แผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 33 เรือ่ ง What Should I do? หน่วยการเรียนรู้ Problems and Advice กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 รายวิชา ภาษาองั กฤษ 6 รหสั อ23102 เวลา 2 ชวั่ โมง สอนวนั ท่ี ผสู้ อน นายอภิวรรธน์ จนั ทรท์ ี มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชี้วดั มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และค วา, คดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ชว้ี ดั ม 3/2 ใชค้ าขอรอ้ ง ใหค้ าแนะนา คาชแ้ี จง และคาอธบิ ายอยา่ งเหมาะสม ตวั ชว้ี ดั ม 3/4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู อธบิ าย เปรยี บเทยี บ และแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทฟ่ี ังหรอื อ่านอย่างเหมาะสม สาระสาคญั หน่วยการเรียนรู้น้ีมีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนฟังปัญหาของผู้อ่ืน พูดให้คาแนะนาเก่ียวกับความ เปล่ยี นแปลงในโรงเรยี นทอ่ี ยากให้เกดิ ขน้ึ อ่านคาแนะนาเก่ยี วกบั ปัญหาสุขภาพของวยั รุ่น และเขยี น แสดงความคิดเห็น ให้คาแนะนาเก่ียวกับการมีสุขภาพท่ีดีและมีร่างกายสมส่วน รวมทัง้ หน้าท่ี ภาษา โครงสรา้ งประโยค และไวยากรณ์ทเ่ี ป็นพน้ื ฐานของกจิ กรรมการฟัง พดู อ่าน และเขยี นในหน่วย การเรยี นรนู้ ้ี สาระการเรยี นรู้ คาศพั ท์ - สานวนภาษา - หน้าที่ภาษา To give advice โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ Auxiliary Verb: Should จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) 1. นกั เรยี นสามรถเลอื กใชโ้ ครงสรา้ งทางไวยากรณ์ทเ่ี กย่ี วกบั การใหค้ าแนะนาได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 1. นกั เรยี นสามารถเขยี นประโยคใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั เหตุการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เจตคติ (A) 1. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
2. มวี นิ ยั สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 2. ความสามารถในการสอ่ื สาร ชิ้นงาน/ภาระงาน (โปรดระบลุ กั ษณะชิ้นงาน) 1. เขยี นเสนอประโยคใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั เหตุการณ์ในชวี ติ ประจาวนั รปู แบบวิธีการจดั กิจกรรมการเรยี นร้แู บบ Active Learning 1. เทคนคิ การสอนแบบ GPAS 5 การบรู ณาการตามนโยบายและจดุ เน้นของ สพฐ. - กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ สงั เกตรวบรวมข้อมู (Gathering) 1. ครใู หน้ กั เรยี นดคู ลปิ วดี โี อเกย่ี วกบั มารยาททค่ี วรหรอื ไมค่ วรทาในทส่ี าธาณะและเดาความหมาย ของการ กระทานนั้ ๆเป็นภาษาองั กฤษ 2. ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหว์ ่าพฤตกิ รรมแบบใดบา้ งทเ่ี ราควรพงึ ปฏบิ ตั เิ มอ่ื ตอ้ งใชช้ วี ติ อยกู่ บั ส่วนรวม ขนั้ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความรู้ (Processing) 3. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 10 กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คนและใหน้ กั เรยี นครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา ตวั อยา่ ง การใช้ should และ shouldn’t ซง่ึ นกั เรยี นไดเ้ รยี นรูม้ าแลว้ 4. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ should และ shouldn’t เป็น Modal Auxiliary Verb หรอื คากรยิ าชว่ ย เชน่ เดยี วกบั can และ will ใชไ้ ดก้ บั ประธานทุกตวั ไมว่ ่าจะเป็นเอกพจน์หรอื พหพู จน์ และตอ้ งตามดว้ ย กรยิ า แทช้ อ่ งท่ี 1 (Infinitive form without to) และใหน้ กั เรยี นดรู ปู ภาพแบบฝึกหดั Grammar C และซกั ถาม ความคดิ เหน็ ของนกั เรยี นเกย่ี วกบั ภาพ โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี ภาพท่ี 1 T: Is it dangerous for the children to skateboard on the road? T: Is it dangerous for the children to skateboard without a helmet? T: Can you give them some advice? S: They shouldn’t skateboard on the road. ขนั้ ปฏิบตั ิและสรปุ ความร้หู ลงั การปฏิบตั ิ (Applying and Constructing the knowledge) 4. ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณาคาแนะนาในแต่ละขอ้ วา่ สง่ิ นนั้ ๆ ควรทาหรอื ไมค่ วรทา 5. นกั เรยี นเปรยี บเทยี บคาตอบและอภปิ รายขอ้ คดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างกนั กบั เพ่อื นขา้ ง ๆ 6. ครสู ่มุ เรยี กนกั เรยี น 2-3 คน พดู ใหค้ าแนะนาในแต่ละสถานการณ์ เช่น ภาพท่ี 2 S1: The girl should drop litter in a wastepaper basket.
S2: The girl shouldn’t throw litter away on the street. S3: The girl should take her litter with her. 7. ครเู ขยี นประโยคของนักเรยี นบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรยี นทงั้ ชนั้ ชว่ ยกนั คดั เลอื กขอ้ แนะนาทน่ี ่าสนใจ หรอื เหมาะสมกบั สถานการณ์ ขนั้ ส่ือสารและนาเสนอ ( Applying the communication skill ) 8. ครใู หน้ กั เรยี นทากจิ กรรม Grammar D โดยใหน้ กั เรยี นทงั้ ชนั้ อ่านปัญหาขอ้ ท่ี 1 แลว้ สมุ่ ใหน้ กั เรยี น บาง คนใหค้ าแนะนา เช่น S1: You should tell the teacher. S2: You should do it again. 9. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านปัญหาขอ้ ท่ี 2-6 ดว้ ยตวั เอง แลว้ ทาความเขา้ ใจปัญหา ครอู าจอธบิ าย ความหมายของ คาศพั ทย์ าก เช่น snore = make a loud noise when you are asleep and you take a breath (กรน) และใหน้ กั เรยี นฝึกเขยี นการใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั เหตุการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ดว้ ยตนเอง ขนั้ ประเมินเพ่ือเพ่ิมคณุ ค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 10. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เปรยี บเทยี บการเขยี นการใหค้ าแนะนาของตนเองกบั เพอ่ื น และใหค้ าแนะนาท่ี แตกต่างจากของตนเองพรอ้ มทงั้ แลกเปลย่ี นอภปิ รายหน้าชนั้ เรยี น 11. ครใู หน้ กั เรยี นโหวตกลุ่มทเ่ี ขยี นใหค้ าแนะนาไดถ้ กู ตอ้ งและดที ส่ี ุด สื่อ / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น New World 3 2. Marker 3. กระดาษ Chart การวดั และประเมินผล วิธีการ ส่ิงที่ต้องการวดั เครื่องมอื เกณฑก์ าร ประเมิน 1. ดา้ นความรู้ (K) ชุดกจิ กรรม Grammar ตรวจคาตอบ เกณฑร์ อ้ ยละ 70 1.1. นกั เรยี นสามรถเลอื กใชโ้ ครงสรา้ งทาง แบบประเมนิ การเขยี น C เกณฑร์ อ้ ยละ 70 ไวยากรณ์ทเ่ี กย่ี วกบั การใหค้ าแนะนาได้ 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ตรวจชน้ิ งาน 2.1. นกั เรยี นสามารถเขยี นประโยคให้ คาแนะนาเก่ยี วกบั เหตุการณ์ใน ชวี ติ ประจาวนั
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เจตคติ แบบประเมนิ ประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพผ่าน คุณลกั ษณะอนั พงึ อนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์ 2 (A) ประสงค์ 3.1 การสงั เกตุพฤตกิ รรมซอ่ื สัตยส์ ุจรติ จาก งานเขยี น 3.2 การสงั เกตุพฤตกิ รรมการมวี ินยั ในการ ทางาน เกณฑป์ ระเมนิ การเขยี น ระดบั คะแนน 4 32 1 น้าหนกั คะแนน ประเดน็ ความ รวม การประเมนิ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ สาคญั โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง โครงสรา้ งทาง ไวยากรณ์ได้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ ไวยากรณ์ 28 ไวยากรณ์ ถกู ตอ้ ง โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง ผดิ พลาด ทกุ ประโยค ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ เกนิ ครง่ึ หน่งึ ของงานเขยี น ผดิ พลาดเลก็ น้อย ผดิ พลาด หลายแห่ง
สะกดคาและ สะกดคาและ สะกดคาและ สะกดคาและ 1 4 ใชเ้ คร่อื งหมาย ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ใชเ้ คร่อื งหมาย 4 การสะกดคา วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน 8 และการใช้ ถูกตอ้ งทงั้ หมด ผดิ พลาด ผดิ พลาด ผดิ พลาด 24 เคร่อื งหมาย เลก็ น้อย หลายแห่ง เกนิ ครง่ึ หน่งึ วรรคตอน ของงานเขยี น การใชค้ าศพั ท์ ใชค้ าศพั ท์ ใชค้ าศพั ทแ์ ละ มปี ัญหาอย่บู า้ ง ใชค้ าศพั ท์ 1 การนาเสนอ สานวน ในการใช้ เน้อื หา และสานวน เหมาะสม คาศพั ทแ์ ละ และสานวน เหมาะสม แต่อ่านแลว้ สานวน ผดิ พลาด รวม ไมเ่ ขา้ ใจ อา่ นแลว้ เขา้ ใจ บางแหง่ อา่ นแลว้ ไม่ หลายแหง่ ชดั เจนทงั้ หมด เขา้ ใจหลายแหง่ อ่านแลว้ ไม่ เขา้ ใจเป็น สว่ นมาก เขยี นไดต้ รง เขยี นได้ เขยี นไมค่ ่อย เขยี นไมต่ รง 2 ประเดน็ ค่อนขา้ ง ตรงประเดน็ ประเดน็ ตรงประเดน็ ตามทก่ี าหนด ตามทก่ี าหนด ตามทก่ี าหนด และเรยี บเรยี ง ตามทก่ี าหนด และเรยี บเรยี ง และเรยี บเรยี ง เน้อื หาไม่ค่อย และเรยี บเรยี ง เน้อื หา เน้อื หาได้ เหมาะสม เน้อื หาไมเ่ ป็นไป ตามลาดบั คอ่ นขา้ ง เท่าทค่ี วร ตามลาดบั เหมาะสม เหมาะสม 6 เกณฑก์ ารประเมิน ดมี าก 20-24 คะแนน ดี 16-19 คะแนน พอใช้ 12-15 คะแนน ควรปรบั ปรุง น้อยกวา่ 12 คะแนน
แผนการจดั การเรียนรู้บรู ณาการ GPAS 5 Steps รายวิชา ภาษาอังกฤษ3 รหัส อ32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ หนว่ ยการเรียนรู้เรอ่ื ง Press Star to Repeat ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1/2564 แผนการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง Technology เวลา 4 คาบ จานวน 2 คาบ/สปั ดาห์ ผสู้ อน นายธนกร อังคประสาทชัย วันท.่ี ........................................................................................ มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสาคญั วิเคราะห์ความ สรปุ ความ ตีความบทความทอี่ ่าน สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การจบั ใจความสาคัญ บอกรายละเอียด บอกความหมาย ตีความ วิเคราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับเร่อื งที่อ่าน สาระการเรยี นรู้ Threats of Information technology: E-mail SPAM, Identity Theft, Phishing, Hacking and Cyber Bullying จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถบอกความหมายคาศัพท์จากเนื้อเร่อื งที่อ่านได้ 2. นกั เรยี นสามารถบอกรายละเอยี ดจากเรื่องที่อ่านได้ 3. นกั เรียนสามารถจับใจความสาคญั จากเรื่องทีอ่ ่านได้ 4. นกั เรียนสามารถวิเคราะห์เน้ือเร่อื งทใ่ี ห้อ่านได้ 5. นักเรียนสามารถตคี วามจากเร่ืองท่ีอา่ นได้ 6. นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เรื่องทีอ่ ่านได้ 7. นักเรยี นสามารถถ่ายโอนข้อมูลในรูปแผนผงั ความคดิ และคลิปวิดีโอได้ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน 1 ทากิจกรรม About the Reading 2. แบบทดสอบ 3. แผนผังความคดิ 4. คลิปวิดีโอ รูปแบบวิธีการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ Active Learning การจัดการเรียนรแู้ บบ GPAS 5 Steps กจิ กรรมการเรียนการสอน 1. ขน้ั Gathering : การคน้ หาและเลอื กข้อมูล 1.1 ครูชูบัตรประจาตวั ประชาชนให้นักเรียนดูและให้นักเรยี นดบู ตั รประชาชนของตนเองพร้อมกับถาม นกั เรยี นว่า What kind of information do you find in an identity card? What would you do if you lost your identity card? 1.2 ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั ภยั อันตรายจากการใช้เทคโนโลยวี ่ามปี ัญหาอะไรบ้างโดยครูใช้ คาถามกระตุ้นการคิดของนกั เรยี น 1.3 นักเรยี นหาข้อมูลเก่ยี วกบั ภยั อนั ตรายจากเทคโนโลยี และร่วมกันกาหนดเนอ้ื หาที่จะอ่าน โดยมีทงั้ หมด 5ประเดน็ ได้แก่ E-mail SPAM, Identity Theft, Phishing, Hacking และ Cyber Bullying 1.4 นักเรียนแบ่งกล่มุ 5 กล่มุ กล่มุ ละเท่า ๆ กนั โดยคละ เก่ง ปานกลาง อ่อน และเลือกหวั ข้อ ทจ่ี ะอ่าน 2. ข้นั Processing: การจดั กระทาขอ้ มลู หรอื การจัดข้อมูลให้เป็นระบบ 2.1 ครูแจกเนอ้ื เรอ่ื งให้นักเรียน ทัง้ 5 เร่ือง ไดแ้ ก่ E-mail SPAM, Identity Theft, Phishing, Hacking และ Cyber Bullying โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ฝึกอ่านออกเสยี ง 2.2 นกั เรยี นอ่านเนื้อเรอ่ื งด้วยตนเอง และจบั ประเดน็ สาคัญว่ามีใครบ้าง ทาอะไร มเี หตุการณ์ใดเกดิ ขึ้นบา้ ง 2.3 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทา Bubble Map เก่ียวกับใจความสาคัญ และรายละเอียดของเรือ่ งท่อี ่าน โดยครู อธิบายการเขยี น Bubble Map ซึง่ เปน็ การเช่ือมโยงข้อมูลเกย่ี วกับเรือ่ งที่อ่านระหว่างความคิดหลกั ความคิดรอง และความคดิ ย่อยทีเ่ กีย่ วข้องสัมพันธก์ นั โดยครผู ู้สอนเตรยี มกระดาษ ปากกา และดินสอสีในการเขยี น Bubble
Map ไวใ้ ห้ ซ่ึงในระหวา่ งการทากจิ กรรมครเู ปน็ ผูใ้ หค้ าปรึกษา แนะนา ตรวจสอบความถูกต้อง และสังเกต กระบวนการทางานกลุม่ 2.4 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอใจความสาคญั ของเรื่องในรูปแบบของ Bubble Map 2.5 นักเรยี นตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น กลุม่ ละ 3 นาที และร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั ผลงานของเพ่อื นในแตล่ ะกลุม่ 3. ขน้ั Applying 1 (Applying and Constructing the Knowledge) : การปฏบิ ัติและสรปุ ความรู้ 3.1 นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันตอบคาถามจากเรือ่ งที่อา่ น 3.2 นกั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันสรุปเนือ้ เรื่อง และร่วมแลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ ับเพื่อนกลุม่ อ่นื ๆ 3.3 ตัวแทนกลุ่มนาเสนอคาตอบหน้าช้นั เรียน 4. ข้ัน Applying 2 (Applying and Communication Skill) : การสือ่ สารและนาเสนอ 4.1 นักเรียนรว่ มกนั ทาโปสเตอรร์ ณรงค์ ป้องกัน แกป้ ัญหาภัยอันตรายจากเทคโนโลยีในแตล่ ะประเดน็ นาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 4.2 นกั เรยี นรว่ มกนั ทาคลปิ วิดีโอนาเสนอภยั อันตรายจากเทคโนโลยีการป้องกนั และการแก้ปญั หาทจ่ี ะ เกิดขนึ้ 5. ขนั้ Self – regulating : การประเมนิ เพิ่มคณุ ค่า 5.1 ครูผสู้ อนประเมนิ การอภปิ รายถงึ ปญั หาภยั อนั ตรายจากเทคโนโลยี ในข้ัน Gathering 5.2 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันประเมิน Bubble Map ของเพ่ือนในแตล่ ะกลมุ่ ในขัน้ Processing 5.3 ครผู สู้ อนประเมนิ การทาแบบทดสอบของนักเรยี นจากเร่ืองท่ีอา่ น ในข้ัน Applying 1 5.4 ครูผ้สู อนและนักเรียนร่วมกันประเมินชน้ิ งาน (การนาเสนอ และวิดีโอ) ในข้นั Applying 2 5.5 ครผู ู้สอนและนักเรียนร่วมกันถอดบทเรยี นจากกจิ กรรม Reading โดยแบ่งเป็น I learn (สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้), I like (สง่ิ ทีช่ อบในกจิ กรรมน้ี), I wish (สิ่งทีค่ าดหวงั ในคาบต่อไป) และ I wonder (ส่งิ ท่สี งสยั ) สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน New World 5 2. บทความ 5 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ E-mail SPAM, Identity Theft, Phishing, Hacking และ Cyber Bullying 3. Power point
การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน รายการวัดและประเมนิ ผล - ตรวจใบงานคาศัพท์ - ตรวจแบบทดสอบ - ใบงานคาศัพท์ - ใบงานผ่านเกณฑ์ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ประเมินชิน้ งาน - แบบทดสอบ ร้อยละ 60 1. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย (Bubble Map, - แบบประเมนิ - แบบทดสอบผา่ น โปสเตอร์ และวิดโี อ) ชนิ้ งาน (Bubble เกณฑร์ ้อยละ 60 คาศัพทจ์ ากเน้ือเร่ืองที่อา่ นได้ Map, โปสเตอร์ - แบบประเมนิ 2. นักเรยี นสามารถบอกรายละเอยี ดจาก - ตรวจใบงานคาศัพท์ และวดิ ีโอ) ช้นิ งาน ผ่านเกณฑ์ - ตรวจแบบทดสอบ ระดบั คุณภาพพอใช้ เรอ่ื งที่อา่ นได้ - ประเมินช้นิ งาน 3. นักเรียนสามารถจบั ใจความสาคัญจาก (Bubble Map, - ใบงานคาศัพท์ - ใบงานผ่านเกณฑ์ โปสเตอร์ และวดิ ีโอ) เร่ืองท่ีอ่านได้ - แบบทดสอบ ร้อยละ 60 4. นกั เรียนสามารถวเิ คราะหเ์ น้อื เรอื่ งทจ่ี ะ สงั เกตพฤตกิ รรม ระหว่างเรียน และการ - แบบประเมนิ - แบบทดสอบผา่ น ให้อา่ นได้ ทางานกลุม่ 5. นักเรยี นสามารถตคี วามจากเร่ืองทีอ่ า่ น ชิ้นงาน (Bubble เกณฑร์ ้อยละ 60 ได้ Map, โปสเตอร์ - แบบประเมนิ 6. นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น และวิดีโอ) ชิ้นงาน ผา่ นเกณฑ์ เกีย่ วกับเร่อื งทอ่ี ่านได้ 7. นักเรยี นสามารถถา่ ยโอนข้อมูลในรปู ระดับคุณภาพพอใช้ แผนผังความคิด โปสเตอร์ และคลปิ วดิ โี อได้ แบบสังเกต แบบสังเกต สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน พฤติกรรม ระหวา่ ง พฤติกรรมระหวา่ ง 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด เรยี น และการ เรียน และการ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ทางานกลุม่ ทางานกลมุ่ ผ่าน เกณฑร์ ะดับ คุณภาพพอใช้
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: