หน่วยที่ 1 เรียนรู้วิทยาศาสตร์

เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ นางสาวสภุ าวดี คาํ ภาทู ครชู าํ นาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านโสกเชือก(คุรุราษฎร์อํานวย)

ความสาํ คัญของวิทยาศาสตร์ ความสาํ คัญของวทิ ยาศาสตร์ คดิ เป็นเหตเุ ป็น ผล วิทยาศาสตร์ : เปน็ กระบวนการสําคญั ทท่ี ําให้เกิดการพัฒนาวิธคี ิด คิดสร้างสรรค์ มที กั ษะที่สาํ คญั ในการค้นคว้าความรู้ คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ระบบ มีความสามารถสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลท่ีหลากหลาย และมีประจักษ์ พยานตรวจสอบไดค้ วามรู้ ช่วยให้คนมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่ีถกู ต้องเกีย่ วกับการใชป้ ระโยชน์ของทรพั ยากรธรรมชาติอย่างสมดลุ และยง่ั ยืน ความรู้ วทิ ยาศาสตร์ชว่ ยเพิม่ ขดี ความสามารถในการพฒั นาเศรษฐกิจ สามารถแข่งขนั กับนานาประเทศและดาํ เนินชีวิตร่วมกัน ในสงั คมโลกไดอ้ ย่างมีความสขุ

วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ตั้งคาํ ถาม รวบรวมข้อมลู วิเคราะหข์ ้อมูล • สงั เกตแลว้ เกดิ ความ หาข้อมูลด้วยวิธตี า่ งๆ นําขอ้ มูลที่ไดม้ าแปลผล สงสัย หรอื อธิบายความหมาย • การสังเกต • ตั้งคําถามเพอ่ื หาคําตอบ • การสาํ รวจ สรปุ ผล • การทดลองและ คาดคะเนคําตอบ สรปุ ผลจากการวิเคราะห์ บันทกึ ข้อมูล ตรวจสอบ ใชข้ อ้ มลู / ความร้เู ดมิ วา่ ตรงกบั ทค่ี าดคะเนไวห้ รอื ไม่ มาช่วยคาดคะเนคาํ ตอบ และนาํ ความรู้ทไี่ ด้ไปประยกุ ตใ์ ช้

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 8ขั้นพนื้ ฐาน มี ทักษะ 6ข้นั ผสม มี ทักษะ 1 23 4 1 2 3 การสงั เกต การจําแนกประเภท การวัด การใช้จาํ นวน การตั้งสมมติฐาน การกาํ หนดนยิ าม การกาํ หนด เชงิ ปฏบิ ตั ิการ และควบคมุ ตวั แปร 5 ✓✓ ✓ การลงความเห็น จากขอ้ มลู 6 7 8 4 5 6 การจัดกระทําและ การหาความสมั พนั ธข์ อง การพยากรณ์ การทดลอง การตคี วามหมายข้อมูล การสร้างแบบจําลอง สื่อความหมายข้อมลู สเปซกับเวลา และลงข้อสรุป ✓✓ ✓ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ท่สี าํ คญั ท่ีต้องเรยี นรแู้ ละฝึกฝนให้ เกดิ ความชํานาญ

1. ทกั ษะการสังเกต 3. ทักษะการจาํ แนก ก าร ใ ช้ป ร ะส า ท สั ม ผัส อ ย่ าง ใ ด อย่ างหนงึ่ หรอื การจดั พวกหรอื กลมุ่ ของวตั ถหุ รือส่ิงตา่ ง ๆ หลายอย่างเพ่ือสาํ รวจวตั ถหุ รือปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีสนใจ โดยใช้เกณฑ์ ความเหมอื น ความตา่ ง ในธรรมชาติหรือจากการทดลอง โดยไม่เพิ่มความคิดเห็น หรือความสัมพันธ์ เปน็ ตน้ ส่วนตัวลงไป 2. ทกั ษะการวดั 4. ทกั ษะการหาความสัมพนั ธ์ การเลือกใช้เคร่ืองมือในการวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่าง การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ เป็นการหา เหมาะสม รวมถงึ การหาปรมิ าณของส่งิ ตา่ ง ๆ ความเกีย่ วข้องสมั พนั ธก์ ันระหว่างพน้ื ที่ทว่ี ัตถุตา่ ง ๆ จากเครื่องมือท่ีเลือกใช้ออกมาเป็นตัวเลขและระบุหน่วย ครอบครอง การหาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปซกบั เวลา ของการวดั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เป็นการหาความเก่ียวข้องสัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่ท่ี วตั ถคุ รอบครองเมอ่ื เวลาผ่านไป

5. ทักษะการใชจ้ าํ นวน 7. ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู การนับจํานวนของวัตถุและการนําตัวเลขแสดงจํานวนที่ การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลท่ีได้จากการ นบั ไดม้ าคิดคํานวณ โดยการบวก ลบ คูณ หาร สังเกตอยา่ งมเี หตุผล โดยใชค้ วามรู้ หรอื หาคา่ เฉลี่ย หรือประสบการณเ์ ดมิ มาชว่ ย 6. การจัดกระทําและส่ือความหมายขอ้ มลู 8. ทักษะการพยากรณ์ การนําผลการสงั เกต การวัดและการทดลอง การทํานายหรือการคาดคะเนคําตอบโดยอาศัย มาจัดกระทําให้อยู่ในรูปแบบท่ีมีความหมายหรือ ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ตห รื อ ข้ อ มู ล จ า ก มีความสัมพันธ์กันมากขึ้น อาจนําเสนอในรูปของ ประสบการณข์ องเรื่องนั้นท่ีเกิดขึ้นซาํ้ ๆ ตาราง แผนภูมิ แผนภาพ วงจร กราฟ สมการ การพยากรณ์ที่แม่นยําเป็นผลมาจากการสังเกต หรอื การเขยี นบรรยาย ที่รอบคอบ การวัดที่ถูกต้อง การบันทึกและการ จัดกระทํากับขอ้ มลู อยา่ งเหมาะสม

9. ทกั ษะการตัง้ สมมตฐิ าน 11. ทักษะการกําหนดและควบคุมตวั แปร เป็นการคาดคะเนคําตอบที่เก่ียวข้องกับความสัมพันธ์ การกําหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปร ระหวา่ งตัวแปร สมมติฐานทต่ี ั้งไว้อาจถูกหรือผดิ กไ็ ด้ ควบคุม ในการทดลองหนึ่ง ๆ ให้สอดคล้องกับ ซึ่งจะทราบได้ก็ต่อเม่ือมีการพิสูจน์ทดลองเพ่ือหา สมมมตฐิ านของการทดลอง คําตอบมาสนับสนุนสมมติฐานหรือคัดค้านสมมติฐาน ทต่ี ั้งไว้ 12. ทักษะการทดลอง 10. ทกั ษะการกําหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปฏบิ ตั ิการเพอื่ ทดสอบสมมติฐานทต่ี ัง้ ไว้ มี 3 ขัน้ ตอน ดงั นี้ การกําหนดความหมายหรือขอบเขตของตวั แปรต่าง ๆ - การออกแบบการทดลอง ท่ีอยู่ในสมมตฐิ านของการทดลองให้เขา้ ใจตรงกนั - การปฏิบตั ิการทดลอง และสามารถสังเกตหรือวดั สง่ิ ตา่ ง ๆ ที่นยิ ามไว้ได้ - การบนั ทึกผลการทดลอง

13. การตีความหมายของขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ 14. ทักษะการสรา้ งแบบจาํ ลอง การแปลความหมายหรือบรรยายลกั ษณะขอ้ มลู ก า ร ส ร้ า ง แ ล ะ ใ ช้ ส่ิ ง ท่ี ทํ า ขึ้ น ม า เ พื่ อ อ ธิ บ า ย ท่ีได้จัดกระทําและอยู่ในรูปแบบที่ใช้ในการสื่อ ปรากฏการณท์ ศี่ ึกษาหรือสนใจ เชน่ กราฟ รูปภาพ ความหมายแล้ว เชน่ ตาราง แผนภูมิ แผนภาพ แผนผัง ภาพเคล่ือนไหว วัสดุ สิ่งของ รวมถึงการ กราฟ ผลที่ได้จากการแปลความหมายจะนําไปสู่ นําเสนอข้อมูล แนวคิดเพื่อให้ผู้อ่ืนเข้าใจใน การลงข้อสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รปู แบบของแบบจาํ ลองตา่ ง ๆ กบั ตัวแปรท่ีได้จากการทดลอง

จิตวทิ ยาศาสตร์ อยากรอู้ ยากเห็น มคี วามใจกวา้ ง คุณลกั ษณะหรอื ลกั ษณะนสิ ัยของบคุ คล มีเหตผุ ล ทเี่ กดิ ขน้ึ จากการศึกษา มคี วามรบั ผดิ ชอบ หาความรู้ โดยใช้ มีระเบยี บและรอบคอบ กระบวน มีความซือ่ สัตย์ การทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น

2. ต้ังสมมตฐิ าน ขั้นพ้ืนฐาน การสงั เกต 3.รวบรวมขอ้ มลู ขั้นผสม การวดั 4.วิเคราะหข์ อ้ มลู การจาํ แนกประเภท 5.สรุปผล การต้งั สมมตฐิ าน การลสกขงือ่ าอคกครงวกาหวสาราาามจเรมปคใัดเหหวชซกา้จน็มกรมาํจะาบั สนทยาเมัวกําวขนแพลขอ้ ้อลามนั มะลูธลู ์ กเาชรงิ กปาํ ฏหิบนัตดิกนาิยราม และคกวาบรกคาํุมหตนัวดแปร การพยากรณ์ ช่างสังเกต ชา่ งสงสยั การทดลอง ม่งุ มั่นในการทาํ งาน การตแลีคะวลามงขหอ้ มสารยปุ ข้อมลู สนใจใฝ่เรยี นรู้ การสรา้ งแบบจําลอง ซอ่ื สัตย์

ขอบคุณคะ่