Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การบริหารงานบุคคล

การบริหารงานบุคคล

Published by apple.workjaaa, 2020-09-10 10:46:31

Description: การบริหารงานบุคคล

Search

Read the Text Version

คู่มอื การบรหิ ารงานบุคคล วสิ ัยทัศน์ พันธกิจ เปา้ หมาย และอัตลักษณข์ องสถานศึกษา วิสัยทศั น์ (VISION) ภายในปี 2564 โรงเรียนพระบางวทิ ยาพฒั นาผเู้ รียนเปน็ ผมู้ คี ุณธรรม จริยธรรม และมีทกั ษะ อาชพี เพ่ือดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มกี ารจดั การเรยี นรตู้ ามมาตรฐานสากลสอดคลอ้ ง กบั การเปลยี่ นแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 พนั ธกจิ (MISSION) 1. พฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรมของนกั เรียน 2. พัฒนานักเรียนใหม้ ที กั ษะอาชพี เพอ่ื ดารงชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. ส่งเสริมการเรยี นรตู้ ามมาตรฐานสากล 4. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ การพัฒนาครู และบคุ ลากรทางการการศกึ ษา ให้จดั การเรียนการสอน อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคล้องกับการเปลีย่ นแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 5. พฒั นากระบวนการการบรหิ ารและการจัดการสถานศึกษา 6. ส่งเสริมชุมชนและภาคีเครือขา่ ยให้มีสว่ นร่วมในการจดั การศึกษา เปา้ ประสงค์ (Goals) 1. นกั เรยี นมคี ุณธรรมจริยธรรม 2. นกั เรียนมที กั ษะอาชีพเพ่ือดารงชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. นักเรียนมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานสากลและคุณลักษณะของเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 4. ครู และบคุ ลากรทางการการศึกษา มีการจัดการเรียนการสอนอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สอดคลอ้ ง กับการเปล่ียนแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 5. โรงเรยี นมกี ระบวนการการบรหิ ารและการจัดการสถานศกึ ษาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 6. ชมุ ชนและภาคเี ครอื ข่ายมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา การบริหารงานบุคคล หมายถึง การหาทางใช้คนท่ีอยู่ร่วมกันในองค์กรนั้น ๆ ให้ทางานได้ผลดีที่สุดสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายน้อยท่ีสุดในขณะเดียวกันก็สามารถทาให้ผู้ร่วมงานมีความสุขมีความพอใจท่ีจะให้ความร่วมมือและ ทางานรว่ มกับผบู้ รหิ ารเพอ่ื ให้งานขององค์กรน้นั ๆ สาเรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี แนวคิด 1) ปจั จยั ทางการบริหารทั้งหลายคนถอื เปน็ ปัจจัยทางการบรหิ ารทสี่ าคญั ท่สี ดุ 2) การบริหารงานบุคคลจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลผู้บริหารจะต้องมีความรู้ความเข้าใจและมี ความสามารถสงู ในการบรหิ ารงานบคุ คล 3) การจัดบุคลากรให้ปฏิบัติงานได้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถจะมีส่วนทาให้บุคลากรมีขวัญ กาลงั ใจมีความสขุ ในการปฏิบตั งิ านส่งผลให้งานประสบผลสาเรจ็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 4) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองจะทาให้บุคลากร เปล่ียนแปลงพฤติกรรมและกระตือรือรน้ พฒั นางานใหด้ ียิ่งขึน้

5) การบรหิ ารงานบคุ คลเนน้ การมีสว่ นร่วมของบคุ ลากรและผ้มู ีสว่ นไดเ้ สียเปน็ สาคัญ ขอบขา่ ยงานบุคลากร 1. ส่งเสริมและพฒั นาระบบการบริหารจดั การใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 2. ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนปฏิบัติตามในหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ ครู 3. สง่ เสริมการประชาสัมพนั ธ์ข้อมลู ข่าวสารของบคุ ลากรภายในโรงเรียนแก่ผเู้ กี่ยวข้องอย่างท่ัวถึงและ มีประสิทธิภาพ 4. ส่งเสริมและสนบั สนุนให้ครูและบคุ ลากรไดร้ บั การพฒั นาตามสมรรถนะวชิ าชพี ครู 5. ประสานความรว่ มมือระหวา่ งโรงเรียนผู้ปกครองและชุมชนในการพฒั นาโรงเรียน 6. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏบิ ตั ิหนา้ ทด่ี ้วยความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต 7. สง่ เสรมิ ใหค้ ณะครูปฏิบัติตนในการดาเนนิ ชีวตโดยยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมาย (Goals) ปกี ารศกึ ษา 2558-2562 1. ส่งเสริมและพฒั นาระบบการบริหารจดั การใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 2. ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนปฏิบัติตามในหน้าท่ีตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ ครู 3. ส่งเสริมการประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มูลข่าวสารของบุคลากรภายในโรงเรียนแก่ผู้เก่ียวข้องอย่างทัว่ ถึงและ มีประสทิ ธิภาพ 4. ส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหค้ รแู ละบคุ ลากรไดร้ บั การพัฒนาตามสมรรถนะวิชาชพี ครู 5. ประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียนผูป้ กครองและชุมชนในการพัฒนาโรงเรียน 6. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏิบตั หิ นา้ ที่ดว้ ยความซ่ือสัตย์สจุ ริต 7. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏิบตั ิตนในการดาเนินชีวิตโดยยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพียง วางแผนอัตรากาลงั ทาการกาหนดตาแหน่ง มหี น้าท่ี 1. จัดทาแผนงาน / โครงการแผนปฏบิ ัตงิ านประจาปีและปฏทิ นิ ปฏบิ ัติงาน 2. จัดทาแผนงานอัตรากาลงั ครู / การกาหนดตาแหนง่ และความต้องการครใู นสาขาที่โรงเรียนมีความ ตอ้ งการ 3. จัดทารายงานอตั รากาลังครูต่อหน่วยงานตน้ สงั กัด

การสรรหาและบรรจแุ ตง่ ต้งั มหี นา้ ที่ 1. วางแผนดาเนินการสรรหาและเลอื กสรรและกาหนดรายละเอียดแผนปฏบิ ตั งิ าน 2. กาหนดรายละเอยี ดเก่ยี วกับการสรรหาการเลือกสรรคุณสมบตั ิของบคุ คลทีร่ บั สมัคร 3. จดั ทาประกาศรับสมคั ร 4. รบั สมคั ร 5. การตรวจสอบคณุ สมบตั ผิ สู้ มคั ร 6. ประกาศรายช่อื ผู้มีสิทธิรับการประเมนิ 7. แตง่ ตงั้ คณะกรรมการดาเนนิ การสรรหาและเลอื กสรร 8. สอบคดั เลอื ก 9. ประกาศรายชอื่ ผผู้ ่านการเลอื กสรร 10. การเรียกผู้ที่ผ่านการคดั เลอื กมารายงานตัว 11. จัดทารายตอ่ หนว่ ยงานตน้ สังกัด การพัฒนาบคุ ลากรมีหนา้ ที่ 1. จัดทาแผนงาน / โครงการ / แผนปฏิบัตกิ ารประจาปี 2. สารวจความตอ้ งการในการพัฒนาครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 3. จัดทาแผนพฒั นาตนเองของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 4. สง่ เสรมิ และสนับสนุนใหค้ รแู ละบคุ ลากรได้รับการพัฒนา 5. จัดทาแฟม้ บคุ ลากรในโรงเรยี น 6. ติดตามประเมนิ ผลสรุปรายงานผลการปฏบิ ัติงานเสนอผอู้ านวยการ 7. งานอน่ื ๆ ทไี่ ด้รบั มอบหมาย การเลอื่ นขน้ั เงินเดอื น มหี น้าท่ี 1. จัดทาแผนงาน / โครงการ / แผนปฏิบตั กิ ารประจาปี 2. นิเทศตดิ ตามผลการปฏิบตั ิงานของครูและบุคลากรในโรงเรยี น 3. ประชมุ คณะกรรมการในการพิจารณาเล่อื นขั้นเงินเดือนประจาปี 4. จัดทาบัญชีผู้ท่ีไดร้ ับการพิจารณาเล่ือนข้ันประจาปโี ดยยึดหลักความโปรงใสคุณธรรมจรยิ ธรรมและ การปฏบิ ตั งิ านทีร่ บั ผิดชอบ

5. แตง่ ตัง้ ผู้ท่ไี ด้รบั การเล่อื นข้ันเงินเดอื นรายงานตอ่ ต้นสังกัด เครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์ มีหนา้ ที่ 1. จัดรวบรวมเอกสารในการเสนอขอพระราชทานเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ 2. สารวจความตอ้ งการขอพระราชทานเครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ของคณะครูและบุคลากร 3. สง่ เสรมิ และสนบั สนุนขอพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณข์ องคณะครูและบุคลากรในโรงเรยี น 4. จัดทาแฟ้มขอ้ มลู การได้รับพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณข์ องคณะครูและบคุ ลากรในโรงเรยี น วนิ ัยและการรักษาวินยั มหี นา้ ท่ี 1. จดั รวบรวมเอกสารเกย่ี ววินัยและการรักษาวนิ ยั ของข้าราชการครูและบุคลากรในโรงเรียน 2. จัดทาแฟม้ ขอ้ มูลเกย่ี วกับการทาผิดเกีย่ วกบั วินยั ของข้าราชการครูและบคุ ลากรในโรงเรียน สวัสดกิ ารครมู ี หน้าท่ี 1. วางแผนดาเนนิ งานเกีย่ วกบั สวสั ดกิ ารของครูและบุคลากรในโรงเรียน 2. มอบของขวญั เป็นกาลังใจในวันสาคัญต่างๆวนั เกดิ แสดงความยินดีทผ่ี า่ นการประเมนิ ครชู านาญการ พเิ ศษของครแู ละบคุ ลากรในโรงเรยี น 3. ซือ้ ของเยยี่ มไข้เมื่อเจบ็ ป่วยหรอื นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สามะโนนกั เรียน / รับนกั เรยี น มหี นา้ ท่ี 1. วางแผนในการจดั ทาสามะโนนกั เรยี น 2. สามะโนนกั เรยี นในเขตบริการของโรงเรียน 3. จัดทาเอกสารการรับสมัครนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-6 4. เปิดรับสมคั รนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-6 5. จัดทาแฟม้ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-6 6. สรุปการจดั ทาสามะโนนกั เรียนรายงานหน่วยงานตน้ สังกดั การปฏิบตั ริ าชการของขา้ ราชการครู 1. การลา การลาแบ่งออกเป็น 9 ประเภท คอื 1. การลาป่วย 2. การลาคลอดบตุ ร 3. การลากจิ ส่วนตัว

4. การลาพักผอ่ น 5. การลาอุปสมบทหรอื การลาไปประกอบพิธีฮัจย์ 6. การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรอื เขา้ รบั การเตรียมพล 7. การลาไปศกึ ษาฝึกอบรมดูงานหรอื ปฏบิ ตั กิ ารวิจัย 8. การลาไปปฏิบตั ิงานในองค์การระหวา่ งประเทศ 9. การลาติดตามคสู่ มรส การลาป่วย ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพ่ือรักษาตัวให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาเว้นแต่ในกรณีจาเป็นจะเสนอหรือจัดส่งใบลาในวันแรก ที่มาปฏิบัติราชการก็ได้ในกรณีที่ข้าราชการผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้จะให้ผู้อ่ืนลา แทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็วการลาป่วยตั้งแต่ 30 วันข้ึนไปต้องมี ใบรับรองของแพทย์ซ่ึงเปน็ ผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนญุ าตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลา ด้วยในกรณีจาเป็นหรือเห็นสมควรผู้มีอานาจอนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองของแพทย์ซ่ึงผู้มีอานาจอนุญาต เห็นชอบแทนก็ได้การลาป่วยไม่ถึง 30 วันไม่ว่าจะเป็นการลาครั้งเดียวหรือหลายคร้ังติดต่อกันถ้าผู้มีอานาจ อนุญาตเห็นสมควรจะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลาหรือสั่งให้ผู้ลาไปรั บการตรวจจาก แพทยข์ องทางราชการเพ่ือประกอบการพจิ ารณาอนญุ าตก็ได้ การลาคลอดบุตร ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาคลอดบุตรให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาเว้นแต่ไมส่ ามารถจะลงชอื่ ในใบลาได้จะให้ผู้อ่ืนลาแทนก็ ได้ แต่เม่ือสามารถลงช่ือได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็วและมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับเงินเดือนครั้ง หน่ึงได้การลาคลอดบุตรจะลาในวันท่ีคลอดก่อนหรือหลังวันท่ีคลอดบุตรก็ได้ แต่เม่ือรวมวันลาแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน การลากิจส่วนตัว ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลากิจส่วนตัวให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตและเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้เว้นแต่มีเหตุจาเป็นไม่ สามารถรอรับอนุญาตได้ทันจะเสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจาเป็นไว้แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องช้ีแจงเหตุผลให้ผู้มีอานาจอนุญาตทราบโดยเร็วในกรณีมีเหตุพเิ ศษท่ีไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อน ตามวรรคหนึ่งได้ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมทั้งเหตุผลความจาเป็นต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงผู้มี อานาจอนุญาตทันทีในวันแรกท่ีมาปฏิบัติราชการข้าราชการมีสิทธิลากิจส่วนตัวโดยได้รับเงินเดือนปีละไม่เกิน 45 วันทาการข้าราชการที่ลาคลอดบตุ รตามข้อ 18 แลว้ หากประสงค์จะลากจิ สว่ นตวั เพ่ือเลยี้ งดูบตุ รใหม้ ีสทิ ธิลา ต่อเนือ่ งจากการลาคลอดบุตรไดไ้ ม่เกิน 150 วนั ทาการโดยไมม่ ีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา การลาพักผ่อน ข้าราชการมีสิทธิลาพักผ่อนประจาปีในปีหนึ่งได้ 10 วันทาการเว้นแต่ข้าราชการ ดังตอ่ ไปนไี้ ม่มสี ทิ ธิลาพักผ่อนประจาปีในปีที่ไดร้ ับบรรจเุ ข้ารับราชการยังไม่ถงึ 6 เดอื น

1. ผ้ซู งึ่ ไดร้ ับบรรจเุ ข้ารับราชการเป็นข้าราชการครง้ั แรกผูซ้ ง่ึ ลาออกจากราชการเพราะเหตสุ ่วนตัวแล้ว ต่อมาได้รับบรรจุเขา้ รบั ราชการอกี 2. ผู้ซ่ึงลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกต้ังแล้วต่อมาได้รับ บรรจุเขา้ รบั ราชการอกี หลัง 6 เดอื นนับ แต่วนั ออกจากราชการ 3. ผู้ซ่ึงถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่นนอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการ รับราชการทหารและกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการแล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับ ราชการอีกถ้าในปีใดข้าราชการผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจาปีหรือลาพักผ่อนประจาปีแล้วแต่ไม่ครบ 10 วันทา การให้สะสมวันท่ียังมิได้ลาในปีน้ันรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปี ปัจจุบันจะต้องไม่เกิน 20 วันทาการสาหรับผู้ที่ได้รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีให้มีสิทธินาวัน ลาพกั ผ่อนสะสมรวมกับวนั ลาพกั ผอ่ นในปีปัจจุบันได้ไม่เกนิ 30 วันทาการ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาอุปสมบทใน พระพุทธศาสนาหรือข้าราชการที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจพิจารณาหรือ อนุญาตก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ไม่น้อยกว่า 60 วันในกรณีมีเหตุพิเศษไม่อาจ เสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหนึ่งให้ช้ีแจงเหตุผลความจาเป็นประกอบการลาและให้อย่ใู นดุลพินิจของผู้ มีอานาจท่ีจะพิจารณาให้สาหรอื ไม่ก็ได้ขา้ ราชการท่ีไดร้ ับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอปุ สมบท หรือ ได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจย์แล้วจะตอ้ งอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบพิธีฮจั ย์ภายใน 10 วัน นับ แต่วันเร่ิมลาและจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วันนับ แต่วันท่ีลาสิกขาหรือวันท่ี เดนิ ทางกลบั ถึงประเทศไทยหลงั จากการเดินทางไปประกอบพิธฮี ัจย์ การลาเขา้ รบั การตรวจเลือกหรอื เขา้ รบั การเตรียมพล ขา้ ราชการท่ีได้รบั หมายเรียก เข้ารับการตรวจ เลือกให้รายงานลาตอ่ ผู้บังคับบัญชากอ่ นวันเข้ารับการตรวจเลือกไมน่ ้อยกว่า 48 ชั่วโมงส่วนข้าราชการท่ีได้รับ หมายเรียกเข้ารับการเตรียมพลใหร้ ายงานลาตอ่ ผู้บังคบั บญั ชาภายใน 48 ช่ัวโมงนับ แต่เวลารับหมายเรียกเป็น ต้นไปและให้ไปเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรียกน้ันโดยไม่ต้องรอรับ คาสั่งอนุญาตและให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลาดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าส่วน ราชการข้นึ ตรง การลาไปศกึ ษา ฝึกอบรม ดูงาน หรอื ปฏบิ ตั ิการวจิ ยั ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาไปศึกษาฝึกอบรมดู งานหรือปฏิบัตกิ ารวิจัย ณ ต่างประเทศให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลาต่อผูบ้ ังคับบัญชาตามลาดบั จนถงึ ปลัดกระทรวง หรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงเพ่ือพิจารณาอนุญาตสาหรับการลาไปศึกษาฝึกอบรมดงู านหรือปฏิบัติการวิจัย ในประเทศให้เสนอหรือจัดส่งใบลาตามลาดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงเพ่ือ พิจารณาอนุญาตเว้นแต่ข้าราชการกรุงเทพมหานครให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อปลัดกรุงเทพมหานครสาหรับ หัวหน้าส่วนราชการให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อปลัดกระทรวงหัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรงและข้าราชการใน ราชบัณฑิตยสถานให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดส่วนปลัดกรุงเทพมหานครให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาต่อผู้วา่ ราชการกรงุ เทพมหานครเพื่อพิจารณาอนุญาต

การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ขา้ ราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัตงิ านในองคก์ าร ระหว่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อพิจารณาโดย ถอื ปฏบิ ัตติ ามหลักเกณฑท์ ีก่ าหนด การลาติดตามคู่สมรส ข้าราชการซึ่งประสงค์ติดตามค่สู มรสให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลาต่อผบู้ ังคับบัญชา ตามลาดับจนถึงปลัดกระทรวงหรอื หัวหนา้ ส่วนราชการขึ้นตรงแล้วแตก่ รณีเพ่อื พิจารณาอนุญาตใหล้ าได้ไมเ่ กิน สองปีและในกรณีจาเป็นอาจอนุญาตให้ลาได้อีกสองปี แต่เม่ือรวมแล้วต้องไม่เกินส่ีปีถ้าเกินส่ีปีให้ลาออกจาก ราชการสาหรับปลัดกระทรวงหัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรงและข้าราชการในราชบัณฑิตยสถานให้เสนอหรือ จั ด ส่ ง ใ บ ล า ต่ อ รั ฐ ม น ต รี เ จ้ า สั ง กั ด ส่ ว น ป ลั ด ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร ใ ห้ เ ส น อ ห รื อ จั ด ส่ ง ใ บ ล า ต่ อ ผู้ ว่ า ร า ช ก า ร กรุงเทพมหานครเพือ่ พิจารณาอนุญาต วินัยและการดาเนนิ การทางวินัยวินยั : การควบคุมความประพฤตขิ องคนในองค์กรใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ แผนทีพ่ ึงประสงค์วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา: ขอ้ บัญญัติที่กาหนดเป็นขอ้ ห้ามและข้อปฏิบัติ ตามหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไข เพิ่มเตมิ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 โทษทางวินยั มี 5 สถานคือ วนิ ัยไมร่ า้ ยแรงมีดงั นี้ 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตดั เงนิ เดือน 3. ลดขนั้ เงินเดือน วนิ ยั รา้ ยแรงมดี งั นี้ 1. ปลดออก 2. ไลอ่ อก การว่ากล่าวตักเตือนหรือการทาทัณฑ์บนไม่ถือว่าเป็นโทษทางวินัยใช้ในกรณีที่เป็นความผิดเล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษการว่ากล่าวตักเตือนไม่ต้องทาเป็นหนังสือ แต่การทาทัณฑ์บนต้องทาเป็นหนังสือ (มาตรา 100 วรรคสอง) โทษภาคทณั ฑ์ ใช้ลงโทษในกรณที ี่เปน็ ความผิดเลก็ น้อยหรอื มีเหตอุ ันควรลดหย่อนโทษภาคทัณฑ์ไม่ตอ้ งห้ามการเลอื่ น ขั้นเงินเดือน โทษตัดเงินเดือนและลดขน้ั เงนิ เดือน ใชล้ งโทษในความผิดทไี่ มถ่ ึงกับเปน็ ความผดิ ร้ายแรงและไมใ่ ชก่ รณีที่เป็นความผดิ เลก็ น้อย

โทษปลดออกและไลอ่ อก ใช้ลงโทษในกรณีที่เป็นความผิดวินัยร้ายแรงเท่านนั้ การลดโทษความผิดวินัย ร้ายแรงห้ามลดโทษต่ากว่าปลดออกผู้ถูกลงโทษปลดออกมีสิทธิได้รับบาเหน็จบานาญเสมือนลาออกการส่ั งให้ ออกจากราชการไม่ใชโ่ ทษทางวนิ ัย วินยั ไม่ร้ายแรง ไดแ้ ก่ 1. ไม่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทยดว้ ยความบรสิ ทุ ธใิ์ จ 2. ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเสมอภาคและเท่ียงธรรมต้องมีความวิริยะอุตสาหะ ขยันหม่ันเพียรดูแลเอาใจใส่รักษาประโยชนข์ องทางราชการและต้องปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ วชิ าชพี 3. อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอานาจและหน้าท่ีราชการของตนไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมหา ประโยชนใ์ ห้แกต่ นเองและผอู้ ืน่ 4. ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงาน การศึกษามติครม. หรือนโยบายของรัฐบาลโดยถือประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนและไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ ราชการ 5. ไม่ปฏิบัติตามคาสัง่ ของผู้บังคับบัญชาซึ่งส่ังในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบยี บของ ทางราชการ แต่ถา้ เห็นว่าการปฏิบัติตามคาส่ังนัน้ จะทาให้เสียหายแก่ราชการหรือจะเป็นการไมร่ ักษาประโยชน์ ของทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือภายใน 7 วันเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคาสั่งก็ได้และเม่ือ เสนอความเห็นแล้วถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันเป็นหนังสือให้ปฏิบัติตามคาสั่งเดิ มผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติ ตาม 6. ไมต่ รงตอ่ เวลาไม่อุทศิ เวลาของตนใหแ้ ก่ทางราชการและผู้เรียนละท้ิงหรือทอดทิง้ หนา้ ท่ีราชการโดย ไม่มเี หตุผลอันสมควร 7. ไม่ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ผ้เู รียนชุมชนสังคมไม่สุภาพเรียบร้อยและรักษาความสามัคคีไม่ ช่วยเหลือเก้ือกูลต่อผู้เรียนและข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมงานไม่ต้อนรับหรือให้ความสะดวกให้ความเป็น ธรรมตอ่ ผ้เู รยี นและประชาชนผมู้ าติดต่อราชการ 8. กลั่นแกล้งกล่าวหาหรอื ร้องเรยี นผอู้ นื่ โดยปราศจากความเป็นจริง 9. กระทาการหรือยอมให้ผู้อ่ืนกระทาการหาประโยชน์อันอาจทาให้เสื่อมเสียความเท่ียงธรรมหรือ เสอ่ื มเสยี เกยี รตศิ กั ดใิ์ นตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการของตน 10. เป็นกรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการหรือดารงตาแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นใน ห้างหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ัท

11. ไม่วางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอ่ืนท่ีเก่ียวข้องกับ ประชาชนอาศยั อานาจและหน้าท่ีราชการของตนแสดงการฝักใฝ่สง่ เสริมเก้ือกูลสนับสนุนบคุ คลกล่มุ บุคคลหรือ พรรคการเมืองใด 12. กระทาการอันใดอันไดช้ ่ือว่าเป็นผู้ประพฤตชิ วั่ 13. เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัยไม่ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทาผิด วินัยหรือละเลยหรือมีพฤติกรรมปกป้องช่วยเหลือมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาถูกลงโทษทางวินัยหรือปฏิบัติหน้าที่ ดังกล่าวโดยไมส่ ุจรติ วินยั ร้ายแรง ไดแ้ ก่ 1. ทจุ รติ ตอ่ หน้าทีร่ าชการ 2. จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษามติครม. หรือนโยบายของรัฐบาลประมาทเลินเล่อหรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการอัน เป็นเหตใุ ห้เกดิ ความเสยี หายแกร่ าชการอยา่ งรา้ ยแรง 3. ขัดคาส่ังหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าท่ีราชการโดยชอบด้วย กฎหมายและระเบียบของทางราชการอันเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแกร่ าชการอย่างรา้ ยแรง 4. ละท้งิ หน้าทหี่ รือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไมม่ ีเหตุผลอันสมควรเปน็ เหตุให้เสยี หายแก่ราชการอยา่ ง รา้ ยแรง 5. ละทิง้ หน้าทร่ี าชการติดต่อในคราวเดยี วกนั เปน็ เวลาเกินกว่า 15 วันโดยไมม่ เี หตุผลอนั สมควร 6. กลั่นแกล้งดูหมน่ิ เหยียดหยามกดขีห่ รอื ข่มเหงผูเ้ รยี นหรือประชาชนผมู้ าติดต่อราชการอย่างร้ายแรง 7. กลั่นแกล้งกล่าวหาหรือร้องเรียนผู้อ่ืนโดยปราศจากความเป็นจริงเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความ เสยี หายอย่างร้ายแรง 8. กระทาการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทาการหาประโยชน์อันอาจทาให้เสื่อมเสียความเท่ียงธรรมหรือ เส่ือมเสียเกียรติศักดิ์ในตาแหน่งหน้าที่ราชการโดยมุ่งหมายจะให้เป็นการซ้ือขายหรือให้ได้รับแต่งต้ังให้ดารง ตาแหน่งหรือวิทยฐานะใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการกระทาอันมีลักษณะเป็นการให้หรือได้มาซ่ึง ทรพั ย์สนิ หรือสทิ ธิประโยชนอ์ น่ื เพื่อใหต้ นเองหรอื ผูอ้ ่ืนได้รับการบรรจแุ ละแต่งตั้งโดยมิชอบ 9. คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนาเอาผลงานทางวิชาการของ ผู้อ่ืนหรือจ้างวานใช้ผู้อื่นทาผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกาหนดตาแหน่งการเลื่อน ตาแหน่งการเลอื่ นวทิ ยฐานะหรือการใหไ้ ดร้ บั เงนิ เดอื นในระดบั ที่สูงข้นึ 10. ร่วมดาเนินการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานของผู้อื่นโดยมิชอบหรือรับจัดทาผลงานทางวิชาการ ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่เพื่อให้ผู้อื่นนาผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์เพื่อปรับปรุงการกาหนดตาแหน่งเล่ือน ตาแหนง่ เล่อื นวทิ ยฐานะหรอื ใหไ้ ดร้ ับเงินเดือนในอนั ดับท่สี ูงข้นึ

11. เข้าไปเก่ียวข้องกับการดาเนินการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการทุจริตโดยการซื้อสิทธิหรือขายเสียง ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสมาชิกสภาท้องถ่ินผู้บริหารท้องถิ่นหรือการเลือกตั้งอื่นที่มีลักษณะเป็นการ ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยรวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนหรือชักจูงให้ผู้อื่ นกระทาการใน ลักษณะเดียวกัน 12. กระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคกุ หรือโทษที่หนักกวา่ จาคุกโดยคาพพิ ากษาถึงที่สุดใหจ้ าคุก หรือให้รบั โทษที่หนักกว่าจาคกุ เวน้ แตเ่ ปน็ โทษสาหรับความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือลหุโทษหรอื กระทา การอ่ืนใดอันได้ชอื่ วา่ เป็นผ้ปู ระพฤตชิ วั่ อยา่ งร้ายแรง 13. เสพยาเสพตดิ หรอื สนับสนนุ ใหผ้ อู้ น่ื เสพยาเสพตดิ 14. เล่นการพนนั เปน็ อาจิณ 15. กระทาการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตน หรอื ไม่ การดาเนนิ การทางวนิ ัย การดาเนินการทางวนิ ัยกระบวนการและข้ันตอนการดาเนินการในการออกคาส่งั ลงโทษซึง่ เปน็ ขั้นตอน ที่มีลาดับก่อนหลังต่อเนื่องกันอัน ได้แก่ การตั้งเร่ืองกล่าวหาการสืบสวนสอบสวนการพิจารณาความผิดและ กาหนดโทษและการส่ังลงโทษรวมทั้งการดาเนินการตา่ ง ๆ ในระหวา่ งการสอบสวนพจิ ารณาเช่นการสงั่ พักการ ส่ังใหอ้ อกไว้ก่อนเพอื่ รอฟังผลการสอบสวนพจิ ารณา หลักการดาเนนิ การทางวินัย 1. กรณีท่ีผู้บังคับบัญชาพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาผู้ใดกระทาผิดวินัยโดยมีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่ แล้วผบู้ ังคบั บญั ชาก็สามารถดาเนินการทางวนิ ยั ไดท้ ันที 2. กรณที ีม่ ีการรอ้ งเรียนดว้ ยวาจาให้จดปากคาให้ผรู้ ้องเรยี นลงลายมือช่ือและวันเดือนปีพร้อมรวบรวม พยานหลักฐานอน่ื ๆ ประกอบการพิจารณาแล้วดาเนนิ การให้มีการสบื สวนข้อเท็จจริงโดยต้ังกรรมการสืบสวน หรือส่งั ให้บุคคลใดไปสืบสวนหากเห็นว่ามมี ลู ก็ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนต่อไป 3. กรณีมีการร้องเรียนเปน็ หนังสือผบู้ ังคับบัญชาต้องสืบสวนในเบอื้ งต้นก่อนหากเห็นว่าไม่มมี ูลก็สง่ั ยุติ เร่ืองถ้าเห็นว่ามีมูลก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไปกรณีหนังสือร้องเรียนไม่ลงลายมือชื่อและท่ีอยู่ของผู้ ร้องเรียนหรือไม่ปรากฏพยานหลักฐานท่ีแน่นอนจะเข้าลักษณะของบัตรสนเท่ห์มติครม. ห้ามมิให้รับฟังเพราะ จะทาใหข้ า้ ราชการเสียขวญั ในการปฏิบตั หิ น้าท่ี ขัน้ ตอนการดาเนินการทางวนิ ยั 1. การต้ังเรื่องกล่าวหาเป็นการตั้งเรื่องดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการเมื่อปรากฏกรณีมีมูลที่ควร กล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยมาตรา 98 กาหนดให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือดาเนินการ สอบสวนให้ได้ความจริงและความยุติธรรมโดยไม่ชักช้าผู้ต้ังเร่ืองกล่าวหาคือผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา

ความผิดวินัยไม่ร้ายแรงผู้บังคับบัญชาช้ันต้นคือผู้อานวยการสถานศึกษาสามารถแต่งต้ังกรรมการสอบสวน ขา้ ราชการในโรงเรียนทุกคนความผิดวนิ ัยรา้ ยแรงผบู้ ังคบั บญั ชาผ้มู ีอานาจบรรจุและแต่งตง้ั ตามมาตรา 53 เป็น ผมู้ อี านาจบรรจแุ ละแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน 2. การแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 98 กาหนดไว้ว่าในการสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุป พยานหลักฐานที่สนบั สนนุ ข้อกลา่ วหาเท่าทีม่ ีใหผ้ ู้ถูกกลา่ วหาทราบโดยระบุหรือไม่ระบุชอ่ื พยานกไ็ ด้เพ่ือให้ผถู้ ูก กลา่ วหามีโอกาสชีแ้ จงและนาสบื แกข้ ้อกล่าวหา 3. การสอบสวน คือ การรวบรวมพยานหลักฐานและการดาเนินการท้ังหลายอ่ืนเพื่อจะทราบ ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ หรือพิสูจน์เก่ียวกับเรื่องท่ีกล่าวหาเพื่อให้ได้ความจริงและยุติธรรมและเพ่ือ พิจารณาว่าผู้ถูกกลา่ วหาไดก้ ระทาผิดวินัยจริงหรือไม่ถา้ ผดิ จริงก็จะได้ลงโทษขอ้ ยกเว้นกรณีท่เี ปน็ ความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้งตามที่กาหนดในกฎ ก. ค. ศ. จะดาเนินการทางวินัยโดยไม่สอบสวนก็ได้ ความผดิ ที่ปรากฏชัดแจง้ ตามทก่ี าหนดในกฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยกรณีความผิดท่ปี รากฏชดั แจ้ง พ.ศ. 2549 ก. การกระทาผิดวนิ ัยอยา่ งไม่ร้ายแรงท่ีเป็นกรณีความผิดท่ปี รากฏอย่างชัดแจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผิดอาญาจนต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นกระทาผิดและผู้บังคับบัญชาเห็นว่า ข้อเทจ็ จริงตามคาพพิ ากษาประจักษ์ชดั (2) กระทาผิดวินัยไมร่ ้ายแรงและได้รบั สารภาพเปน็ หนังสือตอ่ ผู้บังคับบัญชาหรอื ให้ถอ้ ยคารับสารภาพ ต่อผมู้ ีหน้าท่สี ืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบันทกึ ถ้อยคาเป็นหนงั สือ ข. การกระทาผดิ วินยั อยา่ งรา้ ยแรงที่เปน็ กรณคี วามผิดท่ีปรากฏชดั แจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคกุ หรือโทษท่ีหนักกว่าจาคกุ โดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก หรอื ลงโทษที่หนักกวา่ จาคกุ (2) ละทง้ิ หนา้ ท่ีราชการตดิ ต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกนิ กวา่ 15 วันผู้บังคบั บัญชาสืบสวนแล้วเห็น วา่ ไม่มีเหตุผลสมควรหรอื มีพฤติการณอ์ ันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บของทางราชการ (3) กระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคารับ สารภาพต่อผมู้ หี น้าที่สืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบนั ทึกถ้อยคาเป็นหนังสอื การอุทธรณ์ มาตรา 121 และมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 บัญญัติให้ผู้ถูกลงโทษทางวินัยมีสิทธิอุทธรณ์คาสั่งลงโทษต่อ อ. ก. ค. ศ. เขตพืน้ ท่ีการศึกษา อ. ก. ค. ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตงั้ แลว้ แต่กรณภี ายใน 30 วัน เงอ่ื นไขในการอทุ ธรณ์ ผู้อุทธรณ์ ต้องเป็นผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยและไม่พอใจผลของคาสั่งลงโทษผู้อุทธรณ์ต้องอุทธรณ์เพื่อ ตนเองเท่านนั้ ไม่อาจอุทธรณแ์ ทนผู้อื่นได้

ระยะเวลาอทุ ธรณภ์ ายใน 30 วันนับ แต่วนั ที่ได้รบั แจ้งคาส่งั ลงโทษต้องทาเป็นหนงั สือการอทุ ธรณโ์ ทษ วนิ ยั ไม่ร้ายแรง การอุทธรณ์คาส่ังโทษภาคทัณฑ์ตัดเงินเดือนหรือลดข้ันเงินเดือนที่ผู้บังคับบัญชาส่ังด้วยอานาจของ ตนเองตอ้ งอุทธรณ์ต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรอื อ. ก. ค. ศ. ส่วนราชการเว้นแตก่ ารสง่ั ลงโทษตามมติให้ อุทธรณ์ต่อ ก.ค.ศ. การอุทธรณ์โทษวินัยร้ายแรงการอทุ ธรณ์คาสั่งลงโทษปลดออกหรือไลอ่ อกจากราชการต้อง อุทธรณ์ตอ่ ก. ค. ศ. ทั้งนี้การร้องทุกขค์ าส่ังให้ออกจากราชการหรือคาสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ ก่อนกต็ อ้ งรอ้ งทกุ ข์ตอ่ ก. ค. ศ. เชน่ เดียวกนั การร้องทุกข์หมายถึงผู้ถูกกระทบสิทธิหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคาส่ังของฝ่ายปกครองหรือคับ ขอ้ งใจจากการกระทาของผู้บงั คบั บัญชาใช้สทิ ธริ ้องทุกข์ขอความเป็นธรรมขอใหเ้ พิกถอนคาสงั่ หรือทบทวนการ กระทาของฝ่ายปกครองหรือของผู้บังคับบัญชามาตรา 122 และมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 บัญญตั ิให้ผู้ถกู สง่ั ให้ออกจากราชการมีสิทธริ ้องทุกข์ต่อ ก. ค. ศ. และผซู้ ึง่ ตนเห็นว่าตนไม่ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมหรือมีความคบั ข้องใจเน่อื งจากการกระทาของผู้บังคับบัญชา หรือกรณถี ูกตงั้ กรรมการสอบสวนมสี ิทธิร้องทกุ ขต์ อ่ อ. ก. ค. ศ. เขตพืน้ ที่การศึกษา อ. ก. ค. ศ. ที่ ก. ค. ศ. ต้ัง หรือก. ค. ศ. แล้วแตก่ รณีภายใน 30 วนั ผู้มีสทิ ธิร้องทุกข์ ไดแ้ ก่ ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา เหตทุ ่จี ะร้องทุกข์ (1) ถูกสัง่ ใหอ้ อกจากราชการ (2) ถูกสัง่ พักราชการ (3) ถูกสง่ั ใหอ้ อกจากราชการไว้กอ่ น (4) ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคบั ขอ้ งใจจากการกระทาของผ้บู งั คับบัญชา (5) ถูกต้ังกรรมการสอบสวนการเล่ือนข้ันเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับ การพจิ ารณาเลอ่ื นขั้นเงนิ เดอื นในแต่ละคร้ังต้องอยู่ในเกณฑด์ ังน้ี 1. ในครึ่งปีที่แล้วมามีผลการปฏิบัติงานความประพฤติในการรักษาวินัยธรรมจริยธรรมและ จรรยาบรรณวิชาชพี อยู่ในเกณฑ์ทส่ี มควรไดเ้ ลือ่ นขัน้ เงนิ เดือน 2. ในคร่ึงปีที่แล้วมาจนถึงวันออกคาส่ังเล่ือนขั้นเงินเดือนไม่ถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษ ภาคทัณฑ์หรือถูกลงโทษในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดท่ีเกี่ยวกับการปฏิบัตหิ น้าท่ีราชการหรือความผิดท่ีทา ให้เส่ือมเสียเกียรติศักดิ์ของตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตนซึ่งไม่ใช่ความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาทหรือ ความผดิ ลหโุ ทษ 3. ในคร่ึงปที แ่ี ล้วมาต้องไม่ถูกสัง่ พกั ราชการเกนิ กวา่ สองเดือน 4. ในครง่ึ ปีท่ีแลว้ มาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มเี หตุผลอันสมควร 5. ในครึง่ ปที ี่แลว้ มาไดร้ ับการบรรจุเขา้ รับราชการมาแล้วเป็นเวลาไมน่ ้อยกว่าส่เี ดือน

6. ในครึ่งปีท่ีแล้วมาถ้าเป็นผู้ได้รับอนุญาตไปศกึ ษาในประเทศฝึกอบรมและดูงาน ณ ต่างประเทศต้อง ไดป้ ฏบิ ตั ิหน้าที่ราชการในครงึ่ ปที ีแ่ ล้วมาเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกว่าส่ีเดือน 7. ในครง่ึ ปีท่ีแล้วมาตอ้ งไม่ลาหรอื มาทางานสายเกินจานวนครั้งท่ีหวั หน้าสว่ นราชการกาหนด 8. ในครึ่งปีท่ีแล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการหกเดือนโดยมีวันลาไม่เกินย่ีสิบสามวัน แต่ไม่รวมวันลา ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ลาอปุ สมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮจั ย์ 2) ลาคลอดบตุ รไมเ่ กนิ เกา้ สิบวนั 3) ลาป่วยซงึ่ จาเป็นต้องรกั ษาตัวเป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกันไม่เกินหกสิบวัน ทาการ 4) ลาปว่ ยเพราะประสบอนั ตรายในขณะปฏิบตั ริ าชการตามหน้าท่ีหรือในขณะเดนิ ทางไปหรือกลบั จากการปฏิบัติราชการตามหน้าท่ี 5) ลาพกั ผอ่ น 6) ลาเขา้ รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรยี มพล 7) ลาไปปฏิบตั งิ านในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ การฝกึ อบรมและลาศกึ ษาต่อ การฝึกอบรม หมายความว่า การเพิ่มพูนความร้คู วามชานาญหรือประสบการณด์ ้วยการเรยี นหรือการ วิจยั ตามหลักสตู รของการฝึกอบรมหรือการสมั มนาอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารการดาเนินงานตามโครงการแลกเปลย่ี น กับต่างประเทศการไปเสนอผลงานทางวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบตั ิการทั้งน้ีโดยมิได้มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้ ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพท่ี ก. พ. รับรองและหมายความรวมถึงการฝึกฝนภาษาและการรับ คาแนะนากอ่ นฝกึ อบรมหรอื การดงู านท่เี ป็นส่วนหนึง่ ของการฝกึ อบรมหรือต่อจากการฝึกอบรมน้ันดว้ ย การดูงาน หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้และประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์และการ แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ (การดูงานมีระยะเวลาไม่เกิน 15 วนั ตามหลักสตู รหรือโครงการหรือแผนการดูงานใน ต่างประเทศหากมรี ะยะเวลาเกนิ กาหนดให้ดาเนินการเปน็ การฝึกอบรม) การลาศึกษาต่อ หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัยตามหลักสูตรของ สถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิชาชีพเพ่ือให้ได้มาซ่ึงปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพท่ี ก. พ. รับรองและ หมายความรวมถึงการฝึกฝนภาษาและการได้รับคาแนะนาก่อนเข้าศึกษาและการฝึกอบรมหรอื การดูงานท่ีเป็น สว่ นหนงึ่ ของการศึกษาหรอื ต่อจากการศึกษาน้นั ดว้ ย การออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการ ศกึ ษาออกจากราชการเม่ือ (มาตรา 107 พ. ร. บ. ระเบียบข้าราชการครูฯ )

1) ตาย 2) พน้ จากราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยบาเหน็จบานาญข้าราชการ 3) ลาออกจากราชการและได้รบั อนญุ าตใหล้ าออก 4) ถกู ส่งั ใหอ้ อก 5) ถกู สัง่ ลงโทษปลดออกหรือไลอ่ อก 6) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเว้นแตไ่ ด้รบั แต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งอ่ืนท่ีไม่ต้องมีใบอนญุ าต ประกอบวิชาชีพ การลาออกจากราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 เป็นผู้พิจารณาอนุญาตกรณีผู้มีอานาจ ตามมาตรา 53 พิจารณาเห็นว่าจาเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการจะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่ เกิน 90 วันนับ แต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับยั้งพร้อมเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบเม่ือครบ กาหนดเวลาที่ยบั ยั้งแลว้ ให้การลาออกมผี ลต้งั แตว่ ันถัดจากวันครบกาหนดเวลาทย่ี ับยั้งถา้ ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 ไม่ได้อนุญาตและไม่ได้ยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกใหก้ ารลาออกมีผลต้ังแต่วันขอลาออกข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือเพ่ือสมัครรับ เลือกต้ังให้ยน่ื หนังสอื ลาออกตอ่ ผ้บู ังคับบญั ชาและให้การลาออกมีผลนบั ต้ังแตว่ ันทผ่ี ู้นัน้ ขอลาออก ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการลาออกของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2548 ข้อ 3 การยน่ื หนังสือขอลาออกจากราชการให้ย่ืนล่วงหนา้ กอ่ นวันขอลาออกไมน่ ้อยกว่า 30 วันกรณีผู้ มีอานาจอนุญาตการลาออกเห็นว่ามีเหตุผลและความจาเป็นพิเศษจะอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันขอ ลาออกให้ผู้ประสงค์จะลาออกยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อยกว่า 30 วันก็ได้หนังสือขอลาออกท่ีย่ืน ล่วงหน้ากอ่ นวันขอลาออกน้อยกว่า 30 วันโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้มีอานาจอนญุ าตหรือ ทมี่ ิได้ระบวุ นั ขอลาออกให้ถือวนั ถัดจากวันครบกาหนด 30 วันนบั แตว่ นั ยน่ื เปน็ วันขอลาออก ข้อ 5 ผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกพิจารณาว่าจะส่ังอนุญาตให้ผู้นั้นลาออกจากราชการหรือจะส่ัง ยับยง้ั การอนุญาตให้ลาออกใหด้ าเนินการดังน้ี (1) หากพิจารณาเห็นว่าควรอนุญาตให้ลาออกจากราชการได้ให้มีคาส่ังอนุญาตให้ลาออกเป็นลาย ลักษณ์อกั ษรใหเ้ สรจ็ สน้ิ กอ่ นวนั ขอลาออกแล้วแจ้งคาส่ังดังกลา่ วให้ผขู้ อลาออกทราบก่อนวันขอลาออกด้วย (2) หากพจิ ารณาเหน็ ว่าควรยับย้งั การอนุญาตให้ลาออกเน่ืองจากจาเป็นเพ่ือประโยชน์แก่ราชการให้มี คาส่ังยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จส้ินก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้งคาสั่งดังกล่าว พร้อมเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวันขอลาออกด้วยทั้งน้ีการยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกให้สั่งยับย้ังไว้ได้ เป็นเวลาไม่เกิน 90 วันและสั่งยับย้ังได้เพียงครั้งเดียวจะขยายอีกไม่ได้เมื่อครบกาหนดเวลาท่ียับย้ังแล้วให้การ ลาออกมผี ลต้งั แตว่ นั ถัดจากวันครบกาหนดเวลาทีย่ ับย้ัง

ข้อ 6 กรณีท่ีผู้ขอลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมายเน่ืองจากผู้มีอานาจอนุญาตมิได้มี คาสั่งอนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคาสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออกหรือเนื่องจากครบ กาหนดเวลายับยั้งการอนุญาตให้ลาออกให้ผู้มีอานาจอนุญาตมีหนังสือแจ้งวันออกจากราชการให้ผู้ขอลาออก ทราบภายใน 7 วนั นับ แตว่ ันที่ผนู้ ั้นออกจากราชการและแจ้งใหส้ ่วนราชการท่เี กย่ี วขอ้ งทราบด้วย ข้อ 7 การยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาอย่างช้าภายในวันท่ีขอลาออกและให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเสนอหนังสื อขอลาออกน้ัน ต่อผู้บังคับบัญชาช้ันเหนือข้ึนไปตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกโดยเร็วเม่ือผู้มีอานาจอนุญาต ไดร้ ับหนังสอื ขอลาออกแลว้ ใหม้ คี าสัง่ อนญุ าตออกจากราชการได้ตงั้ แตว่ ันท่ีขอลาออก 5. ครอู ัตราจา้ งกรณีครูอัตราจ้างทีจ่ ้างด้วยเงนิ งบประมาณให้ปฏิบัติหน้าท่ีครูเช่นปฏิบัติหน้าท่ีครูผู้ชว่ ย ครูพ่ีเลี้ยงหรือปฏิบัติหน้าท่ีครูที่เรียกช่ือย่างอื่นให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจา ของส่วนราชการพ. ศ. 2537 และแนวปฏิบัติทีใ่ ชเ้ พอื่ การน้ัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook