การศึกษาการถ่ายภาพในสตูดโิ อ ศุภกติ ต์ิ สุขอนันต์ กล่มุ 8 รหัสนักศึกษา 116320801013-7 พงศกร ศรีกมิ แก้ว กล่มุ 8 รหัสนักศึกษา 116320801017-8 อภินนั ท์ แซ่เตีย กล่มุ 8 รหสั นักศึกษา 116320801019-4 รายงานนเี้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าการค้นคว้าและการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ ภาควชิ าถ่ายภาพและภาพยนตร์ คณะเทคโนโลยสี ่ือสารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564
การศึกษาการถ่ายภาพในสตูดโิ อ ศุภกติ ต์ิ สุขอนันต์ กล่มุ 8 รหัสนักศึกษา 116320801013-7 พงศกร ศรีกมิ แก้ว กล่มุ 8 รหัสนักศึกษา 116320801017-8 อภินนั ท์ แซ่เตีย กล่มุ 8 รหสั นักศึกษา 116320801019-4 รายงานนเี้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าการค้นคว้าและการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ ภาควชิ าถ่ายภาพและภาพยนตร์ คณะเทคโนโลยสี ่ือสารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564
ก คานา รายงานฉบบั น้ีจดั ทาข้ึนเพอื่ ปฎิบตั ิการเขียนรายงานการคน้ ควา้ ท่ีถูกตอ้ งอยา่ งเป็นระบบ อนั เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษารายวิชา 01-210-017 การคน้ ควา้ และการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ ซ่ึงจะ นาไปใชใ้ นการทารายงานคน้ ควา้ สาหรับรายวชิ าอ่ืนไดอ้ ีกต่อไป การท่ีผจู้ ดั ทาเลือกทาเร่ือง “การศึกษาการถ่ายภาพในสตู” ซ่ึงเป็นเน้ือหาที่อธิบายใหเ้ ขา้ ใจถึงเร่ืองหลกั การทางานของการ ถา่ ยภาพในสตซู ่ึงมีความสอดคลอ้ งกบั วิชาถา่ ยภาพภาพยนตร์และยงั สามารถนาความรู้ที่ไดไ้ ปใชใ้ ห้ เกิดประโยชนแ์ ก่ตนเองและรุ่นนอ้ งไดอ้ ีกดว้ ยดงั น้นั จึงมีความจาเป็นอยา่ งมากท่ีจะตอ้ งนาเสนอ ความรู้ความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งเก่ียวกบั หลกั การทางานในสตู รายงานเล่มน้ีกล่าวถึงเน้ือหาเก่ียวกบั การศึกษาการถ่ายภาพในสตู องคป์ ระกอบของ อปุ กรณ์ในสตู เหมาะสาหรับผทู้ ี่ตอ้ งการรับรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การศึกษาการถ่ายภาพในสตูท่ี ถูกตอ้ งและทราบองคป์ ระกอบของสตูดิโอ ศุภกิตต์ิ สุขอนนั ต์ พงศกร ศรีกิมแกว้ อภินนั ท์ แซ่เตีย 14 มีนาคม 2565
ข สารบญั หน้า คานา..................................................................................................................................................ก สารบญั ภาพประกอบ.........................................................................................................................ง บทท่ี 1บทนา...............................................................................................................................................1 1.1 การวางแผนการถ่ายภาพแฟชน่ั ...............................................................................................1 1.2 เทคนิคฝึกถา่ ยภาพแฟชน่ั .........................................................................................................3 1.3 วธิ ีการใชโ้ หมดกลอ้ งแต่ละโหมดใหถ้ ูกตอ้ ง ...........................................................................7 2 การจดั แสงในสตูดิโอ ...................................................................................................................11 2.1 การจดั ไฟถ่ายภาพในสตดู ิโอ.................................................................................................11 2.1.1 คุณสมบตั ิของแสง..........................................................................................................11 2.2 แสง........................................................................................................................................13 2.3 อปุ กรณ์ถ่ายภาพในสตูดิโอ....................................................................................................15 2.4 การจดั ไฟถา่ ยภาพบุคคลในสตูดิโอ.......................................................................................20 3 เทคนิคการจดั แสง.........................................................................................................................25 3.1 เทคนิคการจดั แสง .................................................................................................................25 3.1.1 การใชแ้ สงธรรมชาติ ......................................................................................................25 3.1.2 การใชแ้ ผน่ ธรรมชาติ และ Reflector...............................................................................25 3.1.3 One-point lighting – การจดั แสงแบบ 1 จุด....................................................................27 3.1.4 Two-point lighting - การจดั แสงแบบ 2 จุด....................................................................27 3.1.5 Three point Lighting - การจดั แสงแบบ 3 จุด.................................................................28
ค สารบัญ (ต่อ) หน้า 3.2 ข้นั ตอนการจดั แสง.................................................................................................................28
ง สารบัญภาพประกอบ ภาพที่ หนา้ 1ถ่ายแบบ………………………………………………………………………………………1 2อุปกรณ์เลนส์………………………………………………………………………………....2 3 ฝึกถา่ ยภาพ……………………………………………………………………………………3 4 ภาพถา่ ยแบบ………………………………………………………………………………….4 5 ถา่ ยแบบส่ืออารมณ์…………………………………………………………………………...5 6 ภาพการจดั แสง……………………………………………………………………………….6 7 ภาพถ่ายท่าโพส…………………………….…………………………………………………6 8 ความเขม้ และความเปรียบต่างของแสง……………………………………………………....13 9 ความเปรียบต่างสูง…………………………………………………………………...............14 10 ความเปรียบต่างต่า………………………………………………………………………….14 11 ขาต้งั กลอ้ ง………………………………………………………………………………….15 12 โคมสะทอ้ นแสง……………………………………………………………………............16 13 เครื่องวดั แสงแฟลช………………………………………………………………………...17 14 สตูดิโอถา่ ยภาพ พรีเวดดิ้ง………………………………………………………………….20 15 Key light…………………………………………………………………………………...22 16 Fill light……………………………………………………………………………………23 17 back light…………………………………………………………………………………..23 18 Background light…………………………………………………………………………..24
จ สารบัญภาพประกอบ (ต่อ) 19 เทคนิคการจดั แสง One-point lighting…………………………………………………….26 20 เทคนิคการจดั แสง Two-point lighting …………………………………………………..27 21 เทคนิคการจดั แสง Three point Lighting………………………………………………….28
บทที่1 บทนา การถ่ายภาพแฟช่ันมีมาต้ังแต่ยุคแรก ๆ ของการถ่ายภาพ ปัจจุบันการถ่ายภาพแฟชั่น กลายเป็นสิ่งที่ไดร้ ับความนิยมในสงั คมโดยเฉพาะแฟชน่ั ไอคอนใหม่ ๆ และกระแสแฟชนั่ ที่เกิดข้ึน ในปี 1856 ดอล์ฟเบราน์ตีพิมพห์ นังสือท่ีมี 288 รูปถ่ายของเวอร์จิเนีย Oldoini เคาดิ Castiglione เป็ นทสั คานีคุณหญิงในราชสานักของพระเจา้ นโปเลียนที่สาม ภาพถ่ายแสดงให้เห็นเธอในชุด ประจาศาลของเธอทาใหเ้ ธอเป็นนางแบบแฟชนั่ คนแรก 1.1 การวางแผนการถ่ายภาพแฟชั่น 1. มีสไตลท์ ี่เหมาะสม ภาพที่ 1 ภาพถ่ายแบบ(อเลก็ ซานเดอร์ สเตเกอร์, ม.ป.ป : ออนไลน)์ การถ่ายภาพแฟชน่ั เป็นงานที่เนน้ การนาเสนอเส้ือผา้ และเคร่ืองประดบั แฟชน่ั Nigel Seow นกั ออกแบบแฟชน่ั เนน้ ย้าว่าการแต่งกายท่ีลงตวั ดูดีคือหวั ใจสาคญั ของความโดดเด่นในนิตยสาร คุณตอ้ งคิดอย่างสร้างสรรค์ และออกจากกรอบเดิม ๆ แมจ้ ะเป็ นแค่การถ่ายแฟชน่ั ธรรมดา ตอ้ งมี องคป์ ระกอบภาพที่แสดงอารมณ์และบอกเลา่ เร่ืองราว
2 2. ทาสิ่งที่แตกต่าง บนรันเวยแ์ ฟชน่ั การถ่ายภาพจากมุมเดิม ๆ ทาใหด้ ูน่าเบื่อ Milton Tan ช่างภาพแฟชน่ั เชื่อ ในสิ่งใหม่อยู่เสมอ โดยลองถ่ายภาพด้วยมุมมองและเทคนิคท่ีต่างออกไป สิ่งน้ียงั ช่วยสร้าง ภาพลกั ษณ์ของแบรนดใ์ หด้ ีข้ึนอีกดว้ ย 3. ช่างภาพทุกคนถา่ ยภาพได้ แต่ช่างภาพท่ีดีจะถา่ ยทอดจุดเด่นอยา่ งชาญฉลาด ชุดภาพถ่ายแฟชนั่ ตอ้ งการความสอดประสานกนั ของรูปลกั ษณ์ การส่ืออารมณ์ และท่าทาง น่ีเป็ นการรับประกนั ว่าภาพลกั ษณ์แบรนด์จะเป็ นท่ีน่าจดจาและมีสไตล์เฉพาะตวั ช่างภาพที่ดีจะ ถ่ายทอดภาพออกมาได้โดยคงเอกลกั ษณ์ไวด้ ังเดิม แม้ว่านางแบบนายแบบหรือสถานที่จะไม่ เหมือนเดิม 4. ใชอ้ ปุ กรณ์ที่เหมาะสม ภาพที่ 2 อปุ กรณ์เลนส์ (โยชูวา ซามารมณ์, ม.ป.ป : ออนไลน)์ หากว่ากนั ตามเทคนิค ช่างภาพมืออาชีพหลายคนเห็นดว้ ยว่าการถ่ายภาพคนควรถ่ายดว้ ย เลนส์อยา่ งนอ้ ย 80 มม. หรือมากกว่า เพราะจะบีบอดั มุมมองและทาให้นางแบบนายแบบเด่นกว่า ฉากหลงั นางแบบนายแบบจะดูโฉบเฉ่ียวมากข้ึน โดยเฉพาะการถ่ายระยะใกล้ ท้งั น้ีข้ึนอย่กู บั สิ่งท่ี คุณหรือแบรนด์ตอ้ งการจะส่ือ อุปกรณ์จาเป็ นอ่ืน ๆ ท้งั แฟลชยิงแบบหลายคร้ัง แผ่นสะทอ้ นแสง หรือสถานที่ธรรมดาที่มีแสงธรรมชาติดีเยยี่ ม
3 5. ฝึกสร้างประสบการณ์การถ่ายภาพ ภาพท่ี 3 ฝึกถา่ ยภาพ(โยชูวา ซามารมณ์, ม.ป.ป : ออนไลน)์ แมจ้ ะเป็นความคิดเก่า ๆ แต่ยงั คงเป็นเร่ืองจริงสาหรับการถ่ายภาพทวั่ ๆ ไป ช่างภาพแฟชน่ั ตอ้ งมีมากกว่าทกั ษะทางเทคนิค เขาตอ้ งประสานงานเป็ นทีม ซ่ึงรวมถึงนักออกแบบแฟชนั่ ช่าง แต่งหนา้ นางแบบนายแบบ และแมแ้ ต่บริษทั โฆษณา แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย ๆ ที่คน ๆ หน่ึงได้ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ความรู้ที่เป็ นเลิศดา้ นอุตสาหกรรมก็จาเป็ นเช่นกนั การติดตามกระแส แฟชน่ั ในปัจจุบนั จึงเป็นสิ่งสาคญั มาก การถ่ายภาพแฟชน่ั ดูเหมือนจะเป็นเรื่องท่ีดูใหส้ วยงามเเค่น้นั เเต่จริง ๆ เเลว้ เป็น เรื่องท่ีวา่ ดว้ ยตวั คอนเซ็ปตเ์ เละการเล่าเร่ือง เช่น จะบอกอะไรส่ือถึงอะไร หรืออยากจะให้ ผชู้ มทาอะไร ดงั น้นั นอกจากจะเป็นเทคนิคการต้งั ค่าการถ่ายภาพแลว้ งานหนกั กค็ ือการ วางเเผนเเละการเตรียมความพร้อมสาหรับการถ่ายภาพ 1.2 เทคนิคฝึ กถ่ายภาพแฟชั่น 1. วางคอนเซ็ปต์ เรื่องราว วา่ อยากจะถา่ ยภาพอะไร ถา่ ยใหไ้ ดเ้ เบบไหน เพอ่ื เอาไปทาอะไร เพราะการวางเเผนจะช่วยให้รู้ว่า คอนเซ็ปตง์ านคืออะไร จะตอ้ งเตรียยมอะไรบา้ ง ช่วยเรื่อง สไตล์ ทรงผม การเเต่งหนา้ เเละการหาตวั เเบบตามมา เช่น กาหนดคอนเซ็ปตซ์ มั เมอร์ ตอ้ งส่ือสารอยา่ งไร
4 ให้ออกมาเป็ นช่วงฤดูร้อน สีสัน รูปแบบเน้ือผา้ การเเต่งหนา้ ทาผม องคป์ ระกอบในภาพ ให้รู้เเละ เขา้ ใจวา่ กาลงั พดู ถึงช่วงฤดูร้อนท่ีเเสนสดในอยนู่ นั่ เอง 2. ควรมี fashion stylist กบั makeup artists ช่วยดูเรื่องความสวยงาม คนที่ถ่ายภาพเองอาจจะไม่สามารถจะส่ือสาร เเละออกเเบบเส้ือผา้ ทรงผม การเเต่งหนา้ ได้ ชดั เจนเท่ากบั fashion stylist กบั makeup artists เพราะการที่จะส่ือสารกบั คนดู ก็ตอ้ งเขา้ ใจคนดูว่า ตอ้ งการเห็นส่วนไหน เนน้ อะไรเป็ นพิเศษ รวมท้งั การนาเสนอภาพตอ้ งชดั เจน มองเเลว้ เขา้ ใจง่าย ไม่ว่าจะเป็ นเเนวแฟชน่ั สุดหรู ดูเเพง หรือเเบบไอเดียจดั ๆ ก็ตอ้ งอาศยั fashion stylist กบั makeup artists ดว้ ยกนั ท้งั น้นั 3. ตวั เเบบสาคญั หาตวั เเบบท่ีเหมาะกบั คอนเซ็ปตภ์ าพ ภาพที่ 4 ภาพถา่ ยแบบ (สุภกิจ สุขอนนั ท,์ ม.ป.ป : ออนไลน)์ การเลือกตวั เเบบเป็ นเรื่องสาคญั เพราะเเน่นอนวา่ ตวั เเบบจะตอ้ งทาหนา้ ท่ีสื่อสารโดยตรง กบั ผูช้ ม รูปร่างหนา้ ตา การมอง การใช้สายตา หรือการทาท่าโพส ลว้ นตอ้ งอาศยั การสื่อสารจาก ตวั เเบบท้งั น้ัน ดงั น้ันเลือกตวั เเบบให้เหมาะกบั การนาเสนอ เช่น การถ่ายแฟช่นั เส้ือผา้ รองเทา้ กระเป๋ า กต็ อ้ งมีตวั เเบบที่แตกต่างกนั ช่วงตวั ท่ียาว สาหรับการถ่ายเเฟชนั่ เส้ือผา้ หรือ ขายาว ขอ้ เทา้ ที่สวย เทา้ เรียวยาว เหมาะสาหรับการถ่ายแฟชนั่ ที่เห็นเรียวขา ตอ้ งเปิ ดปลายเทา้
5 4. เลือกสถานท่ีใหส้ ่ือสารตามคอนเซ็ปตง์ าน การถา่ ยภาพแฟชนั่ ทาไดท้ ้งั ถา่ ยนอกสถานท่ี หรืออาจจะถ่ายภาพในสตูดิโอ ซ่ึงการถา่ ยดา้ น นอกใชเ้ เสงธรรมชาติ เสริมดว้ ยเเสงไฟ ก็อาจจะเป็นงานถนดั ของช่างภาพที่ไม่ตอ้ งการจะจดั ระบบ ไฟในสตูดิโอ หรือการท่ีตอ้ งการให้ธรรมชาติเขา้ มาเป็นส่วนหน่ึงของภาพ หรือการถ่ายภาพที่ร้าน กาเเฟ สวนสวย ในการเลา่ เร่ืองตามคอนเซ็ปตท์ ี่ตอ้ งการ 5. อารมณ์ของตวั เเบบ เเละความรู้สึกท่ีอยากจะส่ือ ภาพที่ 5 ภาพถา่ ยแบบสื่ออารมณ์ (นฤบดี ศรีภกั ดี, 2565 : ออนไลน)์ นอกจากความสวยงามเเละองคป์ ระกอบภาพ อุปกรณ์ สถานท่ีเเลว้ การแสดงอารมณ์ของ ตวั เเบบก็มีผลต่อภาพ เเละการส่ือสารไปยงั คนดู ดา้ นเเฟชน่ั เส้ือผา้ ข้ึนอยกู่ บั วา่ จะใชก้ ารสื่อสารให้ คนดูรู้สึกอยา่ งไร เช่นหรูหรา หรือน่ารักสดใส การเเสดงออกทางหนา้ ตา หรือสายตาของตวั เเบบ จึง สาคญั
6 6. การจดั เเสง เเสงธรรมชาติ หรือเเสงในสตูดิโอ ภาพท่ี 6 ภาพการจดั แสง (ปัญธาณี , ม.ป.ป : ออนไลน)์ การจดั เเสงอาจจะเป็ นเร่ืองยุ่งยากนิดหน่อย เพราะตอ้ งคานึงถึงแหล่งกาเนิดเเสงเพื่อท่ีจะ ส่องเขา้ ไปท่ีตวั เเบบ ทิศทางของเเสง ความเขม้ ของเเสงก็เป็ นเร่ืองสาคญั ดังน้ันการจดั เเสงใน สตูดิโออาจจะตอ้ งใชค้ วามชานาญเรื่องเเสงดว้ ย 7. ท่าโพสของตวั เเบบ ภาพท่ี 7 ภาพถา่ ยท่าโพส (สุภกิจ สุขอนนั ท,์ ม.ป.ป : ออนไลน)์
7 การโพสท่ากต็ อ้ งดูเป็นเเนวเเฟชนั่ ลกั ษณะการโพสเเนวเเฟชนั่ จะไม่เหมือนการโพสท่าถ่าย Protrait ทวั่ ไป อาจจะต้องมีการเเสดงให้เห็นถึงลกั ษณะการใช้งานของเส้ือผา้ การมี movemet เพื่อให้เห็นดีไซน์ เเละลกั ษณะการใชง้ าน เน้ือผา้ เป็นตน้ ดงั น้นั การจดั ท่าทางจึงตอ้ งออกเเบบเเละ วางเเผน เพ่อื ใหด้ ูสวยงาม เเละแสดงออกถึงคอนเซ็ปตข์ องงานดว้ ยเช่นกนั 1.3 วธิ ีการใช้โหมดกล้องแต่ละโหมดให้ถูกต้อง 1. Auto Modes, โหมดอตั โนมตั ิ ,โหมด Auto โหมด Auto เป็นโหมดกลอ้ งที่จะสามารถถ่ายภาพไดเ้ ลย เพราะการคานวณทุกอยา่ งกลอ้ ง คิดให้ ซ่ึงหลายคนมกั จะคิดวา่ โหมดน้ีถ่ายภาพไดอ้ อกมาธรรมดา แต่แทจ้ ริงแลว้ ปัจจุบนั เทคโนโลยี ถูกพฒั นามาไกลมาก และเก็บปัญหารายละเอียดมาพฒั นาเพ่ือให้ Auto Mode น้ันมีประสิทธิภาพ ท่ีสุด ดงั น้นั โหมด Auto ไม่ไดด้ อ้ ยอยา่ งที่เราคิด 1.2 สถานะการณ์ที่เหมาะสมจะใชโ้ หมด Auto ไดท้ ้งั หมด เพียงแต่ว่าเราจะไดภ้ าพแบบมาตรฐานของตวั กลอ้ งท่ีคิดให้ เหมาะสาหรับ มือใหม่ท่ียงั ต้งั ค่าโหมดอื่นไม่เก่ง หรือยงั ไม่รู้จกั วิธีคิดของกลอ้ งในโหมดอ่ืน โหมดน้ีจะทาให้คน เลน่ ระดบั เร่ิมตน้ อ่นุ ใจวา่ ยงั มีโหมดที่ช่วยใหเ้ ขาถ่ายภาพไดด้ ี แมจ้ ะยงั ไม่ดีท่ีสุด 2. Mode P, โหมดโปรแกรม โหมดกลอ้ ง P หรือโหมดถ่ายภาพ Program เป็ นอีกโหมดท่ีมีการทางานคลา้ ยกับ Auto กลอ้ งจะคิดทุกอย่างให้แต่จะอนุญาตให้เราต้งั ค่าบางอย่างไดต้ ามใจ เช่น ISO (ค่าความไวแสง), White Balance (แสงสุมดุลสีขาว), ค่าชดเชยแสง หรือแมแ้ ต่โปรไฟล์สีของการถ่ายภาพ (Picture Style) 2.2สถานะการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด Program เหมือนกบั โหมด Auto ทุกอยา่ ง เพียงแต่ค่าท่ีเราปรับแต่งเพิ่มจะส่งผลต่อภาพท่ีออกมาดว้ ย เป็ นโหมดท่ีควรฝึ กใช้เพื่อเรียนรู้การทางานของกล้องก่อนจะเริ่มใช้โหมดท่ีเริ่มให้เราปรับได้
8 ยืดหยุ่นมากกว่าน้ี ถา้ เรารู้จกั กลอ้ งของเรามากข้ึน เราก็สามารถคุมภาพท่ีออกมาไดม้ ากข้ึนไปดว้ ย ครับ 3. โหมด Portrait, โหมดถา่ ยภาพบุคคล เม่ือเปลี่ยนเป็นโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล กลอ้ งจะเลือกรูรับแสงขนาดกวา้ ง สุดไวก้ ่อนเสมอ (F นอ้ ย รูรับแสงกวา้ ง) เพ่ือทาใหพ้ ้ืนหลงั มีการละลายมากที่สุด และถา้ เป็นกลอ้ งที่ ถูกออกแบบมาให้มีฟี เจอร์พิเศษที่จะมาเสริมความสามารถของโหมด Portrait กลอ้ งมกั จะนามาใช้ ดว้ ย เช่น หนา้ เนียน หรือวา่ ผวิ สวา่ งข้ึน 3.2สถานการณ์ท่ีเหมาะสมจะใชโ้ หมด Portrait เหมาะกบั ตอนที่ภาพบุคคลเป็นหลกั โดยท่ีกลอ้ งจะเลือกความเหมาะสมทุกอยา่ งใหต้ ามที่ กลอ้ งคิดไวใ้ ห้ 4. โหมด Landscape, โหมดทิวทศั น์ โหมดกล้องที่การคานวณจะตรงกันข้ามจากโหมด Portrait เพราะจะกาหนดให้กลอ้ ง ถ่ายภาพแบบชดั ท้งั ภาพ รูรับแสงที่ถูกต้งั ค่าจะเลก็ เพราะการถ่ายภาพทิวทศั น์จะเนน้ การชดั ท้งั ภาพ เป็นหลกั บางคร้ังกลอ้ งในโหมดน้ีจะมีความเร็วของชตั เตอร์ท่ีลดลง เพื่อใหใ้ ชร้ ูรับแสงที่แคบ, ISO ต่าท่ีสุด 4.2สถานการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด Landscape เมื่อไหร่ที่เราอยากจะถ่ายภาพวิว โหมดน้ีจะตอบโจทยม์ ือใหม่ไดด้ ีท่ีสุด ใหจ้ าไวว้ า่ ถา้ แสง นอ้ ย โอกาสท่ีภาพเบลอจะเยอะข้ึน เพราะกลอ้ งจะลดสปี ดลงมา ควรมีขาต้งั กลอ้ ง 5. โหมด Sport, Sport Mode, โหมดถา่ ยภาพกีฬา โหมดน้ีกลอ้ งจะใหค้ วามสาคญั Shutter Speed เป็นหลกั เพ่ือให้ไดภ้ าพที่หยดุ นิ่ง และการ โฟกสั ก็จะถูกเซ็ตให้สามารถสนบั สนุนการจบั ภาพท่ีรวดเร็วดว้ ย ขอ้ จากดั ที่ควรรู้ เม่ือความเร็วชตั เตอร์สูงข้ึน แสงจะเขา้ ท่ีกลอ้ งนอ้ ยลง กลอ้ งมกั จะต้งั ค่ารูรับแสงใหก้ วา้ ง แต่เมื่อแสงยงั เขา้ ไม่มากพอ กลอ้ งก็จะเร่ิมขยบั ค่า ISO (ความไวแสง) ใหม้ ากข้ึน เพื่อใหป้ ริมาณแสงเพียงพอ ขอ้ เสียท่ีตามมาคือ ถา้ ถา่ ยในอาคาร ในหอ้ ง แลว้ ใชโ้ หมดน้ี โอกาสท่ี Noise ในภาพจะมีคอ่ นขา้ งมาก
9 5.2สถานการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด Sport เม่ือตอ้ งการถา่ ยภาพเดก็ ว่งิ ถา่ ยภาพรถวงิ่ เร็ว ๆ หรือภาพกีฬา 6. โหมด Macro, Macro Mode, โหมดมาโคร เป็นโหมดที่ถา้ ตอ้ งการถ่ายภาพเห็ดขนาดเลก็ หรือภาพส่ิงของเล็ก ๆ ก็จะเลือกโหมดน้ี มา โครโหมดถา้ อยู่ในกล้อง Compact หรือกล้องขนาดเล็ก ใช้ง่าย ๆ จะยิ่งทรงพลงั มาก เพราะจะ ปรับต้งั คา่ ทุกอยา่ งใหถ้ ่ายได้ “ใกล”้ และถา่ ยได้ “ชดั ” 6.2สถานการณ์ท่ีเหมาะจะใชโ้ หมด Macro เมื่อตอ้ งการถ่ายภาพวตั ถุส่ิงของขนาดเล็ก เพ่ือเน้นรายละเอียดของวตั ถุเล็กน้อยออกมา สามารถใชโ้ หมดน้ีได้ 7. โหมด Night, โหมดถ่ายภาพกลางคืน, Night Mode โหมดน้ีเป็นโหมดที่ทาใหช้ ตั เตอร์ชา้ ลงเพื่อเกบ็ แสงในท่ีกลางคืนใหม้ ากข้ึน เวลาที่เกบ็ ภาพ มาแบคกราวน์จะมีรายละเอียดเพ่ิมข้ึน จะไม่เป็นสีดาจม ๆ เวลาเปิ ดแฟลชกจ็ ะทาใหก้ ลอ้ งไม่ตอ้ งยงิ แฟลชออกมาแรงมากเกินไปครับ เหมาะสาหรับมือใหม่ที่อยากจะถ่ายภาพกลางคืน กลอ้ งบางตวั มี โหมด Night Portrait ซ่ึงกลอ้ งกจ็ ะไม่ลด Speed Shutter ใหต้ ่าเกินไป เนน้ เปิ ดรูรับแสงกวา้ ง 7.2สถานการณ์ท่ีเหมาะจะใชโ้ หมดกลางคืน สภาพในที่แสงนอ้ ยมาก ๆ หรือถา่ ยตอนกลางคืน 8. โหมด A, Mode A, Mode AV , Aperture Priority โหมดน้ีสาหรับคนที่ตอ้ งการค่ารูรับแสงที่คงที่ (F) เม่ือเราต้งั ค่ารูรับแสงไวแ้ ลว้ ค่าอื่น ๆ กลอ้ งจะเซ็ตใหเ้ ราเอง โดยท่ีเราอาจจะใชก้ ารเซ็ต Auto อ่ืน ๆ ร่วมได้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็น ตน้ เนน้ การคุมความชดั ตามที่ตอ้ งการ ส่วนที่เหลือใหก้ ลอ้ งจดั การ 8.2 สถานการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด A
10 การถ่ายภาพ Portrait ส่วนใหญ่เนน้ การทาใหห้ นา้ ชดั หลงั เบลอ เราก็จะเปิ ด F1.4, F1.8 คา้ ง ไว้ ส่วนท่ีเหลือใหก้ ลอ้ งเลือกใหเ้ รา เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแสง กลอ้ งกจ็ ะปรับคา่ Speed Shutter ใหเ้ อง 9. โหมด S, TV, Shutter Priority โหมดน้ีกลอ้ งจะให้ความสาคญั กับ Shutter Speed เป็ นหลกั โดยเราสามารถกาหนดค่า Shutter Speed ท่ีตอ้ งการไว้ ส่วนท่ีเหลือกลอ้ งจะจดั การใหก้ บั เราเอง เราอาจจะใชก้ ารเซ็ต Auto อ่ืน ๆ ร่วมได้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็นตน้ 9.2สถานการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด S การถ่ายภาพ Sport ต่าง ๆ เรากจ็ ะเซ็ตคา่ Speed Shutter ที่สูงคา้ งไว้ หรือการถา่ ยภาพท่ี ตอ้ งการคา่ Speed Shutter ต่าคงท่ีเพือ่ ใชล้ ากเสน้ ไฟถนน 10. โหมด M, Mode M, Manual โหมด M สาหรับคนท่ีชานาญแลว้ และก็รู้ว่าการควบคุมแต่และแบบในสไตลข์ องตนเอง แบบไหนที่เขา้ กบั สิ่งท่ีตอ้ งการมากที่สุด เราสามารถปรับต้งั ค่าทุกอย่างไดอ้ ิสระ ท้งั ความเร็วชตั เตอร์, ค่าความไวแสง, รูรับแสง และอ่ืน ๆ ท่ีตอ้ งการไดอ้ ย่างอิสระ บางคร้ังอาจจะเลือกการต้งั ค่า Auto ในบางส่วนไดเ้ ช่น Auto ISO แบบท่ีลิมิต ISO สูงสุดที่รับไวไ้ ด้ 10.2สถานการณ์ที่เหมาะจะใชโ้ หมด M เหมาะทกุ สถานการณ์ ถา้ เรารู้วา่ การต้งั คา่ ของกลอ้ งใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์น้นั มกั จะเป็นการ ถ่ายภาพที่ไม่ตอ้ งการเปลี่ยนแปลงคา่ บ่อยนกั เช่น ถ่ายภาพสินคา้ หรือแฟชน่ั ในงานสตูดิโอ
บทท่ี 2 การจดั แสงในสตูดโิ อ 2.1 การจัดไฟถ่ายภาพในสตูดโิ อ 2.1.1 คุณสมบตั ิของแสง (ลดั ดา ศุขปรีดี, 2541) แสงสวา่ งเป็นองคป์ ระกอบพ้ืนฐานของการถา่ ยรูป มีคานิยามเกี่ยวกบั การถา่ ยรูปวา่ หมายถึง การเขียน หรือการวาดดว้ ยแสง (Writing or Drawing with light) ถา้ ปราศจากแสงสวา่ งเรา จะไม่สามารถมองเห็นหรือถ่ายรูปไดท้ ้งั น้ีเพราะไม่มีแสงสะทอ้ นจากวตั ถุมาเขา้ ตา หรือเขา้ ไปทา ปฏิกิริยากบั ฟิ ลม์ ในกลอ้ งถา่ ยรูปน้นั เอง แสงกเ็ หมือนกบั เสียง คือเป็นพลงั งาน ซ่ึงแผก่ ระจายในลกั ษณะคลื่นขนาดใหญท่ ี่มี ความเร็วจากแหลง่ กาเนิด เช่นดวงอาทิตยห์ ลอดไฟอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือหลอดไฟตามบา้ น เป็นตน้ แสงจะมีอิทธิพลตามธรรมชาติต่อวตั ถุท่ีมนั ตกกระทบทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ตวั อยา่ งเช่น แสงแดดทาใหผ้ วิ หนงั กลายเป็นสีน้าตาล หรือทาใหผ้ ลไมส้ ุก เป็นตน้ ลกั ษณะเด่นของ แสงเพอ่ื การถ่ายรูปคือ มนั เดินทางเป็นเส้นตรงซ่ึงเราสงั เกตไดโ้ ดยดูจากเงาดา้ นหลงั วตั ถุท่ีนามาก้นั แสงจากดวงอาทิตยจ์ ะมีลกั ษณะเป็นเสน้ ตรงหรือสงั เกตจากรังสีของแสงอาทิตยท์ ี่ผา่ นควนั จะเห็น เป็ นเส้นตรงเช่นกนั ลกั ษณะของแสงจะแตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะของวตั ถุหรือผวิ ของวตั ถุท่ีมนั ตกกระทบ วตั ถุทึบแสง เช่น ไมห้ รือโลหะจะก้นั แสงท่ีส่องผา่ นโดยการดูดกลืนรังสีท้งั หมดไวว้ ตั ถุโปร่งแสง เช่น แกว้ หรือน้า จะใหแ้ สงสวา่ งส่องผา่ นผวิ ของวตั ถุและทาใหแ้ สงท่ีมนั สะทอ้ นกระจายไปทุก ทิศทางผวิ ของวตั ถุที่เรียบใส เช่น โลหะหรือแกว้ จะสะทอ้ นแสงในลกั ษณะท่ีไม่กระจดั กระจายมาก ดงั น้นั เราจึงเห็นเงาในกระจกสะทอ้ นไดช้ ดั เจน วตั ถุผวิ ดาไม่สะทอ้ นแสงขณะที่ผวิ วตั ถุสีข
12 สะทอ้ นแสงเกือบท้งั หมด แสงยงั เป็นแหล่งของสีท้งั หมดดว้ ย สีเกิดจากการรวมตวั กนั ของแสงที่ช่วงคล่ืน (Wavelength) ต่างกนั แสงบางช่วงคล่ืนสามารถมองเห็นไดด้ ว้ ยสายตาของมนุษยแ์ ละรับไดเ้ ป็น ต่าง ๆ กนั เช่น แสงท่ีมีช่วงคลื่นยาวคือ สีแดง แสงท่ีมีช่วงคล่ืนส้นั คือ สีน้าเงิน และแสงสีเขียวมี ช่วงคลื่นระหวา่ งสีแดงและสีน้าเงิน เป็นตน้ ดวงอาทิตยเ์ ป็นแหลง่ กาเนิดแสงที่ดีที่สุด มนั จะแผ่ กระจายช่วงคลื่นต่าง ๆ ท้งั หมดเป็นสีสเปคตรัมต่อเนื่องกนั ซ่ึงเราเห็นเป็นแสงสีขาว แต่การที่เรา เห็นวตั ถุรอบ ๆ ตวั เราเป็นสีต่าง ๆ เพราะวตั ถุน้นั ดูดกลืนหรือสะทอ้ นแสงบางช่วงคลื่น ตวั อยา่ งเช่น มะเขือเทศสุกเราเห็นเป็นสีแดงเพราะมนั ดูดกลืนแสงสีเขียวและสีน้าเงิน แต่สะทอ้ นแสงสีแดงให้ เราเห็นเป็ นตน้ วตั ถุโปร่งแสงจะส่องผา่ นคล่ืนทุกความยาวท้งั หมดเท่ากนั นอกจากวตั ถุโปร่งแสงที่เป็น สีจะส่องผา่ นแสงเฉพาะสีของมนั เอง เช่น แกว้ สีน้าเงินหรือแวน่ กรองแสงสีน้าเงินจะส่องผา่ นแสงสี น้าเงินและดูดกลืนแสงความยาวคลื่นอ่ืน ๆ ไวห้ มด เช่นเดียวกบั แวน่ กรองแสงสีแดงจะยอมใหแ้ สง สี แดงผา่ นเท่าน้นั และดูดกลืนแสงอื่น ๆ ไวก้ ารเลือกส่องผา่ นน้ีมีความสาคญั มากในการถา่ ยภาพ ใน การถ่ายภาพขาวดา มีผลต่อการสร้างสีในฟิ ลม์ เนกาทีฟหรือฟิ ลม์ สไลด์ และมีผลต่อขบวนการลา้ ง และอดั ขยาย แสงจะเป็นตวั กาหนดใหเ้ ห็นรูปร่างและรูปทรงของวตั ถุดว้ ย ตวั อยา่ งเช่น เราเห็นผลส้ม เป็นสีเขียวเพราะเมื่อแสงส่องดา้ นขา้ งหรือดา้ นบนของผลสม้ มนั จะสะทอ้ นสีเขียวเขม้ ท่ีดา้ นน้นั แสงสวา่ งจะกระทบผวิ โคง้ ของผลส้มท่ีมุมต่าง ๆ กนั และสะทอ้ นกลบั เขา้ ตาเราที่ความเขม้ ต่างกนั ตาและการรับของสมองจะรับแสงสวา่ งที่ระดบั ต่าง ๆ กนั เหลา่ น้ีเป็นรูปกลมโดยไม่ไดม้ ีการสมั ผสั อยา่ งไรกต็ ามเราสามารถเห็นวตั ถุรอบ ๆ ตวั เราไดช้ ดั เจนเพราะตาของเรารับแสงไดจ้ านวนจากดั
13 ดว้ ยการปรับความชดั ดว้ ยเลนส์ของตา เช่นเดียวกบั กลอ้ งถ่ายรูปที่ใหแ้ สงผา่ นรูเลก็ ๆ เพ่ือสร้างเงาท่ี เกิดจากการสะทอ้ นแสงของวตั ถุเขา้ ไปทาใหเ้ กิดภาพบนวสั ดุท่ีรองรับโดยอาศยั เลนส์ช่วยในการหกั เหแสงและปรับความชดั ของภาพ 2.2 แสง (อรวนิ ท์ เมฆพริ ุณ, 2552) แสงเป็นหวั ใจของการถา่ ยภาพ ไม่วา่ จะเป็นการเปิ ดหนา้ กลอ้ ง การปรับความเร็วชตั เตอร์ หรือค่าต่าง ๆ ในกลอ้ งลว้ นแต่เป็นอิทธิพลจากแสงท้งั น้นั เราจึงควรเขา้ ใจเกี่ยวกบั ลกั ษณะของแสง เพอื่ ใหไ้ ดภ้ าพที่ดี ภาพที่ 8 ความเขม้ และความเปรียบต่างของแสง (Yuji Ogura, ม.ป.ป : ออนไลน์) ความเขม้ และความเปรียบต่างของแสง ถา้ หากจะยกตวั อยา่ งแสงอาทิตยใ์ นหน่ึงวนั แสงท่ี มีความเขม้ มาก (High Intensity Light) กค็ ือแสงอาทิตยใ์ นช่วงเที่ยงท่ีแดดร้อนจดั (พระอาทิตยอย์ ู่ เหนือศีรษะพอดี) ยงิ่ ถา้ ทอ้ งฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆบดบงั ความเขม้ แสงกจ็ ะยง่ิ สูงตามไปดว้ ย ส่วนแสง ท่ีมีความเขม้ นอ้ ย (Low Intensity Light) กค็ ือแสงอาทิตยใ์ นช่วงเชา้ และช่วงเยน็ หรือเวลาที่มีเมฆ หมอกมาบงั แสงแบบน้ีอาจเรียกไดว้ า่ แสงนุ่ม นน่ั เอง
14 ภาพท่ี 9 ความเปรียบต่างสูง (Yuji Ogura, ม.ป.ป : ออนไลน์) ความเปรียบต่าง (Contrast) ของแสงคือ ความแตกต่างของค่าแสงบริเวณต่าง ๆ ภายใน ภาพ ภาพที่มีความเปรียบต่างสูง (High Contrast) เป็นภาพท่ีแสงมีความแตกต่างกนั มากเช่น ภาพท่ี มีส่วนในร่มและกลางแจง้ อยกู่ นั ท้งั ภาพ ความเปรียบต่างสูงหรือต่า ส่วนหน่ึงมาจากความเขม้ แสง แสงท่ีมีความเขม้ มาก เม่ือส่องกระทบวตั ถุจะทาให้เกิดความเปรียบต่างสูง เพราะส่วนของวตั ถุท่ี โดนแสงจะสวา่ งจา้ และส่วนที่ไม่โดนแสงจะเป็นเงามืด ทานองเดียวกนั ภาพที่ 10 ความเปรียบต่างต่า (Yuji Ogura, ม.ป.ป : ออนไลน์)
15 แสงท่ีมีความเขม้ นอ้ ย ทาใหเ้ กิดความเปรียบต่างต่า นอกจากน้ียงั ข้ึนกบั ทิศทางของแสง และองคป์ ระกอบภาพอยา่ งอื่นดว้ ยเช่น ภาพท่ีมีฉากหลงั เป็นแสงยามเยน็ พระอาทิตยต์ กแมว้ า่ ความ เขม้ ของแสงจะนอ้ ยแต่ทิศทางท่ีแสงยอ้ นเขา้ มาหากลอ้ งจะทาใหฉ้ ากหนา้ มืดไปพร้อม ๆ กบั พระ อาทิตยท์ ี่คมชดั ลกั ษณะน้ีเกิดเป็นความเปรียบต่างสูงระหวา่ งวตั ถุกบั พระอาทิตย์ 2.3 อุปกรณ์ถ่ายภาพในสตูดโิ อ อปุ กรณ์ถ่ายภาพในสตูดิโอประกอบดว้ ยอปุ กรณ์ดงั น้ี ภาพท่ี 11 ขาต้งั กลอ้ ง (Booneyes, 2560 : ออนไลน์) 1. ขาต้งั กลอ้ ง การถ่ายภาพในสตูดิโอส่วนใหญ่เป็นการจดั ฉากเพอื่ ใหไ้ ด้ องคป์ ระกอบตามตอ้ งการ จึงจาเป็นตอ้ งใชข้ าต้งั กลอ้ งเพอ่ื ใหก้ ารจดั องคป์ ระกอบมีความสะดวก และคลอ่ งตวั ข้ึน ดงั น้นั ขาต้งั กลอ้ งที่ใชใ้ นสตูดิโอจาเป็นตอ้ งเลือกชนิดที่มีคุณภาพสูง เพ่ือความ มน่ั คงแขง็ แรงโดยทวั่ ไปขาต้งั กลอ้ งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนท่ีเป็นส่วนขาและส่วนหวั สามารถเลือกใชต้ ามความเหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน นามาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยเกลียว มาตรฐานซ่ึงใชก้ นั ไดท้ ุกยหี่ อ้ ขนาด 1/4 นิ้ว (มาตรฐานอเมริกนั ) หรือ3/8 นิ้ว (มาตรฐานยโุ รป) หวั ขาต้งั กลอ้ งปรับไดท้ ้งั 3 ทางคือ ปรับกม้ – เงย พลิกซา้ ย – ขวาและหมุนรอบตวั บางรุ่นมีระบบ
16 ถอดประกอบเร็ว โดยใชเ้ พลท หกเหล่ียมขนั ติดกบั หวั กลอ้ ง เม่ือตอ้ งการใชเ้ พียงแต่สวมลงไปจะมี ระบบลอ็ คอตั โนมตั ิ หวั ต้งั กลอ้ งอีกชนิดหน่ึงท่ีมีความคล่องตวั สูงคือแบบหวั บอล จุดหมุนทาเป็น รูปทรงกลมทาใหส้ ามารถปรับกลอ้ งพลิกไปมาหรือกม้ เงยไดอ้ ยา่ งอิสระทุกทิศทาง (ศุภชยั แพ เทพย์ และคณะฯ, เทคนิคการถ่ายภาพฉบบสมบูรณ์, 2534) ภาพท่ี 12 โคมสะทอ้ นแสง (D2H.CONTENT, 2564 : ออนไลน)์ 2. โคมสะทอ้ นแสง โดยทว่ั ไปแสงท่ีส่องตรงมาจากไฟแฟลชหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ จะมี กาลงั ไฟค่อนขา้ งสูงไม่นิยมใชใ้ นการถา่ ยภาพมากนกั จึงตอ้ งทาใหแ้ สงมีกาลงั ไฟลดลงโดยการใช้ แสงที่สะทอ้ นแทนท่ีจะใชแ้ สงตรง โดยการใชร้ ่มสะทอ้ นแสงท่ีออกแบบมาสาหรับใชใ้ นการ ถ่ายภาพโดยเฉพาะ แสงท่ีสะทอ้ นกระจายออกมาตอ้ งมีอุณหภูมิสีเท่าเดิมและมีการกระจายแสงที่ สม่าเสมอร่มท่ีมีขนาดใหญจ่ ะกระจายแสงไดม้ ากกวา่ หรืออาจจะใชโ้ คมสะทอ้ นแสงอื่น ๆ เช่น แผน่ โฟมสีขาว หรือผา้ ขาวขงึ บนเฟรมใหต้ ึงกไ็ ดแ้ ต่การกระจายแสงใหไ้ ดอ้ อกมาทุกทิศทางทาได้ ยากกวา่ การใชร้ ่มสะทอ้ นแสง (ศุภชยั แพเทพยแ์ ละคณะฯ, เทคนิคการถ่ายภาพฉบบั สมบูรณ์, 2534)
17 3. กลอ่ งแสงนุ่ม แมว้ า่ แสงท่ีสะทอ้ นมาจากร่มสะทอ้ นแสงหรือแผน่ สะทอ้ นจะมี กาลงั ไฟลดลงแต่ความแตกตา่ งระหวา่ งส่วนมืดและส่วนสวา่ งยงั สูงอยไู่ ม่เหมาะสาหรับนามาใชใ้ น การถา่ ยภาพที่ตอ้ งการรายละเอียดมาก ๆ ดงั น้นั ตอ้ งควบคุมใหไ้ ดแ้ สงท่ีกระจายมากข้ึน ตามทฤษฎี แสงที่ผา่ นการสะทอ้ นหรือผา่ นการกรองแสงมากเท่าใดกาลงั ไฟกจ็ ะลดลงมากเท่าน้นั ทวา่ แสงจะ สะทอ้ นออกไปในทุกทิศทาง ปริมาณแสงจึงสูญเสียไปมาก ตอ้ งใชว้ ธิ ีบงั แสงใหก้ ระจายไปยงั ตาแหน่งท่ีตอ้ งการเท่าน้นั เราจึงใชก้ ล่องแสงนุ่มในการบงั แสง กลอ่ งแสงนุ่มชนิดสาเร็จรูปทาดว้ ย โครงพลาสติกหรืออลูมิเนียมท่ีมีน้าหนกั เบา ดา้ นหนา้ ใชผ้ า้ สีขาวกรองแสงใหน้ ุ่ม การใชง้ านเพยี ง สวมใชสว้ มหวั ประกอบเขา้ กบั ตวั แฟลชหรือไฟทงั สเตน (ศุภชยั แพเทพย์ และคณะฯ, เทคนิคการ ถ่ายภาพฉบบั สมบูรณ์, 2534) ภาพท่ี 13 เคร่ืองวดั แสงแฟลช (นครินทร์, 2560 : ออนไลน์) 4. เครื่องวดั แสงแฟลช เคร่ืองวดั แสงแฟลชแบบมือถือเป็นท่ีนิยมใชก้ นั มากที่สุดใน ปัจจุบนั ส่วนใหญส่ ามารถเลือกระบบการทา งานไดว้ า่ จะวดั แสงธรรมชาติหรือแสงแฟลช ลกั ษณะ การทางานแทบจะเหมือนกนั ทุกอยา่ งเพียงแต่การใชร้ ะบบวดั แสงแฟลชไม่ตอ้ งพะวงเร่ืองความเร็ว ชตั เตอร์มากนกั ปรับต้งั ไดท้ กุ ความเร็วแต่ไม่ควรสูงกวา่ ช่วงแวบของแฟลช โดยศึกษาจากคู่มือของ แฟลชที่ใชว้ า่ มีค่าช่วงแวบเท่าใด เช่น โมโนแฟลช 500 W/S มีค่าช่วงแวบ 1/250วินาทีไม่ควรปรับ ความเร็วชตั เตอร์ท่ีเครื่องวดั แสงใหส้ ูงไปกวา่ น้ีเพราะอาจทาใหเ้ คร่ืองวดั แสงอ่านค่าไดน้ อ้ ยกวา่
18 ความเป็นจริงและปรับต้งั ความเร็ว ชตั เตอร์ที่ตวั กลอ้ งใหต้ รงกบั ที่ใชใ้ นเครื่องวดั แสง หากปรับต้งั ต่ากวา่ ภาพอาจไดร้ ับแสงมากเกินไป และตอ้ งพจิ ารณาความเร็วชตั เตอร์ท่ีสมั พนั ธก์ บั แฟลชของ กลอ้ งท่ีใชด้ ว้ ย (ศุภชยั แพเทพยแ์ ละคณะฯ, เทคนิคการถ่ายภาพฉบบสมบูรณ์, 2534) 5. ไฟถา่ ยภาพ ไฟที่นิยมใชถ้ า่ ยภาพในสตูดิโอมี 2 ชนิด ดงั น้ี 5.1 ไฟทงั สเตน เป็นไฟท่ีมีขนาดกะทดรั ัดและหาไดง้ ่าย ประหยดั งบประมาณของ ช่างภาพไดด้ ี ทวา่ กาลงั ของแสงอาจไม่เพยี งพอต่อภาพท่ีตอ้ งการจึงไม่สามารถควบคุมระยะชดั ได้ ตามความตอ้ งการ สีของแสงไฟทงั สเตนมีสีออกไปทางส้มแดง อณุ หภูมิสีต่าประมาณ 3,200 องศาเคลวิน จึงมีสีท่ีผดิ เพ้ยี นไปจากสีจริง จึงตอ้ งใชฟ้ ิ ลเตอร์ในการแกไ้ ขสีใหถ้ ูกตอ้ งอยา่ งไรกต็ าม ไฟทงั สเตนน้นั ไม่สามารถนามาใชร้ ่วมกบั แสงแฟลชได้ (John Hedgecoe, 2544) 5.2 ไฟอิเลก็ ทรอนิกส์แฟลช เป็นไฟท่ีนิยมใชใ้ นการถา่ ยภาพ เพราะสนองความตอ้ งการ ของ นกั ถ่ายภาพไดเ้ ป็นอยา่ งดีในแง่ของความสะดวกความคล่อง ตวั การควบคุมแสงอปุ กรณ์ ประกอบและความประหยดั ค่าใชจ่ายต่าง ๆ จุดเด่นของแฟลช คือ มีอณุ หภูมิสีคงท่ีประมาณ 5,500 องศาเคลวนิ ใหแ้ สงสีขาวตรงกบั แสงจากดวงอาทิตยใ์ นเวลากลางวนั และมีช่วงเวลาการฉายแสงส้นั เช่น 1/5,000 หรือ1/1,000วินาทีทาใหส้ ามารถถา่ ยภาพส่ิงเคล่ือนไหวใหห้ ยดุ นิ่งไดโ้ ดยง่าย(ศุภชยั แพเทพย์ และคณะฯ, 2534) 6. Beauty Dish เป็นอุปกรณ์ที่มีลกั าณะคลา้ ยจาน ทาหนา้ ท่ีกระจายแสงออกใหก้ วา้ งเป็น วงกลม ซ่ึงแสงท่ีไดจ้ ากอุปกรณ์ตวั น้ีจะดูแขง็ ๆ และใหค้ อนทราสตค์ อ่ นขา้ งสูง แต่จะช่วยเนน้ รายละเอียดบนใบหนา้ และผวิ ของตวั แบบใหช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน โดย Beauty Dish ยงั มีใหเ้ ลือก 2 แบบ คือ แผน่ กรจายแสงดา้ นในสีเงินและสีขาวโดยแบบสีเงินจะใหแ้ สงท่ีแขง็ กวา่ ส่วนสีขาวจะใหแ้ สง ที่ดูนุ่มกวา่ นน่ั เอง
19 7. Bowl Reflector เป็นโคมสะทอ้ นแสงที่มีช่ือเรียกวา่ Standard Reflector ปกติจะมาพร้อม กบั ชุดแฟลชสาหรับถ่ายภาพในสตูดิโอ โดยขนาดของโคมกม็ ีใหเ้ ลือกหลายขนาด ซ่ึงจะใหแ้ สง สะทอ้ นที่แตกต่างกนั ไป หากคุณอยากเกบ็ ภาพพอร์เทรตแบบเล่นกบั เงาไปดว้ ย เจา้ โคมชิ้นน้ีเหมาะ มากมายเพราะจะช่วยแยกส่วนท่ีสวา่ งและส่วนท่ีเป็นเงาไดอ้ ยา่ งชดั เจน 8. Umbrella หลกั ๆ แลว้ อุปกรณ์จดั แสงประเภทร่มจะมีใหเ้ ลือก 2 แบบดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ ร่มสะทอ้ น (สีเงิน) จะใหแ้ สงที่คอ่ นขา้ งแขง็ และร่มทะลุ (สีขาว) ใชว้ างไวร้ ะหวา่ งตวั แบบกบั แฟลช ซ่ึงใหแ้ งท่ีดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ แต่หากนาร่มสะทอ้ นไปใชก้ บั ผา้ สะทอ้ นแสง เท่ากบั วา่ ใชร้ ่ม ดงั กลา่ ว2 อนั ในคราวเดียว ไม่เพยี งเท่าน้นั ประโยชนข์ องร่ม คือ จดั เกบ็ ง่ายและไม่เปลืองเน้ือท่ี 9. Right Flash หรือเรียกวา่ แฟลชวงแหวน ใชต้ ิดบริเวณหนา้ เลนส์ จะช่วยใหเ้ ห็น รายละเอียดของตวั แบบไดด้ ีโดยไม่ทาใหเ้ ห็นเงา รวมถึงใหแ้ สงสะทอ้ นเป็นวงกลมท่ีดวงตาของ แบบดว้ ย นอกจากน้ียงั ใชใ้ นการถ่ายภาพมาโครไดเ้ ช่นกนั 10. Softbox ซอฟตบ์ อ็ กซ์ จะช่วยปรับแสงของแฟลชใหน้ ุ่มนวลและเป็นธรรมชาติยง่ิ ข่ึน มีใหเ้ ลือกท้งั แบบสี่เหล่ียมจตั ุรัสส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ และทรงแปดเหล่ียม โดยส่วนที่เป็นสีเงินดา้ นในจะ ช่วยเพมิ่ แสงใหส้ วา่ งมากข้ึน แต่กย็ งั คงความนุ่มนวลไวอ้ ยู่ 11. Stripbox อปุ กรณ์ตวั น้ีคือซอฟตบ์ อ็ กซไ์ ซส์ใหญน่ นั่ เอง ซ่ึงจะช่วยลดส่วนท่ีเป็นเงา ไดม้ ากกวา่ ซอฟตบ์ อ็ กซข์ นาดปกติ ซ่ึงจะสะทอ้ นแสงออกมาเป็นแนวต้งั ดว้ ย
20 ภาพที่ 14 สตดู ิโอถ่ายภาพ พรีเวดดิ้ง (นทั โทมากิ, 2560 : ออนไลน์) 2.4 การจัดไฟถ่ายภาพบุคคลในสตูดโิ อ การถ่ายภาพบคุ คลไม่ใช่ของใหม่สาหรับวงการถ่ายภาพ แต่ทวา่ มีมานานแลว้ อาจกลา่ ว ไดว้ า่ การถา่ ยภาพบุคคลเป็นศาสตร์ที่ถือกาเนิดข้นึ มาเกือบจะพร้อม ๆ กบั การคน้ คิดประดิษฐก์ ลอ้ ง ถา่ ยภาพในสมยั แรกเริ่ม ความนิยมในการถา่ ยภาพบุคคลยงั คงมีอยอู่ ยา่ งไม่เปล่ียนแปลงตลอด ระยะเวลาอนั ยาวนานของประวตั ิศาสตร์ของการถ่ายภาพ โดยเหตุที่คนส่วนใหญน่ ิยมท่ีจะมี ภาพถ่ายของตนเองเกบ็ ไวเ้ พอ่ื เป็นการบนั ทึกความทรงจาเกี่ยวกบั การเจริญเติบโต การเปลี่ยนแปลง ของรูปร่างหนา้ ตา หรือไวส้ าหรับแจกผใู้ กลช้ ิด ดงั น้นั จึงเป็นของแน่ท่ีวา่ ภาพถ่ายบุคคลจะตอ้ งมี เรื่องของการเห่อหรือหลงตวั เองเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งดว้ ยไม่นอ้ ยเพราะคนทกุ คนยอ่ มอยากเห็นตวั เอง หลอ่ หรือสวยท่ีสุด ขณะเดียวกนั กอ็ ยากอวดความสวยงามของตนใหค้ นอื่น ๆ ไดเ้ ห็นดว้ ย ซ่ึงเป็น ธรรมชาติของมนุษยอ์ ยแู่ ลว้ เมื่อพดู ถึงภาพถ่ายบุคคลคนส่วนมากมกั จะนึกถึงภาพท่ีถา่ ยตามหอ้ งภาพทวั่ ไป ซ่ึง ไดแ้ ก่ ภาพถา่ ยสมาชิกของครอบครัวในโอกาสต่าง ๆ เช่น โอกาสครบรอบแต่งงาน รับปริญญา หรืออ่ืน ๆ ซ่ึงแทจ้ ริงแลว้ การถา่ ยภาพบคุ คลมีไดห้ ลายรูปแบบ แต่ละแบบมีวิธีการและใหผ้ ลท่ีแตกต่างกนั
21 แต่หลกั การและวตั ถุประสงคค์ งเป็นอยา่ งเดียวกนั คือตอ้ งการใหไ้ ดภ้ าพ “เหมือนจริง”ของบุคคลท่ี เป็ นแบบมากท่ีสุด ภาพบุคคลท่ีถา่ ยในสตูดิโอซ่ึงเตม็ ไปดว้ ยอปุ กรณ์การถา่ ยภาพ ไฟและฉากเป็นรูปแบบท่ี ค่อนขา้ งจะเป็นทางการถึงแมว้ า่ ปัจจุบนั แนวโนม้ จะเปลี่ยนเป็นการถา่ ยทากนั ในสถานท่ีอ่ืน แต่การ ภาพถ่ายบุคคลในสตูดิโอกย็ งั คงนาหนา้ รูปแบบอ่ืนท้งั ปริมาณและคณุ ภาพ เพราะสตูดิโอเป็น สถานท่ี ๆ คอ่ นขา้ งจะเป็นส่วนตวั ปราศจากเสียงและสิ่งรบกวน เป็นท่ี ๆ ช่างภาพและผเู้ ป็นแบบ สามารถทางานร่วมกนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี การถ่ายภาพคนโดยใชแ้ สงจากไฟประดิษฐม์ ากกวา่ 1 แหลง่ สามารถทาใหเ้ กิดผลในภาพ ไดห้ ลายแบบ การใชแ้ สงไฟประดิษฐถ์ ่ายภาพอาจแปลงบุคลิกของตวั แบบไดซ้ ่ึงนอกจากแสงจะมี ผลต่อรูปทรงแลว้ ยงั ช่วยก่อใหเ้ กิดอารมณ์และบรรยากาศดว้ ย ส่งผลใหก้ ารถา่ ยภาพบุคคลใน สตูดิโอน้นั แตกต่างจากการถา่ ยภาพกลางแจง้ เพราะในสตูดิโอคุณสามารถควบคุมแสงใหเ้ ป็นไป ในลกั ษณะที่คณุ ตอ้ งการไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ไม่วา่ จะเป็นเร่ืองของคุณภาพ ทิศทาง หรือแมก้ ระทงั่ ปริมาณของแสงในการถา่ ยภาพ ดงั น้นั ระดบั มืออาชีพจึงนิยมใชแ้ สงไฟประดิษฐใ์ นสตูดิโอมากกวา่ ท่ีจะพ่ึงแสงจากธรรมชาติ เพราะเราสามารถควบคุมทิศทางและความสูงของไฟ ตลอดจนควบคุม คุณภาพหรือความเขม้ ของแสงไดท้ ้งั ยงั สามารถเลียนแบบแสงอาทิตยไ์ ดท้ ุกรูปแบบ ไฟท่ีใชใ้ นการถา่ ยภาพบุคคลข้นั พ้ืนฐานคอื แสงท่ีใชน้ ุ่มกระจายเป็นไฟหลกั ส่องมา ทางดา้ นซา้ ยหรือขวาเฉียงเย้อื งมาขา้ งหนา้ ไฟส่องผมอยทู่ างดา้ นหลงั ส่องจากมุมสูงลงมาไฟส่อง ฉากเพิ่มความสวา่ งใหฉ้ ากหลงั และไฟสร้างริมไลทส์ ่องมาจากทางดา้ นหลงั เช่นกนั โดยใหแ้ สงผา่ น รังผ้งึ เพอ่ื ควบคุมใหไ้ ดร้ ิมไลทเ์ ฉพาะบริเวณท่ีตอ้ งการ การเลือกใชแ้ สงสวา่ งในการถา่ ยภาพสิ่งแรกท่ีควรคานึงถึงคือการใชแ้ สง ซ่ึงลกั ษณะแสง ที่แขง็ หรือแสงนุ่ม แสงแขง็ จะใหภ้ าพที่มีความเปรียบต่างระหวา่ งส่วนท่ีสวา่ งและส่วนท่ีมืดสูง เห็น
22 รูปทรงและพ้นื ผวิ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน แสงนุ่มจะใหภ้ าพที่ใหค้ วามรู้สึกละเอียดออ่ น พ้นื ผวิ ดูรู้สึก นุ่มนวลการใชแ้ ฟลชสตูดิโอใหม้ ีลกั ษณะของแสงนุ่มจึงตอ้ งมีการกรองแสงเพ่อื ใหแ้ สงฟ้งุ กระจาย แผน่ สะทอ้ นแสงเป็นสิ่งท่ีจะช่วยใหเ้ งาที่มีอยใู่ นภาพน้นั หายไปโดยวางอยใู่ นตาแหน่งตรงขา้ มกบั แสงที่ส่องเขา้ มาในภาพ (John Hedgecoe, 2544) การจดั แสงสามารถถา่ ยทอดอารมณ์และกา หนดบรรยากาศของภาพไดช้ ่วยเสริมจุดเด่น และลดจุดดอ้ ยในภาพ โดยส่วนใหญ่แลว้ จะประกอบดว้ ยไฟถ่ายภาพประมาณ 4 ชนิด ดงั น้ี (อรวนิ ท์ เมฆพริ ุณ, 2552) ภาพที่ 15 Key light (Monrada Sanlim, 2560 : ออนไลน)์ 1. ไฟหลกั (Key light) เป็นไฟท่ีใหค้ วามสวา่ งกบั ตวั แบบโดยจะวางอยดู่ า้ นขา้ งกลอ้ ง และส่องไปยงั ตวั แบบท่ีตอ้ งการ
23 ภาพท่ี 16 Fill light (Monrada Sanlim, 2560 : ออนไลน์) 2. ไฟลบเงา (Fill light) เป็นไฟที่ส่องไปยงั ตวั แบบเช่นเดียวกบั ไฟหลกั ใชเ้ พอื่ ลบเงาท่ี อาจเกิดจากไฟหลกั และทาใหเ้ ห็นรายละเอียดดา้ นขา้ งของตวั แบบน้นั โดยแสงจากไฟลบเงาจะ สวา่ งนอ้ ยกวา่ ไฟหลกั หรือเป็นแสงที่นุ่มกวา่ นน่ั เอง ภาพที่ 17 back light (Monrada Sanlim, 2560 : ออนไลน)์
24 3. ไฟแยก (Separation light หรือ back light) ถา้ หากมีเพียงไฟหลกั กจ็ ะทาใหเ้ กิดเงาหลงั ตวั แบบและจะทา ใหต้ วั แบบดูไม่มีมิติอีกดว้ ย ดงั น้นั จั ึงตอ้ งใชไ้ ฟแยกซ่ึงส่องมาจากดา้ นหลงั เพอ่ื แยกตวั แบบและฉากออกจากกนั ภาพท่ี 18 Background light (Monrada Sanlim, 2560 : ออนไลน์) 4. ไฟฉาก (Background light) เป็นไฟที่ส่องไปยงั ฉากเพอื่ ทาใหฉ้ ากสวา่ งและไดเ้ ห็น บรรยากาศของฉาก การใชแ้ สงเสริม เนื่องจากตาของคนเราสามารถมองเห็นรายละเอียดในแสงและเงาใน ส่วนท่ีมีความเปรียบต่างสูงไดด้ ีกวา่ ฟิ ลม์ ในการบนั ทึกภาพใน 1คร้ัง การใชแ้ สงสะทอ้ นควรใช้ กระดาษสีขาวหรือยา้ ยวตั ถุใหเ้ ขา้ ใกลก้ บั ผนงั สีขาวเพือ่ ใหไ้ ดเ้ ห็นรายละเอียดในดา้ นที่มืด (Michael Langford, 2535) สิ่งท่ีสาคญั ที่สุดในการถ่ายภาพบุคคลในสตูดิโอคือการควบคุมแสงใหไ้ ดต้ ามตอ้ งการ เพยี งแคเ่ ปิ ดไฟสตูดิโอกส็ ามารถถ่ายภาพไดท้ ุกเวลา หากไม่เคยใชไ้ ฟสตูดิโอมาก่อน ทางท่ีดีท่ีสุด ในการถ่ายภาพบุคคลคือหาแบบท่ีรู้จกั เพอื่ ท่ีจะฝึกฝนทกั ษะในการคน้ หาผลลพั ธข์ องการใชไ้ ฟใน
25 ตาแหน่งต่าง ๆการถา่ ยภาพในสตูดิโอไมจ่ าเป็นตอ้ งใชไ้ ฟที่มีอยทู่ ้งั หมด เราอาจประหลาดใจเมื่อได้ เห็นผลลพั ธ์เม่ือ ใชไ้ ฟเพยี งดวงเดียว หรืออาจมีแผน่ สะทอ้ นแสงเขา้ มาช่วยอีกเลก็ นอ้ ย สิ่งท่ี สาคญั ในการเรียนรู้ผลของการจดั แสงเพยี งแคช่ ่างภาพไดล้ องสร้างสรรคผ์ ลงานจากการถา่ ยภาพใน สตูดิโอเท่าน้นั (John Freeman, 2547) ภาพบคุ คลนอกจากตอ้ งคานึงถึงการจดั แสงแลว้ ควรเนน้ บุคลิกของแบบโดยใชเ้ ทคนิคการ จดั ท่าทาง สงั เกตลกั ษณะกิริยาท่าทางของแบบซ่ึงเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั เช่น ชอบเอามือทา้ วคาง ยนื กอดอก หรือชอบสูบไปทเ์ ป็นประจาหลงั จากน้นั ลงมือจดั แสงใหเ้ ขา้ กบั บุคลิกและรูปลกั ษณะ ใบหนา้ ของแบบ ภาพโทนสีเขม้ หรือโลวค์ ียม์ กั ใชก้ บั ผใู้ หญห่ รือผสู้ ูงอายแุ ตภ่ าพโทนสวา่ งหรือไฮ คียจ์ ะใชก้ บั วยั รุ่นหรือหญิงสาว (วีรนิจ ทรรทรานนท,์ 2548)
บทท่ี 3 เทคนคิ การจัดแสง 3.1 เทคนิคการจัดแสง 3.1.1 การใชแ้ สงธรรมชาติ นงั่ ในจุดที่แสงส่องถึง โดยใหแ้ สงส่องเขา้ ดา้ นหนา้ หรือดา้ นขา้ ง ไม่ควรต้งั กลอ้ งถา่ ยยอ้ นแสง เพราะจะทาใหต้ วั เราเป็นเงาดา และหลีกเล่ียงการนงั่ ใตไ้ ฟเพดาน (จุดท่ีโดนไฟเพดานส่องลงมาตรง ๆ ) เพราะจะทาใหเ้ กิดเงาใตต้ า ใตจ้ มูกมากเกินไป แนะนาให้ เขยบิ ไปดา้ นหนา้ หรือหลงั จุดท่ีไปส่องลงมาตรง ๆ เพ่ือลดเงา 3.1.2 การใชแ้ ผน่ ธรรมชาติ และ Reflector ในการใชแ้ สงธรรมชาติและไฟบา้ นควบคุมแสง ไดย้ าก ทาใหม้ ีขอ้ จากดั ในการเลือกมุมอยบู่ า้ ง ซ่ึงสามารถใชอ้ ปุ กรณ์ที่เรียกวา่ Refletor (แผน่ สะทอ้ นแสง)ช่วย Bonuce แสงเพม่ิ ในจุดที่ตอ้ งการ เพ่อื สะทอ้ นแสงธรรมชาติไปท่ีใบหนา้ ดา้ นขวา เพื่อเพิ่มความสวา่ ง และลดเงาใหด้ ูเคลียข้ึนกวา่ เดิม หากแสงธรรมชาติมีความแรงอยแู่ ลว้ สามารถ ใชแ้ ผน่ Reflector แบบโปร่งแสงไดต้ ามปกติ แต่ถา้ แสงธรรมชาติคอ่ นขา้ งอ่อน สะทอ้ นไม่คอ่ ยไป แนะนาใหใ้ ช้ Reflector แบบสีเงินเพอื่ ช่วยเพม่ิ แสง ภาพท่ี 19 เทคนิคการจดั แสง One-point lighting (chitlada kowitweeratham 2016 : ออนไลน)
27 3.1.3 One-point lighting – การจดั แสงแบบ 1 จุด การใชแ้ สงธรรมชาติจะมีขอ้ จากดั อยา่ ง หน่ึงที่ไม่สามารถควบคุมไดเ้ ลยคือ แสงในแต่ละช่วงเวลาจะไม่เท่ากนั ดงั น้นั ถา้ มีงบข้ึนมาอีกหน่อย แนะนาใหซ้ ้ือไฟสตูดิโอติดไวส้ กั ดวง เพอ่ื ความสะดวกสบายในการถา่ ยทา ถึงแมจ้ ะมีไฟดวงเดียว แต่กส็ ามารถจดั แสงไดห้ ลายรูปแบบ 1.เทคนิคท่ีนิยามใชก้ นั ทว่ั ไป วางไวด้ า้ นหนา้ ท่ี 45 องศาของตวั แบบ 2.ซ้ือตวั แขนจบั มาต่อเพ่ิม เพอื่ จดั ไฟใหส้ ่องลงมาจากดา้ นบน จะใหค้ วามสวา่ งไดท้ วั่ ตวั แบบและมีองศาความสวา่ งแคบกวา่ แบบแรก (ใหค้ วามส่วงเฉพาะตวั แบบ) ภาพท่ี 20 เทคนิคการจดั แสง Two-point lighting (chitlada kowitweeratham 2016 : ออนไลน)์ 3.1.4 Two-point lighting - การจดั แสงแบบ 2 จุด จากท่ีใช้ Key light เป็นแสงหลกั แตอ่ ีกฝั่ง ของตวั แบบยงั มีเงาอยจู่ ึงจาเป็นตอ้ งเพ่ิมไฟ Fill Light เขา้ มาอีกดวง โดยวางไวด้ า้ นหนา้ ที่ 45 องศา ของอีกฝ่ังหน่ึงของตวั แบบ เพอ่ื ใชล้ ดเงาในจุดที่ Key Light ส่องไม่ถึง
28 ภาพท่ี 21 เทคนิคการจดั แสง Three point Lighting (chitlada kowitweeratham 2016 : ออนไลน)์ 3.1.5 Three point Lighting - การจดั แสงแบบ 3 จุด เพ่มิ ไฟฉากหลงั สร้างความโดดเด่น และเพิ่มมิติใหว้ ิดิโอของเราดูน่าสนใจมากข้ึนดว้ ย Back Light โดยอาจจะเลือกใชไ้ ฟ LED แบบ RGBที่ปรับสีใหเ้ หมาะสมหรือ อยากไดห้ ลาย ๆ สีจะมี Back Light มากกวา่ 1 ตวั กไ็ ด้ 3.2ข้นั ตอนการจดั แสง 1.ตดั สินใจวา่ ตอ้ งการใหเ้ กินผลอยา่ งไรต่อตวั แบบ แสงจะแสดงบุคลิกลกั ษณะของตวั แบบ ออกมาไดต้ ามที่ผถู้ า่ ยตอ้ งการ เช่นแสง – เงาบนใบหนา้ อตั ราส่วนของแสงท่ีตอ้ งการ การจดั วาง ท่าทางของฉากหลงั และส่วนประกอบอ่ืน ๆ ควรตดั สินใจไวก้ ่อนวา่ ตอ้ งการแบบใด จึงเริ่มจดั แสง และจะใหด้ ีถา้ หากสามารถ ร่างภาพไวด้ ูก่อนที่จะถา่ ย 2.วางไฟหลกั เพอื่ ดูแสง (Hight Light) บนใบหนา้ และแสงส่วนเงา (Shadow) ท่ีเกิดข้ึน ตามมาควรทดลองเปลี่ยนท่ีต้งั ของดวงไฟหลาย ๆ ตาแหน่งเพื่อดูทิศทางของแสง ใหไ้ ดต้ ามตอ้ งการ ถา้ หากเป็นไฟแฟลชสตูดิโอ สามารถปรับความสวา่ งของดวงไฟ ที่ป่ ุมควบคุม ดา้ นหลงั ของหวั แฟลชหรือท่ีตวั ควบคุม Power Pack ซ่ึงมีที่ปรับความสวา่ งแยกต่างหากจากตวั แฟลช นอกจากน้ีควร พิจารนาวา่ ตอ้ งการความเขม้ แสงแบบใดกส็ ามารถเลือกใชอ้ ปุ กรณ์ควบคุมแสงได้
29 3.วางไฟเสริมจะวางในตาแหน่งคนละดส้ นกบั ไฟหลกั ทาหนา้ ท่ีลบเงาหรือเพม่ิ แสงสวา่ ง เงามืดระวงั อยา่ ใหเ้ กิดเงาซอ้ นกนั บนใบหนา้ ของตวั แบบ ปกติไฟเสริมนิยมใชแ้ สงนุ่มมากกวา่ แสง ตรงจึงมกั ใช้ แสงสะทอ้ นจากร่มหรือใชก้ ล่องทอนแสง (Softbox) สวมดา้ นหนา้ แฟลช นกั ถา่ ยภาพ บางตนอาจใชเ้ พียง โฟมแผน่ โต ๆ หรือกระดาษขาวหนั รับแสงจากไฟหลกั สะทอ้ นเขา้ ไปเปิ ดเงา ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั การพจิ ารณา ขแงผถู้ า่ ยวา่ จะใหแ้ สงสวา่ งมีความสวา่ งเพียงใด ตาแหน่งท่ีวางไฟเสริม ควรพิจารณาตามความเหมาะสม โดยสงั เกตุผลของแสงผา่ นทางช่องมองภาพของตวั กลอ้ ง ในขณะ ท่ีจดั แสงไฟเสริมควรใชเ้ ครื่องวดั แสงวดั คา่ ของไฟหลกั และไฟเสริมเพอื่ หาคา่ อตั ราส่วนของแสง ตามท่ีตดั สินใจไวแ้ ลว้ 4.วางไฟส่องผมและไฟส่องฉากหลงั ข้นั ตอนน้ีจะช่วยแยกตวั วตั ถุออกจากฉากหลงั ไดด้ ี การพิจารณาวางไฟส่องผมควรปิ ดไฟหลกั และไฟเสริมไวก้ ่อนแลว้ เปิ ดไฟส่องผมดูวา่ ดผ้ ลตามที่ ตอ้ งการหรือไม่ ตาแหน่งไฟส่องผมควรอยตู่ รงขา้ มกบั ไฟหลกั ส่วนไฟส่องตามฉากหลงั น้นั กด็ ูตาม ความเหมาะสมของเครื่องแต่งกายของตวั แบบ 5.ปรับแสงไฟคร้ังสุดทา้ ย เปิ ดไฟพร้อมกนั ทุก ๆ ดวง แลว้ ดูในช่องมองภาพพจิ ารณาดูวา่ มี ส่วนของอสงสวา่ ง ท่ีไม่ตอ้ งการหรือไม่ ถา้ มีตอ้ งขจดั แสงส่วนน้นั ออกไป ปรับไฟคร้ังสุดทา้ ยโดย ใชอ้ ปุ กรณ์บงั คบั ทิศทางแสงหรือปรับเล่ือนตาแหน่งของดวงไฟ 6.วดั แสงเฉลี่ย โดยวางเครื่องวดั แสงบริเวณใบหนา้ ของตวั แบบ หนั เซลลร์ ับแสงของ เครื่องวดั แสง เขา้ หากลอ้ ง แลว้ อา่ นคา่ ของแสง เฉลี่ยที่ไดน้ าไปต้งั ค่าการฉายแสงที่กลอ้ งถา่ ยรูป
บทท่ี 4 สรุป การจดั แสงในการถา่ ยภาพแฟชนั่ น้นั สิ่งจาเป็นหลกั คือแสงถา้ ไม่มีแสงกจ็ ะไม่มีภาพ และส่ิง ที่ช่วยทาให้เกิดภาพที่สวยงามก็ขาดไม่ไดเ้ ลยก็คือ อุปกรณ์ และ ตวั แบบที่เราจะถ่าย แสงแบ่งได้ ท้งั หมด 3ประเภท คือ แสงที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต แสงท่ีเกิดจากธรรมชาติ และแสงที่มนุษยส์ ร้างข้ึน แสงที่ใชใ้ นการถ่ายภาพไดย้ ากท่ีสุด คือ แสงท่ีธรรมชาติ เน่ืองดว้ ยตอ้ งรอตามระยะเวลาจึงจะได้ แสงท่ีเราตอ้ งการ เราจึงหนั มาใชไ้ ฟประดิษฐเ์ พ่ือใหง้ ่ายต่อการทางาน เราสามารถควบคุมความเขม้ แสงและทิศทางของแสงไดอ้ ยา่ งงายดายดว้ ยอุปกรณ์ครอบหน้าไฟต่างๆ เช่น Beauty Dish , Bowl Reflector , Umbrella,Ring Flash , Softbox , Stripbox การวางตาแหน่งไฟก็เป็ นส่ิงสาคญั เพราะจะ ทาให้ภาพส่ือารมณ์ออกมาไดห้ ลากหลายมากข้ึนและสุดทา้ ยการวดั แสงที่จะช่วยในการต้งั ค่าตวั กลอ้ งเพอื่ ใหภ้ าพท่ีออกมาไม่สวา่ งหรือมืดจนเกินไป
บรรณานุกรม “การจดั แสงไฟใน Studio.” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://anewstudio.blogspot.com/2016/10/studio_23.html, 2559. [สืบคน้ เม่ือ 5 มกราคม 2565]. John Freeman. “คู่มือช่างภาพสาหรับภาพเหมือน.” สหรัฐอเมริกาและแคนาดา : Sterling Publishing Co, 2547. [สืบคน้ เม่ือ 28 มกราคม 2565]. John Hedgecoe. “หลกั สูตรการถา่ ยภาพเบ้ืองตน้ ใหม่.” สหรัฐอเมริกา : Focal Press, 2544. [สืบคน้ เมื่อ 28 มกราคม 2565]. “ถา่ ยภาพแฟชนั่ .” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://hmong.in.th/wiki/Fashion_photography, ม.ป.ป. [สืบคน้ เม่ือ 5 มกราคม 2565]. “เทคนิคจดั ไฟ.” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.digital2home.com/, 2561. [สืบคน้ เม่ือ 30 มกราคม 2565]. Michael Langford. “การใชแ้ สงเสริม.” นิวยอร์ก : Alfred A Knopf, 2535 [สืบคน้ เมื่อ 24 มกราคม 2565]. Yochuwa Samarom. “วธิ ีการใชโ้ หมดกลอ้ งแต่ละโหมดใหถ้ ูกตอ้ ง.” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้ จาก : https://www.photoschoolthailand.com/10-camera-modes-for-beginner- photographer/, 2562. [สืบคน้ เม่ือ 15 มกราคม 2565]. ลดั ดา ศุขปรีดี. “คุณสมบตั ิของแสง” พิมพค์ ร้ังท่ี 4. ชลบุรี : มหาวทิ ยาลยั บูรพา, 2541 [สืบคน้ เม่ือ 19 มกราคม 2565].
_______. “เทคโนโลยกี ารถ่ายภาพ.” พิมพค์ ร้ังที่ 4. ชลบุรี : มหาวิทยาลยั บูรพา, 2541 [สืบคน้ เม่ือ 19 มกราคม 2565]. “วธิ ีวางแผนการถ่ายแฟชน่ั .” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้ จาก : https://snapshot.canon-asia.com/th/article/thai/how-to-plan-a-fashion-shoot, 2559 [สืบคน้ เมื่อ 25 มกราคม 2565]. วรี นิจ ทรรทรานนท.์ “เทคนิคการถ่ายภาพบุค.” กรุงเทพฯ : เอม็ ไอเอส, 2548. [สืบคน้ เมื่อ 15 มกราคม 2565]. ศุภชยั แพเทพย์ และคณะ. “เทคนิคการถ่ายภาพฉบบั สมบูรณ์.” กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , 2534. [สืบคน้ เมื่อ 15 มกราคม 2565]. _______. “อปุ กรณ์ถา่ ยภาพในสตูดิโอ” กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , 2534. [สืบคน้ เม่ือ 15 มกราคม 2565]. “อุปกรณ์จดั แสง.” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://men.kapook.com/view148464.html, ม.ป.ป. [สืบคน้ เม่ือ 25 มกราคม 2565]. อรวนิ ท์ เมฆพริ ุณ. “สร้างสรรคภ์ าพสวยใน 3 ข้นั ตอน.” กรุงเทพฯ :โปรวชิ น่ั , 2552. [สืบคน้ เมื่อ 26 มกราคม 2565]. _______. “แสง.” กรุงเทพฯ :โปรวิชน่ั , 2552. [สืบคน้ เม่ือ 26 มกราคม 2565].
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: