โครงงาน ต้นฝร่งั กมิ จเู จริญเติบโตได้ดีในปุ๋ยชนดิ ไหน คณะผจู้ ัดทา น.ส.ปนดั ดา ยาอดุ เลขท่7ี ม.5/4 น.ส.วทนิ นั ท์ กติ ติพณติ นนั ท์ เลขที่ 21 น.ส.ชนกภัทร์ ไชยศิลป์ เลขท่ี 25 น.ส.กนกพร กงิ่ นอก เลขท่2ี 8 น.ส.จันทกานต์ สังวนั นา เลขท3่ี 5 ครทู ีป่ รกึ ษา ครดู ารงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสารฉบบั นเี้ ปน็ ส่วนหนึ่งของการศกึ ษาคน้ คว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้ (IS1) โรงเรียนปวั อาเภอปวั จงั หวัดนา่ น สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563
ข การศกึ ษาค้นควา้ องค์ความรูเ้ ร่ือง ต้นฝรง่ั กมิ จูเจริญเติบโตได้ดใี นป๋ยุ ชนิดไหน คณะผูจ้ ดั ทา น.ส.ปนดั ดา ยาอุด เลขที่7 น.ส.วทินนั ท์ กติ ตพิ ณิตนันท์ เลขที่ 21 น.ส.ชนกภัทร์ ไชยศลิ ป์ เลขท่ี 25 ม.5/4 น.ส.กนกพร ก่ิงนอก เลขท่ี28 น.ส.จนั ทกานต์ สังวนั นา เลขท3ี่ 5 ครูทป่ี รึกษาโครงงาน ครู ชมพนู ท์ วัฒนะกุณพันธ์ เอกสารฉบับนเี้ ปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ (IS1) โรงเรยี นปวั อาเภอปวั จงั หวัดนา่ น สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 37ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563
บทคดั ย่อ ชอ่ื เรือ่ ง : ตน๎ ฝรั่งกิมจูเจริญเติบโตไดด๎ ีในป๋ยุ ชนิดไหน ผจ๎ู ัดทา : น.ส.ปนดั ดา ยาอุด เลขท7ี่ น.ส.วทนิ ันท์ กติ ติพณิตนนั ท์ เลขที่ 21 น.ส.ชนกภัทร์ ไชยศิลป์ เลขท่ี 25 ม.5/4 น.ส.กนกพร กงิ่ นอก เลขท่2ี 8 น.ส.จันทกานต์ สงั วนั นา เลขท3่ี 5 ทป่ี รึกษา : ครู ชมพนู ท์ วฒั นะกุณพันธ์ ปีการศึกษา : 2563 เรื่อง ตน๎ ฝรงั่ กมิ จเู จรญิ เติบโตไดด๎ ีในปยุ๋ ชนดิ ไหนมี จุดมุ่งหมายเพอื่ 1.เพอื่ ศกึ ษาการเจรญิ เติบโตของตน๎ ฝร่ังกิมจูในนา้ ปยุ๋ หมักหรือน้าเปลํา ได๎ดกี วาํ กัน รูปแบบของการศึกษาคน้ คว้า 1.ทดลองปลกู ตน๎ ฝรง่ั กมิ จู2ตน๎ ต๎นท่1ี รดนา้ ปุ๋ยหมกั ต๎นท2่ี รดนา้ ธรรมดาและสงั เกตผลผลิต 2.ศึกษาหาความรู๎เพม่ิ เตมิ ในหนงั สือหรอื ในอินเตอร์เนต็ ผลการศึกษาค๎นคว๎า ต๎นฝร่ังกิมจูต๎นที่รดด๎วยน้าปุ๋ยหมัก เติบโต ไดอ๎ ยาํ งปลอดภยั ไมํมสี ารเคมแี ละยังมีรสชาติท่หี วาน
ข กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเรื่องต๎นฝร่ังกิมจูเจริญเติบโตได๎ดีในปุ๋ยชนิดไหน นั้นสาเร็จขึ้นได๎โดยได๎รับ ความชํวยเหลืออยํางดีย่ิงจากคุณครู ชมพูนท์ วัฒนะกุณพันธ์ คุณครูท่ีปรึกษาโครงงาน และ ครูผูส๎ อนวิชาคอมพิวเตอร์ (ครูดารงค์ คันธะเรศย)์ ที่ไดใ๎ ห๎คาเสนอแนะ แนวคิดและให๎ความร๎ูใน การจัดทาโครงงานตลอดจนการแก๎ไขข๎อบกพรํองตํางๆมาโดยตลอด จนโครงงานนี้เสร็จ สมบรู ณ์ ผ๎ศู กึ ษาจงึ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอยาํ งสงู ขอขอบคุณคุณ..ครูดารงค์ คันธะเรศย์ ที่คอยให๎ความชํวยเหลือด๎านการรวบรวมข๎อมูล ตํางๆในการจัดทารูปเลํมโครงงานให๎ความชํวยเหลือด๎านการจัดทาเว็บไซต์ในการนาเสนอ โครงงานและขอขอบคุณคณะเพื่อนรํวมห๎องม.5/4ที่ให๎กาลังใจ และข๎อมูลในการทารูปเลํม โครงงานอกี ดว๎ ย ทา๎ ยสดุ น้ีคณะผูจ๎ ดั ทาหวังเป็นอยํางยิ่งวํา โครงงาน เร่ือง ต๎นฝรั่งกิมจูเจริญเติบโตได๎ดีใน ปุ๋ยชนิดไหน จะเป็นประโยชน์ตํอการศึกษาค๎นคว๎าและเป็นประโยชน์ตํอผู๎คนท่ีสนใจในเร่ือง ของเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะผ๎จู ัดทา
ค คานา โครงงานฉบับนี้จัดทาข้ึนเพื่อนาเสนอโครงงานวิชา Independent Study(IS) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในหัวข๎อ โครงงาน เร่ืองต๎นฝร่ังกิมจูเจริญเติบโตได๎ดีในปุ๋ยชนิด ไหน คณะผ๎ูจัดทาโครงงานได๎ศึกษาจากอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ตํางๆ รวบรวมข๎อมูลและเก็บ บันทึกขอ๎ มลู เพอ่ื ศึกษาต๎นฝร่งั กิมจูเจรญิ เตบิ โตได๎ดใี นปยุ๋ ชนิดไหน ด๎วยความต้ังใจ สามัคคี ในการนาเสนอโครงงานชนิ้ นี้ ทางคณะผจู๎ ัดทาหวังวําจะเป็นประโยนช์และแนวทางสาหรับผู๎ที่ ต๎องการศกึ ษาตํอไป หากผิดพลาดประการขออภยั มา ณ ทนี่ ี้ คณะผจ๎ู ดั ทา
สารบัญ ง บทคดั ย่อ หน้า กติ ติกรรมประกาศ ก คานา ข สารบัญ ค บทที่ 1 บทนา ง 1 ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน 1 วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา 1 สมมติฐานการศึกษา 1 ประโยชน์ท่ีคาดวาํ จะได๎รับ 1 บทท่ี 2 เอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 2 เอกสารอา๎ งองิ 3 เครอ่ื งมอื และวัสดอุ ุปกรณ์ทีใ่ ชใ๎ นการศกึ ษา 3 บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ โครงงาน 4 เครอ่ื งมอื และวสั ดุอุปกรณท์ ี่ใช๎ในการศึกษา 4 วธิ ีการศกึ ษา 4 บทที่ 4 ผลการศึกษา 5 ผลการศกึ ษา 5 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา 6 สรุปผลการศึกษา 6 ประโยชน์ทไ่ี ดร๎ ับจากโครงงาน 6 ขอ๎ เสนอแนะ 6 บรรณานุกร 7
1 บทท่ี 1 บทนา ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เน่ืองจากปัจจุบันผ๎ูคนนิยมใช๎ปุ๋ยเคมีกันเป็นจานวนมาก แตํปุ๋ยเคมีน้ันเป็นอัตรายตํอ สุขภาพเป็นอยํางมาก ในแงํหน่ึงกลุํมพวกเราได๎สังเกตเกษตรกรในชุมชนของตนเองมีบางสํวน ท่ีใชป๎ ุย๋ ทาอินทรยี ใ์ นการเพาะปลูก แตํปุ๋ยอินทร์ที่หมักเองอาจสํงกลิ่นเหม็น กลุํมของพวกเราจึง คิดวําถ๎าหากทราบวําปุ๋ยชนิดใดสามารถทาให๎พืชเจริญเติบโตได๎ดีกวํา ปลอยภัย และประหยัด กวํา เราก็สามารถเพาะปลูกอยํางปลอดภัย และได๎ผลผลิตดีอีกด๎วย ฝร่ังจะตอบสนองตํอปุ๋ยคอก ได๎ดีที่สุดคอื ป๋ยุ ขี้ไกํ ขี้หมู ซึง่ จะทาให๎ตน๎ ฝรั่งแตกกิ่งกา๎ นใบได๎ดีมาก เพราะจะมีปุ๋ยไนโตรเจนท่ี อยํูในรูปของกรดยูริก (Uric acid) และยูเรีย (Uria) ในปริมาณท่ีสูงมาก การใสํปุ๋ยคอกอยําง สมา่ เสมอก็เพยี งพอตํอการเจรญิ เตบิ โตด๎าน กง่ิ ก๎าน ใบ ของฝรั่งแลว๎ ทาใหป๎ ระหยัดตน๎ ทนุ วตั ถุประสงค์ของการการศึกษา เพ่อื ศึกษาการเจริญเติบโตของตน๎ ฝรง่ั กิมจวู ําเจริญเตบิ โตในน้าหมกั หรอื น้าเปลําได๎ดี กวํากนั สมมติฐานการศกึ ษา น้าปยุ๋ หมกั ทาใหต๎ น๎ ฝรงั่ กมิ จูเจริญเติบโตไดด๎ กี วาํ ปลอดภัยกวํา ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1. ไดร๎ บั ความรู๎จากการปลกู ต๎นฝร่ังกิมจู 2. ไดร๎ บั ประโยชนจากชนิดปุ๋ยตาํ งๆ 3. ฝกึ ฝนความอดทน คามสามัคคใี นหมคูํ ณะ 4. ลดคาํ ใชจ๎ าํ ยในการซอ้ื ปุ๋ย
2 บทท่ี 2 ทฤษฎีทเ่ี กี่ยวข้อง ฝร่ังกมิ จู ช่ือสามัญ Guava ฝรั่งกิมจู ช่อื วิทยาศาสตร์ Psidium guajava L. จดั อยํูในวงศช์ มพูํ (MYRTACEAE) ฝรั่งเป็นผลไมท๎ ม่ี ถี ิน่ กาเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมเํู กาะอินดีสตะวนั ตก และ คาดวํามกี ารนาเขา๎ มาในประเทศไทยในชํวงสมัยของสมเด็จพระนารายณม์ หาราช โดยสายพนั ธุ์ ในบา๎ นเราทน่ี ยิ มนามารับประทานสด ๆ กไ็ ด๎แกฝํ รงั่ กิมจู ฝรงั่ เวียดนาม ฝรัง่ แปน้ สที อง ฝรัง่ ไร๎ เมล็ด ฝร่งั กลมสาล่ี เป็นต๎น ฝรง่ั เปน็ ผลไม๎ที่อดุ มไปด๎วยวติ ามินและแรํธาตหุ ลายชนดิ โดยจัดเป็นผลไมท๎ ่ีมวี ิตามินซี สงู ที่สดุ ในบรรดาผลไมท๎ ุกชนดิ ในฝร่ังนา้ หนกั 165 กรัม จะใหว๎ ิตามินสงู ถงึ 377 มลิ ลกิ รมั ! มี วิตามนิ ซีสูงกวําส๎มถึง 5 เทํา ! ฝร่ังเป็นผลไมเ๎ พือ่ สขุ ภาพท่เี หมาะมากสาหรับผู๎ทต่ี ๎องการลดความอว๎ น ลดน้าหนัก หรอื ผูท๎ ี่กาลังควบคมุ นา้ หนกั เนอ่ื งจากฝรั่งอุดมไปดว๎ ยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล๎วจะทาให๎อม่ิ นาน ชํวยกาจดั ท๎องร๎อง อาการหิวทคี่ อยมากวนใจ เพราะกากใยจะชวํ ยรกั ษาระดบั น้าตาลใน เลือดใหค๎ งที่ ชํวยปรับระดับการใชอ๎ นิ ซลู นิ ของรํางกายให๎เหมาะสม และกากใยยังชวํ ยล๎างพษิ โดยรวมได๎อกี ด๎วย จึงสงํ ผลทาให๎ผิวพรรณดูเปลํงปล่ังสดใส ปยุ๋ หมกั คอื ปุ๋ยอนิ ทรีย์ หรอื ปุ๋ยธรรมชาติ ชนิดหน่ึงทีไ่ ดม๎ าจากการนาเอาเศษซากพืช เชํน ฟาง ข๎า ซังข๎าวโพด ต๎นถั่วตาํ ง ๆ หญา๎ แห๎ง ผักตบชวา ของเหลอื ทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนขยะมลู ฝอยตามบ๎านเรอื นมาหมกั รวํ มกับมลู สัตว์ ปุ๋ยเคมีหรือสารเรํงจลุ ินทรยี ์เมอื่ หมัก โดยใช๎ระยะเวลาหนง่ึ แล๎ว เศษพชื จะเปล่ียนสภาพจากของเดมิ เป็นผงเปอื่ ยยยํุ สีนา้ ตาลปนดา นาไปใสใํ นไรํนาหรอื พืชสวน เชนํ ไม๎ผล พชื ผัก หรือไมด๎ อกไม๎ประดบั ได๎ ปุ๋ยเคมหี รอื ปุย๋ วิทยาศาสตร์ คือ ปุย๋ ท่ไี ด๎มาจากการผลติ หรอื สงั เคราะห์ทางอุตสาหกรรมจากแรํ ธาตุตาํ งๆทไี่ ด๎ตามธรรมชาตหิ รือเป็นผลพลอยไดข๎ องโรงงานอตุ สาหกรรมบางชนดิ สวํ นใหญํ จะสงั เคราะหม์ าจากก๏าซไนโตรเจนในอากาศ ก๏าซธรรมชาติ น้ามนั ปิโตเลียม หินฟอสเฟต และ
3 แรํโพแทสเซียมชนิดตาํ งๆในปัจจบุ นั เกษตรกรไทยนยิ มใช๎ปุ๋ยเคมใี นการเพ่ิมผลผลิตในการปลกู พชื มากข้นึ กวําอดีตและปยุ๋ เคมสี ํวนใหญํ ขอ๎ ดีของปยุ๋ หมัก 1. เพม่ิ ความอุดมสมบรู ณข์ องดิน ท้งั ปริมาณอนิ ทรีย์วัตถุ แรํธาตอุ าหาร ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม 2. ชวํ ยในการยํอยสลายซากพืชซากสัตวใ์ นดินทาใหธ๎ าตอุ าหารถกู พชื นาไปใช๎ ได๎รวดเร็วขึน้ 3. ชํวยเพ่มิ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน 4. ชํวยต๎านการแพรํของจุลนิ ทรียก์ อํ โรคพืชชนดิ ตาํ งๆในดนิ 5. ทาใหด๎ นิ มคี วามรํวนซุย จากองคป์ ระกอบของดินทีม่ ีดิน อินทรีย์วตั ถุ น้า และ อากาศในสัดสํวนท่เี หมาะสม 6. ชวํ ยปรับสภาพ pH ของดนิ ให๎เหมาะสมกับการปลูกพืช 7. ชวํ ยเพม่ิ ประสิทธภิ าพในการดึงแรํธาตขุ องพชื จากปุ๋ยเคมีหรอื ปุ๋ยอ่ืนท่ี เกษตรกรใสํ 8. ชํวยดูดซบั ความชืน้ ไวใ๎ นดินใหน๎ านข้นึ ทาให๎ดนิ ชมํุ ช้นื ตลอดเวลา ข๎อเสียของปุ๋ยเคมี 1.มธี าตุอาหารท่ีพืชต๎องการอยํูในปุ๋ยไมํครบถ๎วน 2. มอี ิทธพิ ลตอํ คณุ สมบตั ิทางเคมขี องดนิ 3.มอี ทิ ธพิ ลตอํ คณุ สมบัติทางชีวภาพของดนิ คอื จะ ไปเรํงการสลายตวั ของ อนิ ทรยี ์วัตถุในดิน และทาใหจ๎ ลุ ินทรีย์บางชนิดท่ีอาศัยอยํใู นดนิ ลดลง 4. มีราคาแพง หากเทยี บจากปรมิ าณของเน้อื ปุย๋ และตอ๎ งซอ้ื มาใชอ๎ ยูเํ สมอ 5.การใสํปุ๋ยเคมที ี่มปี ระสทิ ธิภาพตอ๎ งแบํงใสทํ ลี ะน๎อย หลายๆครงั้ จงึ ทาใหใ๎ ช๎ แรงงานมาก 6. การสญู เสยี ธาตอุ าหารโดยการถูกชะล๎างจากดินมีมาก โดยเฉพาะในสภาพนา ดนิ ทรายและรํวนปนทรายในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
4 บทท่ี 3 วิธีการดาเนินโครงงาน เคร่อื งมือและวสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการศึกษา อุปกรณ์ 1. ที่ขดุ ดนิ 2. พรวน 3. ฝักบวั รดปุ๋ยหมกั 4. ฝักบัวรดนา้ ปุย๋ เคมี วสั ดุ 1. ต๎นฝรั่งกิมจู2ต๎น วิธกี ารศึกษา 1. ศึกษาจากผท๎ู ม่ี ีความรูเ๎ รอ่ื งปยุ๋ หมัก โดยการสอบถามคณุ ครู ชมพนู ท์ วฒั นะกณุ พนั ธ์ 2. ศึกษาจากเอกสารอ๎างอิง และคาบอกเลาํ ของผร๎ู ๎ู วธิ ีกาดาเนนิ งาน -ปลูกต๎นฝรง่ั กิมจู2ตน๎ ตน๎ เเรกใสปํ ุ๋ยหมัก ตน๎ ทสี่ องใสํปุ๋ยเคมี -จะใสปํ ยุ๋ หมกั กับปุ๋ยเคมใี นปรมิ าณที่เทาํ ๆกันในแตลํ ะตน๎ คือ 200 ml -สังเกตุการณ์เเละบันทกึ ผลการเปลย่ี นเเปลง ผลการศึกษา 1.ต๎นฝร่งั กมิ จู ผลมีรสชาติหวานอรอํ ย 2.ปุย๋ หมักใหผ๎ ลผลิตทด่ี แี ละปลอดภัย
5 บทที่ 4 ผลการศึกษา 1.ต๎นฝร่ังกมิ จู ผลมีรสชาตหิ วานอรอํ ย 2.ป๋ยุ หมกั ใหผ๎ ลผลติ ท่ีดแี ละปลอดภัย 3.ปุ๋ยเคมีใหผ๎ ลผลติ ที่ดีหวานแตํหวานนอ๎ ยกวําป๋ยุ หมัก 4.ประหยดั ตน๎ ทุนในการซอื้ ปยุ๋ เคมี 5.ปุ๋ยหมักสามารถทาเองไดแ๎ ละประหยดั ตน๎ ทนุ
6 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา สรปุ ผลการศึกษา ตน๎ ฝรง่ั กิมจูเติบโตได๎ในปุ๋ยหมกั ดที ีส่ ุดเพราะปุ๋ยหมักฝร่ังเพราะฝรัง่ จะตอบสนองตอํ ปุ๋ย คอกไดด๎ ีที่สุดคือ ปุ๋ยข้ไี กํ ขหี้ มู ซึง่ จะทาใหต๎ น๎ ฝรงั่ แตกกิง่ กา๎ นใบไดด๎ ีมาก เพราะจะมปี ยุ๋ ไนโตรเจนทอี่ ยูใํ นรูปของกรดยูริก (Uric acid) และยเู รยี (Uria) ในปรมิ าณที่สูงมาก การใสํปยุ๋ คอกอยาํ งสมา่ เสมอกเ็ พยี งพอตํอการเจริญเตบิ โตดา๎ น ก่งิ ก๎าน ใบ ของฝรั่ง ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับจากโครงงาน 1.ต๎นฝร่ังกิมจู ผลมรี สชาติหวานอรํอย 2.ปุย๋ หมักให๎ผลผลติ ที่ดีและปลอดภยั 3.ปยุ๋ เคมใี ห๎ผลผลิตทดี่ หี วานแตํหวานนอ๎ ยกวําปุ๋ยหมัก 4.ประหยัดต๎นทุนในการซอื้ ปุ๋ยเคมี 5.ปยุ๋ หมักสามารถทาเองได๎และประหยดั ตน๎ ทนุ ขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาโครงงานสามาถนาไปสรา๎ งรายไดใ๎ นและประหยดั ตน๎ ทนุ
7 บรรณานกุ รม ฌาณยิ า ชวํ ยชกู ่ิง(2550:ออนไลน)์ ฝรัง่ กิมจู ชื่อสามัญ Guava ฝร่ังกมิ จู ชอื่ วิทยาศาสตร์ Psidium guajava L. จดั อยูํในวงศ์ชมพูํ (MYRTACEAE) ฝรัง่ เปน็ ผลไมท๎ ่มี ถี ิน่ กาเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมํเู กาะอินดีสตะวันตก และคาดวํามี การนาเข๎ามาในประเทศไทยในชํวงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธใ์ุ นบา๎ น เราท่ีนิยมนามารบั ประทานสด ๆ ก็ไดแ๎ กํฝร่ังกมิ จู ฝรง่ั เวียดนาม ฝร่งั แปน้ สีทอง ฝร่ังไร๎เมลด็ ฝร่ังกลมสาล่ี เปน็ ต๎น ริสา วฒั นะศลิ ป์(2557:ออนไลน)์ ฝร่ังเป็นผลไมเ๎ พื่อสขุ ภาพท่เี หมาะมากสาหรับผู๎ทีต่ อ๎ งการลด ความอว๎ น ลดน้าหนัก หรือผทู๎ ่ีกาลังควบคมุ นา้ หนกั เนื่องจากฝรัง่ อุดมไปด๎วยกากใยอาหาร เมอ่ื รับประทานแล๎วจะทาให๎อม่ิ นาน ชวํ ยกาจัดทอ๎ งร๎อง อาการหวิ ทค่ี อยมากวนใจ เพราะกากใยจะ ชํวยรักษาระดับน้าตาลในเลือดให๎คงท่ี ชํวยปรบั ระดับการใชอ๎ นิ ซลู นิ ของราํ งกายให๎เหมาะสม และกากใยยงั ชํวยลา๎ งพิษโดยรวมไดอ๎ ีกด๎วย จึงสํงผลทาให๎ผวิ พรรณดูเปลํงปลง่ั สดใส
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: