Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

Published by apinuchs, 2019-09-24 03:42:56

Description: คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

Search

Read the Text Version

เง่ือนบุกเบิก หรือบางคนเรียก เงื่อนขโมย เปนเง่ือนท่ีใชผูกกับหลักวัตถุหรือก่ิงไม เพื่อใชโหนขามคลอง ร้วั กําแพงหรอื ใชผกู เรือ แพหรือสัตวและสามารถแกไดง าย , โดยดงึ ปลายเชอื กอกี ขางหนง่ึ เมอื่ เลิกใช ข้นั ท่ี 1 ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 ขนั้ ที่ 4 เชือกใชส้ าํ หรับโหนตวั โหน เชือกท่ีดึงแก้ เมื่อเลิกใช้

เงื่อนเกาอ้ี เปน เง่ือนท่ีใชกภู ยั ชวยคนท่ีตดิ บนอาคาร ที่ไมส ามารถลงมาไดทางบันได หรือใชช ว ยดึงคนจากท่ี ตํา่ เชน บอ , หลมุ , เหว ขนั้ ที่ 1 ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ ที่ 3 ขั้นท่ี 5 ข้ันที่ 4

เงือ่ นผกู กระดาน เปน เงื่อนใชผูกกระดาน / แผน ไมหรอื แผนเหล็ก สาํ หรบั โหนขางผนงั หรอื ขางเรือเดินสมุทรเพื่อใช น่งั เคาะสนิม / ทาสหี รอื ซอมเรอื ใชผูกทําชงิ ชาน่งั เลน ขั้นท่ี 1 ข้นั ท่ี 2 ขั้นท่ี 3 ขัน้ ท่ี 4

การผูกกากบาท เปน การผูกแนน ใชส าํ หรับผูกไมหรือเสาเขา ดวยกนั เพ่ือใหเ กิดความแนนหนา ข้นั ท่ี 1 ขัน้ ที่ 2 ขั้นที่ 3 ข้นั ที่ 4 การผกู ทแยง หรือบางทานเรียกเงือ่ นผูกไขว เปน เงื่อนผกู แนน ใชผ กู ไมหรอื เสา 2 อนั เขาดว ยกนั ข้นั ที่ 1 เริ่มตน้ ดว้ ยเงื่อนผกู ซุงกบั ไมห้ รือเสา ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 จบดว้ ยเง่ือนตะกรุด

การผูกประกบ เปน การผูกแนน ใชสําหรบั ผูกตอ ไม 2 อันเขา ดว ยกนั เพ่ือใหมีความยาวเพมิ่ ขน้ึ ขน้ั ที่ 1 ข้ันที่ 2 ขั้นท่ี 3 ข้นั ท่ี 4 ขัน้ ท่ี 5 ข้นั ท่ี 6

เงอ่ื นผกู แนน มี 3 เงอ่ื น คือ ผูกกากบาท ผูกทแยงและผูกประกบ ผูกกากบาท ผูกกากบาทญีป่ นุ ผูกทแยง ผูกทแยงฟลปิ นส ผกู ประกบ 2 ผูกประกบ 3 ( 1 ) ผกู ประกบ 3 ( 2 )

เงื่อนเก็บปลายเชือกแบบแทงกลับ ( Back splice ) เปนการเก็บเชือกเสนใหญท่ีมีเกลียว แตละเกลียว หนาใหญ เพอ่ื มิใหเ ชือกคลายเกลียว ข้ันท่ี 1 ขัน้ ท่ี 2 ข้นั ที่ 3 ข้ันท่ี 4 ขั้นท่ี 5 ขน้ั ท่ี 6 เมือ่ เสรจ็ แลว

ตอ ส้นั ( Short splice ) ใชใ นการตอ เชือกท่มี ขี นาดเทากัน แตเ ม่อื ตอ แลว เชือกจะเสน ใหญข ึ้นเล็กนอ ย เมื่อเสร็จแลว

แทงบวงตา ( Eye splice ) บางทีเรียกวา Marline eye Splice ใชในการคลองบวงของชาวประมงในงานตาง ๆ เรยี บและไมมีปม เพราะแทงสลับในเกลียว ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ ที่ 2 ขั้นท่ี 3 เมื่อเสรจ็ แลว





สะพานลงิ ตนไม The Lofted Bridge สะพานลิง The Monkey Bridge

สะพานโยง Suspension Bridge สะพานยก The Draw Bridge สะพานกระดก The Counterweight Bridge

สะพานบันไดเชอื ก The ladder Bridge ปน จนั่ Swinging Derrick ยกยอ

หอสองเสา หอปรามดิ Stilt Tower Pyramid Tower หอประภาคาร The Beacon Tower



แบบ Simple แบบ Camremonial แบบ Skyion

การถกั สายนกหวีด ใชสาํ หรบั ถกั สายนกหวดี ของนายหมูลูกเสอื ฯ และผกู ํากบั ลกู เสือท่ียังไมไดรบั เครื่องหมายวูด แบดจ ( สายบดี จ ) สายนกหวดี ของลูกเสือและผูกํากบั จะมีสีแตกตา งกนั คือ ลูกเสอื จะเปน สายไหมสีเหลืองลว น ๆ ผกู ํากับลูกเสอื จะเปนสายไหมสีเหลือง ขลิบดํา



สายยงยศเนตรนารี สามญั รุนใหญ ทาํ ดวยสายไหมสีเลือดหมู ถกั เปน หวงคลองตน แขนขวาใตอินทนู



ลูกเสือ ท่จี ะเดนิ ทางไกลและอยูคายพกั แรม จาํ เปน จะตองจดั เตรยี มอุปกรณตาง ๆ ดังน้ี 1.เครื่องใชป ระจาํ ตัว ลูกเสอื แตล ะคนจะตองเตรยี มเฉพาะส่ิงของจําเปนจริง ๆ เมอื่ ไปอยูคายพักแรม ดังนี้ 1. เปหรอื กระเปาใสเ สอ้ื ผา สิ่งของ 7. เข็มทิศ แผนท่ี สมดุ บนั ทกึ การเดินทาง 2. เครื่องแบบลูกเสอื ชุดลาํ ลอง 8. ดินสอ ปากกา ไฟฉาย 3. สบู ยาสฟี น แปรงสฟี น ขนั นาํ้ ผา เช็คตวั 9. หนาฝน ควรมีเสือ้ กันฝน ผา ผลัดอาบนํา้ 10. เชือกสําหรับผูกมดั สง่ิ ของเล็ก ๆ นอ ย ๆ 4. ผาหม นอน เสอ้ื ผาสําหรบั ใสผลัดเปลีย่ น 11. ไมง าม กลองถา ยรปู ( ถามี ) 5. จาน ชอน กระตกิ นํ้า รองเทาแตะ 12. รองเทา ถุงเทา มีสภาพดี ใสไดสบาย 6. ยารกั ษาโรค 13. เตนทท ี่นอน 2.เคร่ืองใชป ระจาํ หมู จะตองเปน ไปตามความจาํ เปนและตอ งแบงกันรับภาระในการจดั หา และการนาํ พาไป ดงั น้ี 1. เครอื่ งครวั ที่จาํ เปน เชน หมอ หุงขาว 5. ยาขดั รองเทา เครื่องขดั โลหะ ท่เี ปดกระปอง กระทะ หมอแกง เปน ตน 6. ไมข ีดไฟหรือไฟแช็ค กระดาษชําระ 2. อาหารแหง 7. ธงหมู 3. ขวานเลก็ มีดโต มีดทาํ ครัว พลว่ั สนาม 8. กระเปายาประจาํ หมู 4. ถงั ตักน้าํ กาละมัง ตะเกยี ง 3.เครอื่ งใชใ นการฝก ข้ึนอยูกับวาฝกเร่ืองอะไร มีโปรแกรมอยางไร จะตองนําเคร่ืองใชอะไรไปบางในการฝกอบรม เชน เชือก สาํ หรบั งานบกุ เบิก รอก ไม ฯลฯ การวางแผนกาํ หนดการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียน การบริหารงานการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียนนั้น สิ่งที่ชวยใหการดําเนินงานไดบรรลุเปาหมายหรือ วัตถุประสงคอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพนน้ั จาํ เปนตองมีแผนดําเนินการฝก อบรม โดยเฉพาะการฝกอบรมลูกเสือในโรงเรียน มีกิจกรรมตาง ๆ มากมาย การสอนจะใชวิธีการสอนคนเดียวอยางวิชาอ่ืน ๆ ไมไดจําเปนตองอาศัยทีมงานรวมกัน วางแผนรว มกันสอน เพื่อใหก ิจกรรมหรอื การฝกอบรมลกู เสอื ในโรงเรยี นนั้นบรรลเุ ปา หมาย หลกั เกณฑใ นการวางแผนกําหนดการฝก อบรมลูกเสอื ในโรงเรยี น นายกอง วิสทุ ธารมย ผตู รวจการลกู เสอื ฝา ยฝกอบรมไดบ รรยายไว ดังนี้ 1. การวางแผนกาํ หนดการฝก อบรม คอื การทาํ กาํ หนดการเพื่อใหเกิดมีการฝกอบรมข้ึนถาไมมีกําหนดการ บอกไว การฝกอบรมจะไมเกิดข้ึน การฝก อบรมเปนสิ่งจําเปนสําหรับกิจกรรมลกู เสอื เพราะควรฝกอบรมจะทาํ ใหกจิ กรรมลูกเสือพฒั นากา วหนา

2. การเตรยี มการเพ่ือการวางแผนกําหนดการฝกอบรม 2.1 คิดถึงงานทที่ ํา 2.2 คดิ ถงึ ทรัพยากรที่มอี ยู 2.3 คิดถึงวธิ ีการสํารองไวลวงหนาใหป ฏิบัติไดจริงเมอ่ื มเี หตุการณฉุกเฉนิ 2.4 หารือกนั เพื่อลงมติอภปิ รายข้ันตอนตาง ๆ กบั สมาชิกเพือ่ ขอมติ 2.5 เขยี นแผนงานสดุ ทาย 3. ส่งิ ที่ควรรใู นการวางแผน 3.1 จํานวนลูกเสอื ในกองลกู เสือ 3.2 จํานวนผูรับผดิ ชอบในการฝก อบรม 3.3 สถานท่ฝี กอบรม 3.4 อุปกรณใ นการฝก อบรม 3.5 ระยะเวลาในการฝก อบรม 3.6 บคุ คลหรอื หนว ยงานทจ่ี ะตอ งขอความชว ยเหลอื และสนับสนุน 4. ขอควรจําในการวางแผนกาํ หนดการฝกอบรม 4.1 การวางแผนตองทาํ กอนลงมือปฏิบัติแตเ น่นิ ๆ 4.2 ควรมกี ารทบทวนแผน 4.3 ถาไมมีการวางแผน กจ็ ะไมมกี ารจัดรูปงาน • การมอบหมายหนา ทแี่ ละความรับผดิ ชอบ • การปกครองและการบังคับบญั ชาส่ังการ • การควบคมุ การฝก อบรม • การประเมินผล 5. ประโยชนข องการวางแผนทาํ กําหนดการฝกอบรม 5.1 ไดรับผลตามทต่ี องการ 5.2 ไดใชทรัพยากรอยา งมีประสิทธภิ าพ ( คน เครอ่ื งมือ วัสดุ เงิน ) 5.3 ไดรบั ผลตอบแทนในการทาํ งานและการลงทุนอยางนาพึงพอใจ 6. ขอควรสงั เกตในการวางแผนกําหนดการฝกอบรม 6.1 การวางแผนระยะยาว เกิดจากมติหรือการตกลงระหวางสมาชิกในกองลูกเสือ 6.2 ในระยะเวลาหน่งึ ควรจะไดมกี ารทบทวนวัตถุประสงคของแผนงานนั้น ๆ บาง 6.3 จดุ หมายของแผนปฏิบัติหรอื โครงการตาง ๆ อาจเปลย่ี นหรอื ปรบั ปรุงได วธิ ีการทําการวางแผนกาํ หนดการฝกอบรมลกู เสือในโรงเรยี น การจัดทาํ กาํ หนดการฝก อบรมมใิ ชของยากเยน็ อะไร หากไดท ําไปตามข้ันตอนดังกลาว ตอไปน้ี ก. ทาํ กาํ หนดการฝก อบรมท่ัวไปประจาํ ป ( ระยะยาว ) ข. ทํากําหนดการฝก อบรมประจาํ สปั ดาห ( ระยะส้ัน )

การประชุมกอง ครั้งที่ ............. วนั พฤหัสบดที ่ี 22 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ( 60 นาที ) 1. เปด ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ) อ.สมศกั ดิ์ 10 นาที 2. เกม / เพลง อ.สชุ าติ 5 นาที 3. วิชาการ การผกู เง่อื น 1 20 นาที อ.สมพงษ 10 นาที • ฐานที่ 1 ศัพทเ กีย่ วกับเงอื่ น อ.สมหวัง 5 นาที • ฐานที่ 2 พริ อด อ. จํารสั 10 นาที • ฐานท่ี 3 ขัดสมาธิ อ. สมาน • ฐานท่ี 4 ประมง อ.สชุ าติ 4. เกมทดสอบ อ.สมศักด์ิ 5. ผกู ํากับเลาเรือ่ งสนั้ อ.สมศักด์ิ 6. ปด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลิก) หมายเหตุ 1. รวมเวลาทัง้ 6 ขัน้ ตอน ตองเทากับเวลาทง้ั หมด 2. ระบผุ ูรบั ผดิ ชอบแตล ะขอ แตละตอนใหช ดั เจน 3. การสอนเกม การอยูประจําฐานตามขอ 2 – 3 คือ รองผูกํากับ ระบุผูกํากับรับผิดชอบให ชดั เจนเพ่ือการเตรียมตัวลว งหนา

การประชุมกอง ครง้ั ที่ ............. วันพฤหัสบดที ี่ 19 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2562 ( 60 นาที ) 1. เปด ประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ) อ.สมนกึ 10 นาที 2. เกม/ เพลง อ.สชุ าติ 5 นาที 3. วชิ าการ การผูกเงอื่ น 4 อ.สาํ เรงิ 20 นาที อ.สรุ ศกั ดิ์ 10 นาที • ฐานที่ 1 ตะกรุดเบ็ด 1-2 ช้นั อ.สขุ าติ 5 นาที • ฐานที่ 2 บวงสายธนู 1-2 ชน้ั อ. สมนกึ 10 นาที 4. เกมทดสอบ อ. สมนกึ 5. ผูกาํ กบั เลาเร่ืองสนั้ 6. ปด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลกิ ) หมายเหตุ 1. การเปด – ปด ประชมุ กองลกู เสือสามัญ - สามญั รุนใหญ จะมกี ารตรวจอยู 2 ลกั ษณะ คือ รองผูกํากับเปนผตู รวจหรอื นายหมเู ปน ผูต รวจ 2. การตรวจ ในพิธปี ดประชมุ กอง จะเปน การตรวจเครื่องแตงกายเทา นั้น

การชุมนุมรอบกองไฟ( Camp Fire )เปนกิจกรรมที่สําคัญอยางหน่ึงของการลูกเสือซึ่ง บี.พี. ไดนํามาใช ตั้งแตแรกคิดจัดตั้งกองลูกเสือ ข้ึนเม่ือป พ.ศ.2450 ( การเลนหรือการแสดงรอบกองไฟเปนสวนหนึ่งของการชุมนุม รอบกองไฟเทา น้นั ) เพอื่ ประโยชนใหญๆอยู 2 ประการคอื เพ่อื เปนการฝก อบรม และเพ่ือเปนการบันเทิงการชุมนุม รอบกองไฟ ถอื เปนบทเรยี นบทหนง่ึ จุดมุงหมายหรอื ประโยชนส าํ คัญ 5 ประการของการชมุ นุม 1. เพอื่ เปน การฝกอบรมลูกเสอื ท้ังในดา นวิชาการ และดานนิสัยใจคอ ทําใหเกิดความสามคั คี 2. เพอื่ เปนการพักผอ นหยอนใจ ทําใหเกิดความราเรงิ สนกุ สนานเบกิ บานใจ 3. เพื่อใหม ีประสบการณ ไดร บั ความรเู พ่มิ เตมิ จากบทบาทของตน และการแสดงของผูอื่น 4. เพ่อื ใหเดก็ และผใู หญ ไดมโี อกาสทาํ งานรว มกนั 5. เพ่อื เปน การเผยแพรกิจการลกู เสือ วธิ ปี ฏิบัติ 1. ถา เปนไปได การแสดงควรแสดงทงั้ หมู 2. พยายามชกั จูงใหผอู ่นื ไดมารวมแสดงดวย 3. เนอื้ เร่อื งการแสดง ควรเปน ก. องิ ประวตั ิศาสตร หรอื วรรณคดี ข. ขนบธรรมเนียมประเพณีของทอ งถิน่ ค. นิยายทเี่ ปน คติสอนใจ ง. เร่ืองตลก ขบขัน 4. สว นเรื่องทีไ่ มควรแสดง เชน เร่อื งไรสาระ ผสี างนางไม ลามกอนาจาร เสยี ดสสี ังคมหรือบุคคล ลอเลียนศาสนา 5. การแสดง ตอ งแสดงใหจบภายในเวลาท่กี าํ หนด การเตรยี มการชุมนุมรอบกองไฟ 1. กําหนดสถานที่ทจี่ ะใชชมุ นมุ รอบกองไฟ ควรอยูหางจากท่ีพักแรม มบี ริเวณเพียงพอ 2. เตรยี มประธาน พธิ กี ร ซงึ่ เปนผนู าํ ในการชมุ นมุ รอบกองไฟ และผตู ดิ ตามอีก 2 คน 3. การกอกองไฟ อาจจะใช กองไฟจริง หรือ กองไฟเทียม 4. กําหนดการแสดง และหมบู ริการ จัดสถานท่ชี ุมนุม ฯ ข้นั ตอนการชุมนุมรอบกองไฟ ลาํ ดับขัน้ ตอน 1. การจดั สถานท่ี / กอกองไฟ 2. พธิ ีเปดชมุ นุมรอบกองไฟ - ประธานลาวเปด - เพลงในพิธีเปด - เพลงปลกุ ใจ 1-2 เพลง - ( สดุดีมหาราชา ) - เพลงแหพวงมาลัย พุมสลาก - เพลงรําวง ( ไมบังคับ )

3. จบั สลากการแสดง 4. การกลา วชมเชย 5. การกลา วตอบคําชมเชย 6. พิธีปดการชุมนมุ รอบกองไฟ - พิธีกรนํารองเพลงเยน็ ๆ ( ลาวดวงเดอื น / สรอยเพลง ) - ประธานกลา วยาน ( เลา เรอ่ื งสัน้ เปนคติ ) - เพลงสามัคคีชุมนุม ( จับมือเปน วงกลม ) - สวดมนต - เพลงสรรเสริญพระบารมี รายละเอียดขน้ั ตอนการชุมนมุ รอบกองไฟ การจดั สถานที่ • หมูบริการจัดสถานที่ เรียกผูเขารวมชุมนุมนั่งรอบกองไฟ ซึ่งอาจจัดเปนรูปวงกลม คร่ึงวงกลม เกือกมา เมือ่ ใกลถ งึ เวลา ใหหมบู รกิ ารจุดไฟ หรือ ฯลฯ   = ประธาน    = ผตู้ ิดตาม  = แขกผมู้ ีเกียรติ 0 = ลูกเสือ - เนตรนารี พธิ ีเปด การชมุ นุมรอบกองไฟ • ประธานในพธิ เี ขามา พธิ กี รสงั่ “กอง - ตรง” ทุกคนยืน ประธานเดินไปหนากองไฟ ยกมือขวาแสดงรหัส ลกู เสอื ยนื่ ไปขา งหนา ประมาณ 45 องศา แลวกลาวเปด การชุมนุมรอบกองไฟ การรองเพลงเปด • เมื่อประธานกลาวเปดแลว ทุกคนรอง ฟู ฟู ฟู 3 ครั้ง แลวรองเพลงปลุกใจ 1 - 2 เพลง ( เพลงสดุดีมหาราชา 2 รอบ ) พวงมาลัย พุม สลาก • หมูบรกิ ารนาํ แหพ วงมาลัยและพุมสลากรอบกองไฟ 3 รอบ ( วนขวามอื ) ไปมอบใหประธานในพิธี การแสดง • พิธีกรเชิญประธานจับสลากจะใหหมูใดแสดง ใหนายหมูบอก “หมู...ตรง” ( หมูที่แสดงยืนอยูกับที่ไมตอง ออกมาเขาแถวหนาประธาน )เฉพาะนายหมทู าํ วนั ทยาหัตถ ( เมือ่ ไมม ีอาวธุ ) ทําวนั ทยาวธุ (เม่ือมีอาวุธ) แลว เรมิ่ แสดง เมื่อแสดงจบ ใหก ลบั ท่เี ดิมนายหมสู ัง่ “หม.ู ..ตรง” นายหมูทําความเคารพคนเดียว เชน เดิม การกลา วชมเชย • การกลาวใหกับหมูที่แสดง ผูนํากลาวชมเชยกาวออกไปขางหนา 1 กาวกลาววา “พี่นองลูกเสือโปรดยืนข้ึน และกลาวตามขาพเจา 3 คร้ังวา “......” นับ 1,2-3 ทุกคนหันหนาไปทางหมูท่ีแสดง โดยกํามือขวา จาก หัวใจ ขวา งมอื ไปขางหนาทิศทางทผี่ แู สดงยืนอยู 3 คร้งั แลวนง่ั ลง

การกลา วตอบ • หมูท่แี สดงจบ จะกลา วตอบสน้ั ๆ เพยี งครั้งเดยี ว โดยเอามอื ขวาทบั มือซา ยแลว กมศีรษะ ตอบวา “.........” พธิ ีปด • กอนปด เมอื่ การแสดงทุกหมจู บลง พธิ ีกรนํารอ งเพลงเยน็ ๆ เชน ลาวดวงเดือนหรอื สรอยเพลง 1 จบ • เชิญประธานออกไปเลาเร่ืองสั้น ท่ีเปนคติ ( ประธานจะออกไปยืนหนากองไฟ ) และกลาวปด ....จบดวย ขาพเจาขอปดการชุมนุมรอบกองไฟ ณ บัดน้ี ( ชวงน้ีทุกคนที่อยูในท่ีน้ันนั่งตามปกติ ) ประธานกลาวปดไม ตองยกมือขวาเหมือนตอนเปดจากน้ัน พิธีกร ในพิธีสั่ง “กอง...ตรง” ใหทุกคนยืนขึ้นแลว รวมรองเพลง สามคั คชี ุมนุม • ลูกเสอื - แขกผมู เี กียรตใิ นที่น้นั รวมรองเพลงสามัคคชี ุมนุม จับมอื เปนวงกลม มอื ขวาทับมอื ซาย • สวดมนต เมอื่ รองเพลงจบ หมูบ ริการนาํ สวดมนต ( ศาสนาอื่น สงบน่งิ ) • เพลงสรรเสริญพระบารมี สวดมนตจบ ใหทุกคนหันหนาไปทางทิศที่ในหลวงประทับอยู แลวรองเพลง สรรเสริญพระบารมี จบแลว ทุกคนแยกยายกันกลบั ที่พัก ( อาจมกี ารนดั หมาย ) คําท่ีควรใชใ นการกลาวชมเชย ตามพิธกี ารของลกู เสือ รวบรวมโดย พนั เอกสรุ พชิ ย อมรวเิ ชษฐ ผตู รวจการลกู เสอื ประจาํ สํานักงานคณะกรรมการบริหาร ฯ ผกู ลา วนาํ “ พ่นี อ งลูกเสอื ทั้งหลาย จงกลา วคําชมเชยใหแก ........... โดยพรอมเพรียงกัน ดวยถอยคํา ตอไปน้ี 3 ครั้ง ...... หน่ึง สอง สาม ” กรณเี มือ่ จบการแสดงหรอื การแขงขัน เกงนัก จักจาํ ไว , จบเม่ือไร ไมรูต ัว , สวยอยา งน้ี ไมมใี ครสู , บญุ ตา ทีไ่ ดม าเห็น , ท่ีหนง่ึ ไมม สี อง , ผูชายก็ยอด ผูหญิงก็เย่ียม , เกงแท ไมแพใคร , เราอยากเกงเหมือนทาน , เกงอยางนี้ ขอใหเกงตอไป ,สนุกแท ลืมแกไปเลย , ซาบซงึ้ นัก จกั ทาํ ตาม , เปนคติดี มีประโยชน , แสดงมา หาดยู าก , ลวดลายดีไมมสี อง , แสดงได คลายของจริง , สม บทบาท ไมพลาดเลย , แสดงไดดี ไมม ตี ิ , ขอจําไวไ ปเลน บาง , มีคตหิ นาคิดสะกิดไดม นั ส , ขําขัน คร้ืนเครง , บรรเลง ไดด ี ทา ทสี มจรงิ ชายน้งิ หญงิ เยยี่ ม หาเทียบไมได , จาํ ไวเปน ครู , ดูแลว ไมเ บื่อ , ชวนเชือ่ ใหเ พลนิ เดินเรื่องไดเหมาะ , แคะเคาะหนาท่งึ , ซาบซึง้ ใจนัก , จักขอเปนแบบ , แนบแนนอารมณ , สุขสมบันเทิง , รื่นเริงทั่วกัน , สุขสรรคลืมบาน , เชี่ยวชาญการแสดง , แจกแจงไดดี , ไมมีใครแขง , แปลงเร่ืองไดสนุก , หมดทุกขกังวล , ทานทนดีแท , รูแนวายอด , ถายทอดไดเหมือน , สะเทือนใจคนดู ,ไดเรื่องแปลก ,แทรกมุขสนุกแท , ดีแนตลอดไป , ยากใครทําได , เพลินไปไมรูตัว , ดีทั่วผูแสดง , ขันแข็งสามัคคี , รูดีประวัติศาสตร , ไมซ้ําซากสาระ , สะใจคนชม , คําคมซาบซ้ึง , นา ท่ึงตอนจบ , ครบเร่ืองเปนคติ , เร่ิมพฒั นา , สรรหามาแปลก , แนวแหวกมาโชว , อาโอ ซาบซา , ทีทา พาใหเช่อื คาํ กลาวตอบ ของผแู สดง 1 ครง้ั ขอบพระคณุ , ชมไดไ พเราะ , พอเหมาะเวลา , ไมเ หลิงคํายอ , หยอกลอกันเอง , ยังเกรงไมผาน , ทานชอบ เราขอบใจ , ทา นสนกุ เราสนุกดวย , ชมวาดี เรามสี ขุ , ไมม ีทุกข เราสุขใจ , ถาผิดไป อภัยดวย ,อยากชวยใหครื้นเครง , ไมเกงเหมือนคํากลาว , เร่ืองราวตองแกไข , ดีใจ ทําใหสนุก , อยากปลุกใหรักชาติ , ผิดพลาดขออภัย , ทําไดเพราะ ลกู เสอื , ไมเ บ่ือชมสมต้ังใจ , เปนไปเพราะใจเดียวนอมรับจับจิตแท , ไมแนไมแสดง , อยาตะแบงคําชม , ไมหลงคําคม ปาก , ไมย ากหากชว ยกนั , มพี ลังฟงคาํ ชม

กรณีมีผมู าเยยี่ ม นาํ อาหาร เคร่ืองด่ืม ส่ิงของมามอบให กลาวนํา เสยี สละมา พาต้ืนตันใจ , พ่ีมาพาใหนองอิ่ม , เสียสละใหนองตองบูชาน้ําใจพ่ีดีหนักหนา , พ่ี จา นองจะไมลืมคุณ , ซาบซงึ้ เหลือหลาย , อายุวรรณะ สุขะพละ , พี่มาพานองสบาย , รักใดไมเทานํ้าใจพ่ี , นํ้าใจดี หนอ , ขอใหเจริญ , ซึ้งใจนัก จักไมลืม , พ่ีรุนนี้ดีแท ไมแพใจ , เหนื่อยเต็มที่ พ่ีมาพาหายเหน่ือย , พ่ีดีกับ นอ งตอ งจําไว , หวิ หิว หวิ พ่มี าพาหายหิว , จงเจริญยง่ิ เหนอื สิ่งใด , วาเหวอยู ชางรูใจ , ความปราณีมีพระคุณ , พ่ีจา มาบอย ๆ ตน้ื ตนั ใจ , ความการณุ ขอทูลไว , ใจดไี มม ีใครเหมือน , ไมลืมเลือนเสมือนญาติ ตัวอยา งการกลา วการชมุ นมุ รอบกองไฟ 1. เชญิ พระเพลิง เรงิ เลน เปนสกั ขี เชญิ อัคคี ทร่ี อ นแรง แข็งขยัน เชิญพระเจา เฝาเหนือใต ใหม าพลัน ออกตกนั้น ฉันทูลเสร็จ เสด็จมา โปรดทวี สิ่งดเี ดน เปน หลักฐาน โปรดเผาผลาญ มารรา ย ท้งั ซา ยขวา อุปสรรค ขดั ขวางใคร อยา ไดม า ทั้งหลังหนา ผาสกุ สนกุ ปอง ขอเทวะ พระเจา เฝาปกปก มารียร ักษ พิทกั ษทาน ผานภยั ผอง ขอพระจิต ฤทธิ์เดชา มาคุม ครอง มานํารอ ง สอ งสวา ง นาํ ทางเทอญ บดั น้ีไดเ วลาสมควรแลว ขาพเจาขอเปด การชมุ นุมรอบกองไฟ ณ บดั น้ี ............. ฟู ... ฟู ... ฟู ... ประพันธโ ดย คุณพอ วิจิตร ลิขติ ธรรม 2. จากแสงไฟที่ลุกโชติชวงอยู ณ บัดน้ี เปรียบประดุจกิจการลูกเสือท่ีรุงโรจน สวน เถา ถานท่ีมอดดับเหมือนกับสิ่งท่ีเราไดทําผิดพลาดไวขอใหสลายไป ถึงเวลาแลวขาพเจาขอเปด การชุมนมุ รอบกองไฟ ณ บดั น้ี

เมื่อลูกเสือ - เนตรนารี เดินทางไกลและอยูคายพักแรม จําเปนอยางยิ่งที่จะใชความรอนในการประกอบ อาหาร และใหความสวา ง จงึ จําเปน ท่ีจะตอ งเรียนรู การกอ กองไฟมี 2 ลกั ษณะคือ 1. การกอ กองไฟเพอ่ื ใชใ นการประกอบอาหาร มีวิธีทําไดหลายๆ วิธีท้ังนี้ขึ้นอยูกับสถานท่ีหรือ วิธีท่ีจะทําให อาหารสุก โดยวิธี ตม ยาง เผา ทอด ปง ฯลฯ ดังรปู เตาแขวน เตาแขวน ( คนั ยอ ) เตาสามเสา เตาสามเสา ( ใชหนิ ) เตาราง เตาอุโมงค เตาสามเสา ( ใชไมสด ) เตาขอนไม 2. การกอ กองไฟเพื่อใหแสงสวาง มีวิธีการกอไดหลายวิธีขึ้นอยูกับจุดประสงคท่ีจะใช วาใหสวางมากหรือนอย เพียงไร เชน การกอ ไฟในการชมุ นุมรอบกองไฟ ปองกันสัตว มวี ิธกี อ ดังนี้ ก. กอแบบกระโจมอินเดยี นแดงหรอื แบบปรามิด ซ่งึ จะใหความสวา งมาก แตอ ยูไ มน าน

ข. กอ แบบคอกหมู จะใหค วามสวา งนอย แตอยูไดน าน ค. กอแบบผสม คือ กอ แบบกระโจมอยดู านใน แลว ทาํ คอกหมลู อ มรอบ ใหค วามสวาง อยูไดนานใชในการ ชมุ นมุ รอบกองไฟ • เพลงมบี ทบาทสําคญั มานาน ตง้ั แตส มัยประวัติศาสตร • เพลงเปน เครอื่ งแสดงถงึ สตปิ ญ ญา และคณุ ธรรมของประเทศชาติ • เพลงเปน สือ่ กลางในการตดิ ตอ และสรา งความเขาใจกนั ไดด ี • เพลงเปนเคร่ืองพัฒนาอารมณใหเบิกบาน แจมใส เสียงและทํานองของเพลงเปนการแสดงออกถึง ความชน่ื ชมยินดี หรือความเศราโศกเสยี ใจ การรอ งเพลงเปนการใหความสุขและความพึงพอใจ ทั้ง ผูรอ งและผฟู ง • การรองเพลงชวยบํารุงสุขภาพทั้งทางกายและจิต ( เปนคําวินิฉัยในทางการแพทย ) การรองเพลง เปนเคร่ืองกระตุนใหเกิดการหมุนเวียนของโลหิตและระบบประสาทชวยกระตุน ความหิวกระหาย อยางนอยก็กระหายน้ํา น้ําเปนส่ิงที่กอใหเกิดความชุมชื่นในรางกายและเกิดพลังขณะรองเพลง เรา ตอ งผอนลมหายใจเขาออกตามจงั หวะ ส้ัน-ยาว ของทาํ นองเพลง ทําใหปอดขยาย เขา – ออก ถา

รองเพลงบอย ๆ เทากับเปนการชวยเสริมสรางใหทรวงอกเจริญเติบโตแข็งแรงฉะน้ันจึงเห็นไดวา ทําไมเราจงึ ตอ งปลกู ฝง ใหเด็กไดมีการรองเพลง เพราะนอกจากจะชวยสรางเสริมสุขภาพแลว ยังเปน การชวยใหเดก็ ไดออกเสียงอยางถูกตองดว ย • ในกิจการลูกเสือ การรองราํ ทาํ เพลง ถือเปนกจิ กรรมท่ีสําคัญอยางหน่ึง สําหรับการฝกอบรมลูกเสือ ทกุ ประเภท ใหไดรอ งเพลงบอ ย ๆ ( ทุกโอกาสท่จี ะหาได ) ประโยชนทจ่ี ะไดร บั จากการรอ งเพลง 1. เพ่อื ขบั กลอ มอารมณใหมีจิตใจผองใส 2. กอใหเกดิ ความสนกุ สนานรื่นเริง 3. ทาํ ใหเกิดความสามคั คีรักใครใ นหมคู ณะ 4. ผอ นคลายความตึงเครียดและเบ่ือหนายในบทเรยี น 5. ชวยเพ่ิมความจําในบทเรียนใหแ มนยาํ ย่ิงขนึ้ 6. เปน ยาแกง วงเหงาหาวนอนไดเ ปนอยา งดี หลักการสอนเพลง 1. ผูสอนตองมีความม่ันใจตนเอง เชน ม่ันใจวาจําจังหวะและทํานองของเพลงไดแมนยํา จําเนื้อรองได ครบถว น ( เพราะการรอ งเพลงนัน้ เขาไมน ยิ มทจี่ ะรองจากหนงั สือหรอื กระดาษ ) 2. รองใหฟ ง สกั เท่ียวหรือ 2 เทยี่ วกอนเพอ่ื ใหลูกเสอื จับเคา ของเพลงได 3. ใหลูกเสือรองตามทีละวรรค สองวรรค สามวรรคเร่ือยไปจนจบเพลงโดยเริ่มตนสอนดวยเพลงส้ัน ๆ กอ น 4. ใหสัญญาณการรองกอน เพ่ือใหทุกคนไดเริ่มโดยพรอมเพียงกัน เชน บอกวา “เร่ิม” หรือนับ “1-2- 3” ปรบมือ “กระทบื เทา” หรอื ใชสญั ญาณมอื ขนึ้ – ลง 5. จงั หวะของเพลงเปน สิ่งสําคัญ ตอ งควบคมุ จังหวะใหด ี โดยใชวิธีเคาะพ้ืนหรือปรบมือ อยาใหจังหวะขาด หายไป เลอื กเพลงที่มจี งั หวะงา ยแกการรอง เชน จงั หวะมารชและจังหวะท่ีใชระดับเสียงกลาง ๆ ( ต่ํา หรอื สงู เกนิ ไปยากแกก ารรอง ) 6. เวลารองอยาตะเบ็งเสยี ง แตใ หรองเต็มเสียง และรองดวยถอยคําทช่ี ดั เจน ลกั ษณะของเพลงทคี่ วรนาํ มารอง 1. เพลงทร่ี จู กั กนั ทั่วไป พอขนึ้ ตนก็รองได 2. เพลงส้นั ๆ เพอ่ื จะไดจาํ ไดงาย 3. เพลงทีร่ อ งไลก ันไดร อบวง 4. เพลงประกอบทา ทาง 5. เพลงทีม่ ีลูกคู ( เชน เพลงเหเรือ ) ประเภทของเพลงที่จะนาํ มารอ ง 1. เพลงทใ่ี ชในโอกาสเฉพาะหรอื โอกาสพเิ ศษ 2. เพลงเกย่ี วกับการระลกึ ถงึ เร่อื งในประวตั ิศาสตร 3. เพลงปลุกใจ หรอื รกั ชาตบิ านเมือง 4. เพลงที่เกย่ี วกับความซาบซ้ึงในศาสนา

5. เพลงประกอบบทเรยี น 6. เพลงสนุกสนานทั่วไป ( ถอยคําไมหยาบโลน ) แตแฝงไวดวยคติธรรม ระเบียบประเพณีวัฒนธรรมคํา สอนอนื่ ๆ ฯลฯ เครอ่ื งหมายสะกดรอย เปน เครอื่ งหมายท่ีทําข้ึนเพอื่ ใหผทู ่ตี ามมาหรอื ผทู ตี่ ดิ ตามมาไดท ราบและปฏบิ ตั ิตาม เครอื่ งหมายน้ัน หลักในการทาํ เคร่ืองหมายสะกดรอย 1. ตองทําในทท่ี ่ผี ูผา นมาขางหลังสามารถมองเห็นชดั เจน 2. เครอ่ื งหมายน้ันจะตอ งชดั เจน เม่อื เหน็ แลวปฏบิ ตั ไิ ด 3. หา มเปลยี่ นแปลงเครอ่ื งหมายใด ๆ เม่ือพบเห็น การทําเครื่องหมายสะกดรอย สว นมากเราจะใชว สั ดธุ รรมชาตทิ ่ีมีอยู เชน กอ นหิน กอ นดิน หญา ใบไม กิ่งไม ตอไม เปนตน เครอื่ งหมายสะกดรอยตา ง ๆ ทีใ่ ชใ นขบวนการลูกเสือ – เนตรนารี ไปทางน้ี 5 จากนี้ 5 กา วตามหัวลกู ศรชี้ จะพบคําส่ัง หา มผาน ผเู ขียนเครื่องหมายกลบั แลวใหก ลบั ได สญั ลักษณ ไปทางซาย มีแหลงนํา้ ขา งหนา อนั ตราย วัสดุ ไปทางน้ี ไปทางขวา หา มผาน ชวยดวย ฟอ นหญา กอนหนิ ไม

การจัดกิจกรรมผจญภัย เปนการจัดกิจกรรม เพื่อใหเปนไปตามวิชา “ นักผจญภัย ” ซ่ึงเปนวิชาบังคับใน เครอ่ื งหมายสายยงยศลกู เสือสามญั รนุ ใหญ การจัดกจิ กรรมผจญภัยมีหลกั การดังน้ี 1. ฝก เพอ่ื อะไร 1.1 เพื่อใหไ ดรับเครื่องหมายวชิ า “ นกั ผจญภยั ” 1.2 ฝกการเปนผูน ําและผตู ามที่ดี 1.3 ฝกความสามารถเฉพาะตวั 1.4 ฝกการตัดสินใจ 1.5 ฝกระบบหมู 2. ส่งิ ทตี่ องคํานงึ 2.1 ความพรอ มของอปุ กรณ 2.2 ความปลอดภัย 2.3 สภาพภูมปิ ระเทศ 2.4 กิจกรรมเหมาะสมกบั วยั 2.5 ความพรอมของผกู ํากับลกู เสือ 3. การเตรยี มการ 3.1 สํารวจพื้นทภ่ี มู ิประเทศทีจ่ ะจัดฐานผจญภยั 3.2 การกําหนดฐานท่ีเหมาะสม คือ 3.2.1 พ้นื ทจ่ี ดั ฐานเปน ลกั ษณะวงกลมหรือวงรี 3.2.2 ระยะหา งระหวางฐาน มีระยะทางใกลเคยี งกนั 3.2.3 สามารถไดย นิ สัญญาณการเปลี่ยนฐาน 3.3 เตรียมคาํ สั่งและใบประเมนิ ผลประจําฐาน 4. ขัน้ ดําเนนิ การ 4.1 เคลยี รพ ืน้ ท่ี กอนมกี ารสรา งฐาน 4.2 เมื่อสรา งเสรจ็ ตอ งตรวจสอบใหแ นน นอน 4.3 ประชุมช้ีแจง ใหผ บู งั คับบญั ชาลกู เสอื ทค่ี ุมฐานแตละฐานทราบ 4.4 ช้แี จงใหลูกเสอื ทราบ เชน ตาํ แหนง แตละฐาน การเปลี่ยนฐาน ขอ ปฏิบัตติ าง ๆ ฯลฯ 4.5 เร่ิมปฏบิ ตั ิตาม “ คาํ สง่ั ” 4.6 สรปุ ผลและประเมนิ ผล

เข็มทิศเปนอุปกรณท่ีสําคัญชนิดหนึ่งท่ีเรานํามาใชประโยชนในการหาทิศเพื่อการเดินทางโดยนิยมใชประกอบ กับแผนท่ี เข็มทิศที่เรารูจักมีหลายชนิดเชน แบบตลับ ที่มีขายตามทองตลาดทั่ว ๆ ไปแบบเลนซาติค ( Lensatic compass ) ซ่งึ ในวงการทหารนยิ มใชเ พราะตองการความละเอียดมากกวา หรือแบบขอ มือ ที่ ทําคลายนาฬิกาแตแบบท่ีลูกเสือและวงการท่ัวโลกนิยมใชกันมากท่ีสุด คือ แบบซิลวา ( Silva ) ซึ่งเปนผลิตภัณฑท่ี ทําจากประเทศสวีเดนโดยสงวนสิทธ์ิ ประเทศอ่ืนผลิตไมได ดังนั้นในท่ีน้ี เราจะกลาวถึงเฉพาะการใชเข็มทิศแบบซิล วานี้เทา นัน้ เข็มทิศแบบซลิ วา ลํกษณะ สว นประกอบ 1. แผนปา ยพลาสติกรองเข็มทิศ ทําหนา ทเี่ ปนฐานรองเข็มทศิ รอบ ๆ 2 ดานจะมี Scale มาตราแบงเปน เซนติเมตร บรเิ วณขอบใชเ ปนมุมฉากได ตรงกลางจะมีศรสแี ดง เรียกวา ศรดรรชนีเข็มทิศ ซึ่งโคนของ ดรรชนีเข็มทิศนี้จะมีขีดมาตัดกับขอบตัวเข็มทิศ ซึ่งจะบอกองศาอาซีมุท ตรงกลางของศรดรรชนีชี้ทิศน้ี มักจะทําใหมีลักษณะเปน เลนสนูนเพ่ือชวยขยาย เม่ือจําเปนตองอานแผนที่ที่มีอักษรหรือเคร่ืองหมาย ขนาดเล็กๆ 2. แปน บอกองศา ( A ) ซ่งึ จะบอกองศาเปน มุมอาซีมุท ( Azimuth ) ทั้ง 360 องศา ขีดเล็ก ๆ แตละ ชอ งมีคา 2 องศา แถบบอกองศาน้ีจะหมุนได มุมอาซีมุท คือ มุมท่ีกํากับทิศเหนือแมเหล็ก หมุนวนไปทางขวา ดังนั้นมุมอาซีมุท 0 องศา และ 360 องศา คือมุมมมุ เดยี วกนั 3. ลูกศรกางปลา ( C ) เปนศรสีแดงอยูใตเข็มแมเหล็กภายในแปนเข็มทิศ ศรน้ีจะหมุนไปเมื่อหมุนแปน องศา และจะชีท้ ่ตี วั อักษร N ทศิ เหนือของแปน องศาเทา น้ัน 4. ตัวเข็มทิศ ( B ) มีสภาพเปนแมเหล็กชนิดถาวร ดังนั้นจึงมีปฏิกิริยา ตอโลหะประเภท Magnetic Substance เชน เหล็กและจะชใ้ี นแนวเหนอื ใตเ สมอดานทศิ เหนอื มกั จะทาดว ยสีเขม เชน สีแดง 5. ขีดตําแหนงสาํ หรบั ตั้งมมุ และอานคา มมุ ( D ) อยูบนฐานวงกลมใตแ ปนบอกองศา A นั้นเอง การวางเขม็ ทศิ 1. วางเข็มทิศในระดบั แนวราบไมเ อนเอยี ง 2. วางเขม็ ทศิ ใหห างจากโลหะประเภทสาร Magnetic Substance เชน เหล็ก วางในระยะท่ีไมมีปฏิกิริยาตอ แมเหลก็ ( เข็มทศิ ) 3. วางเขม็ ทิศใหถ ูกตามแนวเหนือ - ใต เมือ่ ใชเข็มทศิ ประกอบกับแผนท่ี

การวดั มมุ อาซมี ุท เมอื่ กาํ หนดตําแหนงใหว ดั โจทย ใหว ดั มมุ อาซมี ุท จากพุม ไมทกี่ ําหนดให ตาํ แหน่งตน้ ไมท้ ี่ตอ้ งการวดั ตําแหนง ที่อยู วิธที ํา 1. วางเข็มทิศตามหลกั การใชเขม็ ทศิ N 2. หนั ศรชี้ทศิ ( E ) ไปยงั ทศิ ทาง ณ ตาํ แหนงทีต่ อ งการวดั 3. หมุนแปน องศา ( A ) ใหลูกศรชท้ี ศิ เหนือ ( C ) ไปซอ นอยใู ตเ ข็มทศิ เหนอื ( B ) 4. อานมมุ อาซมี ทุ ตําแหนง โคนของศรชีท้ ศิ ( E ) ตัดกับขอบแปนองศา ( A ) ณ ตําแหนง ( D ) A E D เชน ตัดกบั ขอบอาซมี ุท 50 มุมอาวีมทุ คอื 50 องศา เม่ือกาํ หนดมุมใหวัด โจทย ใหวดั มมุ อาซีมทุ 120 องศา 1. หมนุ แปนองศาไปทมี่ ุม 120 องศา อยู ณ ตาํ แหนง โคนของศรดรรชนชี ี้ทิศบริเวณ ( D ) E D

2. หมนุ แปนพลาสตกิ ทัง้ แปน ใชศ รชที้ ิศเหนือ ( C ) ซอ นอยูใ ตเขม็ ทิศเหนือ ( B ) D A E 3. ศรดรรชนชี ้ีทศิ ( E ) จะชีไ้ ปยังมมุ อาซมี ทุ ที่ตอ การ การหมุนยอนกลบั ( Back Azimuth ) การหมนุ ยอ นกลบั ของมุมอาซีมุท กระทําในกรณีเม่ือครั้งแรก เราวัดมุมอาซีมุทเท่ียวไป และไดเดินทาง ไปถงึ จุดหมายปลายทางแลว และตองการทจี่ ะกลบั มา ณ ตําแหนงเดมิ ครง้ั แรก เราอาศัยการคาํ นวณดังนี้ 1. ในกรณีท่มี ุมอาซีมุทวดั ไดมีคานอยกวา 180 องศา ใหเอา 180 องศา บวกจะไดมุมอาซีมุทกลับ เชน มุม อาซีมุทวัดได 45 องศา มุมยอนกลับคือ 180 องศา บวก 45 องศา ดังน้นั มุมกลบั คอื 225 องศา 2. ในกรณีที่มุมอาซีมุทวัดไดมีคามากกวา 180 องศา ใหเอา 180 องศา ลบออกจะไดมุมอาซีมุทกลับ เชน มมุ อาซีมุทท่ีวดั ได 225 องศา มมุ ยอนกลบั คอื 225 องศา ลบ 180 องศา ดงั นน้ั มมุ กลบั คือ 45 องศา ขอ ควรระวงั ในการใชเข็มทศิ 1. ควรถอื เขม็ ทศิ ดวยความระมดั ระวัง เพราะหนาปดเขม็ ทิศนัน้ บอบบาง 2. ควรถือเขม็ ทิศในแนวระนาบ เพ่อื ใหต วั เขม็ แมเ หล็ก อยใู นลักษณะสมดลุ ย 3. ควรมีสายเชือกคลอ งคอ เพ่อื มใิ หเ ข็มทิศตกหลน หรอื เสียหายได 4. เมอื่ เลิกใชเขม็ ทศิ ควรปดฝาตลบั หรอื เก็บไวในกระเปา สําหรบั ใสเ ข็มทศิ โดยเฉพาะ 5. ตใู ชเ กบ็ เข็มทศิ ควรเปนตูไ ม 6. การอานเข็มทศิ ไมควรกระทําใกล ๆ ส่งิ ท่ีเปน โลหะ หรอื วงจรไฟฟา ควรคํานึงถึง ระยะปลอดภัยใน การใชเ ขม็ ทิศโดยประมาณดงั ตอไปน้ี สายไฟแรงสงู 55 เมตร รถถงั / รถยนต / ปนใหญสนาม 18 เมตร สายโทรเลข / โทรศัพท / ลวดหนาม 10 เมตร ปน กล 1 เมตร ปน เล็ก / หมวกเหล็ก 0.2 เมตร

การหาทศิ โดยไมใชเ ขม็ ทิศ 1. การหาทศิ โดยอาศัยดวงอาทติ ย เราทราบแลววาดวงอาทิตย ขึ้นทางทศิ ตะวนั ออก และตกทางทศิ ตะวันตก ในตอนเชาเม่ือดวง อาทิตยข ึ้นถาเราหันหนาไปทางดวงอาทิตย ดานหลังเราคือทิศตะวันตก ดานซายมือเราจะเปนทิศเหนือ และดานขวาเราจะเปนทิศใต แตการโคจรของดวงอาทิตย โดยธรรมชาติน้ันไมคงท่ี คือจะโคจรไปใน ขอบฟาดานเหนือ ( ตะวันออมเหนือ ) และโคจรไปในขอบฟาดานใต ( ตะวันออมใต ) สวนวิถีโคจรที่ ดวงอาทติ ยจะโคจรผา นตรงศีรษะเราพอดีน้ัน ในปห นึง่ ๆ จะมีเพียงวันเดยี วเทานนั้ เปนอยางมาก จากวถิ โี คจรของดวงอาทิตยในวันหนึ่ง ๆ ของแตละฤดูกาล ยอมทําใหวัตถุที่อยูกลางแจงมีเงาทอด ไปในทศิ ทางตาง ๆ โดยประมาณดงั น้ี ฤดตู ะวันออมเหนอื ( ประมาณเดอื นเมษายน - สงิ หาคม ) เชา : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต เทย่ี ง : เงาจะทอดไปทางทิศใต บาย : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต ฤดตู ะวนั ออ มใต ( ประมาณเดือน สิงหาคม - เมษายน ) เชา : เงาจะทอดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เทยี่ ง : เงาจะทอดไปทางทศิ เหนอื บาย : เงาจะทอดไปทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2. การหาทิศโดยอาศยั ดวงจนั ทร ดวงจันทรขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกเชนเดียวกับดวงอาทิตย แตดวงจันทร สามารถบอกขางข้ึนขางแรมได คือ เวลาขางข้ึนดวงจันทรจะหันทางดานเวาแหวงไปทางทิศตะวันออก เวลาขา งแรมดวงจนั ทรจะหันดา นเวา แหวง ไปทางทศิ ตะวันตก เหนอื เหนือ ตะวนั ตก ตะวนั ออก ตะวันตก ตะวนั ออก ใต ใต ขา งขน้ึ ขา งแรม 3. การหาทศิ โดยอาศยั ดวงดาว โดยดจู ากดาวเหนือ เพราะดาวเหนอื จะอยทู างข้ัวโลกเหนือตลอดเวลา การหาดาวเหนือ วิธีการโดย ดจู าก กลุมดาวหมใี หญ หรือไทยเราเรยี กวา กลุมดาวจระเข จะมีอยู 7 ดวง จาก ดวงคูหนาสุด ( ดวงท่ี 1 และ 2 ) ถาลากเสน สมมตติ อไปประมาณ 5 ½ เทา กบั จะพบดาวเหนอื

กลุมดาวคางคาว จะมอี ยู 5 ดวง เปน รปู 5 W ควํ่า ถาเราลากเสนสมมตจิ ากดวงท่ี 2 ลงมายังดวงดาว ท่ีอยใู ตก ลมุ ดาวคา งคาวออกไปประมาณ 5 ½ เทา กจ็ ะช้ไี ปทด่ี าวเหนือ กลุมดาวหมีใหญ ( จระเข ) กับกลุมดาวคางคาว จะอยูก นั คนละซกี คลา ยกับจะหมุนรอบดาวเหนือ จะไมปรากฏบน ทอ งฟาพรอมกนั เวน แตค นท่อี ยูซ กี โลกเหนือจึงจะเห็นพรอมกนั การขออนญุ าตต้ังกองลกู เสอื ใหท ําตามลาํ ดบั ขั้น โดยใชแ บบพิมพด งั นี้ 4.6.1 ล.ส. 1 ( คํารอง ) จาํ นวน 1 แผน 4.6.2 ล.ส. 2 ( ใบสมัคร ผ.บ. ) จาํ นวนคนละ 1 แผน 4.6.3 ทําหนงั สอื นําของผูข ออนญุ าตปะหนา ไปดวย ( หนังสือโรงเรียน ) สงั กัดอาํ เภอทาํ 3 ชดุ - ชดุ ที่ 1 สาํ เนาเกบ็ ไวท โี่ รงเรยี น 1 ฉบบั - ชุดท่ี 2 สงอาํ เภอ 1 ฉบบั - ชุดที่ 3 สงจังหวดั 1 ฉบบั สังกดั จังหวัดทํา 2 ชุด - ชุดท่ี 1 เกบ็ ไวท ี่โรงเรยี น 1 ฉบับ - ชดุ ท่ี 2 สงจังหวดั 1 ฉบบั สงั กัดสํานักงานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหง ชาตทิ ํา 2 ชุด - ชุดที่ 1 เกบ็ ไวท ่ีโรงเรียน 1 ฉบับ - ชดุ ท่ี 2 สง สํานกั งานคณะกรรมการบริหารงานลกู เสือแหงชาติ 1 ฉบบั 4.6.4 เม่ือไดรับอนุมัติแตงต้ังกองไดแลว ใหทําพิธีเขาประจํากองให เรียบรอย ( เด็กจะไดแตงเคร่ืองแบบลูกเสือถูกตองเปนคร้ังแรก ใน วันทาํ พิธเี ขา ประจาํ กอง )

ในกองลูกเสือควรมี 1. สถานทฝ่ี กอบรมท้งั ท่ีรม และกลางแจง 2. หอ งประชมุ หรอื หอ งของลกู เสอื โดยเฉพาะ 3. ระเบยี นตาง ๆ คอื ก. ทะเบยี นลูกเสือ ข. ใบสมัครเปน ผบู ังคับบัญชาลกู เสือ ( ล.ส. 2 ) ค. ใบสมัครเปน ลูกเสือ ( ล.ส. 3 ) ง. ใบโอนกอง ( ล.ส. 4 ) จ. ใบตั้งกลุม ลูกเสือตงั้ กองลกู เสอื ( ล.ส. 11,12 ) ฉ. ใบแตง ต้ังผบู งั คบั บัญชาลูกเสือ ( ล.ส. 13 ) ช. บตั รประจําลกู เสือ ( ล.ส. 15,16,17,18 ) ซ. ใบเสรจ็ รับเงนิ คาบาํ รุงลูกเสือ ( ล.ส. 19 ) 4. บันทึกการประชุมผูบ งั คบั บัญชาลกู เสอื ของโรงเรยี น 5. บันทกึ การสอนของผูบงั คับบัญชา ( แผนการสอน ) 6. บญั ชีรายชือ่ 7. แผนภูมติ าง ๆ เกย่ี วกบั กจิ กรรมลูกเสอื เพอ่ื ประกอบการสอน / สอ่ื 8. บนั ทึกรายงานการประชุมนายหมู 9. หนงั สือคูมอื ตา ง ๆ การแนะนําการใชแ บบพิมพต าง ๆ ล.ส. 1 ( คํารอ งขอจัดต้งั กลมุ ลกู เสอื หรอื กองลูกเสือ ) คํารองนี้ สําหรับขอจัดต้ังกลุมลูกเสือหรือกองลูกเสือใหม ใหทําคํารอง 3 ฉบับ เก็บไวที่กอง 1 ฉบับ ถาสังกัดสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติ ใหทํา 2 ฉบับ เก็บไวท่ีกอง 1 ฉบับ และสงที่ สาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติ 1 ฉบบั ล.ส. 2 ( ใบสมัครขอเปน ผบู ังคับบัญชาลูกเสอื ฯลฯ ) ใบสมัครขอเปน ผูบังคับบัญชาลูกเสอื ผตู รวจการลูกเสือ และเจา หนา ที่ลกู เสอื จะตอ งทํา 2 ฉบับ 3 ฉบบั เชน เดียวกับ ล.ส. 1 ล.ส. 3 ( ใบสมคั รเขาเปน ลกู เสือ ) เมื่อเด็กสมัครเขาเปนลูกเสือจะตองเขียนใบสมัคร ไมวาจะเปนลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือ สามัญรุนใหญ ลกู เสอื วิสามญั เม่ือสมคั รเขา เปนลูกเสือประเภทใหมจะตอ งเขียนใบสมัครใหม ล.ส. 4 ( ใบโอนกอง ) ลูกเสือทุกประเภทเมื่อสมัครไปอยูกองใหม จะตองขอใบโอนกองจากกองเดิมพรอมท้ังแนบบัตร ประจาํ ตัวลูกเสอื ไปดว ย ล.ส. 5 ( รายงานประจําป ) จะตองสงรายงานประจําป สาํ นักงานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหงชาติ ในเดอื นมนี าคมของทกุ ป ล.ส. 6 ( ทะเบยี นลกู เสือสาํ รอง ) กองลูกเสือสํารองจะตอ งมีทะเบยี น โดยถอื เสมือนหน่ึงทะเบียนนักเรียนของโรงเรียน ( ลูกเสือสํารอง ทไ่ี ดเขาประจาํ กองแลวลงช่อื ในทะเบยี นนไ้ี ด ) ในทะเบียนน้ีจะมี - บัญชเี กบ็ เงินคาบาํ รุงลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดนิ ทางไกลและการพักแรมบัญชีรายรบั – จาย ของกองลกู เสอื - บญั ชที รพั ยสนิ ของกองลูกเสอื

ล.ส. 7 ( ทะเบยี นลูกเสอื สามญั ) ในทะเบียนน้ีจะมี - บัญชเี กบ็ เงินคา บํารุงลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดินทางไกลและการพักแรมบัญชรี ายรบั – จาย ของกองลกู เสอื - บัญชที รพั ยสินของกองลกู เสือ ( ลกู เสอื สามัญทีส่ อบวิชาลกู เสอื ตรไี ดแลวไดเขา ประจาํ กองแลว จึงจะลงบัญชีได ) ล.ส. 8 ( ทะเบยี นลูกเสือสามัญรนุ ใหญ ) ในทําเบียนนจ้ี ะมี - บัญชเี กบ็ เงนิ คา บํารุงลกู เสือ - ผลการเรยี น - การเดนิ ทางไกลและการพกั แรมบญั ชีราย รบั - จาย ของกองลูกเสือ - บัญชที รพั ยส นิ ของกองลูกเสือ ล.ส. 9 ( ทะเบยี นลกู เสอื วสิ ามญั ) ในทําเบยี นนจ้ี ะมี - บัญชเี กบ็ เงินคา บาํ รงุ ลูกเสือ - ผลการเรียน - การเดนิ ทางไกลและการพกั แรมบญั ชรี าย รับ - จาย ของกองลกู เสือ - บญั ชีทรัพยสินของกองลูกเสือ ล.ส. 10 ( รายงานการเงนิ ของลกู เสอื ) ใหสงถึงสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหงชาติปละ 2 งวด งวดแรกเดือนสิงหาคม งวดท่สี องเดอื นมีนาคม ล.ส. 11 ( ใบต้ังกลุมลกู เสอื ) เมื่อสํานักงานคณะกรรมการบริงานลูกเสือแหงชาติหรือผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด อนุญาตใหต้ัง กลุมได กอ็ อกไปต้ังกลมุ ได ล.ส. 12 ( ใบตง้ั กองลูกเสอื ) เม่ือสาํ นักงานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหง ชาติหรือผอู าํ นวยการลูกเสอื จงั หวัด อนุญาตใหต้ังกอง ได ก็ออกไปตั้งกองให ล.ส. 13 ( ใบตง้ั ผบู ังคับบญั ชาลกู เสอื ) เม่ือผูมีอํานาจสั่งแตงตั้งผูใดเปนผูบังคับบัญชาลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือกรรมการลูกเสือ และ เจาหนาที่ลกู เสือ ก็ออกใบแตง ต้ังให ล.ส. 14 ( ใบหนังสอื สาํ คัญคูกบั เข็มลูกเสอื สมนาคณุ ) การบริจาคทรัพยบํารุงกิจการลูกเสือ เมื่อเขาเกณฑจะไดรับเข็มสมนาคุณนอกจากจะไดรับเข็มแลว จะไดร ับหนงั สอื สําคญั ประกอบดว ย ล.ส. 15 ( บตั รประจําตัวลกู เสอื สาํ รอง ) ล.ส. 16 ( บัตรประจาํ ตวั ลูกเสือสามัญ ) ในบตั รมตี ารางสอนลูกเสือตรี - โท - เอก และวิชาพิเศษลกู เสอื สามญั ล.ส. 17 ( บตั รประจําตวั ลูกเสือสามญั รนุ ใหญ ) ในบัตรมตี ารางสอนวิชาพเิ ศษลูกเสือสามัญรุนใหญ ล.ส. 18 ( บัตรประจําตัวลูกเสือวสิ ามญั ) ในบัตรมตี ารางสอนวชิ าพเิ ศษลูกเสือวิสามญั

ล.ส. 19 ( ใบเสร็จรับเงินคาบาํ รุงลูกเสือ ) การแบงเงินคา บาํ รงุ ลูกเสือซึ่งเกบ็ คนละ 5 บาท ตอ ป หลงั จากหกั คนละ 50 สตางค สง บํารุงกิจการลูกเสือโลกแลว แบงดงั น้ี ก. กองลูกเสอื สังกัดสาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสอื แหงชาติ กรุงเทพมหานคร 1. เปน ของกอง 70 % (3.15 บาท ) 2. สงสํานกั งานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหงชาติ 30 % ( 1.35 บาท ) ข. กองลกู เสือสังกัดกรุงเทพมหานคร ( เทศบาล ) 1. เปน ของกอง 72 % ( 3.24 บาท ) 2. สง กรงุ เทพมหานคร 16 % ( 0.72 บาท ) 3. สง สํานกั งานคณะกรรมการบรหิ ารงานลูกเสือแหง ชาติ 12 % ( 0.54 บาท ) ค. กองลกู เสือสงั กัดอาํ เภอ จงั หวัด ( สว นภมู ภิ าค ) 1. เปนของกอง 70 % ( 3.15 บาท ) 2. สง อําเภอ 8 % ( 0.36 บาท ) 3. สง จงั หวดั 8 % ( 0.36 บาท ) 4. สง เขตการศึกษา 8 % ( 0.36 บาท ) 5. สงสํานักงานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสือแหง ชาติ 6 % ( 0.27 บาท ) ง. กองลกู เสอื เทศบาลสวนภมู ิภาค ( ไมมีสังกัดอาํ เภอ ) 1. เปน ของกอง 70 % ( 3.15 บาท ) 2. สงอาํ เภอ 8 % ( 0.36 บาท ) 3. สง จงั หวดั 8 % ( 0.36 บาท ) 4. สง เขตการศกึ ษา 8 % ( 0.36 บาท ) 5. สงสํานกั งานคณะกรรมการบริหารงานลูกเสอื แหงชาติ 6 % ( 0.27 บาท )
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook