กฏหมายสาคญั ของประเทศ
คานา สารบญั 1-16 17-32 รายงานเลม่ นจี้ ดั ทาขนึ้ เพ่ือเป็นส่วนหนงึ่ ของ กฎหมาย วิชา เศรษฐศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษา 4/7 เพ่ือให้ได้ การแบง่ ประเภทของกฎหมาย ศกึ ษาหาความรู้ในเร่ือง เศรษฐศาสตร์และหนว่ ย เศรษฐกิจ และได้ศกึ ษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น ประโยชน์กับการเรียน ผ้จู ัดทาหวังวา่ รายงานเลม่ นจี้ ะเป็นประโยชน์ กับผ้อู า่ น หรือนักเรียน นกั ศกึ ษา ท่กี าลงั หาข้อมลู เรื่องนอี้ ยู่หากมีข้อแนะนาหรือข้อผิดพลาด ประการใด ผ้จู ัดทาขอน้อมรับไว้และขออภยั มา ณ ท่นี ี้ ผู้จดั ทาและคณะ 06 กุมภาพนั ธ์ 2564
กฎหมาย สาหรับวัตถุประสงคข์ องการมกี ฎหมายกเ็ พอ่ื ทีจ่ ะ รักษาไว้ซง่ึ สิทธิเสรีภาพ และประโยชน์สขุ ของ การศกึ ษาเร่ืองอานาจอธิปไตยทาให้ทราบวา่ อานาจอธิปไตยตามกฎหมายก็คอื อานาจสูงสดุ ท่ี ประชาชน ตลอดจนเป็นหลักให้รัฐบาลยึดถอื เป็น จะออกกฎหมาย และในทางรัฐศาสตร์ถอื วา่ เป็น แนวทางในการปกครองประเทศ ทงั้ นเี้พือ่ ทจี่ ะ หลกี เลี่ยงการยึดถือตวั บคุ คลเป็นหลักในการ กฎหมายเป็นเครื่องมือในการชว่ ยควบคมุ ความ เป็นระเบยี บ ความสงบและความยุตธิ รรม ให้ ปกครอง ความหมายของกฎหมาย ในสมยั กลางนนั้ ถอื วา่ บงั เกิดมขี นึ้ ภายในรัฐ ทงั้ ในด้านกิจกรรมส่วน บคุ คลและกิจกรรมสาธารณะ อริสโตเตลิ อธิบาย กฎหมายคอื กฎของพระเจ้า ซง่ึ ได้บญั ญัตไิ ว้ใน ว่า กฎหมายคอื ข้อบงั คบั ซงึ่ ประกอบ ด้วยเหตผุ ล พระคมั ภรี ์ไบเบลิ และกฎหมายของพระเจ้านัน้ จะ เปล่ียนแปลงแก้ไขไม่ได้ ครัน้ มาในสมยั ใหม่คอื ของชุมชน โดยมลี ักษณะที่จะทาให้ส่ิงตา่ ง ๆ ทม่ี ี ความขัดแย้งกนั สามารถอยรู่ วมกันได้ และ นับตงั้ แตค่ ริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 เป็นต้นมาถือกันวา่ กฎหมายคอื เจตนารมณ์ ก่อให้เกิดสันตสิ ุขขนึ้ ในสงั คมนนั้
ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอานาจอธปิ ไตย ซง่ึ ฉะนนั้ เมื่อพิจารณาถึงความหมายของคาว่า ประชาชนเป็นผ้กู าหนดขนึ้ เองเพือ่ รักษา “กฎหมาย” ดงั กล่าวข้างต้นแล้ว พอจะสรุป ผลประโยชน์ของตน ในปัจจุบนั นไี้ ด้มีการนยิ าม ลักษณะสาคญั ได้เป็นหัวข้อดงั นี้ ความหมายของกฎหมายไว้ว่า “กฎหมาย” คอื กฎ 1. กฎหมายเป็นกฎข้อบงั คบั ของรัฐ ข้อบงั คบั ของรัฐ ซง่ึ องคก์ ารนติ บิ ญั ญตั ไิ ด้ตราขนึ้ 2. มอี งค์การทมี่ ีอานาจทางนิตบิ ญั ญตั เิ ป็นผู้ ไว้เป็นกฎเกณฑ์ทวั่ ไป เพ่ือใช้ในการควบคมุ ความ บญั ญัตกิ ฎหมาย เพื่อใช้บงั คบั แก่บคุ คลในรัฐ ประพฤตขิ องสมาชกิ ของชมุ ชน มลี ักษณะใช้ 3. กฎหมายทกุ ฉบบั มผี ลใช้บงั คบั เป็นการทวั่ ไป บงั คบั ได้เป็นการทว่ั ไป และผ้ทู ไี่ ม่ปฏบิ ตั ติ ามจะ ภายในดนิ แดนของรัฐนนั้ ได้รับโทษทณั ฑ์ตามที่ได้มีบทบญั ญตั ไิ ว้ในตวั บท 4. กฎหมายทกุ ฉบบั มีผลใช้บงั คบั ตลอดไป กฎหมาย” จนกวา่ จะมีการประกาศยกเลิกโดยองคก์ ารที่มี อานาจทางนิตบิ ญั ญัติ 5. มีบทลงโทษแกผ่ ู้ฝ่าฝืน
ท่ีมาของกฎหมาย นกั นิตศิ าสตร์ได้ศกึ ษาถงึ 6. รัฐธรรมนูญ แหล่งทีม่ าของกฎหมายอย่างกว้างขวาง และใน 7. สนธิสัญญา ท่ีสดุ สามารถสรุปได้วา่ ในปัจจุบนั มีแหล่งทม่ี าของ 8. ประมวลกฎหมาย กฎหมายอยู่ 10 ทางด้วยกัน กล่าวคอื 9. ประชามติ 10. หลกั ความยุตธิ รรม 1. ขนบธรรมเนียม 2. การออกกฎหมายโดยฝ่ายนิตบิ ญั ญัติ 3. คาสงั่ ของฝ่ายบริหาร 4. คาพพิ ากษาของศาล 5. บทความทางวชิ าการกฎหมาย
1. ขนบธรรมเนียม เป็นทย่ี อมรับกันว่าขนบธรรม 2. การออกกฎหมายโดยฝ่ายนิตบิ ญั ญตั ิ ใน ซง่ึ ประชาชนของรัฐปฏิวตั สิ ืบตอ่ เน่อื งมาเป็นเวลา ปัจจบุ นั นกี้ ฎหมายสว่ นใหญ่ออกมาโดยผ่าน ช้านาน และเป็นขนบประเพณที มี่ ีเหตผุ ล ยอ่ มจะ องค์การของฝ่ายนติ บิ ญั ญัติ ซงึ่ กฎหมายแตล่ ะ เป็นตวั กาหนดพฤตกิ รรมของสมาชกิ ของสงั คมนนั้ ฉบบั ล้วนมีรากฐานมาจากขนบประเพณแี ละหลกั และเป็นท่ียอมรับกันว่าเป็นสิง่ ถูกต้องและดงี าม ก็ ความยตุ ธิ รรมของสงั คม การทฝี่ ่ายนิตบิ ญั ญตั ิ กลายเป็นกฎหมาย เชน่ ประเทศไทยมี ออกกฎหมายมีวตั ถุประสงคแ์ ละเหตผุ ลเพื่อท่ีจะ ขนบธรรมเนียมประเพณมี าแตค่ รัง้ โบราณกาลวา่ ควบคมุ พฤตกิ รรมของสมาชกิ ของสงั คมและสร้าง บดิ ามารดาจะต้องดแู ลเลีย้ งบตุ ร ขนบประเพณี ความยุตธิ รรมให้บงั เกิดมีขนึ้ ในสงั คม ดงั กลา่ วก็ได้กลายมาเป็นกฎหมายท่ีใช้บงั คบั ใน สังคมไทย
3. คาสั่งของฝ่ายบริหาร ในบางกรณที ่เี ก่ียวข้อง มาขอความเหน็ ชอบจากฝ่ายนิตบิ ญั ญัตภิ ายใน กบั ความม่ันคง และการรักษาความลบั ของ ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ หากฝ่ายนติ บิ ญั ญตั หิ รือ ประเทศชาติ รัฐธรรมนูญจะให้องคก์ ารฝ่ายบริหาร รัฐสภาให้ความเหน็ ชอบพระราชกาหนดฉบบั นนั้ ก็ ออกคาสั่งได้ ทงั้ นเี้พ่อื ทีจ่ ะให้ฝ่ายบริหารสามารถ จะกลายเป็นพระราชบญั ญตั มิ ผี ลใช้บงั คบั ได้ บริหารประเทศหรือแก้ไขสภาพการณบ์ างอยา่ งให้ ตอ่ ไป แตห่ ากฝ่ายนติ บิ ญั ญัตไิ ม่เหน็ ชอบด้วย พระ สาเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดขี อยกตวั อยา่ ง เช่น ในกรณที ่ี ราชกาหนดฉบบั นนั้ กจ็ ะไมม่ ผี ลใช้บงั คบั ตงั้ แต่ รัฐบาลมีความรีบดว่ นทีจ่ ะต้องออกกฎหมายการ วนั ทีร่ ัฐสภาไม่ผ่านพระราชกาหนด นอกจากนนั้ ก็ เกบ็ ภาษีอากรเพิ่มขนึ้ รัฐธรรมนญู ของประเทศ มพี ระราชบญั ญัตหิ ลายฉบบั ได้ให้อานาจแกฝ่ ่าย ไทยก็ได้ให้อานาจแกฝ่ ่ายบริหารหรือรัฐบาล ใน บริหารออก พระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวง การออกพระราชกาหนดมาใช้บงั คบั ก่อน เสร็จ เพ่อื ใช้บงั คบั ได้ ทงั้ นเี้พราะหากจะให้ฝ่ายนิติ แล้วให้รัฐบาลนาพระราชกาหนดฉบบั นนั้ บญั ญตั อิ อกกฎหรือระเบยี บทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจะ เป็นการลา่ ช้าไม่ทนั ตอ่ การณ์
4. คาพิพากษาของศาล ในปัจจุบนั นไี้ ด้มีการนา 5. บทความทางวชิ าการกฎหมาย ในบางกรณี คาพิพากษาของศาล โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ คา บทความหรือข้อเขยี นของนักกฎหมายบางคนมี พิพากษาของศาลสูงสุด มาใช้เป็นเครื่องมือ หรือ หลกั การของกฎหมายอันเป็นท่ยี อมรับนบั ถือ และ บรรทัดฐานในการดาเนนิ คดที ค่ี ล้ายคลงึ กนั ได้มผี ้นู าเอาแนวความคดิ และหลักกฎหมาย กล่าวคอื ในกรณที ีศ่ าลมีคาพิพากษาคดใี ดคดหี น่งึ เหลา่ นนั้ มาเสนอเป็นข้อกฎหมาย เช่น โอลิเวอร์ เสร็จสนิ้ ลงแล้ว ตอ่ มาเมอื่ เกดิ คดใี หม่ทม่ี ลี กั ษณะ เวนเดลล์ โฮล์มส์ ได้รวบรวมหลกั ฐานในบท คล้ายคลึงกันกับคาพพิ ากษาได้เคยตดั สนิ ไว้แล้ว กฎหมายโดยนามาเปรียบเทยี บกับกฎหมายตา่ ง ผ้พู ิพากษาก็จะอ้างคาพพิ ากษาของศาลครัง้ ก่อน ๆ แล้วเสนอความคดิ เห็นขนึ้ เป็นหลักกฎหมายเพื่อ นามาเป็นหลักการวนิ ิจฉยั คดที ่ีเกดิ ขนึ้ ใหมไ่ ด้ ใช้เป็นประโยชน์ในการร่างกฎหมายในภายหลงั ตอ่ มา
6. รัฐธรรม เป็นท่ยี อมรับกันว่ารัฐธรรมนูญเป็น 7. สนธสิ ญั ญา ได้แก่ ข้อตกลงหรือสัญญาท่ี กฎหมายหลกั หรือกฎหมายแมบ่ ทของประเทศ กระทากันขนึ้ ตงั้ แต่ 2 รัฐขนึ้ ไป เมื่อได้กระทา ฉะนนั้ ในรัฐธรรมนญู จึงได้มบี ทบญั ญัตถิ งึ สนธิสัญญาซงึ่ กันและกนั ไว้แล้ว ภาคคี สู่ ัญญา กระบวนการหรือวธิ ีการออกกฎหมายเอาไว้ ซง่ึ ใน อาจจะต้องกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกบั การยกร่างกฎหมายแตล่ ะฉบบั จะต้องอ้าง สนธิสญั ญาทไ่ี ด้กระทาไว้ เช่น การออกกฎหมาย บทบญั ญัตขิ องรัฐธรรมนญู ในส่วนทเ่ี กยี่ วกับ ยกเว้นการเสียภาษขี าเข้าให้แก่เจ้าหน้าทผ่ี ู้ อานาจของการออกกฎหมายไว้เสมอ เพราะการ ปฏิบตั กิ ารในองคก์ ารทเี่ ก่ียวข้องกบั สนธิสัญญา ออกกฎหมายของรัฐจะกระทาไปโดยละเมดิ เหลา่ นเี้ป็นต้น รัฐธรรมนูญมิได้
8. ประมวลกฎหมาย หมายถงึ การรวบรวมบรรดา 9. ประชามติ ได้แก่ การท่ีรัฐธรรมนญู ยนิ ยอมให้ กฎหมายาท่กี ระจัดกระจายเข้ารวมไว้เป็นหมวด ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอร่างกฎหมาย เป็นหมู่ ขอยกตวั อย่างเช่น กฎหมายตราสามดวง และมีสิทธใิ นการออกเสียงประชามติ วธิ ดี งั กลา่ ว ของไทย ก็อาจถอื ได้วา่ เป็นประมวลกฎหมาย ยงั ใช้ปฏบิ ตั ใิ นประเทศฝร่ังเศสและ สาหรับการจัดประมวลกฏหมายหลายประเภท สวติ เซอร์แลนด์ เป็นต้น ปรับปรุงแก้ไขตามมาตรฐานทีต่ งั้ ไว้นนั้ ประมวล 10. หลกั ความยตุ ธิ รรม หลักความยตุ ธิ รรม ณ ที่นี้ กฎหมายทีม่ ีช่ืออันเป็นหลักของกาหมายทวั่ ไป ก็คอื ความเสมอภาค นน่ั เอง กลา่ วคอื ในกรณที ไี่ ม่ ได้แก่ ประมวลกฎหมายของนโปเลียน ใน ค.ศ. มีกฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ ผู้พิพากษาก็สามารถใช้ดลุ ย 1804 ซง่ึ ได้อาศยั กฎหมายโรมัน และในปัจจุบนั นี้ พนิ จิ พิพากษาคดโี ดยอาศยั หลักความยตุ ธิ รรม ประมวลกฎหมายของประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพล หรือหลักสามัญสานกึ มาเป็นเคร่ืองประกอบการ มาจากประมวลกฎหมายนโปเลียน ตดั สนิ และในบางครัง้ หลักความยุตธิ รรมนไี้ ด้ กลางมาเป็นแหล่งท่มี ากฎหมาย
การแบ่งประเภทของกฎหมาย 2. กฎหมายทีก่ าหนดวิธกี ารป้องกนั สทิ ธิเสรีภาพ ของประชาชน หรือ เป็นกฎหมายทปี่ อ้ งกันรักษา วตั ถุประสงค์สาคญั ของการมกี ฎหมายก็ และให้ความค้มุ ครองสทิ ธทิ ่ีชอบด้วยกฎหมายของ เพ่อื ทีจ่ ะให้เกิดมีหลักประกัน และการรับรองสิทธิ ปวงชน โดยกาหนดกระบวนการวธิ ีพจิ ารณาคดี เสรีภาพของประชาชน รวมทงั้ การกาหนดกระบวน ความในศาลวา่ ผ้ทู ี่ถูกละเมดิ สิทธิเสรีภาพหรือ วิธกี ารในการป้องกนั สิทธิเสรีภาพของประชาชน ฉะนนั้ จงึ ได้มีการแบง่ กฎหมายออกเป็น 2 ประเภท ผลประโยชน์จะเป็น “โจทก์” สว่ นผ้ทู ลี่ ะเมิดสิทธิ ด้วยกัน กล่าวคอื เสรีภาพของโจทก์จะเป็น “จาเลย” เม่ือพจิ ารณา 1. กฎหมายที่กอ่ ให้เกดิ สิทธิ ได้แก่ กฎหมายทร่ี ัฐ ถงึ วธิ กี ารแบง่ ประเภทของกฎหมายแล้ว จะทราบ ได้บญั ญตั ขิ นึ้ เพอื่ ให้เป็นหลกั ประกนั แก่ประชาชน ถงึ วตั ถปุ ระสงคไ์ ด้อยา่ งชัดแจ้งวา่ เมอื่ มกี ฎหมาย และเพอื่ รับรองสทิ ธิเสรีภาพ รวมทงั้ ผลประโยชน์ รับรองสทิ ธิแล้ว กจ็ าเป็นจะต้องมกี ฎหมายท่ี อนั ชอบธรรมของปวงชนโดยสว่ นรวม กาหนดถึงวิธีการค้มุ ครองสทิ ธิไว้ด้วยเสมอ กฎหมายภายในประเทศกับกฎหมายระหวา่ ง
ประเทศ ได้มกี ารพจิ ารณาถึงขอบเขตที่กฎหมายใช้ 1. กฏหมายภายในประเทศ องค์ประกอบที่ บงั คบั ทาให้อาจกาหนดความมุง่ หมายของ สาคญั ประการหนึง่ ของรัฐกค็ อื “อานาจอธิปไตย” กฎหมายทจ่ี ะควบคมุ ได้เป็น 2 ประเภทด้วยกนั คอื ฉะนนั้ รัฐจึงมีอานาจในการออกกฎหมาย ระเบยี บ กฎหมายทีจ่ ะใช้บงั คบั ควบคมุ บงั คบั ระหวา่ ง กฎ หรือข้อบงั คบั ใด ๆ โดยชอบธรรม เพ่ือที่จะใช้ เอกชนและเอกชนกับรัฐบาล ซง่ึ เรียกได้วา่ บงั คบั แกบ่ คุ คลท่ีอยภู่ ายในอาณาเขตของรัฐอย่าง “กฎหมายภายในประเทศ” กับกฎหมายทใี่ ช้ สมบรู ณ์เตม็ ท่ี โดยไมค่ านึงวา่ บคุ คลนนั้ ๆ จะเป็น ควบคมุ ระหวา่ งรัฐกับรัฐ ทีเ่ รียกวา่ “กฎหมาย พลเมืองของประเทศอื่นใดกต็ าม เพราะตามหลกั ระหว่างประเทศ” ดงั จะได้อธิบายในรายละเอียด กฎหมายสากลแล้วถือว่า บคุ คลทกุ คนทอ่ี าศยั อยู่ ตอ่ ไป ในรัฐย่อมจะต้องอยู่ภายใต้บงั คบั ของกฎหมาย แห่งรัฐนนั ้
จะมีข้อยกเว้นอยบู่ ้างเฉพาะคณะทตู เท่านนั้ ใน 1. กฏหมายเอกชน หรือมชี ื่อเรียกอีกอยา่ งหน่งึ ว่า “กฎหมายแพง่ ” กฎหมายเอกชนเป็นกฎหมายทม่ี ี ปัจจบุ นั นไี้ ด้มกี ารแบง่ กฎหมายภายในประเทศ ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คอื บทบญั ญัตเิ กย่ี วกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเอกชน กับเอกชน หรือเอกชนกับนิตบิ คุ คล (นติ บิ คุ คลที่ 1. กฎหมายเอกชน เกิดขนึ้ มาตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย เชน่ 2. กฎหมายมหาชน บริษัท ห้างห้นุ ส่วนจากดั รัฐวสิ าหกิจ หรือธนาคาร เป็นต้น) กฎหมายเอกชนเป็นเรื่องของการละเมิด ในสิทธิและเสรีภาพของบคุ คลกับบคุ คล และการ ละเมดิ ดงั กล่าวไม่มีผลกระทบกระเทอื นตอ่ สวัสดิ ภาพ
หรือทาลายศลี ธรรมของประชาชนหรือสังคมแต่ 2. กฎหมายมหาชน เป็นกฎหายทีร่ ัฐเข้าไปมีส่วน ประการใด เป็นเร่ืองความสมั พนั ธ์เฉพาะบคุ คลกับ ร่วมเป็นคกู่ รณดี ้วยกบั เอกชน ถึงแม้วา่ การกระทา บคุ คลเท่านนั้ เช่น กฎหมายเกย่ี วกับสญั ญา ตว๋ั เงิน ความผดิ จะเกิดขนึ้ หรือเกี่ยวข้องกบั เอกชน เช่น กฎหมายเก่ียวกบั การสมรส การรับมรดก เหล่านี้ นาย ก.ไปลกั ทรัพย์ของนาย ข. รัฐจะต้องเข้าไป เป็นต้น กฎหมายเอกชนในประเทศ ทม่ี คี วาม เก่ียวข้องด้วย ถึงแม้นาย ข. ซง่ึ ได้ทรัพย์สินคนื และ เจริญก้าวหน้าในทางระบบอุตสาหกรรมและ ไม่ประสงคจ์ ะเอาความกต็ าม เพราะการกระทา พาณชิ ยกรรม นบั ได้วา่ มคี วามสาคญั ตอ่ การ ความผิดดงั กลา่ วถอื วา่ มีผลกระทบกระเทอื นตอ่ ดาเนนิ ชีวิตมาก เชน่ ในสหรัฐอเมริกา องั กฤษ ความสงบ เรียบร้อย สวัสดภิ าพ และศลี ธรรมอนั ดี เยอรมนี และญปี่ ่นุ กฎหมายเอกชน ในประเทศ ของประชาชนพลเมืองดยี อ่ มหว่ันไหวและเสยี อังกฤษได้รับการพัฒนาและมบี ทบญั ญตั ทิ ่ี ขวญั ตอ่ การกระทาของนาย ก. กลา่ วได้วา่ ละเอยี ดออ่ นสลับซบั ซ้อนมาก เพื่อปอ้ งกนั มใิ ห้เกิด กฎหมายมหาชนมขี อบเขตกว้างขวาง เพราะ การละเมิดในเรื่องสิทธิเสรีภาพทางแพ่ง เก่ยี วข้องโดยตรงตอ่ ความสงบเรียบร้อย
และความมัน่ คงของสังคมหรือชมุ ชนโดยสว่ นรวม 2.1 กฎหมายรัฐธรรมนญู ซงึ่ ถือกันว่าเป็น รัฐจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคมุ ดแู ลให้เป็นไปตาม กฎหมายหลกั และกฎหมายสงู สดุ ของประเทศ ขนั้ ตอนและกระบวนการ เพ่ือนาตวั ผ้กู ระทา เป็นกฎหมายทก่ี าหนดรูปการปกครองของรัฐ รูป ความผิดกฎหมายมหาชนลงโทษให้จงได้ ของรัฐ การใช้อานาจอธปิ ไตย รวมทงั้ การรับรอง นับตงั้ แตจ่ ัดให้มกี องกาลงั ตารวจ อัยการของรัฐ เร่ืองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในด้านตา่ ง ๆ ศาล และการราชทณั ฑ์ เพ่อื ดาเนินการให้เป็นไป ในเมือ่ กาหมายรัฐธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สุด ตามคาพพิ ากษาของศาล ในปัจจุบนั ได้มีการแบง่ ของประเทศ จึงไมม่ กี ฎหมายอืน่ ใดท่ีจะไปขดั แย้ง กฎหมายมหาชนออกเป็น 3 ประเภท กลา่ วคอื กับกฎหมายรัฐธรรมนญู ได้ ในกรณที ี่เกิดมีข้อ สงสยั วา่ จะเกิดมีการขัดแย้งขนึ้ ระหว่างกฎหมาย ธรรมดากับกฎหมายรัฐธรรมนญู ในบางประเทศก็ มคี ณะกรรมการตลุ าการรัฐธรรมนญู เป็นผู้ตคี วาม บางรัฐให้ศาลสูงสดุ เป็นผ้ชู ขี้ าด
2.2 กฎหมายปกครองเป็นกฎหมายท่ีมบี ทบญั ญัติ 2.3 กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายท่มี ขี อบเขต เกี่ยวข้องกับองค์กรของรัฐ โดยกาหนดหน้าท่คี วาม กว้างขวางมาก เพราะเป็นกฎหมายที่มีบญั ญตั ิ รับผิดขอบของเจ้าหน้าทป่ี ระเภทตา่ ง ๆ ของรัฐ ครอบคลุมเกยี่ วกบั ความสงบเรียบร้อยของรัฐ และในขณะเดยี วกนั ได้กาหนดสทิ ธขิ องประชาชน ชมุ ชน และประชาชนโดยส่วนรวม กฎหมาย ในความสัมพันธ์กบั รัฐ กฎหมายปกครองเป็น อาญามีวตั ถปุ ระสงค์ในการสร้างความปลอดภยั กฎหมายทีก่ าหนดบทบญั ญัตถิ ึงวิธีการทปี่ ระชาชน สวสั ดภิ าพและรักษาศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน จะได้รับการทดแทนอยา่ งเป็นธรรม ในกรณที ี่ ทงั้ นเี้พ่อื ความม่ันคงของรัฐ ฉะนนั้ การกระทา เจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบตั กิ ารอนั ไมช่ อบด้วย ความผดิ เก่ียวข้องกบั ความสงบเรียบร้อยของรัฐ กฎหมาย ข้อที่นา่ สังเกตกค็ อื วา่ กฎหมายปกครอง ความปลอดภัยและสวัสดภิ าพ รวมทงั้ ศลี ธรรมอนั ซงึ่ ได้แก่ คาสงั่ กฎเกณฑ์ ข้อบงั คบั หรือการตดั สนิ ดขี องสงั คม เช่น การลักทรัพย์ การปล้น การฆ่า ในใจกระทาการใด ๆ คนตาย ถือได้ว่าเป็นการกระทาความผดิ ตอ่ รัฐ
2. กฎหมายระหว่างประเทศ กล่าวได้วา่ หมวดหมูข่ องหลักการโดยท่วั ไปหรือกฎเกณฑ์โดย กฎหมายระหว่างประเทศ เป็นกฎเกณฑ์หรือจารีต เฉพาะเจาะจงทบี่ ญั ญัตไิ ว้ เพือ่ ใช้บงั คบั สมาชกิ ประเพณี ข้อตกลงหรือสนธิสัญญาอนั เป็นท่ี ของสมาคมระหวา่ งชาตใิ นการดาเนนิ ยอมรับปฏบิ ตั กิ ันในการดาเนนิ ความสมั พันธ์ ความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ” เจ.แอล.เบรียรลี ระหวา่ งประเทสของบรรดาประเทศทม่ี ีอานาจ อธบิ ายวา่ “กฎหมายระหว่างประเทศได้แก่ อธิปไตยของตนเองโดยสมบรู ณ์ กฎหมายระหวา่ ง กฎเกณฑ์หรือหลักการในทางปฏิบตั เิ พ่อื ใช้ ประเทศจงึ มลี กั ษณะเป็นการยนิ ยอมของประเทศ กาหนดในการดาเนินความสมั พนั ธ์ระหว่าง ตา่ ง ๆ ในการทจี่ ะปฏิบตั ติ ามกฎ จารีตประเพณี ประเทศอารยประเทศ” ฉะนนั้ กฎหมายระหว่าง ข้อตกลง หรือสนธิสญั ญา มิใช่เกิดมาจากการท่มี ี ประเทศ จงึ เป็นกฎซง่ึ อารยะประเทศโดยทัว่ ไป องค์การกลางหนึ่งใดทมี่ อี านาจสูงสุดในการบงั คบั ยอมรับวา่ เป็นหลักเกณฑ์ในการดาเนนิ กฎหมาย ชาร์ลส์ จี.เฟนวคิ กลา่ วว่า “กฎหมาย ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกัน และในกรณที ่เี กดิ ข้อ ระหวา่ งประเทศ คอื ขัดแย้งหรือกรณพี พิ าทระหวา่ งประเทศก็มสี ่วน
หรือยตุ ขิ ้อขดั แย้งหรือกรณพี ิพาทได้ในหลายกรณี เช่น ศาลชนั้ ต้น ศาลอทุ ธรณ์ หรือศาลฎกี า อยา่ งไรกด็ ี ในทางปฏบิ ตั ปิ รากฏวา่ การบงั คบั ใช้ นอกจากนนั้ ศาลระหว่างประเทศยงั ไมส่ ามารถ กฎหมายระหวา่ งประเทศมักจะไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ พิจารณาคดไี ด้ หากคกู่ รณไี ม่ยินยอมทจ่ี ะนาข้อ เทา่ ที่ควรจะเป็น ทงั้ นเี้พราะว่าไมม่ ีองค์การกลางที่ ขัดแย้งขนึ้ สู่ศาล ฉะนนั้ กฎหมายระหวา่ งประเทศ จะทาการบงั คบั ให้เป็นไปตามกฎหมาย และ จึงขาดความศกั ดสิ์ ทิ ธ์อิ ยบู่ ้าง ในเมอื่ นาไป ถึงแม้วา่ จะมีศาลระหวา่ งประเทศ แตก่ ารปฏิบตั ิ เปรียบเทยี บกบั กฎหมายภายในประเทศ ทงั้ นี้ หน้าที่ของศาลระหว่างประเทศเทา่ ทผี่ ่านมา ก็ เพราะกฏหมายภายในประเทศมอี งค์การกลางคอื ปรากฏว่าไมส่ ามารถบงั คบั ให้ประเทศใดประเทศ สภานติ นิ ญั ญตั เิ ป็นผู้ออกกฎหมายเป็นกฎ หนง่ึ ซง่ึ เป็นคกู่ รณปี ฏิบตั ติ ามคาพิพากษาของ ข้อบงั คบั ท่ัวไปภายในรัฐ มกี ระบวนการยุตธิ รรมที่ ศาลระหว่างประเทศได้ในหลายกรณี อน่ึง ศาล จะนาตวั ผ้ฝู ่าฝืนหรือผู้กระทาความผดิ มาฟ้องร้อง ระหว่างประเทศกไ็ มม่ ีลาดบั ชนั้ ของศาล และดาเนินคดใี นศาลยตุ ธิ รรม จนกระท่งั เมอ่ื มีคา พพิ ากษาถึงชนั้ ศาลสูงสดุ แล้ว
จดุ ประสงค์ของการบญั ญตั กิ ฎหมายขนึ้ มาก็ อ้างอิง เพ่ือ จดั ระเบยี บให้กบั สงั คม ทงั้ ยังช่วรักษาความ เอกสารอ้างองิ บญุ เพราะ แสงเทยี น. (2558). ม่นั คงให้รัฐ ระงบั ข้อพิพาท ประสานผลประโยชน์ กฏหมายธุรกจิ เพื่อการจัดการ. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. ทงั้ สว่ นบคุ คลและสว่ นรวม ชว่ ยพัฒนาสงั คมให้ กรุงเทพฯ : บริษัท วทิ ยพัฒน์ จากัด. ก้าวหน้า โดยใช้กฏหมายเป็นเคร่ืองมือในการ บญุ เพราะ แสงเทียน. (2560). กฏหมายธรุ กจิ เพื่อ การจดั การ. พิมพ์ครัง้ ท่ี 3. กรุงเทพฯ : บริษัท รักษาระเบยี บของสงั คม เมื่อสังคมมีระเบยี บจะ วทิ ยพัฒน์ จากดั ทาให้งา่ ยตอ่ การพฒั นาให้เจริญก้าวหน้าตอ่ ไป จากจดุ ประสงค์ของการบญั ญัตกิ ฏหมายขนึ้ มา ข้างต้น สามารถสรุปความสาคญั ของกฏหมายได้ ดงั นี้ เป็นเคร่ืองมอื ในการควบคมุ และกาหนดแนวทาง พฤตกิ รรมของคนในสงั คมให้เป็นระเบยี บและเพอ่ื ความสงบเรียบร้ อย
จดั ทาโดย นายชาคริต คงอนนั ต์ ม.4/7 เลขที่12
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: