Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Thais' book

Thais' book

Published by Titapa Thamronglakrat, 2021-01-19 07:15:51

Description: Thais' book

Search

Read the Text Version

ÊÒÁคÑ คÕàÀทคÓ©¹Ñ ท์

สามัคคเี ภทคำฉนั จดั ทำโดย นางสาว กร ติรัศมิ์ รตั นานนั เลขที่ ๑ นางสาว กุลิสรา สังอาภาวรากลุ เลขท่ี ๒ นางสาว ฐิตาภา ธำรงลักษ รตั เลขท่ี ๕ นางสาว ปณติ า ไชยโย เลขท่ี ๗ นางสาว ศภุ ิชยา แ เพชร เลขที่ ๑๒ นางสาว สิรภิ า มณีอนิ ท เลขท่ี ๑๓ นางสาว สุพิชญา แสง อย เลขที่ ๑๔ นางสาว อยั ยา ดวงมาก เลขที่ ๑๖ นาย ชนกภัท ธนเดโชพล เลขท่ี ๑๗ นางสาว ณา ลกั ษ ลมเมฆ เลขท่ี ๒๐ นางสาว ธญั วรัต ศรสี ัตยเสถยี ร เลขที่ ๒๑ นางสาว วชริ าภร ดอกกะถิน เลขท่ี ๒๕ นางสาว ศุภมาส วง สวรร เลขที่ ๒๖ นางสาว โสภาสิรี วฒุ ิพัน เลขที่ ๒๘ นางสาว อนญั ญา โพธ์ิพัน เลขที่ ๒๙ ชนั้ มัธยมศกึ ษา ท่ี ๖/๑๑ เสนอ คุณครู ชมัยพร แ วปานกนั รายงานเ มนเ้ี น วนหน่งึ ของรายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน (ท๓๓๑๐๑) ภาคเรยี นท่ี ๒ การศกึ ษา ๒๕๖๓ โรงเรยี นสงวนหญงิ เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา เขต ๙ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ีป่ส็ป่ล ้ก ีป ์ุธ ์ุธ ์ค์ศ ์ณ ์ม ​์ณ​ีร ์ร ้น ์ร ่ร ์น์ณ ์ท์ณ ์ท

คำนำ ก วารสารเ มนี้จัดทำขน้ึ เพือ่ เ น วนหนง่ึ ของวิชาภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษา ท่ี ๖ โดยมีจุดประสง เพอ่ื ศกึ ษาหาความ และวิเคราะ ในเร่ืองสามคั คเี ภทคำ ฉนั และไ ศึกษาอ างเ าใจเพือ่ เ นประโยช กับการเรยี น และ งเ นใ คณะ จัดทำและ องการท่จี ะศกึ ษาเรอื่ งราวความเ นมาของบทสามัคคเี ภทคำฉนั รวมถึงการ านและพจิ ารณาวรรณคดใี น าน างๆ เ น เน้อื หาและกลวธิ ี การใ ภาษา และประโยช กบั คุณ าท่ีไ รบั ทัง้ นคี้ ณะ จดั ทำหวังเ นอ างยงิ่ า วารสารเ มนจ้ี ะเ นประโยช กับ ท่ีไ มาศกึ ษาเ นอ างดี ทางคณะ จดั ทำขอขอบพระคณุ ทีม่ ี วน วยใ รายงานเ มนีเ้ สรจ็ สมบูร หากมี อผดิ พลาดประการใด ทางคณะ จดั ทําขอรับไ และขออภัยมาขออภยั มา ณ ท่นี ี้ คณะ จัดทำ ๓ ธ.ค. ๖๓ ู้ผ ้วู้ผ้ข์ณ่ล้ห่ช่สู้ผู้ผ่ย็ป้ดู้ผ์น็ป่ล่ว่ย็ปู้ผ ้ด่ค์น้ช่ช่ต้ด่อ์ท็ป้ตู้ผู้ผ้ห้นุ่ม์น็ป้ข่ย้ด์ท์หู้ร์คีป่ส็ป่ล

สารบัญ ข เรอ่ื ง หา คำนำ ก สารบญั ข ความเ นมา ๓ ประวัติ แ ง ลกั ษณะคำประพนั ๔-๕ เรือ่ ง อ ๖-๑๔ เนือ้ เร่อื งเฉพาะตอนท่ีเรยี น ๑๕ คำศพั ๑๖-๒๕ บทวเิ คราะ ๒๖-๒๘ ๒๙-๓๕ - คุณ า านเน้อื หา ๒๙-๓๐ - คุณ า านสงั คม - คุณ า านวรรณศิล ๓๑ ภาคผนวก ๓๑-๓๕ บรรณานกุ รม ๓๖ ๓๗ ์ป้ด่ค ้ด่ค ้ด่ค ์ห ์ท ่ย ์ธ ่ตู้ผ ็ป ้น

๓ คÇÒÁà ¹ÁÒ บทประพนั เร่ือง “สามคั คเี ภทคําฉัน ” น้ี า วยกษตั ริ ลจิ ฉวี กรุงเวสาลี แ งแค นวชั ชี ถูกวัสสการพรา หม มหาอํามาต ของพระเ าอชาตศัตรู กรงุ ราชคฤ แ งแค นมคธ เ าไป อนทาํ ลายความสามัคคจี นเสยี เมือง เรอ่ื งนี้มมี าในมหาปรนิ ิพพานสตู รและอรรถกถาสมุ ังควิลาสินี นายชติ บรุ ทัต ไ อาศยั เ าคํา แปลเรือ่ งน้เี นโครง าง ในการประพนั ไ อเตมิ เสริมความตามลีลาแ งฉัน เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ในครงั้ พุทธกาลแค นมคธมกี รุงราชคฤ เ นเมอื งหลวง เ นมหาอาณาจักรบน มแ นํ้าคงคา พระเ าพิมพิ สารทรงเ นพระมหากษตั ริ ปกครองโดย ระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าช มีพระราชโอรสอง ให ทรงพระนาม า อชา ตศตั รู เ าชายอชาตศตั รูน้นี บั ถอื ศาสนาเชน มไิ นับถือพุทธศาสนาเหมอื นพระราชบิดา จึงถกู พระเทวทัตยใุ กบฏ ชงิ ราชสมบัติ อ มาวันหนึง่ เ าชายเหนบ็ กรชิ ลอบเ าไปหมายจะสังหารพระราชบิดา เมอ่ื ถูกจบั ไ กส็ ารภาพ าจะ สังหารเพอื่ ใ ไ ราช สมบัติ พระเ าพิมพิสารไ พระราชทานอภัยโทษและยกราชสมบตั ใิ พระราชโอรสเมือ่ อนพทุ ธ ปรนิ ิพพาน ๘ หรือ อน พ.ศ. ๙ แ ท าพระเ าอชาตศัตรู หวาดระแวง าพระราชบิดาจะเปลี่ยนพระทัย จึงสัง่ ใ อํามาต จับพระราชบดิ าไปขงั ไ บนภเู ขาคิชฌกูฎและทรมานจนสวรรคต แค นวชั ชีเ นสหพนั ธรฐั ตัง้ อ บน งแ นํา้ คันธกะ แควหนง่ึ แ งแ นํา้ คงคา มกี รุงเวสาลเี นเมืองหลวง และมีพรมแดนตดิ อกบั แค นมคธ กษัตริ ลิจฉวี ผลดั เปล่ยี นกนั ปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม มีรัฐสภาเ นท่ี ปรึกษาราชการแ นดิน และมวี ัฒนธรรมประจาํ ชาติซ่งึ ยดึ ถอื ปฏบิ ัตอิ างมั่นคง ๗ ประการ เรียก า อปริหานิย ธรรม ฉะนัน้ แ แค นวัชชจี ะเลก็ ก าแค นมคธ ก็มคี วามเจริญ งเรืองและสามคั คกี ันไ อยก าแค นมคธ พระเ าอชาตศัตรูมกี รณพี พิ าทเ นประจาํ กบั กษัตริ ลิจฉวี เรื่องแ งเครือ่ งเทศอันมี าท่ีเชิงภเู ขา พรมแดน างจากแ นํ้าคงคาประมาณ ๘ โยช พระอง จึงทรงวางแผนสงครามโดยใ ใ มหาอาํ มาต สุนิธะกับปโุ รหติ เฉลียว ฉลาดนาม าวัสสการพราหม ใ ไปส าง านปาฏลิคามขึ้นเ นเมอื ง ณ รมิ งแ นํ้ าคงคาใก ปากนํ้าคนั ธกะ ทางเ า แค นวัชชี เมืองนี้เพียบพ อม วย ายคูประตูหอรบ เพื่อใ เ นฐานทพั เ าโจมตีแค นวัชชี แ ถึงอ างไรก็ดพี ระ เ าอชาตศัตรู ก็ยังไ ก าจะหักหาญ เพราะเกรงอิทธพิ ลของกษตั ริ ลจิ ฉวีอ เมื่อพระเ าอชาตศัตรเู สวยราช ไ ๗ หรอื อนพุทธปรนิ ิพพาน ๑ ทรงใ วสั สการพราหม ใ ไปเ า พระพทุ ธเ าแทนพระอง บนเขาคิชฌกฎู ใ ทลู ถามถึงความทกุ สขุ อน แ วใ กราบทลู ถึงพระราชดําริของ พระอง ท่จี ะโจมตีแค นวัชชี และเมือ่ พระพุทธอง รบั สัง่ อ างไร ก็ใ จํามากราบทลู อ างน้ัน วัสสการพราหม ไปเ ากราบทูลตามพระราชบญั ชา พระพทุ ธเ าจงึ ตรสั ถามพระอานน าชาววชั ชยี ัง ประพฤติวฒั นธรรม (อปรหิ านยิ ธรรม) ๗ ประการ อ หรอื พระอานน กก็ ราบทลู า ไ ยิน าเขายงั ประพฤติกันอ พระพุทธอง จงึ ตรสั อไป า ไ ทรงแสดงธรรมท้งั ๗ น้ีแ กษตั ริ ลจิ ฉวคี รงั้ หน่งึ เมื่อเสดจ็ ไป ประทบั ที่สารันทเจดี กรุงเวสาลี าเ นความเจริญ ายเดียว ไ มคี วามเสื่อม วสั สการพราหม ไ งดงั นนั้ จงึ กราบทูล า แ เพียง อเดยี วเ านัน้ ก็มคี วามเจรญิ ายเดยี วไ มคี วามเสอ่ื ม เลย ไ องก าวถึง ๗ อ เพราะฉะนน้ั พระ เ าอชาตศัตรจู งึ ไ ควรทําการรบกับพวกวชั ชี นอกเสยี จากการรอมชอม หรือการทาํ ลายสามคั คขี องกษตั ริ ลจิ ฉวเี สีย อน เมือ่ กราบทลู ความคดิ เหน็ อ างน้ีแ วก็ ทูลลากลับไป เม่อื วัสสการพราหม กลบั ไปแ ว พระพุทธอง จงึ ทรงเรยี กประชมุ สง แสดงภกิ ขุอปริหานยิ ธรรมสูตร ซึ่งมี ลักษณะค ายวชั ชีอปริหานิยธรรมสูตร เม่ือ ประทบั อ ที่ภูเขาคิชฌกฎู เ นเวลาพอสมควรแ ว จงึ เสดจ็ าน าน ปาฏลคิ ามทส่ี างขึ้นเ นเมืองปาฏลีบตุ รแ ว รอนแรมไปโดยลาํ ดบั จนถึงกรงุ เวสาลี ประทับจํา พรรษาสุด ายทนี่ ั่น อจากนั้นกเ็ สด็จไปปรินพิ พานท่ีอุทยานสาลวนั แขวงกรุงกุสินารา แค นมลั ละ พระเ าอชาตศัตรูไ ทรงทราบดงั นนั้ จงึ ไ ก าโจมตแี ค นวชั ชี แ ทรงปรึกษากับวสั สการพราหม ออกอุบาย ทาํ ลายความสามัคคีของกษัตริ ลจิ ฉวี โดย แก งลงโทษวัสสการพราหม แ วเนรเทศใ ไปอ แค นวัชชี วัสสการรพ ราหม ดาํ เนินการ อนทาํ ลายความสามัคคอี ๓ จึงเ นผลสาํ เรจ็ พระเ าอชาตศัตรูไ ทรงทราบแ วกก็ รีธาทัพเ าไปยึดครองแค นวัชชโี ดยไ มกี าร รบ ภายหลงั พุทธ ปรินิพพาน ๒ หรอื อน พ.ศ. ๓ แค นวชั ชีกต็ ก อ ภายใ การปกครองของพระเ าอชาตศตั รู ็ป ้จ้ตู่ย้ว่กีปู้ส่ม้ว้ข้ล้ด้จ ็ปีปู่ย่บ์ณ้วู่ย้ห้ล์ณ้ล์ย์ณ่ต้ว้ล่ม้ด้จ ้ว่ต้ท้ล็ป้ร้บ่ผ้ล็ปู่ย้ล์ฆ์ค้ล์ณ ้ล่ย่ก์ย่ม้จ้ข่ล้ต่ม่ม่ฝ่ท้ข้ม่วัฟ้ด์ณ ่ม่ฝ็ป่ว์ย์ย่ก้ด่ว่ต์คู่ย่ว้ด่ว์ทู่ย่ว์ท้จ้ฝ์ณ ่ย้ห่ย์ค้ว์ค้ห้ล่ก์ข้ห์ค้จ้ฝ้ห์ณ้ชีป่กีป้ด์ย้จ ู่ย์ย้ล่ม้จ่ย่ต้ว้ข็ป้ช่ค้ด้ร้วู่ส้ข้ล่ม่ัฝ็ป้บ้ร้ห์ณ่วู้ผ์ย้ห้ช์ค์น่ม่ห่ค่ย์ย็ป้จ ้ว่ว้น่มุ่ร้ว่ว้ว้ม่ว่ย่ผ็ป์ย้ว่ต็ป่ม่ห่ม่ัฝู่ย็ป้ว ้ว์ย้ห่ว้จ่ว่ตีป่กีป่ก้ห้ด้จ้ด้ห่ว้ด้ข้จู่ย้ห้ด้จ่ว่ญ์ค์ย็ป้จ่มุ่ล็ป็ป์ห้ว ์ท่ห่ต้ด์ธ่ร็ป้ค้ด่บ้ข้ว่ห์ห้จ์ย์ณ้ว่ห์ย้ด่ว์ท์ธ

๔ »ÃÐÇÑµÔ á § ประวัติ เเ ง ชติ บุรทัต นามสกลุ เดิม ชวางกรู เกดิ เม่อื วนั ท่ี ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ บิดาชอื่ ชู มารดาชื่อ ปริก บิดาเ นครสู อนภาษาบาลี อ โรงเรยี นวัดราชบพิธ สถิตมหาสมี าราม มีความ ความชำนาญในการ านคำประพนั ประเภท อยกรองเ นทำนองเสนาะ ชิต บุรทตั จึงไ เรียน เร่ืองกาพ กลอน โคลง ฉัน จากบดิ า มาตงั้ แ เดก็ ชิต บรุ ทัต เร่ิมเรียนหนงั สอื ทีโ่ รงเรยี นวัดราชบพธิ ฯ ทบ่ี ดิ าสอนอ จนจบชั้นประถม แ วเ าเรียน อช้นั มัธยมที่โรงเรยี นวดั สทุ ศั เทพวราราม เมอ่ื เรียนหนังสืออ น้ัน ชติ บุรทัต ไ รบั เลอื กใ เ น นบท องเพลงสรรเสรญิ บารมี บท องเพลงในหนงั สือดอกส อยสุภาษติ และสวดโ เ วิหารรายทวี่ ดั พระศรีรตั นศาสดารามอ เสมอ พ.ศ. ๒๔๔๙ เรยี นจบชนั้ มธั ยม ขณะนน้ั อายุไ ๑๕ บดิ าจดั การใ บรรพชาเ นสามเณร เพ่ือเรยี นนกั ธรรมทีว่ ดั ราชบพธิ ฯ โดยมีพระเ าวรวง เธอ กรม หลวงชินวรสิริวฒั สมเดจ็ พระสังฆราช ทรงเ นพระอุ ชฌา บวชไ ๒ พรรษา กส็ กึ ออกมาทำงาน ชติ บรุ ทตั เร่มิ ทำงานคร้งั แรกในกรมตำรวจ ไ รับเงินเดอื นๆละ ๒๐ บาท แ ทำอ ไ ไ ถึง บดิ าก็ใ ลาออกเพราะเห็น า ชติ บุรทัต ดืม่ เห าและเทยี่ วอ างหัว ราน้ำ คงจะเอาดีทางรับราชการไ ไ แ วจดั การ งตวั ชิต บุรทัต ไปอ กับญาติ ให ทจ่ี งั หวัดสพุ รรณบรุ ี ใ เ นครูสอนหนงั สือทว่ี ัดจันท แ ชติ บุรทตั ก็ยงั คง ดมื่ จัดอ อ างเดมิ ญาติปรามไ อ งตัวกลับมาใ บดิ าทกี่ รงุ เทพฯ บิดาจึงจดั การใ บวชเ นสามเณรอกี ครัง้ หนึ่งท่ีวัดเทพศิรนิ ทราวาส เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๒ สมเด็จ พระพุทธโฆษาจาร (เจรญิ ญาณวโร) ขณะมีสมณศักดิ์เ นพระธรรมไตรโลกาจาร เ นพระอุ ชฌายะ ชติ บุรทัต จำพรรษาอ ท่ีวดั เทพศิรินทราวาสระยะหน่ึง แ วจงึ ายไปจำพรรษาทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร ไ ศึกษาภาษาไทย บาลี และอังกฤษ เพ่มิ เติมโดยเ นศษิ ของสมเด็จพระมหาสมณเ า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และทำห าทเ่ี นเลขานุการของสมเด็จพระมหาสมณเ า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส วย ใน วงนเ้ี องที่ ชิต บุรทตั ไ เริม่ กฝนการแ งกวีนิพน และ งไปลง พิม ในห าหนงั สือพิม ชติ บรุ ทัต จำพรรษาศกึ ษาปริยัตธิ รรมจนมีความ แตกฉาน ถึงปลาย พ.ศ. ๒๔๕๔ อายุครบบวช สมเด็จพระมหาสมณเ า กรมพระยาวชริ ญาณวโร รส จึงโปรดใ อุปสมบทพ อมกับ ม.จ. จลุ ดศิ ดิศกุล พระยามานวราชเสวี และพระยานิพน พจนาต พ.ศ. ๒๔๕๖ จึงลาสกิ ขาบทออกมาเ นฆราวาสและเ ารับ ราชการอีกคร้ังในกระทรวงธรรมการ โดยเ นครูสอนในโรงเรียน กหัดครู แ อ ไ ไ ถงึ ก็ องลาออกเพราะการดมื่ เห าและเท่ียวเต ออกจากกระทรวง ธรรมการแ ว ชติ บรุ ทัต จึงเรมิ่ นการเขยี นหนังสืออ างจรงิ ๆ โดยเ าทำงานทห่ี นังสอื พิม ศรกี รงุ รายเดอื น พ.ศ. ๒๔๕๗ ออกจากศรีกรงุ ไปเ นบรรณาธกิ าร วยหนงั สอื พมิ พมิ ไทย ทำอ จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๗ ทีพ่ ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเก าเ าอ หวั สวรรคต หนงั สอื พิม พมิ ไทยถกู โอนเ าเ นสมบัติพระคลงั าง ท่ี ชิต บรุ ทัต จึงลาออกจากตำแห งบรรณาธกิ าร วยพ อมกับตัวบรรณาธิการ กลับไปอ ศรกี รุงพกั หน่งึ แ วก็ออกมาเขยี นหนงั สืออ กับ านเ นเวลาประมาณ ๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๗ ไ ไป วมทำหนงั สือพมิ โฟแท็ก ของนายประสาท สขุ ุม เมื่อโฟแท็ก มกไ็ ปเ าทำ ไทยห ม วมกับ นายหอม นิลรตั ณ อยธุ ยา เมอ่ื ไทยห มเลกิ ไป ก็ างงานอ ระยะหนึง่ แ วจึงไปเ าทำงานบรษิ ัทยาทอง ของนายเสวยี น โอสถานุเคราะ ทำอ ประมาณ ๖ เดอื น กอ็ อกมาทำหนงั สอื พิม อกี โดยเ าทำท่ีหนังสอื พมิ เทอดรฐั ธรรมนูญ ของขนุ เลิศดำรกิ าร จนกระทัง่ หนงั สือหยุดกจิ การ ก็กลบั เ าไปทำห าทตี่ รวจป ฟทห่ี นงั สือพิม พิม ไทย แ วออกไป ทำหนงั สอื เอกชนจนถงึ วาระสุด ายของชวี ติ ชีวติ การทำงาน ชติ บรุ ทตั ไ ราบรน่ื นกั นบั ต้งั แ เริ่มทำงาน ชีวติ ก็ องพบกบั อปุ สรรค และความฉกุ ละหุกหลายครง้ั หลายหน บางครั้งความไ ราบ ร่นื น้ันเกิดจากชวี ติ การทำงานหนงั สือพิม ซึ่ง องพบความ มลุกคลุกคลานของหนังสือพิม ฉบับแ วฉบับเ า แ ความรักงานหนงั สอื พิม ทำใ ชีวิต องคลุกคลี อ กบั วงการหนังสอื พิม จนตลอดชีวิต แ หลายครัง้ ที่ชวี ติ องเบนออกไปจากจดุ หมายเพราะการดื่มสรุ า ชิต บุรทัต หดั ดม่ื สุรามาต้ังแ เมือ่ อายุยัง อย และติด สุราอ างหนัก ถงึ ขนาดท่ี าผกู พนั ตนเองเอาไ เ น วนหนงึ่ ที่แยกจากกนั ไ ไ จงึ ทำใ ชีวิตทง้ั วนตัวและการทำงานไ รบั อิทธพิ ลโดยตรงจากความผกู พันดงั ก าว ชิต บุรทตั องหนั เข็มชวี ติ จากการรับราชการกรมตำรวจ และการเ นครกู เ็ พราะการดืม่ เห าและแ จะ องบรรพชาเ นสามเณรถึง ๒ ครัง้ กย็ งั ไ สามารถ จะหยดุ การดื่มเห าไ ในชวี ติ วนตวั นน้ั เมอ่ื เริ่ม นชวี ิตแ งงานใน ๒๔๖๙ กบั นางจน่ั หญงิ ห าย ซ่ึงมอี ายุแ ก า ๕ ชิต บุรทัต ก็เลิกดมื่ เห าไประยะหนึง่ แ ไ นานนักก็กลับเ ารปู เดิม ชิต บรุ ทตั ดมื่ และเท่ยี วจนนางจ่ันภรรยา ไ อาจทนอ วยไ หนีออกจาก านไป บดิ าเองก็โกรธที่ไ สามารถหาทางใ ลกู ชายเ น คนดีไ จงึ ขาย านและสมบตั ิ วนตวั จนหมด ชีวิต ชติ บุรทัต ใน วงนจี้ ึง อน างจะผิดหวงั และขมขนื่ จนกระทั่งไ าวภรรยาซง่ึ หนไี ปอ กับญาตพิ ่ี องท่ี สมทุ รสงคราม และไ ไปเ นพเี่ ล้ียงพระโอรสในกรมหม่ืนนราธิปประพัน พง อ ประมาณ ก า ชติ บรุ ทตั จึงตามไปขอคนื ดแี ละพากลบั มาอ วยกนั จนถงึ วาระ สดุ ายของชวี ิต งานกวีนิพน ของ ชิต บรุ ทตั ชติ บรุ ทตั เร่มิ งานเขยี นกวนี ิพน ครง้ั แรกเมื่ออายุไ ๑๘ ขณะเมือ่ ยังบวชเ นสามเณรจำพรรษาอ ทว่ี ดั บวรนิเวศ วหิ าร งานชิน้ แรกท่ปี ระสบความสำเร็จน้ันไ ตีพิม ในหนังสือพมิ ประตูให ใ นามปากกา า “เอกชน” เมื่องานช้นิ แรกไ ประกาศถึง มอื ทเี่ นเยย่ี มทางการ เขยี นกวนี ิพน แ ว งานชน้ิ อๆ มากไ็ ปรากฏในหนงั สอื พมิ ประตูให อ เ นประจำ และไ รับรางวัลในการประกวดการแ งโคลงกระ ในห าหนังสอื พมิ ประตูให ตลอดมา จนกระทง่ั ถงึ ขัน้ ทไ่ี รบั เชิญใ เ น คดั เลอื กบทกวีสำหรับลงพมิ ในหนังสอื พิม ประตูให เพราะความปรชี าสามารถในทางการประพัน ทำใ ชติ บุรทตั มชี ื่อเสียงเ นท่ี จักทั่วไป สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ซ่ึงในขณะน้นั ดำรงตำแห งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และอง สภานายกหอ ่ตู้ผ์ค่นู้ร็ป้ห์ธ่ม์พ์พู้ผ็ป้ห้ด่ม์พ้นู้ท่ต้ด็ปู่ย่ม์พ้ด่ต้ล์ธ็ปีฝ้ด่ว้ช่ม์พ์พ้ดู่ย็ปีป้ด์ธ์ธ ้ท้ดู่ย่วีปู่ย์ศ์ธ็ป้ด้นู่ย่ขู้ร้ด้ข่ค่ช่ส้บ้ด็ป้ห่ม้บ้ด้ดู่ย่ม้ข่ม่ต้ลีป่ว่ก้มีป่ต้ต่ส้ด้ล่ม็ป้ต้ม้ล็ป้ต่ล้ด่ส้ห้ด่ม่ส็ป้ว่ว่ย้น่ต้ต่ต์พู่ย้ต้ห์พ่ต่ล้ล์พ้ล้ต์พ่ม้ต่ตู้ส่ม ้ท้ล์พ์พู๊ร้น้ข์พ้ข์พู่ย์ห้ข้ลู่ย่วุ่น์น่รุ่น้ข้ล์ซ์ซ์พ่ร้ดีป็ป้บู่ย้ลู่ย้ร่ชู้ผ่น้ข็ป้ข์พ์พู่ย้จ้ลีปู่ย์พ์พ่ชู้ผ็ป์พ้ข่ย้ต้ล่ร้ล้ตีป่ม้ดู่ย่ตึฝ็ป้ข็ป์ถ์ธ้ร้ห้จีปู้ร ์พ้น์พ่ส์ธ่ตึฝ้ด่ช้ด้จ็ป้น้จ์ย็ป้ด้ย้ลู่ยัป็ป์ย็ป์ย็ป้ห้ห่สู่ย่ม่ยู่ย่ต์ร็ป้ห่ญู้ผู่ย่ส้ล้ด่ม่ย้ล่ว้หีป่ม้ดู่ย่ต้ด ้ด์ยัป็ป์น์ศ้จ็ป้หีป้ดู่ย้อ้อ้ร้ร้ร้ต็ป้ห้ดู่ย์น่ต้ข้ลู่ย ่ต์ท์ยู้ร้ด็ป้ร์ธ่อู้รู่ย็ป ่ตู้ผ

๕ พระสมดุ วชิรญาณไ ทรงพอพระทัยในผลงานของ ชติ บรุ ทัต ทเ่ี ขยี นสดุดพี ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเก าเ าอ หวั ชิน้ ทชี่ ่อื กาพ สรรเสริญพระเกียรตคิ ุณ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเ าหลวง พระ ยมหาราช จึงมพี ระประสง ขอพบตวั ชติ บุรทตั โดยไ มรี บั สัง่ ใ บรรณาธิการ เ น พามาเ าเ าที่หอพระสมดุ ทรงมอบ หนังสอื ใ เ นทร่ี ะลึกและใ กำลงั ใจแ ชติ บรุ ทตั เ นอ างสูง และใน ๒๔๕๔ กไ็ รบั อาราธนาใ เ า วมแ งฉนั สมโภชพระมหาเศวตฉตั ร วมกบั กวเี อกคน อนื่ ๆ คือ พระราชวรวง เธอ กรมหมื่นกวพี จ สปุ รีชา พระราชวรวง เธอ กรมหมนื่ พิทยาลงกรณ (น.ม.ส) และหลวงธรรมาภมิ ณ (ถกึ จิตรกถกึ ) เพื่อใ สวด สงั เวยในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเก าเ าอ หัว ซง่ึ ไ รับพระราชทานเงนิ เ นรางวัล ๒ ช่งั เวลาไ วยใ ความเชีย่ วชาญทางการ ประพัน ของ ชิต บุรทตั เพ่ิมมากขึ้นและเมือ่ มชี ่อื เสียง งานเขยี นก็เพิม่ ตามมา หนังสือพิม ท่ีออกในยคุ นน้ั างก็มีความ องการงานเขยี นของ ชิต บุรทตั และนอก เหนือไปจากงานกวีนพิ น ที่ปรากฏในห าหนังสอื พิม แ ว ชิต บรุ ทตั ก็ยังแ งบทละคร องซ่งึ กำลังเ นที่นยิ มในสมัยน้นั ใ กบั คณะละครปราโมทยั ของพระ โสภณอักษรกิจ โดยใ นามปากกาในการแ ง า “เ าเงาะ” จากการทม่ี ีงานเ ามามากมาย มีช่อื เสยี งนเ่ี องไ ทำใ ชติ บุรทัต มีความประสง ทจี่ ะสึกออกมาใ ชีวติ การเ นฆราวาส เพอื่ ไ ทำงานที่ใจรักไ อ าง สะดวก ขณะเมอื่ ยังเ นสามเณร แ ถกู บิดาและสมเดจ็ พระมหาสมณเ า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส อง อุ ชฌายะทัดทานไ ใ อ จนอายคุ รบอุปสมบท ชิต บุร ทัต จงึ จำใจจำพรรษาอ อมา จนกระทัง่ านการอปุ สมบทและจงึ ไ ลาสกิ ขาบทใน ๒๔๕๖ ออกมาทำงานท่ีหนังสอื พิม ศรีกรงุ ก็ไ ตง้ั นามปากกาให ขึน้ อีก นามหนึ่งคอื “แมวคราว” ใน วงนี้เองท่ีงานของ ชติ บรุ ทัต ไ ตพี ิม แพ หลายใ ห าหนงั สอื พมิ หลายฉบับ อาทิ พิม ไทย สยามราษฎ ฯลฯ วยความสามารถในการเ นกวีเอกทำใ ชติ บรุ ทตั ไ รับเกียรติสงู สุดในชวี ิต นัน่ คือไ รับพระราชทานนามสกลุ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเก าเ าอ หวั ใน ครั้งนนั้ ชติ บุรทัต ไ เขียนบทกวีนิพน ปลุกใจ งไปลงหนังสือสมุทรสาร นติ ยสารรายเดอื นของราชนาวีสมาคม ปรากฏ า ไ เ นท่พี อพระทยั ของพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเก าเ าอ หวั ซงึ่ ทรงเ น อำนวยการของหนังสอื เ มน้นั ถึงกับโปรดใ ภาพ าย เขียนโคลงลงประกอบไ วย และนับเ นครง้ั แรกทส่ี มทุ รสาร ไ ลงพิม เรอื่ งของบุคคลภายนอก นอกจากนั้นก็ยังทรงรับสง่ั กับพระยาธนกิจรักษา อำนวยการหนงั สือพิม พิม ไทยใ ชติ บุรทตั เขยี นประวตั สิ กลุ ข้นึ ทูลเก า เพ่อื จะทรงพระราชทางนามสกลุ ใ ซึง่ ไ ทรงพระราชทานนามสกลุ “บุรทัต” ใ เมื่อ ชิต ทลู เก าฯ ขอพระราชทานนามสกุลในเวลา อมา งานกวีนพิ น วนให ของ ชติ บรุ ทตั เ นคำประพนั ประเภทฉัน มีท้ังทแี่ งขึ้น วยจนิ ตนาการของความเ นกวี ชมธรรมชาติ บทอุปมาเปรียบเทยี บซึ่ง วน ให เ นบทสัน้ ๆ ท่แี งเ นเรื่องยาวๆ กไ็ แ เร่ืองในชาดก คำฉัน สดุดี เฉลมิ พระเกยี รติ บทพรรณนา เ น ฉนั เฉลิมพระเกียรตงิ านพระเมรุทอง องสนามหลวง กรุงเทพคำฉัน คนช่วั อกตญั อลิ ลสิ ชาดกในเอกนบิ าต เ น น แ าชวี ิต วนตัวของ ชิต บุรทตั เ นชีวิตทไี่ อ ในกรอบที่ดนี กั ก็ตาม แ ในทางงานการเขียนหนงั สือแ ว ชติ บรุ ทัต มี มือระดบั ครู นบั เ นกวเี อกใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเก าเ าอ หวั ความสามารถพิเศษของ ชิต บุรทัต กค็ ือการแ งคำประพนั ประเภทฉัน และกาพ ชติ บรุ ทัต มลี ลี าในการแ ง ท่ีไ อาจมีกวีใดเทียบไ มคี วามเชีย่ วชาญในการเลอื กใ อยคำตลอดจนการเ นสำนวนโวหารไ อ างไพเราะ ขณะเดียวกับทเี่ ค งครดั อกฎเกณ ของคำประ พนั นัน้ ๆ งานกวนี พิ น ของ ชติ บรุ ทัต จงึ มีคุณ าทางความงามของภาษาพ อมมลู งานชนิ้ เอกของ ชิต บรุ ทัต คือเรื่องสามคั คีเภทคำฉัน ซึ่งมีชนิดของคำฉัน ถึง ๓๐ ประเภท ท่ีสามารถใ เ น นแบบของคำฉัน ไ อ างดี ่ย้ด์ท้ต็ป้ช์ท์ท้ร่ค์ธ์ธ์ฑ่ต่ร่ย้ด่ล้ถ้ช้ด่ม่ต์ย์ท์ธ่ตู่ย้จ้ล็ปีฝ้ล่ตู่ย่ม็ป่ส่ว้ม ้ต็ปูญ์ท้ท์ท่ช์ท่ก้ด็ป่ต็ป่ญ่ส็ป้ด่ต์ท์ธ็ป่ญ่ส์ธ ่ต้ล้ห้ด้ห้ล้ห์พ์พู้ผ์พ้ด็ป้ด้วู้ผ่ถ้ห่ลู้ผ็ปู่ย้จ้ล็ป้ด่ว่ส์ธ้ดู่ย้จ้ล้ด้ด้ห็ป้ด ์ร์พ์พ้น้ห่ร์พ้ด่ช่ม้ด์พีป้ด่ผ่ตู่ยู่ย้ห้วัป์ค้จ่ต็ป่ย้ด้ด็ป้ช์ค้ห้ด้ข ้จ่ว่ต้ช้ห็ป้ร่ต้ล์พ้น์ธ้ต่ต์พ์ธ้ห่ช้ด็ป้ดู่ย้จ้ล้ช์ฑ์ศ์น์ศ่ร์ท่ต่ร้ข้ห้ดีป่ย็ป่ก้ห็ป้ห้ฝ้ขู้ผ็ป้ห้ด์คิป้จ์ยู่ย้จ้ล้ด

๖ ลักษณะของคำประพัน Å¡Ñ É³ÐคÓ»Ãо¹Ñ สามมคั คีเภทคำฉนั แ งเ นบท อยกรอง โดยนำฉัน ชนดิ างๆมาใ สลับกันอ างเหมาะสม โดยเน้อื หาแ ละตอนประกอบ วยฉัน ๑๘ ชนดิ ไ แ ๑. กมลฉนั ชื่อฉนั แปล า ดอกบัว ลลี าของฉนั มเี สียงครุลหสุ ลับกันจงึ เ นเสยี งเ งเ า กระฉับกระเฉง ใ แ งพรรณนาเหตกุ าร ที่คลี่คลายอ างรวดเรว็ ตวั อ างคำประพัน ตกิ อนั รวีสา ยสกน พหลหาญ ผิวกาลมชั ฌนั ธุระเพอื่ สบายบาน หส อนและ อนกา สุขพอก็ อไป กม็ ิรบี มิรัดเอือ้ พลปรดี ิสำราญ ๒. จิตรปทาฉนั เ นฉัน ทมี่ ีทำนองเสียงกระชบั ค ายมาณวกฉัน เพราะมเี สียงลหุ ใก ชดิ กันจึงใ ความ สกึ คกึ คะนอง ตนื่ เ น จึงใ ในลีลาแ งความตื่นเ น ความสับ สนอลห า ตัวอ างคำประพนั นวิ ิสาลี นาครธา พลมากมาย กล็ ุ นหมาย เห็นรปิ มุ า พระนครตน ามตริ ชล งจะทลาย ์ธ ุ่ม ้พ ้ข ์ธ่ย ่ม้ต่ห้ช้ตู้ร้ห้ล์ท้ล์ท็ป ์ท ่ต ์ธ ่อ้ร ์ธ่ย ่ย์ณ่ต้ช้ร่ร็ป์ท่ว์ท ์ท ่ก้ด์ท้ด่ต่ย้ช่ต์ท้ร็ป่ต์ท ์ธ

๗ ๓. โตฎกฉัน ชือ่ ฉัน แปล า ปฏักแทงโค เ นฉนั ทีม่ ีลีลากระชัน้ คึกคัก ประดุจนายโคบาลแทงโค วยปฏกั กวีนิยมใ กบั เนื้อเรื่องแสดงความโกรธเคอื ง อนรนหรือคกึ คะนองสนกุ สนาน ตวั อ างคำประพัน ทนิ อุตตมไกร ประลฤุ กษมุหตุ ยะดิถีศภุ ยาม รณรงควิชัย- ๔. ภชุ งคประยาตฉัน ชือ่ ฉัน แปล า งหู รอื นาคเลอื้ ย ฉนั นม้ี ลี ีลาประดุจลีลาศของพญานาค ทำนองฉนั มคี วามไพเราะสละสลวย นิยมใ แ งเกย่ี วกบั บทชมความงาม ความ รกั ความโศก บางครงั้ กใ็ ในในบทสดดุ ีหรอื บทถวาย พระพรหรอื ดำเนินเรอื่ งใ รวดเรว็ ตวั อ างคำประพนั ทิชง ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนงึ กาล กษัตริ ลจิ ฉววี าร ระวงั เหือดระแวงหาย เหมาะแ การ จะเสกสรร ปวัต วญั จโนบาย ม างเหตุพิเฉทสาย สมคั รสนธ์สิ โมสร ๕. มาณวกฉัน ๘ ชื่อฉัน แปล า เด็กห ม เ นฉนั ท่ีมลี ีลาเ งเ า ผาดโผน คึกคัก ประดจุ เด็กห ม นิยมใ กับเรอ่ื งท่ีตนื่ เ นและรื่นเริง ้ต้ชุ่น้ร่ร์ท็ปุ่น่ว์ท ์ท ้ล ์น ์ณ่ก ์ย ์ค ์ธ่ย ้ห้ช่ต้ช์ท์ท่ว์ท ์ท ์ธ่ย ้ร้ช ้ด์ท็ป่ว์ท ์ท

๘ ตัวอ างคำประพัน กาลอนกุ รม วงลปุ ระมาณ านทวิชง วิทยะยง หนึง่ ณนยิ ม เอกกมุ าร เมื่อจะประสิทธ์ิ พราหมณไป เชญิ วรอง องรหฐุ าน ความพสิ ดาร เธอจรตาม โทษะและไข โดยเฉพาะใน จง่ึ พฤฒิถาม ขอธประทาน ๖. มาลนิ ฉี ัน ๑๕ ช่ือฉัน แปล า ดอกไ เ นฉนั ทแี่ งยากแ ท ามคี วามงาม ประดจุ ดอกไ ทำนองฉัน สนั้ กระชบั ในตอน น แ วราบรนื่ ในตอน ปลาย เ นฉัน ทมี่ ี วงทำนองเค งขรึม ายำเกรง กวมี กั ใ แ งเพือ่ อวดความสามารถในการใ ศัพ และเ นเชงิ กลบท ตัวอ างคำประพัน นันด และที่วาจกาจาร กษณะทวชิ ะรับฐา พีรโิ ยฬารและเตม็ ใจ นิรอลสะประกอบภาร ๗. วสนั ตดลิ กฉนั ๑๔ ชือ่ ฉัน แปล า ความงามในฤดูฝน เ นฉัน ที่มลี ีลางดงาม อน อยประดุจความงามของหยาดนำ้ ฝนทั้งเลก็ และให สลบั กนั ในฤดูฝน มคี วามไพเราะมาก ฉัน หนงึ่ ใ สำหรับพรรณนาส่งิ ที่สวยงาม เ น ชม านเมอื ง ชมธรรมชาติ ชมความงามของสตรี เ น น ทำใ ง สึกไพเราะและซาบซึ้งกับความงามน้ัน ๆ ตัวอ างคำประพนั วะวะวบั สลบั พรรณ สามยอดตลอดระยะระยับ จะเยาะย่วั ทิฆัมพร ดุจกวักนภาลยั อ าตระการกละจะหยัน พิศสกุ อ ามใส หางหง ผจงพจิ ิตรงอน        ฑรุ พ างพะแพรวพราย รอบ านตระห านจตั ุรมขุ         กาญจ แกมมณกี นกไพ-        ่ร์ย ์น ่ร ่ง้ด ์ส ้ฟ่ช ์ธ่ย ู้รัฟู้ผ้ห้ต็ป้บ่ช้ช์ท่ญ้ช่อ์ท็ป่ว์ท ์ท ์ย์ร ์ธ่ย ็ป์ท้ช่ต้ช่น่ร่ท์ท็ป้ล้ต์ท้ม่ว่ต่ต์ท็ป้ม่ว์ท ์ท ้ห ์ค ์ค่ท ่ล ์ธ่ย

๙ ๘. วังสัฎฐฉนั ๑๒ ชื่อฉัน มีความหมาย า เ นฉนั ทีม่ ีสำเนียงประดุจเสียง มีลกั ษณะค ายอินทรวง ฉนั ใ บรรยายความเ นเดียวกับอินทรวง ฉัน ตัวอ างคำประพนั ประชมุ กษัตริ รา ชสภาสดับคะนงึ คะเนณทกุ รงึ อุระอัดประหวดั ประวงิ ประกอบระกำพา หริ กาย าจะจรงิ   มใิ จะแอบองิ                                               กลอำกระทำอุบาย ๙. วชิ ชมุ มาลาฉนั ๘ ชอ่ื ของฉนั แปล า ระเบียบแ งสาย า เ นฉัน ทม่ี ีเสยี งหนัก หรือคำครุ วน เสียง านจงึ สั้น กระชบั รวดเร็ว ใ บรรยายความที่แสดงความ สกึ ในทาง นวายใจ ตวั อ างคำประพัน ทราบถึงบัดดล าวเศิกเอิกองึ ชาวเวสาลี ชนบทบูรี ในห คน หวาดกลวั ท่วั ไป แทบทุกถนิ่ หมด หมดเลือดสน่ั กาย อกส่ันขวัญหนี นหว่นั พร่ันใจ อนตวั แตกภยั ต่นื ตาห าเผอื ด ทิ้ง าน านตน หลบลี้หนีตาย ซุกครอกซอกครัว เ าดงพงไพร ้บ่ย ้ข ่ซ ุ่ว ้น ู้ผู่ม ่ข ์ธ่ย ุ่วู้ร้ช่อ้ล์ท็ป้ฟ่ห่ว์ท ์ท ่ช ่น ์ข ์ย ์ธ่ย ์ท์ศ่ช้ช์ท์ศ้ล่ีป์ท็ป่ว์ท ์ท

๑๐ ๑๐. สทั ทลุ ววิ กกี ตฉัน ๑๙ ชือ่ ของฉัน แปล า เสอื ผยอง เพราะมีลลี าประดุจกิรยิ าแ งเสอื โค ง มลี ีลา วงทำนองเค งขรึม เอาจรงิ เอาจังใ ความ สกึ าศักดิ์สิทธิ์ มีส า จึงนิยมใ แ งบทประณามพจ เ นการไห ครู หรอื ก าวยอ พระเกียรตหิ รือสรรเสริญพระมหากษัตริ หรือส่ิงศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ างๆ ตัวอ างคำประพัน กสุ ุมะกชะมีงาม              ผิ ามวลมาลี สภุ า ทรงกล่นิ สุคน คาม ๑๑.สทั ธราฉนั ๒๑ ช่ือฉัน มีความหมาย าฉัน ทม่ี ีลลี าวิจิตรงดงามประดจุ สตรเี พศ ประดบั วยพวงมาลัย มกั ใ เ นฉนั เ นฉัน พรรณนาความงามหรือความงามหรอื ความโศกอ างลึกซึ้งหรือบรรยายความก็ไ ตวั อ างคำประพนั สหกรณประดา ชทั้งหลาย คร้นั วงสาม ประมาณมา มติ รภทิ นะกระจาย ลจิ ฉวรี า กเ็ นไป สามคั รธี รรมทำลาย สรรพเส่ือมมหายนะ ็ป ีป่ล ์ธ่ย ้ด่ย์ท็ป์ท็ป้ช้ดู้ผ์ท่ว์ท ์ท ์ธ ่ว ์ธ่ย ่ต์ย่ล้ว็ป์น่ต้ช่ง่วู้ร้ห่ร่ท่ร่ห่ว์ท ์ทิฬ

๑๑ ๑๒.สาลินฉี นั ๑๑ ชื่อฉัน มีความหมาย า ฉนั ที่มากไป วยครุ ซึ่งเปรยี บเสมือนแ นหรอื หลกั เ นฉัน ท่มี ีเสียงครุมาก มักใ บรรยายความในการดำเนนิ เรอื่ ง ตัวอ างคำประพนั วัชชภี ูมีผอง สดับกลองกระหมึ ขา ทกุ ไ ไ เอาภาร ณกจิ เพื่อเสดจ็ ไป างทรงรบั สัง่ า จะเรียกหาประชุมไย เราใ เ นให ใจ ก็ขลาดกลัว ก าหาญ ๑๓. อินทรวเิ ชียรฉัน ๑๑ ช่ือฉนั มคี วามหมาย า เพชรของพระอินท ซง่ึ มีลกั ษณะแสงระยบิ ระยบั เ นฉัน ทมี่ ีลลี าเสนาะ จงั หวะสละสลวยอีกแบบหน่ึง กวนี ยิ มใ พรรณนาส่งิ สวยงาม พรรณนาความ าเอ็นดู ความ าสงสาร บางครง้ั กใ็ บรรยายความเพื่อแสดงความ สกึ ที่ อนไหว เศ าหมอง เยือกเย็น เ น พรรณนาใ เห็นความเสยี สละของวัสสการพราหม ตวั อ างคำประพนั โดยเตม็ กตัญ กตเวทติ าครนั ให ย่งิ และยากอัน นรอ่นื จะอาจทน หย่ังชอบนยิ มเช่ือสละเนือ้ และเลือดตน ยอมรบั ทุเรศผล ขรการ พะพานกาย ไ เห็นกะเจบ็ แสบ ชิวแทบจะทำลาย มองสตั สมรรถหมาย มนม่นั มหิ ว่ันไหว ์ย ่ป ์ณ ่ญ ูญ ์ธ่ย ์ณ้ห่ช้ร่อู้ร้ช่น่น้ช์ท็ป์ร่ว์ท ์ท ้ล่บ ่ญ็ป่ช ่ว่ต ่ป้ท ์ธ่ย ้ช์ท็ป่ก้ด์ท่ว์ท ์ท

๑๒ ๑๔. อเุ ปนทรวิเชยี รฉัน 11 วงทำนองของฉัน จะเรียบๆ เย็นๆ ไ กระแทกกระทั้น มักใ บรรยายเน้ือความ ช่ือฉัน แปล าอินทรวเิ ชยี รฉนั อย มลี ักษณะค ายกับอทิ รวเิ ชียรฉัน ซงึ่ เ นการดำเนินเรื่อง ตัวอ างคำประพัน กล เหตยุ ุยงเสริม ทชิ ง เจาะจงเจต นฤพทั ธ อการ ทินวารนานนาน กระหน่ำและซำ้ เติม ธ กเ็ ชิญเสดจ็ ไป ละครัง้ ระห างครา เหมาะ าทิชาจาร ๑๕. อนิ ทรวง ฉัน ๑๒ ช่อื ฉัน แปล า เห ากอพระอินท มลี ักษณะค ายอินทรวิเชยี ร แ วรรคหลงั เพิ่มลหขุ ึ้น อนคำ ายอีก ๑ คำ ทำใ ลีลาสะบดั สะบิง้ ตอนลงจบค าย วงทำนองข ยหรือ จึงมี แปลชือ่ ฉัน ชนดิ น้ี าข ยหรอื ของพระอนิ ท นิยมใ ในการพรรณนาความ สึกอันไ ราบรื่นของตัวละครหรอื บรรยายความ ตัวอ างคำประพนั ผิวคดิ ประหว่ันพะ หลากเหลือจะเชื่อจิต มนจักประคบั ประคอง บมิ จะรับรอง เมตตาและเต็มปลง ตรฤิ เ นระวังระแวง หนกั างระคางอ ภายหลังก็ตงั้ ตรอง ้ว ู้ร ู่ย้ข ์ธ่ย ่มู้ร้ช์ร่ีปุ่ล่ว์ทู้ผ่ีปุ่ล่ท้ล้ห้ท่ก่ต้ล์ร่ล่ว์ท ์ท์ศ ์ย่ท ่ว ์ณ่ก ์ห ์น์ค ์ธ่ย ็ป้ช่ม์ท่ท์ท้ล้น์ท่ว์ท ์ท

๑๓ ๑๖. อที สิ งั ฉนั ๒๐ ฉนั นม้ี ที ำนองสะบดั สะบงิ้ กระโชกกระชนั้ เพราะใ เสียงครแุ ละเสยี งลหุสลับกัน ทำใ เสียงกระแทกกระทนั้ เหมาะสำหรบั ใ พรรณนาความ สึกที่ รุนแรง ตวั อ างคำประพนั ก็มาเ น เอออเุ ห นะมงึ ชิ างกระไร ประการใด ก็หมิ่นกู ททุ าสสถุลฉะน้ไี ฉน ศกึ บ ถึงและมึงก็ยงั มเิ ห็น จะ อยจะมากจะยากจะเยน็ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยน้ั มทิ นั อะไร ๑๗. อุปชาติฉัน ๑๑ ชือ่ ฉนั มคี วามหมาย า ฉนั ท่แี ง วยอนิ ทรวิเชียรฉนั และอุเปนทรวเิ ชียรฉนั ปนกนั นยิ มแ งเพื่อบรรยายความในการดำเนินเรอ่ื งหรอื บทเจรจาของ ตัวละคร ตัวอ างคำประพัน ระบกุ ิจวโรงการ สดับประกาศติ พจนาถประภาษไป พยุ พลสกลไกร จงึ่ ราชสมภาร รณรัฐวัชชี เราคิดจะใค ยก ประชมุ ประชิดชัย ์ห ่ร ์ธ่ย ่ต์ท์ท้ด่ต์ท่ว์ท ์ท ้น ็ป ่ช่ม ์ธ่ย ู้ร้ช้ห้ช์ท ์ท

๑๔ ๑๘. อุ ฏฐติ าฉัน ๑๑ ชื่อฉัน หมายความ า ฉัน ทีก่ าวสำเนียงอนั ดัง องใ ปรากฏ ซ่งึ กวนี ิยมใ บรรยายความท่วั ไป ตัวอ างคำประพนั ชนะค องประสบสม เหน็ เชงิ พิเคราะ อง ธ กล็ อบแถลงการ คมคลประเทศฐาน พราหม เวทอดุ ม อภิเ ามคธไกร ใ วัลลภชน กราบทูลนฤบาล กาพ ๒ ชนดิ ไ แ ๑. กาพ ฉบัง ๑๖ ตวั อ างคำประพนั   อนั อัครปุโรหติ าจาร                    พราหม นามวสั สการ ฉลาดฉลียวเชยี่ วชนิ                 กลเวทโกวทิ จิตจิน                     สำแดงแ งศลิ ปศาสต ก็จบสบสรร ๒. กาพ สรุ างคนาง ๒๘ ตวั อ างคำประพัน บพิตรอชา                               ตสตั ตรุ า ชรัฐไกร                                                  สดบั ณสาส พระราชหทยั                                           ธปรดี ิใด บเปรียบบปาน ์น ์ธ่ย ์ค์ย ์พ์ร ้จ์ต ์ณ์ย ์ธ่ย ์ย ่ก้ด์ย ้ผ ้ห ์ณ ์ณ ่ล ่ช์ห ์ธ่ย ้ช้ห้ก่ล์ท่ว์ท ์ทัป

























๒๗ คำศพั ความหมาย ประศาส การสงั่ สอน ปรากรม ความเพียร ปรงุ โสต ตกแ งใ ไพเราะ า ง ปลาต หายไป ปวัต บางทใี คำ าปวัตติ์ หมายถงึ ความเ นไป พฤฒิ เ า (วัสสการพราหม ) พเิ ฉท ทำลาย ตัดขาด พิชากร วชิ าความ พุทธาบัณฑิต ภัต มีพระพทุ ธเ าเ น น ภาโปรกร าว ภัน พัทธสามัคคิย จัดทำเคร่ืองมอื ท่ีไ รับมอบหมาย ภิยโย การแตกสามัคคี ภรี กุ ย่งิ ข้นึ ไป ภมู ิศ ขลาด กลัว มน พระราชา มนารม ใจ มาน สมดงั ท่ีคิด ยุกติ ความถอื ตัว รหฐุ าน ยุติ ลกั ษณสาสน ท่ีสงัด ที่ลับ เลา จดหมาย วัญจโนบาย รุปความ อความ อุบายหลอกลวง ้ข์ณ์ท้ด์ณ้ข้ต็ป้จู้รู้ผู้ร์ณ่ฒู้ผ็ป่ว้ช์นัฟ่น้ห่ต์น์ท

๒๘ คำศัพ ความหมาย วัลลภชน คนสนทิ วริ ธุ ผดิ ปกติ สมรรคภนิ ทน การแตกสามคั คี สมคั รภาพ ความสามัคคี สหกร ห เห า สำ่ ห พวก สิกขสภา องเรียน สขุ าลยั ทท่ี ี่มคี วามสขุ เสาวน ง เสาวภาพ สภุ าพ ละมนุ ละ อม หาย ,หายน ความเสือ่ ม หติ ะ ประโยช เหีย้ มนน้ั เหตุน้นั อนตั ไ เ นประโยช อนุกรม ตามลำดับ อภิเ า เ นให อาคม มา มาถงึ อุปเฉทไมตรี ตดั ไมตรี อรุ ส โอรส ลกู ชาย อุฬมุ เวฬุ แพไ ไ เอาธรู เอาใจใ เ นธุระ เอาภาร รับภาระ รับผิดชอบ ็ป่ส่ผ้ม์ป่ญ็ปู้ผ้ผ์น็ป่ม์ถ์น์น่มัฟ้หู่ม่ลู่ม์ณ์ท

๒๙ บทวเิ คราะ ºทÇÔàคÃÒÐ คณุ า านเนอ้ื หา ๑) รูปแบบ สามัคคีเภทคาํ ฉนั แ งเ นบท อยกรอง โดยนาํ ฉัน ชนดิ าง ๆ มาใ สลบั กันอ างเหมาะสมกบั เน้อื หาในแ ละตอน ซ่ึงประกอบไป วยฉนั ๑๘ ชนิด กาพ ๒ ชนิด คือ กาพ ฉบัง ๑๖ และ กาพ สรุ างคนาง ๒๘ ๒) อง ประกอบของเรอื่ ง ๒.๑) เนื้อเรือ่ ง พระเ าอชาตศตั รแู งแค นมคธปรารถนาทจี่ ะครอบครองแค นวัชชี แ ญหาอ ที่ าชาวแค นวชั ชี ยดึ มัน่ ในความความสามัคคเี นหลัก ดงั น้ันพระ เ าอชาตศัตรจู ึงไ ปรกึ ษากบั วัสสการพราหม เ นปโุ รหิต และยงั มคี วาม เร่อื งศลิ ปศาสต และมีสติ ญญาเฉียบแหลม วัสสการพราหม กราบทูลใ ทรงใ อุบายในการตี แค นวัชชี โดยอาสา เ นไ ศึกไปยุยงเห ากษตริ ลจิ ฉวีใ แตกความสามคั คี พระเ าอชาตศตั รทู รงเห็นชอบ หลงั จากน้ันพระเ าอชาต ศัตรแู ส ง กรวิ้ ทรงส่งั ใ ลงโทษวสั สการพราหม อ างหนัก แ วเนรเทศไป วยความท่ี วสั สการพรามห เ น มี วาทศิล จักการใ เหตุผลโ ม าวใจ ทาํ ใ กษตั ริ ลิจ ฉวีทรงหลงเช่ือ รบั ไ เ น พรามห ในสํานกั หลงั จากท่ีทํา ห าท่อี างเตม็ ความสามารถเพอ่ื ใ เ นที่ไ วางพระทยั วัสสการพราหม ก็ เนนิ การตามอุบายข้นั อ ไป วสั สการพรา หม เริ่มส างความแคลงใจในห พระกมุ ารโดยออกอุบายใ พระ กุมารเ าใจผดิ า พระกมุ ารพระอง อ่นื นําปม อย ของตนไปเ าใ อ่นื ง ทาํ ใ เสียชอื่ เห ากมุ ารจึงนําความ ไปกราบทลู พระบิดา างกท็ รงเชื่อพระโอรสของตวั เอง ทําใ เกิดความ นเคอื งกันในห กษัตริ ลจิ ฉวี เมอ่ื เวลา านไปสาม ความสามคั คีเริม่ จางหายไป วัสสการพราหม ทดสอบ วยการตีกลองนัดประชมุ ปรากฏ าไ มี กษัตริ อง ไหนประกฏตวั วัสสการพราหม จงึ แ ใจแ ว า อุบาย ของตนไ ประสบความสําเร็จ จงึ ลอบ ง าว ไปบอกพระเ าอชาตศตั รใู ทรงยกทัพมาตีแค นวัชชี ชาวเมอื งวัชชี าง ต่นื ตระหนกมาก แ กษตั ริ ลจิ ฉวี าง ทรงถือทิฐิ ไ มี ใดคดิ วางแผน องกันภยั ดงั น้นั เมื่อกองทพั มคธมาถงึ เมอื งเว สาลี จึงยกทัพเ าเมืองไ อ าง ายดาย และ ที่เ นเ ดประตใู กองทัพมคธกค็ ือวสั สการพราหม นั้นเอง ๒.๒) โครงเรอ่ื ง สามัคคีเภทคําฉนั เริ่ม น วยกษัตริ แค นหนึ่ง องการแ อาํ นาจเ าครอบครองแค นใก เคียง แ กษตั ริ ครองแค นใก เคียงน้นั ยึดมนั่ ในอปรหิ านยิ ธรรม มีความสามคั คีม่นั คง กษัตริ องการแ อาํ นาจ จึง องใ อบุ ายเพ่ือหาวธิ ีทําลายความสามคั คีนั้นเสีย อน โดยการ งพราหม เ าไปเ นไ สกึ พูดยแุ ยงใ แตกคอกนั อน จากนนั้ จึงยกทพั เ าโจมตี ซ่ึงพราหม ท่ีเ นไ สึกน้นั ไ ใ เวลาถงึ ๓ ในการทาํ ลายความสามคั คไี สาํ เร็จ จาก นนั้ กษตั ริ ที่ องการแ อํานาจ จงึ เ าครอบครองแค น างเคยี งไ สําเรจ็ ๒.๓) ฉากและบรรยากาศ เร่อื งสามัคคีเภทคําฉัน เ นเรือ่ งราวทม่ี าจากประเทศอนิ เดยี กวีจึงพยายาม บรรยายฉากใ บรรยากาศของเรื่องเ นประเทศอนิ เดียในสมัยพระเ าอซาต ศตั รู แ กวีเ นคนไทยจงึ มบี รรยากาศ ความเ นไทยแทรกอ างเล็ก อย ๒.๔) ตวั ละคร ในเรอ่ื งสามคั คีเภทคําฉัน มีตัวละครทมี่ บี ทบาทและลกั ษณะที่สาํ คญั ดงั นี้ พระเ าอาชาตศัตรู ๑.เ นกษตั ิ ท่มี ีพระปรีชาสามารถในการปกครอง านเมอื ง ๒. ทรงต้ังม่ันอ ในทศพธิ ราชธรรม ๓. ทรงมพี ระเมตตา อพสกนกิ รของพระอง ๔. ทรงมพี ระทัยในการทํานบุ าํ รงุ านเมอื งใ เจริญ งเรือง ๕. ทรงมีพระทยั ท่จี ะแ พระบรมเดชานุภาพ ์ห ่ผ ุ่ร้ห้บ ์ค่ต ู่ย ้บ์ย็ป ้จ ์ท ้น้บู่ย็ป็ป่ต้จ็ป้ห็ป์ท ้ด้ข้ว้ข่ผ้ตู้ผ์ย้ดีป้ช้ด่ส็ป์ณ้ข่ก้ห้ส็ป้ข์ณ่ส่ก้ช้ต่ผ้ตู้ผ์ย้ล้วู้ผ์ย่ต้ล้ว้ข่ผ้ต้ว์ย้ด้ต์ท ์ณ้หิป็ปู้ผ่ง่ย้ด้ข้ปู้ผ่ม่ต์ย่ต่ต้ว้ห้จ่ข่ส้ด่ว้ล่น์น์ค์ย่ม่ว้ด์ณีป่ผ์ยู่มุ่ข้ห่ต่ล้หัฟู้ผ้ห่ล้ด์ค่ว้ข้หู่ม้ร์ณ่ต์ณ้ว็ป้ห่ย้น์ณ็ป้ว์ย้ห้น้น้ชู้ร์ปู้ผ็ป์ณ้ด้ล่ย์ณ้ห้ร้จ้จ้ห์ย่ล้ส็ป้ว้ช้ห์ณัป์รู้ร็ปู้ผ์ณ้ด้จ็ป้ว่วู่ยัป่ต้ว้ว่ห้จ ์ค ์ค์ย์ย์ย์ท้ด่ต่ย้ช่ต์ท้ร็ป่ต์ท ้ด่ค ์ห

๓๐ วัสสการพราหม ๑. เ นคนรกั ชาติ านเมอื ง เสยี สละเพื่อประเทศขาติ ๒. เ นคนฉลาด รอบคอบ มีความอดทนและเพียรพยายาม ๓. มีความจงรกั ภกั ดี อพระเ าอาชาตศตั รู ๔. มคี วามก าหาญ เดด็ เดย่ี ว บรรดากษตั ริ ลิจฉวี ๑. ยดึ มน่ั ในหลกั อปริหานิยธรรม๗ประการหรอื เรียก าธรรมอนั ไ เ นทตี่ ้ังแ งความเสื่อม ๒. ขาดความรอบคอบและหเู บาเพราะทรงเชือ่ พระโอรสทท่ี ูลทาํ ใ แตกความสามัคคีกนั ๓. ไ เหน็ ความสําคัญของ านเมอื งถงึ แ านเมืองจะถกู รุกรานกย็ ังถอื ทิฐไิ ยอมสามัคคีกนั เพ่อื กับศตั รู ๒.๕) กลวธิ ีในการแ ง นอกจากความสามารถในการส างตัวละครใ มบี ุคลิกลักษณะทีเ่ นชดั แ ว ก็ยังมี กลวิธใี นการดําเนินเรื่องใ ชวนติดตาม วย โดยการเลือกสรรฉนั ชนดิ างๆมาใ สลับกนั อ างเหมาะสมกบั เน้อื เร่ือง ในแ ละตอน เ น ใ วสนั ตดิลกฉนั ๑๔ ซงึ่ มลี ีลา มนวลในการแ งบทชม างๆ เพอ่ื พรรณนาภาพอันงดงาม เ น บทชมเมอื งราชคฤ ในแค นมคธของพระเ าอชาตศัตรู ใ อิทิสงั ฉนั ๒๐ ซ่ึงมลี ลี ากระแทกกระทัน้ แสดงอารม โกรธ เ น ตอนทีพ่ ระเ าอชาตศัตรูแส งบรภิ าษ วสั สการพราหม เม่อื วสั สการ พราหม ทัดทานเรอ่ื งการศกึ นอกจากน้ี ยังมีการดัดแปลงฉัน บางชนดิ ใ แตก างไปจากเดมิ และไพเราะย่งิ ข้ึน เ น การเพมิ่ สัมผสั บังคับคําสุด ายของวรรค แรกกับคําท่๓ี ของวรรคท่ี ๒ ในฉนั ๑๑ และฉัน ๑๒ ซ่ึงสมั ผสั ตาํ แห งนไ้ี เคยมปี รากฏมาแ เดิม ทาํ ใ ฉนั ก มนี้ มีเสียง ไพเราะขนึ้ และเ นท่ีนยิ มแ งมาจนถึง จจุบนั ในการแ งกาพ สรุ างคนาง ๒๘ ไ มกี ารเพิ่มลกั ษณะบงั คบั ใ คําครุ แ งสลบั กบั คําลหุ ทาํ ใ มีเสียงสั้นเสียงยาว เ นจังหวะค ายฉนั อีกทง้ั ยงั มีการเ นเสยี งสัมผสั พยญั ชนะและ เสยี งสมั ผัสสระ ในการเ าเร่อื งกวใี คํา ายๆในการทาํ ใ เรื่องดาํ เนนิ ไปไ อ างรวดเร็ว และทํา ใ านเ าใจไ ทนั ที อีกทง้ั บรรยายและพรรณตวั ละครไ กระชับแ สามารถส างภาพไ อ างชัดเจนอกี วย ๒.๖) แ นเรอ่ื ง สามัคคีเภทคำฉัน เ นเร่ืองราวเก่ยี วกบั ความสามคั คีเ นแ นเร่ืองหลกั ซึง่ งเ นไปท่ีความสามคั คีในห คณะโดยท่ีหากห คณะไ มีความสามัคคีอาจนำ ไป หายนะไ เห าโอรสของกษตั ริ ทถ่ี กู ยแุ ยงใ แตกคณะกันโดยวัสสการพราหม ทำใ งพระเ าอชาตศัตรซู งึ่ เ น งศัตรูใ โอกาสนีใ้ นการโจมตแี ค นวัชชี ใน วนของแ นเรือ่ งรอง ๑.การ จกั ใ สติ ญญาในการเอาชนะศตั รู - พระเ าอซาตศัตรใู วสั สการพราหม เ าไปยแุ ยงเห าโอรสของกษตั ริ ลิจฉวใี แตกสามคั คกี ทั ำใ พระเ าอชาตศตั รูสามารถบกุ ตแี ค นวัชชีไ ายขน้ึ ๒.การ จกั เลือกใ บุคคลใ เหมาะสมกบั งานที่จะทำใ งานสำเร็จไปไ วยดี - พระเ าอซาตศัตรใู วสั สการพราหม ไปยแุ ยงเห าโอรสของกษัตริ ใ แตกคอกนั เพราะวัสสการพราหม เ นพราหม ทฉ่ี ลาดและมวี าทศลิ ดี ๓.การถอื ความคิดของตนเ นให อมทำใ เกิดความเสยี หาย อ วนรวม - เห าโอรสกษตั ริ างพากันโกรธในสง่ิ ทีว่ ัสสการ พราหม ยุแยง และไ คำนงึ ถงึ ผลทจี่ ะตามมาอนั เ นเหตใุ ถูกโจมตี ๔.ขาดการคดิ ไต ตรองทีด่ ที าํ ใ ถกู หลอกใ ไ าย - เห ากษัตริ และโอรสไ ไต ตรองในส่งิ ทีพ่ ราหม พดู กับตนแ กลบั เชื่อทนั ที ทาํ ใ เกดิ ความ บาดหมางกนั ๕.การคดิ อนทาํ เ นเรอื่ งดที ่ีสามารถทําใ เ าหมายสาํ เรจ็ ตามท่ี องการ - พระเ าอาชาตศัตรูมกี ารคดิ วางแผน วงห าเพือ่ ทําใ เ าหมายทต่ี นคดิ ไ สําเรจ็ ลุ วงตามท่ี องการ ้ต่ล้ว้ป้ห้น่ล้จ ้ต้ป้ห็ป่ก ้ห่ต์ณ่ร่ม์ย่ล ่ง้ด้ช้ห่ร ้ห็ป่ม์ณ์ณ่ต์ย่ล ่ส่ต้ห่ย่ญ็ป ์ป์ณ็ป์ณ้ห์ย่ล์ณ้ห้จ ้ด้ด้ห้ห้ชู้ร ่ง้ด้ว้จ้ห้ห์ย่ล้ข์ณ้ช้จ ัป้ชู้ร ่ก่ส ้ว้ช่ัฝ็ป้จ่ัฝ้ห์ณ้ห์ย่ล้ดู่ส่มู่มู่ม้นุ่ม่ก็ป็ป์ท ่ก ้ด่ย้ด้ร่ต้ด้ด้ข่อู้ผ้ห่ย้ด้ห่ง้ช่ล่ล์ท้ล็ป้ห่ต้ช้ด์ค์ย่ตัป่ต็ปุ่ล์ท้ห่ต่ม่น์ท์ท้ท่ช่ต้ห์ท์ณ์ณ์ณ้ร้จ่ช์ณ์ท้ช้จ้ว์ห่ช่ต่ตุ่น์ท้ช่ช่ต่ย้ช่ต์ท้ด้ห้ล่ด้ห้ร ่ต ู้ส่ม้บ้ม้บ่ม ้ห ่ห็ป่ม่ว ์ย ้ล ้จ่ต ็ป ้บ็ป ์ณ

๓๑ คณุ า านสงั คม ๑. สะ อนวฒั นธรรมของคนในสังคม ๑.๑)สะ อนภาพการปกครองโดยระบอบสามคั คธี รรม เ นโทษของการแตกความสามัคคี ในห คณะ และเ นถึงหลกั ธรรม อปรหิ านยิ ธรรม 7 ประการ  ซึ่งเ นหลกั ธรรมที่ งผล ใ เกดิ ความเจริญ ของห คณะ ปราศจากความเสอ่ื ม ไ แ   - ไ เบอื่ ห ายการประชุม เมือ่ มีภารกจิ ก็ประชมุ ปรึกษาหารือกนั เพ่อื วยกนั คดิ หาทางแ ไข ญหา - เ าประชุมพ อมกัน เลิกประชมุ พ อมกนั วมกันประกอบกิจอนั ควรกระทำ - มคี วามสามัคคกี นั - ยึดมัน่ ในจารีตประเพณีอันดงี าม และประพฤตดิ ปี ฏิบัติตามส่ิงทบ่ี ัญญตั ิไ ๒. แสดงใ เห็นถงึ โทษของการแตกความสามคั คใี นห คณะ าไ สามคั คเี นอนั หน่ึงอนั เดียวกัน กจ็ ะนำ านเมอื งไป ความหายนะไ ( ายตรง ามสามารถใ จุด อนในเรือ่ งนเ้ี พอ่ื โจมตีไ าย) ๓. เ นการใ สติ ญญาไต ตรองในการแ ไข ญหามากก าการใ กำลงั คณุ า านวรรณศลิ การใ โวหาร ๑. บรรยายโวหาร โวหารที่ใ ในการอธิบาย เ าเรอื่ งราวเหตุการ เพ่ือใ านไ รับความ ความเ าใจในเร่ืองนนั้ ๆ อ างละเอยี ด แ มแ ง การเรยี บเรียง และการใ อยคำ จงึ มกั เลอื กใ อยคำที่ส่อื ความหมาย ตรงไปตรงมา กะทดั รดั ชดั เจน   เน   ณวันหน่ึงลถุ ึงกา                       ลศกึ ษาพิชากร กมุ ารลิจฉววี ร                                    เสดจ็ พ อมประชุมกัน ตระบัดวัสสการมา                   สถานราชเรยี นพลัน ธแก งเชญิ กุมารฉนั                          สนิทหนึง่ พระอง ไป ถอดความไ า วันหนงึ่ เมอ่ื ถงึ โอกาสทจ่ี ะสอนวิชา กมุ ารลจิ ฉวกี ็เสดจ็ มาโดยพ อมเพรียงกัน  ทันใดวัสสการพราหม กม็ าถึงและแก งเชญิ พระกุมารพระอง ทีส่ นิทสนมเ าไปพบ ๒. พรรณนาโวหาร ใ พรรณนาโวหารส างภาพทีล่ ึกซ้ึง เ นชัด จนเกดิ ภาพค อยตาม ทำใ าน สกึ ไ ถึงความไพเราะของเนือ้ หา และสามารถจินตนาการตามถึงเนอื้ หาไ เน  กุมารราชมิตรผอง                      ก็สอดค องและแคลงดาล             พิโรธกาจวิวาทการ                          อุบตั ขิ ึ้นเพราะ นเคือง                          พพิ ิธพนั ธไมตรี                           ประดามนี ริ นั ด เนอื ง              กะอง นนั้ ก็พลนั เปลือง                      มลายปลาตพินาศปลง ถอดความไ า กุมารลิจฉวีทั้งหลายเห็นสอดค องกันก็เกิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดข้ึนเพราะความ นเคืองใจ ความสัมพัน อันดีที่เคยมีมาตลอดก็ถูกทำลายลง อยยับ ่ย์ธุ่ข้ล ่ว้ด ์ค ์ร ุ่ข์ณ ้ล ่ช ้ด้ดู้ร่อู้ผ้ห้ล่ด้ร้ช ้ข์ค้ล์ณ้ร ่ว้ด ์ค้ล ้ร ่ช ้ถ้ช้ถ้ช้จ่จ่ย้ขู้ร้ด่อู้ผ้ห์ณ่ล้ช ้ช ์ป้ด่ค ้ช่วัป้ก่รัป้ช้น ่ง้ด่อ้ช้ข่ฝ้ดู่ส้บ็ป่ม้ถ ู่ม้ห ้ว ่ร้ร้ร้ข ัป้ก่ช่น่ม ่ก้ดู่ม้ห่ส็ป้นู่ม้น้ท ้ท ้ด่ค

๓๒ ๓. สาธกโวหาร โวหารทย่ี กตัวอ างมาประกอบ อความ เรื่องราวใ เ าใจ แ มแ งย่ิงขน้ึ อาจเ นการก าว างถงึ เรือ่ งจรงิ นิทานทเี่ นท่ี จกั กนั ดีมาประกอบก็ไ เน ลุ องหบั รโหฐาน                      กถ็ ามการ ณ ทนั ใด มิลีล้ บั อะไรใน                                    กถาเ นธปจุ ฉา จะถูกผดิ กระไรอ                     มนุษ กระทำนา และ โคก็จงู มา                                   ประเทยี บไถมิใ หรือ ถอดความไ า                  เมื่อเ าไปใน อง วนตัวแ วก็ทลู ถามเรือ่ งทไี่ ใ ความลบั แ ประการใด เ นถาม า ชาวนาจูงโคมา หน่งึ เพือ่ เทียมไถใ หรือไ ๔. อปุ มาโวหาร การใ โวหารเปรยี บเทียบ ประกอบ อความ เพอ่ื ใ าน เ าใจชดั เจนยิ่งขนึ้ ทำใ เ าใจเรอ่ื งราวไ แ มแ ง เน  ไ เหลือเลยสักพระอง อัน                 มิละ ยะสหฉัน             ขาดสมัครพัน                                         ก็อาดรู                           างอง นำความมิงามทลู                 พระชนกอดศิ รู             แ งธโดยมูล                                            ปวตั ติ์ความ ถอดความไ า ไ มเี หลอื เลยสกั พระอง เดียวที่จะมคี วามรักใค กลมเกลียว  างขาดความสมั พนั เกิดความเดอื ด อนใจ  แ ละอง นำเรอ่ื งไ ดีท่เี กดิ ขึน้ ไปทูลพระบดิ าของตน ๕. เทศนาโวหาร แสดงการสัง่ สอน หรอื ชกั จงู ใ านเหน็ ค อยตาม ช้ีแนะคณุ และโทษส่ิงท่คี วรปฏบิ ัติ หรอื แสดงทศั นะใน อสังเกต เน ควรชนประชุมเ น คณะเ นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิพทั ธรำพงึ ไ มีกใ็ มี ผิวมกี ค็ ำนึง เน่ืองเพอ่ื ภยิ โยจึง จะประสบสุขาลยั รสทางวรรณคดไี ทย ๑. เสาวรจนี (รสแ งความเพลดิ เพลิน) ไ แ บทชมโฉม ชมความงามของวัตถุสงิ่ ของ หรอื ชมธรรมชาติ ตวั อ าง  ตอนบรรยายความงดงามของปราสาทราชมณเทยี รของเมืองราชคฤ           อำพนพระมนทิรพระราช                  สนุ วิ าส วโรฬา อัพภนั ตรไพจิตรและพา                                หิรภาคกพ็ ึงชม เ เลอื่ นชะลอดุสติ ฐา                                 นมหาพมิ านรม มารังสฤษ พิศนิยม                                     ผิจะเทียบก็เทียมทนั สามยอดตลอดระยะระยบั                              วะวะวับสลับพรรณ อ าตระการกลจะหยนั                               จะเยาะยั่วทิฆมั พร บราลพี ลิ าศศุภจรญู                                      นภศลู ประภัสสร หางหง ผจงพิจิตรงอน                                ดจุ กวักนภาลยั ์ส ้ฟ่ช ์ฎ ์ย์ห่ล ์ร์น ์ห่ย ่ก้ด่ห ้ห่ป ็ป ่ช ่ช ้ข้ล่อู้ผ้ห ่ม์ค่ต้ร์ธ่ต่ร์ค่ม ่ว้ด ่ห ์ค่ต ์ธ ์ทิป์ค่ป ่ช ้จ่จ้ด้ข้ห้ข่อู้ผ้ห้ข้ช ่ม่ชู่ค่ว่ช่ต่ช่ม้ล่ส้ห้ข ่ว้ด ่ชู่ค ู้ผ์ยู่ย ่ช ์ณ้ห ่ช ้ดู้ร็ป้อ่ล็ป้จ่จ้ข้ห้ข่ย

๓๓ ๒. พโิ รธวาทัง (รสแ งความพโิ รธ) ไ แ บทโกรธ ฉนุ เฉียว บรภิ าษ าง ๆ ซึ่งเกิดจากอารม เ น วนให    ตัวอ าง  ตอนพระเ าอชาตศัตรกู ร้วิ วสั สการพราหม ท่ีบงั อาจแสดงความคดิ เห็นโ แ งเรอ่ื งการรกุ รานแค นวชั ชี                ผนั พระกายกระทืบพระบาทและอึง พระศัพทสหี นาทพงึ                                                   สยองภัย                 เอออเุ ห นะมงึ ชิ างกระไร ทุทาสสถลุ ฉะนไ้ี ฉน                                                   กม็ าเ น                                  ศึก ถึงและมงึ ก็ยังมเิ ห็น จะ อยจะมากจะยากจะเย็น                                      ประการใด                            อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยั้นมิทนั อะไร                                                 ก็หม่นิ กู                 กลกะกากะหวาดขมังธนู บ อนจะเห็นธวชั รปิ  ู                                                 สิ าถอย                 ายเพราะภัยพะตวั และกลัวจะพลอย พนิ าศชิพิตประดิษ ประดอย                                     ประเด็นขดั                            กูกเ็ อกอุดมบรมกษตั ริ                                        วิจาระ วนบควรจะทดั                                               จะทานคำ                 นี่ ะเหน็ เพราะเ นอมาต กระทำ พระราชการมาฉนำ                                                  สมยั นาน                 ใ กระนน้ั ละไซ จะใ ประหาร ชวิ าต และหวั จะเสยี บประจาน                                  ณทันที                 นาคราภบิ าลสภาบดี และราชบรุ ุษแ ะเ ยจะรี                                           จะรอไย                 ฉุดกระชากกลอี ปรี เถอะไป บพักจะ องกรณุ อะไร                                               กะคนคด                 ลงพระราชกรรมกรณบท พระอัยการพิพากษกฎ                                              และโกนผม                 ไ มิใ สถิตณคามนิคม นครมหาสิมานยิ ม                                                   บรุ ีไร                 มนั สมคั รสวามภิ กั ดใิ น                                       อมติ รลิจฉวีกไ็ ป                                                      บ ามกัน ๓. สลั ลา งคพสิ ยั (รสแ งความโศกเศ า) ไ แ บทเศ าโศก คร่ำครวญ เวทนา สงสาร    ตัวอ าง  ตอนวสั สการพราหม ถูกลงอาญา           พวกราชมลั โดย                        พลโบยมิใ เบา สุดหตั ถแ งเขา                                  ขณะหวดสพิ งึ กลัว            บงเน้ือก็เนื้อเ น                       พิศเ นสรี รวั ทัว่ างและทง้ั ตัว                                 กร็ ะริกระริวไหว            แลหลงั ละลามโล                       หิตโ เลอะหล่ังไป เ งผาดอนาถใจ                                  ระกะ อยเพราะรอยหวาย             เน่อื งนบั อเนกแนว                     ระยะแถวตลอดลาย เฆี่ยนครบสยบกาย                               สิรพบั พะกบั คา ่ร่พ ้อ ่ร ์ร้ส้ต ่ห ่ช ์ณ่ย ้ร่ก้ด้ร่หัป ้ห ้ห่ล ้ต ์ย ้ฮ่น ์ม ้ห้ร่ช ์ย็ป่น ้ถ ์ย ์ฐ ่พ ่ล่ห ้น ่บ ็ป ่ช่ม ้ว้ย้ต์ณ้จ่ย ่ญ่ส็ป์ณ่ต่ก้ด่ห

๓๔ รสทางวรรณคดสี นั สกฤต    ๑. รทุ ธรส หรือ เราทรรส (รสแ งความโกรธเคอื ง : บาลเี รยี กรสน้ี า โกธะ)   ตวั อ าง             าวก็ทรงแสดงพระอง   ธ  ปาน ประหนง่ึ พระราชหทัยลดุ าล                                         พโิ รธจึง               ผนั พระกายกระทบื พระบาทและองึ พระศัพทสีหนาทพึง                                                   สยองภัย               เอออุเห นะมึงชิ างกระไร     ทุทาสสุถลฉะนี้ไฉน                                                    กม็ าเ น ศกึ   บ  ถึงและมงึ กย็ งั มเี หน็      จะ อยจะมากจะยากจะเย็น                                         ประการใด                อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยนั มิทนั อะไร                                                   ก็หมน่ิ กู          โวหารภาพพจ ๑. อปุ มา คอื การนำของสองสิง่ ท่ีมีลกั ษณะค ายกันมาเปรยี บเทยี บกนั โดยมีคำ า ดจุ เหมอื น ค าย เ น วัสสการพราหม เปรยี บนำ้ พระราชหฤทัยกษัตริ ลิจฉวี            “เมตตาทยาลศุ ภุ กรรม              อุปถมั ภการณุ      สรรเสริญเจรญิ พระคุณสนุ                ทรพนู พบิ ลู งาม      เปรยี บปานมหรรณพนท ี                  ทะนทุ ป่ี ระทังความ      อนกายกระหายอทุ กยาม                  นรหากประสบเห็น     เอบิ อิม่ กระหย่มิ หทยคราว                 ระอุ าวก็ อนเยน็    ยังอุณหมุญจนะและเ น                    สุข ตดิ ใี จ” ๒. อุปลกั ษ คือ การเปรียบเทียบส่งิ หน่ึงเ นอกี สงิ่ หนึ่ง เ น ตอนวัสสการพราหม ก าวเปรียบเทียบทหารของแค นวชั ชีกับทหารของแค นมคธ           “หงิ่ อยสแิ งสรุ ยิ ะไหน            จะมิ าชิวาลาญ” จะเ าใจไ าหิ่ง อยน้นั หมายถงึ กองทพั มคธ  วนสรุ ยิ ะน้นั หมายถึงกองทพั วัชชี ภาษาวรรณศลิ ๑. การสรรคำ   วรรณคดีประเภทฉนั แ จะนยิ มใ คำบาลสี ันสกฤตกต็ าม  เพราะ องการบังคบั ครุ ลห ุ แ แ งไ สรรหาคำที่มเี สียงและความหมายไพเราะ อกี ทั้งยงั เลือกคำท่ี านสามารถเ าใจไ าย มกี ารเสยี งสมั ผสั พยญั ชนะ เสียงสัมผัสสระ อกี ทัง้ ยังมกี ารเ นเสียงหนกั เบา อีก วย ตัวอ าง สัมผสั พยัญชนะ “ทชิ ง ชาตฉิ ลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษตั ริ ลิจววี าร ระวังเหือดระแวงหาย” มกี ารเ นพยญั ชนะ คำ า “คะเนกล - คะนึงการ” กบั “ระวงั เหือด - ระแวงหาย” ตัวอ าง สัมผัสสระ วงลปุ ระมาณ กาลอนกุ รม หนง่ึ ณ นยิ ม านทวชิ ง มกี ารเ นเสียงสระ คำ า “ประมาณ - กาล” กับ “อนุกรม - นยิ ม” ่ว่ล ์ค่ท ่ล ่ย ่ว่ล ์ย ์ค ่ย ้ด่ล่ง้ด้ข่อู้ผ้ด่ตู้ผ่ต้ต้ช้ม์ท ์ป ่ส้ห่ว้ด้ข ่น่ข้ห ้ว้ว่ล์ณ ่ช ็ป์ณ ีป็ป ่ผ่ผ ้ร ์ย ์ย์ณ ่ช ้ล่ว้ล ์น ้น ็ป ่ช่ม ์ค้ท ่ย ่ว่ห

๓๕ ตวั อ าง การเ นเสยี งหนักเบา อนั ภูบดรี า ไ ลจิ ฉวภี ู แลสรรพบรรดา ถึงซ่งึ พิบตั ิ ชอชาตศตั รู วประเทศสะดวกดี วรราชวัชชี ฑอนัต พินาศหนา มกี ารเ นเสยี งหนักเบา เ น “อัน” เ นเสยี งหนัก กับ “รา”เ นเสยี งเบา ๒. การเรยี บเรยี งคำ เชงิ ชดิ ชอบเชอื่ ง ใ คำทีเ่ าใจ าย ทำใ านเ าใจ าย ฉัน อชั ฌาสยั   า นวายใจ ตัวอ าง ใ คำ ายๆเพอ่ื ใ านเ าใจ   าว างแดนตน”                 “ผูกไมตรีจิต                           กับห ชาวเมือง                             เ าเร่ืองเคือง น                         จำเ นมาใน                            ๓. การหลากคำ  กวีจำเ น อง จกั คำมากเพอื่ หลกี เล่ยี งการใ คำซำ้ กัน  ทำใ านเห็นความเ นอจั ฉรยิ ะของกวี ตัวอ าง                “ขนุ คอคชคุมกุมองั                        กสุ กราย ายยัง         ขนุ ควาญประจำดำร”ี                    และ             “ขุนคชขึน้ คชชนิ ชาญ                    คมุ พลคชสาร         ละตัวกำแหงแข็งขัน”        คำ า คช ดำรแี ละคชสาร หมายถึง างทัง้ ส้ิน ้ช่ว ้ท ่ย ็ป่อู้ผ้ห้ชู้ร้ต็ป ่ต้ด็ป ุ่ว้วุ่ข่ล ์ทู่ม ้ข่อู้ผ้ห่ง้ช ่ย ่ง้ข่อู้ผ้ห่ง้ข้ช ็ป็ป่ช่ล ์ถ ีป ้ด ่ล่ย

๓๖ ภาคผนวก

๓๗ บรรณานุกรม Coggle.it. ๒๕๕๖. วิเคราะ เรื่อง สามัคคีเภทคำฉนั (สาระของเรือ่ ง (ความสามัคคีเ นธรรมท…. [ออนไล ] เ าถงึ ไ จาก : <https://coggle.it/diagram/XGzN8SkWqB2YgEtW/t/วเิ คราะ -เรื่อง-สามัคคเี ภทคำฉัน > [วนั ที่ น อมูล ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓]. Elsd.ssru.ac.th. ๒๕๕๗. [ออนไล ] เ าถงึ ไ จาก : <http://elsd.ssru.ac.th/bualak_na/plugin le.php/74/mod_page/intro/สามคั คีเภทคำฉนั -60.pdf> [วนั ที่ น อมลู ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓]. Hunnahunty.weebly.com. ๒๕๕๘. [ออนไล ] เ าถงึ ไ จาก : <http://hunnahunty.weebly.com/uploads/4/3/5/4/43542331/สามคั คีเภท-3.pdf> [วันท่ี น อมูล ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓]. Samakkeepeatchant.blogspot.com. ๒๕๕๖. วเิ คราะ เรื่องสามัคคเี ภทคำฉนั . [ออนไล ] เ าถึงไ จาก : <http://samakkeepeatchant.blogspot.com/2013/12/blog-post_3427.html> [วนั ท่ี น อมูล ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓]. Th.wikipedia.org. ๒๕๕๔. ฉนั . [ออนไล ] เ าถงึ ไ จาก : <https://th.wikipedia.org/wiki/ฉนั #วงั สฏั ฐฉัน _1> [วันท่ี น อมูล ๒ ธันวาคม ๒๕๖๓]. Th.wikipedia.org. ๒๕๕๔. [ออนไล ] เ าถึงไ จาก: <https://th.wikipedia.org/wiki/ชติ _บรุ ทัต> [วันท่ี น อมลู ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓].         ้ข้ค ้ด้ข ์น ้ข้ค ์ท์ท้ด้ข ์น์ท ้ข้ค ้ด้ข ์น์ท์ห ้ข้ค ้ด้ข ์น ้ข้ค ์ทif้ด้ข ์น ้ข้ค ์ท์ห้ด้ข ์น็ป์ท์ห


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook