พมิ พ์ท่ี หจก.กาฬสนิ ธ์กุ ารพิมพ์ 338/12-13 ถ.กดุ ยางสามัคคี อ.เมอื ง จ.กาฬสินธ์ุ โทร.0-4383-5160 แฟกซ์ 0-4383-5424
๑ คานา ตามท่ปี ลดั กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายไมตรี อนิ ทสุ ตุ ) มอบนโยบาย ให้ผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ - ๑๒ เม่ือวันท่ี ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๒ ให้สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ – ๑๒ ดาเนินการถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มีการจดั สวสั ดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเปา้ หมายและ ดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร) โดยแบ่งออกเปน็ ๒ ระดบั ไดแ้ ก่ องคก์ รปกครองปกครองส่วนท้องถน่ิ ที่มขี นาดใหญ่ เช่น เทศบาลเมือง เทศบาลนคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีขนาดเล็ก เช่น องค์การบริหาร ส่วนตาบล เทศบาลตาบล นัน้ สานักงานส่งเสรมิ และสนับสนนุ วชิ าการ ๗ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดาเนินการประชุมกาหนดแนวทาง ในการดาเนินงานเพื่อถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนถ่ินฯ ดังกล่าว ในพื้นท่ีเทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ โดยได้กาหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกาหนดประเดน็ ในการถอดบทเรยี น ซ่ึงประกอบด้วย โครงสร้างการทางาน รูปแบบหรือวิธีการดาเนินงาน ด้านสวัสดิการสังคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตลอดจนสิ่งที่ต้องการดาเนินการต่อกลุ่มเป้าหมาย ปัจจัยความสาเร็จ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ส่ิงท่ีอยากจะทาต่อไป และการประเมินความพึงพอใจ ด้านการจัดสวัสดิการสังคม ตลอดจนมีการจัดทาแผนงานและดาเนินการตามแผนงานตามลาดับ จึงได้จัดทา หนังสือ “สรุปผลการถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมายและดีเด่น (อปท.ครบวงจร)” นี้ข้ึนมา ซ่ึงมีเนื้อหาสาคัญประกอบด้วย ๑. บทสรุปสาหรับ ผู้บริหารและเนื้อหาการนาเสนอข้อมูลด้วยรูปภาพ (Infographic) ประกอบ ๒. บทนา (ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสาคัญ วัตถุประสงค์ ขอบเขตการศึกษา หลักเกณฑ์ แผนงานและการดาเนินการ ขั้นตอน/วิธีการ/กระบวนการถอดบทเรียน) ๓. ผลการถอดบทเรียนความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินที่มีการจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายและดีเด่น ของเทศบาลตาบลเปือย อาเภอลอื อานาจ จังหวดั อานาจเจริญ และ ๔. ภาคผนวก หวังเป็นอย่างย่ิงว่าโครงการถอดบทเรียนความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มีการจัด สวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายและดีเด่น (อปท.ครบวงจร) น้ีจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ที่ ศึกษาโดยตรงและผู้ท่ีจะได้รับประโยชน์จากการนาไปประยุกต์ใช้ ในการนี้สานักงานส่งเสริมและ สนับสนุนวิชาการ ๗ จึงขอขอบพระคุณปลัดกระทรวง ที่มอบความไว้วางใจให้สานักงานส่งเสริมและ สนับสนุนวิชาการ ๗ ดาเนินการฯ ดังกล่าว พร้อมท้ังขอขอบคุณคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าท่ี ท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนประชาชน เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ ที่ได้ร่วม แลกเปล่ียนเรียนรู้จนสามารถดาเนินการสาเรจ็ ลุล่วงตามวตั ถปุ ระสงค์ไดเ้ ป็นอยา่ งดี สานักงานส่งเสริมและสนบั สนุนวิชาการ ๗ จงั หวัดกาฬสินธุ์ กันยายน ๒๕๕๙ โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน สานักงานสง่ เสรมิ และสนับสนุนวชิ าการ ๗ ที่มกี ารจดั สวัสดิการสงั คมครอบคลมุ ตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
สารบัญ ๒ เรือ่ ง หน้า ๑ คานา ๒ ๓ สารบญั ๖ ๖ บทสรุปสาหรับผบู้ ริหาร ๗ ๗ บทนา ๗ ๑. ความเป็นมาและความสาคัญ ๘ ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๘ ๓. ขอบเขตการศกึ ษา ๔. หลักเกณฑ์ ๙ ๕. แผนงานและการดาเนินการ ๑๘ ๖. ข้นั ตอน/วิธีการ/กระบวนการถอดบทเรียน ๒๑ ผลการถอดบทเรียนความสาเร็จขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ทม่ี กี ารจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายและดีเด่น เทศบาลตาบลเปอื ย อาเภอลืออานาจ จงั หวัดอานาจเจรญิ บทวิเคราะห์ บทสง่ ทา้ ย (ภาคผนวก) โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สานกั งานส่งเสริมและสนับสนนุ วิชาการ ๗ ที่มีการจดั สวสั ดกิ ารสงั คมครอบคลุมตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๓ บทสรุปผู้บริหาร วสิ ยั ทศั น์เทศบาลตาบลเปือย“ตาบลนา่ อยู่ ชมุ ชนเข้มแข็ง คนมีคุณภาพ บริหารจัดการแบบมสี ่วนร่วม น้อมนาเศรษฐกิจพอเพยี ง” ตาบลเปอื ย ต้ังถิน่ ฐานเดมิ อยูท่ ี่ ตาบลหนองบัวลาภู อันเปน็ พืน้ ท่ีของจงั หวัด หนองบวั ลาภูในปัจจบุ ัน ในช่วงสมยั น้นั ประมาณปี พ.ศ.๒๓๖๗ สมยั แผน่ ดนิ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ ๓ แตเ่ ม่ือเกิดศึกสงครามได้อพยพออกจากตาบลหนองบวั ลาภเู คลือ่ นย้ายลงมาทางทศิ ใต้และได้มาตง้ั ถ่ินฐานที่ ตาบลเปือย อาเภอลอื อานาจ จังหวัดอานาจเจรญิ เทศบาลตาบลเปอื ยเป็นชมุ ชนขนาดใหญ่ มปี ระชากร ๗,๒๐๐ คน มหี มบู่ ้านทง้ั หมด ๑๓ หมบู่ ้าน มีพื้นทต่ี ามประกาศกระทรวงมหาดไทยประมาณ ๒๖,๘๗๕ ไร่ หรือ ๔๓ ตารางกโิ ลเมตร โดยแบ่งเปน็ พน้ื ทที่ างการเกษตร ๒๓,๒๗๕ ไร่ พื้นท่ีป่าเส่อื มโทรม ๑,๐๕๐ ไร่ พืน้ ที่อย่อู าศยั ๒,๕๕๐ ไร่ รปู แบบ/วธิ กี ารดาเนนิ งานการจดั สวสั ดิการในพื้นท่ี ๑) มีระบบการบรหิ ารจดั การแบบมีสว่ นรว่ ม โดยเป็นการทางานร่วมกนั ระหวา่ งเทศบาลตาบลเปือย กับสภาองค์กรชุมชนตาบลเปือย ซึ่งกรรมการสภาองค์กรมาจากตัวแทนกลุ่มองค์กร ที่ผ่านการรับรอง สถานภาพ มบี ทบาทในการตรวจสอบการดาเนินงานของเทศบาล ๒) สภาองค์กรชุมชนดาเนินการรวบรวมข้อมูลกลุ่มองค์กร และรบั รองสถานภาพ และนาเสนอเข้าสู่ เทศบาลตาบลกอ่ ให้เกิดฐานขอ้ มูลชุมชน และการต่อยอดการนาเสนอเพื่อขอรบั การสนบั สนุน ๓) การใช้เวทีประชาคมเพ่ือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ แก้ไขปัญหาชุมชน มกี ารกาหนดเป้าหมายการดาเนินงานร่วมกนั ของชุมชนท่ชี ัดเจน ๔) ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทาแผนชุมชน เพ่ือกาหนดเป้าหมายการดาเนินงาน รว่ มกนั โดยยึดประชาชนเปน็ ศนู ย์กลางในการพัฒนา ๕) ใช้ธรรมนูญสขุ ภาพตาบลในการขับเคลือ่ นกิจกรรม โดยมีการนาข้อมูลและความรู้ มาใช้ในการ ระดมปัญหา และจัดทาประชาคมเพื่อหาทางแก้ไข และใช้ธรรมนูญฯ เป็นแนวทางในการดาเนินโครงการตา่ งๆ ของชมุ ชน ๖) อุดหนุนทนุ ดาเนินงานใหก้ บั กลมุ่ /องคก์ รในพนื้ ท่ี ในการดาเนนิ กจิ กรรม/โครงการต่าง ๆ ๗) มกี ารเช่อื มประสานงานจากทุกภาคส่วน ๘) ศกึ ษาดงู านต้นแบบอ่ืนๆ ท่ีประสบผลสาเรจ็ มาเปน็ แบบอย่าง เพือ่ นามาปรบั ใช้ในตาบล การจัดสวัสดิการของเทศบาลตาบลเปือยที่จัดให้กับกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนท่ี ๗ มิติ เพ่ือให้บริการ ประชาชนอยา่ งทวั่ ถงึ และครอบคลุม ๑) การจัดสวัสดิการด้านการศึกษา เทศบาลตาบลเปือย จัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กท่ีได้มาตรฐาน จานวน ๒ ศูนย์และจัดจ้างครูผู้สอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนับสนุนงบประมาณในการจ้างรถรับ – ส่ง นักเรียน ที่อาศัยอยู่นอกพื้นท่ีตาบลท่ีเข้ามาเรียนในโรงเรียนตาบลเปือย สนับสนุนให้โรงเรียนมีศูนย์เรียนรู้เกษตร อนิ ทรีย์ สนบั สนนุ ทุนการศกึ ษา จดั กจิ กรรมเสริมสร้างทักษะและส่งเสรมิ อาชีพให้กบั เด็กและเยาวชน ๒) การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย เทศบาลตาบลเปือยร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตาบลบา้ นเปือย ดาเนนิ การจัดสวสั ดิการด้านสุขภาพของชุมชนแบบมีสว่ นร่วม สง่ เสริมการมีสุขภาพดีของคน ในชุมชน ตรวจเยี่ยมสุขภาพประจาปีให้กับคนในชุมชน ทาการคัดกรองผู้ป่วย จัดทาแผนควบคุมโรคและ กาหนดบทบาทหนา้ ในการควบคุมโรคระบาดรว่ มกนั โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ สานกั งานสง่ เสริมและสนบั สนนุ วชิ าการ ๗ ทมี่ ีการจดั สวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุม่ เปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๔ ๓) การจัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัย เทศบาลตาบลเปือยได้ดาเนิน การซ่อมแซมและปรับ สภาพแวดลอ้ มท่ีอยอู่ าศัยให้กับผู้สงู อายุ และผพู้ ิการ โดยอาศัยความรว่ มมอื จากคนในชุมชนในการใช้แรงงาน ๔) การจัดสวัสดิการด้านนันทนาการ โดยเทศบาลสนับสนุนเงินอุดหนุนชมรมผู้สูงอายุ ๒ ชมรม จัดการแข่งขันกีฬาประจาปี สนับสนุนงบประมาณแก่ชมรมกีฬาในตาบล สนับสนุนเงินอุดหนุนการออก กาลงั กาย สนับสนุนกจิ กรรมในวนั ผสู้ งู อายุ จัดโครงการผสู้ งู อายุไหวพ้ ระ ๙ วัด ๕) การจัดสวัสดิการการทางานและการมีรายได้ จัดฝึกอบรมให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ สนับสนนุ ทุนประกอบอาชีพ กลุ่มท่อผา้ ไหม กลุม่ แปรรปู อาหาร กล่มุ จกั สาน กลุ่มตดั เยบ็ อุปกรณ์เคร่ืองหนัง สนับสนุนและหาช่องทางการตลาดใหก้ บั กลมุ่ อาชีพ ๖) การจัดสวัสดิการด้านกระบวนการยุติธรรม เทศบาลจัดให้มีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้เก่ียวกับ กฎหมายเบื้องตน้ และสทิ ธขิ องคนในชุมชน ๗) การจัดสวสั ดกิ ารสงั คม จดั ตั้งงบประมาณเพ่อื สนับสนุนกองบญุ สัจจะสวัสดกิ ารไทบา้ น จดั ตัง้ และ สนับสนุนงบประมาณแก่สภาเด็กและเยาวชนตาบลเปือย ประสานการจัดหากายอุปกรณ์ให้กับผู้พิการ สนับสนุนการจัดกิจกรรมของศูนย์เมตตาธรรมในการดแู ลผสู้ ูงอายุ โรงเรยี นผ้สู ูงอายุ และมีบรกิ ารรบั สง่ ผู้ป่วย ยามฉกุ เฉนิ ปัจจัยความสาเร็จ ประการแรกเกิดจากผู้บริหาร เจ้าหน้าท่ี ผู้นาทุกภาคส่วน ประชาชน ร่วมกัน ขับเคล่ือนงานอย่างมีระบบ โดยการแบ่งบทบาทหน้าท่ีในการขับเคล่ือนงานตามแต่กลุ่มกิจกรรมท่ีแต่ละส่วน มีความชานาญ และมีการจัดทาแผนพัฒนาตาบลสอดคล้องกับแผนชุมชน แผนพัฒนาจังหวัด และสอดคล้อง กับนโยบายรัฐบาล มีการต้ังเป้าหมายการดาเนินงานที่ชัดเจน มีรูปแบบและแผนการปฏิบัติงานท่ีชัดเจน การมีส่วนร่วมของคนชุมชน โดยใช้เวทีประชาคมเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ประการที่สอง การท่ีมี พระครูอุดมโพธิ์กิจ เจ้าอาวาสวัดโพธ์ิศิลา เป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง โดยมีหลักคิดว่า “บ้านช่วยวัด วัดช่วยบ้าน” ได้นาเอาหลักธรรมทางศาสนามาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีการดาเนินชีวิตของคนในชุมชน ประการท่ีสาม ยึดธรรมนูญสุขภาพตาบลเป็นหลัก ในการจัดสวัสดิการ และการดาเนินโครงการ/กิจกรรม ต่าง ๆ ซ่ึงคนในชุมชนให้การยอมรับและถือปฏิบัติตามธรรมนูญสุขภาพตาบล ประการที่สี่ ผู้นาชุมชน เทศบาล สถานศึกษา องค์กร มีการบริหารจัดการข้อมูลชุมชนร่วมกัน ปราชญ์ชาวบ้าน แกนนาชุมชนมี ศักยภาพและมีใจที่จะพัฒนาชุมชน และประการสุดท้ายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน ท้งั ในดา้ นความรู้ งานวชิ าการ งานปฏบิ ตั ิ และงบประมาณ ปัญหาและอุปสรรค ๑) ขอ้ จากดั ในกฎระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณของท้องถ่ิน ๒) การเปลย่ี นแปลงของวถิ กี ารดาเนินชีวติ ของคนในชมุ ชน ๓) คนในชุมชนบางส่วนยังละเลยและไม่ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชน และยังขาด ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม ข้อเสนอแนะ ๑) จัดให้มีการอบรม/จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ให้กับคนในชุมชน เพื่อส่งเสริมและให้แนวคิด เก่ยี วกับปญั หาทางสงั คม ใหต้ ระหนกั ถึงปญั หาสังคมท่เี กดิ ข้ึน และกาหนดแนวทางการแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั ๒) ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่รับทราบและเข้าใจปัญหาทางสังคมของชุมชนในปัจจุบัน และตระหนักถึง ปัญหาทเ่ี กดิ ข้ึน เพ่ือหาแนวทางแกไ้ ข โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ สานกั งานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๗ ทม่ี ีการจดั สวัสดกิ ารสังคมครอบคลุมตามกลุม่ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๕ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน สานักงานส่งเสรมิ และสนบั สนุนวชิ าการ ๗ ทม่ี กี ารจดั สวสั ดิการสงั คมครอบคลุมตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๖ บทนา ๑. ความเป็นมาและความสาคัญ “สวัสดิการสังคม” หมายความว่า ระบบการจัดบริการทางสังคม เก่ียวกับการป้องกัน การแก้ไข ปัญหา การพัฒนาและการส่งเสริมความม่ันคงทางสังคม ตอบสนองความจาเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน มีคุณภาพชีวิต และพึ่งตนเองได้ทั่วถึง เหมาะสม เป็นธรรม ตามมาตรฐาน ทั้งทางด้านการศึกษา สุขภาพ อนามัย ท่ีอยู่อาศัย การทางานและการมีรายได้ นันทนาการ กระบวนการยุติธรรมและบริการทางสังคมทั่วไป โดยคานึงถึงศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิที่ประชาชนจะต้องได้รับ และมีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม ทุกระดบั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นรูปแบบการปกครองที่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการ บริหารจดั การและพัฒนาชุมชนท้องถน่ิ โดยเปน็ การกระจายอานาจจากภาครัฐเพื่อใหท้ ้องถ่นิ สามารถตัดสินใจ และดาเนินการจัดการภารกิจต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และบรบิ ทของชมุ ชนท้องถน่ิ การดาเนนิ งานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในฐานะของกลไกการปกครองในระดับท้องถน่ิ จงึ ต้องครอบคลุม การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาอย่างรอบด้าน โดยคานึงถึงความต้องการและสถานการณ์ปัญหาภายในชุมชน ท้องถิ่นเป็นหลัก บทบาทหน้าท่ีและภารกิจทส่ี าคัญมีความเกี่ยวข้องทั้งในด้านของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา สาธารณสุข สาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆ รวมท้ังบริการข้ันพ้ืนฐานสาหรบั ประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปา้ หมายที่สาคัญในท้องถิ่น การพัฒนาเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตท่ดี ี มีความมั่นคงในชีวิต และอยู่เย็นเป็นสุขอย่างย่ังยืน การส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยมี องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้การชว่ ยเหลือดูแลและสนับสนุน รวมท้ังมีการจดั ระบบสวัสดิการสังคมท่ีรองรับ ความตอ้ งการของประชาชนทุกกลมุ่ เป้าหมายอย่างครอบคลมุ และทั่วถึง ด้วยดาริของปลัดกระทรวง จากการประชุมชี้แจงเพ่ือทาความเข้าใจในการบูรณาการขับเคลื่อนงาน ด้านพัฒนาสังคมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานในสังกัดกระทรวง การพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เม่ือวันท่ี ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนท์ ต่อมาได้มอบนโยบายในคราวประชุมและตรวจเยี่ยมผู้อานวยการ สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ - ๑๒ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ สานักงานส่งเสริม และสนับสนุนวชิ าการ ๒ ให้สานักงานส่งเสรมิ และสนบั สนนุ วชิ าการ ๑ - ๑๒ (สสว. ๑ - ๑๒) ดาเนินการ ถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีการจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและดีเด่น (อปท.ครบวงจร) โดยแบ่งออกเปน็ ๒ ระดบั ไดแ้ ก่ องคก์ รปกครองปกครองส่วนท้องถ่นิ ที่มีขนาดใหญ่ เชน่ เทศบาลเมือง เทศบาลนคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มีขนาดเล็ก เช่น องค์การบริหารส่วนตาบล เทศบาลตาบล สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๗ ได้ดาเนินการประชุมกาหนดแนวทางในการดาเนินงาน เพื่อถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ ดังกล่าว โดยกาหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น การกาหนดประเด็นในการถอดบทเรียน เทคนิควิธีและกระบวนการถอดบทเรียน ตลอดจนมี การจดั ทาแผนงานและดาเนินการตามแผนงานตามลาดับ ซึ่งรายละเอยี ดในแต่ละกระบวนการจะกล่าวใน ลาดับต่อไป โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ สานักงานสง่ เสริมและสนบั สนนุ วชิ าการ ๗ ที่มกี ารจดั สวัสดกิ ารสงั คมครอบคลุมตามกลุ่มเปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๗ ๒. วัตถปุ ระสงค์ สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๗ ดาเนินการถอดบทเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มี การจดั สวัสดกิ ารสงั คมครอบคลมุ ทกุ กล่มุ เปา้ หมายและดีเด่น (อปท.ครบวงจร) โดยมีวตั ถุประสงคท์ ี่สาคัญ ๒ ประการ คือ ๑. เพื่อศึกษาโครงสร้างการทางาน รูปแบบหรือวิธีการดาเนินงาน ปัจจัยความสาเร็จ ปัญหาและ อุปสรรค ขอ้ เสนอแนะ/ส่งิ ท่จี ะดาเนินการตอ่ ไป และการประเมนิ ความพึงพอใจด้านการจัดสวัสดกิ ารสังคม ๒. ไดร้ ปู แบบสาหรบั การขบั เคลือ่ นงานดา้ นสวัสดกิ ารในบรบิ ทพื้นท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ อน่ื ๓. ขอบเขตการดาเนินงาน ๓.๑ ขอบเขตพ้ืนที่ดาเนินการ เขตพ้ืนที่ที่ใช้ในดาเนินงานการถอดบทเรียนคือ เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ ๓.๒ กลุ่มเป้าหมายท่ีเขา้ รว่ มเวทถี อดบทเรยี น ประกอบด้วย ๑) เจา้ หนา้ ทีเ่ ทศบาลตาบลเปอื ย ๕ คน ๒) ผูน้ าชมุ ชน/หมูบ่ ้าน ๕ คน ๓) ตวั แทนเด็กเยาวชน สตรี ผูพ้ กิ าร ผ้สู งู อายุ ผู้ประสบปัญหาทางสังคม ๕ คน ๔) อาสาสมัครประเภทต่างๆ ในตาบลเปือย ๕ คน ๕) ผ้แู ทนหนว่ ยงาน/องคก์ รที่เก่ยี วข้องในพืน้ ที่ ๘ คน ๓.๓ เน้อื หา/ประเดน็ ท่ีใช้ในการถอดบทเรยี น ได้แก่ ๑) โครงสร้างการทางาน รูปแบบหรือวิธีการดาเนินงานด้านสวัสดิการสังคมของเทศบาล ตาบลเปอื ย ตลอดจนสิ่งทีต่ อ้ งการดาเนินการต่อกลมุ่ เป้าหมาย ๒) ปจั จยั ความสาเร็จ ๓) ปญั หาและอปุ สรรค ๔) ขอ้ เสนอแนะ/ความมุง่ หวงั ในการดเนินการตอ่ ไป ๕) การประเมนความพึงพอใจด้านการจดั สวสั ดกิ ารสงั คม ๔. หลกั เกณฑ์ ๔.๑ ประสานหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพ่ือพิจารณา คดั เลือกองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น จากผลการปฏิบัตงิ านท่ีมีความโดดเด่นดา้ นการจัดสวสั ดกิ าร ๔.๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดสวัสดิการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ เด็กและเยาวชน สตรีและครอบครัว ผูพ้ ิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส ๔.๓ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดสวัสดิการครอบคลุม ๗ มิติ ได้แก่ ด้านท่ีอยู่อาศัย ดา้ นการศึกษา ดา้ นสขุ ภาพอนามยั ดา้ นการมีงานทาและรายได้ ดา้ นนันทนาการ ด้านกระบวนการยตุ ิธรรม และดา้ นการบริการทางสงั คม โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ สานักงานส่งเสริมและสนบั สนุนวชิ าการ ๗ ท่มี กี ารจัดสวัสดกิ ารสงั คมครอบคลุมตามกลุม่ เป้าหมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๘ ๕. แผนงานและการดาเนินการ เดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๙ เดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ๕.๑ ดาเนนิ การถอดบทเรียนในพืน้ ท่ี เดือนกนั ยายน ๒๕๕๙ ๕.๒ วิเคราะห์ข้อมูล สง่ บทความ จดั ทาวิดิทัศน์ เดือนตลุ าคม ๒๕๕๙ ๕.๓ ประชุม แลกเปล่ยี นเรียนร้ผู ลการถอดบทเรียน ๕.๔ สรปุ ภาพรวมและจัดทารูปเล่ม ๖. ข้ันตอน/วิธกี าร/กระบวนการถอดบทเรยี น ขั้นตอนในการถอดบทเรยี นทีส่ าคญั คือ ๑. การประสานหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงฯ เพื่อพิจารณาคดั เลือก อปท. จากผลการปฏบิ ตั งิ าน ท่ีมคี วามโดดเด่นด้านการจดั สวสั ดิการ ๒. ศกึ ษาขอ้ มลู พ้ืนฐาน ๓. ดาเนินการถอดบทเรียนในพนื้ ทีร่ บั ผิดชอบของแต่ละ สสว. ๔. วิเคราะห์ สงั เคราะห์ข้อมลู และสรปุ ผลการถอดบทเรยี น ๕. จัดเวทแี ลกเปลีย่ นเรียนรู้รว่ มกันโดย สสว. ๑ – ๑๒ วธิ ีการและเทคนิคในการถอดบทเรยี นเป็นแบบผสมผสาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทและความพร้อมในพื้นท่ี อย่างไรก็ตามได้มีการกาหนดให้ใช้เทคนิค การถอดบทเรยี นท่สี าคัญ คือ เทคนคิ Retrospect เนอื่ งจากเป็นการศกึ ษาและถอดบทเรียนภายหลงั จากการ ดาเนินโครงการแล้ว ซ่ึงจะมีความคล้ายคลึงกับเทคนิค After Action Review หรือ AAR แต่จะมีการ ลงลึกในรายละเอียดมากกว่า และมองภาพในอนาคตมากกว่า โดยเทคนิคดังกล่าวมักจะต้งั คาถามในลักษณะ “ทาอะไร ใคร เมื่อไร ทาทาไม ทาอย่างไร....” เป็นต้น นอกจากน้ียังประยุกต์ใช้เทคนิคแบบ Best Practice (BP) กล่าวคือ การถอดบทเรียนจากการเล่าเร่ืองและการประเมินผลโครงการซ่ึงจะ เปรยี บเทียบกับแผนที่ผลลัพธ์ การประเมินแบบเสริมพลงั และการประเมินสรุปผลโครงการ กระบวนการทีใ่ ช้ในการถอดบทเรยี น ประกอบด้วยการศึกษาข้อมูล การดูงาน การประชุม การสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงรุก และการสงั เกต แล้ววิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเชิงคุณภาพ โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ สานักงานสง่ เสรมิ และสนับสนุนวชิ าการ ๗ ทม่ี กี ารจัดสวสั ดิการสงั คมครอบคลมุ ตามกล่มุ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๙ ผลการถอดบทเรียนความสาเร็จขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น ท่มี กี ารจดั สวัสดกิ ารสงั คมครอบคลมุ ตามกลุ่มเปา้ หมายและดีเดน่ (อปท.ครบวงจร) เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จงั หวดั อานาจเจรญิ ประวตั ติ าบลเปอื ย แต่ก่อนบรรพชน ตาบลเปือย ต้ังถ่ินฐานเดิมอยู่ที่ ตาบลหนองบัวลาภู อันเป็นพ้ืนท่ีของจังหวัด หนองบัวลาภูในปัจจุบัน ในช่วงสมัยนั้น ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๖๗ สมัยแผ่นดินพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ข้ึนครองราชย์ใหม่ ๆ บ้านเมือง เต็มไปด้วยศึกสงคราม จะเป็นสงครามกับพม่า เขมร ลาว โดยเฉพาะเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์ เห็นว่าประเทศสยาม ( ช่ือของประเทศไทยสมัยนั้น ) กาลังผลัดเปล่ียน แผ่นดินใหม่คิดว่าคงจะวุ่นวายและมีกาลังอ่อนแอ จึงได้ยกทัพลงมาบุกรุก โจมตีไปท่ัวภาคอีสาน บุกลงมา จนถึงเมืองนครราชสีมา ขณะน้ัน ต้ังทัพหลวงอยู่ท่ี ตาบลหนองบัวลาภูไล่กวาดต้อนเอาประชาชนนากลับไป เมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว พระเจ้าอนุวงศ์เห็นว่าคนลาวท่ีอยู่ในภาคอีสาน เป็นประชาชนของตนมาก่อน ได้เกิดความโกลาหลวุ่นวายเดือดร้อนไปท่ัวทุกแห่งหน ผู้คนพากันแตกต่ืนอพยพหลบหนีไปหาท่ีอยู่ทากินใหม่ บรรพชนคนตาบลเปอื ย ก็พากนั อพยพออกจากหนองลาภตู ้ังแต่น้นั เป็นต้นมา ผู้เฒ่าผู้แก่ได้บอกเล่าแก่ลูกหลานฟังว่า ปู่พวนตานี กับปู่พุทธวงศ์ ทั้งสองเป็นหัวหน้าได้รวบรวม ลูกหลานเปน็ กล่มุ ใหญ่ พาอพยพออกจากตาบลหนองบัวลาภเู คลอ่ื นย้ายลงมาทางทศิ ใต้ การอพยพเต็มไปด้วย ความยากลาบากตลอด ระยะทางได้มีการแก่งแย่ง เอาผู้คนซึ่งกันและกันจากลุ่มต่าง ๆ ปรากฏว่ากลุ่มของ ปพู่ วนตานี กับปพู่ ุทธวงศแ์ ยง่ ไดม้ ากกวา่ สว่ นใหญ่จะเปน็ ผ้หู ญิง ทาให้ไดค้ นจานวนมาก มารวมกันตั้งหมู่บา้ น ประมาณ ๒๐๐ ครัวเรือน พออพยพมาถึงเขตเมืองลืออานาจ คร้ังแรกได้เข้ามาอยู่ท่ีบ้านค้อใหญ่คอนไซ ก่อนปัจจุบันนี้บ้านค้อใหญ่คอนไซไม่มีแล้ว หลายคนบอกว่าเป็นท่ีต้ังตาบลอานาจในปัจจุบัน สมัยน้ีตาบล อานาจเป็นท่ีต้ังของเมืองลืออานาจ ก่อนท่ีจะย้ายไปต้ังที่ตาบลบุ่งต่อมาเปล่ียนช่ือเป็นอาเภออานาจเจริญ อยู่ท่ีบ้านค้อใหญ่คอนไซไม่นานก็อพยพเข้ามาในบริเวณอันเป็นที่อยู่ในปัจจุบัน เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๗๐ คือประมาณ ๑๗๐ กวา่ ปีมาแลว้ การเข้ามาตั้งหมู่บ้านในพ้ืนที่ปัจจุบัน จะไม่เข้ามาอยู่ทันที แบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ หลายกลุ่ม กลุ่มใหญ่ของปู่พวนตานีพาลูกหลานไปต้ังอยู่บ้านบริเวณโคกโนนโพธิ์ก่อน บ้านโคกโนนโพธ์ิอยู่ใกล้ ๆ กับลาห้วยตอนเหนือ ปัจจุบันมีหลักฐานปรากฏให้เห็นหลายอย่าง เช่นต้นโพธ์ิขนาดใหญ่ เนินดิน ก้อนหิน เคร่ืองใช้ดนิ เผาต่าง ๆ สว่ นกลมุ่ ของปู่พุทธวงศ์ได้พากันไปตั้งหมบู่ ้านอยู่ที่บ้านโคกดอนน้อยใกล้กับหนองสะพัง ห่างจากลาห้วยโพธต์ิ อนล่าง ปัจจุบันมีหลกั ฐานปรากฏให้เห็นเช่น โนนบ้าน ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ บ่อน้าดม่ื เรยี งด้วยกอ้ นหนิ ท่ีพากันขุดไว้ นอกจากน้ีมกี ล่มุ ย่อยที่กระจายกันอย่ใู นทีต่ ่าง ๆ เช่น โนนกระจาย โนนสีดา และโนนขี้ตุน่ เป็นต้น ค่อย ๆ พากนั ทยอยเข้ามาอยรู่ วมกนั ทีบ่ รเิ วณดงปู่ตาอนั เปน็ ท่ีอยูป่ ัจจบุ นั อาณาเขต ทาเลที่ตั้งตาบล ตาบลเปือย เป็นตาบล ๑ ใน ๗ ตาบล ของอาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ มอี าณาเขตพนื้ ท่ีอยตู่ ิดกนั ท้องถนิ่ ใกล้เคยี ง ๔ สว่ น ทศิ เหนือ จดตาบลแมด ตาบลดงบงั อาเภอลืออานาจ จังหวดั อานาจเจรญิ ทิศใต้ จดตาบลเหล่าบก อาเภอมว่ งสามสิบ จงั หวัดอบุ ลราชธานี ทิศตะวันออก จดตาบลดงบงั อาเภอลอื อานาจ จังหวัดอานาจเจรญิ ทศิ ตะวนั ตก จดตาบลอานาจ อาเภอลอื อานาจ จังหวัดอานาจเจริญ โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ สานกั งานสง่ เสริมและสนับสนนุ วิชาการ ๗ ท่มี ีการจดั สวัสดกิ ารสงั คมครอบคลมุ ตามกล่มุ เป้าหมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๑๐ โดยตาบลเปือยอยู่ห่างจากที่ว่าการอาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ ไปทางทิศตะวันตก เปน็ ระยะทางประมาณ ๕ กโิ ลเมตร สภาพภมู ปิ ระเทศ โดยท่ัวไปเป็นท่ีราบกวา้ ง มีป่าไม้เบญจพรรณข้ึนอยู่ท่ัวไป อาณาเขตของตาบลถูกลอ้ มรอบด้วยลาห้วย เกือบทุกด้าน ทางทิศใต้ติดกับลาเซบก เลิงถ่ม ฝายน้าเค็ม ซึ่งเป็นท่ีลุ่มประมาณ ๓๐๐ ไร่ ซ่ึงมักจะมี ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของน้าท่วมแทบทุกปี ตาบลเปือยเป็นพื้นท่ี ท่ีมีความสมบูรณ์ด้านแหล่งน้า และแหล่ง ธรรมชาตอิ ยูเ่ ป็นจานวนมาก ท่สี าคญั ได้แก่ ห้วยลาเซบก อยู่ทางทิศใต้ของตาบลเปือย เป็นลุ่มน้าที่สาคัญของตาบลเปือยมีพ้ืนท่ีนาข้าวทั้ง ๒ ฝั่งห้วย มากกว่า ๓,๐๐๐ ไร่ เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดี ซึ่งเคยประกวดได้รับรางวัล ชนะเลิศของจังหวัด ๒ คร้ัง ระยะทางที่ไหลผ่านตาบลเปือยประมาณ ๘ กิโลเมตร สภาพลาห้วย กว้างเฉล่ีย ๓๐ เมตร ได้รับการขุดลอกแล้วประมาณ ๓ กิโลเมตร มีฝาย ๑ แห่ง ท่ีก่อสร้างมานานกว่า ๑๐ ปแี ล้ว ท้งั ยังเปน็ แนวเขตธรรมชาตทิ ่ีแบ่งเขตระหวา่ ง อาเภอลอื อานาจ อาเภอมว่ งสามสิบ ของจังหวดั อบุ ลราชธานี ห้วยจันลัน อยู่ทางทิศเหนือของตาบลเปือย เป็นแนวเขตแบ่งระหว่างตาบลเปือย และตาบลแมด ตาบลดงบัง อยู่ทางทิศเหนือของบ้านน้าท่วมไหลผ่านตาบลเปือย ประมาณ ๖ กิโลเมตร สภาพกว้างเฉลี่ย ๓๐ เมตร ลึกประมาณ ๑๐ เมตร ลักษณะการไหลของน้าเป็นการไหลจากฝายน้าล้นสู่ฝายก้ันขนาดเล็ก ด้านบนเป็นสะพานประตูน้ามีช่องเดียวโดยจากพ้ืนถึงชั้นเปิดความสูงประมาณ ๕ เมตร ซึ่งมีฝายประชาอาสา อยู่ ๓ แหง่ ห้วยน้อย เป็นลาห้วยขนาดเล็กประมาณ ๘ กิโลเมตร กว้างเฉลี่ย ๑๒ เมตร และมอี า่ งเก็บน้า ขนาดเล็กรองรับการกระโดดของน้า การไหลของน้าเมื่อล้นประตูจะไหลออกจากช่องประตูด้านข้าง ซึ่งไมไ่ ดม้ าตรฐานพอสมควรในการก้ัน เพราะน้ากัดเซาะ หนองดูน อยู่ท่ีบ้านนาดูน หมู่ท่ี ๒ ของตาบลเปือย สภาพเป็นหนองขนาดกลางลักษณะพิเศษ กลางคืน จะมีนา้ ใต้ดนิ ไหลขน้ึ มาหล่อเลี้ยงตลอดทัง้ ปี เปน็ แหล่งนา้ ที่มปี ระโยชนแ์ ก่ชาวบา้ นเปน็ อย่างมาก พืน้ ท่ี ตาบลเปือย มีพ้นื ทต่ี าบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทยประมาณ ๒๖,๘๗๕ ไร่ หรอื ๔๓ ตาราง กโิ ลเมตร โดยแบง่ พื้นท่ีตา่ ง ๆ ดงั นี้ ๑. พ้ืนที่ทางการเกษตร ทานา ทาสวน ทาไร่ ๒๓,๒๐๘ ไร่ ๒. พน้ื ที่ป่าเสือ่ มโทรม ๑,๐๕๐ ไร่ ๓. พื้นที่อยอู่ าศยั บา้ นเปอื ย หัวดง นา้ ทว่ ม นาดนู ๒,๕๕๐ ไร่ ๔. พน้ื ที่สาธารณะต่าง ๆ รวมกัน ๗๗๐ ไร่ ๕. พื้นที่ ที่เป็นแหล่งนา้ ตา่ ง ๆ รวมกนั ๓๒๑ ไร่ ๖. พ้ืนทถ่ี นนทุกสายในหมู่บา้ น ตาบลรวมกัน ๓๙๘ ไร่ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น สานกั งานสง่ เสริมและสนับสนนุ วิชาการ ๗ ทมี่ กี ารจัดสวัสดิการสังคมครอบคลมุ ตามกลุ่มเป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๑ จานวนครัวเรอื นและประชากร แยกตามหมู่บ้าน ทั้งหมด ๑๓ หมบู่ ้าน ดังนี้ (พ.ศ.๒๕๕๙) หมู่ที่ ผู้ใหญบ่ า้ น บ้าน ครัวเรือน เพศชาย ประชากร รวม เพศหญิง ๑ นายวิเชยี ร นนทศิริ เปอื ย ๑๔๔ ๓๑๘ ๓๒๘ ๖๔๕ ๒ นายประสทิ ธิ์ จนั ทะโมคา นาดูน ๔๙ ๑๐๓ ๙๘ ๒๐๑ ๓ นายอดุลย์ ปาวรยี ์ หัวดง ๒๐๕ ๔๐๓ ๔๓๔ ๘๓๗ ๔ นายวินัย สายสิน นา้ ท่วม ๑๒๘ ๒๘๖ ๒๗๘ ๕๖๔ ๕ นายประจิม วันดวี งศ์ น้าท่วม ๑๓๕ ๒๙๑ ๓๑๓ ๖๐๔ ๖ นายเทียบ ดวงมาลย์ เปอื ย ๑๓๑ ๒๗๖ ๒๙๖ ๕๗๒ ๗ นายปรดี า จันทนาค เปอื ย ๑๗๐ ๓๔๖ ๓๓๙ ๖๘๕ ๘ นายประยูร แผลงศร (กานนั ) เปอื ย ๑๐๐ ๒๓๐ ๒๕๐ ๔๘๐ ๙ นายมนต์ชยั ฤทธ์ิธนสมบรู ณ์ เปือย ๑๘๔ ๓๕๘ ๓๔๙ ๗๐๗ ๑๐ นายศรอี านาจ ไกยสิทธ์ิ หงั ดง ๒๐๘ ๔๔๘ ๔๔๒ ๘๙๐ ๑๑ นายถวลิ ศรสี ุวรรณ หัวดง ๑๐๘ ๒๔๐ ๒๓๔ ๔๗๔ ๑๒ นายบัวเรยี น บญุ เสริฐ นา้ ท่วม ๘๒ ๑๘๕ ๑๘๗ ๓๗๒ ๑๓ นายวีระ อนุ าพันธ์ นา้ ทว่ ม ๔๒ ๘๗ ๘๓ ๑๗๐ รวม ๑๓ ๑,๖๘๖ ๓,๕๗๑ ๓,๖๓๑ ๗,๒๐๒ สภาพทางเศรษฐกจิ การประกอบอาชีพหลกั ประชากรตาบลเปือยจะมีการขยายตัวเพ่ิมข้ึนในอัตราร้อยละ ๐.๔ ต่อปี จึงทาให้ประชากรส่วน ใหญ่มีอาชีพหลัก ด้านการเกษตรกรรม ซ่ึงปัจจุบันส่วนใหญ่น้ันจะหันมาทานาในรูปไร่นาสวนผสมและ มีการเข้าร่วมโครงการ คปร. และเป็นสมาชิกกลุ่มเกษตรกรทานา ของตาบลเปือย ผลผลิตจากการทานา อัตราเฉลย่ี ๓๕๐ ก.ก. / ไร่ อาชพี รอง มีการรวมกลุ่มประกอบอาชีพต่าง ๆ เพื่อเป็นอาชีพเสริมหลังจากว่างเว้นจากฤดูเก็บเกี่ยว โดยมีการ รวมตวั กนั จดั ตั้งเป็นกลมุ่ อาชพี และได้รับการสนับสนุนจาก เทศบาล และหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้อง สภาพทางสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม สภาพทางสังคม ลักษณะการต้ังถ่ินฐานของตาบลเปือย ประชาชนต้ังบ้านเรือนเป็นกลุ่มกระจัดกระจายตามแนวทาง สายหลกั ของหมบู่ า้ นของถนนและถนนเชื่อมหมบู่ ้านเป็นครอบครวั ขยายลักษณะสงั คมเป็นสงั คมชนบทดงั น้ี สถาบันองคก์ รศาสนา - วัด หรือ สานกั สงฆ์(ศาสนาพทุ ธ) ๕ แห่ง - โบสถ์ (ศาสนาคริสต์) ๑ แห่ง โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ สานักงานส่งเสรมิ และสนับสนนุ วิชาการ ๗ ทม่ี ีการจัดสวสั ดกิ ารสังคมครอบคลมุ ตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๒ ขนบธรรมเนยี มประเพณี ขนบธรรมเนยี มประเพณี ชาวบ้านยึดม่นั ตามฮีตสบิ สองอย่างมั่นคง ฮีตสบิ สองหมายถงึ จารตี ประเพณี สิบสองเดือนท่ีชาวบ้านตอ้ งทาบญุ ต่าง ๆมีดงั น้ี ฮีตท่ี ๑ เดือนอ้าย คือประเพณี บุญเข้ากรรม เป็นการทาบุญตักบาตรถวายภัตตาหารและฟังเทศน์ เนื่องในโอกาสท่ีพระสงฆอ์ าบัสขน้ึ รองจากปาราชิก ไดเ้ ขา้ ไปอยใู่ นทีอ่ นั จากัดเพ่อื ทรมานรา่ งกาย ฮีตท๒่ี เดอื นย่ี คอื ประเพณบี ุญคูณลาน เปน็ การทาบุญส่ขู วัญข้าวทีน่ วดเสรจ็ ฮีตที่ ๓ เดือนสาม คือประเพณีบุญข้าวจ่ี เมื่อถึงเดือน สาม ชาวบ้านขนข้าวข้ึนยุ้งฉางแล้ว จะนิยม ทาบุญเก่ียวกับข้าวอีกคร้ัง คือการนาเอาข้าวเหนยี วที่นึง่ แลว้ มาป้ันเป็นก้อนใหญ่ ๆ ใส่น้าอ้อยข้างใน ทาเกลือ ขา้ งนอกนิด ๆนาไปยา่ งไฟพอแขง็ ตัว ชบุ ด้วยไข่ จนสุขดแี ล้วนาไปถวายพระตามวันกาหนดพร้อมกนั ทั้งหมู่บ้าน โดยจะมีการฟังเทศนด์ ้วย ฮตี ท่ี ๔ เดือนสี่ คอื ประเพณบี ุญพระเวส เป็นการทาบญุ ฟงั เทศนม์ หาชาติ ฮตี ท่ี ๕ เดอื นหา้ คือประเพณีบุญสงกรานต์ มกี ารเลน่ น้าและขอพรผ้สู ูงอายุ มกี ารละเลน่ พ้นื บ้าน ฮีตที่ ๖ เดือนหก คือประเพณีบุญบ้ังไฟ เป็นการจุดบ้ังไฟเพ่ือขอฝนของชาวอิสาน มีการละเล่น ท่ีสนกุ สนาน ฮีตที่ ๗ เดือน เจ็ด คือประเพณี บุญชาระหรือบุญนอกบ้าน เป็นการทาบุญชาระล้างสิ่งท่ีเป็นเสนียด จญั ไร อันจะทาใหเ้ กิดความเดือดร้อน แกบ่ ้านเมอื งมีการเล้ียงผปี ู่ตา และผตี าแฮก (ผีรกั ษาไรน่ า) ฮีตที่ ๘ เดือน แปด คือ ประเพณีบุญเข้าพรรษา ให้ครูบาอาจารย์อยู่ในอาวาสเป็นระยาเวลา ๓ เดอื น เพื่อเป็นการจาศีล ฮีตท่ี ๙ เดอื น เก้า คอื ประเพณบี ุญขา้ วประดบั ดิน เปน็ ทาบญุ อทุ ิศส่วนกศุ ลให้แก่เปรตที่ตายไปแลว้ ฮีตท่ี ๑๐ เดือน สิบ คือประเพณีบุญข้างสาก (ข้าวกระยาสารท) ทาบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย และเปรต มีการแลกเปลีย่ นขา้ วกระยาสารทกันระหวา่ งญาตพิ ่นี ้อง และชาวบ้านใกลเ้ รือนเคียง ฮีตที่ ๑๑ เดือน สิบเอ็ด คือประเพณี ออกพรรษา มีการทาบุญถวายปราสาทผึ้ง มีการล่องเรือไฟ มกี ารแข่งเรือ ฮีตที่ ๑๒ เดือน สิบสอง คือประเพณี บุญกฐิน ซ่ึงลูกหลานที่ทางานอยู่ต่างถ่ินจะรวบรวมเงินเพื่อ นามาถวายวัดตามภูมิลาเนาของตน เป็นการทาบญุ ตามชนบทอกี ลกั ษณะ สาธารณสขุ - โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพ ๒ แห่ง - รา้ นค้าขายยาแผนปจั จบุ นั ๒ แหง่ - อตั ราการมีส้วมซึม คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐ % การศึกษา - โรงเรียนประถมศกึ ษา และขยายโอกาส ๒ แหง่ - ศูนย์พัฒนาเดก็ เลก็ ๒ แหง่ - ทอี่ า่ นหนงั สอื ประจาหมบู่ ้าน ๑๓ แห่ง การเดินทางระหว่างชุมชนมีเส้นทางเชื่อมระหว่างชุมชนโดยรอบสามารถเดินทางไปมาหากันได้ง่าย โดยสะดวก ประชาชนส่วนใหญน่ ับถือศาสนาพุทธ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น สานักงานส่งเสริมและสนับสนนุ วชิ าการ ๗ ท่มี ีการจดั สวสั ดิการสงั คมครอบคลุมตามกลุม่ เปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๑๓ การบริการพนื้ ฐาน การคมนาคมขนส่ง ตาบลเปือย มีเส้นทางสายหลักในการคมนาคม ได้แก่ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๒๑๓๔ ( อาเภอลืออานาจ - อาเภอพนา ) นอกจากน้ันยังมีถนนเช่ือมระหว่างถนนในเขต พื้นที่ เช่ือมระหว่างชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาล และพ้ืนที่ใกล้เคียงอย่างทั่วถึง ทาให้การจราจรไปมาและการ ขนสง่ ผลผลติ ทางการเกษตรเปน็ ไปด้วยความสะดวกสบาย ศกั ยภาพการรวมกลุ่มของประชาชน เพื่อความเปน็ อยทู่ ่ีดีข้นึ ของประชาชน ในตาบล การรวมกลุ่มของประชาชน จากการจดแจ้งจัดตงั้ จานวน ๑๗๔ กลุ่ม แยกเปน็ ๕ ประเภท - ประเภทสวัสดิการ จานวน ๑๔ กลุ่ม ๔๒ กลุ่ม - ประเภทเศรษฐกจิ ชุมชน จานวน ๔๖ กลุ่ม ๒๑ กลุม่ - ประเภทเกษตรกรรม จานวน ๕๑ กลมุ่ - ประเภทพัฒนาอาชีพ จานวน - ประเภทกล่มุ ทางสังคม (อาสาสมัคร) จานวน จดุ เด่นของพน้ื ท่ี - ประชาชนชาวตาบลเปือย มีความสมัครสมานสามัคคี โดยอาศัยอยู่ร่วมกันโดยปกติสุข มีความ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนมากจะเป็นลักษณะครอบครวั ขยาย และในชุมชนยังเป็นแหลง่ ท่ีค้นพบโบราณวัตถุท่ีสาคญั คอื ใบเสมาซ่ึงเปน็ ใบเสมาทีเ่ กา่ แก่ สมัยทาราวดี มอี ายุนบั พันปี เปน็ ทีเ่ คารพนับถือของประชาชนในตาบลและ ตาบลใกล้เคียง มีแขกบ้านแขกเมือง ซ่ึงเม่ือเดินทางมาถึงอาเภอลืออานาจแล้วต้องแวะมาสักการบูชา และ ประชาชนในตาบลมีการรวมกลมุ่ ประกอบอาชีพที่เข้มแขง็ โดยกลุ่มอาชีพตา่ ง ๆในตาบลเปอื ย ไดร้ ับการยกย่อง ให้เป็นตาบลสวัสดิการของจังหวัดอานาจเจริญ ซึ่งมี สามตาบลในจังหวัดอานาจเจริญ คือตาบลเปือย ตาบล นาผือและตาบลเสนางคนิคมท้ังยัง เป็นแหล่งผลิตผ้าไหม กางเกงวอร์มและข้าวหอมมะลิชั้นดีแห่งหนึ่งของ จังหวัด เหมาะสาหรับส่งเสริมใหเ้ ปน็ แหล่งทอ่ งเทยี่ วและอาชพี เสริมของประชาชน ดา้ นความปลอดภยั ท่ีทาการตารวจผู้รบั ใชช้ ุมชนบ้าน ๑ แหง่ มี อปพร.๑๓๖ คน ทช่ี ่วยรักษาความปลอดภยั ในตาบล ในกรณีฉุกเฉนิ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ สานักงานส่งเสริมและสนับสนุนวชิ าการ ๗ ทม่ี กี ารจัดสวัสดิการสงั คมครอบคลุมตามกลมุ่ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๔ รปู แบบหรือวธิ กี ารดาเนนิ งานดา้ นสวัสดิการสังคม ๑) มีระบบการบริหารจัดการแบบมสี ว่ นร่วม โดยเปน็ การทางานรว่ มกันระหวา่ งเทศบาลตาบลเปือย กับสภาองค์กรชุมชนตาบลเปือย ซึ่งกรรมการสภาองค์กรมาจากตัวแทนกลุ่มองค์กร ท่ีผ่านการรับรอง สถานภาพ มีบทบาทในการตรวจสอบการดาเนินงานของเทศบาล ๒) สภาองค์กรชุมชนดาเนินการรวบรวมข้อมูลกลุ่มองค์กร และรับรองสถานภาพ และนาเสนอ เข้าสู่เทศบาลตาบลก่อให้เกดิ ฐานข้อมลู ชมุ ชน และการตอ่ ยอดการนาเสนอเพื่อขอรับการสนับสนนุ ๓) การใช้เวทีประชาคมเพ่ือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ แก้ไขปญั หาชมุ ชน มีการกาหนดเป้าหมายการดาเนนิ งานร่วมกนั ของชุมชนทช่ี ดั เจน ๔) ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทาแผนชุมชน เพื่อกาหนดเป้าหมายการดาเนินงาน ร่วมกัน โดยยึดประชาชนเป็นศูนยก์ ลางในการพฒั นา ๕) ใช้ธรรมนญู สขุ ภาพตาบลในการขับเคลอ่ื นกิจกรรม โดยมีการนาข้อมูลและความรู้ มาใช้ในการ ระดมปัญหา และจัดทาประชาคมเพื่อหาทางแก้ไข และใช้ธรรมนูญฯ เป็นแนวทางในการดาเนินโครงการต่างๆ ของชมุ ชน ๖) อุดหนุนทนุ ดาเนินงานใหก้ ับ กลมุ่ /องคก์ รในพน้ื ที่ ในการดาเนนิ กจิ กรรม/โครงการตา่ ง ๆ ๗) มกี ารเชอ่ื มประสานงานจากทุกภาคสว่ น ๘) ศึกษาดูงานต้นแบบอื่นๆ ทปี่ ระสบผลสาเร็จมาเป็นแบบอย่าง เพอ่ื นามาปรับใช้ในตาบล การจัดสวัสดิการของเทศบาลตาบลเปือยท่ีจัดให้กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นท่ี ๗ มิติ เพื่อให้บริการ ประชาชนอยา่ งทวั่ ถงึ และครอบคลุม ๑) การจัดสวัสดิการด้านการศึกษา เทศบาลตาบลเปือย จัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้มาตรฐาน จานวน ๒ ศูนย์และจัดจ้างครูผู้สอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนับสนุนงบประมาณในการจ้างรถรับ – ส่ง นักเรียน ท่ีอาศัยอยู่นอกพ้ืนที่ตาบลท่ีเข้ามาเรียนในโรงเรียนตาบลเปือย สนับสนุนให้โรงเรียนมีศูนย์เรียนรู้เกษตร อนิ ทรีย์ สนับสนุนทุนการศึกษา จัดกจิ กรรมเสริมสร้างทกั ษะและสง่ เสริมอาชีพให้กับเดก็ และเยาวชน ๒) การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย เทศบาลตาบลเปือยร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตาบลบ้านเปือย ดาเนนิ การจดั สวัสดิการด้านสุขภาพของชุมชนแบบมีส่วนรว่ ม สง่ เสริมการมสี ุขภาพดีของคน ในชุมชน ตรวจเย่ียมสุขภาพประจาปีให้กับคนในชุมชน ทาการคัดกรองผู้ป่วย จัดทาแผนควบคุมโรคและ กาหนดบทบาทหน้าในการควบคมุ โรคระบาดร่วมกัน ๓) การจัดสวัสดิการด้านท่ีอยู่อาศัย เทศบาลตาบลเปือยได้ดาเนินการซ่อมแซมและปรับ สภาพแวดลอ้ มท่ีอยอู่ าศยั ใหก้ ับผูส้ งู อายุ และผูพ้ กิ าร โดยอาศยั ความรว่ มมือจากคนในชมุ ชนในการใช้แรงงาน ๔) การจัดสวัสดิการด้านนันทนาการ โดยเทศบาลสนับสนุนเงินอุดหนุนชมรมผู้สูงอายุ ๒ ชมรม จัดการแข่งขันกีฬาประจาปี สนับสนุนงบประมาณแก่ชมรมกีฬาในตาบล สนับสนุนเงินอุดหนุนการออก กาลังกาย สนบั สนุนกิจกรรมในวนั ผ้สู งู อายุ จดั โครงการผูส้ ูงอายไุ หวพ้ ระ ๙ วัด ๕) การจัดสวัสดิการการทางานและการมีรายได้ จัดฝึกอบรมให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ สนบั สนนุ ทุนประกอบอาชีพ กล่มุ ทอ่ ผ้าไหม กลุ่มแปรรูปอาหาร กลมุ่ จักสาน กลุ่มตดั เยบ็ อปุ กรณ์เครื่องหนัง สนับสนุนและหาช่องทางการตลาดให้กบั กลุม่ อาชีพ ๖) การจัดสวัสดิการด้านกระบวนการยุติธรรม เทศบาลจัดให้มีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายเบ้อื งต้น และสทิ ธขิ องคนในชุมชน โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ สานักงานส่งเสรมิ และสนบั สนุนวชิ าการ ๗ ท่มี ีการจัดสวัสดิการสังคมครอบคลมุ ตามกลุ่มเป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๕ ๗) การจัดสวสั ดิการสังคม จดั ต้งั งบประมาณเพอ่ื สนบั สนนุ กองบญุ สจั จะสวัสดิการไทบา้ น จดั ตงั้ และ สนับสนุนงบประมาณแก่สภาเด็กและเยาวชนตาบลเปือย ประสานการจัดหากายอุปกรณ์ให้กับผู้พิการ สนับสนนุ การจัดกจิ กรรมของศูนย์เมตตาธรรมในการดูแลผสู้ ูงอายุ โรงเรยี นผูส้ งู อายุ และมบี รกิ ารรับส่งผู้ป่วย ยามฉุกเฉนิ กล่าวโดยสรุปคือ รูปแบบหรือวิธีการที่เทศบาลตาบลเปือยใช้ในการจัดสวัสดิการแก่ประชาชนและ กลุ่มเป้าหมาย สามารถแบ่งได้เป็น ๒ ลักษณะ คือ (๑) ผ่านกลไกท่ีสาคัญจากภาครัฐด้วยโครงการ/ กิจกรรมที่กาหนดลงสู่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ เช่น โครงการเกย่ี วกับเงนิ อุดหนุน เงินสงเคราะห์ สวัสดกิ าร เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ/ผู้พิการ/ผู้ด้อยโอกาส การออกเยี่ยมติดตามและให้คาปรึกษา การพัฒนา ศักยภาพ/อาชีพกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงเทศบาลให้ความสาคัญและดาเนินการ พร้อมกับการกาหนดโครงการ/ กิจกรรมเพิ่มเติม ต่อยอด ขยายผลจากโครงการและกิจกรรมของภาครัฐ จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการจัด สวัสดิการแบบ “สวัสดิการสังคม” (๒) ผ่านการขับเคล่ือนจากกลไกภาครัฐร่วมกับภาคประชาสังคม เช่น ชมรม กลุ่ม อาสาสมัคร องค์กรชุมชน เครือข่าย ศูนย์ กองทุน/กองบุญ ด้วยรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเกิดจาก กระบวนการอย่างมีส่วนร่วม บูรณาการเครือข่ายและภาคี เช่น การรวมกลุ่มหรืออาสาสมัครในการดูแล/ เยี่ยมบ้าน/มอบเงินสงเคราะห์/มอบทุน/การประสานภาคส่วนในพ้ืนที่เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ซ่งึ อาจกลา่ วได้วา่ เป็นการจัดสวัสดกิ ารแบบ “สวัสดกิ ารชมุ ชน” น้ันเอง ปัจจัยความสาเรจ็ ๑) เกิดจากผู้บริหาร เจ้าหน้าท่ี ผู้นาทุกภาคส่วน ประชาชน ร่วมกันขับเคล่ือนงานอย่างมีระบบ โดยการแบ่งบทบาทหน้าท่ีในการขับเคล่อื นงานตามแต่กลมุ่ กิจกรรมท่ีแต่ละส่วน มีความชานาญ และมีการ จัดทาแผนพัฒนาตาบลสอดคล้องกับแผนชุมชน แผนพัฒนาจังหวัด และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล มีการ ต้ังเป้าหมายการดาเนินงานท่ีชัดเจน มีรูปแบบและแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน การมีส่วนร่วมของคนชุมชน โดยใช้เวทีประชาคมเปน็ การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้รว่ มกนั ๒) การท่ีมีพระครูอุดมโพธิ์กิจ เจ้าอาวาสวัดโพธ์ิศิลา เป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง โดยมีหลักคิดว่า “บ้านช่วยวัด วัดช่วยบ้าน” ได้นาเอาหลักธรรมทางศาสนามาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีการดาเนินชีวิตของคนใน ชุมชน ๓) ยึดธรรมนญู สุขภาพตาบลเป็นหลัก ในการจดั สวสั ดกิ าร และการดาเนินโครงการ/กิจกรรมตา่ ง ๆ ซง่ึ คนในชมุ ชนให้การยอมรับและถือปฏิบัตติ ามธรรมนูญสขุ ภาพตาบล ๔) ผู้นาชุมชน เทศบาล สถานศึกษา องค์กร มกี ารบริหารจัดการข้อมูลชมุ ชนรว่ มกัน ปราชญช์ าวบ้าน แกนนาชมุ ชนมศี ักยภาพและมีใจทจี่ ะพัฒนาชุมชน ๕) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน ทั้งในด้านความรู้ งานวิชาการ งานปฏิบัติ และ งบประมาณ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน สานักงานส่งเสรมิ และสนับสนนุ วชิ าการ ๗ ที่มีการจดั สวสั ดกิ ารสังคมครอบคลุมตามกลมุ่ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๖ สรุปปัจจัยความสาเร็จ คือ “คน” หรือ “ผู้นา” ได้แก่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้นาทาง ศาสนา ผู้นาท้องท่ี ผู้นาชุมชน/กลุ่ม/ชมรม/ศูนย์/อาสาสมัคร/กองทุน คณะกรรมการ พนักงาน/เจ้าหน้าท่ี ตลอดจนสมาชิกของกลมุ่ /ชมรม/ศูนย์/อาสาสมัคร/กองทุนดว้ ย ทง้ั หมดนถ้ี ูกหลอ่ หลอมด้วยคณุ ธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล การช่วยเหลือเก้ือกูลกัน เป็นวัฒนธรรมอันดีงามของพ้ืนท่ีนั้น ๆ ปัจจัยสาคัญประการท่ีสองคือ “การบริหารจัดการ” ได้แก่ การมีนโยบาย/เป้าหมาย/ยุทธศาสตร์/แผนงาน/โครงการท่ีชัดเจนและสอดคล้อง กับความต้องการ การบูรณาการ การประสานความร่วมมือ การเช่ือมโยงทุนทางสังคม และการส่ือสารในทุก ระดับ ท่ีสาคัญที่สุดคือ การสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ปัจจัยสาคัญประการท่ีสามคือ “ทุน” ทั้งในแง่ ทุนทางสังคมและเงินทุนทมี่ าจากทางภาครัฐหรอื ภาคประชาสังคม รวมทงั้ ภาคเอกชนดว้ ย ปญั หาและอปุ สรรค ๑) ข้อจากัดในกฎระเบยี บการเบกิ จ่ายงบประมาณของท้องถ่นิ ๒) งบประมาณมีความซ้าซ้อน บางโครงการงบประมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ บางโครงการ มงี บประมาณไมต่ ่อเนอื่ ง ๓) ความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมและทาง วัฒนธรรม การเปล่ยี นแปลงของวถิ ีการดาเนนิ ชวี ิตของคนในชุมชน ส่งผลตอ่ การกาหนดทิศทางและมาตรการ ของทางภาครฐั ๔) คนในชุมชนบางส่วนยังละเลยและไม่ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชนและยังขาด ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม สามารถสรุปได้ว่าปัญหาและอุปสรรคที่สาคัญ ได้แก่ ๑. กฎหมาย กฎระเบียบไม่เอื้ออานวย ไม่ยืดหยุ่น ๒. ส่วนของภาครัฐ คือ งบประมาณมีจากัด ไม่ต่อเน่ือง บางส่วนซ้าซ้อน ๓. ความเจริญทาง เศรษฐกจิ สังคม ส่งผลตอ่ การเปล่ียนแปลงทางโครงสรา้ งทางสังคมและทางวัฒนธรรม ๔. ประชาชนบางส่วน ขาดการมีส่วนร่วมอันเนื่องมาจากต้องทางานและไม่มีเวลาว่างพอเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน หรือไม่เข้า รว่ มโครงการ/กิจกรรมอนั เนือ่ งมาจากเกดิ ความไมเ่ ชอ่ื ม่ันหรือไมเ่ หน็ ความสาคญั เป็นต้น ข้อเสนอแนะ ๑) จัดให้มีการอบรม/จัดเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ ให้กับคนในชุมชน เพื่อส่งเสริมและให้แนวคิด เก่ยี วกับปัญหาทางสังคม ใหต้ ระหนักถึงปญั หาสงั คมท่ีเกิดขน้ึ และกาหนดแนวทางการแกไ้ ขปญั หาร่วมกัน ๒) ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่รับทราบและเข้าใจปัญหาทางสังคมของชุมชนในปัจจุบัน และตระหนักถึง ปญั หาที่เกิดขน้ึ เพ่อื หาแนวทางแก้ไข ๓) รฐั ควรปรับปรงุ กฎหมายใหเ้ ออื้ และยดื หยุ่นในการจดั สวสั ดกิ ารให้แก่ผู้รับบริการ สรุปคือ ภาครัฐควรส่งเสริม เพิ่ม และขยายโอกาสการเข้าถึงสวัสดิการสังคมให้มากข้ึน ครอบคลุม ต่อเนือ่ งในทกุ พืน้ ท่ี รวมไปถึงการปรับปรุงกฎหมายใหเ้ ออ้ื และยืดหยนุ่ ในการจัดสวสั ดิการใหแ้ ก่ผ้รู ับบริการ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างจิตสานึก การเสียสละ ให้คนในชุมชนมีจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือแก่ กล่มุ เป้าหมายตลอดจนประชาชนในพ้ืนท่ี ดึงเด็กและเยาวชนเข้ามาเป็นพลังทางสังคมและสร้างใหเ้ ป็นผู้นาการ เปลย่ี นแปลงต่อไป รวมไปถึงการตอ่ ยอดและถา่ ยทอดจากร่นุ สู่รนุ่ ด้วย โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น สานกั งานส่งเสริมและสนับสนนุ วชิ าการ ๗ ทม่ี ีการจดั สวสั ดกิ ารสังคมครอบคลมุ ตามกลุ่มเปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๗ ความพงึ พอใจของประชาชนดา้ นการจดั สวสั ดกิ ารสงั คม จากการสารวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการจัดสวัสดิการของภาครฐั องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ตลอดจนภาคีเครอื ขา่ ยต่าง ๆ พบว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดบั ดี (คะแนน ๔ จากคะแนนเตม็ ๕) ซ่ึงการศึกษาในคร้ังนี้มีการเก็บรวมรวมข้อมูลความพึงพอใจของประชาชนต่อการจัดสวัสดิการ ท้ังสวัสดิการสังคมและสวัสดิการชุมชนในพื้นที่ โดยการสัมภาษณ์และการสังเกต การประเมินผลในภาพรวม จงึ ใช้วิธีการเทยี บเคียงกบั คา่ คะแนน ซง่ึ ในทีน่ ี้ให้คะแนนเตม็ ๕ โดยมแี ปลผลดังนี้ คา่ คะแนน ๑ หมายถงึ มรี ะดับความพึงพอใจไม่ดี ค่าคะแนน ๒ หมายถึง มีระดบั ความพึงพอใจดนี ้อยมาก ค่าคะแนน ๓ หมายถึง มีระดับความพงึ พอใจดนี อ้ ย คา่ คะแนน ๔ หมายถึง มรี ะดบั ความพงึ พอใจดี คา่ คะแนน ๕ หมายถงึ มีระดบั ความพึงพอใจดีมาก โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น สานกั งานสง่ เสรมิ และสนับสนุนวชิ าการ ๗ ที่มีการจดั สวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๑๘ บทวเิ คราะห์ สานักงานส่งเสริมและสนบั สนนุ วชิ าการ ๗ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ดาเนินการถอดบทเรยี นความสาเร็จของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีการจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายและดีเด่น (อปท.ครบวงจร) เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ เพื่อศึกษาโครงสร้างการทางาน รูปแบบหรือ วิธีการดาเนินงาน ปจั จยั ความสาเร็จ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ และการประเมินความพงึ พอใจด้าน การจัดสวัสดิการสังคมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการดาเนินงานด้านสวัสดิการสังคมครอบคลุม ตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรีและครอบครัว กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ประกอบกับมีการจัดสวัสดิการทั้ง ๗ มิติ คือ ด้านที่อยู่อาศัย ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัย ด้านการมีงานทาและรายได้ ด้านนันทนาการ ด้านกระบวนการยุติธรรม และ ด้านการบริการทางสังคม สาหรับผลการศึกษาสามารถอธบิ ายขอ้ ค้นพบเป็นประเดน็ สาคัญ ๆ ไดด้ ังน้ี แนวคิดและหลักการบริหาร แนวคิดและหลักการบริหารของเทศบาลตาบลเปือย อาเภอลอื อานาจ จังหวัดอานาจเจรญิ สามารถ แบ่งรปู แบบแนวคิดและการบรหิ าร ออกเป็น ๓ เรือ่ งคือ (๑) “คน” หรอื “ประชาชน” เช่น การเน้นคนเป็น ศูนย์กลางในการพัฒนา พัฒนาคนให้มีคุณภาพ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย การอยู่ดี มีความสุข มีคุณธรรม รวมไปถึงความรัก ความสามัคคี สมานฉันท์ ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาชุมชนและสังคม (๒) “เมือง” กล่าวคอื เปน็ การพฒั นาท้องถิ่นในมิตสิ งั คมและส่งิ แวดล้อมให้เปน็ “เมอื งทน่ี า่ อยู่” เนน้ การพัฒนา ทั้งในแง่การเกษตร เขตท่องเที่ยว เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม (๓) “ปรัชญาและหลักการ” หมายถึง การพัฒนา ท้องถิ่นโดยอาศัยหลักปรัชญาและหลักการที่เป็นที่ยอมรับ เช่น การมุ่งเน้นเร่ืองการบริหารจัดการที่ดี การยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพึ่งตนเอง การรวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหา เน้นการเรียนรู้ การบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะการสรา้ งกระบวนการอย่างมีส่วนรว่ มซึ่งถกู กลา่ วถึงมากท่ีสดุ รปู แบบ วธิ กี าร รปู แบบ วิธกี ารที่เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลอื อานาจ จงั หวดั อานาจเจริญ ใชใ้ นการจัดสวสั ดิการแก่ ประชาชนและกลมุ่ เป้าหมาย มีรปู แบบหลัก ๆ จะสามารถแบ่งได้เป็น ๒ ลักษณะ ไดแ้ ก่ ๑) การจัดสวัสดิการที่เป็นการให้บริหารจากภาครัฐผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีมาจากส่วนกลาง ลงสูส่ ว่ นภมู ภิ าคและกระจายส่สู ว่ นท้องถ่ิน เช่น เบย้ี ยงั ชีพ เบี้ยความพิการ เบ้ยี ผูส้ ูงอายุ การมอบสิ่งของ ถุงยังชีพ เสื้อผ้า ยารักษาโรค เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ผ่านทางพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์จงั หวัด (พมจ.) รวมทง้ั การฝึกอบรมดา้ นอาชีพของหนว่ ยงานต่าง ๆ ทีไ่ ด้ดาเนินการในพ้ืนที่ นอกจากการสงเคราะห์หรือส่งเสริมในด้านสวัสดิการดังตัวอย่างที่กล่าวมาน้ี ยังมีสวสั ดิการ เกีย่ วกบั การซ่อมแซมบ้านผู้สูงอาย/ุ ผู้พิการ/ผู้ด้อยโอกาส การออกเย่ียมติดตามและให้คาปรึกษา รวมไปถึงการจ้าง งานกบั กลมุ่ เป้าหมายหรือผู้ด้อยโอกาสดว้ ย จะเห็นได้วา่ การดาเนินงานดังกล่าวเปน็ การขับเคลื่อนงานด้านสวัสดิการ ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ แนวดิ่ง คอื จากนโยบายสู่การปฏบิ ัติโดยทางภาครัฐเปน็ สาคัญ ๒) การขับเคล่ือนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมในพื้นท่ี โดยมวี วิ ฒั นาการที่เริ่มจากการรวมกลุ่ม ซึ่งเกิดจากการพลักดันของทางภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากทางภาครัฐ ผู้นาทางศาสนา ผู้นาท้องถิ่น/ท้องท่ี ในการกาหนดแนวคิดและวิธีการ ประกอบกับความต้องการของประชาชนที่อยากช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ทางสังคม จึงเป็นท่ีมาของการรวมกลุ่มในระดับพื้นที่ เช่น ชมรม กลุ่มอาชีพ กลุ่มเกษตรกร ศูนย์ กองทุน กองบุญ ฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นต้น ซ่ึงสามารถตอบสนองต่อเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น จะเห็นได้ว่าในการขับเคล่ือนงานในลักษณะน้ีเป็นการขับเคล่ือนในแนวราบ เพราะมีกลไลในการขับเคล่ือนหลักจาก ภาคประชาชนเอง ผ่านคณะกรรมการ สมาชกิ อาสาสมคั ร เครือข่าย โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น สานกั งานสง่ เสริมและสนบั สนนุ วชิ าการ ๗ ทีม่ กี ารจัดสวัสดิการสงั คมครอบคลมุ ตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๑๙ นอกจากนี้ยังพบว่าเทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ มีกลไกในการ ขบั เคล่อื นงานสวัสดกิ าร ประกอบดว้ ยกลไกภายในทอ้ งถน่ิ ไดแ้ ก่ ๑) คณะผ้บู รหิ าร เจ้าหนา้ ท่ี พนกั งานของเทศบาล ๒) ผู้นาชุมชน ผู้นาท้องท่ี ชมรม กลุ่ม อาสาสมัคร องค์กรชุมชน เครือข่าย ศูนย์ กองทุน/ กองบุญ ๓) อาสาสมัครและเครอื ขา่ ยการทางานในท้องถ่นิ ๔) คณะกรรมการของชมรม กลมุ่ อาสาสมคั ร องค์กรชุมชน เครือข่าย ศูนย์ กองทุน/กองบุญ ๕) สมาชิกชมรม กลุ่ม อาสาสมัคร องค์กรชุมชน เครือข่าย ศูนย์ กองทุน/กองบุญ และ ประชาชนในพ้ืนท่ี ๖) โครงการ/กจิ กรรม ๗) กองทุน/กองบุญ ๘) ระเบยี บ/ข้อบงั คบั ของชมรม กลุ่ม อาสาสมคั ร องค์กรชุมชน เครือขา่ ย ศูนย์ กองทุน/กองบญุ โดยมีกลไกจากภายนอกท้องถน่ิ ให้การสนับสนุน ได้แก่ ภาครัฐ และเอกชน ปัจจัยความสาเร็จ จากการศึกษาปัจจัยความสาเร็จของเทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จังหวัดอานาจเจริญ ประกอบดว้ ยปัจจยั ดังต่อไปน้ี “คน” หรือ “ผู้นา” ได้แก่ ผู้บริหารเทศบาล ผู้นาท้องที่ ผู้นาชุมชน/กลุ่ม/ชมรม/ศูนย์/อาสาสมัคร/ กองทุน คณะกรรมการ พนักงาน/เจ้าหน้าท่ี ตลอดจนสมาชิกของกลุ่ม/ชมรม/ศูนย์/อาสาสมัคร กล่าวคือ ผู้นาต้องเป็นคนดี ผู้นาชุมชนมีความเข้มแข็ง เสียสละ มีจิตอาสา มีความซ่ือสัตย์ มีคุณธรรมและจริยธรรม คณะกรรมการร่วมมือและช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน เจ้าหน้าที่มีความรู้ความสามารถตลอดจนเข้ามามีส่วน ร่วมกบั การดาเนนิ งาน อาสาสมัครมีจิตอาสา รักงานบริการ ทัง้ หมดนม้ี าจากการประสานความรว่ มมือและการ ทางานเป็นทีม แต่การได้มาซงึ่ คนหรอื ผู้นาทีด่ ีจะมาจากการเลือกผทู้ ่ีเป็นทย่ี อมรับและมาจากทกุ ภาคสว่ น “การบริหารจัดการ” โดยสิ่งสาคัญประการแรกคือผู้ท่ีใช้อานาจในการบริหารจัดการซ่ึงประกอบ ไปด้วย ๒ ส่วน คือ ส่วนท่ี ๑ ผู้บริหารเทศบาล ผู้นาท้องท่ีท่ีมีอานาจทางกฎหมายในการบริหารจัดอยู่แล้ว ส่วนที่ ๒ คือ คณะกรรมการเป็นกาลังหลักในการบริหารจัดการ โดยอาศัยกฎระเบียบข้อบังคับที่ได้กาหนด ขึ้นมาจากการมีส่วนร่วมของสมาชิก ทั้งสองส่วนนี้ต้องอาศัยการสื่อสาร การชี้แจง การประชุมอยู่เป็น ประจา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ประสานความร่วมมือ กาหนดรูปแบบการปฏิบัติให้เกิดความชัดเจน ใหส้ ามารถดาเนินกจิ กรรมรว่ มกันได้ โดยมกี ารกาหนดวิสัยทศั นแ์ ละค่านยิ มรว่ มกัน นอกจากนย้ี ังมกี ารบริหาร จัดการให้มีการเช่ือมโยงการทางานกับเครือข่ายและประสานความร่วมมืออย่างเป็นระบบไม่ว่าจะ เป็นการ มีนโยบาย/เป้าหมาย/ยุทธศาสตร์/แผนงาน/โครงการที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการ การบูรณาการ การประสานความร่วมมือ การเช่ือมโยงทุนทางสังคม และการสื่อสารในทุกระดับ ที่สาคัญท่ีสุดคือ การสร้าง การมีส่วนร่วมกบั ทุกภาคสว่ น โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สานักงานสง่ เสริมและสนับสนุนวิชาการ ๗ ทม่ี กี ารจัดสวัสดิการสังคมครอบคลุมตามกลุม่ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๒๐ “ทุน” จากการศึกษาพบว่าสามารถแบง่ “ทุน” ออกเป็น ๒ นัย คือ (๑) ทุนทางสังคม และ (๒) ทุนใน แง่ของ “เงิน” ท้ังเงินท่ีเป็นงบประมาณและเงินที่มาจากกองทุนต่าง ๆ สาหรับในแง่ของทุนทางสังคมจะพบว่า ทนุ ทางสงั คมที่ดี คือ ผ้นู าดมี ีความเข้มแขง็ คณะกรรมการมคี วามเสียสละ สมาชกิ มคี วามสามัคคแี ละให้ความ ร่วมมือ มีการร่วมกลุ่มร่วมแรงร่วมใจ ประกอบกับสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยังมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ เอื้อต่อการ “ให้” แก่กลุ่มเป้าหมาย สาหรับคาว่าทุนในแง่ของ “เงิน” จะพบว่าในส่วนของเทศบาลน้ันมี งบประมาณในการบริหารจัดการและสามารถดาเนินการจัดสวัสดิการได้ในระดับหนึ่ง ในส่วนของภาคประชา สังคมในแง่ของเงินทุนท่ีมาไม่ว่าจะได้มาจากภาครัฐหรือภาคประชาสังคมเอง จะเห็นได้ว่ามีจานวนน้อยในระยะ เร่ิมแรกของการดาเนินการทาให้จัดสวัสดิการได้เพียงเล็กน้อย แต่ต่อมาเม่ือมีการระดมทุนทั้งจากสมาชิก ภาครัฐ และภาคีเครือขา่ ยตา่ ง ๆ ก็สามารถจัดสวัสดิการใหม้ ีความหลากหลายและครอบคลุมมากข้นึ ตามลาดับ ปัญหาและอปุ สรรค สามารถแยกเป็นส่วน ๆ ทีส่ าคญั ไดแ้ ก่ ๑) ความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมและ ทางวัฒนธรรม การเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งผลต่อการกาหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ คนในชุมชน ๒) กฎหมาย ส่วนใหญ่ท่ีพบจะเป็นเรือ่ งกฎหมายหรือระเบยี บไม่เอื้อต่อการดาเนินการและไม่ยืดหยนุ่ มักพบกรณีที่เม่ือมีการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณจะถูกทวงติงเรื่องการสวัสดิการสั งคมไม่ใช่บทบาท หน้าที่ของเทศบาล และถูกมองว่าเป็นความซ้าซ้อนในการให้บริการ เนื่องจากมีหน่วยงานอ่ืนท่ีให้บริการ ในเร่ืองดงั กล่าวอยู่แล้ว ทาให้เทศบาลไมส่ ามารถจดั สวสั ดิการได้ตามความต้องการเทา่ ท่คี วร ๓) ประชาชนหรือสมาชิกบางส่วนขาดการมีส่วนร่วมอันเน่ืองมาจากผลกระทบจากต้องทางานและ ไม่มีเวลาว่างพอเพ่ือเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน นอกจากน้ียังมีประชาชนหรือกลุ่มเป้าหมายบางส่วนมองว่า อาจเกิดการเลือกปฏิบัติหรือเกิดความไม่เชื่อมั่นหรือไม่เห็นความสาคัญจึงทาให้ไม่เข้าร่วมในโคร งการหรือ กิจกรรมทีท่ างเทศบาล ทางภาครฐั หรือภาคประชาสงั คมจดั ขนึ้ ขอ้ เสนอแนะ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างจิตสานึก การเสียสละ ให้คนในชุมชนมีจิตอาสาเพ่ือช่วยเหลือแก่ กลุ่มเป้าหมายตลอดจนประชาชนในพ้ืนที่ ร่วมกันเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นา ท้องที่ ผู้นาชุมชน/กลุ่ม/ชมรม/ศูนย์/อาสาสมัคร/กองทุน คณะกรรมการ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ ผ่านกระบวนการชี้แจง ทาความเข้าใจ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ การศึกษาดู รวมท้งั ดึงเด็กและเยาวชนเขา้ มาเปน็ พลงั ทางสังคมและสร้าง ใหเ้ ปน็ ผนู้ าการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการตอ่ ยอดและถ่ายทอดจากร่นุ สูร่ นุ่ ดว้ ย ภาครัฐควรส่งเสริม เพ่ิม และขยายโอกาสการเข้าถึงสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น ครอบคลุม ต่อเน่ืองในทุก พนื้ ท่ี รวมไปถึงการปรับปรุงกฎหมายให้เอ้อื และยืดหยุ่นในการจัดสวัสดิการให้แก่ผู้รบั บรกิ าร โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ สานกั งานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๗ ท่ีมีการจัดสวสั ดิการสังคมครอบคลุมตามกลมุ่ เป้าหมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๒๑ บทส่งท้าย (ภาคผนวก) โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น สานักงานส่งเสรมิ และสนบั สนุนวิชาการ ๗ ทม่ี กี ารจดั สวัสดกิ ารสังคมครอบคลุมตามกลุ่มเปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๒๒ ภาพกจิ กรรม การถอดบทเรียนความสาเร็จขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่ีมกี ารจดั สวัสดกิ ารสงั คมครอบคลมุ ตามกลมุ่ เป้าหมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร) เทศบาลตาบลเปือย อาเภอลืออานาจ จงั หวดั อานาจเจรญิ โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน สานกั งานส่งเสรมิ และสนบั สนนุ วิชาการ ๗ ท่มี ีการจดั สวสั ดิการสงั คมครอบคลุมตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ดน่ (อปท.ครบวงจร)
๒๓ โครงการถอดบทเรยี นความสาเร็จขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน สานักงานสง่ เสริมและสนบั สนุนวิชาการ ๗ ทมี่ กี ารจัดสวัสดิการสงั คมครอบคลุมตามกลมุ่ เปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
๒๔ ทป่ี รกึ ษา นายธารง ธวัชวะชมุ ผ้อู านวยการสานกั งานส่งเสริมและสนับสนุนวชิ าการ ๗ คณะทางาน ๑. นายเหมง้ บตุ รกลุ นักพฒั นาสงั คมชานาญการพเิ ศษ ๒. นายชาญ มีคา นักพฒั นาสงั คมชานาญการพิเศษ ๓. นายอศุ เรน ภตู ะลนุ พนักงานระบบคอมพิวเตอร์ ๔. นายคชาวธุ บุตรกลุ พนกั งานบริการ ๕. นายรขิ ติ ร์ มรษิ า เจ้าหนา้ ทส่ี ารวจรังวดั โครงการถอดบทเรยี นความสาเรจ็ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน สานกั งานส่งเสริมและสนับสนนุ วิชาการ ๗ ทม่ี กี ารจัดสวัสดิการสงั คมครอบคลุมตามกลุ่มเปา้ หมายและดเี ด่น (อปท.ครบวงจร)
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: