Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Disease in pregnancy E-2

Disease in pregnancy E-2

Published by PINKAEW CHOTEAMNUAY, 2018-08-24 04:36:04

Description: Disease in pregnancy E-2

Search

Read the Text Version

การพยาบาลมารดาทีมีภาวะติดเชือรว่ มกบั การตงั ครรภ์

การพยาบาลมารดาทีมีภาวะไวรสั ตบั อกั เสบบี เกดิ จากเชือไวรสั ตบั อกั เสบบี อาการและอาการแสดง 1.ไมม่ ีอาการ มกั เป็ นพาหะ พบ HBsAg มาก ในเลือด 2.มีอาการ จะพบผืน มีอาการคลา้ ยหวดั เบือ อาหาร คลืนไสอ้ าเจียน ตวั ตาเหลือง พบทงั HBsAg และ HBeAg เอ็นไซมต์ บั เพิมขนึ

การวินิจฉยั1. การซกั ประวตั ิ2. การตรวจรา่ งกาย สว่ นใหญ่มกั จะเป็ นพาหะจึง ไมป่ รากฏอาการ ถา้ อยใู่ นภาวะเฉียบพลนั จะมี อาการดงั กลา่ วขา้ งตน้3. การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ เช่น HBsAg , anti-HBs, HBcAg , anti-HBc, HBeAg , anti-HBe การทดสอบการทํางานของตบั

ตารางแสดงการตรวจหา antigen, antibodyการแปลผล การตรวจพบ HBsAg HBeAg anti – anti– anti– HBs HBe HBcติดเชือ HBVชนิดเฉียบพลนั + + - - +/-ติดเชือ HBVชนิดเรอื รงั + - - ++เคยติดเชือ HBVมากอ่ น - - +/- +/- +เคยไดร้ บั วคั ซีน HBVมากอ่ น - - + - -

การถ่ายทอดเชือจากมารดาสทู่ ารก 1. ผา่ นทารกในขณะตงั ครรภ์ พบไดน้ อ้ ยมาก 2. วิธีทีเกดิ บ่อยทีสดุ คือ การติดเชือระหว่างคลอด โดยทารกกนิ เลือด มกู นําคราํ หรอื ไวรสั ผา่ นรกไปกบั เลอื ดของมารดา เขา้ สรู่ ะบบหมนุ เวียนของเลอื ดทารก 3. ผา่ นทางนํานม โดยเฉพาะมารดาทีมีหวั นมแตก หรอื มีแผล

ผลกระทบ ต่อมารดา มีความเสียงจะเป็ นตบั อกั เสบเรอื รงั ตบั แข็ง มะเรง็ ตบั ต่อทารก ติดเชือ HBV ในไตรมาสแรกมีโอกาสติดเชือ 10%ไตรมาสที 3 80-90% การแพรเ่ ชือจากแมส่ ลู่ กู สมั พนั ธก์ บั HBeAg ของแม่

แนวทางการรกั ษาระยะตงั ครรภ์ มีการตรวจคดั กรองทกุ ราย ถา้ สมั ผสั ผตู้ ิดเชือ < 14 วนั และผลตรวจ HBsAg= -ve ให้ HBIG 0.5 cc m และ ใหว้ คั ซีน 3 ครงัระยะคลอด ระยะนีทารกมีโอกาสติดเชือสงู สดุ หลีกเลียง การ ARM , PV , PR และการเจาะ เลือด การ c/s ทํากรณีมีขอ้ บ่งชี

ระยะคลอดควรปฏิบตั ิดงั นี หลีกเลียงการเกดิ แผลโดยไมจ่ ําเป็ นอยา่ ตดั ฝี เยบ็ กวา้ ง มาก เมือเด็กคลอดใหร้ บี ดดู เลือดและมกู ออกจากปาก จมกู กระเพาะอาหารออกใหห้ มด เช็ดตวั เด็กใหแ้ หง้ โดยเรว็ ถา้ เด็กแขง็ แรงดีควรอาบนํา ดว้ ยสบ่อู ่อนๆ ใหส้ ะอาดภายใน 12 ชวั โมง

การดแู ลหญิงตงั ครรภท์ ีเป็ นโรคไวรสั ตบั อกั เสบบี (สชุ าดา เจียมศิริ , 2561) หญิงตงั ครรภท์ ีมี ALT และCreatinin ปกติ แต่ผล HBeAg เป็ นบวก หรอื ตรวจพบว่ามีปรมิ าณไวรสั ≥200,000 IU/ml ใหพ้ ิจารณาใหย้ าตา้ นไวรสั TDF ขนาด 300 mg รบั ประทานวนั ละ 1 ครงั เรมิ ยาเมือมี GA ครบ 28-32 wks และใหย้ าต่อเนืองไปจนครบ 4 wks หลงั คลอด จึงหยดุ ยา S/D ของยา ปวดทอ้ ง N/V ทอ้ งเสยี มีไข้ ปวดเมือย ไอ อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดหลงั

การดแู ลหญิงตงั ครรภท์ ีเป็ นโรคไวรสั ตบั อกั เสบบี (สชุ าดา เจียมศิริ , 2561) การดแู ลหลงั คลอด ใหย้ า TDF ต่อเนืองไปจนครบ 4 wks หลงั คลอด และหลงั คลอด 6-8 wks ควรตรวจระดบั ALT ดกู ารทํางานของเซลลต์ บั ถา้ มีระดบั ALT สงู กว่าคา่ Upper normal limit ควรสง่ ต่ออายรุ แพทย์ ถา้ ALT ปกติแนะนําความเสยี งจากการติดเชือไวรสั ตบั อกั เสบบี และใหร้ บั การรกั ษาต่อเนืองเพือลดการเกดิ ภาวะตบั แข็ง มะเรง็ ตบั ในอนาคต

แนวทางการรกั ษา (ต่อ)ระยะหลงั คลอด *ทารกให้ HBIG ทนั ทีหรอื ภายใน 24 ชม. พรอ้ มกบั ให้ HB-vac และฉีดเข็มที 2,3 เมือ อาย ุ 1 m และ 6 m หรอื ใหซ้ ําที 1, 2 ,12 m * ให้ HB-vac ภายใน 12 ชวั โมง และรบั ต่อเนืองเมืออาย ุ 1,2,4,6 m(สชุ าดา เจียมศิริ , 2561)

การดแู ลทารกหลงั คลอด (* ตรวจเลอื ดทารกเมืออาย ุ 1-1½ ปี ถา้ พบ Anti-HBs or HBsAb + ทารกมีแต่ถา้ HBsAg + ทารกติดเชือ * เลยี งลกู ดว้ ยนมแมไ่ ด้

การพยาบาล สง่ เสรมิ สขุ ภาพใหแ้ ข็งแรง 1. กรณีไม่มีอาการ แนะนําการกนิ อาหารครบ 5 หมู่ งดแอลกอฮอล์ หลกี เลียงยาทีมีผลต่อตบั พกั ผ่อนให้ พอ ไม่เครยี ด ออกกาํ ลงั กาย 2. กรณีมีอาการ ใหก้ ารดแู ลแบบประคบั ประคอง การป้ องกนั การแพรก่ ระจายเชือ ๏ ระยะตงั ครรภ์ ๏ ระยะคลอด ๏ ระยะหลงั คลอด การคมุ กาํ เนิดระยะมอี าการหา้ มใชย้ าเมด็ ยาฉีด ยาฝั ง



การพยาบาลมารดาทีเชือหดั เยอรมนั เชือหดั เยอรมนั ผา่ นรกไดต้ ลอดระยะของการ ตงั ครรภ์ ทําใหเ้ กดิ ความพิการแต่กาํ เนิดได้ ความ รนุ แรงลดลงเมืออายคุ รรภเ์ พิมขึนถา้ ติดเชือหลงั GA 20 wks ไม่พบทารกมีความผิดปกติอาการและอาการแสดง ► อาจไมม่ ีอาการ หรือมีไขต้ ํา ๆ อ่อนเพลีย แสบเคือง ตา มีผนื ขึนตามรา่ กายและจางหายไปภายใน 3 วนั

การวินิจฉยั1.การซกั ประวตั ิ2.ตรวจรา่ งกาย3.การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ ตรวจHAI titer (เป็ นการตรวจหา IgG) , IgM ► การตรวจ HAI titer ในผสู้ มั ผสั เชือหรอื มีผืนถา้ ตรวจ 2 ครงั จะตรวจห่างกนั 1-2 สปั ดาห์ ►IgM + แสดงว่าเพิงเป็ นหดั เยอรมนั ภายใน 4-6 สปั ดาห์

 IgG จะขึนในชว่ งเวลาสนั ๆ หลงั จากมีผนื ขึน และคงอยใู่ น ระยะเวลาทีไมแ่ น่นอน ดงั นนั การตรวจระดบั IgG ทนั ทีทีมี ผืนขึน และการตรวจติดตาม การเพิมขึนของระดบั ไตเตอร์ เป็ น 4 เท่า ใน 2 wks ต่อมา จะเป็ นการยนื ยนั การติดเชือ ปฐมถมู ิได้ IgM สามารถตรวจพบไดต้ งั แต่วนั ที 5 หลงั ผืนขึน และคง อยู่ 4-6 wks ถา้ พบภมู ิตา้ นทาน IgM ผลบวก แสดงว่า เพิงเป็ นโรคหดั เยอรมนั มาภายใน 4 – 6 สปั ดาห์

การแปลผล HAI titer กลม่ ุ ทีสมั ผสั เชือHAI titer ครงั ที 1 HAI titerครงั ที 2 การแปลผล< 1:8 (1:10) เท่าเดิม ไมต่ ิดเชือ และไมม่ ีภมู ิ< 1:8 (1:10) สงู กว่าเดิม ติดเชือ> 1:8 (1:10) เท่าเดิม ไมต่ ิดเชือ และมีภมู ิ> 1:8 (1:10) 1:64 (1:80) ตอ้ งตรวจหา IgM

การแปลผล HAI titer กลม่ ุ ทีมีผนืระยะเวลา HAI titer HAI titer ครัง การแปลผล ที 2หลงั มีผืน ครงั ที 1< 3 วนั < 1:8 (1:10) เท่าเดิม ไม่ใช่หดั เยอรมนั และไม่มภี ูมคิ ้มุ กนั < 1:8 (1:10) เพิม > 4 เท่า เป็ นหัดเยอรมนั> 1:8 (1:10) เท่าเดิม ไม่ใช่หัดเยอรมนั แต่มภี ูมคิ ้มุ กนั3-7 วนั > 1:8 (1:10) เท่าเดิม ไม่ใช่หดั เยอรมนั แต่มภี ูมคิ ้มุ กนั ไม่ใช่หดั เยอรมนั แต่มภี ูมคิ ้มุ กนั 1:8 – 1:32 เท่าเดิม>1:64 (1:80) สงู กว่าเดิม ไม่แน่ใจ ให้ตรวจหา IgM> 7 วนั < 1:8 (1:10) - ไม่ใช่หัดเยอรมนั และไม่มภี ูมคิ ้มุ กนั1:8 – 1:32 - ไม่ใช่หัดเยอรมนั แต่มภี ูมคิ ้มุ กนั>1:64 (1:80) - ไม่แน่ใจ ให้ตรวจหา IgM

ผลกระทบต่อมารดา ไมม่ ีภาวะแทรกซอ้ นทีรนุ แรงต่อทารก ► มีพยาธิสภาพทางตา เช่น ตอ้ กระจก ตอ้ หิน ตาบอด ► โรคหวั ใจ เช่น PDA, septal defects,Pulmonary artery stenosis ► หหู นวก ► อืน ๆ เช่น IUGR ปั ญญาออ่ น เยอื หมุ้ สมองอกั เสบ

ความผดิ ปกติทีสมั พนั ธก์ บั การติดเชือ หดั เยอรมนั ในครรภ์ แบ่งไดเ้ ป็ น 3 กลม่ ุ หลกั คือ1. กลม่ ุ ทีปรากฏความผิดปกติขึนชวั คราว จะสามารถพบไดน้ านถึง 6 เดือนหลงั จากคลอด ไดแ้ ก่ ตบั มา้ มโต ตวั เหลอื ง ภาวะซีดจากเม็ด เลอื ดแดงถกู ทําลายเกรด็ เลอื ดตํา ปอดอกั เสบ2. กลม่ ุ ความผิดปกติถาวร กลม่ ุ ความผิดปกตินี ไดแ้ ก่ ความบกพรอ่ งใน การไดย้ นิ ความผิดปกติของหวั ใจโดยกาํ เนิด ความผิดปกติทางตา ความผิดปกติทางสมอง รวมทงั ภาวะปัญญาอ่อน ซึงพบไดร้ อ้ ยละ 10-203. กลม่ ุ ทีปรากฏความผิดปกติภายหลงั คือไมม่ ีอาการแสดงขณะแรก คลอดพบไดป้ ระมาณ 1 ใน 3 ของทารกทีมีการติดเชือ แต่จะมี อาการแสดงออกภายหลงั ใน 10-30 ปี

แนวทางการรกั ษา การป้ องกนั โดยฉีด MMR ในสตรที ีแต่งงานตอ้ งการ มีบตุ ร ใหค้ มุ กาํ เนิดหลงั ฉีดอยา่ งนอ้ ย 3 เดือน แพทยจ์ ะใหก้ ารรกั ษาตามอาการ หา้ มใช้ Aspirin ลดภาวการณค์ ลอดทารกทีพิการแต่กาํ เนิด แม่ติดเชือ ในระยะ 3 เดือนแรกของการตงั ครรภถ์ า้ วินิจฉยั พบว่า ทารกติดเชือ อาจใหย้ ตุ ิการตงั ครรภ์ ตรวจยนื ยนั การติดเชือของทารกในครรภ์ อาจเจาะ นําคราํ ตรวจเนือรก

การพยาบาล มีวตั ถปุ ระสงคด์ งั นี ► ป้ องกนั การติดเชือหดั เยอรมนั ในระยะตงั ครรภ์ ► ลดความวิตกกงั วล ► ประคบั ประคองจิตใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook