Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore power ชีววิทยา ม.6 เล่ม1 หน่วย1_ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

power ชีววิทยา ม.6 เล่ม1 หน่วย1_ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

Published by nussara6288, 2020-06-15 09:45:02

Description: power ชีววิทยา ม.6 เล่ม1 หน่วย1_ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

Search

Read the Text Version

1หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สึก ผลการเรยี นรู้ • สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดนิ กงุ้ หอย แมลง และสตั วม์ ีกระดูกสันหลงั • อธบิ ายเก่ยี วกบั โครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลลป์ ระสาท • อธบิ ายเกย่ี วกบั การเปล่ียนแปลงของศักยไ์ ฟฟา้ ที่เยอื่ หุม้ เซลล์ของเซลล์ประสาท และกลไกการถา่ ยทอดกระแสประสาท • อธิบาย และสรุปเกย่ี วกบั โครงสรา้ งของระบบประสาทสว่ นกลางและระบบประสาทรอบนอก • สืบค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าที่ของส่วนตา่ ง ๆ ในสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองสว่ นหลงั และไขสนั หลงั • สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตวั อยา่ งการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอัตโนวัติ • สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องตา หู จมกู ล้นิ และผวิ หนงั ของมนุษย์ ยกตัวอยา่ งโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และบอกแนวทางในการดูแลป้องกัน และรักษา • สังเกต และอธบิ ายการหาตาแหนง่ ของจุดบอด โฟเวีย และความไวในการรับสมั ผสั ของผวิ หนัง

สัตวต์ า่ ง ๆ ตอบสนองต่อ ส่งิ เร้าแตกตา่ งกันอย่างไร ? ส่ิงเรา้ หนว่ ยรบั ความรสู้ ึก เซลล์ประสาทรบั ความร้สู ึก หนว่ ยแปลความรู้สึก การตอบสนอง หนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร เซลล์ประสาทส่ังการ

ปมประสาท พลานาเรีย สมอง มีปมประสาทสมอง 2 ปม เสน้ ประสาท มเี ส้นประสาทดา้ นข้าง 2 เสน้ ดา้ นข้าง มีเสน้ ประสาทตามขวาง เสน้ ประสาท พาดตามลาตัวเป็นระยะ ตามขวาง รา่ งแหป่ ระสาท ไฮดรา มรี ่างแหประสาทเชือ่ มโยงทั่วร่างกาย

ปมประสาทสมอง ปมประสาทสมอง หอยทาก เสน้ ประสาท รอบคอหอย ปมประสาท มีปมประสาทสมอง เทา้ ควบคมุ ส่วนหวั เส้นประสาท ดา้ นท้อง ปมประสาท มีปมประสาทเท้าควบคมุ อวัยวะภายใน การหดตัวของกล้ามเนื้อ ไส้เดอื นดนิ ทใ่ี ชเ้ คล่อื นท่ี มีปมประสาทอวยั วะภายใน มปี มประสาทสมอง 2 ปม ควบคุมการทางาน มีเส้นประสาทรอบคอหอย 2 เสน้ โอบรอบคอหอย ของอวยั วะภายใน แลว้ เช่อื มเปน็ ปมประสาทใตค้ อหอย 2 ปม และเช่อื มกบั เสน้ ประสาทคดู่ ้านทอ้ ง มปี มประสาทท่ีปล้องทุกปล้อง

ปมประสาทสมอง ปมประสาทบรเิ วณปลอ้ ง ปมประสาท ทรวงอก ปมประสาท สมอง ปมประสาท ส่วนทอ้ ง แมลง กุ้ง มปี มประสาทที่สว่ นหัว 6 คู่ (ปมประสาท 3 คู่ รวมเป็น ปมประสาทสมอง และปมประสาท 3 คู่ รวมเปน็ มปี มประสาทสมอง ปมประสาทใต้สมอง) เชอ่ื มต่อกับปมประสาทตามปลอ้ ง มีปมประสาททรวงอกและปมประสาทสว่ นท้อง มีเสน้ ประสาทจากปมประสาทแยกไปยังอวัยวะตา่ ง ๆ มีเส้นประสาทจากปมประสาทแยกไปยังกลา้ มเน้อื และรยางค์ตา่ ง ๆ

สมอง สัตว์มกี ระดกู สันหลัง ไขสันหลงั มีสมองและไขสันหลงั เป็นระบบประสาท เส้นประสาท ส่วนกลาง มเี สน้ ประสาทเป็นระบบประสาทรอบนอก

เซลลป์ ระสาท เซลลป์ ระสาท เซลล์เยอ่ื บขุ ้างแกม้ มลี ักษณะเหมอื นหรือแตกตา่ ง จากเซลลอ์ น่ื ๆ อยา่ งไร ? เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เม็ดเลอื ด

นิวเคลียส ตัวเซลล์ (cell body) ตวั เซลล์ มีขนาดประมาณ 4-25 ไมโครเมตร นวิ เคลยี สมีขนาดใหญ่และมอี อรแ์ กเนลล์ตา่ ง ๆ ในไซโทพลาซมึ แอกซอน ทาหน้าทส่ี งั เคราะหส์ ารท่จี าเป็นตอ่ การดารงชวี ติ ของเซลลป์ ระสาท และส่งสารไปยังเซลลป์ ระสาทอ่นื ๆ เดนไดรต์ เย่อื ไมอลี ิน โนดออฟแรนเวยี ร์ เส้นใยประสาท (nerve fiber) แขนงประสาททีแ่ ยกออกจากตวั เซลล์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ไดแ้ ก่ เดนไดรต์และ แอกซอน อาจมเี ดนไดรตห์ น่งึ เส้นใย หลายเสน้ ใย หรอื ไมม่ ี เดนไดรต์เลย แตแ่ อกซอนจะมีเพยี งเสน้ ใยเดียว แอกซอนอาจมเี ยอ่ื ไมอีลินหุ้ม

1 ตวั เซลล์ เดนไดรต์ 1 เซลลป์ ระสาทรับความร้สู กึ (sensory neuron) ตวั เซลล์ แอกซอน รบั กระแสประสาทจากหนว่ ยรบั ความรสู้ ึก เดนไดรต์ 2 มเี ดนไดรตต์ อ่ กับอวยั วะรบั ความรู้สกึ และแอกซอนต่อกับ เซลล์ประสาทอ่นื ๆ ทาหน้าทนี่ ากระแสประสาทเข้าสู่สมองและไขสันหลัง 2 เซลลป์ ระสาทประสานงาน (association neuron) อยภู่ ายในสมองและไขสันหลัง ทาหนา้ ทเ่ี ชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทรับความร้สู ึก และเซลลป์ ระสาทสัง่ การ เดนไดรต์ แอกซอน 3 เซลลป์ ระสาทสั่งการ (motor neuron) ตวั เซลล์ มีเดนไดรต์ต่อกับเซลลป์ ระสาทอืน่ ๆ และแอกซอนตอ่ กับ 3 หน่วยปฏบิ ัตงาน ทาหนา้ ที่สง่ กระแสประสาทไปยงั หนว่ ยปฏบิ ัตงิ านต่าง ๆ แอกซอน มกั มีแอกซอนยาวกวา่ เดนไดรต์ และอาจยาวถงึ 1 เมตร

3 เซลล์ประสาทสองข้วั (bipolar neuron) 2 มเี ส้นใยประสาท 2 เสน้ ใย ได้แก่ แอกซอนและเดนไดรต์ เซลล์ประสาทขัว้ เดยี วเทยี ม พบบรเิ วณเซลล์ประสาท (puesdounipolar) รับความรูส้ กึ 1 มีเสน้ ใยประสาทแยกออกจาก 4 เซลลป์ ระสาทหลายขวั้ ตวั เซลล์เส้นใยเดียว แลว้ แตก (multipolar neuron) เซลล์ประสาทข้วั เดยี ว เป็น 2 เสน้ ใย (unipolar neuron) มีแอกซอน 1 เส้นใย ปลายของเส้นใยหน่ึงเปน็ เดนไดรต์ และเดนไดรต์ 2 เสน้ ใย มีแอกซอนแยกออกจาก รับสญั ญาณ แล้วส่งไปยงั เสน้ ใย หรอื มากกวา่ ตัวเซลล์ 1 เสน้ ใย ประสาทอีกเส้นใยหนึง่ โดยไม่ผ่าน ตวั เซลล์ พบในเซลลป์ ระสาทที่ หล่งั ฮอร์โมนในสตั ว์ พบในปมประสาทรากบน ของไขสันหลัง พบในสมองและไขสนั หลัง

กระแสประสาทถูกส่งจาก เซลล์ประสาทหน่ึงไปยงั อกี เซลลป์ ระสาทหนง่ึ ไดอ้ ย่างไร ?

กระแสประสาทเกดิ จากการเปล่ยี นแปลงศกั ย์ไฟฟา้ ทีเ่ ยื่อหุม้ เซลลป์ ระสาท เรยี กวา่ แอกชนั โพเทนเชียล ������������+ ภายนอกเซลล์ ศกั ย์เย่ือเซลล์ระยะพัก (resting membrane potential) ภายนอกเซลล์มี Na+ มาก และภายในเซลล์มี K+ มาก คา่ ศกั ยไ์ ฟฟ้าท่ีเยอื่ หุม้ เซลล์มคี า่ เท่ากบั –70 mV ������+ ภายในเซลล์ ดโี พลาไรเซชนั (depolarization) เซลลป์ ระสาทถูกกระตนุ้ ชอ่ งโซเดยี มเปดิ Na+ ไหลเข้าสู่เซลล์ เย่ือหุม้ เซลลด์ ้านในมศี กั ยไ์ ฟฟ้าเป็นบวกมากขน้ึ ความต่างศกั ย์ ทีเ่ ยอื่ ห้มุ เซลล์เปลยี่ นจาก –70 mV เปน็ +50 mV

รีโพลาไรเซชนั (repolarization) ช่องโซเดยี มปดิ ชอ่ งโพแทสเซยี มเปิด K+ ไหลออกนอกเซลล์ ภายในเซลลส์ ูญเสยี ประจุบวก ความตา่ งศกั ยท์ ี่เยอื่ หมุ้ เซลล์ เปล่ยี นจาก +50 mV เปน็ –70 mV ศักยเ์ ย่อื เซลล์ระยะพกั (resting membrane potential) ความตา่ งศักยเ์ ปลี่ยนจาก +50 mV เปน็ –70 mV เช่นเดิม เซลล์จงึ กลับเข้าสู่ศักย์เยอื่ เซลลร์ ะยะพกั อีกครงั้ การรกั ษาค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ของเย่อื ห้มุ เซลล์ให้อยู่ในภาวะสมดลุ มีดงั น้ี เยือ่ หุ้มเซลล์ยอมใหไ้ อออนแต่ละชนิดผา่ นไดแ้ ตกต่างกัน อาศยั กระบวนการโซเดียมโพแทสเซยี มป๊ัม โดยขบั Na+ ออก และดงึ K+ เข้า ในอตั ราสว่ น 3Na+ : 2K+ มีสารโมเลกลุ ใหญท่ ี่มปี ระจุลบไมส่ ามารถออกนอกเซลล์ ภายในเซลลจ์ ึงมีความตา่ งศักย์เป็นลบมากกว่าภายนอกเซลล์



เซลล์ประสาทท่ีไมม่ ีเยือ่ ไมอลี นิ หุ้ม VS เซลลป์ ระสาทท่มี ีเยอ่ื ไมอีลนิ หุ้ม ความสมั พันธข์ องเย่อื ไมอีลนิ กบั ความเร็วของกระแสประสาท เย่ือห้มุ เซลล์ การเคล่ือนท่ีของกระแสประสาทใน แอกชนั โพเทนเชยี ล ภายนอกเซลล์ แอกชันโพเทนเชยี ล เยือ่ ไมอีลิน เส้นใยประสาทท่มี เี ยือ่ ไมอลี นิ หมุ้ จะเร็ว ภายในเซลล์ กว่าเสน้ ใยประสาททไ่ี มม่ เี ยอื่ ไมอลี นิ หุ้ม Na+ ความเร็วของกระแสประสาทท่ีผา่ น K+ Na+ เสน้ ใยประสาททมี่ เี ยอ่ื ไมอีลนิ หมุ้ ขน้ึ อยู่ กับระยะห่างของโนดออฟแรนเวยี ร์ โนดออฟแรนเวยี ร์ ความเรว็ ของกระแสประสาททผ่ี า่ น K+ Na+ K+ Na+ เสน้ ใยประสาทที่ไม่มเี ย่ือไมอลี นิ ห้มุ K+ K+ ข้นึ อยกู่ บั ขนาดของเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง ของเส้นใยประสาท Na+ K + Na+

กระแสประสาททีเ่ คล่อื นท่ีมาถงึ ปลายแอกซอนจะถกู ถ่ายทอด 1 ไปยงั เดนไดรตห์ รอื ตวั เซลลข์ องเซลล์ประสาทอีกเซลล์หน่ึงผ่าน ไซแนปส์ กระแสประสาทถูกส่งมาที่ปลายแอกซอน ของเซลลป์ ระสาทกอ่ นไซแนปส์ 1 2 ปลายแอกซอน Ca2+ ถูกสง่ เขา้ ส่แู อกซอนทางช่องแคลเซียม สารสือ่ ประสาท ������������������+ 2 เซลลป์ ระสาท ช่วยผลกั ถุงบรรจุสารสื่อประสาทให้เคลอ่ื นท่ีไป โปรตีนตัวรับ 3 กอ่ นไซแนปส์ ชดิ กับเยือ่ หมุ้ เซลล์ แลว้ ปลอ่ ยสารสือ่ ประสาท ออกส่ชู อ่ งไซแนปส์ ชอ่ งแคลเซยี ม 3 ������������������+ สารส่อื ประสาทเข้าจับกับโปรตีนตัวรบั บนเย่อื หมุ้ เซลล์ ถุงบรรจสุ ารสอื่ ประสาท ทป่ี ลายเดนไดรต์ของเซลล์ประสาทหลงั ไซแนปส์ ทาให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงความต่างศกั ย์ไฟฟา้ หรอื เกดิ ชอ่ งไซแนปส์ กระแสประสาทขน้ึ ท่เี ซลล์ประสาทหลังไซแนปส์ เซลล์ประสาท หลังไซแนปส์

ศนู ยค์ วบคมุ การทางานของ ระบบประสาทคืออวัยวะใด ?

สมองส่วนหน้า 1 3 ทาลามสั (thalamus) 1 เซรีบรมั (cerebrum) 3 ศนู ย์รวบรวมกระแสประสาทเข้าและออก 2 แยกกระแสประสาทสง่ ไปยงั สมองส่วนท่ี ควบคุมความคิด ความจา สติปัญญา สัมพนั ธก์ ับกระแสประสาทน้ัน ควบคุมการทางานตา่ ง ๆ เช่น การสมั ผสั การมองเห็น การไดย้ ิน การรบั รส 4 การดมกลนิ่ การทางานของกล้ามเนอื้ 4 ออลแฟกทอรีบัลบ์ (olfactory bulb) 2 ไฮโพทาลามัส (hypothalamus) ควบคมุ การดมกลน่ิ (ในมนุษย์ไมเ่ จรญิ มากนกั ควบคมุ อณุ หภมู ิของรา่ งกาย แต่ในปลาจะมขี นาดใหญ)่ ควบคมุ การเตน้ ของหวั ใจและความดันเลอื ด ควบคุมความตอ้ งการพน้ื ฐาน เชน่ นา้ อาหาร ความต้องการทางเพศ สร้างฮอรโ์ มนประสาทไปควบคุมการหลง่ั ฮอรโ์ มนของตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้

สมองส่วนกลาง 7 พอนส์ (pons) สมองสว่ นหลัง ควบคุมการเคย้ี ว การหลั่งน้าลาย 5 ออพตกิ โลบ (optic lobe) การเคล่ือนไหวของใบหนา้ การหายใจ เป็นทางผ่านของกระแสประสาท ควบคุมการเคล่อื นไหวของลกู ตา ระหวา่ งเซรีบรัมกบั เซรีเบลลมั ควบคมุ การเปดิ และปดิ ของ และระหวา่ งเซรเี บลลมั กับไขสนั หลงั รูมา่ นตาเมื่อรับแสง 5 6 เซรีเบลลัม (cerebellum) 76 ควบคุมการเคล่อื นไหวและ การทรงตัวของรา่ งกาย 8 8 เมดลั ลาออบลองกาตา (medulla oblongata) ควบคมุ การทางานระบบประสาทอตั โนวัติ เช่น การเต้นของหัวใจ การหายใจ ความดันเลอื ด การจาม การสะอึก การอาเจียน การกลืน

คู่ท่ี หนา้ ที่ อวยั วะท่ีติดตอ่ 1 รบั ความร้สู ึก จากจมกู 2 รบั ความรสู้ กึ จากตา 3 สงั่ การ ไปยงั กล้ามเนอ้ื ของลูกตา 4 สั่งการ ไปยังกลา้ มเนอ้ื ของลกู ตา 5 รับความรสู้ ึก จากใบหนา้ และฟัน สงั่ การ ไปยังใบหนา้ และฟนั 6 สงั่ การ ไปยงั กล้ามเนือ้ ของลกู ตา 7 รบั ความรู้สกึ จากตุ่มรับรส สง่ั การ ไปยังต่อมน้าลาย 8 รบั ความรสู้ ึก จากหู 9 รับความรู้สกึ จากคอหอยและตุม่ รบั รส ส่งั การ ไปยังคอหอยและต่อมนา้ ลาย 10 รับความรสู้ กึ จากชอ่ งอกและชอ่ งทอ้ ง สั่งการ ไปยังชอ่ งอกและชอ่ งทอ้ ง 11 สั่งการ ไปยังกล้ามเนอ้ื ทีใ่ ช้ยกไหล่ 12 สง่ั การ ไปยงั ลน้ิ

โครงสรา้ งที่ต่อมาจากสมอง ทาหน้าท่ีนาความรสู้ กึ จากหน่วยรบั ความรูส้ กึ สัง่ การหนว่ ยปฏิบตั งิ าน และเปน็ ทางผา่ นของกระแสประสาทระหวา่ งหนว่ ยรบั ความรู้สกึ กับสมอง และสมองกบั หนว่ ยปฏิบตั งิ าน เส้น(ปthรoะrสaาcทicไขsสpนัinหaลl งัnบeรrvเิ วeณs)อก เสน้ (cปeรrะvสicาaทlไsขpสinนั aหlลnังeบrvรเิeวsณ) คอ จานวน 12 คู่ ควบคุมการเคล่อื นไหวและ จานวน 8 คู่ ควบคมุ การเคล่อื นไหวและ การรบั ความรู้สกึ บริเวณอก ลาตวั และท้อง การรับความรู้สึกบรเิ วณคอ แขน และอกท่อนบน เส้นประสาทไขสนั หลงั บรเิ วณกระเบนเหน็บ เสน้ ประสาทไขสันหลังบรเิ วณเอว (sacral spinal nerves) (lumbar spinal nerves) จานวน 5 คู่ ควบคมุ การเคลือ่ นไหว จานวน 5 คู่ ควบคมุ การเคล่อื นไหว และการรบั ความรสู้ ึกบรเิ วณขา และการรับความรสู้ ึกบรเิ วณขา กระเพาะปัสสาวะ และอวัยวะสบื พนั ธุ์ กระเพาะปสั สาวะ และอวยั วะสบื พันธุ์ เส้นประสาทไขสนั หลังบริเวณกน้ กบ (coccygeal spinal nerves) จานวน 1 คู่ ควบคุมการเคลื่อนไหวและ การรับความรู้สกึ บรเิ วณลาไสต้ รงและทวารหนกั

การทางานของสมองและไขสันหลังจัดอย่ใู น ระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system; CNS) การทางานของเส้นประสาทสมองและเส้นประสาทไขสนั หลงั จดั อยู่ใน ระบบประสาทรอบนอก (peripheral nervous system; PNS) สง่ ไปสมอง จากสมอง หนว่ ยรบั ความร้สู กึ เขม็ บรเิ วณท่ีแยกไป ปมประสาท เซลล์ประสาท สมองและไขสนั หลงั รบั ความรู้สกึ รับความรูส้ ึก เซลล์ประสาทส่ังการ กล้ามเนอ้ื เซลลป์ ระสาทประสานงาน

เพราะเหตุใด เราจึงไม่สามารถ ควบคมุ การทางานของ อวัยวะบางอวัยวะได้ ?

ระบบประสาท ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทรอบนอก สมอง ไขสนั หลัง สว่ นรับความรสู้ กึ สว่ นส่งั การ ระบบประสาทโซมาติก ระบบประสาทอัตโนวัติ ระบบประสาทพาราซมิ พาเทติก ระบบประสาทซิมพาเทติก

ระบบประสาทภายใตอ้ านาจจติ ใจ เซลล์ประสาทรบั ความรสู้ กึ ควบคมุ การทางานของกล้ามเน้อื โครงรา่ ง แบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ รเี ฟลก็ ซแ์ อกชนั และ รีเฟลก็ ซอ์ าร์ก กลา้ มเนื้อ รเี ฟล็กซแ์ อกชัน (reflex action) เซลล์ประสาท ประสานงาน สั่งการโดยผ่านเพียงไขสันหลัง กลา้ มเน้อื เซลลป์ ระสาทสัง่ การ ไขสันหลงั

รีเฟลก็ ซ์อาร์ก (reflex arc) หน่วยปฏิบตั ิงาน สิ่งเร้า กระแสประสาทไปยังสมอง สัง่ การโดยผา่ นสมองและไขสันหลงั 1 หน่วยรับความรสู้ กึ เซลล์ประสาทรับความรสู้ กึ (อวัยวะรับความรสู้ ึก) หนว่ ยปฏิบตั ิงาน เซลลป์ ระสาทประสานงาน 2 เซลลป์ ระสาท เซลล์ประสาทส่งั การ รบั ความรสู้ กึ หนว่ ยรับความร้สู ึก 3 เซลลป์ ระสาทประสานงาน ในสมองและไขสันหลัง 4 เซลล์ประสาท ส่ังการ 5 หน่วยปฏิบตั งิ าน (กลา้ มเนอ้ื โครงร่าง) ปฏิกริ ยิ าตอบสนอง

ระบบประสาทนอกอานาจจติ ใจ ระบบประสาทซิมพาเทติก ระบบประสาทพาราซมิ พาเทติก ควบคมุ การทางานของกลา้ มเนอื้ หัวใจ และกลา้ มเนือ้ เรียบของอวยั วะภายใน เสน้ ประสาทไขสันหลัง บรเิ วณคอ แบง่ เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ เสน้ ประสาทไขสันหลงั ระบบประสาทซมิ พาเทตกิ บริเวณอก และ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก เสน้ ประสาทไขสนั หลงั บรเิ วณเอว เส้นประสาทไขสันหลงั บรเิ วณกระเบนเหนบ็ เส้นประสาทไขสันหลงั บรเิ วณก้นกบ

ข้อเปรยี บเทยี บ ระบบประสาทซมิ พาเทติก ระบบประสาทพาราซมิ พาเทติก ศูนยก์ ลางควบคุม ไขสนั หลังบริเวณคอ อก เอว และ สมองส่วนเมดัลลาออบลองกาตา ความยาวของ บรเิ วณทอี่ ยูเ่ หนือกระเบนเหนบ็ และไขสันหลังบริเวณกระเบนเหนบ็ เสน้ ประสาท ชนดิ ของสารส่ือประสาท เสน้ ประสาทนาคาสง่ั กอ่ นไซแนปส์ เสน้ ประสาทนาคาส่ังก่อนไซแนปส์ ส้ันกวา่ เส้นประสาทนาคาสัง่ หลงั ยาวกวา่ เส้นประสาทนาคาสั่งหลงั ไซแนปส์ ไซแนปส์ นอร์อะดรนี าลนี แอซิตลิ โคลีน

เนอ้ื เยื่อหรืออวยั วะ ระบบประสาทซิมพาเทตกิ ระบบประสาทพาราซมิ พาเทตกิ หวั ใจ เต้นแรงและเร็ว เต้นช้าและเบา อัตราสบู ฉีดเลอื ดเพิม่ ขนึ้ อัตราสบู ฉดี เลอื ดลดลง มา่ นตา ท่อลม ขยายใหญ่ หร่ลี ง หลอดเลือด ขยายตวั หดตวั ความดันโลหิต หดเล็กนอ้ ย ขยายเลก็ นอ้ ย ทางเดนิ อาหาร สูงข้ึน ตา่ ลง กระตุน้ การเคล่ือนไหวและการสรา้ งเอนไซม์ ตบั ออ่ น ยับย้ังการเคล่ือนไหวและการสรา้ งเอนไซม์ ถุงนา้ ดี กระตุ้นการบีบตัวของกลา้ มเนื้อหรู ูด กระตนุ้ การคลายตวั ของกลา้ มเน้อื หูรูด ตอ่ มเหงอื่ ต่อมน้าตา ยับยั้งการหลั่งเอนไซม์และฮอร์โมน กระตนุ้ การหล่งั เอนไซม์และฮอร์โมน อณุ หภมู ิร่างกาย กระต้นุ การหลง่ั น้าดี ยับยัง้ การหลง่ั น้าดี กระเพาะปัสสาวะ หลัง่ เหงือ่ นอ้ ยลง หลั่งเหงื่อมากขึ้น หล่ังนา้ ตาปกติ มดลกู หลั่งนา้ ตามากกว่าปกติ ตา่ ลง เพ่มิ ข้ึน กระตนุ้ ใหก้ ระเพาะปสั สาวะบบี ตัว กระตุ้นใหก้ ระเพาะปัสสาวะคลายตวั และขบั ปัสสาวะ และห้ามการขับปสั สาวะ บบี ตวั ลดลง บีบตัวเพม่ิ ขึ้น

อวยั วะรับความรสู้ ึก มโี ครงสร้างทีเ่ หมาะสม ต่อการทาหนา้ ท่ีอยา่ งไร ?

2 1 สเคลอรา (sclera) 1 กลา้ มเนื้อยดึ เลนส์ มีความเหนียวแตไ่ มย่ ดื หยนุ่ มา่ นตา กระจกตา (cornea) กระจกตา มีลักษณะโปรง่ ใสและนูนออกมา หากพกิ าร รูมา่ นตา หรือได้รับอันตรายจะส่งผลตอ่ การมองเหน็ เลนสต์ า เอน็ ยดึ เลนส์ 2 โครอยด์ (choroid) มหี ลอดเลือดมาหลอ่ เลีย้ งและมสี ารสกี ระจายอยู่ เลนสต์ า (lens) ปอ้ งกนั แสงทะลผุ า่ นเรตินาไปยังดา้ นหลังของตาโดยตรง ก้ันตาออกเปน็ 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ชอ่ งหน้าเลนสม์ ีนา้ เล้ยี งลูกตา ทาหน้าที่ให้สารอาหารและแก๊สออกซเิ จน และช่องหลงั เลนส์ มีน้าเล้ียงลูกตาช่วยให้ลูกตาคงรปู มา่ นตา (iris) อยหู่ น้าเลนสต์ า มีรูม่านตา (pupil) เป็นช่องใหแ้ สงผ่าน กลา้ มเนอื้ ยดึ เลนส์ (ciliary muscle) และเอน็ ยึดเลนส์ (suspensory ligament) ส่งผลตอ่ ความโค้งของเลนสต์ า

3 3 เรตนิ า (retina) โฟเวยี บรเิ วณทม่ี เี ซลลร์ บั แสง 2 ชนิด เซลลร์ ปู แทง่ (rod cell) มคี วามไวต่อแสงมาก แต่ไมส่ ามารถแยกความแตกตา่ งของสีได้ จดุ บอด เซลล์รูปกรวย (cone cell) แยกความแตกต่างของสีได้ โฟเวยี (fovea) แต่ต้องการความสวา่ งท่เี พยี งพอ บริเวณท่พี บเซลล์รูปกรวย มากกว่าเซลลร์ ปู แท่ง จุดบอด (blind spot) ทาใหเ้ กิดภาพชัดเจน ไมม่ ีทงั้ เซลลร์ ปู กรวยและเซลล์รปู แท่ง ทาใหไ้ มเ่ กิดภาพขน้ึ

แสงจากวตั ถุผา่ น มา่ นตาหดหรือขยายตัว แสงหกั เหผา่ น เซลลร์ ปู แท่งและ เกดิ กระแสประสาท กระจกตา เพ่ือปรบั ปรมิ าณแสง เลนสต์ าไปตก เซลลร์ ูปกรวยรบั แสง สง่ ไปยังสมอง ที่เข้าตา บนจอตา และสีของวตั ถุ ทาให้มองเหน็ ภาพ

กลา้ มเนอ้ื ยดึ เลนส์หดตัว กลา้ มเน้อื ยึดเลนสค์ ลายตวั เลนสโ์ ค้งนนู มากขึ้น เลนส์โคง้ นูนน้อยลง เอ็นยดึ เลนสห์ ย่อน เอน็ ยดึ เลนส์ตงึ การมองภาพระยะใกล้ การมองภาพระยะไกล

สายตาสัน้ สาเหตุ กระจกตาโค้งมากกวา่ ปกติ แสงจากวตั ถุจงึ ตก แก้ไข สวมแว่นตาทีท่ าจากเลนสเ์ วา้ เพ่อื กระจายแสง ไม่ถึงจอภาพ ทาใหม้ องใกลช้ ดั แต่มองไกลไมช่ ดั ให้ไปตกทีจ่ อภาพพอดี สายตายาว สาเหตุ กระจกตาโค้งนอ้ ยกวา่ ปกติ แสงจากวัตถุจงึ ตก แก้ไข สวมแวน่ ตาท่ที าจากเลนส์นนู เพอื่ รวมแสง เลยจอภาพ ทาใหม้ องไกลชดั แตม่ องใกลไ้ ม่ชัด ใหไ้ ปตกทีจ่ อภาพพอดี สายตาเอยี ง สาเหตุ กระจกตามีความโคง้ ไม่เทา่ กัน แสงจากวตั ถุ แกไ้ ข สวมแว่นตาท่ที าจากเลนส์ทรงกระบอกหรอื จึงตกไมถ่ งึ จอภาพ และมคี วามเบลอ เลนสก์ าบกลว้ ย เพ่อื รวมแสงใหไ้ ปตกทจี่ อภาพพอดี

เกดิ จากการเปล่ียนแปลงสารโรดอพซนิ ท่ี เซลลร์ ปู กรวยในช้นั เรตนิ า แบง่ ออกเป็น 3 ชนดิ ฝงั ตัวอยู่บนเย่อื หมุ้ เซลลข์ องเซลลร์ ปู แท่ง - เซลล์รูปกรวยไวต่อแสงสนี า้ เงนิ - เซลลร์ ปู กรวยไวตอ่ แสงสีแดง - เซลลร์ ูปกรวยไวตอ่ แสงสีเขยี ว โรดอพซิน 4 แสง 1 เรตนิ อล 3 ออพซิน เอนไซม์ + ATP 2 ส่งกระแสประสาทไปยัง เสน้ ประสาทสมองสมองคู่ท่ี 2

กระดกู โกลน 1 หสู ่วนนอก กระดกู คอ้ น มีใบหูทาหนา้ ท่รี บั และรวมคล่นื เสยี งสง่ ผา่ นเขา้ สูร่ หู ู ใบหู เย่อื แกว้ หู กระดูกทั่ง ทอ่ ยสู เตเชยี น ภายในรหู มู ีขนและตอ่ มสรา้ งขห้ี ูช่วยทาใหเ้ กดิ ความช้นื ป้องกันฝนุ่ ละอองและเชอื้ โรค ชอ่ งหู มเี ยื่อแก้วหู (tympanic membrane) อยใู่ นสุด เป็นเย่ือบาง ๆ เช่ือมหสู ว่ นนอกกบั หสู ่วนกลาง ทาหน้าที่ แยกคลนื่ เสียงและมคี วามไวตอ่ การเปลย่ี นแปลงความดัน 2 หสู ว่ นกลาง ทาหนา้ ท่ีขยายและป้องกนั เสยี งดงั ประกอบดว้ ยกระดกู คอ้ น (malleus) กระดูกทงั่ (incus) และกระดกู โกลน (stapes) ยึดติดกัน ทาหนา้ ทข่ี ยาย การสนั่ สะเทอื น มีท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ทาหน้าที่ปรับ ความดันภายในหูส่วนกลางกบั ภายนอก

เซมเิ ซอรค์ วิ ลารแ์ คแนล 3 หสู ่วนใน เส้นประสาทสมองคทู่ ่ี 8 ชุดที่ใช้ฟังเสียง มคี อเคลยี (cochlea) ทีบ่ รรจขุ องเหลว คอเคลยี อยู่ภายใน เมือ่ คลน่ื เสยี งผ่านมาจะทาใหข้ องเหลวสั่น แล้วแปลสญั ญาณเสยี งเป็นกระแสประสาทสง่ ไปยัง เสน้ ประสาทสมองคทู่ ่ี 8 เขา้ สเู่ ซรบี รัม ชุดทใ่ี ชใ้ นการทรงตวั มีเซมิเซอรค์ วิ ลารแ์ คแนล (semicircular canal) ทีบ่ รรุของเหลวอยู่ภายใน และบรเิ วณโคนเปน็ แอมพลู ลา (ampulla) ซง่ึ มีเซลล์ขน รับการเปล่ยี นแปลงของของเหลว แลว้ สง่ สัญญาณ เปน็ กระแสประสาทสง่ ไปยังเสน้ ประสาทสมองคทู่ ่ี 8 เข้าส่เู ซรบี รมั

ออลแฟกทอรีบลั บ์ ออลแฟกทอรีบัลบ์ เสน้ ใยประสาทรบั กล่ิน เซลลป์ ระสาทรบั กลิน่ ซเิ ลีย มอี อลแฟกทอรีเมมเบรน (olfactory membrane) เปน็ หนว่ ยรบั ความร้สู กึ ดา้ นสารเคมี มอี อลแฟกทอรีเซลล์ (olfactory cell) เป็นเซลล์รับความรูส้ กึ ที่ไวตอ่ การรบั กลน่ิ มีเซลลป์ ระสาทรับกลน่ิ (olfactory neuron) เปลี่ยนกล่ินเป็นกระแสประสาทสง่ ไปตาม เสน้ ประสาทสมองคู่ที่ 1 เข้าสอู่ อลแฟกทอรบี ลั บแ์ ละเซรบี รมั ตามลาดับ

พาพลิ ลา ตุ่มรบั รส เส้นประสาท รูรับรส เซลล์รบั รส ด้านบนของลิน้ มีพาพลิ ลา (papilla) ทป่ี ระกอบดว้ ยตมุ่ รบั รส (taste bud) ซึง่ มีเซลล์รบั รส (taste cell) อยภู่ ายใน ด้านล่างมีเสน้ ประสาทนากระแสประสาทผา่ นเสน้ ประสาทสมองคทู่ ี่ 7 และคทู่ ่ี 9 เขา้ สสู่ มองสว่ นเซรีบรมั รับรสได้ 5 รส ไดแ้ ก่ รสหวาน รสขม รสเปรย้ี ว รสเคม็ และรสอร่อย (อมู ามิ)

หน่วยรับความรูส้ กึ หน่วยรบั ความรสู้ ึก เกยี่ วกับความเจบ็ ปวด จากการสมั ผัส อวยั วะรบั ความร้สู กึ ทีม่ พี ้นื ทม่ี ากท่ีสดุ หนว่ ยรบั ความรู้สึก หนว่ ยรบั ความรู้สึกเย็น ในรา่ งกาย จากการสมั ผัสเบา ๆ มหี นว่ ยรับความรสู้ กึ หลายลา้ นเซลล์ แตล่ ะบรเิ วณมีเซลล์รบั ความรู้สกึ แตกตา่ งกนั หน่วยรบั ความรู้สกึ ร้อน หน่วยรบั ความรูส้ กึ หน่วยรับความรสู้ กึ จากการสัมผัสทข่ี น จากแรงกด

เส้นประสาทไปสมอง เซลล์ประสาทรับกลนิ่ กลิน่ อาหาร โมเลกลุ อาหาร เซลลร์ ับรส เสน้ ประสาทไปสมอง

การรบั รแู้ ละการตอบสนองของสตั ว์ สตั ว์มีกระดกู สนั หลัง สตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั มสี มองและไขสันหลัง ไฮดรา ควบคุมการทางานของระบบประสาท มีรา่ งแหประสาทเชื่อมเซลล์ประสาทเขา้ ด้วยกนั และมเี สน้ ประสาทแยกออกมาจานวนมาก พลานาเรยี มปี มประสาทบริเวณส่วนหวั และมเี สน้ ใยประสาท ตามลาตวั ไส้เดือนดนิ หอย ก้งุ แมลง มปี มประสาทขนาดใหญ่เป็นสมอง บริเวณส่วนหัว ปมประสาทตามลาตวั และมีเส้นประสาทเชือ่ มต่อกับ ปมประสาท

เซลลป์ ระสาท ประเภทของเซลล์ประสาท ตวั เซลล์ จาแนกตามหน้าที่ 1. เซลล์ประสาทรบั ความรสู้ กึ พบท่อี วัยวะความรูส้ กึ สร้างสารทจี่ าเปน็ ต่อเซลล์ประสาท 2. เซลลป์ ระสาทประสานงาน พบทีส่ มองและไขสนั หลงั และส่งไปยังเซลลป์ ระสาทอ่ืน ๆ 3. เซลล์ประสาทสง่ั การ พบทหี่ นว่ ยปฏิบตั ิงาน เสน้ ใยประสาท จาแนกตามรูปร่าง 1. เซลลป์ ระสาทข้วั เดยี ว ตัวเซลลม์ ีแอกซอน 1 เส้นใย แบง่ ออกเป็นเดนไดรต์นากระแสประสาทเขา้ สู่ตวั เซลล์ 2. เซลลป์ ระสาทขั้วเดียวเทียม เสน้ ใยประสาทแยกออกจาก และแอกซอนนากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ ตวั เซลลเ์ สน้ ใยเดียว แล้วแตกเป็น 2 เส้นใย 3. เซลลป์ ระสาทสองขว้ั ตัวเซลลม์ ีแอกซอน 1 เส้นใย และเดนไดรต์ 1 เสน้ ใย 4. เซลลป์ ระสาทหลายข้วั ตัวเซลลม์ ีแอกซอน 1 เส้นใย และเดนไดรตห์ ลายเส้นใย

การทางานของเซลลป์ ระสาท เกิดจากแอกชนั โพเทนเชยี ล การเกิดกระแสประสาท ศกั ยเ์ ยื่อเซลลร์ ะยะพัก ดีโพลาไรเซชัน รโี พลาไรเซชนั ภายนอกเซลล์มี Na+ และภายในเซลล์มี K+ ชอ่ งโซเดยี มเปดิ Na+ ไหลเขา้ ในเซลล์ ช่องโพแทสเซยี มเปิด K+ ไหลออกนอกเซลล์ ความต่างศักย์ทเี่ ยอื่ หุ้มเซลลเ์ ทา่ กบั -70 mV ความตา่ งศกั ยท์ เ่ี ยอ่ื หมุ้ เซลล์เปลีย่ นเปน็ +50 mV ความตา่ งศักยท์ ่เี ยือ่ หุม้ เซลล์เปล่ียนเปน็ -70 mV การถ่ายทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์ประสาท ปลายแอกซอน เซลล์ประสาทก่อนไซแนปส์ เม่ือกระแสประสาทเคล่ือนทีม่ าถงึ ปลายแอกซอน จะถูกถ่ายทอดผ่านไซแนปสไ์ ปยังเดนไดรต์ สารสื่อประสาท ของอกี เซลล์ประสาทหน่ึงโดยใช้สารสอ่ื ประสาท แล้วกระตุ้นให้เกิดกระแสประสาทในเซลล์ประสาท ช่องไซแนปส์ ถัดไป เซลลป์ ระสาทหลงั ไซแนปส์

ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท สมอง สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง ไขสันหลงั สมองส่วนหน้า เส้นประสาทไขสนั หลังบรเิ วณคอ 8 คู่ ควบคุมบริเวณคอ แขน และอกท่อนบน ไฮโพทาลามัส เซรบี รมั อณุ หภูมิรา่ งกาย ความคดิ ความจา เสน้ ประสาทไขสนั หลังบริเวณอก 12 คู่ การเตน้ ของหวั ใจ และการทางานตา่ ง ๆ ควบคมุ บริเวณอก ลาตัว และท้อง ความดันเลือด ทาลามัส เสน้ ประสาทไขสนั หลังบรเิ วณเอว 5 คู่ ออพติกโลบ ศนู ยร์ วบรวมกระแสประสาท ควบคุมบรเิ วณขา กระเพาะปสั สาวะ และอวัยวะสืบพันธ์ุ การเคลอื่ นไหว เข้าและออก เสน้ ประสาทไขสันหลงั บรเิ วณกระเบนเหน็บ 5 คู่ ของลูกตา ควบคุมบริเวณขา กระเพาะปสั สาวะ และอวัยวะสบื พันธ์ุ เซรีเบลลัม พอนส์ การเคล่อื นไหวและ เสน้ ประสาทไขสันหลงั บรเิ วณกน้ กบ 1 คู่ การเคล่ือนไหวของใบหน้า การทรงตวั ของรา่ งกาย ควบคุมบรเิ วณลาไสต้ รงและทวารหนัก การหายใจ เมดัลลาออบลองกาตา ควบคมุ การทางานของ ระบบประสาทอตั โนวตั ิ

การทางานของระบบประสาท ระบบประสาทโซมาตกิ ระบบประสาทภายใตอ้ านาจจิตใจ ทาหน้าทีส่ ั่งการหน่วยปฏบิ ัตงิ านทค่ี วบคุมได้ เช่น กล้ามเนอื้ โครงร่าง แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท รีเฟล็กซ์แอกชัน สง่ั การโดยผ่านไขสันหลังเพยี งอย่างเดยี ว รีเฟลก็ ซอ์ าร์ก ส่ังการโดยผา่ นสมองและไขสนั หลงั ระบบประสาทอตั โนวัติ ระบบประสาทนอกอานาจจิตใจ ทาหนา้ ทสี่ ง่ั การหน่วยปฏบิ ตั งิ านท่ไี ม่สามารถควบคมุ ได้ เช่น อวัยวะภายใน ตอ่ มต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ระบบประสาทซิมพาเทติก ควบคมุ หนว่ ยปฏิบตั งิ านที่นาคาสง่ั จากเส้นประสาทไขสันหลังบรเิ วณคอ อก และบัน้ เอว โดยใชน้ อร์อะดรนี าลีนเป็นสารสื่อประสาท ระบบประสาทพาราซมิ พาเทตกิ ควบคมุ หนว่ ยปฏบิ ัตงิ านท่นี าคาส่ังจากสมองส่วนเมดัลลาออบลองกาตาและไขสันหลังบรเิ วณกระเบนเหน็บ โดยใชแ้ อซติ ลิ โคลนี เปน็ สารสอ่ื ประสาท

อวยั วะรับความรสู้ กึ 1 ตากบั การมองเห็น 2 เมื่อแสงตกกระทบกับวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา แสงจะผ่านรูม่านตาโดยมีเลนส์ตาทาหน้าที่รวมแสงไปตก 5 บริเวณชั้นเรตินาท่ีประกอบด้วยเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวย แล้วแปลเป็นสัญญาณประสาทส่งไปทาง เส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 เขา้ สู่สมองส่วนออพตกิ โลบ 2 หูกบั การไดย้ นิ เมื่อคลื่นเสียงผ่านเข้าหู จากหูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน คลื่นเสียงจะทาให้ของเหลวในคอเคลีย สั่นสะเทอื น แลว้ แปลเป็นกระแสประสาทส่งไปยงั เส้นประสาทสมองค่ทู ี่ 8 เข้าสสู่ มองส่วนเซรบี รัม และยังทาหน้าที่ รับรู้เก่ียวกับการทรงตัวของร่างกาย โดยการเปล่ียนแปลงของของเหลวในเซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล แล้วแปลเป็น กระแสประสาทส่งไปยังเสน้ ประสาทสมองค่ทู ี่ 8 เชน่ กัน 3 จมกู กับการดมกลิน่ เม่ือมีโมเลกุลสารเคมีผ่านเข้าจมูก ออลแฟกทอรีเซลล์จะทาหน้าที่รับกลิ่นและแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปยัง เสน้ ประสาทสมองคทู่ ่ี 1 นาเข้าสสู่ มองส่วนเซรีบรัม 1 4 ล้ินกบั การรบั รส 3 ล้ินจะมีตุ่มรับรส ทาหน้าที่รับรสและแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาทสมองคู่ท่ี 7 และ 9 นาเข้าสู่ สมองส่วนเซรบี รมั 4 5 ผิวหนงั กบั การรบั ความรสู้ ึก บริเวณผิวหนังจะพบเซลล์ประสาทรับความรู้สึกเป็นจานวนมาก ท้ังหน่วยรับความรู้สึกจากการสัมผัส แรงกด ความร้อน ความเย็น ซึ่งจะส่งกระแสประสาทไปยังสมอง