระ 8, 18, 201 ปะหัง 123 ทิวดอร,์ ราชวงศ์ 137 ธรรมศาลา, เมอื ง 202 นาคารชุน, พระ 52 บอรเ์ นยี วตะวนั ตก 85 เบธเลเฮม, เมอื ง 57 ปกั กงิ่ 116 ท.ี ดับลวิ . รสี เดวิดส์ 174 ธรรมศาสตรแ์ ละการเมือง, นาคารชนุ โกณฑะ 52 บอลเซวกิ 184 เบรลล,์ อักษร 164 ปญั จครันถ์ 29 ทีปงั กรศรชี ญาณ 91 มหาวทิ ยาลยั 187 นาซาเรธ, เมือง 57 บกั ขต์ ิยาร์ ขลั ยี 104, 105 เบริง, ชอ่ งแคบ 133 ปัญจาบ 42, 87, 98, 99 ทุ่งลาดหญา้ 160 ธรวุ ภัฏ, กษตั รยิ ์ 82 นาเทีย, มหาวิทยาลยั 102, 107 บงั คลาเทศ 67, 218, 219 เบลเย่ียม 67, 181, 183 ปัญจาละ 7 ทุฏฐคามณอี ภยั , พระเจ้า 45 ธฤตราษฏร์/เการพ 29 นาเทีย/นวทวปี , เมอื ง 101 บลั กาเรีย 183 เบลล์, อเล็กซานเดอร์ แกรห์ม ปัตตานี 132, 145 ทฑุ ฑา, เจ้าหญงิ 67 ธัมมจักกปั ปวตั ตนสตู ร 8 นานกงิ 60 บัลลงั กน์ กยงู 150 181 ปัตนะ, เมอื ง 101 เทนเนสซี, รฐั 172 ธีโอโดสิอสุ , กษัตรยิ ์ 63, 65, 66 นารา, เมือง 87 บากเตรยี 20, 21, 31, 42, 43, เบอร์ลนิ , กำ� แพง 212 ปลั ลวะ, อาณาจกั ร 86, 96 เทมาเส็ก/เตมาเสก/ทูมาสิก/ เธลสี 7 นารายณ์, พระ 65, 139, 147- 53, 56, 60, 87, 171 แบกแดด, กรุง 18, 56, 88-94, ปากสี ถาน 3, 43, 50, 79, 94, ตูมาสิก, เกาะ 119, 123 นกุล, บิดา/มารดา 19 150, 156, 168 บางกอก, เมอื ง 145 97, 98, 101, 113, 115, 135 118, 197, 218, 219 เทวครี ี 119, 120 นครชัยศร,ี อำ� เภอ 198 นาลนั ทา, มหาวทิ ยาลยั 63, 78, บาบโิ ลน, กรุง 18 โบโลนยา, มหาวิทยาลัย 101 ปาจีนวงั สะ 11 เทวทหะ, เมือง 8 นครปฐม 77, 198 79, 90, 91, 102 บาบโิ ลเนยี , อาณาจักร 18 ป. พบิ ลู สงคราม, จอมพล 194 ปาฏลบี ุตร, เมือง 25, 31, 38, เทวานมั ปยิ -ปิยทสั สี 38 นครพนม, จังหวดั 207 นโิ ครธาราม 19 บาเบอร์ 122, 135 ปชาบดี, พระ 18 56, 63, 64, 88, 90 แทมมาเลน 122 นครวัต, เทวสถาน 103 นริ ัคคฬะ 13 บาร์เบเรยี น 61 ปดงุ , พระเจ้า 160 ปาณฑยะ, อาณาจกั ร 34, 44, ไทย 25, 31, 35, 38, 39, 44, นบีมุฮมั มดั 78-80, 83 นิราศลอนดอน 165 บาลี 28, 50, 65, 164, 174, ปตญั ชลิ 42 45, 84-87, 96, 120 45, 56, 59, 77, 80, 91, 99, นโรดม รณฤทธ์ิ, เจ้า 209 นวิ ซแี ลนด์ 158 175, 186, 200, 211 ปยาคะ, ทา่ นำ�้ 12 ปาณฑุ/ปาณฑพ 29 114, 120, 125, 127, 132, นโรดม สหี น,ุ เจา้ 206, 209 นิวยอรก์ , เมอื ง 146, 181, 211, บาลวี ิทยาลยั 176 ปรเมศวร, เจา้ 119, 123 ปารเิ ลยยกะ, ต�ำบล 19 137, 142, 143, 148, 149, นโรดม สีหมนุ ี, พระบาทสมเด็จ 220 บาลูจิสถาน 118 ประชาธิปไตย 162, 171, 186, ปารสี , มหาวทิ ยาลัย 101 155-157, 160, 164, 165, พระบรมนาถ 209 นวิ อมั สเตอร์ดัม 146 บาวริง, สนธสิ ญั ญา 168, 169 194, 206, 207, 209 ปาละ, ราชวงศ์/กษัตรยิ ์ 88, 89, 167-169, 173, 175-177, นวทวีป 101, 103, 107 นิวองิ แลนด์ 146 บชิ อพแห่งลอนดอน 139 ประชมุ จารกึ วัดพระเชตุพน 165 92, 95, 101, 102, 117 180, 182, 183, 186, 187, นอรเวย์ 144 นสิ ภะ 15 บิชอพแหง่ วูรซ์ เตอร์ 139 ประชุมเจนวี า 208 ปาเลมบงั 76, 119, 123 193, 194, 198, 200, 201, นะโปเลยี น, พระเจ้า 162, 163 เนเดอร์ ชาห์ 150, 151 บแี ซนทีน, จักรวรรดิ 63, 68-70, ประทปี แหง่ ทวีปอาเซีย 174 ปาเลสไตน์ 56, 57, 81, 184 203, 205, 207, 210, 211, นันทะ, ราชวงศ์/กษัตรยิ ์ 29, เนเธอร์แลนด์ 140, 150, 193 80, 102, 113, 128, 132, 185 ประยาค, เมือง 78 ปรุ ิกา, เมอื ง 61 218-220 31, 99 เนบคู ดั เนซซาร์ที่ ๒, กษัตริย์ 18 บีแซนเทยี ม, เมอื ง 62 ปรัสเซีย 150 ปุริสเมธ 13 270 ดชั นี

ปุรุษปรุ ะ, เมือง 58, 59, 64, 98 พระเจ้าช้างเผอื ก 143 พระบรมราชาธริ าชที่ ๓, สมเดจ็ พระราม 33, 63, 126 พามยิ าน 60, 80, 94, 108, พทุ ธโฆส/พทุ ธโฆษาจารย,์ พระ ปลุ เกศินที่ ๒, พระเจา้ 71 พระเจา้ อยู่หัวทา้ ยสระ, สมเดจ็ 142, 156 พระรามราชาธิราช, สมเดจ็ 126 151, 214, 215 65, 84 ปุษยมิตร, พราหมณ์ 42 156 พระบรมราชาธริ าชที่ ๔, สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ ๑, สมเดจ็ 120, พาร์เมนดิ ีส 7 พทุ ธชยันตี 198 เปรู 103, 132, 133 พระชัยราชาธริ าช, สมเด็จ 142 142 126 พาราณส,ี เมอื ง 8-10, 18, 78, พุทธทาส 187 เปษวาร์, เมอื ง 98, 99 พระเชษฐาธริ าช, สมเดจ็ 148 พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัว, พระรามาธบิ ดีที่ ๒, สมเด็จ 132, 102, 178 พทุ ธบรุ ีมณฑล 198 เปอร์เซยี 3, 18, 20, 21, 26, พระไตรปิฎก 30, 47, 64, 66, พระบาทสมเด็จ 185 142, 145 พาเวรุ 18 พุทธมณฑล 198 31, 54, 56, 60, 65, 76, 79, 95, 100, 112, 114, 145, พระเพทราชา 170 พระราเมศวร 126, 127 พาหกุ า 12 พทุ ธศาสนกิ สัมพันธ์แห่งโลก, 81, 83, 97, 113, 117, 132, 157, 161, 165, 173-175, พระพุทธชนิ ราช 114 พระวรุณเทพ 13 พาหุมดี 12 องค์การ 203 133, 135, 151, 218 186, 200, 211 พระพทุ ธชินสีห์ 114 พระวายุ 13 พชิ าปุระ 141 เพชรบรุ ,ี เมือง 145 แปซฟิ กิ , มหาสมทุ ร 136 พระไตรปิฎกฉบบั หลวง 161 พระพทุ ธบาท 114, 145 พระวิสูตรสนุ ทร 148 พแิ ธกอรสั 7 เพนซิลเวเนีย,รฐั 171 โปรตุเกส 123, 124, 130, 132, พระไตรปิฎกบาฬี จุลจอมเกลา้ พระพุทธมหามณรี ัตนปฏิมากร พระศรีมหาโพธิ์ 38, 76 พินทุสาร, พระเจ้า 31, 32 เพลโต 26, 27 133, 136, 140, 142, 143, บรมธมั มิกมหาราช 185 160 พระศรีมโหสถ 149 พิมพสิ าร, พระเจ้า 9, 18 เพอร์ล, อา่ ว 189 145, 155, 168 พระทน่ี ั่งสุรยิ าสน์อมรนิ ทร,์ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช, พระศรีศากยะทศพลญาณ พิมลธรรม, พระ 145 เพยี วริตนั 146 โปรเตสแตนต,์ นิกาย 136-140, พระเจา้ อยหู่ วั 156 พระบาทสมเดจ็ 160 ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ พลิ กริมส์ 146 โพธิญาณเถระ, พระ 210 144, 146, 147, 150, 155 พระเทพรตั นราชสุดา, สมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั , 198 พษิ ณโุ ลก 114, 127 โพธธิ รรม, พระ 71 โปแลนด์ 189 198 พระบาทสมเด็จ 164 พระศรสี รรเพชญ์ 127, 143 พหิ าร, รัฐ 88, 179, 197 โพธิรังส,ี พระ 137 โปโลนนะรวุ า 96 พระธรรมโกศาจารย์ 220 พระมงกฏุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว, พระศรีสธุ รรมราชา 148 พีทร 141 โพธิสตั ว,์ พระ 14, 91, 199 ฝรงั่ เศส 66, 83, 92, 124, 129, พระธาตุดอยสเุ ทพ 121 พระบาทสมเดจ็ 183, 185 พระสังฆราช (ม)ี , สมเดจ็ 164 พกุ กะ/วีรพุกกะ 121 ฟรานซสิ บี แซยร,์ ดร. 169 130, 132, 139, 140, 141, พระธาตพุ นม 207 พระมณเฑยี รธรรม 161 พระสรุ ยิ เทพ 13 พกุ าม 100 ฟรานซสิ ที่ ๒, พระเจ้า 139 144, 147-150, 154, 162- พระนครศรีอยุธยา 132 พระมหาจักรพรรดิราช 142 พระโสมะ 13 พทุ ธ, ศาสนา 7, 9, 28, 33, 34, ฟอลคอน 148 164, 168, 183, 189, 202, พระนครอนิ ทราธิราช, สมเดจ็ พระมหาธรรมราชา 114, 127, พระโหราธบิ ดี 149 38-40, 42-46, 50-52, 58- ฟาติมะฮ์ 79 213 126 143 พระอาทติ ยวงศ์, สมเด็จ 148 73, 76-78, 80, 82, 84, 85, ฟาเหยี น, หลวงจีน 64, 80 พนมเปญ 209 พระนเรศวรมหาราช, สมเดจ็ พระมหาราชครู 149 พระอนิ ทราชาธริ าช, สมเดจ็ 145 89-95, 97-100, 104-108, ฟิลปิ ปินส์ 136 พมา่ 25, 39, 77, 127, 143, 156, 127, 143-145 พระมหาสมณเจ้า กรมพระยา พระเอกาทศรถ, สมเด็จ 144, 111, 114, 117, 119-121, ฟิลปิ สท์ ่ี ๒, พระเจา้ 140 173 พระนารายณ์มหาราช, สมเดจ็ วชิรญาณวโรรส, สมเดจ็ 182 145 149, 153, 155, 158, 160, เฟรอเบล 166 พรหมคุปต์ 90 139, 147-149, 156, 169 พระมหินทราธริ าช 143 พราหมณ,์ ศาสนา 3, 94 165, 171, 172, 174, 176, เฟอร์ดินานด์ มาเจลแลน 136 พระแก้วฟ้า 142 พระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จ พระเมอื งแก้ว 137 พราหมณ์เนสาท 13 178, 179, 187, 197, 198, แฟรงค์ 92 พระแกว้ มรกต 125, 157, 160 123, 127, 132, 142 พระยมเทพ 13 พราหมี, อกั ษร 159 199, 201, 202, 205, 209, ไฟซาลที่ ๑, กษตั ริย์ 184 พระจันทร์ 13 พระบรมธาตไุ ชยา 91 พระยาตาก 157 พฤหทั รถ 42 213, 220 ภควทั คตี า 29 พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั , พระบรมธาตนุ ครศรธี รรมราช 91 พระยาวิสทุ ธสรุ ยิ ศกั ด์ิ 180 พลีมธั 146 พทุ ธกิจ 9, 18, 20, 21 ภกั ติ, ลทั ธิ 65, 210 พระบาทสมเดจ็ 165, 167, พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑, สมเด็จ พระรว่ ง, ราชวงศ์ 127 พลูหลวง, ราชวงศ์ 156 พุทธคยา 8, 35, 76, 95, 170, ภกั ติเวทานตะ สวามีประภปุ าทะ 180, 182, 183 126 พระรษั ฎาธริ าชกมุ าร, สมเดจ็ 142 พอล พต 206, 209 176, 177, 179, 198 211 ดัชนี 271

ภคั คะ, แควน้ 19 มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั มังคลัตถทปี นี 137 มุมตัซ มาฮาล 147 โมลกุ กะส,์ หมู่เกาะ 136 เยอรมนี 66, 92, 95, 101, 128, ภาตกิ ราช, พระเจ้า 164 176, 220 มังมหานรธา 156 มุสตาฟา เคมาล/อะตาเตอร์ก ไมตรกะ, ราชวงศ์ 67, 82, 90 129, 159, 166, 183, 189 ภารตยทุ ธ 33 มหาชาติค�ำหลวง 127 มงั ระ, พระเจ้า 156 185 ไมแมน 202 เยอรมนั 61, 62, 68, 92, 99, ภารัต/ภารตวรรษ 218 มหาตสิ สะ, พระ 45, 46 มัจฉะ 7 มสุ ลิม 26, 63, 70, 71, 79, ยม, ดาว 186 128, 136, 144, 166, 178, ภาษามอื 163 มหาเทวะ, พระ 38 มัชฌนั ติกะ, พระ 38 80, 82, 87-94, 97-99, 101, ยมุนา 16, 78 181, 184, 189, 212 ภาษาสัญญาณ 163 มหาธรรมรักขติ , พระ 38 มัชฌิมเทส 50 102, 104-109, 111, 113, ยวนะ 21 เยานะ/ยวน/โยนะ 7, 21, 34 ภมี เสน, ทา้ ว 13 มหาปทั มนันทะ 29 มัชฌมิ ะ, พระ 38 115, 117-123, 129, 132, ยศกากัณฑบุตร 28 โยคะ 42, 204, 213 ภเู ขาทอง 167 มหาโพธสิ มาคม 177 มัณฑะเลย์ 173 134, 135, 140-143, 151, ยสกลุ บตุ ร 8 โยนกธรรมรกั ขิต 38 ภมู ิพลอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จ มหาภารตะ 29, 33 มทั ราส 47 173, 185, 197, 214, 218, ยโสธรา 10 รักขิตะ 38 พระเจา้ อยูห่ วั 198, 200, มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 177, 180 มลั ละ 7 219 ยาทวะ 119 รัฐธรรมนญู 162, 170, 171, 203, 211, 220 มหายาน 72, 83, 85, 93, 99, มสั ซลุ หมา่ น 173 มลู โสมวิหาร 84 ยามาดา นางามาซา 145 199, 202, 203 เภสกลาวนั 19 114 มาซโิ ดเนยี 26, 31, 34, 37 มฮู มั มัด, ศาสดา 118 ยวิ 29, 54, 56, 57, 78-80, 129, รัฐโอรสิ สา 44 โภปาล 40 มหารักขิต, พระ 38 มาเดียรา 124 มูฮัมหมดั แหง่ ฆูร์ 104, 106, 107 141, 174, 184, 189, 195, รัตนโกสนิ ทร์ 125, 145, 160, มคธ/แคว้น 7-9, 25, 29, 30, มหารัฐ 38, 39 มาตุลนคร 47 เมกซโิ ก 25, 132-134 214, 218 198 53, 63, 197 มหาราษฎร์, รัฐ 72, 218 มาธยมกิ , นกิ าย 52 เมคาสธีนสี 31 ยคุ คนื ชีพ 128 รัตนปัญญา 137 มงโกล 97, 100, 107, 109, มหาฤๅษมี เหษโยคี 211 มานูเอล, กษัตริย์ 133 เมง็ ราย, พระเจา้ 121 ยคุ มดื 68, 69, 128 รสั เซยี 108, 122, 151, 174, 112, 113, 115-117, 120-122, มหาวัน, ปา่ 17, 18 มายา 25, 133 เมดิเตอเรเนยี น, ทะเล 7, 18, 56 ยุคสมั ฤทธ์ิ 3 183, 184 124, 135 มหาวิหารวาสี 46, 47, 66 มายาโมหะ, ปาง 65, 95 เมโสโปเตเมีย, อารยธรรม 3, ยคุ อุตสาหกรรม 212 รา่ งกุง้ 200 มงคลสตู ร 137 มหาวรี ะ 21 มารก์ ซ์ 166 81, 90 ยุคเหลก็ 3 ราชคฤห์ 9, 18, 19, 24 มชปหติ , จกั รวรรดิ 86, 117, มหาสังฆกิ ะ 28 มาร์คสั ออรเี ลียส, จกั รพรรดิ 57 เมาเซตงุ /เหมาเจอ๋ ตง 195 ยุงโล 123, 124 ราชยวรรธนะ 77 119, 123 มหิดล, มหาวิทยาลัย 211 มารโ์ ค โปโล 116 แมกซ์ แพลงค์ 181 ยุธษิ ฐิระ 29 ราชวงศ์สุง 112 มถุรา, เมือง 53, 100 มหินท,์ เจ้าชาย 40 มาร์ติน ลูเธอร์ 136 แมทธิว เปอร์รี, นายพล 144 ยุโรป 30, 37, 66, 68, 69, 80, ราชวงศเ์ สนะ 101, 103, 106, มทรุ า 96 มหินทะ, พระ 38 มาลาคริ ี 15 แมนฮัตตัน, เกาะ 146 83, 88, 90, 95, 99, 101, 117 มนิลา 143 มหนิ ที 16 มาเลเซีย 123 แมมหลกู 104, 115 102, 108, 113, 116, 122, ราชวงศ์อทู่ อง, ราชวงศ์ 127 มรัมมะ 100 มอญ, ชนชาติ 77, 100, 143, มิ่งต่,ี จักรพรรดิ 58, 59 แมรี, แมน่ างพรหมจารี 57, 214 124, 128-130, 132-136, ราชสิงหท์ ่ี ๑ 155 มฤตย,ู ดาว 159 164 มิชชนั นารี 144, 165 แมร่ีท่ี ๑, พระนาง 139, 140 139, 141, 144, 154, 158, ราเชนทรท่ี ๑ 86, 87, 119 มลยั ชนบท 47 มะดีนะฮ์, เมอื ง 78, 79, 82, 83, มินดง, พระเจ้า 173 แมสสาจูเซทส,์ รฐั 129 163, 166, 168, 169, 174, รามเกยี รต์ิ 33, 63, 161 มลายลัม, ภาษา 44 92, 97, 135 มโิ นอนั , อารยธรรม 3 โมกษเทวะ, พระ 79 180, 183, 184, 189 รามปาล 102 มลายู 85, 119, 123 มะริด 132 มิลาน 62, 63 โมกุล 100, 147, 150, 151 ยูเนสโก 165 ราษฏรกฏู 71, 73, 86 มหนั ต์ 176, 177 มะละกา 85, 119, 123, 132, มลิ ินท,์ พญา 23, 30, 43 โมคคลั ลานะ, พระ 9, 11 เยซู 57, 129 ราหลุ 19 มหากันตาระ 50 142 มลิ ินทปัญหา 30, 43 โมคคัลลบี ุตรตสิ สะเถระ, พระ 38 เยรูซาเลม็ 56, 57, 79, 80, รเิ ชลลู 147 มหากัสสปะ, พระ 24 มกั กะฮ์, เมือง 78, 79, 135 มหิ ริ กลุ ะ/มหริ คลุ ะ, กษตั รยิ ์ 70 โมริยะ, ราชวงศ์ 31, 40, 42, 53 102, 113, 118, 184 ริโอเดอจาเนโร 212 272 ดัชนี

เรมงิ ตนั 173 ลอสแองเจลสี , นคร 205 วังสะ 7 วัดสระเกศ 167 วิษณุปุราณะ, คมั ภีร์ 66 ศรเี สาวภาคย์ 144 เรวตเถระ, พระ 66 ละตินอเมริกา 130 วชั ชี 7, 25, 28, 46 วดั สวนขวญั 137 วสิ าขา, นาง 9 ศรีเสาวรกั ษ์ 145 เรวตะ 28 ละโว้ 99, 125 วัชชบี ุตร 28, 46 วัดหนองปา่ พง 210 วิสทุ ธิมคั ค,์ คมั ภรี ์ 66 ศรอี ยธุ ยา 114, 120, 123, 125, โรงศิรริ าชพยาบาล 175 ละฮอร์ 104, 106 วัฏฏคามณอี ภยั , พระเจา้ 45, 46 วัดอมราวตี 210 วยุ /เว่ย/เว, ราชวงศ์ 60 126, 127, 132, 142-145, โรม 33, 51, 54-56, 60, 62, ลักษมณเสน 106 วัดเจด็ ยอด 125 วัดอรญั ญิก 114 วยุ ก๊ก 60 147, 148, 155, 156 63, 66, 68, 81, 95, 140, ลัคเนาว์ 218 วัดเซนต์เปาโล 149 วนั เซนตบ์ าร์โธโลมิว 131 เวงคี, อาณาจักร 71 ศศางกะ 67, 76, 77, 88 147 ลังกา/ลังกาทวปี 38-40, 44-47, วดั เซนตโ์ ยเซฟ 149 วนั มาฆบชู า 159 เวนีส, เมือง 116 ศังกรทคิ วชิ ยะ 95 โรมัน 26, 37, 43, 47, 55-57, 64, 66, 84, 86, 96, 125, วดั ไทยกรงุ วอชงิ ตัน ดซี ี 205 วนั วิสาขบชู า 179, 202, 210 เวปุลละ 11 ศังกราจารย์ 93-95 61-63, 65, 66, 68-70, 80, 155, 156, 164 วัดไทยพทุ ธคยา 198 วันอาสาฬหบชู า 193 เวภารบรรพต 24 ศากยะ, แควน้ 8 81, 83-85, 87, 92, 95, 113, ลัตถิปุระ 96 วัดธมั มาราม 205 วสั สการะ 17 เวรัญชา, เมอื ง 19 ศาลไตส่ วนศรทั ธา 113, 138, 128, 131, 133, 135, 136, ลา้ นชา้ ง 100, 120 วัดบวรนเิ วศวิหาร 164, 200 วากาฏกะ 61, 68, 86 เวลลงิ ตัน 163 140, 147 138-140, 144, 147, 148, ลา้ นนา 100, 121, 125, 127, วัดบบุ ผาราม 121 วาชเปยยะ 13 เวสต์อนิ ดีส 132 ศาสนจักรองั กฤษ 137, 139 163, 174, 178, 185, 211, 137 วัดบพุ พาราม 9, 155 วาตาปีปุระ 71, 86 เวสาล,ี เมอื ง 18, 19, 25, 28 ศิลาจารึก 33-36, 39, 46, 78, 214, 218 ลาว 59, 120, 207 วดั ประดู่ 156 วาตกิ นั 137 เวเ่ หนือ, จกั รพรรดิ 67 158, 159, 197 โรมนั คาทอลกิ 95, 113, 133, ลิไท 114, 121, 127 วดั ป่าจิตตวเิ วก 210 วาลมกี ิ 33 เวฬวุ คาม 19 ศิวะ, พระ 3, 42, 95 138, 139, 144, 148, 174, 214 ลิสบอน 155 วดั ป่าแดง 125 วาลิการาม 28 เวฬุวัน 9, 18, 19 ศีลาทิตยท์ ่ี ๖, พระเจ้า 90 โรมนั ตะวนั ตก 61, 63, 66, 68, ลมี า 133 วดั พระเชตวัน 9, 18, 19 วาสโกดากามา 132 เวยี งจันทน์, เมือง 125, 157, ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง 175, 70, 87 ลโี อที่ ๑๐, สันตะปาปา 130 วัดพระเชตพุ นฯ 161, 165 วิกตอเรยี , พระราชินี 105, 168 207 183, 194 โรมันตะวนั ออก 61-63, 65, 66, ลมุ พินี/ลมุ พนิ ีวัน 8, 36 วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร วกิ รมศิลา 89, 91, 92, 105 เวยี ดกง 208 ศุงคะ, ราชวงศ์ 42, 51, 53 68-70, 80, 128, 132, 135, ลุ่มแม่นำ�้ สนิ ธุ 3, 50 207 วชิ ฌะ 15 เวียดนาม 204, 208 ไศเลนทร 93 185 เล่าจือ๊ 19 วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม 125, วิชเยนทร,์ เจ้าพระยา 148 แวนดาล 62 ไศวะ, นิกาย 70, 76, 93, 155 โรมนั อันศักด์สิ ิทธิ์ 95, 136, เล่าป่ี 60 160, 176, 200 วิซิกอธ 66 ไวษณพ, นิกาย 95 สงครามเก้าทัพ 160 144, 147, 163 วชริ ญาณ 177 วดั พระศรสี รรเพชญ์ 126 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศกราช/ศกกาล/ศกราชกาล 58 สงครามเยน็ 212 โรมวิ ลัส ออกสั ติวลสั 68 วนวาสี 38 วัดพุทธปทีป 203 181, 184, 212 ศรีธันยกฏกั 52 สงครามโลกครง้ั ที่ ๑ 117, 144, โรหณะ 45 วยาส, ฤๅษี 29 วดั พุทธวราราม 205 วทิ ศิ า, เมอื ง 40 ศรปี ราชญ์ 149 169, 171, 172, 174, 184, โรหิณี 18 วรรณะ 3, 13, 14, 16, 35, 88, วดั โพธาราม 125 วทิ ิสาเทวี 40 ศรีลังกา 25, 45, 96, 155, 202, 185, 189 โรหติ ัสสะ 11 94, 95, 103, 199 วดั มหรรณพาราม 173 วนิ ธยะ 50, 119 214, 220 สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ 171, 184, ลกเอย๋ี ง 58, 60 วลภ,ี มหาวิทยาลัย 67, 83, วัดมหาธาตุ 164, 176, 183 วลิ เบอร์ ไรท์ 181 ศรวี ิกรมราชสิงห์ 155 189, 192, 206 ลพบุรี 99, 100, 149 90, 118 วดั มา้ ขาว 58 วิลเลียม โจนส์ 155 ศรีวิชยั 63, 76, 83-89, 91-93, สงครามศาสนา 70, 102, 118, ลอน นอล 206 วอเตอร์ลู 163 วัดระฆัง 145 วลิ เลยี ม เฮอเชล 159 99, 117, 119, 123 139, 141, 144 ลอนดอน 139, 165, 166, 174, วอร์เรน ฮาสติงส์ 154, 155 วัดวชริ ธรรมปทปี 205 วลิ สัน, ประธานาธบิ ดี 169 ศรสี ว่างวฒั นา, เจา้ มหาชีวิต 207 สตอกโฮลม์ 206 203, 210 วงั คะ 218 วดั สมอราย 156 วิษณ,ุ พระ 66, 95 ศรสี ดุ าจันทร,์ เจา้ แม่ 132 สเปน 83, 87, 95, 103, 124, ดัชนี 273

129, 130, 132-134, 136, สตั ตบรรณคูหา 24 สินท์ 71, 87, 90, 118 สสุ นุ าค, พระเจา้ 25 หมิ วนั ต์ 15, 38 173, 177, 179, 186, 189, 139, 140, 143-145, 147, สนั นบิ าตคอมมวิ นสิ ต์ 166 สนิ ธู 16 สุสนุ าค, อำ� มาตย์/พระเจ้า 29 หิมาจัลประเทศ, รัฐ 202 202, 205, 208, 211-213, 168, 173 สันนบิ าตอาหรับ 195 สริ มิ หามายา 8 สุหน่ี 81, 91, 101, 132, 151, หิมาลัย, เขา 202 220 สมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ 162, สันสกฤต, ภาษา 3, 46, 64, 99 สิริมงั คลาจารย์, พระ 137 218 หนี ยาน 28, 51, 67, 72, 83, 85 อเมรกิ าเหนือ, ทวีป 158 186, 194 สพั พกามี 28 สีดา 33 สูรติสสะ 44 หูณะ/ฮ่ันขาว 60, 66, 69, 70, อเมริโก เวสปซุ ซี 130 สมยั กลาง 68, 69, 128 สมั พทั ธภาพ, ทฤษฏี 181 สีตาหรณะ 33 สรู ยวรมนั ที่ ๒ 103 71, 77 อโยธยา, เมือง 33, 63 สมาคมบาลปี กรณ์ 174 สมั มาปาสะ 13 สุงสมุ ารครี ี 19 เสฉวน 60 เหย้ี นจัง/ยวนฉาง, หลวงจนี 73, อรชุน, เจ้าชาย 29 สมาคมพทุ ธศาสนปกรณ์ 179 สัมมาสมั พุทธเจา้ 8, 25, 35, สจุ นั ทะ 10 เสนะ, ราชวงศ์ 102 79, 80, 82, 83 อรชุน, ท้าว 13 สมุดภาพไตรภูมิ 157 178 สทุ โธทนะ 8 เสียงน,ุ เผ่า 41 เหี้ยนเต้, พระเจา้ 60 อรรถกถา 19, 20, 33, 66, 137, สยาม 123, 127, 132, 143, สาเกต 33, 63 สทุ ัศน์ 15 เสือ, พระเจา้ 148, 156 องคลุ มิ าล, โจร 19 174, 211 145, 149, 155, 168 สาคลนคร 43 สุธรรมนคร 39, 100 โสเครตีส 7, 27 อชันตา, หม่ถู �้ำ 51, 52, 61, 68, อรหันต์ 24, 28, 38, 100 สยามวงศ์/ สยามนิกาย 155, สาคละ 70 สนุ ทริกา, แม่น�้ำ 12 โสณะ, พระ 38 72, 73, 84 อรหันต/อรหนั ตสาวก, พระ 9, 156 สาญจ,ี มหาสถูป 40, 52, 170 สนุ ีธะ 25 โสมปุระ 89, 105 อชาตศตั รู, พระเจ้า 24 167 สรณังกร, สามเณร 155 สาตวาหนะ 40, 51-53, 60, สปุ ปิยา 11 โสฬสมหาชนบท 7 อดัม สมธิ 159 อรัญวาสี 114 สรวาสตวิ าท, นิกาย 59 61, 68, 84, 86 สมุ นกูฏ, เขา 114 ไสยลือไท, พระเจา้ 114, 127 อตีศะ, พระ 91 อริฏฐะ 38 สรองสนั คมั โป, กษัตรยิ ์ 77 สามกก๊ 60, 165 สมุ นเถร, พระสังฆราช 121 หมอบรัดเลย์ 165 อธิกกั กะ 12 อริสโตเติล 26, 27, 31 สระบรุ ี, เมือง 145 สามฝงั่ แกน 125 สุมนะ 114 หมงิ , ราชวงศ์ 123, 124 อนาโตเลยี 7, 117, 135 อรณุ าจัลประเทศ 218 สรสั วดี, แมน่ ำ�้ 12, 16 สามพระยา, เจา้ 126, 127 สมุ าตรา, เกาะ 76, 84, 85, 93, หยวน, ราชวงศ์ 116 อนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี 9, 18 อรุณาศวะ, กษตั ริย์/อ�ำมาตย์ 82 สวนโมกขพลาราม 187 สารนาถ 36, 170, 172, 176- 119, 123 หรรษะ/หรรษวรรธนะ, พระเจา้ / อนุราธปรุ ะ/อนรุ าธบุรี 38, 44, อลสันทะ 30 สวีเดน 144 178, 197 สมุ าเอย๋ี น 60 เจ้าชาย 71, 77, 78, 82, 118 45, 47, 96 อลาสกา 133 สแวน 181 สารบี ตุ ร, พระ 9, 21 สุเมโธ/สเุ มธาจารย์, พระ 210 หรกิ ฤษณะ 204, 211 อนรุ ทุ ธ, พระเจ้า 100 อเลกซานเดรยี , เมือง 32 สหประชาชาติ 206, 220 สาวัตถี, เมอื ง 9, 18, 19, 63 สยุ , ราชวงศ์ 78 หลวงประดิษฐม์ นูธรรม 187 อนรุ ทุ ธาจารย,์ พระ 84 อเลกซานเดรีย, หอสมุด 32 สะเทิม 100 สาสสนทิ , ราชวงศ์ 60, 83 สรุ เสนะ 7 หลวงพระบาง 125 อนฬุ า, พระนาง 38 อเลกซานเดอร์ คนั นิงแฮม, เซอร์ สะมารก์ านท์ 122 สาฬหะ, เจา้ 17 สุราษฎรธ์ านี 187 หลุยส์ เบรลล์ 164 อโนมานที 8 170 สังคายนา 21, 23-25, 28, 30, สิกกิม 218 สุลตา่ นมะหะหมัด 98-100, หลุยสท์ ี่ ๑๓ 139, 147 อปรนั ตกะ(รฐั ) 38 อเลกซานเดอรท์ ี่ ๖, สนั ตะปาปา 38, 44, 47, 59, 125, 161, สกิ ข์ 134, 150, 169, 218 104, 106 หลุยสท์ ่ี ๑๔ มหาราช 139, อภยั คริ ิวาสี 46 130 173, 200 สิงคโปร์ 86, 119, 123 สุลต่านแห่งเดลี 104, 109, 115, 147-150 อภัยคีรวี หิ าร 46 อเลกซานเดอรม์ หาราช, พระเจ้า สังฆมติ ตา, เจ้าหญงิ 38, 40, 44 สงิ หปรุ ะ 86, 119, 123 119, 120, 135 หวู่จง, พระเจ้า 93 อภิธมั มตั ถสงั คหะ, คัมภีร์ 84 18, 26, 27, 30-32, 155 สังฆราชแหง่ เบริธ, พระ 149 สิงหล 65 สุวรรณบรรพต 145 หอพระสมุดส�ำหรบั พระนคร 183 อมราวต,ี เมือง 52 อวนั ตี 7, 32, 40, 50 สงั ฆเสนาสน์ราชวิทยาลยั 176, สงิ หฬ, เกาะ 44, 45, 47 สวุ รรณภูมา, เจา้ 207 หักกะ/หริหระ 121 อเมริกา 25, 103, 124, 129, อโศก/อโศกมหาราช, เจา้ ชาย/ 183 สงิ หฬ, เจา้ ชาย 44, 45 สวุ รรณภูมิ 38, 77 หตั ถาฬวกะ 10 130, 132-134, 140, 141, พระเจา้ 32-38, 158, 159, สงั เวชนยี สถาน 36, 63, 179 สงิ หฬ, ชาว 47, 155 สุวรรณรงั ส,ี พระ 137 หสั ตินาปรุ ะ 29 146, 150, 158, 159, 168- 197 274 ดัชนี

