Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายหน่วยการเรียนรู้ที่ 5.

กฎหมายหน่วยการเรียนรู้ที่ 5.

Published by ธนาดล ศรีสังขาร, 2021-02-02 09:02:35

Description: รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชากฎหมายที่ประชาชนควรรู้.......

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 ความรูเ้ ก่ียวกบั กระบวนการยตุ ิธรรม

คานา รายงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็ นส่วนหน่ึงของรายวชิ ากฎหมายท่ีประชาชน ควรรู้ เก่ียวกบั เรื่องความรู้เก่ียวกบั กระบวนการยตุ ิธรรม ซ่ึงกระบวนการ ยตุ ิธรรม คือ วธิ ีการตามกฎหมายที่มีไวด้ าเนินการกบั ผทู้ ี่กระทาการฝ่ าฝื น กฎหมาย คณะผจู้ ดั ทาจึงไดเ้ ลือกหวั ขอ้ น้ีมาจดั ทา E-Book เนื่องจากเป็ นเรื่องท่ีน่าสนใจและเป็นเร่ืองไกลต้ วั คณะผจู้ ดั ทา ขอขอบ คุณคุณครู ณฐั รินีย์ สมนึก ผใู้ หค้ วามรู้ และแนะทางการศึกษา หวงั วา่ E-book เล่มน้ีจะใหค้ วามรู้และเป็นประโยชน์แก่ผอู้ า่ นทกุ ๆท่าน หากผดิ พลาดประการใด คณะผจู้ ดั ทาขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย คณะผู้จดั ทา

สารบญั 1.ความรู้เบ้อื งตน้ เกยี่ วกบั กฎหมาย...................................................................................................................1 - ความสาคญั และลกั ษณะของกฎหมาย......................................................................................................2 - ประเภทและศกั ด์ขิ องกฎหมาย.................................................................................................................7 - กระบวนการตรากฎหมาย........................................................................................................................19 2.กฎหมายแพง่ ที่ควรรู้.....................................................................................................................................27 - กฎหมายเกยี่ วกบั บคุ คล............................................................................................................................28 - กฎหมายเกยี่ วกบั ทรัพย.์ ...........................................................................................................................35 - กฎหมายเกีย่ วกบั นิติกรรม.......................................................................................................................38 - กฎหมายเกีย่ วกบั หน้ีและละเมิด..............................................................................................................46 3.กฎหมายอาญาท่ีควรรู้.................................................... ......................................................................... .....71 - ลกั ษณะและโครงสร้างของประมวลกฎหมายอาญา...............................................................................72 - ลกั ษณะความผดิ และความรับผิดทางอาญา.............................................................................................74 - ลกั ษณะและประเภทของโทษทางอาญา..................................................................................................77 - บคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งในการกระทาความผดิ ..................................................................................................78 - เหตยุ กเวน้ โทษทางอาญา.........................................................................................................................79 - ความผิดทางประมวลกฎหมายอาญาท่ีควรรู้.............................................................................................81 - การระงบั ความผิดและโทษ......................................................................................................................90 4.กฎหมายสาคญั ของประเทศ.........................................................................................................................93 - รัฐธรรมนูญ.............................................................................................................................................94 - กฎหมายอืน่ ๆ..................................................................................................................................103-116 5.ความรู้เก่ียวกบั กระบวนการยตุ ิธรรม..........................................................................................................121 - ความหมายของกระบวนการยตุ ิธรรม....................................................................................................122 - กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง่ ...............................................................................................................122 - กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา.....................................................................................................125-134 บรรณานุกรม...............................................................................................................................................138

1 1.ความหมายของกระบวนการยุติธรรม กระบวนการยตุ ธิ รรม” หมายถึง การบงั คบั ใชก้ ฎหมายตามหลกั นิตธิ รรมท่ีใหค้ วามเป็นธรรมอยา่ งเทา่ เทียม เพื่อใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมาย มปี ระสทิ ธิภาพในการนาผกู้ ระทาความผดิ มาลงโทษ การคมุ้ ครองสทิ ธิ เสรีภาพของประชาชนตามหลกั นิตธิ รรม รวมทงั้ การสมานฉนั ทใ์ นสงั คม แตไ่ มร่ วมถงึ อานาจอสิ ระในการ พิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาล และการดาเนินการของหนว่ ยงานอิสระตามรฐั ธรรมนญู 2. กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพ่ง กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งเป็นกระบวนการสาหรับดาเนินคดีแพ่ง เมอื่ มี การ โตแ้ ยง้ เกิดข้ึนเก่ียวกบั สิทธิหรือหนา้ ที่ตามกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ บุคคลชอบท่ีจะใชส้ ิทธิโดย ชอบดว้ ย กฎหมายเสนอคดีต่อศาลเป็นคดีแพง่ เช่น กรณีผดิ สญั ญา ซ่งึ เป็นการฝ่ าฝืนกฎหมายแพง่ การที่จะบงั คบั ใหฝ้ ่ ายที่ ผดิ สญั ญาชดใชค้ ่าเสียหายจะตอ้ งดาเนินการอยา่ งไรซ่ึงมีบทบญั ญตั ิอยใู่ นประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพง่ 2.1 บุคคลทเี่ กีย่ วข้องในกระบวนการยุตธิ รรมทางแพ่ง 1. คคู่ วาม ในคดีแพง่ ไม่วา่ จะเป็นผยู้ น่ื ฟ้อง (โจทก)์ หรือผถู้ ูกฟ้อง (จาเลย) กฎหมายจะเรียกว่าคู่ความ นอกจากน้นั คู่ความยงั หมาย ความถึงผรู้ ้องเรียนสาหรับคดไี มม่ ขี อ้ พพิ าทดว้ ย และเนื่องจากคดีแพ่งเป็นเร่ืองของ เอกชนที่จะตอ้ งรกั ษาส่วนไดเ้ สียของตนเอง กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งจึงยนิ ยอมใหค้ ู่ความมอบหมายให้ ผอู้ น่ื ดาเนินการแทนได้ ดงั น้นั คู่ความจึงหมายความรวมถงึ บุคคลผมู้ สี ิทธิกระทาแทนคู่ความตามกฎหมาย หรือ ในฐานะทนายความดว้ ยนอกจากน้ีบุคคลภายนอกท่ีศาลอนุญาตใหร้ ้องสอดเขา้ มาเป็นโจทก์ หรือจาเลยใน ภายหลงั กถ็ อื ว่าเป็นคคู่ วามดว้ ยเช่นกนั 2. ศาลยตุ ธิ รรม ศาลเป็นผพู้ พิ ากษาคดีแพง่ ท่ีค่คู วามฟ้องร้องกนั พระธรรมนูญศาลยตุ ิ-ธรรม ศาลแบ่งออกเป็น ๓ ช้นั คือ ศาลช้นั ตน้ ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา การฟ้องร้องคดีแพ่งจะตอ้ งฟ้องท่ีศาลช้นั ตน้ เป็นลาดบั แรก แต่เนื่องจากศาลช้นั ตน้ มีหลายประเภท และต้งั อยู่ ในทุกจงั หวดั การเสนอคาฟ้องจะตอ้ งเสนอใหถ้ กู ศาล มิฉะน้นั ศาลกจ็ ะไมร่ ับฟ้องหรือยกฟ้องเสีย 3. เจา้ พนกั งานบงั คบั คดี พนกั งานบงั คบั คดี คือ เจา้ พนกั งานของศาลหรือพนกั งานอนื่ ผมู้ ีอานาจตามหา บญั ญตั ิแห่งกฎหมาย ที่ใชอ้ ยใู่ นอนั ที่จะปฏิบตั ิตามวิธีการท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นกฎหมาย เพอื่ คุม้ ครองสิทธิของคู่ความ ในระหว่างพจิ ารณา หรือเพ่อื บงั คบั ตามคาพิพากษาหรือคาสงั่ การท่ีศาลจะใหผ้ ใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งานบงั คบั คดี ศาลจะตอ้ งออกหมายบงั คบั คดตี ้งั ผนู้ ้นั เป็นเจา้ พนกั งานบงั คบั คดี สาหรับในกรุงเทพมหานคร ศาลจะต้งั เจา้ พนกั งานในกรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม ส่วนในจงั หวดั อืน่ ศาลจะ ทาหนา้ ท่ีเป็นเจา้ พนกั งานบงั คบั คดี เจา้ พนกั งานบงั คบั คดีถือเป็นเจา้ พนกั งานของศาล จึงมีหนา้ ท่ีตอ้ งปฏบิ ตั ิตามคาสง่ั ของศาล เม่อื ศาลสง่ั ใหเ้ จา้ พนกั งานบงั คบั คดีปฏบิ ตั ิหนา้ ที่อยา่ งใด เจา้ พนกั งานบงั คบั คดีไม่มสี ิทธิอทุ ธรณ์หรือฎีกาคาสง่ั ของศาลได้

2 2.2 การพจิ ารณาคดีของศาล 1. วิธีพิจารณาในศาลช้นั ตน้ คดีแพง่ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ คดีมีขอ้ พิพาทและคดีไมม่ ีขอ้ พิพาท ดงั จะอธิบายต่อไปน้ี 1. คดีมขี อ้ พพิ าท คือคดที ี่ประกอบดว้ ยคคู่ วาม 2 ฝ่าย ฝ่ายหนง่ึ ถกู โตแ้ ยง้ เกี่ยวสิทธิ หรือหนา้ ท่ีของตนตาม กฎหมายแพ่งซงึ่ เรียกฝ่ายทถี่ กู โตแ้ ยง้ เกย่ี วสทิ ธิหรือหนา้ ท่ีนีว้ า่ “โจทก”์ อีกฝ่ายหนง่ึ นนั้ เป็นผมู้ าโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั สิทธิหรือหนา้ ทีซ่ ่งึ เรียกวา่ “จาเลย” 2. คดไี มม่ ีขอ้ พิพาท คือคดที ่ีไมม่ จี าเลย มแี ตผ่ รู้ อ้ งฝ่ายเดียวเป็นคนยื่นคารอ้ งซง่ึ อาจเป็นการขอ้ ใหศ้ าลมี คาส่งั ใหต้ นมีสทิ ธิอย่างใดอยา่ งหนงึ่ แตห่ ากมผี อู้ ่นื มาย่ืนคดั คา้ นคารอ้ งท่ีผรู้ อ้ งยน่ื ตอ่ ศาลนนั้ คดไี มม่ ีขอ้ พิพาทก็อาจกลายเป็นคดีมขี อ้ พิพาทได้ นิยามศัพทก์ ฎหมาย คาฟ้อง หมายถงึ กระบวนพิจารณาใด ๆ ท่ีโจทกไ์ ดเ้ สนอขอ้ หาตอ่ ศาล ไม่ว่าจะเสนอดว้ ยวาจาหรอื ทาเป็นหนงั สอื คาให้การ หมายถงึ การท่ีผถู้ กู ฟ้องไดจ้ ดั ทาเอกสารขนึ้ เพ่ือย่นื ตอ่ ศาลโดยแสดงใหเ้ ห็นว่าการปฏิเสธหรอื การยอมรบั ขอ้ หาของ ผฟู้ อ้ ง การชสี้ องสถาน คอื การที่ศาลพจิ ารณาคาฟ้องโจทกแ์ ละคาใหก้ ารจาเลยหากมขี อ้ ใดท่ฝี ่ ายโจทกอ์ า้ งแลว้ จาเลยไม่ยอมรับ ศาล จะกาหนดเป็นประเดน็ ขอ้ พิพาท และกาหนดใหฝ้ ่ ายใดฝ่ายหน่ึงนาพยานหลกั ฐานมาสืบ ศาลเห็นสมควรวินิจฉยั ช้ขี าดคดใี หเ้ สร็จ ไปท้งั เร่ือง โดยไม่ตอ้ งสืบพยาน คดมี โนสาเร่หรือคดไี ม่มีขอ้ ยงุ่ ยาก

3 2. วธิ ีการพจิ ารณาในศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลช้นั ตน้ มีคาพิพากษาแลว้ ถา้ คคู่ วามไม่พอใจก็มีสิทธิยนื่ อทุ ธรณ์ต่อศาลอทุ ธรณ์ได้ ยกเวน้ ในบางกรณี ที่บทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายไดก้ าหนดห้ามอุทธรณ์ เช่น คดีท่ีราคาทรัพยส์ ินหรือทนุ ทรัพยท์ ี่พิพาทกนั ในช้นั อทุ ธรณ์ไมเ่ กิน 50000 บาท เวน้ แตผ่ พู้ ิพากษาท่ีนง่ั พิจารณาคดีในศาลช้นั ตน้ ไดท้ าความเห็นแยง้ ไว้ หรือไดร้ ับรองว่ามีเหตุอนั ควรที่สามารถอทุ ธรณ์ได้ หรือไดร้ ับอนุญาตให้ อุทธรณ์เป็นหนงั สือจากอธิบดีผพู้ ิพากษาศาลช้นั ตน้ หืออธิบดีผพู้ ิพากษาภาคผมู้ ีอานาจ 3. วธิ ีพิจารณาในศาลฎีกา องคค์ ณะในการพิจารณาพิพากษาคดีประกอบดว้ ยผพู้ พิ ากษาศาลฎกี าอยา่ งนอ้ ย ๓ คนแตห่ าก คดใี ดมปี ัญหาสาคญั เม่อื ประธานศาลฎกี าเห็นวา่ ควรใหว้ ินจิ ฉยั โดยท่ปี ระชมุ ใหญ่ของศาลฎกี า ประธานศาลฎีกามีอานาจส่งั ใหน้ าปัญหาดงั กลา่ วเขา้ สกู่ ารวินจิ ฉยั โดยท่ปี ระชมุ ใหญ่ หรอื เม่อื เป็น กรณีท่มี ีกฎหมายบญั ญตั เิ ป็นการเฉพาะว่า ใหค้ ดเี ร่อื งใดวนิ ิจฉยั โดยท่ปี ระชมุ ใหญ่ ท่ปี ระชมุ ใหญ่ศาลฎกี าประกอบดว้ ยผพู้ ิพากษาศาลฎีกาทกุ คนซง่ึ อย่ปู ฏิบตั ิหนา้ ท่ใี นวนั ท่มี ีการจดั ประชมุ ใหญ่ แตท่ งั้ นไี้ มน่ อ้ ยกวา่ กง่ึ หน่งึ ของจานวนผพู้ พิ ากษาศาลฎีกาทงั้ หมด

4 4. การบงั คบั คดีแพง่ - การยดึ ทรัพยส์ ิน - การขายทอดตลาดทรัพยส์ ิน - การอายดั สิทธิเรียกร้อง -การขบั ไล่ร้ือถิน

5 3. กระบวนการยุติธรรมทางอาญา กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา เป็นกระบวนการสาหรับดาเนินคดีอาญา กล่าวคือเม่อื มกี ารกระทาผดิ ทาง อาญาแลว้ การนาตวั ผกู้ ระทาผดิ มาลงโทษ จะตอ้ งกระทาอยา่ งไร บทบญั ญตั ิท่กี าหนดวิธีดาเนินคดีอาญามีอยใู่ น ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ส่วนกระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งเป็นกระบวนการสาหรับดาเนินคดีแพ่ง เช่น กรณีผดิ สญั ญา ซ่ึงเป็นการฝ่ า ฝืนกฎหมายแพ่ง การที่จะบงั คบั ใหฝ้ ่ ายท่ีผดิ สญั ญาชดใชค้ ่าเสียหายจะตอ้ งดาเนินการอยา่ งไร ซ่ึงมีบทบญั ญตั ิอยู่ ในประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพ่ง 3.1 บุคคลที่เก่ียวขอ้ งในกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา 1) ผ้ถู กู กล่าวหา ผ้ตู ้องหา จาเลย คือ ผทู้ ่ีถูกกลา่ วหาวา่ การกระทาความผดิ ทางอาญาและผถู้ ูกกล่าวหาจะ เปลย่ี นแปลงฐานะเป็นผตู้ อ้ งหาเมือ่ มีการเปลีย่ นแปลงไปตามข้นั ตอนการดาเนินคดีเป็นผตู้ อ้ งหา แต่ยงั ไม่ไดถ้ กู ฟ้องต่อศาล 2) ผู้เสียหาย คือ บุคคลที่ไดร้ ับความเสียหายเนื่องจากการกระทาผดิ ฐานใดฐานหน่ึง 3) พนกั งานฝ่ ายปกครองหรือตารวจ คือ เจา้ พนกั งานซ่ึงกฎหมายใหม้ ีอานาจและหนา้ ที่รักษาความสงบ เรียบร้อยของประชาชน รวมท้งั พศั ดี เจา้ พนกั งานกรมสรรพสามติ กรมศลุ กากร กรมเจา้ ท่า พนกั งานตรวจคนเขา้ เมอื ง และเจา้ พนกั งานอ่นื ๆ 4) พนกั งานอยั การ คือ เจา้ พนกั งานผมู้ หี นา้ ท่ีฟ้องผตู้ อ้ งหาต่อศาล พนกั งานอยั การเป็นเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐซ่ึง ดาเนินคดีต่อจากพนกั งานสอบสวน 5) ศาล คือ ศาลยตุ ิธรรมหรือผพู้ พิ ากษา มีอานาจพจิ ารณาพิพากษาคดีอาญา 6) เจ้าหน้าทีฝ่ ่ ายราชทัณฑ์ คือ ทาหนา้ ท่ีควบคุมตวั ผตู้ อ้ งหา หรือจาเลยไวใ้ นระหวา่ งท่ีมีการดาเนินคดี 7) ทนายความ คือ ทาหนา้ ที่เป็นตวั แทนในเรอ่ื งทีเ่ ก่ียวกบั กฎหมาย และดาเนนิ การแทนคคู่ วามทง้ั ทาง อาญาและแพง่ ใหค้ าแนะนาแกล่ กู ความถึงสทิ ธิ และหนา้ ท่ีตามกฎหมายทาการแทนลกู ความในเร่ืองตา่ งๆที่ เกี่ยวกบั กฎหมาย จดั ทาเอกสารเกี่ยวกบั กฎหมาย และคน้ หาบรรพตา่ งๆ ในประมวลกฎหมายวา่ ความและ ดาเนินกระบวนการ พิจารณาใดๆในศาลแทนคคู่ วามทงั้ ในคดแี พ่งและคดีอาญา

6 3.2 วิธีพจิ ารณาก่อนคดีข้ึนสู่ศาล 1) การจบั และควบคุมตวั ก่อนพิจารณาคดี หลกั การจบั บุคคลผถู้ ูกตอ้ งสงสยั วา่ กระทาความผดิ น้นั จะตอ้ งมี หมายจบั ยกเวน้ มกี ารกระทาความผดิ ซ้ึงหนา้ ที่หรือมเี หตุผลจาเป็นอยา่ งอ่ืนใหจ้ บั ไดโ้ ดยไม่มหี มายจบั ตามท่ี กฎหมายบญั ญตั ิ 2) การสืบสวนสอบสวน เป็นหนา้ ท่ขี องพนกั งานฝ่ ายปกครองและตารวจ การสืบสวนเป็นการแสวงหา ขอ้ เทจ็ จริงและหลกั ฐาน เพ่อื ทราบขอ้ เทจ็ จริงหรือพิสูจนค์ วามผดิ และเพื่อแสวงหาตวั ผกู้ ระทาผดิ มาลงโทษ 3.3 วธิ ีพจิ ารณาคดีในช้นั ศาล ดาเนินไปตามลาดบั คือ ศาลช้นั ตน้ ศาลอทุ ธรณ์ และ ศาลฎีกา มีดงั น้ี 1. ผเู้ สียหายฟ้องคดี คือ ผเู้ สียหายสามารถฟ้องคดีไดโ้ ดยไม่ตอ้ งมีการสอบสวนก่อน แตศ่ าลตอ้ งไต่ สวนมลู ฟ้องกอ่ นเพ่ือวินิจฉยั ถึงมูลคดีที่จาเลยถกู กล่าวหาวา่ มีมูลพอท่ีจะรับไวพ้ จิ ารณาหรือไม่ 2. พนกั การอยั การฟ้องคดี เมื่อพนกั งานสอบสวนทาการสืบสวนสอบสวนคดีเสร็จแลว้ จะส่ง สานวนคดีไปยงั พนกั งานอยั การพร้อมกบั ความเห็นว่าควรสง่ั ฟ้องหรือสงั่ ไม่ฟ้องผตู้ อ้ งหาถา้ พนกั งานอยั การเห็นวา่ ควรสอบสวนเพ่ิมเติม พนกั งานอยั การสง่ั ใหพ้ นกั งานสอบสวนทาการ สอบสวนเพ่ิมเติมได้ การพจิ ารณาคดขี องศาลแต่ละช้ันน้ันมขี ้นั ตอนการดาเนินการ ดังนี้ 1. การพิจารณาคดีในศาลช้นั ตน้ เมื่อโจทกฟ์ ้อง ใหศ้ าลตรวจว่าทอ้ งท่ีท่ียื่นฟ้องถกู ตอ้ งหรือไม่ ถา้ เป็นคดีราษฎรฟ้อง ศาลจะไตส่ วนมลู ฟ้อง แต่ถา้ เป็นคดีที่ฟ้องโดยพนกั งานอยั การศาลจะไม่ไตส่ วน มูลฟ้องก่อน หลงั จากน้นั ศาลจะพิจารณาสืบพยาน โดยจะตอ้ งทาโดยเปิ ดเผย เปิ ดโอกาสให้ ประชาชนเขา้ ฟังได้ เมื่อสืบพยานเสร็จท้งั สองฝ่ ายคือ ท้งั ฝ่ ายโจทกแ์ ละฝ่ ายจาเลย ศาลจะพิจารณาจากหลกั ฐาน ว่าจะเลยกระทาผิดหรือไม่ ถา้ ศาลเห็นว่าการกระทาของจาเลยเป็นความผดิ ศาลกจ็ ะพิพากษาลงโทษ จาเลยตามความผดิ

7 2. การพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ เม่ือศาลช้นั ตน้ มีคาพิพากษาแลว้ ถา้ คคู่ วามไม่พอใจคาพิพากษา ของศาล กส็ ามารถ อทุ ธรณ์ ไปยงั ศาลอทุ ธรณ์พิจารณาพิพากษาคดดีน้นั ภายในเวลา 1 เดือน นบั ต้งั แตว่ นั ที่มีคาพิพากษา 3. การพิจารณาคดีในศาลฎีกา เม่ือคคู่ วามไมพ่ อใจในคาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์กส็ ามารถฎีกา คาพิพากษาศาลอทุ ธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ ยกเวน้ ในกรณีที่มีบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายห้ามฎีกา พิพากษา คดีน้นั ภายในเวลา 1 เดือน 3.4 การบงั คบั คดีอาญา 1. ในกรณีคดีถึงท่ีสุดโดยศาลลงโทษจาคกุ หรือกกั ขงั ถา้ จาเลยถูกขงั อยใู่ นระหว่างพิจารณา ศาลจะ ออกหมายแดงแจง้ โทษเดด็ ขาดไปยงั เจา้ หหา้ ท่ีราชทณั ฑ์ 2. ในกรณีคดีถึงที่สุดโดยคาพิพากษาของศาลใหป้ รับ หรือริบทรัพยจ์ าเลย ศาลจะเป็นผบู้ งั คบั คดี เอาโดยใหจ้ าเลยเสียคา่ ปรบั ต่อเจา้ หนา้ ที่ศาล 3. ในกรณีคดีถึงที่สุดโดยคาพิพากษาให้คมุ ประพฤติ เจา้ พนกั งานคมุ ประพฤติกจ็ ะดาเนินการให้ เป็ นไปตามคาพิพากษา 4. ในกรณีคดีถึงที่สุดโดยคาพิพากษายกฟ้อง ศาลจะออกหมายปลอ่ ยและแจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ที่ ราชทณั ฑป์ ลอ่ ยตวั จาเลย

8 ปัญหาการใชก้ ฎหมาย 1. เจา้ พนกั งานที่เกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนการยตุ ิธรรมทางกฎหมายมีจานวนนอ้ ยไม่เพียงพอกบั ปัญหาท่ี เกิดข้ึนในสงั คมปัจจุบนั เช่น ผกู้ ระทาผิดกฎหมายมีจานวนมากแต่กาลงั เจา้ หนา้ ท่ีตารวจมีนอ้ ย ทา ให้ไม่สามารถปฏิบตั ิงานโดยจบั ผกู้ ระทาความผดิ มาลงโทษไดท้ ้งั หมด 2. เจา้ พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีที่เกี่ยวขอ้ งกบั การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ละเลย ขาดความกระตือรือร้นใน การปฏิบตั ิหนา้ ท่ี เกิดความล่าชา้ ของกระบวนการยตุ ธิ รรม กรณีที่เกิดปัญหามากที่สุด คือ ความ ล่าชา้ ในการสืบสวนสอบสวนและการพิจารณาคดีของตารวจ อยั การ และศาล โดยเฉพาะใน คดีอาญาซ่ึงทาให้กระทบตอ่ สิทธิและเสรีภาพของประชาชนมากที่สุด 3. เจา้ พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐทุจริตและประพฤติมิชอบในหนา้ ท่ีราชการโดยรับสินบนหรือ เห็นแก่พวกพอ้ ง ซ่ึงเป็นการตอบแทนในการท่ีตนใชอ้ านาจหนา้ ท่ีปฏิบตั ิอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงอนั มิ ชอบดว้ ยกฎหมาย เพ่ือเอ้ือประโยชน์แก่บุคคลท่ีให้ผลประโยชนแ์ ก่ตน เช่น เจา้ พนกั งานป่ าไมป้ ลอ่ ย ให้มีการตดั ไมท่ าลายป่ าอยา่ งผิดกฎหมายท้งั น้ีเพราะรับสินบนมาจากผลู้ กั ลอบตดั ไมท่ าลายป่ า เป็น ตน้ 4. เจา้ หนา้ ท่ีผใู้ ชก้ ฎหมายนา กฎหมายมาเป็นเคร่ืองมือกดข่ีข่มเหงประชาชน ทาใหท้ ้งั น้ีไม่ไดร้ ับ ความเป็นธรรม เช่น เจา้ หนา้ ท่ีตารวจ ซ้อมผตู้ อ้ งหาเพื่อใหย้ อมรับสารภาพ 4.1 ปัญหาทเ่ี กิดจากดา้ นผใู้ ชก้ ฎหมาย 1. ความไม่รูก้ ฎหมายเพยี งพอของเจ้าพนักงานของรัฐ การทางานของเจา้ พนกั งานมกั จะใชก้ ารเรียนรจู้ ากประสบการณท์ ่ีตนไดพ้ บเจออย่เู ป็นประจา แตใ่ นบางครง้ั เรอ่ื งท่ีไดร้ บั แจง้ มานน้ั อาจเป็นเรื่องท่ีไมไ่ ดเ้ กิดขนึ้ บ่อยครง้ั นกั จงึ ยากท่จี ะใชก้ ฎหมายถา้ ไมร่ ูจ้ กั วิธกี ารอา่ น กฎหมาย ศกึ ษากฎหมาย และแปลความกฎหมายเพื่อปรบั ใชใ้ นคดีความทเ่ี กิดขนึ้ อกี ประการหนง่ึ เนื่องจาก พนกั งานตารวจมหี นา้ ที่รกั ษากฎหมายท่วั ไป ผิดกบั เจา้ พนกั งานอนื่ ๆท่ีมหี นา้ ที่ใหร้ กั ษาการเฉพาะเรื่องท่ี กฎหมายกาหนด ซ่ึงมีความชานาญในเร่อื งนน้ั โดยเฉพาะ เพราะบทกฎหมายที่รกั ษาการนนั้ มอี ยา่ งจากดั การที่ จะใหค้ วามรูแ้ ก่เจา้ พนกั งานตารวจเพิ่มขนึ้ จึงเป็นเร่อื งจาเป็น เพ่อื ใหร้ ูถ้ งึ กฎหมายตา่ งๆ อยา่ งกวา้ งขวาง และรูถ้ งึ วิธีการและเทคนิคการใชก้ ฎหมาย จงึ จะปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ไี ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเป็นธรรม

9 2.การใช้ดุลพนิ จิ อันไม่สมควรในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ การใชด้ ลุ พินิจนน้ั อาจมหี ลายระดบั ตงั้ แตใ่ นชน้ั การสอบสวน การส่งั ฟ้องคดีอยั การ การพิพากษาคดี หรือการ ออกคาส่งั คารอ้ งของผพู้ ิพากษา ซ่ึงลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นการใชด้ ลุ พินิจที่กฎหมายเปิดโอกาสใหใ้ ชเ้ พื่อความ ยตุ ิธรรมในแตล่ ะขนั้ ตอนตามควรแก่กรณีทงั้ สนิ้ ในการใชด้ ลุ พินิจของพนกั รฐั นน้ั โดยมากมกั มกี ารกาหนด แนวทางปฏบิ ตั ไิ ว้ ซงึ่ สว่ นใหญ่กจ็ ะมาจากนโยบายของหนว่ ยงาน และการปฏบิ ตั ิท่ีสบื ตอ่ กนั มา หากการใช้ ดลุ พินิจของเจา้ พนกั งานเป็นไปอย่างไมเ่ ที่ยงธรรม การการละเวน้ หรอื ใหอ้ ภสิ ทิ ธิ์แก่บคุ คลบางกลมุ่ กก็ ่อใหเ้ กิด ความไมเ่ ป็นธรรม แก่บคุ คลบางกลมุ่ ขนึ้ ซึ่งการใชด้ ลุ พินจิ ดงั กลา่ วจึงเป็นเรื่องท่ีตอ้ งแกไ้ ข เพื่อลดปัญหาที่ เกิดขนึ้ จากเจา้ พนกั งาน มฉิ ะนน้ั แลว้ ประชาชนจะรูส้ กึ เกลยี ดชงั เจา้ พนกั งานของรฐั และรฐั กจ็ ะไมไ่ ดร้ บั ความ รว่ มมือในการปฏิบตั ิตามกฎหมายจากประชาชน ปญั หาการฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง เป็นปัญหาทีเ่ กิดข้ึนเป็นปัญหาที่เกดิ ข้นึ ในทกุ สงั คมรวมท้งั ประเทศไทย ก่อใหเ้ กิด ปัญหาท่ีบนั่ ทอนความกา้ วหนา้ ของ สงั คมไทยมาโดยตลอด กอ่ ใหเ้ กิดผลเสียดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ทาใหช้ าติเส่ือมเสียช่ือเสียง 2. เกิดความแตกแยกและความไมย่ ตุ ธิ รรมในสงั คม 3. เป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประเทศ 4. ประชาชนขาดความศรัทธาในขา้ ราชการและรัฐบาล 5. เป็นขอ้ อา้ งของฝ่ ายตรงขา้ มกบั รัฐบาล 5. เป็นขอ้ อา้ งของฝ่ ายตรงขา้ มกบั รัฐบาล

10 4. ปัญหาเจา้ หนา้ ท่ีผซู้ ่ึงใชก้ ฎหมายมีจานวนไม่เพียงพอ เม่ือมีกฎหมายออกใชบ้ งั คบั ผทู้ ี่ฝ่ าฝืนกฎหมายจะตอ้ งไดร้ ับโทษ ผทู้ ่ีหนา้ ที่ท่ีจบั กุมหรือดาเนินคดีมี จานวนนอ้ ยไมส่ ามรถจะปฏิบตั ิงานได้ เมื่อมีผกู้ ระทาผิดกฎหมายจานวนมากแต่กาลงั เจา้ หนา้ ท่ี ตารวจมีจานวนนอ้ ยทาให้ไม่สามรถจบั ตวั ผกู้ ระทาความผดิ มาลงโทษไดท้ ้งั หมด 5. ปัญหาความล่าชา้ ของกระบวนการยตุ ิธรรม ผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการยตุ ิธรรมอนั ไดแ้ ก่ ตารวจ ทนายความ พนกั งานอยั การ ผพู้ ิพากษา ใน การดาเนินคดีอายากว่าตารวจจะจบั ผกู้ ระทาความผิดได้ เมื่อจบั ตวั ผกู้ ระทาความผิดไดแ้ ลว้ จะตอ้ งมี การสอบสวนหาขอ้ เทจ็ จริงก่อนส่งสานวนไปยงั พนกั งานอยั การเพอื่ สง่ั ฟ้องคดี 4.2 ปัญหาที่เกิดจากดา้ นประชาชน 1.ประชาชนขาดการศึกษา หรือขาดความรู้เรื่องกฎหมายเป็นสาเหตุหน่ึงที่ทาให้ประชาชนทา ผิดกฎหมาย แต่ประชาชนจะอา้ งวา่ ไม่รู้กฎหมายน้นั ไมไ่ ด้ 2. ประชาชนยงั ขาดความร่วมมือในการใช้บงั คบั กฎหมาย กระบวนการยตุ ิธรรมทกุ ข้นั ตอน ปะชาชนจะตอ้ งเขา้ มามีส่วนร่วมดว้ ย เมื่อมีการกระทาผดิ อาญาเกิดข้ึนเจา้ หนา้ ท่ีตารวจหรือ หน่วยงานปกครองจะตอ้ งอาศยั ความร่วมมือจากประชาชนช่วยแจง้ เหตุใหท้ ราบเพื่อจะไดร้ ีบ ไประงบั เหตุ 3.สภาพความกดดันทางเศรษฐกจิ และสังคม อิทธิพลของสิ่งแวดลอ้ ม ความยากจนและ ความ อดอยากเป็นสาเหตุหน่ึงท่ีบงั คบั ให้คนกระทาความผิด 4.การใช้ช่องว่างของกฎหมายหลกี เลยี่ งการกระทาความผดิ ประชาชนบางคนทาผิดกฎหมาย โดยกฎหมายไม่สามารถเอาผดิ ได้ เชน่ กฎหมายหา้ มเรียกดอกเบ้ยี เกินกวา่ ร้อยละสิบหา้ ต่อปี ดงั น้นั ผใู้ หก้ กู้ ค็ านวณดอกเบ้ียเสียก่อนวา่ เป็นค่าดอกเบ้ียเท่าไร

11 4.3ปัญหาทเ่ี กิดจากตวั บทกฎหมาย 1.กฎหมายไม่สอดคล้องกบั สภาพสังคม ในกรณีการให้กูย้ มื เงินกาหนดให้อตั ราดอกเบ้ียไม่ เกินร้อยละสิบห้าตอ่ ปี น้นั ในปัจจุบนั สภาวะเศรษฐกิจเปลย่ี นแปลงไป ค่าของเงินก็ เปลี่ยนแปลง 2.กฎหมายทีเ่ ปิ ดโอกาสให้ผู้ใช้กฎหมายใช้ดุลยพนิ ิจและใช้อานาจหน้าทไ่ี ด้กว้างขวาง เชน่ กฎหมายที่เกี่ยวกบั ภาษีอากร อยา่ งเชน่ พนกั งานศลุ กากรมีอานาจในการตีความ พิกดั อตั รา อากร ในกรณีกฎหมายคลมุ เครือกใ็ ห้อานาจตีความเป็นประโยชนแ์ ก่รัฐ

12 5. แนวทางการแกไ้ ขปัญหาการใชก้ ฎหมาย 1.ควรปลกู ฝังเดก็ และเยาวชน ตลอดจนประชาชนใหเ้ ป็นผมู้ ีคณุ ธรรมจริยธรรม รู้ว่าส่ิงใดควร ปฏิบตั ิ เพราะเป็นสิ่งท่ีถกู ตอ้ งตามกฎหมายและศีลธรรม 2. กาหนดไวใ้ นหลกั สูตรการเรียนของนกั เรียนในระดบั จ่างๆ เพ่ือเนน้ ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้เกี่ยวกบั กฎหมายที่ใชอ้ ยใู่ นชีวิตประจาวนั และเป็นกฎหมายท่ีใกลต้ วั ผเู้ รียนมากที่สุด เม่ือผเู้ รียนมีความรู้ เก่ียวกบั กฎหมายแลว้ จะไดน้ าไปเผยแพร่ใหแ้ ก่ผทู้ ่ีอยใู่ กล้ ตลอดจนตนเองไดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมายได้ อยา่ งถูกตอ้ ง 3. ผทู้ ่ีมีหนา้ ที่รับผดิ ชอบจดั ให้มีศูนยบ์ ริการใหค้ วามรู้และคาแนะนาทางดา้ นกฎหมายแก่ประชาชน โดยไมเ่ สียคา่ ตอบแทนในปัจจุบนั ไดม้ ีการใหบ้ ริการดงั กลา่ วโดยมหาวิทยาลยั ตา่ งๆไดจ้ ดั ต้งั ศูนยบ์ ริการเผยแพร่วิชานิติศาสตร์ให้แก่ประชาชนทว่ั ไป การช่วยเหลือดา้ นกฎหมายโดยสภา ทนายความแห่งประเทศไทย 4. ใหป้ ระชาชนมีส่วนรวมในการออกกฎหมายหรือแกไ้ ขกฎหมาย ซ่ึงในรัฐธรรมนูญฉบบั ปัจจุบนั ไดก้ าหนดใหป้ ระชาชนผมู้ ีสิทธิเลือกต้งั จานวนไมน่ ้อยกว่า 10,000 คน เขา้ ช่ือกนั เสนอร่าง พระราชบญั ญตั ิ 5.2 ดา้ นผบู้ งั คบั ใชก้ ฎหมายและตวั บทกฎหมาย ผบู้ งั คบั ใชก้ ฎหมายซ่ึงเป็นคนของรัฐบาลจะตอ้ งปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ดว้ ยความซ่ือสตั ยส์ ุจริต อยใู่ นระเบียบ วินยั ดารงตนไวซ้ ่ึงความยตุ ิธรรม การที่จะรับบคุ คลตา่ งๆ เขา้ มาดารงตาแหน่งหนา้ ท่ีต่างๆ จะตอ้ ง ไดร้ ับการคดั เลอื กมาแลว้ เป็นอยา่ งดี

13 บคุ คลท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั คดอี าญา มี 7 ฝ่าย คอื 1. ประชาชน หมายถงึ ผไู้ ดร้ บั ความเสยี หาย หรอื ท่เี รยี กวา่ โจทก์ 2. พนกั งานจบั กมุ และสอบสวน 3. พนกั งานอยั การ 4. ทนายความ 5. เจา้ หนา้ ท่ศี าล หรือจา่ ศาล 6. คณะผพู้ ิพากษา 7. กรมราชทณั ฑ์ ผคู้ มุ

14 ขนั้ ตอนและการฟอ้ งคดอี าญา 1. เม่อื มผี เู้ สยี หายแจง้ ความ รอ้ งทกุ ขก์ ลา่ วโทษ ต่อเจา้ พนกั งานตารวจเพ่อื ใหด้ าเนนิ คดี 2. พนกั งานสบื สวนสอบสวนจะรวบรวมขอ้ เท็จจรงิ และพิสจู นค์ วามจริงของผกู้ ระทาผิดมา ดาเนนิ คดี 3. พนกั งานสอบสวนทาสานวนขอ้ กลา่ วหาเสนอตอ่ อยั การ 4. ในชน้ั ศาล ศาลจะประทบั ฟ้อง ถา้ ผเู้ สยี หายฟอ้ งศาลเองศาลจะไต่สวนมลู ฟ้องวา่ คดีนนั้ มมี ลู เพยี งพอท่จี ะฟ้องหรือไม่ ถา้ เป็นคดีอกุ ฉกรรจศ์ าลจะหาทนายความใหก้ บั จาเลยเพ่อื ความเป็นธรรม 5. การสอบคาใหก้ ารของจาเลย 6. การสบื พยาน ใหโ้ จทกส์ บื พยานก่อนเพ่อื พิสจู นค์ วามผดิ 7. การพิพากษาตดั สนิ โดยศาลจะดจู ากพยานหลกั ฐานทง้ั บคุ คล เอกสาร พยานวตั ถุ 8. การอทุ ธรณฎ์ ีกาตอ้ งทาภายใน 1 เดือน 9. การบงั คบั คดี เจา้ หนา้ ท่รี าชทณั ฑจ์ ะทาหนา้ ท่ตี ามคาพิพากษานนั้ โทษทางอาญา แบง่ ไดเ้ ป็น

15 ขน้ั ตอนและการฟอ้ งคดแี พ่ง 1. โจทกฟ์ อ้ งคดตี ่อศาล โดยโจทกอ์ าจฟ้องคดีต่อศาลเอง และแต่งตงั้ ทนายความเขา้ ดาเนินการวา่ ต่างแทน สว่ นจาเลยก็มสี ทิ ธิ์สคู้ ดีดว้ ยการแต่งทนายไดเ้ ช่นกนั 2. ศาลสง่ สาเนาคาฟ้องต่อจาเลย 3. จาเลยเม่อื ไดร้ บั คาฟ้องและหมายเรียกใหแ้ กค้ ดใี หย้ ่นื แกภ้ ายใน 8 วนั 4. ศาลตรวจดคู าฟ้องทงั้ สองฝ่าย แลว้ กาหนดประเดน็ ขอ้ พิพาท 5. สบื พยานโจทกแ์ ละพยานจาเลย 6. ศาลพิพากษาคดี อาจมีการย่นื อทุ ธรณฎ์ กี าได้ 7. การบงั คบั คดี ผูแ้ พต้ อ้ งปฏิบตั ิตามคาพพิ ากษา ผชู้ นะมสี ทิ ธ์ิขอใหศ้ าลออกหมายบงั คบั คดไี ด้ เช่น การยดึ ทรพั ยส์ นิ การขายทอดตลาด เป็นตน้

16

17 ความหมายของคาว่า “ผตู้ อ้ งหา” คือ บคุ คลท่ถี กู กลา่ วหาวา่ ไดก้ ระทาความผิดอาญา แตไ่ มไ่ ดถ้ กู ฟอ้ งต่อศาล ในระหวา่ งนี้ ผตู้ อ้ งหามสี ทิ ธิท่จี ะไดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู และประมวลกฎหมายวธิ ี พจิ ารณาความอาญา ดงั นี…้ สทิ ธิขน้ั พนื้ ฐานของ “ผตู้ อ้ งหา” 1. สทิ ธิท่จี ะไม่ถกู จบั กมุ โดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร 2. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั แจง้ ใหท้ ราบวา่ ถอ้ ยคาท่ผี ตู้ อ้ งหากลา่ วนน้ั อาจเป็นพยานหลกั ฐานในการ พิจารณาได้ 3. สทิ ธิท่จี ะไม่ตอบคาถามของเจา้ พนกั งานสอบสวนเวน้ แต่คาถามท่ถี ามช่อื หรือท่อี ยขู่ อง บคุ คลนน้ั เพ่อื ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายหรือตอบคาถามท่เี ป็นผลเสยี แก่ตนเอง หรอื ใหก้ ารในชนั้ สอบสวน 4. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การสอบสวนดว้ ยความรวดเรว็ ต่อเน่อื งและเป็นธรรม 5. สทิ ธิพบและปรกึ ษาผทู้ ่จี ะเป็นทนายความสองต่อสอง 6. สทิ ธิท่จี ะใหท้ นายความหรอื คนท่ไี วว้ างใจเขา้ ฟังการสอบปากคาของตนได้ 7. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การเย่ยี มตามสมควร 8. สทิ ธิท่จี ะไมถ่ กู บงั คบั ขเู่ ขญ็ ทรมาน หรอื ใชว้ ธิ ีหลอกลวงใหร้ บั สารภาพ 9. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การพยาบาลโดยเรว็ เม่อื เจ็บป่วย 10. สทิ ธิในการขอประกนั ตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาอยา่ งรวดเร็วกรณีไมไ่ ดป้ ระกนั ตอ้ งไดร้ บั แจง้ เหตผุ ลใหท้ ราบโดยเรว็

18 ความหมายของคาว่า “จาเลย” คือ บคุ คลท่ถี กู ฟ้องคดี โดยขอ้ หากระทาความผดิ อาญา มีสทิ ธิท่จี ะไดร้ บั ความคมุ้ ครอง ตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู และประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ดงั นี…้ สทิ ธิขนั้ พืน้ ฐานของ “จาเลย” 1. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การพิจารณาคดดี ว้ ยความรวดเรว็ ต่อเน่อื งและเป็นธรรม 2. สทิ ธิในการขอประกนั ตอ้ งไดร้ บั การพิจารณาอยา่ งรวดเรว็ กรณีไม่ใหป้ ระกนั ตอ้ งแจง้ เหตผุ ลใหจ้ าเลยทราบโดยเรว็ 3. สทิ ธิท่จี ะอทุ ธรณค์ ดั คา้ นการไมใ่ หป้ ระกนั 4. สทิ ธิท่จี ะพบทนายความเป็นการสว่ นตวั 5. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การเย่ยี มตามสมควร 6. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั ความช่วยเหลอื จากรฐั ดว้ ยการจดั หาทนายความให้ 7. สทิ ธิท่จี ะแต่งตัง้ ทนายความเพ่อื สคู้ ดี 8. สทิ ธิท่จี ะตรวจหรอื คดั สาเนาคาใหก้ ารของตนในชนั้ สอบสวนหรือเอกสารประกอบ คาใหก้ ารของตนเม่อื พนกั งานอยั การไดย้ ่นื ฟ้องคดีตอ่ ศาลแลว้ 9. สทิ ธิท่จี ะตรวจดสู านวนของศาลและขอคดั สาเนาโดยเสยี ค่าธรรมเนยี ม 10. สทิ ธิท่จี ะตรวจดสู ง่ิ ของท่ยี ่นื เป็นพยานหลกั ฐานและคดั สาเนาหรือถ่ายรูปส่งิ นน้ั ๆ ได้ 11. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั สาเนาคาฟ้อง 12. สทิ ธิท่จี ะไดร้ บั การอ่านและอธิบายคาฟ้องใหฟ้ ังและการสอบถามคาใหก้ ารจากศาล 13. สทิ ธิท่จี ะใหก้ ารต่อสคู้ ดี 14. สทิ ธิท่จี ะไดก้ ารสอบถามเร่อื งทนายความกอ่ นเร่มิ การพจิ ารณาคดี 15. สทิ ธิท่จี ะคดั คา้ นคดีท่โี จทกข์ อถอนฟอ้ งในคดีท่จี าเลยไดใ้ หก้ ารแกค้ ดีแลว้

19 ลักษณะของอาชพี ทนายความ ทาหนา้ ท่เี ป็นตวั แทนในเร่อื งท่เี ก่ยี วกับกฎหมาย และดาเนินการแทนคคู่ วามทั้งทางอาญา และแพ่ง ตรวจสอบเร่อื งราวตา่ งๆ และคน้ ตวั บทกฎหมายท่จี ะนามาใชโ้ ดยการศกึ ษาประมวล กฎหมาย พระราชกฤษฎีกา เทศบญั ญตั ิ คาพิพากษาของศาลสงู ท่มี มี าแลว้ และกฎขอ้ บงั คบั ท่ีตราขนึ้ ไว้ ใหค้ าแนะนาแกล่ กู ความถงึ สทิ ธิ และหนา้ ท่ตี ามกฎหมายทาการแทนลกู ความในเร่อื งตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วกบั กฎหมาย จดั ทาเอกสารเก่ยี วกบั กฎหมาย และคน้ หาบรรพตา่ งๆ ในประมวล กฎหมายว่าความและดาเนนิ กระบวนการ พิจารณาใดๆในศาลแทนค่คู วามทง้ั ในคดีแพ่งและคดอี าญา มีบทบาทในการสรา้ งและ รกั ษาความเป็นธรรมใหก้ บั สงั คมมีบทบาทในการคมุ้ ครอง ดแู ลรกั ษาผลประโยชนข์ อง บคุ คลและองคก์ รธุรกจิ เอกชนตา่ ง ๆ มบี ทบาทในการใหค้ าปรกึ ษาแนะนา ในการดาเนินการตา่ งๆ ใหถ้ กู ตอ้ งตามระเบยี บและกฎหมาย มีบทบาทเป็นคนกลางเพ่อื ไกลเ่ กลย่ี ความขดั แยง้ แห่ง ผลประโยชนด์ ว้ ย อาจเช่ียวชาญในงานกฎหมายสาขาใดสาขาหน่งึ โดยเฉพาะ อาจเป็นทนายความหรือท่ปี รกึ ษากฎหมายประจาองคก์ ร บรรษัทหา้ งหนุ้ สว่ น บรษิ ัท นติ ิ บคุ คล คณะบคุ คล หรือเอกชน สภาพการจา้ งงาน อาชพี ทนายความเป็นอาชพี ท่มี คี นนิยม ทากนั มาก เพราะเป็นอาชีพท่สี ามารถทารายไดด้ แี ละเป็นอาชีพท่มี เี กียรติ

20

21 บรรณานุกรม ภทั รชพร ศรีนิล (2018)(ออนไลน)์ ของความหมายของกระบวนการ ยตุ ิธรรม https://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/ewt_dl_link.php?nid=1467 21 มกราคม 2564 กนกพร มะณีไวย กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่ง https://oia.coj.go.th/th/file/get/file/2019013101642364aa157d92a17bf62b2c4777351044 17.pdf 21 มกราคม 2564 ภทั รชพร ศรีนิล กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา https://sites.google.com/site/itsaranon333/ 21 มกราคม 2564 ณฐั วฒุ ิ ศรีเหรา ปัญหาการใชก้ ฎหมาย https://sites.google.com/site/kodmaithai663/home/payha-rkar-chi-kdhmay-thi-keid-cak- prachachn-phu-chi-kdhmay 21 มกราคม 2564

22 เสนอ คุณครู ณฐั รินีย์ สมนึก จดั ทาโดย 1.นาย ธนาธร มะลิ เลขท่ี8 ม.4/7 2.นาย ณฐั วฒุ ิ ศรีเหรา เลขท่ี9 ม.4/7 3.นาย เรอื งวฒุ ิ วงศย์ ะรา เลขท่ี14 ม.4/7 4. นางสาว ภทั รชพร ศรีนลิ เลขท่2ี 7 ม.4/7 5. นางสาว กนกพร มะณีไวย เลขท่ี29 ม.4/7 6.นางสาว กญั ญาณฐั พลบั ใจบญุ เลขท่ี30

23


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook