เง่ือนบุกเบิก หรือบางคนเรียก เงื่อนขโมย เปนเง่ือนท่ีใชผูกกับหลักวัตถุหรือก่ิงไม เพื่อใชโหนขามคลอง ร้วั กําแพงหรอื ใชผกู เรือ แพหรือสัตวและสามารถแกไดง าย , โดยดงึ ปลายเชอื กอกี ขางหนง่ึ เมอื่ เลิกใช ข้นั ท่ี 1 ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 ขนั้ ที่ 4 เชือกใชส้ าํ หรับโหนตวั โหน เชือกท่ีดึงแก้ เมื่อเลิกใช้
เงื่อนเกาอ้ี เปน เง่ือนท่ีใชกภู ยั ชวยคนท่ีตดิ บนอาคาร ที่ไมส ามารถลงมาไดทางบันได หรือใชช ว ยดึงคนจากท่ี ตํา่ เชน บอ , หลมุ , เหว ขนั้ ที่ 1 ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ ที่ 3 ขั้นท่ี 5 ข้ันที่ 4
เงือ่ นผกู กระดาน เปน เงื่อนใชผูกกระดาน / แผน ไมหรอื แผนเหล็ก สาํ หรบั โหนขางผนงั หรอื ขางเรือเดินสมุทรเพื่อใช น่งั เคาะสนิม / ทาสหี รอื ซอมเรอื ใชผูกทําชงิ ชาน่งั เลน ขั้นท่ี 1 ข้นั ท่ี 2 ขั้นท่ี 3 ขัน้ ท่ี 4
การผูกกากบาท เปน การผูกแนน ใชส าํ หรับผูกไมหรือเสาเขา ดวยกนั เพ่ือใหเ กิดความแนนหนา ข้นั ท่ี 1 ขัน้ ที่ 2 ขั้นที่ 3 ข้นั ที่ 4 การผกู ทแยง หรือบางทานเรียกเงือ่ นผูกไขว เปน เงื่อนผกู แนน ใชผ กู ไมหรอื เสา 2 อนั เขาดว ยกนั ข้นั ที่ 1 เริ่มตน้ ดว้ ยเงื่อนผกู ซุงกบั ไมห้ รือเสา ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 จบดว้ ยเง่ือนตะกรุด
การผูกประกบ เปน การผูกแนน ใชสําหรบั ผูกตอ ไม 2 อันเขา ดว ยกนั เพ่ือใหมีความยาวเพมิ่ ขน้ึ ขน้ั ที่ 1 ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 ข้นั ท่ี 4 ขัน้ ท่ี 5 ข้นั ท่ี 6
เงอ่ื นผกู แนน มี 3 เงอ่ื น คือ ผูกกากบาท ผูกทแยงและผูกประกบ ผูกกากบาท ผูกกากบาทญีป่ นุ ผูกทแยง ผูกทแยงฟลปิ นส ผกู ประกบ 2 ผูกประกบ 3 ( 1 ) ผกู ประกบ 3 ( 2 )
เงื่อนเก็บปลายเชือกแบบแทงกลับ ( Back splice ) เปนการเก็บเชือกเสนใหญท่ีมีเกลียว แตละเกลียว หนาใหญ เพอ่ื มิใหเ ชือกคลายเกลียว ข้ันท่ี 1 ขัน้ ท่ี 2 ข้นั ที่ 3 ข้ันท่ี 4 ขั้นท่ี 5 ขน้ั ท่ี 6 เมือ่ เสรจ็ แลว
ตอ ส้นั ( Short splice ) ใชใ นการตอ เชือกท่มี ขี นาดเทากัน แตเ ม่อื ตอ แลว เชือกจะเสน ใหญข ึ้นเล็กนอ ย เมื่อเสร็จแลว
แทงบวงตา ( Eye splice ) บางทีเรียกวา Marline eye Splice ใชในการคลองบวงของชาวประมงในงานตาง ๆ เรยี บและไมมีปม เพราะแทงสลับในเกลียว ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ ที่ 2 ขั้นท่ี 3 เมื่อเสรจ็ แลว
สะพานลงิ ตนไม The Lofted Bridge สะพานลิง The Monkey Bridge
สะพานโยง Suspension Bridge สะพานยก The Draw Bridge สะพานกระดก The Counterweight Bridge
สะพานบันไดเชอื ก The ladder Bridge ปน จนั่ Swinging Derrick ยกยอ
หอสองเสา หอปรามดิ Stilt Tower Pyramid Tower หอประภาคาร The Beacon Tower
แบบ Simple แบบ Camremonial แบบ Skyion
การถกั สายนกหวีด ใชสาํ หรบั ถกั สายนกหวดี ของนายหมูลูกเสอื ฯ และผกู ํากบั ลกู เสือท่ียังไมไดรบั เครื่องหมายวูด แบดจ ( สายบดี จ ) สายนกหวดี ของลูกเสือและผูกํากบั จะมีสีแตกตา งกนั คือ ลูกเสอื จะเปน สายไหมสีเหลืองลว น ๆ ผกู ํากับลูกเสอื จะเปนสายไหมสีเหลือง ขลิบดํา
สายยงยศเนตรนารี สามญั รุนใหญ ทาํ ดวยสายไหมสีเลือดหมู ถกั เปน หวงคลองตน แขนขวาใตอินทนู
ลูกเสือ ท่จี ะเดนิ ทางไกลและอยูคายพกั แรม จาํ เปน จะตองจดั เตรยี มอุปกรณตาง ๆ ดังน้ี 1.เครื่องใชป ระจาํ ตัว ลูกเสอื แตล ะคนจะตองเตรยี มเฉพาะส่ิงของจําเปนจริง ๆ เมอื่ ไปอยูคายพักแรม ดังนี้ 1. เปหรอื กระเปาใสเ สอ้ื ผา สิ่งของ 7. เข็มทิศ แผนท่ี สมดุ บนั ทกึ การเดินทาง 2. เครื่องแบบลูกเสอื ชุดลาํ ลอง 8. ดินสอ ปากกา ไฟฉาย 3. สบู ยาสฟี น แปรงสฟี น ขนั นาํ้ ผา เช็คตวั 9. หนาฝน ควรมีเสือ้ กันฝน ผา ผลัดอาบนํา้ 10. เชือกสําหรับผูกมดั สง่ิ ของเล็ก ๆ นอ ย ๆ 4. ผาหม นอน เสอ้ื ผาสําหรบั ใสผลัดเปลีย่ น 11. ไมง าม กลองถา ยรปู ( ถามี ) 5. จาน ชอน กระตกิ นํ้า รองเทาแตะ 12. รองเทา ถุงเทา มีสภาพดี ใสไดสบาย 6. ยารกั ษาโรค 13. เตนทท ี่นอน 2.เคร่ืองใชป ระจาํ หมู จะตองเปน ไปตามความจาํ เปนและตอ งแบงกันรับภาระในการจดั หา และการนาํ พาไป ดงั น้ี 1. เครอื่ งครวั ที่จาํ เปน เชน หมอ หุงขาว 5. ยาขดั รองเทา เครื่องขดั โลหะ ท่เี ปดกระปอง กระทะ หมอแกง เปน ตน 6. ไมข ีดไฟหรือไฟแช็ค กระดาษชําระ 2. อาหารแหง 7. ธงหมู 3. ขวานเลก็ มีดโต มีดทาํ ครัว พลว่ั สนาม 8. กระเปายาประจาํ หมู 4. ถงั ตักน้าํ กาละมัง ตะเกยี ง 3.เครอื่ งใชใ นการฝก ข้ึนอยูกับวาฝกเร่ืองอะไร มีโปรแกรมอยางไร จะตองนําเคร่ืองใชอะไรไปบางในการฝกอบรม เชน เชือก สาํ หรบั งานบกุ เบิก รอก ไม ฯลฯ การวางแผนกาํ หนดการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียน การบริหารงานการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียนนั้น สิ่งที่ชวยใหการดําเนินงานไดบรรลุเปาหมายหรือ วัตถุประสงคอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพนน้ั จาํ เปนตองมีแผนดําเนินการฝก อบรม โดยเฉพาะการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียน มีกิจกรรมตาง ๆ มากมาย การสอนจะใชวิธีการสอนคนเดียวอยางวิชาอ่ืน ๆ ไมไดจําเปนตองอาศัยทีมงานรวมกัน วางแผนรว มกันสอน เพื่อใหก ิจกรรมหรอื การฝกอบรมลกู เสอื ในโรงเรยี นนั้นบรรลเุ ปา หมาย หลกั เกณฑใ นการวางแผนกําหนดการฝก อบรมลูกเสอื ในโรงเรยี น นายกอง วิสทุ ธารมย ผตู รวจการลกู เสอื ฝา ยฝกอบรมไดบ รรยายไว ดังนี้ 1. การวางแผนกาํ หนดการฝก อบรม คอื การทาํ กาํ หนดการเพื่อใหเกิดมีการฝกอบรมข้ึนถาไมมีกําหนดการ บอกไว การฝกอบรมจะไมเกิดข้ึน การฝก อบรมเปนสิ่งจําเปนสําหรับกิจกรรมลกู เสอื เพราะควรฝกอบรมจะทาํ ใหกจิ กรรมลูกเสือพฒั นากา วหนา
2. การเตรยี มการเพ่ือการวางแผนกําหนดการฝกอบรม 2.1 คิดถึงงานทที่ ํา 2.2 คดิ ถงึ ทรัพยากรที่มอี ยู 2.3 คิดถึงวธิ ีการสํารองไวลวงหนาใหป ฏิบัติไดจริงเมอ่ื มเี หตุการณฉุกเฉนิ 2.4 หารือกนั เพื่อลงมติอภปิ รายข้ันตอนตาง ๆ กบั สมาชิกเพือ่ ขอมติ 2.5 เขยี นแผนงานสดุ ทาย 3. ส่งิ ที่ควรรใู นการวางแผน 3.1 จํานวนลูกเสอื ในกองลกู เสือ 3.2 จํานวนผูรับผดิ ชอบในการฝก อบรม 3.3 สถานท่ฝี กอบรม 3.4 อุปกรณใ นการฝก อบรม 3.5 ระยะเวลาในการฝก อบรม 3.6 บคุ คลหรอื หนว ยงานทจ่ี ะตอ งขอความชว ยเหลอื และสนับสนุน 4. ขอควรจําในการวางแผนกาํ หนดการฝกอบรม 4.1 การวางแผนตองทาํ กอนลงมือปฏิบัติแตเ น่นิ ๆ 4.2 ควรมกี ารทบทวนแผน 4.3 ถาไมมีการวางแผน กจ็ ะไมมกี ารจัดรูปงาน • การมอบหมายหนา ทแี่ ละความรับผดิ ชอบ • การปกครองและการบังคับบญั ชาส่ังการ • การควบคมุ การฝก อบรม • การประเมินผล 5. ประโยชนข องการวางแผนทาํ กําหนดการฝกอบรม 5.1 ไดรับผลตามทต่ี องการ 5.2 ไดใชทรัพยากรอยา งมีประสิทธภิ าพ ( คน เครอ่ื งมือ วัสดุ เงิน ) 5.3 ไดรบั ผลตอบแทนในการทาํ งานและการลงทุนอยางนาพึงพอใจ 6. ขอควรสงั เกตในการวางแผนกําหนดการฝกอบรม 6.1 การวางแผนระยะยาว เกิดจากมติหรือการตกลงระหวางสมาชิกในกองลูกเสือ 6.2 ในระยะเวลาหน่งึ ควรจะไดมกี ารทบทวนวัตถุประสงคของแผนงานนั้น ๆ บาง 6.3 จดุ หมายของแผนปฏิบัติหรอื โครงการตาง ๆ อาจเปลย่ี นหรอื ปรบั ปรุงได วธิ ีการทําการวางแผนกาํ หนดการฝกอบรมลกู เสือในโรงเรยี น การจัดทาํ กาํ หนดการฝก อบรมมใิ ชของยากเยน็ อะไร หากไดท ําไปตามข้ันตอนดังกลาว ตอไปน้ี ก. ทาํ กาํ หนดการฝก อบรมท่ัวไปประจาํ ป ( ระยะยาว ) ข. ทํากําหนดการฝก อบรมประจาํ สปั ดาห ( ระยะส้ัน )
การประชุมกอง ครั้งที่ ............. วนั พฤหัสบดที ่ี 22 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ( 60 นาที ) 1. เปด ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ) อ.สมศกั ดิ์ 10 นาที 2. เกม / เพลง อ.สชุ าติ 5 นาที 3. วิชาการ การผกู เง่อื น 1 20 นาที อ.สมพงษ 10 นาที • ฐานที่ 1 ศัพทเ กีย่ วกับเงอื่ น อ.สมหวัง 5 นาที • ฐานที่ 2 พริ อด อ. จํารสั 10 นาที • ฐานท่ี 3 ขัดสมาธิ อ. สมาน • ฐานท่ี 4 ประมง อ.สชุ าติ 4. เกมทดสอบ อ.สมศักด์ิ 5. ผกู ํากับเลาเรือ่ งสนั้ อ.สมศักด์ิ 6. ปด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลิก) หมายเหตุ 1. รวมเวลาทัง้ 6 ขัน้ ตอน ตองเทากับเวลาทง้ั หมด 2. ระบผุ ูรบั ผดิ ชอบแตล ะขอ แตละตอนใหช ดั เจน 3. การสอนเกม การอยูประจําฐานตามขอ 2 – 3 คือ รองผูกํากับ ระบุผูกํากับรับผิดชอบให ชดั เจนเพ่ือการเตรียมตัวลว งหนา
การประชุมกอง ครง้ั ที่ ............. วันพฤหัสบดที ี่ 19 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2562 ( 60 นาที ) 1. เปด ประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ) อ.สมนกึ 10 นาที 2. เกม/ เพลง อ.สชุ าติ 5 นาที 3. วชิ าการ การผูกเงอื่ น 4 อ.สาํ เรงิ 20 นาที อ.สรุ ศกั ดิ์ 10 นาที • ฐานที่ 1 ตะกรุดเบ็ด 1-2 ช้นั อ.สขุ าติ 5 นาที • ฐานที่ 2 บวงสายธนู 1-2 ชน้ั อ. สมนกึ 10 นาที 4. เกมทดสอบ อ. สมนกึ 5. ผูกาํ กบั เลาเร่ืองสนั้ 6. ปด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลกิ ) หมายเหตุ 1. การเปด – ปด ประชมุ กองลกู เสือสามัญ - สามญั รุนใหญ จะมกี ารตรวจอยู 2 ลกั ษณะ คือ รองผูกํากับเปนผตู รวจหรอื นายหมเู ปน ผูต รวจ 2. การตรวจ ในพิธปี ดประชมุ กอง จะเปน การตรวจเครื่องแตงกายเทา นั้น
การชุมนุมรอบกองไฟ( Camp Fire )เปนกิจกรรมที่สําคัญอยางหน่ึงของการลูกเสือซึ่ง บี.พี. ไดนํามาใช ตั้งแตแรกคิดจัดตั้งกองลูกเสือ ข้ึนเม่ือป พ.ศ.2450 ( การเลนหรือการแสดงรอบกองไฟเปนสวนหนึ่งของการชุมนุม รอบกองไฟเทา น้นั ) เพอื่ ประโยชนใหญๆอยู 2 ประการคอื เพ่อื เปนการฝก อบรม และเพ่ือเปนการบันเทิงการชุมนุม รอบกองไฟ ถอื เปนบทเรยี นบทหนง่ึ จุดมุงหมายหรอื ประโยชนส าํ คัญ 5 ประการของการชมุ นุม 1. เพอื่ เปน การฝกอบรมลูกเสอื ท้ังในดา นวิชาการ และดานนิสัยใจคอ ทําใหเกิดความสามคั คี 2. เพอื่ เปนการพักผอ นหยอนใจ ทําใหเกิดความราเรงิ สนกุ สนานเบกิ บานใจ 3. เพื่อใหม ีประสบการณ ไดร บั ความรเู พ่มิ เตมิ จากบทบาทของตน และการแสดงของผูอื่น 4. เพ่อื ใหเดก็ และผใู หญ ไดมโี อกาสทาํ งานรว มกนั 5. เพ่อื เปน การเผยแพรกิจการลกู เสือ วธิ ปี ฏิบัติ 1. ถา เปนไปได การแสดงควรแสดงทงั้ หมู 2. พยายามชกั จูงใหผอู ่นื ไดมารวมแสดงดวย 3. เนอื้ เร่อื งการแสดง ควรเปน ก. องิ ประวตั ิศาสตร หรอื วรรณคดี ข. ขนบธรรมเนียมประเพณีของทอ งถิน่ ค. นิยายทเี่ ปน คติสอนใจ ง. เร่ืองตลก ขบขัน 4. สว นเรื่องทีไ่ มควรแสดง เชน เร่อื งไรสาระ ผสี างนางไม ลามกอนาจาร เสยี ดสสี ังคมหรือบุคคล ลอเลียนศาสนา 5. การแสดง ตอ งแสดงใหจบภายในเวลาท่กี าํ หนด การเตรยี มการชุมนุมรอบกองไฟ 1. กําหนดสถานที่ทจี่ ะใชชมุ นมุ รอบกองไฟ ควรอยูหางจากท่ีพักแรม มบี ริเวณเพียงพอ 2. เตรยี มประธาน พธิ กี ร ซงึ่ เปนผนู าํ ในการชมุ นมุ รอบกองไฟ และผตู ดิ ตามอีก 2 คน 3. การกอกองไฟ อาจจะใช กองไฟจริง หรือ กองไฟเทียม 4. กําหนดการแสดง และหมบู ริการ จัดสถานท่ชี ุมนุม ฯ ข้นั ตอนการชุมนุมรอบกองไฟ ลาํ ดับขัน้ ตอน 1. การจดั สถานท่ี / กอกองไฟ 2. พธิ ีเปดชมุ นุมรอบกองไฟ - ประธานลาวเปด - เพลงในพิธีเปด - เพลงปลกุ ใจ 1-2 เพลง - ( สดุดีมหาราชา ) - เพลงแหพวงมาลัย พุมสลาก - เพลงรําวง ( ไมบังคับ )
3. จบั สลากการแสดง 4. การกลา วชมเชย 5. การกลา วตอบคําชมเชย 6. พิธีปดการชุมนมุ รอบกองไฟ - พิธีกรนํารองเพลงเยน็ ๆ ( ลาวดวงเดอื น / สรอยเพลง ) - ประธานกลา วยาน ( เลา เรอ่ื งสัน้ เปนคติ ) - เพลงสามัคคีชุมนุม ( จับมือเปน วงกลม ) - สวดมนต - เพลงสรรเสริญพระบารมี รายละเอียดขน้ั ตอนการชุมนมุ รอบกองไฟ การจดั สถานที่ • หมูบริการจัดสถานที่ เรียกผูเขารวมชุมนุมนั่งรอบกองไฟ ซึ่งอาจจัดเปนรูปวงกลม คร่ึงวงกลม เกือกมา เมือ่ ใกลถ งึ เวลา ใหหมบู รกิ ารจุดไฟ หรือ ฯลฯ = ประธาน = ผตู้ ิดตาม = แขกผมู้ ีเกียรติ 0 = ลูกเสือ - เนตรนารี พธิ ีเปด การชมุ นุมรอบกองไฟ • ประธานในพธิ เี ขามา พธิ กี รสงั่ “กอง - ตรง” ทุกคนยืน ประธานเดินไปหนากองไฟ ยกมือขวาแสดงรหัส ลกู เสอื ยนื่ ไปขา งหนา ประมาณ 45 องศา แลวกลาวเปด การชุมนุมรอบกองไฟ การรองเพลงเปด • เมื่อประธานกลาวเปดแลว ทุกคนรอง ฟู ฟู ฟู 3 ครั้ง แลวรองเพลงปลุกใจ 1 - 2 เพลง ( เพลงสดุดีมหาราชา 2 รอบ ) พวงมาลัย พุม สลาก • หมูบรกิ ารนาํ แหพ วงมาลัยและพุมสลากรอบกองไฟ 3 รอบ ( วนขวามอื ) ไปมอบใหประธานในพิธี การแสดง • พิธีกรเชิญประธานจับสลากจะใหหมูใดแสดง ใหนายหมูบอก “หมู...ตรง” ( หมูที่แสดงยืนอยูกับที่ไมตอง ออกมาเขาแถวหนาประธาน )เฉพาะนายหมทู าํ วนั ทยาหัตถ ( เมือ่ ไมม ีอาวธุ ) ทําวนั ทยาวธุ (เม่ือมีอาวุธ) แลว เรมิ่ แสดง เมื่อแสดงจบ ใหก ลบั ท่เี ดิมนายหมสู ัง่ “หม.ู ..ตรง” นายหมูทําความเคารพคนเดียว เชน เดิม การกลา วชมเชย • การกลาวใหกับหมูที่แสดง ผูนํากลาวชมเชยกาวออกไปขางหนา 1 กาวกลาววา “พี่นองลูกเสือโปรดยืนข้ึน และกลาวตามขาพเจา 3 คร้ังวา “......” นับ 1,2-3 ทุกคนหันหนาไปทางหมูท่ีแสดง โดยกํามือขวา จาก หัวใจ ขวา งมอื ไปขางหนาทิศทางทผี่ แู สดงยืนอยู 3 คร้งั แลวนง่ั ลง
การกลา วตอบ • หมูท่แี สดงจบ จะกลา วตอบสน้ั ๆ เพยี งครั้งเดยี ว โดยเอามอื ขวาทบั มือซา ยแลว กมศีรษะ ตอบวา “.........” พธิ ีปด • กอนปด เมอื่ การแสดงทุกหมจู บลง พธิ ีกรนํารอ งเพลงเยน็ ๆ เชน ลาวดวงเดือนหรอื สรอยเพลง 1 จบ • เชิญประธานออกไปเลาเร่ืองสั้น ท่ีเปนคติ ( ประธานจะออกไปยืนหนากองไฟ ) และกลาวปด ....จบดวย ขาพเจาขอปดการชุมนุมรอบกองไฟ ณ บัดน้ี ( ชวงน้ีทุกคนที่อยูในท่ีน้ันนั่งตามปกติ ) ประธานกลาวปดไม ตองยกมือขวาเหมือนตอนเปดจากน้ัน พิธีกร ในพิธีสั่ง “กอง...ตรง” ใหทุกคนยืนขึ้นแลว รวมรองเพลง สามคั คชี ุมนุม • ลูกเสอื - แขกผมู เี กียรตใิ นที่น้นั รวมรองเพลงสามัคคชี ุมนุม จับมอื เปนวงกลม มอื ขวาทับมอื ซาย • สวดมนต เมอื่ รองเพลงจบ หมูบ ริการนาํ สวดมนต ( ศาสนาอื่น สงบน่งิ ) • เพลงสรรเสริญพระบารมี สวดมนตจบ ใหทุกคนหันหนาไปทางทิศที่ในหลวงประทับอยู แลวรองเพลง สรรเสริญพระบารมี จบแลว ทุกคนแยกยายกันกลบั ที่พัก ( อาจมกี ารนดั หมาย ) คําท่ีควรใชใ นการกลาวชมเชย ตามพิธกี ารของลกู เสือ รวบรวมโดย พนั เอกสรุ พชิ ย อมรวเิ ชษฐ ผตู รวจการลกู เสอื ประจาํ สํานักงานคณะกรรมการบริหาร ฯ ผกู ลา วนาํ “ พ่นี อ งลูกเสอื ทั้งหลาย จงกลา วคําชมเชยใหแก ........... โดยพรอมเพรียงกัน ดวยถอยคํา ตอไปน้ี 3 ครั้ง ...... หน่ึง สอง สาม ” กรณเี มือ่ จบการแสดงหรอื การแขงขัน เกงนัก จักจาํ ไว , จบเม่ือไร ไมรูต ัว , สวยอยา งน้ี ไมมใี ครสู , บญุ ตา ทีไ่ ดม าเห็น , ท่ีหนง่ึ ไมม สี อง , ผูชายก็ยอด ผูหญิงก็เย่ียม , เกงแท ไมแพใคร , เราอยากเกงเหมือนทาน , เกงอยางนี้ ขอใหเกงตอไป ,สนุกแท ลืมแกไปเลย , ซาบซงึ้ นัก จกั ทาํ ตาม , เปนคติดี มีประโยชน , แสดงมา หาดยู าก , ลวดลายดีไมมสี อง , แสดงได คลายของจริง , สม บทบาท ไมพลาดเลย , แสดงไดดี ไมม ตี ิ , ขอจําไวไ ปเลน บาง , มีคตหิ นาคิดสะกิดไดม นั ส , ขําขัน คร้ืนเครง , บรรเลง ไดด ี ทา ทสี มจรงิ ชายน้งิ หญงิ เยยี่ ม หาเทียบไมได , จาํ ไวเปน ครู , ดูแลว ไมเ บื่อ , ชวนเชือ่ ใหเ พลนิ เดินเรื่องไดเหมาะ , แคะเคาะหนาท่งึ , ซาบซึง้ ใจนัก , จักขอเปนแบบ , แนบแนนอารมณ , สุขสมบันเทิง , รื่นเริงทั่วกัน , สุขสรรคลืมบาน , เชี่ยวชาญการแสดง , แจกแจงไดดี , ไมมีใครแขง , แปลงเร่ืองไดสนุก , หมดทุกขกังวล , ทานทนดีแท , รูแนวายอด , ถายทอดไดเหมือน , สะเทือนใจคนดู ,ไดเรื่องแปลก ,แทรกมุขสนุกแท , ดีแนตลอดไป , ยากใครทําได , เพลินไปไมรูตัว , ดีทั่วผูแสดง , ขันแข็งสามัคคี , รูดีประวัติศาสตร , ไมซ้ําซากสาระ , สะใจคนชม , คําคมซาบซ้ึง , นา ท่ึงตอนจบ , ครบเร่ืองเปนคติ , เร่ิมพฒั นา , สรรหามาแปลก , แนวแหวกมาโชว , อาโอ ซาบซา , ทีทา พาใหเช่อื คาํ กลาวตอบ ของผแู สดง 1 ครง้ั ขอบพระคณุ , ชมไดไ พเราะ , พอเหมาะเวลา , ไมเ หลิงคํายอ , หยอกลอกันเอง , ยังเกรงไมผาน , ทานชอบ เราขอบใจ , ทา นสนกุ เราสนุกดวย , ชมวาดี เรามสี ขุ , ไมม ีทุกข เราสุขใจ , ถาผิดไป อภัยดวย ,อยากชวยใหครื้นเครง , ไมเกงเหมือนคํากลาว , เร่ืองราวตองแกไข , ดีใจ ทําใหสนุก , อยากปลุกใหรักชาติ , ผิดพลาดขออภัย , ทําไดเพราะ ลกู เสอื , ไมเ บ่ือชมสมต้ังใจ , เปนไปเพราะใจเดียวนอมรับจับจิตแท , ไมแนไมแสดง , อยาตะแบงคําชม , ไมหลงคําคม ปาก , ไมย ากหากชว ยกนั , มพี ลังฟงคาํ ชม
กรณีมีผมู าเยยี่ ม นาํ อาหาร เคร่ืองด่ืม ส่ิงของมามอบให กลาวนํา เสยี สละมา พาต้ืนตันใจ , พ่ีมาพาใหนองอิ่ม , เสียสละใหนองตองบูชาน้ําใจพ่ีดีหนักหนา , พ่ี จา นองจะไมลืมคุณ , ซาบซงึ้ เหลือหลาย , อายุวรรณะ สุขะพละ , พี่มาพานองสบาย , รักใดไมเทานํ้าใจพ่ี , นํ้าใจดี หนอ , ขอใหเจริญ , ซึ้งใจนัก จักไมลืม , พ่ีรุนนี้ดีแท ไมแพใจ , เหนื่อยเต็มที่ พ่ีมาพาหายเหน่ือย , พ่ีดีกับ นอ งตอ งจําไว , หวิ หิว หวิ พ่มี าพาหายหิว , จงเจริญยง่ิ เหนอื สิ่งใด , วาเหวอยู ชางรูใจ , ความปราณีมีพระคุณ , พ่ีจา มาบอย ๆ ตน้ื ตนั ใจ , ความการณุ ขอทูลไว , ใจดไี มม ีใครเหมือน , ไมลืมเลือนเสมือนญาติ ตัวอยา งการกลา วการชมุ นมุ รอบกองไฟ 1. เชญิ พระเพลิง เรงิ เลน เปนสกั ขี เชญิ อัคคี ทร่ี อ นแรง แข็งขยัน เชิญพระเจา เฝาเหนือใต ใหม าพลัน ออกตกนั้น ฉันทูลเสร็จ เสด็จมา โปรดทวี สิ่งดเี ดน เปน หลักฐาน โปรดเผาผลาญ มารรา ย ท้งั ซา ยขวา อุปสรรค ขดั ขวางใคร อยา ไดม า ทั้งหลังหนา ผาสกุ สนกุ ปอง ขอเทวะ พระเจา เฝาปกปก มารียร ักษ พิทกั ษทาน ผานภยั ผอง ขอพระจิต ฤทธิ์เดชา มาคุม ครอง มานํารอ ง สอ งสวา ง นาํ ทางเทอญ บดั น้ีไดเ วลาสมควรแลว ขาพเจาขอเปด การชมุ นุมรอบกองไฟ ณ บดั น้ี ............. ฟู ... ฟู ... ฟู ... ประพันธโ ดย คุณพอ วิจิตร ลิขติ ธรรม 2. จากแสงไฟที่ลุกโชติชวงอยู ณ บัดน้ี เปรียบประดุจกิจการลูกเสือท่ีรุงโรจน สวน เถา ถานท่ีมอดดับเหมือนกับสิ่งท่ีเราไดทําผิดพลาดไวขอใหสลายไป ถึงเวลาแลวขาพเจาขอเปด การชุมนมุ รอบกองไฟ ณ บดั น้ี
เมื่อลูกเสือ - เนตรนารี เดินทางไกลและอยูคายพักแรม จําเปนอยางยิ่งที่จะใชความรอนในการประกอบ อาหาร และใหความสวา ง จงึ จําเปน ท่ีจะตอ งเรียนรู การกอ กองไฟมี 2 ลกั ษณะคือ 1. การกอ กองไฟเพอ่ื ใชใ นการประกอบอาหาร มีวิธีทําไดหลายๆ วิธีท้ังนี้ขึ้นอยูกับสถานท่ีหรือ วิธีท่ีจะทําให อาหารสุก โดยวิธี ตม ยาง เผา ทอด ปง ฯลฯ ดังรปู เตาแขวน เตาแขวน ( คนั ยอ ) เตาสามเสา เตาสามเสา ( ใชหนิ ) เตาราง เตาอุโมงค เตาสามเสา ( ใชไมสด ) เตาขอนไม 2. การกอ กองไฟเพื่อใหแสงสวาง มีวิธีการกอไดหลายวิธีขึ้นอยูกับจุดประสงคท่ีจะใช วาใหสวางมากหรือนอย เพียงไร เชน การกอ ไฟในการชมุ นุมรอบกองไฟ ปองกันสัตว มวี ิธกี อ ดังนี้ ก. กอแบบกระโจมอินเดยี นแดงหรอื แบบปรามิด ซ่งึ จะใหความสวา งมาก แตอ ยูไ มน าน
ข. กอ แบบคอกหมู จะใหค วามสวา งนอย แตอยูไดน าน ค. กอแบบผสม คือ กอ แบบกระโจมอยดู านใน แลว ทาํ คอกหมลู อ มรอบ ใหค วามสวาง อยูไดนานใชในการ ชมุ นมุ รอบกองไฟ • เพลงมบี ทบาทสําคญั มานาน ตง้ั แตส มัยประวัติศาสตร • เพลงเปน เครอื่ งแสดงถงึ สตปิ ญ ญา และคณุ ธรรมของประเทศชาติ • เพลงเปน สือ่ กลางในการตดิ ตอ และสรา งความเขาใจกนั ไดด ี • เพลงเปนเคร่ืองพัฒนาอารมณใหเบิกบาน แจมใส เสียงและทํานองของเพลงเปนการแสดงออกถึง ความชน่ื ชมยินดี หรือความเศราโศกเสยี ใจ การรอ งเพลงเปนการใหความสุขและความพึงพอใจ ทั้ง ผูรอ งและผฟู ง • การรองเพลงชวยบํารุงสุขภาพทั้งทางกายและจิต ( เปนคําวินิฉัยในทางการแพทย ) การรองเพลง เปนเคร่ืองกระตุนใหเกิดการหมุนเวียนของโลหิตและระบบประสาทชวยกระตุน ความหิวกระหาย อยางนอยก็กระหายน้ํา น้ําเปนส่ิงที่กอใหเกิดความชุมชื่นในรางกายและเกิดพลังขณะรองเพลง เรา ตอ งผอนลมหายใจเขาออกตามจงั หวะ ส้ัน-ยาว ของทาํ นองเพลง ทําใหปอดขยาย เขา – ออก ถา
รองเพลงบอย ๆ เทากับเปนการชวยเสริมสรางใหทรวงอกเจริญเติบโตแข็งแรงฉะน้ันจึงเห็นไดวา ทําไมเราจงึ ตอ งปลกู ฝง ใหเด็กไดมีการรองเพลง เพราะนอกจากจะชวยสรางเสริมสุขภาพแลว ยังเปน การชวยใหเดก็ ไดออกเสียงอยางถูกตองดว ย • ในกิจการลูกเสือ การรองราํ ทาํ เพลง ถือเปนกจิ กรรมท่ีสําคัญอยางหน่ึง สําหรับการฝกอบรมลูกเสือ ทกุ ประเภท ใหไดรอ งเพลงบอ ย ๆ ( ทุกโอกาสท่จี ะหาได ) ประโยชนทจ่ี ะไดร บั จากการรอ งเพลง 1. เพ่อื ขบั กลอ มอารมณใหมีจิตใจผองใส 2. กอใหเกดิ ความสนกุ สนานรื่นเริง 3. ทาํ ใหเกิดความสามคั คีรักใครใ นหมคู ณะ 4. ผอ นคลายความตึงเครียดและเบ่ือหนายในบทเรยี น 5. ชวยเพ่ิมความจําในบทเรียนใหแ มนยาํ ย่ิงขนึ้ 6. เปน ยาแกง วงเหงาหาวนอนไดเ ปนอยา งดี หลักการสอนเพลง 1. ผูสอนตองมีความม่ันใจตนเอง เชน ม่ันใจวาจําจังหวะและทํานองของเพลงไดแมนยํา จําเนื้อรองได ครบถว น ( เพราะการรอ งเพลงนัน้ เขาไมน ยิ มทจี่ ะรองจากหนงั สือหรอื กระดาษ ) 2. รองใหฟ ง สกั เท่ียวหรือ 2 เทยี่ วกอนเพอ่ื ใหลูกเสอื จับเคา ของเพลงได 3. ใหลูกเสือรองตามทีละวรรค สองวรรค สามวรรคเร่ือยไปจนจบเพลงโดยเริ่มตนสอนดวยเพลงส้ัน ๆ กอ น 4. ใหสัญญาณการรองกอน เพ่ือใหทุกคนไดเริ่มโดยพรอมเพียงกัน เชน บอกวา “เร่ิม” หรือนับ “1-2- 3” ปรบมือ “กระทบื เทา” หรอื ใชสญั ญาณมอื ขนึ้ – ลง 5. จงั หวะของเพลงเปน สิ่งสําคัญ ตอ งควบคมุ จังหวะใหด ี โดยใชวิธีเคาะพ้ืนหรือปรบมือ อยาใหจังหวะขาด หายไป เลอื กเพลงที่มจี งั หวะงา ยแกการรอง เชน จงั หวะมารชและจังหวะท่ีใชระดับเสียงกลาง ๆ ( ต่ํา หรอื สงู เกนิ ไปยากแกก ารรอง ) 6. เวลารองอยาตะเบ็งเสยี ง แตใ หรองเต็มเสียง และรองดวยถอยคําทช่ี ดั เจน ลกั ษณะของเพลงทคี่ วรนาํ มารอง 1. เพลงทร่ี จู กั กนั ทั่วไป พอขนึ้ ตนก็รองได 2. เพลงส้นั ๆ เพอ่ื จะไดจาํ ไดงาย 3. เพลงทีร่ อ งไลก ันไดร อบวง 4. เพลงประกอบทา ทาง 5. เพลงทีม่ ีลูกคู ( เชน เพลงเหเรือ ) ประเภทของเพลงที่จะนาํ มารอ ง 1. เพลงทใ่ี ชในโอกาสเฉพาะหรอื โอกาสพเิ ศษ 2. เพลงเกย่ี วกับการระลกึ ถงึ เร่อื งในประวตั ิศาสตร 3. เพลงปลุกใจ หรอื รกั ชาตบิ านเมือง 4. เพลงที่เกย่ี วกับความซาบซ้ึงในศาสนา
5. เพลงประกอบบทเรยี น 6. เพลงสนุกสนานทั่วไป ( ถอยคําไมหยาบโลน ) แตแฝงไวดวยคติธรรม ระเบียบประเพณีวัฒนธรรมคํา สอนอนื่ ๆ ฯลฯ เครอ่ื งหมายสะกดรอย เปน เครอื่ งหมายท่ีทําข้ึนเพอื่ ใหผทู ่ตี ามมาหรอื ผทู ตี่ ดิ ตามมาไดท ราบและปฏบิ ตั ิตาม เครอื่ งหมายน้ัน หลักในการทาํ เคร่ืองหมายสะกดรอย 1. ตองทําในทท่ี ่ผี ูผา นมาขางหลังสามารถมองเห็นชดั เจน 2. เครอ่ื งหมายน้ันจะตอ งชดั เจน เม่อื เหน็ แลวปฏบิ ตั ไิ ด 3. หา มเปลยี่ นแปลงเครอ่ื งหมายใด ๆ เม่ือพบเห็น การทําเครื่องหมายสะกดรอย สว นมากเราจะใชว สั ดธุ รรมชาตทิ ่ีมีอยู เชน กอ นหิน กอ นดิน หญา ใบไม กิ่งไม ตอไม เปนตน เครอื่ งหมายสะกดรอยตา ง ๆ ทีใ่ ชใ นขบวนการลูกเสือ – เนตรนารี ไปทางน้ี 5 จากนี้ 5 กา วตามหัวลกู ศรชี้ จะพบคําส่ัง หา มผาน ผเู ขียนเครื่องหมายกลบั แลวใหก ลบั ได สญั ลักษณ ไปทางซาย มีแหลงนํา้ ขา งหนา อนั ตราย วัสดุ ไปทางน้ี ไปทางขวา หา มผาน ชวยดวย ฟอ นหญา กอนหนิ ไม
การจัดกิจกรรมผจญภัย เปนการจัดกิจกรรม เพื่อใหเปนไปตามวิชา “ นักผจญภัย ” ซ่ึงเปนวิชาบังคับใน เครอ่ื งหมายสายยงยศลกู เสือสามญั รนุ ใหญ การจัดกจิ กรรมผจญภัยมีหลกั การดังน้ี 1. ฝก เพอ่ื อะไร 1.1 เพื่อใหไ ดรับเครื่องหมายวชิ า “ นกั ผจญภยั ” 1.2 ฝกการเปนผูน ําและผตู ามที่ดี 1.3 ฝกความสามารถเฉพาะตวั 1.4 ฝกการตัดสินใจ 1.5 ฝกระบบหมู 2. ส่งิ ทตี่ องคํานงึ 2.1 ความพรอ มของอปุ กรณ 2.2 ความปลอดภัย 2.3 สภาพภูมปิ ระเทศ 2.4 กิจกรรมเหมาะสมกบั วยั 2.5 ความพรอมของผกู ํากับลกู เสือ 3. การเตรยี มการ 3.1 สํารวจพื้นทภ่ี มู ิประเทศทีจ่ ะจัดฐานผจญภยั 3.2 การกําหนดฐานท่ีเหมาะสม คือ 3.2.1 พ้นื ทจ่ี ดั ฐานเปน ลกั ษณะวงกลมหรือวงรี 3.2.2 ระยะหา งระหวางฐาน มีระยะทางใกลเคยี งกนั 3.2.3 สามารถไดย นิ สัญญาณการเปลี่ยนฐาน 3.3 เตรียมคาํ สั่งและใบประเมนิ ผลประจําฐาน 4. ขัน้ ดําเนนิ การ 4.1 เคลยี รพ ืน้ ท่ี กอนมกี ารสรา งฐาน 4.2 เมื่อสรา งเสรจ็ ตอ งตรวจสอบใหแ นน นอน 4.3 ประชุมช้ีแจง ใหผ บู งั คับบญั ชาลกู เสอื ทค่ี ุมฐานแตละฐานทราบ 4.4 ช้แี จงใหลูกเสอื ทราบ เชน ตาํ แหนง แตละฐาน การเปลี่ยนฐาน ขอ ปฏิบัตติ าง ๆ ฯลฯ 4.5 เร่ิมปฏบิ ตั ิตาม “ คาํ สง่ั ” 4.6 สรปุ ผลและประเมนิ ผล
เข็มทิศเปนอุปกรณท่ีสําคัญชนิดหนึ่งท่ีเรานํามาใชประโยชนในการหาทิศเพื่อการเดินทางโดยนิยมใชประกอบ กับแผนท่ี เข็มทิศที่เรารูจักมีหลายชนิดเชน แบบตลับ ที่มีขายตามทองตลาดทั่ว ๆ ไปแบบเลนซาติค ( Lensatic compass ) ซ่งึ ในวงการทหารนยิ มใชเ พราะตองการความละเอียดมากกวา หรือแบบขอ มือ ที่ ทําคลายนาฬิกาแตแบบท่ีลูกเสือและวงการท่ัวโลกนิยมใชกันมากท่ีสุด คือ แบบซิลวา ( Silva ) ซึ่งเปนผลิตภัณฑท่ี ทําจากประเทศสวีเดนโดยสงวนสิทธ์ิ ประเทศอ่ืนผลิตไมได ดังนั้นในท่ีน้ี เราจะกลาวถึงเฉพาะการใชเข็มทิศแบบซิล วานี้เทา นัน้ เข็มทิศแบบซลิ วา ลํกษณะ สว นประกอบ 1. แผนปา ยพลาสติกรองเข็มทิศ ทําหนา ทเี่ ปนฐานรองเข็มทศิ รอบ ๆ 2 ดานจะมี Scale มาตราแบงเปน เซนติเมตร บรเิ วณขอบใชเ ปนมุมฉากได ตรงกลางจะมีศรสแี ดง เรียกวา ศรดรรชนีเข็มทิศ ซึ่งโคนของ ดรรชนีเข็มทิศนี้จะมีขีดมาตัดกับขอบตัวเข็มทิศ ซึ่งจะบอกองศาอาซีมุท ตรงกลางของศรดรรชนีชี้ทิศน้ี มักจะทําใหมีลักษณะเปน เลนสนูนเพ่ือชวยขยาย เม่ือจําเปนตองอานแผนที่ที่มีอักษรหรือเคร่ืองหมาย ขนาดเล็กๆ 2. แปน บอกองศา ( A ) ซ่งึ จะบอกองศาเปน มุมอาซีมุท ( Azimuth ) ทั้ง 360 องศา ขีดเล็ก ๆ แตละ ชอ งมีคา 2 องศา แถบบอกองศาน้ีจะหมุนได มุมอาซีมุท คือ มุมท่ีกํากับทิศเหนือแมเหล็ก หมุนวนไปทางขวา ดังนั้นมุมอาซีมุท 0 องศา และ 360 องศา คือมุมมมุ เดยี วกนั 3. ลูกศรกางปลา ( C ) เปนศรสีแดงอยูใตเข็มแมเหล็กภายในแปนเข็มทิศ ศรน้ีจะหมุนไปเมื่อหมุนแปน องศา และจะชีท้ ่ตี วั อักษร N ทศิ เหนือของแปน องศาเทา น้ัน 4. ตัวเข็มทิศ ( B ) มีสภาพเปนแมเหล็กชนิดถาวร ดังนั้นจึงมีปฏิกิริยา ตอโลหะประเภท Magnetic Substance เชน เหล็กและจะชใ้ี นแนวเหนอื ใตเ สมอดานทศิ เหนอื มกั จะทาดว ยสีเขม เชน สีแดง 5. ขีดตําแหนงสาํ หรบั ตั้งมมุ และอานคา มมุ ( D ) อยูบนฐานวงกลมใตแ ปนบอกองศา A นั้นเอง การวางเขม็ ทศิ 1. วางเข็มทิศในระดบั แนวราบไมเ อนเอยี ง 2. วางเขม็ ทศิ ใหห างจากโลหะประเภทสาร Magnetic Substance เชน เหล็ก วางในระยะท่ีไมมีปฏิกิริยาตอ แมเหลก็ ( เข็มทศิ ) 3. วางเขม็ ทิศใหถ ูกตามแนวเหนือ - ใต เมือ่ ใชเข็มทศิ ประกอบกับแผนท่ี
การวดั มมุ อาซมี ุท เมอื่ กาํ หนดตําแหนงใหว ดั โจทย ใหว ดั มมุ อาซมี ุท จากพุม ไมทกี่ ําหนดให ตาํ แหน่งตน้ ไมท้ ี่ตอ้ งการวดั ตําแหนง ที่อยู วิธที ํา 1. วางเข็มทิศตามหลกั การใชเขม็ ทศิ N 2. หนั ศรชี้ทศิ ( E ) ไปยงั ทศิ ทาง ณ ตาํ แหนงทีต่ อ งการวดั 3. หมุนแปน องศา ( A ) ใหลูกศรชท้ี ศิ เหนือ ( C ) ไปซอ นอยใู ตเ ข็มทศิ เหนอื ( B ) 4. อานมมุ อาซมี ทุ ตําแหนง โคนของศรชีท้ ศิ ( E ) ตัดกับขอบแปนองศา ( A ) ณ ตําแหนง ( D ) A E D เชน ตัดกบั ขอบอาซมี ุท 50 มุมอาวีมทุ คอื 50 องศา เม่ือกาํ หนดมุมใหวัด โจทย ใหวดั มมุ อาซีมทุ 120 องศา 1. หมนุ แปนองศาไปทมี่ ุม 120 องศา อยู ณ ตาํ แหนง โคนของศรดรรชนชี ี้ทิศบริเวณ ( D ) E D
2. หมนุ แปนพลาสตกิ ทัง้ แปน ใชศ รชที้ ิศเหนือ ( C ) ซอ นอยูใ ตเขม็ ทิศเหนือ ( B ) D A E 3. ศรดรรชนชี ้ีทศิ ( E ) จะชีไ้ ปยังมมุ อาซมี ทุ ที่ตอ การ การหมุนยอนกลบั ( Back Azimuth ) การหมนุ ยอ นกลบั ของมุมอาซีมุท กระทําในกรณีเม่ือครั้งแรก เราวัดมุมอาซีมุทเท่ียวไป และไดเดินทาง ไปถงึ จุดหมายปลายทางแลว และตองการทจี่ ะกลบั มา ณ ตําแหนงเดมิ ครง้ั แรก เราอาศัยการคาํ นวณดังนี้ 1. ในกรณีท่มี ุมอาซีมุทวดั ไดมีคานอยกวา 180 องศา ใหเอา 180 องศา บวกจะไดมุมอาซีมุทกลับ เชน มุม อาซีมุทวัดได 45 องศา มุมยอนกลับคือ 180 องศา บวก 45 องศา ดังน้นั มุมกลบั คอื 225 องศา 2. ในกรณีที่มุมอาซีมุทวัดไดมีคามากกวา 180 องศา ใหเอา 180 องศา ลบออกจะไดมุมอาซีมุทกลับ เชน มมุ อาซีมุทท่ีวดั ได 225 องศา มมุ ยอนกลบั คอื 225 องศา ลบ 180 องศา ดงั นน้ั มมุ กลบั คือ 45 องศา ขอ ควรระวงั ในการใชเข็มทศิ 1. ควรถอื เขม็ ทศิ ดวยความระมดั ระวัง เพราะหนาปดเขม็ ทิศนัน้ บอบบาง 2. ควรถือเขม็ ทิศในแนวระนาบ เพ่อื ใหต วั เขม็ แมเ หล็ก อยใู นลักษณะสมดลุ ย 3. ควรมีสายเชือกคลอ งคอ เพ่อื มใิ หเ ข็มทิศตกหลน หรอื เสียหายได 4. เมอื่ เลิกใชเขม็ ทศิ ควรปดฝาตลบั หรอื เก็บไวในกระเปา สําหรบั ใสเ ข็มทศิ โดยเฉพาะ 5. ตใู ชเ กบ็ เข็มทศิ ควรเปนตูไ ม 6. การอานเข็มทศิ ไมควรกระทําใกล ๆ ส่งิ ท่ีเปน โลหะ หรอื วงจรไฟฟา ควรคํานึงถึง ระยะปลอดภัยใน การใชเ ขม็ ทิศโดยประมาณดงั ตอไปน้ี สายไฟแรงสงู 55 เมตร รถถงั / รถยนต / ปนใหญสนาม 18 เมตร สายโทรเลข / โทรศัพท / ลวดหนาม 10 เมตร ปน กล 1 เมตร ปน เล็ก / หมวกเหล็ก 0.2 เมตร
การหาทศิ โดยไมใชเ ขม็ ทิศ 1. การหาทศิ โดยอาศัยดวงอาทติ ย เราทราบแลววาดวงอาทิตย ขึ้นทางทศิ ตะวนั ออก และตกทางทศิ ตะวันตก ในตอนเชาเม่ือดวง อาทิตยข ึ้นถาเราหันหนาไปทางดวงอาทิตย ดานหลังเราคือทิศตะวันตก ดานซายมือเราจะเปนทิศเหนือ และดานขวาเราจะเปนทิศใต แตการโคจรของดวงอาทิตย โดยธรรมชาติน้ันไมคงท่ี คือจะโคจรไปใน ขอบฟาดานเหนือ ( ตะวันออมเหนือ ) และโคจรไปในขอบฟาดานใต ( ตะวันออมใต ) สวนวิถีโคจรที่ ดวงอาทติ ยจะโคจรผา นตรงศีรษะเราพอดีน้ัน ในปห นึง่ ๆ จะมีเพียงวันเดยี วเทานนั้ เปนอยางมาก จากวถิ โี คจรของดวงอาทิตยในวันหนึ่ง ๆ ของแตละฤดูกาล ยอมทําใหวัตถุที่อยูกลางแจงมีเงาทอด ไปในทศิ ทางตาง ๆ โดยประมาณดงั น้ี ฤดตู ะวันออมเหนอื ( ประมาณเดอื นเมษายน - สงิ หาคม ) เชา : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต เทย่ี ง : เงาจะทอดไปทางทิศใต บาย : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต ฤดตู ะวนั ออ มใต ( ประมาณเดือน สิงหาคม - เมษายน ) เชา : เงาจะทอดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เทยี่ ง : เงาจะทอดไปทางทศิ เหนอื บาย : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2. การหาทิศโดยอาศยั ดวงจนั ทร ดวงจันทรขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกเชนเดียวกับดวงอาทิตย แตดวงจันทร สามารถบอกขางข้ึนขางแรมได คือ เวลาขางข้ึนดวงจันทรจะหันทางดานเวาแหวงไปทางทิศตะวันออก เวลาขา งแรมดวงจนั ทรจะหันดา นเวา แหวง ไปทางทศิ ตะวันตก เหนอื เหนือ ตะวนั ตก ตะวนั ออก ตะวันตก ตะวนั ออก ใต ใต ขา งขน้ึ ขา งแรม 3. การหาทศิ โดยอาศยั ดวงดาว โดยดจู ากดาวเหนือ เพราะดาวเหนอื จะอยทู างข้ัวโลกเหนือตลอดเวลา การหาดาวเหนือ วิธีการโดย ดจู าก กลุมดาวหมใี หญ หรือไทยเราเรยี กวา กลุมดาวจระเข จะมีอยู 7 ดวง จาก ดวงคูหนาสุด ( ดวงท่ี 1 และ 2 ) ถาลากเสน สมมตติ อไปประมาณ 5 ½ เทา กบั จะพบดาวเหนอื
กลุมดาวคางคาว จะมอี ยู 5 ดวง เปน รปู 5 W ควํ่า ถาเราลากเสนสมมตจิ ากดวงท่ี 2 ลงมายังดวงดาว ท่ีอยใู ตก ลมุ ดาวคา งคาวออกไปประมาณ 5 ½ เทา กจ็ ะช้ไี ปทด่ี าวเหนือ กลุมดาวหมีใหญ ( จระเข ) กับกลุมดาวคางคาว จะอยูก นั คนละซกี คลา ยกับจะหมุนรอบดาวเหนือ จะไมปรากฏบน ทอ งฟาพรอมกนั เวน แตค นท่อี ยูซ กี โลกเหนือจึงจะเห็นพรอมกนั การขออนญุ าตต้ังกองลกู เสอื ใหท ําตามลาํ ดบั ขั้น โดยใชแ บบพิมพด งั นี้ 4.6.1 ล.ส. 1 ( คํารอง ) จาํ นวน 1 แผน 4.6.2 ล.ส. 2 ( ใบสมัคร ผ.บ. ) จาํ นวนคนละ 1 แผน 4.6.3 ทําหนงั สอื นําของผูข ออนญุ าตปะหนา ไปดวย ( หนังสือโรงเรียน ) สงั กัดอาํ เภอทาํ 3 ชดุ - ชดุ ที่ 1 สาํ เนาเกบ็ ไวท โี่ รงเรยี น 1 ฉบบั - ชุดท่ี 2 สงอาํ เภอ 1 ฉบบั - ชุดที่ 3 สงจังหวดั 1 ฉบบั สังกดั จังหวัดทํา 2 ชุด - ชุดท่ี 1 เกบ็ ไวท ี่โรงเรยี น 1 ฉบับ - ชดุ ท่ี 2 สงจังหวดั 1 ฉบบั สงั กัดสํานักงานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหง ชาตทิ ํา 2 ชุด - ชุดที่ 1 เกบ็ ไวท ่ีโรงเรียน 1 ฉบับ - ชดุ ท่ี 2 สง สํานกั งานคณะกรรมการบริหารงานลกู เสือแหงชาติ 1 ฉบบั 4.6.4 เม่ือไดรับอนุมัติแตงต้ังกองไดแลว ใหทําพิธีเขาประจํากองให เรียบรอย ( เด็กจะไดแตงเคร่ืองแบบลูกเสือถูกตองเปนคร้ังแรก ใน วันทาํ พิธเี ขา ประจาํ กอง )
ในกองลูกเสือควรมี 1. สถานทฝ่ี กอบรมท้งั ท่ีรม และกลางแจง 2. หอ งประชมุ หรอื หอ งของลกู เสอื โดยเฉพาะ 3. ระเบยี นตาง ๆ คอื ก. ทะเบยี นลูกเสือ ข. ใบสมัครเปน ผบู ังคับบัญชาลกู เสือ ( ล.ส. 2 ) ค. ใบสมัครเปน ลูกเสือ ( ล.ส. 3 ) ง. ใบโอนกอง ( ล.ส. 4 ) จ. ใบตั้งกลุม ลูกเสือตงั้ กองลกู เสอื ( ล.ส. 11,12 ) ฉ. ใบแตง ต้ังผบู งั คบั บัญชาลูกเสือ ( ล.ส. 13 ) ช. บตั รประจําลกู เสือ ( ล.ส. 15,16,17,18 ) ซ. ใบเสรจ็ รับเงนิ คาบาํ รุงลูกเสือ ( ล.ส. 19 ) 4. บันทึกการประชุมผูบ งั คบั บัญชาลกู เสอื ของโรงเรยี น 5. บันทกึ การสอนของผูบงั คับบัญชา ( แผนการสอน ) 6. บญั ชีรายชือ่ 7. แผนภูมติ าง ๆ เกย่ี วกบั กจิ กรรมลูกเสอื เพอ่ื ประกอบการสอน / สอ่ื 8. บนั ทึกรายงานการประชุมนายหมู 9. หนงั สือคูมอื ตา ง ๆ การแนะนําการใชแ บบพิมพต าง ๆ ล.ส. 1 ( คํารอ งขอจัดต้งั กลมุ ลกู เสอื หรอื กองลูกเสือ ) คํารองนี้ สําหรับขอจัดต้ังกลุมลูกเสือหรือกองลูกเสือใหม ใหทําคํารอง 3 ฉบับ เก็บไวที่กอง 1 ฉบับ ถาสังกัดสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติ ใหทํา 2 ฉบับ เก็บไวท่ีกอง 1 ฉบับ และสงที่ สาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติ 1 ฉบบั ล.ส. 2 ( ใบสมัครขอเปน ผบู ังคับบัญชาลูกเสอื ฯลฯ ) ใบสมัครขอเปน ผูบังคับบัญชาลูกเสอื ผตู รวจการลูกเสือ และเจา หนา ที่ลกู เสอื จะตอ งทํา 2 ฉบับ 3 ฉบบั เชน เดียวกับ ล.ส. 1 ล.ส. 3 ( ใบสมคั รเขาเปน ลกู เสือ ) เมื่อเด็กสมัครเขาเปนลูกเสือจะตองเขียนใบสมัคร ไมวาจะเปนลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือ สามัญรุนใหญ ลกู เสอื วิสามญั เม่ือสมคั รเขา เปนลูกเสือประเภทใหมจะตอ งเขียนใบสมัครใหม ล.ส. 4 ( ใบโอนกอง ) ลูกเสือทุกประเภทเมื่อสมัครไปอยูกองใหม จะตองขอใบโอนกองจากกองเดิมพรอมท้ังแนบบัตร ประจาํ ตัวลูกเสอื ไปดว ย ล.ส. 5 ( รายงานประจําป ) จะตองสงรายงานประจําป สาํ นักงานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหงชาติ ในเดอื นมนี าคมของทกุ ป ล.ส. 6 ( ทะเบยี นลกู เสือสาํ รอง ) กองลูกเสือสํารองจะตอ งมีทะเบยี น โดยถอื เสมือนหน่ึงทะเบียนนักเรียนของโรงเรียน ( ลูกเสือสํารอง ทไ่ี ดเขาประจาํ กองแลวลงช่อื ในทะเบยี นนไ้ี ด ) ในทะเบียนน้ีจะมี - บัญชเี กบ็ เงินคาบาํ รุงลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดนิ ทางไกลและการพักแรมบัญชีรายรบั – จาย ของกองลกู เสอื - บญั ชที รพั ยสนิ ของกองลูกเสอื
ล.ส. 7 ( ทะเบยี นลูกเสอื สามญั ) ในทะเบียนน้ีจะมี - บัญชเี กบ็ เงินคา บํารุงลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดินทางไกลและการพักแรมบัญชรี ายรบั – จาย ของกองลกู เสอื - บัญชที รพั ยสินของกองลกู เสือ ( ลกู เสอื สามัญทีส่ อบวิชาลกู เสอื ตรไี ดแลวไดเขา ประจาํ กองแลว จึงจะลงบัญชีได ) ล.ส. 8 ( ทะเบยี นลูกเสือสามัญรนุ ใหญ ) ในทําเบียนนจ้ี ะมี - บัญชเี กบ็ เงนิ คา บํารุงลกู เสือ - ผลการเรยี น - การเดนิ ทางไกลและการพกั แรมบญั ชีราย รบั - จาย ของกองลูกเสือ - บัญชที รพั ยส นิ ของกองลูกเสือ ล.ส. 9 ( ทะเบยี นลกู เสอื วสิ ามญั ) ในทําเบยี นนจ้ี ะมี - บัญชเี กบ็ เงินคา บาํ รงุ ลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดนิ ทางไกลและการพกั แรมบญั ชรี าย รับ - จาย ของกองลกู เสือ - บญั ชีทรัพยสินของกองลูกเสือ ล.ส. 10 ( รายงานการเงนิ ของลกู เสอื ) ใหสงถึงสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติปละ 2 งวด งวดแรกเดือนสิงหาคม งวดท่สี องเดอื นมีนาคม ล.ส. 11 ( ใบต้ังกลุมลกู เสอื ) เมื่อสํานักงานคณะกรรมการบริงานลูกเสือแหงชาติหรือผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด อนุญาตใหต้ัง กลุมได กอ็ อกไปต้ังกลมุ ได ล.ส. 12 ( ใบตง้ั กองลูกเสอื ) เม่ือสาํ นักงานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหง ชาติหรือผอู าํ นวยการลูกเสอื จงั หวัด อนุญาตใหต้ังกอง ได ก็ออกไปตั้งกองให ล.ส. 13 ( ใบตง้ั ผบู ังคับบญั ชาลกู เสอื ) เม่ือผูมีอํานาจสั่งแตงตั้งผูใดเปนผูบังคับบัญชาลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือกรรมการลูกเสือ และ เจาหนาที่ลกู เสือ ก็ออกใบแตง ต้ังให ล.ส. 14 ( ใบหนังสอื สาํ คัญคูกบั เข็มลูกเสอื สมนาคณุ ) การบริจาคทรัพยบํารุงกิจการลูกเสือ เมื่อเขาเกณฑจะไดรับเข็มสมนาคุณนอกจากจะไดรับเข็มแลว จะไดร ับหนงั สอื สําคญั ประกอบดว ย ล.ส. 15 ( บตั รประจําตัวลกู เสอื สาํ รอง ) ล.ส. 16 ( บัตรประจาํ ตวั ลูกเสือสามัญ ) ในบตั รมตี ารางสอนลูกเสือตรี - โท - เอก และวิชาพิเศษลกู เสอื สามญั ล.ส. 17 ( บตั รประจําตวั ลูกเสือสามญั รนุ ใหญ ) ในบัตรมตี ารางสอนวิชาพเิ ศษลูกเสือสามัญรุนใหญ ล.ส. 18 ( บัตรประจําตัวลูกเสือวสิ ามญั ) ในบัตรมตี ารางสอนวชิ าพเิ ศษลูกเสือวิสามญั
ล.ส. 19 ( ใบเสร็จรับเงินคาบาํ รุงลูกเสือ ) การแบงเงินคา บาํ รงุ ลูกเสือซึ่งเกบ็ คนละ 5 บาท ตอ ป หลงั จากหกั คนละ 50 สตางค สง บํารุงกิจการลูกเสือโลกแลว แบงดงั น้ี ก. กองลูกเสอื สังกัดสาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสอื แหงชาติ กรุงเทพมหานคร 1. เปน ของกอง 70 % (3.15 บาท ) 2. สงสํานกั งานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหงชาติ 30 % ( 1.35 บาท ) ข. กองลกู เสือสังกัดกรุงเทพมหานคร ( เทศบาล ) 1. เปน ของกอง 72 % ( 3.24 บาท ) 2. สง กรงุ เทพมหานคร 16 % ( 0.72 บาท ) 3. สง สํานกั งานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหง ชาติ 12 % ( 0.54 บาท ) ค. กองลกู เสือสงั กัดอาํ เภอ จงั หวัด ( สว นภมู ภิ าค ) 1. เปนของกอง 70 % ( 3.15 บาท ) 2. สง อําเภอ 8 % ( 0.36 บาท ) 3. สง จงั หวดั 8 % ( 0.36 บาท ) 4. สง เขตการศึกษา 8 % ( 0.36 บาท ) 5. สงสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหง ชาติ 6 % ( 0.27 บาท ) ง. กองลกู เสอื เทศบาลสวนภมู ิภาค ( ไมมีสังกัดอาํ เภอ ) 1. เปน ของกอง 70 % ( 3.15 บาท ) 2. สงอาํ เภอ 8 % ( 0.36 บาท ) 3. สง จงั หวดั 8 % ( 0.36 บาท ) 4. สง เขตการศกึ ษา 8 % ( 0.36 บาท ) 5. สงสํานกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสอื แหงชาติ 6 % ( 0.27 บาท )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159