อโศการาม 38 อังวะ, พระเจา้ 127 อาลา-อดุ -ดนิ ขลั ย,ี สลุ ต่าน อินโดนีเซีย, ประเทศ 76, 117, อรุ ุเวลา เสนานิคม, ตำ� บล 8 ไอโอเนียนกรกี 7, 20, 21, 148 อเสละ, พระเจา้ 44, 45 อตั ติลา 63, 66, 68, 70 119, 120 123, 218 อูท่ อง, พระเจา้ 120, 126, 127 ไอโอเนยี นกรีก, ชาว 30 ออกซฟอร์ด, มหาวิทยาลยั 101 อันธรประเทศ 44 อาลี 79 อิสตันบุล, เมอื ง 62, 185 เอกนาลา 19 ฮอนดูรัส 25 ออกญาเสนาภิมุข 145 อันธระ, ชาว 44, 51, 71, 84 อาโลกเลณะ, ถ�ำ้ 47 อิสราเอล 54, 57, 195 เองเกลส์ 166 ฮอลแลนด์ 145, 146 ออกตาเวยี น 55 อบั ราฮัม ลินคอลน์ 170 อาสาฬหบชู า 201 อสิ ลาม, ศาสนา 47, 70, 78-81, เอเชียใต้ 3 ฮอลันดา 93, 123, 124, 145, ออกสั ตสั /ออกสั ตสั ซซี าร์ 55, 56 อัฟกานิสถาน 3, 20, 30, 43, อาหรบั 135 83, 89, 93, 97, 98, 100, เอเชยี น้อย 7, 31 146 ออตโตที่ ๑, กษตั รยิ ์ 95 50, 60, 73, 79, 94, 98, 106, อาหหมัดนคร 141 102, 105, 107, 115, 117- เอเชียแปซิฟิก, ภูมภิ าค 165 ฮั่น-ว่ตู ี,่ พระเจา้ 54 ออตโตมาน, จกั รวรรดิ 26, 69, 108, 122, 135, 151, 214, อาฬวกยกั ษ์ 19 119, 122, 123, 134, 135, เอดวนิ อาร์โนลด์, เซอร์ 174 ฮน่ั /ฮนั่ , ราชวงศ์ 41, 58- 60, 66 115, 117, 122, 124, 128, 218, 219 อาฬวี, เมือง 19 142, 143, 185, 195, 218 เอดสิ ัน 181 ฮบั สเบอร์ก, ราชวงศ์ 95, 184 132, 135, 151, 183-185 อัมเบดการ์, ดร. 199 อิซกันดาร์ ชาฮ,์ สุลต่าน 123 อิสิปตนมฤคทายวัน, ป่า 8, 9, เอเธนส,์ กรุง 7, 26, 27, 32, ฮานอย, เมอื ง 208 ออร์วิลล์ ไรท์ 181 อัมสเตอรด์ ัม 146 อิตาเลียน 130 36 178 ฮารนู อัล ราษจิด, ราชา 89 ออรงั คาบาด, เมอื ง 72 อัล-ขวารซิ มิ 90 อิตาล,ี ประเทศ 37, 62, 66, 95, อหิ ม่าม 81 เอปริ ุส 34 ฮาวาย, เกาะ 158 ออรงั เซบ, กษัตรยิ ์/จกั รพรรดิ/ อัลเฟรด โนเบล 172 116, 183, 189 อหิ รา่ น 3, 20, 81, 83, 94, 97, เอลซัลวาดอร์ 25 ฮิจเราะห์ 78, 185 พระเจ้า 100, 143, 145, 150 อัศวเมธ, พธิ ี 13, 42, 52, 68 อินคา, จกั รวรรดิ 103, 132, 98, 107, 108, 122, 150, 151 เอลโลรา, หมถู่ ้�ำ 51, 68 ฮนิ ด,ู ศาสนา 64, 95, 99, 102, ออลคอตต์ 176 อสั สกะ 7, 50 133, 139 อหิ ร่าน, จักรวรรดิ 60, 151 เอลิซาเบธ ท่ี ๑, ราชินี 140 108, 134, 155, 197, 199 ออสเตรเลยี , ทวีป 158 อสั สมั 82 อินเดีย 18, 29, 31-33, 37, 40, อเิ หนา 156, 161 เอฬาระ/เอฬารทมิฬ, พระเจา้ ฮินดูสถาน 50 ออสเตรีย 95, 144, 183, 184 อาจารยวาท/อาจรยิ วาท 28 42, 43, 44, 50, 51, 56, 58, อีเจยี น, หมูเ่ กาะ 7 44, 45 ฮิปป้ี 204 ออสมานท่ี ๑ 117 อาเซยี สมาคมแห่งเบงกอล 155, 60-63, 70-73, 77-79, 82- อยี ปิ ต์ 3, 18, 30-34, 54, 55, เออรบ์ ันท่ี ๒, สนั ตะปาปา 102 ฮโิ รชมิ า, เมือง 189 อะตานาซอฟฟ์ 192 158, 159 85, 87, 89, 90, 92-94, 97- 80, 81, 113, 115, 135 แองการา 122, 185 ฮุซเซน 81 อะนาโตเลยี 20 อาเซยี อาคเนย์ 58, 84, 85, 87, 100, 104, 106, 108, 109, อีสต์อนิ เดีย, บริษัท 73 แอตแลนติก, มหาสมทุ ร 130 ฮนุ เซน 209 อะแนกซากอรัส 7 92, 116 111, 115-123, 130, 132, อุชเชน,ี กรุง/เมือง 40, 50 แอนโทน,ี มาร์ก 55 ฮูเกนอตส์ 139, 150 อะแนกซมิ านเดอร์ 7 อานนท์, พระ 19, 24 133, 135, 136, 140, 141, อุณรทุ 161 แอบบาสดิ , ราชวงศ์ 88, 89, 92 เฮติ 130 อักขราภธิ านศรับท์ 165 อาบูบะกะร์ 79 146, 153-155, 158, 163, อุตตระ (พระ) 28 แอสซเี รีย 18 เฮนรที ่ี ๘, พระเจ้า 137, 150 อักบาร์ 142, 143 อาฟรกิ า 83, 88, 124, 214 167, 169, 170, 174, 176, อตุ ตรา 10 แอสเทค, อาณาจกั ร 132, 139 เฮราไคลตัส 7 อัครา, เมอื ง 147 อาฟริกาเหนือ 56, 80, 83, 87, 179, 197-199, 202, 211, อตุ ราบถ 50, 53 โองการแหง่ แนนตส์ ์ 150 เฮราท 151 องั กฤษ 73, 109, 124, 132, 135 218, 219 อทุ ัยภทั ร, เจา้ ชาย 25 โอโดเอเซอ่ ร์ 68 เฮาบูต,ี่ จักรพรรดิ 64 137, 140, 145, 150, 154, อ้ายลาว, อาณาจักร 59 อินเดียตะวันออก 154, 169 อุบลราชธานี 210 โอทนั ตปุระ 89, 105 โฮจมิ นิ ห์ 208 155, 159, 163, 165, 166, อาร์เมเนยี 81 อินเดียใต้ 71, 76, 84, 96, 119, อุบาล,ี พระ 24, 156 โอลมิ ปกิ , กีฬา 178 ไฮเดอราบาด 218 168, 169, 171, 174, 176, อารยภฏั 90 120 อุบาลีเถระ, พระ 155 โอวาทปาฏโิ มกข์ 9, 167 180, 181, 183, 189, 203 อารยนั , ชนเผ่า 3 อนิ เดียนแดง 25, 133, 134, อุบาลวี งศ์, คณะสงฆ์ 155, 156 ไอน์สไตน ์ 181 อังคะ 7, 171, 218 อาระบกิ , ภาษา 87, 90 146 อมุ ัยยดั , ราชวงศ์ 82, 88 ไอบีเรยี , คาบสมุทร 56 องั วะ, กรุง 156 อาระเบีย 79, 134, 184 อินโดจนี 208 อรุ งั คธาตุ, พระ 207 ไอโอเนยี 7, 21, 26 ดัชนี 275

ผูน้ พิ นธ์ พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) นามเดมิ ประยทุ ธ์ อารยางกรู เกดิ ทจ่ี งั หวดั สพุ รรณบรุ ี เมอ่ื วนั ที่ ๑๒ มกราคม ๒๔๘๑ (ตรงกบั ค.ศ. ๑๙๓๙) ไดบ้ รรพชาเปน็ สามเณร เมอ่ื วนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๔ ทา่ นสอบเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค ไดใ้ นขณะยงั เปน็ สามเณร จงึ ไดอ้ ปุ สมบทในพระบรมราชานเุ คราะห์ เปน็ นาคหลวง ณ พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม โดยได้รบั ฉายาว่า “ปยตุ โฺ ต” เมอื่ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๐๔ ทา่ นสอบไดป้ รญิ ญาพทุ ธศาสตรบณั ฑติ (เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั ๑) จากมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ใน พ.ศ. ๒๕๐๕ และ สอบไดว้ ชิ าชดุ ครู พ.ม. ใน พ.ศ. ๒๕๐๖ หลงั จากสำ� เรจ็ การศกึ ษา ทา่ นไดเ้ ปน็ อาจารยใ์ นมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เปน็ ผชู้ ว่ ยเลขาธิการและตอ่ มาเป็นรองเลขาธิการ จนถงึ พ.ศ. ๒๕๑๗ และไดเ้ ป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ กรงุ เทพมหานคร ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๙ นอกจากสอนวิชาพระพุทธศาสนาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยแล้ว ท่านได้รับนิมนต์ไปบรรยาย ณ University Museum แห่งมหาวิทยาลัย Pennsylvania ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ และท่ี Swarthmore College ในรัฐ Penn- sylvania สหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๒๔ ทา่ นไดร้ บั นมิ นต์ใหเ้ ปน็ visiting scholar และไดร้ ับแต่ง ตง้ั เป็น research fellow ณ Divinity Faculty แห่งมหาวิทยาลัย Harvard ท่านมธี รรมกถาทเ่ี ผยแพรน่ ับพนั รายการ และมีผลงานหนงั สือทใ่ี ชเ้ ปน็ หลักอา้ งองิ หลายรอ้ ยเร่อื ง เฉพาะอย่างยิง่ พุทธธรรม พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม และ พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์ สถาบนั การศกึ ษาชน้ั สงู กวา่ ๒๐ แหง่ ทง้ั ในประเทศไทยและตา่ งประเทศ ไดถ้ วายปรญิ ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด์ิ และตำ� แหนง่ เชิดชเู กียรตติ า่ งๆ มี ตรปี ิฏกาจารยก์ ติ ตมิ ศกั ดิ์ จาก นวนาลนั ทามหาวิหาร ประเทศอนิ เดีย และเมธาจารย์ (Most Eminent Scholar) จากมหาวทิ ยาลัยพระพทุ ธศาสนาแห่งโลก เป็นอาทิ ท่านได้รับรางวัลการศึกษาเพ่ือสันติภาพจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๗ และไดร้ บั โปรดเกลา้ ฯ แต่งต้ังเปน็ ราชบณั ฑติ กิตติมศกั ดิ์ เม่อื วนั ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๙ ทา่ นได้รับพระราชทานสมณศกั ดิ์เป็นพระราชาคณะตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถึงปัจจบุ นั โดยลำ� ดับ ดังน้ี ช้ันสามญั ที่ พระศรีวสิ ทุ ธิโมลี ชน้ั ราช ท่ี พระราชวรมุนี ช้นั เทพ ท่ี พระเทพเวท ี ช้นั ธรรม ที่ พระธรรมปิฎก ชน้ั หริ ญั บฏั (รองสมเด็จ) ท่ี พระพรหมคณุ าภรณ์ ส�ำนักของทา่ นในปจั จุบนั คือวดั ญาณเวศกวนั ซ่งึ ตัง้ อยู่ในจังหวัดนครปฐม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook