Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2. ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย รวม

2. ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย รวม

Published by srcmbu2533, 2022-06-22 09:27:33

Description: 2. ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย รวม

Search

Read the Text Version

ระบบการเมอื งการปกครองแบบประชาธิปไตย • หมายถึง ระบบการปกครองท่ีอานาจสูงสุดเป็นของประชาชน ประชาชนมีส่วนร่วมในการ ปกครองอยา่ งแท้จรงิ ทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม • 1. ประชาธิปไตยทางตรง คือ ประชาชนร่วมกันลงประชามติ กาหนดแนวทาง หรือ ตัดสินใจในทางการเมืองการปกครอง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์และสิทธิ เสรีภาพของตน ไดโ้ ดยตรงซึ่งมักใชใ้ นสังคมทมี่ ขี นาดเลก็ • 2. ประชาธิปไตยทางอ้อม คือ การที่ประชาชนคัดเลือกตัวแทนเข้าไปทาหน้าท่ีแทนตน โดยการใช้สทิ ธิออกเสียงในสภาเพ่อื พทิ ักษ์ ผลประโยชน์ สทิ ธิและเสรีภาพของประชาชน โดยรวม

รปู แบบการปกครองในระบบประชาธิปไตย • 1) รูปแบบรัฐสภา การปกครองรูปแบบนี้มีประเทศอังกฤษเป็นต้นแบบ รัฐสภาทา หน้าท่ีด้านนติ ิบญั ญัติและควบคมุ การบรหิ ารประเทศ • 2) รูปแบบประธานาธบิ ดี มีต้นแบบ คือ ประเทศสหรฐั อเมริกา การปกครองรูปแบบนี้ มีการแบ่งแยกอานาจเด็ดขาดตามหลักการแบ่งแยกอานาจและการถ่วงดุลอานาจ รฐั ธรรมนญู ของประเทศ • 3) รูปแบบผสมผสานก่ึงรัฐสภาหรือก่ึงประธานาธบิ ดี มีประเทศฝร่ังเศสเป็นต้นแบบ ประชาชนจะเป็นผู้เลือกต้ังประธานาธิบดีและผู้แทนราษฎรโดยตรง แต่จะเลือกตั้ง วุฒิสภาโดยอ้อม

ระบบการเมอื งการปกครองแบบเผดจ็ การ • หมายถึง ระบอบการปกครองที่ให้ความสาคัญกับผปู้ กครองหรอื รัฐบาลมากกว่าเสรีภาพสว่ น บคุ คล • แนวคิดเบอ้ื งต้นของระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การ มีดงั นี้ • 1. เผดจ็ การในแนวคดิ ทางการเมือง มแี นวคดิ วา่ รัฐเป็นเสมอื นผู้ที่พรอ้ มดว้ ยคุณธรรม ประชาชน จึงมีหน้าท่ีปฏบิ ัติตามคาสง่ั ของรฐั • 2. เผดจ็ การในรูปแบบทางการปกครอง เป็นการรวมอานาจ แสวงหา หรอื ยดึ อานาจรฐั ส่วนใหญ่ ใช้วิธีทร่ี นุ แรง • 3. เผด็จการในการดาเนินชวี ิต มคี วามเช่อื ว่าคนเราเกดิ มาย่อมมคี วามแตกตา่ งกนั เพือ่ ให้สังคม เปน็ เอกภาพ ผูท้ ดี่ อ้ ยกว่าจึงต้องปฏบิ ตั ติ ามผทู้ ่ีเหนอื กวา่ จนกลายเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิของ คนในสงั คม

รูปแบบของอดุ มการณเ์ ผดจ็ การแบง่ เป็น 2 รูปแบบ • 1. เผด็จการอานาจนิยม หมายถึง การปกครองท่ีใช้อานาจเป็นวิถีทางและเป็น จดุ หมายปลายทาง โดยใหค้ วามสาคญั กบั โครงสร้างระเบียบและการควบคุมตรวจสอบ แตร่ ัฐยังคงใหส้ ทิ ธเิ สรภี าพในทางเศรษฐกจิ และสังคมแก่ประชาชน • 2. เผด็จการเบ็ดเสร็จ หมายถึง การปกครองที่ผู้นาเป็นผู้มีอานาจสูงสุดและใช้อานาจ เด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว กาหนดจุดหมายปลายทางและวิธีการใช้อานาจอย่างไม่มี ขอบเขตจากดั การเมือง เศรษฐกิจ สงั คม บุคคล และกจิ กรรมของบุคคล จะอยภู่ ายใต้ การควบคุมของรัฐ พร้อมท้ังควบคุมเคร่ืองมือสื่อสารและปลูกฝังค่านิยมให้เยาวชนยึด มนั่ ตามแนวคดิ ของผนู้ า

การปกครองของไทย • ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยวที่มีปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข รัฐธรรมนูญกาหนดให้อานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และกาหนดให้ พระมหากษัตรยิ ท์ รงใช้อานาจ 3 ประการ คือ • 1. อานาจนิติบัญญัติ หมายถึง สถาบันที่ทาหน้าที่ออกกฎหมาย คือ รัฐสภา ประกอบด้วย สภาคู่ • 2. อานาจบริหาร หมายถงึ บคุ คล คณะบคุ คล กลุ่มบคุ คล หรอื องคก์ รทน่ี านโยบายของรัฐไป ปฏิบัติ สถาบันบริหารมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย กาหนดนโยบายการบริหาร รวมถึงนา นโยบายและกฎหมายท่ีผ่านความเห็นชอบของรฐั สภาแลว้ ไปดาเนนิ การ • 3. อานาจตุลาการ หมายถึง ศาลและผู้พิพากษาหรือตุลาการท่ีปฏิบัติหน้าที่ในศาล ซ่ึงเป็น การกระทาในพระปรมาภไิ ธยของพระมหากษตั ริย์

รฐั บาล • คณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐบาลมีความสาคัญในฐานะเป็นองค์กรฝ่ายบริหารที่มีหน้าท่ี บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เป็นสัญลักษณ์แห่งอานาจทางการเมืองท้ังภายใน และภายนอกประเทศ และเป็นผู้กาหนดนโยบายของประเทศ

อานาจหนา้ ท่แี ละบทบาทสาคัญของรฐั บาล • อานาจหนา้ ทแ่ี ละบทบาทสาคัญของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินตามท่ีรัฐธรรมนูญ กาหนด • 1. เพอื่ การพฒั นาสงั คม เศรษฐกจิ และความมัน่ คงของประเทศอยา่ งยัง่ ยืน • 2. การจัดระบบการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้มีขอบเขต อานาจหนา้ ทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบท่ีชดั เจนเหมาะสม เพ่ือประโยชนข์ องประชาชนในพน้ื ที่ • 3. การกระจายอานาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพ่ึงตนเองและตัดสินใจในกิจกรรมของ ท้องถ่นิ ไดเ้ อง • 4. การพัฒนาระบบงานภาครัฐ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ คุณธรรม และจริยธรรมของ เจา้ หนา้ ที่ของรัฐ ควบคู่ไปกบั การปรบั ปรงุ รปู แบบและวิธีการทางาน

• 5. การจัดระบบงานราชการและงานของรัฐอย่างอ่ืนเพ่ือให้การจัดทาและการให้บริการ สาธารณะเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยคานึงถึงการมี สว่ นรว่ มของประชาชน • 6. การดาเนินการใหห้ น่วยงานทางกฎหมายท่ีมหี นา้ ท่ีใหค้ วามเห็นเก่ียวกบั การดาเนินงานของ รฐั ตามกฎหมายและตรวจสอบการตรากฎหมายของรฐั ดาเนินการอย่างเป็นอิสระ เพ่ือให้การ บรหิ ารราชการแผน่ ดินเป็นไปตามหลกั นิตธิ รรม • 7. การจดั ใหม้ ีแผนพฒั นาการเมืองรวมทงั้ จดั ใหม้ ีสภาพฒั นาการเมืองท่ีมีความเป็นอิสระ เพ่ือ ตดิ ตามสอดสอ่ งใหม้ กี ารปฏิบตั ติ ามแผนดงั กลา่ วอย่างเครง่ ครดั • 8. การดาเนินการใหข้ า้ ราชการและเจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ไดร้ บั สิทธิประโยชนอ์ ย่างเหมาะสม

การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ • รฐั ธรรมนญู กาหนดให้มีการตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐในเรื่องต่อไปน้ี • 1. การตรวจสอบทรัพย์สินของผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง • 2. การขดั กันแหง่ ผลประโยชน์ เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้เกดิ ความเสยี หายแก่รฐั • 3. การถอดถอนออกจากตาแหนง่ • 4. การดาเนินคดอี าญากับผู้ดารงตาแหนง่ ทางการเมือง

สรปุ ระบอบการปกครองของไทย ระบอบประชาธิปไตย การปกครองแบบ เผดจ็ การ การปกครองแบบ บทบญั ญตั ิของรฐั ธรรมนญู ที่เก่ียวขอ้ ง อานาจหนา้ ท่ี ประชาธิปไตย กบั การเลือกตงั้ การมีสว่ นรว่ ม และการ ของรฐั บาล ตรวจสอบอานาจของรฐั ระบอบการปกครอง การเมืองการปกครอง รฐั ธรรมนูญ ตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้ปัจจบุ ัน ฉบับปจั จุบนั ประเดน็ ปัญหา และผลกระทบ ที่เป็นอปุ สรรค ปญั หาการพัฒนา ความจาเป็นในการมีรฐั บาล ตอ่ การพฒั นาประชาธิปไตยของไทย ประชาธปิ ไตยของไทย ตามระบอบประชาธิปไตย แนวทางการแกไ้ ขปัญหา และแนวทางแก้ไข บทบาทสาคญั ของรฐั บาลในการ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ

อุดมการณป์ ระจาชาตขิ องไทย ดร.บานช่นื นักการเรยี น

อดุ มการณ์ คือ ?

ความหมายของอดุ มการณ์ • อุดมการณ์ คือ ความคิดหลักท่ีบุคคลยึดมั่นอันจะนาไปสู่การปฏิบัติเพื่อ จุดหมายทกี่ าหนดไว้ • อุดมการณ์ คือ ชุดของความเช่ือพ้ืนฐานที่สร้างกรอบความคิดและ กาหนดการกระทาของเรา มีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลกบั กลุ่มรวมถึงสนับสนุนและท้าทายโครงสร้างทางอานาจในสังคม (Heywood) • อุดมการณ์ คือ ระบบความคิดทั้งมวลซ่ึงออกแบบมาเพ่ือช้ีนาพฤติกรรม ของคนในสังคม (Levine)

อุดมการณ์ปจั จบุ นั ของชาติไทย • คอื ระบบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยโดยมพี ระมหากษัตริย์เปน็ ประมุขและมศี าสนาเปน็ เคร่ืองยดึ เหนี่ยว ซ่งึ เปน็ อุดมการณ์กว้าง ๆ

อดุ มการณป์ ัจจุบันของชาตไิ ทย 1. อุดมการณ์ทางการเมือง 4. อุดมการณ์ทางทหาร 2. อุดมการณท์ างเศรษฐกจิ 5. อดุ มการณท์ างข้าราชการ 3. อดุ มการณท์ างสงั คม 6. อุดมการณท์ างประชาชน

อุดมการณ์ทางการเมือง • ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข ประชาชนมีเสรีภาพและมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง อย่างเต็มท่ี มีสิทธิสังกัดพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหน่ึงได้ และ ใหพ้ รรคการเมอื งเปน็ แหล่งการศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชน

อุดมการณ์ทางเศรษฐกจิ • ใชร้ ะบบสหกรณ์โดยส่งเสรมิ ให้ประชาชนรว่ มมือกนั ตามกล่มุ อาชีพ ของตนให้มากทสี่ ดุ

อดุ มการณ์ทางสงั คม • ให้มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา ทาการปฏิรูปทาง วฒั นธรรมเพ่อื รกั ษาเอกลกั ษณ์ของไทยไว้

อุดมการณ์ทางทหาร • ประชาชนท้ังชายและหญิงมีสิทธิเป็นทหารด้วยกันเพื่อทาหน้าที่ ป้องกันประเทศในยามสงคราม และพัฒนาประเทศในยามสงบ แต่ไม่ ยุ่งเกย่ี วกับการเมือ

อุดมการณท์ างขา้ ราชการ • มีหน้าท่ีรับใช้ประเทศชาติและประชาชน จึงต้องมีความ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ เพอ่ื ความเจริญของชาติ

อุดมการณ์ทางประชาชน • ต้องใช้สิทธิในทางการเมือง และการทหาร เอาตัวรอดได้ทาง เศรษฐกิจ ทาตัวเป็นประโยชน์แก่สังคม และร่วมมือกับทาง ราชการ







อดุ มการณ์และการเมืองการปกครองในสังคมไทย • อุดมการณท์ ส่ี าคญั ในสังคมไทยโดยเน้นทีป่ ระเดน็ การเมอื งการปกครอง เนื่องจากอุดมการณ์มีความเกี่ยวข้องกับมิติทางสังคมและการเมืองมา ต้ังแต่ยุคเร่ิมต้น และเป็นองค์ประกอบสาคัญในการขับเคล่ือนระบบ การปกครองของรัฐ อดุ มการณ์จงึ ไมส่ ามารถแยกออกจากการเมอื งได้

อดุ มการณห์ ลักของคนไทย 3 ประเภท อดุ มการณท์ างการเมือง อดุ มการณท์ างเศรษฐกิจ อดุ มการณท์ างสงั คม และวฒั นธรรม

อดุ มการณท์ างการเมอื ง • (1) ประชาธปิ ไตย (democracy) คือ การปกครองท่ีเนน้ หลักความเสมอภาค สทิ ธิ เสรีภาพ และเสยี งข้างมากของประชาชน • (2) อานาจนิยมเบ็ดเสร็จ (authoritarianism) คือ การใชอ้ านาจอย่างเด็ดขาด โดยคนเพียงกลุ่มเดียว • (3) ราชาธปิ ไตย (monarchy) คือ การเคารพเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั ริย์ซ่งึ มี สถานะเปน็ เจา้ แผ่นดิน เจ้าชีวิต และสมมตเิ ทพ • (4) ชาตินยิ ม (nationalism) คอื ความเชือ่ ในความยง่ิ ใหญ่และความเป็น เอกภาพของชาติ รวมถึงความรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด

อุดมการณท์ างเศรษฐกิจ • (1) ทนุ นิยม (capitalism) คอื การใหค้ วามสาคัญกบั เงินทนุ และปัจจยั การผลิต แรงงานจดั เป็นสนิ คา้ ประเภทหนึง่ • (2) บรโิ ภคนยิ ม (consumerism) คือ การบริโภคท่ีไรข้ ีดจากัดซ่งึ มไิ ดต้ อบสนอง ความต้องการพน้ื ฐาน • (3) วัตถนุ ิยม (materialism) คือ การสะสมความมัง่ คงั่ และความสะดวกสบายโดย การแสวงหาวตั ถุมาครอบครอง รวมถงึ ใชว้ ตั ถเุ ป็นตวั ตัดสินคณุ คา่ ของบุคคล • (4) เงินตรานิยม (moneyism) คือ การวัดความสาเร็จจากรายได้ ความสัมพนั ธ์ ระหว่างบคุ คลท่มี กี ารคานวณเปน็ ผลประโยชน์ • (5) เศรษฐกิจพอเพยี ง (self-sufficiency economy ideology) คือ การเน้นความ พอประมาณ ความจาเปน็ การพง่ึ ตนเอง ความประหยัด และไมใ่ ชเ้ งนิ เป็นตวั ชว้ี ัด

อดุ มการณท์ างสงั คม และวัฒนธรรม • (1) ศักดินา (feudalism) คอื ระบบสังคมที่กาหนดสิทธิ หน้าที่ โอกาส และสถานะของบคุ คลตามลาดับชนชนั้ • (2) ชายเป็นใหญ่ (patriarchy) คือ โครงสร้างทางสังคมและวิถีปฏิบัติ ที่ผู้ชายมีอานาจ บทบาท และความสาคัญในสังคมมากกวา่ • (3) อุดมการณ์พุทธศาสนา (Buddhism) คือ ความเช่ือเรื่องกฎแห่ง กรรม ความไม่เท่าเทียมด้านวาสนาบารมี การเวียนว่ายตายเกิด การ สร้างบญุ กศุ ล

อุดมการณท์ างสังคม และวัฒนธรรม • (4) ไสยศาสตร์ (occultism) คือ การนับถืออานาจเหนือธรรมชาติ ส่ิง ศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหาริย์ เวทมนตร์คาถา มีพ้ืนฐานมาจากการนับถือผี และศาสนาพราหมณ์ • (5) ท้องถ่ินนิยม (localism) คือ ความผูกพันของบุคคลหรือกลุ่มที่มีต่อ ถน่ิ ที่อยู่ ประวัติศาสตร์อัตลกั ษณ์ ประเพณี และวฒั นธรรมของตน • (6) ธรรมชาตินิยม (naturalism) คือ การให้ความสาคัญกับธรรมชาติ สภาวะทเี่ ป็นจริงตามหลกั การทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงหลกั ของเหตผุ ล

สรุป • อุดมการณ์ชาตินิยมคาดว่าเกิดข้ึนในยุคล่าอาณานิคมถึงช่วงสมัยรัชกาลท่ี 5-7 โดยชนชั้นนา พยายามสรา้ ง “ความเป็นไทย” และ “ชาตไิ ทย” ดว้ ยการวางรากฐานชาตนิ ิยมทางวัฒนธรรมโดย ผลิตซ้าศิลปะวัฒนธรรมเดิม เช่น ศาสนาพุทธ ภาษาไทย ประเพณีไทย เพื่อการอ้างสิทธ์ิเหนือ ดนิ แดนทาให้ชาตติ ะวันตกยอมรับว่าชาตไิ ทยมอี ารยธรรม และสร้างความชอบธรรมในการจดั การ ความสัมพันธเ์ ชงิ อานาจซง่ึ ทาใหส้ ถานภาพของชนชั้นนาเดิมยงั คงอยู่

บทบาทของทหารตอ่ การเมือง การปกครองของไทย ดร.บานชน่ื นกั การเรยี น

•ทหาร หรอื ร้วั ของชาติมีบทบาทสาคัญมากมายแก่ชาติไทย ทั้งใน เรื่องของการปกป้องเอกราชตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศชาติ คอย ปกป้องการรุกล้าอานาจอธิปไตยของต่างชาติท่ีจะเข้ามายึด ครอบครองประเทศ และหน้าท่ีสาคัญคือการรักษาความสงบ เรียบรอ้ ยภายในชาติ ทาให้พ่ีน้องประชาชนได้อยู่อย่างมีความสุข กินอิม่ นอนหลับอยา่ งไมต่ อ้ งหวนั่ เกรงอันตรายใด ๆ

หน้าที่ของทหาร • พิทักษ์รักษาเอกราชและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอก และภายในราชอาณาจักรปราบปรามการกบฏและการจลาจลโดยจัดให้มี และใช้ กาลงั ทหารตามทรี่ ัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยหรอื ตามที่กฎหมายกาหนด • พิทักษ์รักษา ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของสถาบัน พระมหากษัตริย์ • ปฏิบัติการอ่ืนท่ีเป็นปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม เพ่ือความมั่นคงแห่ง ราชอาณาจักรหรือปฏิบัติการอ่ืนใดท้ังน้ี ตามที่มีกฎหมายกาหนดหรือตามมติ คณะรฐั มนตรี

สาเหตขุ องการแทรกแซงทางการเมืองของทหารไทย • ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 น้ัน สาเหตุประการหน่ึงเกิดจากการท่ีผลประโยชน์ร่วมของสถาบัน ทหารถูกกระทบกระเทือน ท้ังน้ีเนื่องจากในระยะก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปรากฏว่าเกิดภาวะ เศรษฐกิจตกต่าท่ัวโลกและภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย ทาให้มีการปลดข้าราชการออกจาก ประจาการเพ่ือลดรายจ่ายของรัฐบาล และในปี 2474 พระองค์เจ้าบวรเดช ซึ่งดารงตาแหน่งเสนาบดี กระทรวงกลาโหม ได้ลาออกเพ่ือประท้วงการที่รัฐบาลไม่ยอมขึ้นเงินเดือนทหาร ทาให้เกิดความไม่พอใจข้ึน ทั่วไป • สาเหตุสาคัญที่ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงการปกครองคร้ังน้ีเกิดจากพลังของอุดมการณ์ท่ีต้องการเปล่ียนแปลง ประเทศเป็นสมัยใหม่มากกว่า ผลกระทบจากการสญู เสียผลประโยชน์ เน่ืองจากคณะผู้ก่อการเห็นว่าจาเป็นต้อง ปกครองประเทศกันในระบบประชาธิปไตยเพราะระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบบท่ี ล้าสมยั ทงั้ นี้โดยมีการกระทบกระเทอื นดา้ นผลประโยชน์จากทไ่ี ม่ได้รับการเพ่ิมเงินเดือนเป็นตัวเร่งให้ฝ่ายทหาร ทาการเปล่ยี นแปลงการปกครองใหเ้ กดิ เรว็ ขึ้น

สาเหตุของการแทรกแซงทางการเมืองของทหารไทย 1. ประเด็นที่ว่าทหารจะทารฐั ประหารเม่ือสภาพทางการเมอื งภายในไรเ้ สถยี รภาพ ไดแ้ ก่ • 1.1 ผนู้ าทางการเมอื งขาดความชอบธรรม • 1.2 ความเปราะบางของรัฐบาล • 1.3 ความล้มเหลวของระบอบประชาธปิ ไตย • 1.4 วิกฤตการณท์ างเศรษฐกจิ • 1.5 สถาบันพระมหากษตั ริยถ์ กู กระทบกระเทอื น 2. ประเดน็ ทว่ี ่า สาเหตุของการรัฐประหารสืบเนื่องมาจากเง่อื นไขเก่ยี วกับสถาบันทหาร โดยตรง ไดแ้ ก่ • 2.1 ผลประโยชนข์ องทหารถกู กระทบกระเทือน • 2.2 ความขัดแย้งระหวา่ งผ้นู าทหาร







สรปุ ปัญหาการขาดความชอบธรรมทางการเมืองของกลุ่มผู้นาที่มีอานาจทาง การเมอื ง ทัง้ จากกระบวนการเข้าสู่อานาจ และกระบวนการในการใช้และรักษา อานาจ กลุ่มผู้ปกครองท่ีมาจากผู้นาทหารและข้าราชการ งมีพฤติกรรมส่อไป ในทางแสวงหาผลประโยชนเ์ พอ่ื ตนเองและเพอ่ื พวกพ้อง รวมทง้ั มีลักษณะผสาน ผลประโยชน์ร่วมอย่างใกล้ชิดระหว่างกลุ่มชนชั้นนา 3 ฝ่าย คือ ทหาร และ ข้าราชการ นักธุรกิจ และนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้ังหลาย พฤติกรรมคอรัปชั่นที่เด่นชัดในปัจจุบันของกลุ่มชนช้ันนาเหล่าน้ี นอกจากการ ใช้อ านาจโดยไม่สุจริต และคอรัปชั่นเกี่ยวกับเงินงบประมาณแผ่นดินแล้ว ยัง เกิดการคอรปั ช่นั เชิงนโยบาย

พรรคการเมอื ง ดร.บานช่นื นกั การเรยี น

ความหมายของพรรคการเมอื ง “พรรคการเมือง” หมายความว่า กลุ่มบุคคลที่มีอุดมการณ์ทาง การเมืองที่สอดคล้องกันมารวมตัวกันเพ่อื ดาเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยมีจุดมุ่งหมายสาคัญในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้าสมัครรับ เลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ อานาจบรหิ ารและนติ บิ ัญญตั ิ

พรรคการเมืองมคี วามสาคญั อยา่ งไร มบี ทบาทและความสาคญั อยา่ งย่ิงต่อการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เนอ่ื งจากวา่ พรรคการเมืองคอื สถาบนั หลักทท่ี าหน้าทเ่ี ปน็ ตวั เชือ่ มโยงระหวา่ ง “ภาครฐั ” กับ “ภาคประชาชน” โดยที่พรรคการเมืองจะนาเอาปัญหาหรอื ความต้องการของ ประชาชนมาแปลงเป็นนโยบายของพรรค เพ่อื นานโยบายเหล่าน้นั ไปปฏบิ ตั เิ มื่อไดร้ บั เลอื กตงั้ เขา้ ไปทาหนา้ ท่ฝี ่ายนิติบญั ญัตหิ รอื ฝา่ ยบริหาร

องคป์ ระกอบของพรรคการเมอื ง คณะบคุ คลซงึ่ มคี วามคิดเห็นหรืออดุ มการณท์ างการเมอื งทส่ี อดคล้องมารวมตวั กนั เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองรว่ มกัน มีการจดแจ้งจัดต้งั เป็นพรรคการเมอื งถูกต้อง และมกี ารดาเนินกิจการของพรรค การเมอื ง ให้เปน็ ไปตามนโยบายและขอ้ บงั คับของพรรคการเมือง มเี ปา้ หมายท่ีสาคัญในการสรรหาและคดั เลือกสมาชกิ ของพรรคลงสมัครรับเลือกต้งั เพอ่ื เข้าไปทาหนา้ ท่เี ปน็ ผ้แู ทนของประชาชนในการใชอ้ านาจฝ่ายนิตบิ ญั ญัตแิ ละ อานาจฝ่ายบริหาร

การจดทะเบยี นพรรคการเมอื ง ผู้จัดต้งั พรรคการเมืองตอ้ งมีคุณสมบัติดังน้ี มสี ญั ชาตไิ ทยโดยกาเนิด หรอื มีสัญชาติ ไทยโดยการแปลงสญั ชาตมิ าแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปี มีอายุไม่ต่ากวา่ 18 ปีบริบรู ณ์ ไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งห้ามมใิ ห้ใช้สิทธิเลอื กตั้งตามรฐั ธรรมนูญ

ตอ้ งจัดใหม้ ีการประชมุ จดั ตัง้ พรรคการเมอื งก่อนยน่ื คาขอจัดต้ังพรรคการเมอื ง ดงั น้ี ต้องมีผ้จู ดั ตั้งพรรคการเมืองเข้าร่วมประชมุ ไม่น้อยกวา่ 15 คน กิจกรรมทต่ี ้องดาเนินการในที่ประชุมอยา่ งน้อยต้องประกอบดว้ ย การกาหนดนโยบาย พรรคการเมือง การกาหนดขอ้ บังคบั พรรคการเมือง การเลอื กต้ังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมอื ง

คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการบริหารอื่นซ่ึงเลือกตั้งจากสมาชิกผู้มี ประกอบด้วย สัญชาตไิ ทยโดยการเกิด มอี ายไุ มต่ า่ กว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 102 (1) (2) (3) หัวหน้าพรรคการเมือง (4) (5) (6) (7) (13) และ (14) ของรฐั ธรรมนูญ รองหัวหนา้ พรรคการเมอื ง เลขาธกิ ารพรรคการเมอื ง รองเลขาธกิ ารพรรคการเมือง เหรัญญกิ พรรคการเมอื ง นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง โฆษกพรรคการเมือง

หนา้ ท่ขี องพรรคการเมอื ง 1. พรรคการเมอื งเป็นตวั กลางเชอ่ื มความต้องการและบทบาทของประชาชนกบั รัฐบาล 2. พรรคการเมอื งเป็นผูใ้ ชอ้ านาจทางการเมอื ง

สว่ นประกอบของพรรคการเมอื ง 1) การจดั องค์การของพรรค 2) กลไกของพรรค 3) นโยบายของพรรค 4) การเงินของพรรค 5) การประชุมพรรค

ลกั ษณะของพรรคการเมือง 1) เปน็ คณะบคุ คลทีร่ วบรวมกันเป็นองค์การ 7) จะตอ้ งมีองค์การหรือสาขาแผ่กระจายไปในระดบั ทอ้ งถิ่น และมีข่ายการติดตอ่ กนั ระหวา่ งสานกั งานใหญก่ ับสาขา 2) เปน็ การรวมตัวกนั ตามแนวคดิ เห็นหรอื พรรคในทอ้ งถ่นิ หลักการบางอย่างทเี่ หน็ พอ้ งต้องกนั 8) ผนู้ าพรรคการเมอื งต้องมคี วามตงั้ ใจอยา่ งแน่วแนท่ จ่ี ะ 3) มีการกาหนดประเด็นปัญหาและนโยบาย รวมอานาจการตดั สินนโยบายของตนแต่ผ้เู ดียวหรอื เข้า ร่วมกับพรรคการเมอื งอืน่ ไม่เพียงแต่จะใช้อิทธิพลเข้า 4) มีการคดั เลือกบคุ คลเข้าสมัครรับเลือกต้งั แทรกแซงนโยบายเทา่ นัน้ 5) มจี ุดมุ่งหมายท่ีจะเขา้ ไปควบคมุ การ 9) พรรคการเมืองต้องพยายามหาคะแนนเสยี งเมอ่ื มีการ ดาเนินงานและนโยบายของรฐั บาล เลอื กต้งั และหาความสนบั สนุนจากมหาชนท่ัวไปเมอ่ื ไมม่ ีการ เลือกต้งั 6) ตอ้ งมีความยั่งยนื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook