วนั อาสาฬหบชู า ขึ้ น ๑ ๕ คำ่ เ ดื อ น ๘
วันอาสาฬหบูชา วันอำสำฬหบูชำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ นับเป็นวันทีส่ำคัญในประวัติศำสตร์แห่งพระพุทธศำสนำ คือวันทีพระพุทธองค์ ทรงแสดงธรรมเทศนำหรือหลักธรรมทีทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ท้ัง ๕ ณ มฤคทำยวัน ต่ำบลอิสิปตนะ เมืองพำรำณสี ในชมพูทวีปสมัยโบรำณซึงปัจจุบันต้ังอยู่ในประเทศอินเดีย ด้วยพระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็น ธรรมรำชำ ก็ทรงบันลอื ธรรมเภรียังล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้ำ เริมต้นแผ่ขยำยอำณำจักรแห่งธรรม น่ำควำมร่มเย็น และควำมสงบสุขมำใหแ้ กห่ มปู่ ระชำ ดงั นั้น ธรรมเทศนำทีทรงแสดงครัง้ แรกจึงได้ชือว่ำ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แปลว่ำ พระสูตรแหง่ กำรหมุนวงลอ้ ธรรม หรือพระสูตรแห่งกำรแผ่ขยำยธรรมจกั ร กลำ่ วคือดินแดนแหง่ ธรรม เมือ ๒๕๐๐ กว่ำปีมำแล้วนั้นชมพูทวีปในสมัยโบรำณ ก่ำลังย่ำงเข้ำสู่ยุคใหม่แห่งควำมเจริญก้ำวหน้ำ รุ่งเรืองเฟ่ืองฟูทุกด้ำนและมีคนหลำยประเภทท้ังชนผู้มังคังร่ำรวย นักบวชทีพัฒนำควำมเชือและ ข้อปฏิบัติทำงศำสนำ เพอื ใหผ้ ู้ร่ำรวยไดป้ ระกอบพิธกรรมแก่ตนเตม็ ที ผู้เบอื หน่ำยชีวิตทวี นเวยี น ในอำ่ นำจและโภคสมบตั ทิ อี อกบวช หรอื บำง พวกก็แสวงหำค่ำตอบทีเป็นทำงรอกพ้นด้วยกำรคิดปรัชญำต่ำง ๆ เกียวกับเรืองทีเหลือวิสัยและไม่อำจพิสูจน์ได้บ้ำง พระพุทธเจ้ำจึงทรงอุบัติในสภำพเช่นนี้ และด่ำเนินชีพเช่นน้ีด้วยแต่เมือทรงพบว่ำสิงทีเกิดข้ึนในตอนน้ันขำดแก่นสำน ไมเ่ ป็นประโยชนอ์ ยำ่ งแท้จริง แก่ตนเองและผ้อู นื จึงทรงคิดหำวธิ ีแกไ้ ขด้วยกำรทดลองต่ำง ๆ โดยละท้งิ รำชสมบัติ และ อิสริยศแล้วออกผนวช บ่ำเพ็ญตนนำนถึง ๖ ปี ก็ไม่อำจพบทำงแก้ได้ ต่อมำจึงได้ทำงค้นพบ มัชฌิมำปฏิปทำ หรือทำง สำยกลำง เมือทรงปฏิบัติตำมมรรคำนี้ก็ได้ค้นพบสัจธรรมทีน่ำคุณค่ำ แท้จริงมำสู่ชีวิต อันเรียกว่ำ อริยสัจ ๔ ประกำร ในวนั เพ็ญเดือน ๖ กอ่ นพทุ ธศก ๔๔ ปี ทเี รียกวำ่ กำรตรัสรูเ้ ปน็ พระพทุ ธเจำ้ จำกน้นั ทรงงำนประกำศศำสนำโดยทรง ด่ำรหิ ำทำงทไี ดผ้ ลดีและรวดเร็ว คือ เรมิ สอนแก่ผูม้ ีพ้ืนฐำนภูมิปัญญำดีทีรู้แจ้งค่ำสอนได้อย่ำงรวดเร็วและสำมำรถน่ำไป ชแ้ี จงอธบิ ำย ให้ผู้อืนเข้ำมำได้อย่ำงกว้ำงขวำง จึงมุ่งไปพบนักบวช ๕ รูป หรือเบญจวัคคีย์ และได้แสดงธรรม เทศนำ เป็นครั้งแรกในวันเพ็ญ เดือน ๘
ใจความสาคญั ของ ในกำรแสดงแสดงปฐมเทศนำคร้ังแรกของพระพุทธเจำ้ ทรงแสดงหลกั ธรรมสำ่ คญั ๒ ประกำรคอื ปฐมเทศนา ก. มัชฌิมำปฏิปทำหรือทำงสำยกลำง เป็นข้อปฏิบัติทีเป็นกลำง ๆ ถูกต้องและเหมำะสมทีจะให้บรรลุถึงจุดหมำยได้ มิใช่กำรด่ำเนิน ชีวติ ทีเอยี งสุด ๒ อยำ่ ง หรืออย่ำงหนงึ อย่ำงใด คือ ๑. กำรหมกหมุ่นในควำมสุขทำงกำย มัวเมำในรูป รส กลิน เสียง รวมควำมเรียกว่ำ เป็นกำรหลงเพลิดเพลิน หมกหมุ่นในกำมสุข หรือ กำมสุขัลลิกำนุโยค ๒. กำรสร้ำงควำมลำ่ บำกแกต่ นดำ่ เนินชวี ติ อยำ่ งเลอื นลอย เชน่ บำ่ เพ็ญตบะกำรทรมำนตน คอยพึงอ่ำนำจสิงศักดิ์สิทธ์ิ เป็นตน้ กำรดำ่ เนนิ ชีวติ แบบทกี ่อควำมทุกขใ์ หต้ นเหนือยแรงกำย แรงสมอง แรงควำมคิด รวมเรยี กวำ่ อัตตกลิ มถำนุโยค ดังน้ันเพือละเว้นห่ำงจำกกำรปฏิบัติทำงสุดเหล่ำน้ี ต้องใช้ทำงสำยกลำง ซึงเป็นกำรด่ำเนินชีวิตด้วยปัญญำ โดยมีหลักปฏิบัติเป็น องคป์ ระกอบ ๘ ประกำร เรยี กว่ำ อริยอฏั ฐงั คกิ มคั ค์ หรือ มรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ ๑. สมั มำทิฏฐิ เหน็ ชอบ คอื ร้เู ขำ้ ใจถกู ตอ้ ง เหน็ ตำมทเี ป็นจรงิ ๒. สัมมำสงั กปั ปะ ดำ่ รชิ อบ คอื คิดสจุ ริตต้งั ใจทำ่ สิงทดี งี ำม ๓. สมั มำวำจำ เจรจำชอบ คอื กล่ำวคำ่ สจุ ริต ๔. สัมมำกัมมันตะ กระทำ่ ชอบ คือ ท่ำกำรทีสุจริต ๕. สมั มำอำชวี ะ อำชพี ชอบ คือ ประกอบสัมมำชพี หรอื อำชีพทสี จุ รติ ๖. สมั มำวำยำมะ พยำยำมชอบ คือ เพยี รละชวั บำ่ เพ็ญดี ๗. สัมมำสติ ระลึกชอบ คือ ทำ่ กำรด้วยจติ สำ่ นกึ เสมอ ไม่เผลอพลำด ๘. สมั มำสมำธิ ต้ังจติ มันชอบ คอื คุมจติ ให้แนว่ แน่มันคงไม่ฟุ้งซำ่ น
ใจความสาคญั ของ ข. อรยิ สจั ๔ แปลวำ่ ควำมจรงิ อนั ประเสริฐของอริยะ ซงึ คอื บคุ คลทีห่ำงไกลจำกกเิ ลส ได้แก่ ปฐมเทศนา ๑. ทุกข์ ได้แก่ ปญั หำทง้ั หลำยทีเกิดข้ึนกับมนุษย์ บุคคลต้องก่ำหนดรู้ให้เท่ำทันตำมควำมเป็นจริงว่ำมันคืออะไร ต้องยอมรับรูก้ ลำ้ สู้หนำ้ ปัญหำ กล้ำเผชิญควำมจริง ต้องเข้ำใจในสภำวะโลกว่ำทุกสิงไม่เทียง มีกำรเปลียนแปลงไปเป็นอย่ำง อืน ไมย่ ดึ ติด ๒. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสำเหตุของปัญหำ ตัวกำรส่ำคัญของทุกข์ คือ ตัณหำหรือเส้นเชือกแห่ง ควำมอยำกซึงสมั พนั ธก์ ับปจั จยั อนื ๆ ๓. นิโรธ ไดแ้ ก่ ควำมดบั ทุกข์ เรมิ ด้วยชวี ิตทอี สิ ระ อยอู่ ยำ่ งร้เู ท่ำทันโลกและชวี ิต ด่ำเนินชวี ิตด้วยกำรใช้ปญั ญำ ๔. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธแี ห้งกำรแกป้ ญั หำ อนั ได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ ประกำรดงั กลำ่ วขำ้ งต้น ผลจากการแสดงปฐมเทศนา เมอื พระพทุ ธเจ้ำทรงแสดงธรรมแลว้ ปรำกฏว่ำโกณฑัญญะผ้เู ปน็ หัวหนำ้ เบญจวคั คีย์ไดเ้ กดิ เข้ำใจธรรม เรยี กว่ำ เกดิ ดวงตำแห่งธรรมหรอื ธรรมจักษุ บรรลุเปน็ โสดำบัน จงึ ทูลขอบรรพชำและถือเปน็ พระภกิ ษสุ ำวก รูปแรกในพระพุทธศำสนำ มชี อื วำ่ อัญญำโกณฑญั ญะ
ความหมายของอาสาฬหบชู า “อำสำฬหบูชำ” (อำ-สำน-หะ-บู-ชำ/อำ-สำน-ละ-หะ-บู-ชำ) ประกอบด้วยค่ำ ๒ ค่ำ คือ อำสำฬห (เดือน ๘ ทำง จันทรคติ) กับบูชำ (กำรบูชำ) เมือรวมกันจึงแปลว่ำ กำรบูชำในเดือน ๘ หรือกำรบูชำเพือระลึกถึงเหตุกำรณ์ส่ำคัญใน เดือน ๘ หรือเรียกให้เต็มว่ำ อำสำฬหบูรณมีบูชำ โดยสรุป วันอำสำฬหบูชำ แปลว่ำ กำรบูชำในวันเพ็ญ เดือน ๘ หรือ กำรบูชำเพือระลกึ ถึงเหตุกำรณส์ ่ำคญั ในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ ๑. เปน็ วันทพี ระพุทธเจำ้ ทรงแสดงปฐมเทศนำ ๒. เป็นวนั ทีพระพุทธเจำ้ เรมิ ประกำศพระศำสนำ ๓. เป็นวันทีเกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือกำรทีท่ำนโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรม เป็นพระโสดำบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่ำนแรก ในอรยิ สงฆ์ ๔. เป็นวันทีเกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศำสนำ คือ กำรทีท่ำนโกณฑัญญะขอบรรพชำและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลงั จำกฟังปฐมเทศนำและบรรลธุ รรมแล้ว ๕. เป็นวันทีพระพุทธเจ้ำทรงได้ปฐมสำวกคือ กำรทีท่ำนโกณฑัญญะน้ัน ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็น สำวกรูปแรกของพระพุทธเจำ้ เมือเปรียบกับวันส่ำคัญอืน ๆ ในพระพุทธศำสนำ บำงทีเรียกวันอำสำฬหบูชำ นี้ว่ำ วันพระสงฆ์ (คือวันทีเริมเกิดมี พระสงฆ)์ พิธกี รรมทกี ระทำ่ ในวนั นี้ โดยทัวไป คอื ทำ่ บญุ ตกั บำตร รกั ษำศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนำ (ธัมมจักกัปปวัตตน สูตร) และสวดมนต์ ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่ำ พุทธศำสนิกชนควรได้รับประโยชน์ ทีเป็นสำระส่ำคัญจำกอำสำฬหบูชำ กล่ำวคือ ควร ทบทวนระลกึ เตือนใจสำ่ รวจตนว่ำ ชวี ิตเรำได้เจริญงอกงำมข้ึนด้วยควำมเป็นอยู่อย่ำงผู้รู้เท่ำทันโลกและชีวิตนี้บ้ำงแล้วเพียงใด เรำยัง ดำ่ เนนิ ชีวติ อย่อู ย่ำงลมุ่ หลงมวั เมำ หรือมจี ติ ใจอิสระปลอดโปรง่ ผ่องใสบ้ำงแล้วเพยี งใด
อา้ งองิ จาก มหำวิทยำลยั มหำมกุฏรำชวทิ ยำลัยวิทยำเขตศรีลำ้ นชำ้ ง. (ม.ป.ป.). วนั อำสำฬหบูชำ. https://web.mbuslc.ac.th/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b 8%ac%e0%b8%ab%e0%b8%9a%e0%b8%b9%e0%b8%8a%e0%b8%b2/
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: