กลุม สาระการเรียนรกู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษาพัฒนาการ ใบความรู รายวิชา อาหารวางนานาชาติ รหัสวชิ า ง23225 ชั้นมธั ยมศกึ ษาศกึ ษาปท่ี 3 หนว ยเรื่อง การเลอื กซอ้ื และเก็บรักษาอาหาร ………………………………………………………………………………………… การเลือกซ้อื และเก็บรกั ษาอาหารสดและอาหารแหงสาํ หรับการประกอบอาหารวา ง 1. การเลอื กซื้ออาหารสด ทนี่ ํามาใชใ นการทาํ อาหารวา งคาวเปนสว นใหญ ไดแ ก 1.1 เนอื้ หมู นยิ มเลือกใชส ันนอก เนื่องจากมีลักษณะนมุ กาํ ลังดี มไี ขมันนอย เน้อื หมูสีเนือ้ เปนสชี มพูออ น นุม เปนมนั เน้ือแนน สวนทเ่ี ปน มนั ตองมสี ีขาว หนงั เกล้ยี งเกลา ลา งใหสะอาดเชด็ ใหแหง เกบ็ ไวใ นกลองพลาสตกิ เปน สัดสว น เกบ็ เขา ในชองเนื้อสตั ว หรอื แชช องแชแ ข็ง วิธหี ัน่ ห่ันเปนชนิ้ ตามขวาง 1.2 หมูสบั โดยท่ัวไปหมสู บั ทข่ี ายเปน เศษหมู แลว ก็ผสมมันลงไป ดงั น้คี วรดมกลิน่ ไมใหมีกลิ่นเหม็นและสคี ล้าํ ควรเปนสชี มพอู อนทั้งกอ น 1.3 ไกอ อน ปลายแหลมจะแหลม หนงั ใตเ ทาบางและนุม เดือยยงั ไมยาวมากและนุม ไกแ กปลายเล็บจะมน หนัง ใตเทาจะหนาและแขง็ เดือยยาวและในปจ จุบันจะมีไกแยกเปน สว น ๆ เพราะสะดวกตอการปรงุ อาหาร สว นจะซื้อสวนไหน นนั้ กข็ ้ึนอยูกับความชอบและลักษณะของการปรงุ อาหาร 1.4 นอ งไก เหมาะสาํ หรบั การยา งหรอื ตุน ในการเลือกซื้อควรหลกี เล่ยี งนองทีม่ สี ีซีด และมีนาํ้ สแี ดงไหลซึมออกมา เพราะนนั่ แสดงวา นอ งไกไมส ด 1.5 ปก ไก เหมาะกับการยา ง ตม ตุน ควรเลอื กซ้ือปกไกทีม่ ลี ักษณะบางใส เม่ือจบั ดูไมมเี มือก 1.6 อกไก หรือสันในไก เนื้อสวนน้ีจะคอนขางนุม เน้ือติดมนั นอ ย เหมาะกบั การผัดไสข นมของวางคาวหรือทอด ควรเลอื กเน้ือทมี่ สี ชี มพอู อนใส 2. การเลือกซ้ือผกั ควรเลือกท่ีใหม สด สะอาด มีคุณคาทางโภชนาการสงู การเลอื กซ้ือผักแตละประเภท ควรพจิ ารนาดังน้ี 2.1 ผักรบั ประทานใบ ควรเลือกท่ีสดใหม ไมเหยี่ วชา้ํ ลําตนอวบนํา้ ใบอาจมรี อยแมลงกัดแทะบา งแสดงวา ปลอดภัยจากสารเคมี 2.2 ผักรบั ประทานหวั ควรเลือกหวั หนักเน้ือแนน นํา้ หนักเหมาะสมกบั ขนาด ถาหวั ใหญนาํ้ หนักเบาเน้ือจะไมแ นน 2.3 ผักรับประทานผล เอกตามลกั ษณะเฉพาะของผักน้นั เชน ฟก ทอง ผลหนักเน้ือแนนสีเหลืองงอมเขียว ผิว ขรขุ ระ แตงราน แตงกวา เลอื กผิวสเี ขยี วร้ิวขาว ผิวตึง ถา ผิวเหลอื งแสดงวาเปน แตงเกาและเร่ิมแก เปนตน 3. การเลอื กซือ้ อาหารแหง ซง่ึ นาํ มาใชใ นการทําอาหารวางมที ้ังประเภทของวางหวานและวางคาว 3.1 แปงขาวจา ว แบงเปน 3 ชนิด มีดงั น้ี ก. แปง เกา เปนแปงทีท่ ําจากขา วเกา มีคณุ สมบตั ิในการดูดซมึ นาํ้ ไดดีเปนขา วท่ีคางป นาํ มาขัดสีและโมจ นเปน เนือ้ ละเอียด แปงชนิดนเี้ หมาะสาํ หรบั ทําขนมครก ขนมไรเร ขนมตาล ขนมกุยชาย กระทงทอง เปนตน ข. แปง ใหมท ผ่ี ลติ จากขางใหม มีกล่ินหอม แปงชนดิ นด้ี ดู นา้ํ ไดนาํ้ นอย เพราะในแปงจะมคี วามชน้ื สูงเหมาะสําหรบั ทําขนมเปย กปูน ขนมแปงออน ขนมกรวย ขนมตมแดง ขนมตม ขาว ขนมอาลวั ฯลฯ ค. แปง สด เปน แปงทีโ่ มกบั นํา้ ลักษณะของแปงจะมคี วามชน้ื มาก การนาํ ไปใชต องลดปริมาณนํา้ จากตาํ รับปกติ ท่ัวไป ในปจ จุบันจะมเี ฉพาะรานขนมที่ทําการโมม าใชเ อง เพราะไมส ะดวกในการเก็บรักษาหากมีกล่ินเปรีย้ วจะไมน าํ มาใช สามารถใชกบั ขนมไทยทุกชนิด เชน ขนมตมแดง ขนมตมขาว ลอดชองไทย ฯลฯ
การเก็บรักษา ควรเลือกแปงทีม่ ีเนื้อละเอยี ด เพราะจะทําใหเนอื้ สมั ผสั เนยี นละเอยี ด มีสีขาวไมม ีมอด ถาสามารถ ดมดูไดจะไมม ีกล่ินอับหรือกลิ่นสาบ แปงสดตอ งไมม ีกล่ินเปรีย้ ว กลนิ่ อบั แปงแหงควรเกบ็ ในท่ีมีอากาศแหง ใชแ ลว ควรปดถงุ ใหสนทิ ปองกนั มด แมลง หรอื ความชื้นจากอากาศ แปงสดควรเก็บในตูเ ยน็ ควปดใหสนทิ มฉิ ะนั้นแปงจะดูดกลิ่นจากตเู ย็น ทําใหแปง มกี ลิน่ ท่ีไมพึงประสงค หากมีกลนิ่ เปรีย้ วไมควรนํามาใช 3.2 แปงขา วเหนยี ว มี 2 ชนดิ คอื ก. แปง ขาวเหนยี วขาว เปนแปงที่ไดจ ากการนาํ ขา วเหนยี วขาวมาโมจ นละเอยี ด จะมี 2 ลักษณะ คอื แปงสด และแปงแหง แปงสดจะทําเชน เดียวกับแปงขาวจาวสด นยิ มนํามาใชทาํ ขนมบัวลอย ขนมบาบิ่น ขนมไขห งส ขนมถ่วั แปบ ขนมชอ มวง ขนมจบี ไทย เปนตน สําหรบั แปง แหงทีส่ ามารถเกบ็ ไวใ ชไดนาน สะดวกในการเก็บและการนํามาใช สามารถใช ทําขนมไทยไดทุกชนิด ควรเลือกซื้อแปงท่ไี มมกี ลิ่นอับหรือตัวมอด ข. แปงขา วเหนียวดํา ทาํ จากขาวเหนียวดํา โดยปกติจะมีการผสมแปง ขา วเหนียวขาวลงไปดวย เพราะแปงจะมสี ีดํามาก และเนื้อแปง เมื่อนํามาทาํ ขนมจะมีความกระดา งไมนุมนวล เม่ือเติมแปงขา วเหนียวขาวลงไปจะชวยใหส ีและเนื้อมีความนุมนวล มีทง้ั ชนิดแปงสดและแปงแหง เชนเดียวกับบแปงขาวเหนียวขาว นิยมนํามาทําขนมถัว่ แปบ ขนมสอดไส การเก็บรักษา ในปจ จบุ นั แปงขาวเหนียวในทอ งตลาดจะบรรจถุ ุง สามารถดวู นั หมดอายุไดจ ากฉลากหนา ซองหรือ ถงุ แปง นอกจากน้ีมรี ายละเอียดอนื่ ๆ จงึ ควรศึกษาจากฉลากทต่ี ดิ ไวส ว นการเก็บรักษาเชน เดยี วกบั แปงขาวจา ว 3.3 แปงสาลี ในการทําอาหารวางทั้งคาว หวาน สามารถเลือกใชใ หเหมาะสมกับงาน เพราะแปงสาลีแบงได 3 ชนดิ ก. แปงสาลีชนดิ เบา นิยมนํามาใชท ําขนมท่ีมลี ักษณะเบาฟู เชน ขนมปยุ ฝาย ขนมสาลี่ ขนมไข คัพเคก เปนตน ข. แปง สาลีอเนกประสงค นิยมนํามาใชท ําขนมกรอบเค็ม เชน ครองแครงกรอบ ทองมวน ขนมเกลยี ว กระทงทอง คุกกี้ ขนมปนสบิ ทอด กระหรฟ่ี ฟ ซาลาเปา เปนตน การเก็บรักษา แปง สาลมี จี ําหนา ยในลกั ษณะของการบรรจุในถงุ พลาสติก ถุงกระดาษ และกลองกระดาษจะมฉี ลาก บอกรายละเอยี ด เชน ชนิดของแปง การนาํ ไปใช ตาํ รบั การใชแปง นาํ้ หนกั วนั ผลติ วนั หมดอายุ ฉะน้นั ผูซ้ือศกึ ษา รายละเอียดจาดฉลากได และนําวิธีการเลอื กซื้อจากแปง ขาวจา วมาประกอบกันไดก บั การเก็บรกั ษาแปงชนดิ อนื่ 3.4 แปงทาวยายมอม แปงชนดิ นีท้ ําจากหวั ทาวยายมอม นาํ มาผา นกระบวนการผลิตจนมาเปนแปงที่มลี กั ษณะเปน เม็ดเลก็ ๆ สขี าวนวล มรี าคาสงู มคี ณุ สมบตั ิคลา ยกบั แปงถัว่ เขยี ว คอื เมื่อนํามาใชจ ะมีสีสดใสทรงตวั ไดด ี เชน การนําไป ผสมในสว นของขนมชนั้ ทับทิมกรอบ ขา วเกรยี บออ น ขาวเกรียบปากหมอ ขนมกรวย กะละแม เปนตน การเก็บรักษา ควรเลอื กซอื้ แปงใหม มีสขี าวนวล ไมม ีกลิน่ อับ ไมม ีตัวแมลง ตวั มอด เม่ือใชแ ลว ควรปด ปากถงุ ให สนิท เก็บในท่มี ีอาการศแหง 3.5 แปง มนั ผลติ ภัณฑทีม่ าจากมันสาํ ปะหลัง มีลักษณะพเิ ศษกวา แปง อ่นื ๆ คือ มีลักษณะลืน่ เนอ้ื ละเอียดนุม มสี ีขาวนวล นยมนาํ ไปใชผ สมกับแปง อ่นื ๆ เพ่ือเพิ่มคุณสมบัตขิ องแปง แปง ชนดิ น้จี ะมรี าคาคอนขา งตํ่า สามารถหาซ้อื ได งายตามทองตลาดทวั่ ไป ซ่งึ ปจจุบนั จะมีการผลิตออกมาหลายบรษิ ัทซงึ่ แตละบริษัทจะมคี ุณสมบัตทิ แ่ี ตกตางกนั ไป กอน นํามาใชใ นจาํ นวนมากจงึ ควรศกึ ษาหรือทดลองนาํ มาใชกอน เพ่อื จะไดแปงทม่ี ีคณุ สมบัติตมตอ งการ เชน แปง มันบางชนิด เมื่อนํามาใชล ักษณะขนมที่ไดจะเปอ ยยุยเร็วกวา บริษัทบางบรษิ ทั ที่จะมีความเหนียวคงทนมาก จึงควรเลอื กใชใหเหมาะกบั งาน เชน การใชแปงทาํ ขนมช้นั ขนมสงั ขยา การทําขนมชอ มวง ขนมกุยชา ย ปน สิบน่งึ ฯลฯ การเก็บรักษา 1. เลอื กย่ีหอที่เราเคยใชแ ลว มคี ุณสมบตั ิตรงกับความตองการ 2. ศึกษารายละเอียดบนฉลากเพ่ือใหไ ดแปง ท่ีใหม 3. การซ้อื จํานวนมากจะไดร าคาถูกกวา ซื้อจาํ นวนนอ ย 4. เม่ือใชแ ลวปดปากถงุ ใหสนิท เกบ็ ในที่มีอากาศแหงหรือสามารถเก็บไวใ นตเู ยน็ เปนการยืดอายุการใชงานของแปง ได 3.6 น้ําตาล ที่ทําจากออยมี 2 ชนดิ
ก. น้ําตาลทราย เปน น้ําตาลที่ผา นกระบวนการฟอกสีแลว น้ําตาลจะมีสรขาวบรสิ ุทธิ์ มีท้งั เมด็ ละเอยี ดและเมด็ หยาบ ข. น้ําตาลมะพรา ว ไดมาจากตนมะพราว มีลกั ษณะเปนกอนและเหลว มสี ีน้ําตาล ถาชนดิ เหลวบรรจุอยใู นปบ แตในปจ จุบนั มีการบรรจถุ ุงพลาสติกหรือภาชนะขายในปริมาณ 1 กิโลกรมั ชนดิ ทเ่ี ปนกอ นจะมีกลน่ิ หอมบรรจุใสถุงพลาสติก วางขายทว่ั ไป นํา้ ตาลชนิดน้ีมีกลิน่ หอมจากธรมชาติ ในการเก็บรักษานําใสภ าชนะท่ีมีฝาปด สนทิ 3.7 วุนชนดิ เสน และชนดิ ผง ก. วุนชนดิ เสน จะมลี ักษณะคลายเชือกฟาง ขาวใส เสน ยาว ไมใชช นดิ เดียวกับทท่ี ําแกงจดื หรืออาหารคาว วธิ ีการใช ลา งนาํ้ ใหส ะอาดใหหมดผง และเศษสง่ิ สกปรกออกใหห มด แชน ้ําไวสกั ครู พอใหว นุ เสนพองขึ้นนาํ ไป เค่ียวหรือตมในนํ้า แลวจึงเติมนาํ้ ตาล หรอื สวนประกอบอื่น ๆ แตก ารเคี่ยววนุ มักไมใชนํ้าฝน เพราะจะทําใหว นุ เปอยยยุ ไม เกาะตวั กัน ข. วุนชนดิ ผง ลกั ษณะเปน ผงสีขาวนวล บรรจอุ ยูในถุงเรียบรอ ยแลว จะพิมพช ่อื และวิธใี ชตดิ ไวที่ซอง สะดวกใน การใชไ มต องลางนํ้า วธิ ีการใช ผสมกบั นา้ํ และน้ําตาลเค่ียวใหนาํ้ ตาลละลายกรองดวยผา วขาวบางเอาสงิ่ สกปรกในน้ําตาลออก ยกขึ้นตั้ง ไฟใหเ ดือดอกี คร้งั เติมผงวนุ ลงไป เคย่ี วสกั ครลู องหยดดู ถาหยดแลวแขง็ อยตู วั ก็ใชได ยกลงเทใสพิมพห ลอน้ําเพอื่ ใหเย็นเรว็ 3.8 นํ้ามันสาํ หรบั ปรงุ อาหาร ตอ งคาํ นงึ ถึงความรอนที่ใชป ระกอบอาหาร และชนดิ ของน้าํ มันที่เหมาะสมกับ ประเภทของอาหาร เพราะนอกจากจะทําใหอาหารเหลาน้ันมีรสชาตทิ ี่นากนิ แลว ยังปลอดภัยจากสารพิษที่จะเกิดขนึ้ จากการ ใชน า้ํ มนั ผดิ ประเภทอีกดวย ซง่ึ มีแนวทางในการเลือกเพื่อใชประกอบอาหาร ดังนี้ ก. ทํานํา้ สลัด การทาํ นํา้ สลัดประเภทตาง ๆ ตองใชนํ้ามันพืชชนิดทไ่ี มแขง็ ตัวในอณุ หภมู ติ ่ํา เปน นาํ้ มนั ทีม่ ีกรด ไขมนั ไมอม่ิ สูง เชน น้าํ มันมะกอกธรรมชาติ นํ้ามนั ถัว่ เหลือง และน้ํามันขาวโพด ข. การผดั หรอื ประกอบอาหารโดยใชน ํ้ามันชนดิ ใดก็ได เชน น้าํ มันทานตะวนั นํ้ามนั ขา วโพด นํา้ มันถว่ั เหลือง นํา้ มนั เมลด็ ฝาย น้าํ มนั มะกอก หรือน้ํามันปาลมโอเลอิน ค. การทอดอาหาร ทตี่ องใชน้าํ มันมาก และใชค วามรอนสงู ในการประกอบอาหาร เชน ทอดไก ทอดปลา ทอดกลว ยแขก ทอดปาทองโก หรือทอดโดนัท ไมควรใชน้าํ มันพชื ทมี่ ีกรดไขมนั ไมอิม่ ตัวสงู เพราะจะทําใหเกิดควนั ไดงา ย น้าํ มันเหม็นหนื และทําใหเ กิดความหนดื เนอื่ งจากมีสาร “โพลิเมอร” เกิดขนึ้ นํ้ามนั ท่ีเหมาะสาํ หรับการทอดอาหารใน ลกั ษณะน้ี คือ นา้ํ มนั ชนดิ ที่มีไขมนั อ่ิมตัวสงู เชน นา้ํ มันปาลม หรือนํ้ามันหมู 3.9 กะทสิ ด ก. กะทิท่ีไดจ ากเนือ้ มะพราวทไ่ี มไดเอาผิวออกกอนบดใหละเอยี ด สขี องนํา้ กะททิ ีไ่ ดจากเนอื้ มะพราวท่ีไมไดเ อา ผวิ สนี าํ้ ตาลออกจะสงผลใหม ีสีออกครีม ไมข าวเหมือนนา้ํ นม กะทิชนิดน้ีจึงไมเหมาะสมสําหบั อาหารท่ีตองควบคมุ สี เพราะสี ไมส วย ไมข าวสะอาด พอใสลงไปในอาหารจะทําใหสหี มนลง ดวยเหตนุ กี้ ะททิ ่ีไดน ี้จงึ เหมาะแกการนําไปใสใ นแกงตา ง ๆ มากกวา ข. กะททิ ี่ไดจากเน้ือมะพราวที่ผานการเอาผวิ ออกกอนบดใหล ะเอียด นา้ํ กะทิทไี่ ดจ ะเปนสขี าวสะอาด ซึ่งเหมาะ สําหรับการนาํ ไปทําขนมหวานประเภทตา ง ๆ สงผลสสี ันของขนมดสู วย เนียนสะอาด นา รบั ประทาน อยางไรกด็ ีสําหรบั นํา้ กะทิที่ไดจากเนื้อมะพรา วที่ผา นการเอาผวิ ออกและน้ํากะทิท่ีไดจ ากการไมเอาเน้ือมะพราวออก ในเรื่องของรสชาติ ความ เขม ขน และความหอมแลว นา้ํ กะทิทงั้ สองชนิดก็ไมไดต างกันแตอยางใดจะตางกนั เฉพาะสขี องนาํ้ กะทิเทา น้ัน การคน้ั กะทิควรคนั้ น้ําอุนโดยทีละนอย เพื่อใหกะทิท่อี ยูในเน้ือมะพราวออกมาจนหมด ถาใสน าํ้ ครั้งละมาก ๆ จะ ทําใหคั้นไมหมดมนั หากตองการหัวกะทิขน ๆ ก็ใหใสม ะพราวขดู ลงในผาขาวบางแลว นวดจนกะทิออกมาโดยไมตองใสน าํ้ เลย 3.10 มะพรา ว วธิ เี ลอื กมะพรา วมดี ังนี้ ก. มะพรา วแก เปลือกจะแหง นํา้ นอย เน้อื แขง็ และกะลาดาํ เนือ้ มะพราวจะมมี นั มาก นาํ มะพราวไปปอก เปลอื กทาํ ได 2 แบบ ปอกเกลย้ี งหรือปอกไวจ กุ คือ เอาเปลือกมะพราวชนั ในไวจะชว ยรักษาเน้ือมะพรา วไวไดน าน ถา ใช
มะพรา วเลยก็ปอกแบบเกล้ียง คือ ปอกเปลือกแลวเกลาจนกะลาเกลีย้ งจึงตอ ยแลว ขดู แลว ค้นั เอาน้ํากะทิ เน้ือมะพราวที่ตดิ กะลาจะมันกวา เนื้อดานบน วธิ ีเลือกซือ้ มะพราวแกจ ดั กะลาจะตองมสี ดี าํ เขยา ดแู ลว มีเสยี ง มะพราวแกจะมนี าํ้ นอ ย ถาเปน มะพรา วขูด เลือกซ้ือที่เปน มะพราวแก เน้ือแขง็ หนา ใหม ไมแชน า้ํ มะพราวขดู ที่แกเ มื่อจับบบี ดูจะมีนา้ํ กะทิออกมามากและหวานมนั ถา เปนมะพรา วไมแ กเนื้อมะพราวขูดบบี แลว สากมือ มนี ้าํ กะทินอย ไมมัน ไมหวาน ถา เนื้อมะพราวแชน ํา้ นา้ํ กะทิท่ไี ดจะมี กล่ินและจับตัวเปนกอน ข. มะพราวทนึ ทึก มะพราวจวนแก กะลามีสีนํ้าตาลยงั ไมดาํ เน้ือนมุ ใชขดู โรยหนา ขนม เชน ขนมตาล ขนม กลว ย ขนมเปยกปูน ขนมเล็บมือนาง ฯลฯ หรือใชคลุกขนม เชน ขนมตม ขนมถวั่ แปบ ขนมมันสาํ ปะหลงั เปนตน นําไป กวนเปน หนา กระฉกี และไสกระฉีก เชน ใสข นมสอดไส เกสรลําเจียก ขา วเหนยี วมนู หนา กระฉีก หรือทาํ เปนตวั ขนมอยาง มะพรา วแกว กระเชา สดี า 4. การเลือกซ้ืออาหารกระปอง ในการเอกซื้ออาการกระปอ ง ควรสงั เกตดังนี้ 4.1 ฉลาก ตอ งมีรายละเอยี ด ชอื่ เลขทะเบียนอาหาร สถานที่ตง้ั ของผูผ ลิต วัน เดือน ป ท่ีผลิต รหสั ได จดทะเบียนไวแลว ตอกระทรวงสาธารณสขุ น้าํ หนกั สทุ ธหิ รือปริมาณสุทธิ ชนดิ และปริมารของของวัตถทุ ่ีเจือปนในอาหารที่ ไมใ ชเปนสว นประกอบอนั ใดจากธรรมชาติ 4.2 ลักษณะตัวกระปอง ตอ งเรยี บท้งั ฝาและกน ไมมีรอยบุบหรือโปงพอง เน่อื งจากอากาศที่อยภู ายใน ไมมี รอยร่วั หรือเปนสนิม โดยเฉพาะท่ีรอยตะเขบ็ 5. การเลือกซื้ออาหารสําเรจ็ รปู และอาหารพรอมปรุง อาหารสําเรจ็ รูปหมายถึง อาหารท่ผี ูขายปรุงไวเรียบรอยแลว ผูซ้ือสามารถนําไปอนุ หรอื รับประทานไดทันที อาหาร สาํ เรจ็ รปู นรี้ วมถงึ อาหารท่ีผูบริโภคสัง่ ใหป ระกอบหรือปรุงใหม การเลือกซ้ือควรสังเกตสถานท่ีขายสะอาด ภาชนะใสอาหารมสี ่ิง ปกปด กนั แมลง และฝุนละออง ผขู ายแตง กายสะอาดถูกหลักสุขาภบิ าลอาหาร อาหารพรอมปรุง หมายถึง อาหารท่ผี ูขายจัดเตรียมวัตถดุ บิ พรอมเครื่องปรงุ ไวเ ปนชดุ ผบู รโิ ภคสามารถซ้ือแลว นําไปประกอบเองท่ีบา น ควรสังเกตวัน เดือน ป ทผี่ ลติ หรือวนั หมดอายเุ พราะลักษณะของอาหารยังไมไดผา นความรอน มโี อกาส บูดเสียหรือเสอื่ มคุณภาพไดม ากทสี่ ุด 6. อาหารประเภทไข ไขเปด ไขไก ไขสดจะมสี ีนวล เปลอื กไมเ ปน มนั ยกขนึ้ สองกบั แสงสวางจะเห็นเงาของไขแ ดง 7. อาหารประเภทผลไม ผลไมก ็มหี ลายชนดิ และหลายประเภทเชน เดยี วกันกับผัก หลกั โดยรวมในการพิจารณาเลอื กซื้อคือ ตอ งดูผลไมท ี่ สดใหม ไมม รี อยชํ้าบรเิ วณพ้ืนผวิ ของผลไม บางชนิดควรเลือกที่มีมดไตบรเิ วณข้ัว กงิ่ และผล เพราะแปลวา ไมม ีสารพิษตกคา ง
ขา วเกรียบปากหมอ สว นผสมแปง 1 สวนผสม แปง 2 1. แปง ขา วจา ว 2 ถว ยตวง • แปง ขา วเจา 1 ถว ย 2. แปงทาวยายมอม 1/2 ถว ยตวง • แปงมันสาํ ปะหลัง 2 ชอนโตะ 3. หัวกะทิ 2 ชอนโตะ • แปง เทา ยายมอม 1 ชอนโตะ 4. นาํ้ เปลา 2 1/2 - 3 ถวยตวง • น้ําเปลา 3 ถว ย 5. สตี าง ๆ จากธรรมชาติ (โดยลดอัตราสวนของนํ้าเปลาลง) สวนผสมไส 1. หมูบด 150 กรัม สวนผสม แปง 3 2. หวั ไชเทา 200 กรมั • แปง ขา วเจา 1 ถวย 3. ถัว่ ลิสงปน 150 กรัม • แปง มนั 1 ชอ นโตะ 4. หอมแดงสบั 150 กรมั • แปงเทา ยายมอม 1/2 ชอ นโตะ 5. นา้ํ ตาลปบ 250 – 300 กรมั (แปง ชนดิ นใี้ สมากไมไดจ ะทําใหเหนียว 6. ซีอว๊ิ ขาว 2 ชอ นชา เกนิ ไป) 7. รากผกั ชี กระเทียม พริกไทย 1 1/2 ชอนโตะ • น้าํ เปลา 1 ถวย (โดยประมาณ) นํ้าปลา เกลือเลก็ นอยสําหรบั ผัด ขนั้ ตอนนการทาํ 1. โขลกพริกไทย รากผักชี และกระเทยี มใหละเอยี ดเขา กัน เตรยี มไว 2. เทนา้ํ มนั พชื ใสก ระทะนาํ ขึ้นตัง้ ไฟ ใสเ คร่อื งทโี่ ขลกไวล งไปผัดจน หอม ใสห มลู งผดั จนสุก ใสหวั หอมแดง ใสเ ตมิ บดผดั ใหเ ขากันจนสกุ ดี เพ่มิ นํ้าตาลปบ หัวไชเทา หอมใหญส บั ซิ้อิ๊วขาว ผดั ใหเ ขากันเติมถ่วั ลิสงลงไป ผัดใหเขา กนั ชมิ รส ตักพักไวใ หเ ย็นแลว ปน เปนกอนกลมขนาดพอเหมาะ
วธิ ีทําขา วเกรยี บปากหมอ 1. คนผสมแปงขา วเจา แปงมัน แปงเทายายมอม และนาํ้ เขาดวยกนั เตรยี มไว 2. ละเลงสว นผสมแปง ลงบนปากหมอ ปดฝาน่ึงจนแปงสุก หรอื เปนสีใส ๆ 3. นําไสวางตรงกลาง ใชพ ายปาดแปงข้นึ หอไสใ หมดิ 4. ตักใสถาด พรมดวยน้ํามนั กระเทยี มเจียวเสิรฟ สวนผสม ขนมชอ มวง สว นแปง สวนไส 125 กรมั 1. หมูบด 1. แปง มนั 1/4 ถวยตวง 2. นา้ํ ตาลทราย 1/4 ถว ยตวง 2. แปงขาวจา ว 1/2 ถว ยตวง 3. แปง ขาวเหนยี ว 1/2 ถวยตวง 3. หอมใหญสับ 1/4 ถวยตวง 4. เกลือ 1/3 ชอ นชา 4. แปง ทา วยายมอม 1 ชอ นโตะ 5. รากผักชี กระเทยี ม พริกไทย 5. น้ําตาลทราย 1 ชอนโตะ 6. เกลอื 1/3 ชอ นชา นาํ มาโขลกรวมกัน 1 ชอนโตะ 6. น้าํ มนั สําหรบั ผดั 1 ชอ นโตะ 7. กะทิ 1/3 ถว ยตวง 7. กระเทยี มเจียว 1/3 ถวยตวง 8. น้าํ มนั พืช 1 ชอ นตวง 9. นาํ้ ดอกอัญชนั 1 ถว ยตวง สวนของไสท ีเ่ ปนเนอ้ื สัตว เชน หมู กงุ ไก ปลา ขั้นตอนการทาํ สตี ามธรรมชาติ เชน ดอกอัญชนั ใบเตย ผลแกว มังกร วธิ กี วนแปง 1. ผสมแปง ทุกชนดิ รวมกันลงในชามท่เี ตรยี มไวผ สมแปง คลกุ เคลา ใหเขา กนั 2. ใสน ํา้ ดอกอัญชันทลี ะนอย นวดอยา ใหแปง เปน เม็ดนวดแปงจนเนียนไดท่ี แลว จึงใสน ํ้าสว นที่เหลือ คนสวนผสม ใหเ ขากันแลว จงึ เติมกะทลิ งไป 3. นาํ แปง ที่นวดจนเนียน แลวใสกระทะทองใชไฟกลางคอนขางออนพอแปงเริ่มขนจึงลดไฟลง ขณะกวนตองสังเกต อยา ใหแปงสุกมาก ใชเวลาในการกวนแปง ประมาณ 10 – 15 นาที 4. ผสมแปงนวลในภาชนะใสแปงท่ีกวนแลวลงไปนวดใหเขากัน แบงเปนกอนเล็ก ๆ ใหมีขนาดเทา ๆ กนั คลมุ ดวย ผาขาวบาง อกี ครง้ั วธิ ที าํ ไส 1. ต้งั กระทะใสน ้าํ มันพอรอน ใสรากผักชี กระเทียม พริกไทย ผัดใหห อม 2. ใสห มูบด หอมใหญ เกลือ นาํ้ ตาลลงผดั ใหส กุ ผดั ใหเ ขากันดีจนแหง ยกลง วธิ ีปน แปง 1. นาํ แปงสีมว งทีป่ น กลมๆ ไวแ ผใ หเ ปน เบา ใสไ สต รงกลางหุม ใหมิดและปน ใหเ ปน กอนกลมออกแบนนดิ ๆ 2. นําแหนบหนบี ชอ มว ง ไปจุมกบั แปง มนั (ปองกันไมใ หแปงตดิ แหนบ) แลวหนีบแปง ใหเปน กลีบ 3. ขนมชอ มวง 1 ชิ้น จะหนบี ประมาณ 9 กลบี แบง เปนกลีบดอกไมดานลา งของตวั ขนมประมาณ 5-6 กลบี โดย หนบี สับหวา งกันไปใหร อบตัวขนมและหนบี ตัวขนมดานบนซ่ึงเปนสวนของเกสร 3 กลบี ซึ่งเมอ่ื หนีบเสรจ็ จะไดขนมออกมาเปน รูปดอกไม
4. นาํ ขนมลงไปเรียงในลงั ถงึ ซง่ึ รองดวยใบตองไว ทาขนมดว ยน้ํามันพชื แลวนําลังถึงไปต้งั ไฟรอ นปานกลาง ใช เวลานึ่งประมาณ 5 นาที เม่อื ขนมสกุ แลว ก็พรมดวยน้าํ มันพืช โรยหนา ดวยกระเทยี มเจยี ว ผักเคยี งที่ทานกบั ขนมชอมวง ผกั กาดหอม ผักชี พรกิ ขห้ี นู โรยหนา ดวยกระเทียมเจยี ว
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: