โครงงาน ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มที่ตา่ งกนั ผจู้ ดั ทา นาย กนกพล จิตอารี เลขท่ี 6 นาย สุทธิพงษ์ ชยั นิชู เลขท่ี 15 นาย วชิรวทิ ย์ กนั ธุระ เลขท่ี 23 นาย ชาญณรงค์ รักษไ์ พรสาณฑ์ เลขท่ี 27 นาย รัชนนท์ ทนุ เลขท่ี 28 นาย ธนกฤต ทนะวงั เลขที่ 37 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/8 เสนอ คุณครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ภาคเรียน 1 ประจาปี การศึกษา 2564 โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาน่าน
โครงงาน ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มท่ีตา่ งกนั ผจู้ ดั ทา นาย กนกพล จิตอารี เลขท่ี 6 นาย สุทธิพงษ์ ชยั นิชู เลขที่ 15 นาย วชิรวิทย์ กนั ธุระ เลขท่ี 23 นาย ชาญณรงค์ รักษไ์ พรสาณฑ์ เลขที่ 27 นาย รัชนนท์ ทนุ เลขที่ 28 นาย ธนกฤต ทนะวงั เลขที่ 37 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/8 เสนอ คุณครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ภาคเรียน 1 ประจาปี การศึกษา 2564 โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษาน่าน
ก กิตติกรรมประกาศ โครงงานน้ีสาเร็จลุล่วงไดด้ ว้ ยความกรุณาจากคุณครูดารงค์ คนั ธะเรศยอ์ าจารยท์ ี่ปรึกษา โครงงาน ที่ไดใ้ หค้ าเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตา่ งๆ มาโดยตลอด จน โครงงานอีบุ๊คเล่มน้ีเสร็จ สมบูรณ์ ผศู้ ึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง ขอบคุณเพ่ือนๆ ทกุ คน คุณครูท่ีใหค้ วามร่วมมือในการใหค้ าแนะนา ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงท่ีทาใหโ้ ครงงาน สาเร็จ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี สุดทา้ ยน้ีพวกเราขอขอบพระคุณทุกทา่ นที่ช่วยเสริมสนบั สนุน กระตุน้ เตือนและ เป็นกาลงั ใจให้ ตลอดมา ใหผ้ เู้ ขียนจดั ทาโครงงานในคร้ัง
ข โครงงาน IS1 เรอ่ื ง ผลการปลกู ขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มที่ตา่ งกนั ผจู้ ดั ทา นาย กนกพล จติ อารี นาย สุทธิพงษ์ ชยั นิชู นาย วชิรวิทย์ กนั ธุระ นาย ชาญณรงค์ รักษไ์ พรสาณฑ์ นาย รัชนนท์ ทนุ นาย ธนกฤต ทนะวงั อาจารยท์ ่ีปรึกษา นายดารงค์ คนั ธะเรศย์ ท่ีต้งั 62/7 ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน ระยะเวลาดาเนินการ กรกฎาคม - กนั ยายน บทคดั ยอ่ โครงงานIS1 เร่ือง ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มที่ตา่ งกนั ไดจ้ ดั ทาข้ึนมีวตั ถุประสงค์ คือ 1. เพ่ือศึกษาขา้ วแตล่ ะชนิด 2. เพอ่ื ใหร้ ู้วา่ ขา้ วที่ปลูกในสภาพแวดลอ้ มที่ต่างกนั มีการเจริญเติบโตแตกต่างกนั อยา่ งไร 3. เพ่อื ใหร้ ู้วิธีการปลกู ขา้ ว โดยมีเน้ือหาประกอบไปดว้ ย วธิ ีการปลูกขา้ ว ประโยชน์ของขา้ ว สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะแก่การ ปลูกขา้ ว โดยคณะผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกใชw้ ord,pubhtml5 ในการ จดั ทาโครงงานเรื่องน้ี ผลการจดั ทาโครงงาน พบวา่ เป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่านและผทู้ ี่สนใจเรื่อง การปลูกขา้ ว และ นาไปใชใ้ นการศึกษา และเป็นแนวทางของนกั เรียน นกั ศึกษา
ค สารบญั เรื่อง บทคดั ยอ่ …………………………………………………………………………………………………….ก กิตติกรรมประกาศ…………………………………………………………………………………………..ข สารบญั ………………………………………………………………………………………………………ค บทที่1 บทนา………………………………………………………………………………………………..1 -ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน…………………………………………………………………………1 -วตั ถุประสงค…์ …………………………………………………………………………………………….1 -สมมติฐานของการศึกษา …………………………………………………………………………………..1 -ขอบเขตของการทาโครงงาน ………………………………………………………………………………1 -ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ ………………………………………………………………………………………..1 บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เก่ียวขอ้ ง……………………………………………………………………2 -ชนิด/พนั ธุข์ องขา้ ว……………………………………………………………………………………….2-5 -สถานที่ใชป้ ลกู ขา้ ว……………………………………………………………………………………….5-6 -วิธีการปลกู ขา้ ว………………………………………………………………………………………….6-8 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ ………………………………………………………………………..9 วธิ ีการดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ ……………………………………………………………………………9 -วสั ดุอปุ กรณ์……………………………………………………………………………………………..9 -วธิ ีการดาเนินงาน……………………………………………………………………………………….9
บทท่ี 4 ผลการศึกษา………………………………………………………………………………………10 บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………………………………11 บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………...12
1 บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน หากจะมองยอ้ นกลบั ไปในอดีต หลาย ๆ คนคงจะหวนนึกถึงภาพความทรงจาเก่า ๆ ของการทานา ท่ีมีชาวนา จานวนมากช่วยกนั ลงแขก หรือ เอาม้ือ ในการ“ดำนำ” (ปักดา) ปลูกขา้ วกนั อยา่ งแขง็ ขนั ในผืนนา ชาวนาเช่ือ กนั วา่ ถา้ หากดานาไดด้ ี ปักดาตน้ กลา้ ลงในผืนนาที่พอเหมาะ และระยะห่างของตน้ กลา้ แตล่ ะตน้ พอดี ตน้ ขา้ ว ก็จะเจริญงอกงามดี ใหผ้ ลผลิตท่ีอุดมสมบรู ณ์และมีคุณภาพดี แต่ทวา่ ในปัจจุบนั น้ีตน้ ทุนในการทานาพุ่ง สูงข้นึ อยา่ งน่าตกใจ การทานาไมไ่ ดก้ าไรทกุ ปี และในบางปี ที่ประสบปัญหาภยั ทางธรรมชาติ ภยั แลง้ ฝนฟ้า ไมต่ กตอ้ งตามฤดูกาล น้าทว่ มนาขา้ วที่กาลงั จะเก็บเก่ียว ทาใหช้ าวนาขาดทุนย่อยยบั แนวทางในการทานา รูปแบบใหม่ ๆ จึงเกิดข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง “กำรหว่ำนตม” (การหวา่ นขา้ วแทนการดานา) เป็นอีกวธิ ีหน่ึงท่ี ชาวนาไดเ้ ลือกและนิยมนามาใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศึกษาขา้ วแต่ละชนิด 2. เพ่ือใหร้ ู้วา่ ขา้ วที่ปลกู ในสภาพแวดลอ้ มท่ีต่างกนั มีการเจริญเติบโตแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 3. เพอื่ ให้รู้วธิ ีการปลกู ขา้ ว สมมติฐานของการศึกษา 1. คนนายมปลูกข่าวในนามากกวา่ ในสวน 2. ขา้ วสารมกั โตไวกวา่ ขา้ วจา้ ว 3. ขา้ วหอมมะลิคนนิยมปลูกมาที่สุด ขอบเขตของการทาโครงงาน โครงงานเรื่อง ผลการปลกู ขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มท่ีต่างกนั เราจะศึกษาเรื่อง การปลกู ขา้ ว ผา่ นอินเทอร์เนต็ และจดั ทาใชโ้ ปรแกรม word,pubhtml5 เทา่ น้นั
แผนการกาหนดเวลาปฏิบตั ิงาน กรกฎาคม-กนั ยายน ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 1. มีความรู้เกี่ยวกบั พนั ธุ์ขา้ ว 2. สถานท่ีปลกู ขา้ วที่นิยมปลกู 3. มีความรู้เก่ียวกบั วธิ ีการปลูกขา้ ว
2 บทที่ 2 เอกสารและโครงงานท่ีเก่ียวขอ้ ง การทาโครงงานเรื่อง ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มท่ีต่างกนั คณะผจู้ ดั ทาไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เอกสาร ที่เกี่ยวขอ้ ง เพื่อเป็นพ้ืนฐานในการศึกษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั น้ี 1.ชนิด/พนั ธุ์ของขา้ ว 2.สถานท่ีใชป้ ลกู ขา้ ว 3.วธิ ีการปลกู ขา้ ว 1.ชนดิ /พนั ธ์ุของข้ำว 1. ข้ำวหอมมะลิ 105 เป็ นสำยพนั ธ์ุข้ำวทม่ี ีกล่ินหอมคล้ำยใบเตย เป็ นพนั ธ์ุข้ำวที่ปลูกทีอ่ ื่นได้ไม่ดเี ท่ำกบั ปลกู ในไทย และเป็ นพนั ธ์ุ ข้ำวท่ีทำให้ข้ำวไทยเป็ นสินค้ำส่งออกท่รี ู้จกั ไปท่วั โลก ซ่ึงข้ำวหอมมะลิ 105 เป็ นข้ำวท่มี ีต้นกำเนดิ จำก จ. ฉะเชิงเทรำ เป็ นข้ำวพนั ธ์ุเบำทีไ่ ด้รับกำรปรับปรุงพนั ธ์ุมำจำกข้ำวขำวดอกมะลิ ซึ่งเป็ นข้ำวพืน้ เมืองท่ีพบและ รู้จกั กนั ในอำเภอบำงคล้ำ จังหวดั ฉะเชิงเทรำ ด้วยคุณลกั ษณะอนั โดดเด่นยำมหุงข้ำว กลน่ิ จะหอมชวนให้ รับประทำนไม่เหมือนพนั ธ์ุข้ำวใดในโลก 2. ข้ำวหอมมะลทิ ุ่งกุลำ เป็ นข้ำวพนั ธ์ุทม่ี ำจำกแหล่งปลูกข้ำวหอมมะลทิ ่ดี ีท่ีสุดในโลก นั่นกค็ ือที่รำบอนั มอี ำณำเขตกว้ำงขวำงใหญ่ ทีส่ ุดในภำคอสี ำน ท่ีเรำเรียกกนั ว่ำ “ท่งุ กุลำร้องไห้” ซึ่งเมลด็ ข้ำวจะมีลกั ษณะยำว เรียว และเมลด็ ไม่มีหำง ข้ำว เมลด็ ข้ำวทผ่ี ่ำนกำรสีแล้ว จะมีควำมเล่ือมมนั จมูกข้ำวเลก็ เมื่อหุงแล้วจะมกี ลนิ่ หอมและนุ่ม 3. ข้ำวเหนียวพนั ธ์ุ กข. 6 ข้ำวพนั ธ์ุมีลกั ษณะเมลด็ ยำวเรียว มเี ปลือกสีนำ้ ตำล เมลด็ มขี นส้ัน เป็ นสำยพนั ธ์ุข้ำวเหนียวหอม ไวต่อช่วง แสง เป็ นพันธ์ุข้ำวเหนยี วทีไ่ ด้รับกำรปรับปรุงพันธ์ุมำจำกข้ำวเจ้ำพนั ธ์ุขำวดอกมะลิ 105 เม่ือนำไปหุงแล้ว
3 ข้ำวจะนุ่ม มกี ลนิ่ หอม ทนแล้ง และมคี ณุ ภำพกำรหุงต้มรับประทำนดี เป็ นข้ำวเหนียวที่ให้ผลผลติ เฉลยี่ สูงสุด เป็ นอนั ดับหนึง่ ซ่ึงเป็ นพนั ธ์ุข้ำวเหนียวท่ีนยิ มปลกู กันแพร่หลำยในภำคเหนือและภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 4. ข้ำวเหนียวเขำวงกำฬสินธ์ุุ เป็ นข้ำวเหนยี วทป่ี ลูกในพื้นท่ีอำเภอเขำวง อำเภอกุฉินำรำยณ์ (เฉพำะตำบลนำโท และตำบลหนองห้ำง) และ กง่ิ อำเภอนำคู (เฉพำะตำบลนำคูและตำบลบ่อแก้ว) จังหวัดกำฬสินธ์ุ ซึ่งเป็ นพื้นท่ีทม่ี ีแคลเซียมและซิลกิ อน สูง อำกำศเย็นแห้งนำ้ น้อย ส่งผลให้ข้ำวเหนียวเขำวงกำฬสินธ์ุมคี วำมนุ่มและหอมมำก เม่ือนงึ่ สุกจะหอม และนุ่ม ไม่แฉะตดิ มือ และข้ำวที่น่ึงแล้วเมื่อเกบ็ ไว้ในภำชนะที่ปิ ดหลำยช่ัวโมง จนข้ำวเย็นยงั คงรักษำควำม อ่อนนุ่มไว้ได้ 5. ข้ำวเหนียวเขีย้ วงู เป็ นข้ำวทม่ี ีเมด็ เรียวยำว สีขำว และทนทำนต่อโรคต่ำงๆ ได้ดี เมื่อนำมำหุงให้สุกเม็ดข้ำวทีไ่ ด้จะเหนยี วนุ่ม เรียงตวั สวยไม่เละ มสี ีขำวในลกั ษณะเล่ือมเป็ นมันและมีกลนิ่ หอมน่ำรับประทำน ข้ำวเหนยี วเขีย้ วงูเป็ นพนั ธ์ุ ข้ำวเหนียวทมี่ ีคุณภำพดแี ละเป็ นสำยพนั ธ์ุหน่ึงทไ่ี ด้รับควำมนิยมในกำรนำมำทำข้ำวเหนียวมูน เป็ นข้ำวที่ ปลกู ในทำงภำคเหนือ นิยมปลกู กนั มำกในจงั หวดั เชียงรำย 6. ขา้ วเหนียวดาหรือขา้ วก่า เมลด็ ขา้ วมีสีมว่ งดา และเมลด็ ค่อนขา้ งแขง็ เค้ียวละเอียดยากกวา่ แต่นิยมนามาทาเป็นขนมหวานมากกวา่ ขา้ ว อื่น ๆ และเป็นขา้ วท่ีชาวนายกยอ่ งใหเ้ ป็นพญาขา้ วเหนือขา้ วพนั ธุอ์ ื่น ๆ ซ่ึงชาวนามีความเช่ือวา่ ขา้ วก่าจะ ปกป้องคมุ้ ครองขา้ วพนั ธุอ์ ื่นที่อยใู่ นทอ้ งนาไม่ใหถ้ กู แมลงกดั กิน ทาใหผ้ ลผลิตในการเก็บเก่ียวขา้ วไดผ้ ลดี ขา้ วก่ายงั ช่วยป้องกนั โรคหวั ใจ ลดคอเลสเตอรอล และยบั ย้งั การเจริญเติบโตของ 7. ขา้ วเหลืองประทิวชุมพร เป็นขา้ วพ้ืนเมืองด้งั เดิมของอาเภอปะทิว จ.ชุมพร เป็นขา้ วพนั ธุห์ นกั ในฤดูนาปี เก็บเกี่ยวในช่วงเดือน ธนั วาคม มีจานวนเมด็ ต่อรวงจานวนมาก และปลูกในท่ีท่ีเป็นดินเปร้ียวไดด้ ี อีกท้งั ยงั ทนต่อโรคของแมลงได้ ดว้ ย ลกั ษณะเมลด็ มีสีเหลือง เล่ือมมนั เมลด็ ยาว มีน้าหนกั เมลด็ ท่ีดี เม่ือนาไปหุงแลว้ ขา้ วข้นึ หมอ้ จึงเป็นขา้ ว ท่ีชาวนาชุมพรมกั นิยมปลกู เพราะปลูกงา่ ย ไดผ้ ลผลิตท่ีดี เหมาะกบั พ้นื ท่ีและสภาพอากาศ 8. ขา้ วเจ๊กเชยเสาไห้
4 พนั ธุ์ขา้ วพ้นื เมืองคุณภาพดีของอาเภอเสาไห้ จ.สระบุรี ที่มาของชื่อมาจากชื่อผนู้ าสายพนั ธุ์ขา้ วพนั ธุน์ ้ีเขา้ มา ในพ้ืนท่ี คือพ่อคา้ ชาวไทยเช้ือสายจีน ช่ือ “เจ๊กเชย” ซ่ึงขา้ วสายพนั ธุ์น้ีมีชื่อเสียงมายาวนานต้งั แตต่ น้ รัชสมยั รัตนโกสินทร์ เป็นขา้ วท่ีหุงข้ึนหมอ้ ไม่แขง็ กระดา้ ง ที่สาคญั ไมบ่ ูดงา่ ย และไม่ยบุ ตวั เมื่อราดแกง สามารถ แปรรูปเป็นผลิตภณั ฑเ์ ส้นและขนมได้ 9. ขา้ วกลอ้ ง ขา้ วกลอ้ ง หรือท่ีบางคนเรียกกนั ติดปากวา่ ขา้ วซอ้ มมือหรือขา้ วแดง เน่ืองจากในสมยั โบราณ ชาวบา้ นใชว้ ิธี ตาขา้ วกินกนั เอง จึงเรียกวา่ ขา้ วซอ้ มมือ แต่ปัจจุบนั เราใชเ้ ครื่องจกั รสีขา้ วแทน จึงเรียกขา้ วท่ีสีเอาเปลือกออก น้ีวา่ ขา้ วกลอ้ ง โดยขา้ วกลอ้ งน้นั จะตอ้ งมีส่วนของจมูกขา้ วและราขา้ วติดอยดู่ ว้ ยเสมอ ขา้ วกลอ้ งมีเสน้ ใยสูง มากกวา่ ขา้ วขาว 3 - 7 เทา่ การกินขา้ วกลอ้ งจะไดเ้ ส้นใยไปพร้อม ๆ กบั สารอาหารท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ร่างกายสารพดั ชนิด และเส้นใยในขา้ วกลอ้ งยงั ทาใหร้ ู้สึกอ่ิมนานกวา่ การกินขา้ วขาวและไม่อยากกินจุบจิก 10. ขา้ วไรซเ์ บอร์รี เป็นผลงานการปรับปรุงสายพนั ธุข์ อง รศ.ดร.อภิชาติ และทีมนกั วิจยั จากศูนยว์ จิ ยั พนั ธุ์ขา้ ว มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ และความร่วมมือจากคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ (วช.) โดยเป็นการผสมขา้ มสาย พนั ธุ์ ระหวา่ งขา้ วเจา้ หอมนิล ซ่ึงเป็นสายพนั ธุพ์ ่อ + ขา้ วขาวดอกมะลิ 105 ซ่ึงเป็นสายพนั ธุแ์ ม่ ซ่ึงพนั ธุข์ า้ วน้ี ไดร้ ับการจดทะเบียนเป็นพนั ธุ์พืชใหม่ มีลกั ษณะเรียวยาว ผวิ มนั วาว เป็นขา้ วเจา้ ที่มีสีม่วงเขม้ คลา้ ยกบั ลูก เบอร์รีท่ีมีสีม่วงเขม้ เม่ือสุก มีกล่ินหอมท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั อีกท้งั ยงั มีรสชาติหอมมนั เน้ือสัมผสั เหนียวนุ่ม เนื่องจากผา่ นการขดั สีเพยี งแคบ่ างส่วนเทา่ น้นั ขา้ วสายพนั ธุ์พิเศษสีม่วงน้ีสามารถปลูกไดต้ ลอด ท้งั ปี 11. ขา้ วมนั ปู เป็นขา้ วที่ชาวจีนเรียกวา่ ขา้ วแดง หรือช่ือพ้ืนเมืองเรียกวา่ อ้งั คก่ั มีลกั ษณะเยอื่ หุม้ เปลือกขา้ วเป็นสีแดงแบบ สีมนั ปู จดั เป็นขา้ วกลอ้ งหรือขา้ วซอ้ มมือชนิดหน่ึง มีไขมนั ในปริมาณเดียวกบั ขา้ วกลอ้ ง ซ่ึงสูงกวา่ ขา้ วขดั สี ประมาณสองเท่า มีสารที่เรียกวา่ เคโรทีนท่ีจะเปล่ียนเป็นวิตามินเอในร่างกายสูงกวา่ ขา้ วขดั สี เม่ือหุงสุกแลว้ เน้ือขา้ วจะเป็นสีชมพอู ่อน มีกล่ินหอม เมลด็ นุ่มสวย ไมแ่ ฉะ ดูน่ารับประทาน ใชป้ ระกอบอาหารต่าง ๆ ได้ อร่อย ไม่วา่ จะเป็นขา้ วผดั ขา้ วอบตา่ ง ๆ หรือเค่ียวเป็นโจ๊ก
5 12. ขา้ วสังขห์ ยดพทั ลงุ ขา้ วท่ีมีกาเนิดอยใู่ นจงั หวดั พทั ลุง เป็นขา้ วที่มีเมลด็ เลก็ เรียว ทา้ ยงอน เยอ่ื หุม้ เมลด็ จะมีสีแดงถึงแดงเขม้ เม่ือ หุงสุกแลว้ เมลด็ ขา้ วจะนุ่ม และจบั ตวั กนั คลา้ ยขา้ วเหนียว ขา้ วสงั ขห์ ยดมีคุณคา่ ทางอาหารสูงกวา่ ขา้ วพนั ธุอ์ ื่น ๆ มีเส้นใยสูง ช่วยชะลอความแก่ มีประโยชน์ในการบารุงโลหิต ป้องกนั โรคความจาเสื่อม และช่วยลดอตั รา เสี่ยงของการเป็ นมะเร็ง 2.สถำนท่ใี ช้ปลูกข้ำวของแต่ละภำค ภำคเหนือ ทาการปลูกขา้ วนาสวนในที่ราบระหวา่ งภูเขากนั เป็น ส่วนใหญ่ เพราะมีระดบั น้าในนาต้ืนกวา่ 80 เซนติเมตร และทา การปลกู ขา้ วไร่ในท่ีดอนและท่ีสูงบนภเู ขาเพราะไม่มีน้าขงั ใน พ้ืนที่ปลกู ส่วนมากชนิด ของขา้ วท่ีปลูกเป็นท้งั ขา้ วเหนียวและ ขา้ วเจา้ และในบางทอ้ งที่มีการปลูกขา้ วนาปรังดว้ ย แมลงศตั รู ขา้ วที่ สาคญั ไดแ้ ก่ แมลงบว่ั หนอนกอ เพล้ียจกั จน่ั สีเขยี ว และสี น้าตาล และโรคขา้ วที่สาคญั ไดแ้ ก่ โรคไหม้ โรค ขอบใบแหง้ โรคใบสีแสด และโรคถอดฝักดาบ ภาคน้ี มีความอดุ มสมบูรณ์ของดินนา ดีกวา่ ภาคอ่ืนๆ ขา้ วนา ปี ทาการเก็บเกี่ยวในระหวา่ งเดือนพฤศจิกายน และธนั วาคม ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพของพ้นื นาในภาคน้ีเป็นที่ราบ และมกั จะแหง้ แลง้ ในฤดูปลูกขา้ วเสมอ ๆ ชาวนาทาการปลูกขา้ วนาสวน ทางตอนเหนือของภาคปลูกขา้ วเหนียวอายเุ บา ส่วนทาง ตอนใตป้ ลูกขา้ วเจา้ อายหุ นกั แถบริมฝั่งแม่นา้ํ โขง โดยเฉพาะในเขตจงั หวดั อุบลราชธานี นครพนม และ สกลนคร ไดม้ ีแมลงบวั่ ทาลายตน้ ขา้ วนาปี จนเสียหายเสมอ นอกจากน้ี ไดม้ ีแมลงเพล้ียกระโดดสี นา้ํ ตาลระบาดดว้ ย โรคขา้ วที่ สาคญั ไดแ้ ก่ โรคไหม้ โรคขอบใบแหง้ และโรคใบจุดสีนา้ํ ตาล ความอดุ ม สมบูรณ์ของดินในภาคน้ีเลวมาก บางแห่งก็เป็นดินเกลือ และมกั จะมีความแหง้ แลง้ กวา่ ภาคอ่ืนๆ ดว้ ย เหตุน้ี จึงมีการทานาปรังนอ้ ยมาก ขา้ ว นาปี จะทาการเก็บเกี่ยวในระหวา่ งเดือนตลุ าคม และธนั วาคม ภำคกลำง พ้นื ที่ทานาในภาคน้ีเป็นที่ราบลุม่ ทาการปลกู ขา้ วเจา้ กนั เป็นส่วนใหญ่ ในเขตจงั หวดั ปทุมธานี อยธุ ยา อา่ งทอง สิงหบ์ ุรี อทุ ยั ธานี นครสวรรคพ์ จิ ิตร พิษณุโลก สุพรรณบุรี และปราจีนบุรี ระดบั นา้ํ ในนา ระหวา่ งเดือนกนั ยายนและพฤศจิกายน จะลึกประมาณ 1-3 เมตร ดว้ ยเหตุน้ี ชาวนา ในจงั หวดั ดงั กล่าวจึงตอ้ ง ปลกู ขา้ วนาเมืองหรือขา้ วข้นึ นา้ํ นอกน้นั ปลูกขา้ วนา สวนและบางทอ้ งที่ ซ่ึงอยใู่ นเขตชลประทาน เช่น จงั หวดั นนทบุรี นครปฐม เพชรบรุ ี ปทุมธานี สุพรรณบุรี ชยั นาท และฉะเชิงเทรา ไดม้ ีการทานาปรังดว้ ย โรคขา้ วที่สาคญั ไดแ้ ก่ โรคไหม้ โรคขอบ ใบแหง้ โรคใบสีสม้ โรคจู๋ และแมลงศตั รูขา้ วท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ แมลงเพล้ียกระโดดสีนา้ํ ตาล แมลงเพล้ีย จกั จน่ั สีเขยี ว แมลงหนอนกอ ความอดุ มสมบูรณ์ของดินดีปานกลาง และบางทอ้ งที่เขตจงั หวดั ปทมุ ธานี นครนายก และปราจีนบรุ ี ดินที่ปลูกขา้ วมีฤทธ์ิเป็นกรด หรือเป็นดิน
6 ภำคใต้ สภาพพ้ืนที่ท่ีปลูกขา้ วในภาคใตเ้ ป็นท่ีราบริมทะเล และเป็นท่ีราบระหวา่ งภเู ขา ส่วนใหญ่ใชน้ า้ํ ฝนใน การทานา และ ฝน จะมาล่าชา้ กวา่ ภาคอื่น ๆ ดว้ ยเหตุน้ีการทานาในภาคใตจ้ ึง ล่าชา้ กวา่ ภาคอ่ืน ชาวนาในภาค น้ีปลกู ขา้ วเจา้ ในฤดูนาปี กนั เป็น ส่ ว น ใ ห ญ่ ส่ ว น น้ อ ย ใ น เ ข ต ช ล ป ร ะ ท า น ข อ ง จั ง ห วั ด นครศรีธรรมราช พทั ลุง และสงขลา มีการปลกู ขา้ วนาปรัง และ ปลกู แบบนาสวน บริเวณพ้ืนที่ดอน และท่ี สูงบนภเู ขา ชาวนา ปลูกขา้ วไร่ เช่น การปลกู ขา้ วไร่เป็นพชื แซมยางพารา แมลงศตั รู ขา้ วที่สาคญั ไดแ้ ก่ หนอนกอ เพล้ียจกั จน่ั สีเขียว และเพล้ียกระโดดสีนา้ํ สีนา้ํ ตาล นอกจากน้ี ดินนากม็ ี ปัญหาเกี่ยวกบั ดินเคม็ และดินเปร้ียวดว้ ย วธิ ีการเก่ียวขา้ วในภาคใต้ แตกตา่ งไปจากภาคอ่ืน เพราะ ชาวนาใชแ้ กระเกี่ยวขา้ ว โดยเก็บ ทีละรวงแลว้ มดั เป็นกาๆ ปกติทาการเก็บเกี่ยวในระหวา่ งเดือน พฤศจิกายน และกุมภาพนั ธ์ 3.วิธีกำรปลูกข้ำว กำรปลูกข้ำวนำดำ การปลกู ขา้ วนาดา หมายถึง การปลกู ขา้ วนาสวนในสภาพพ้ืนที่ลมุ่ น้าขงั โดยใชต้ น้ กลา้ ขา้ วทาการปักดาลง ไปในดินแปลงนา ซ่ึงจะมีข้นั ตอนของการปลูกขา้ วแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะตน้ กลา้ และระยะปักดา โดยในแตร่ ะยะจะสามารถนาเคร่ืองจกั รกลเกษตรมาใช้ ดงั น้ี ระยะตน้ กลา้ จะมีข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ทดน้าเขา้ แปลง เครื่องสูบน้า 2. เปิ ดหนา้ ดิน ไถหวั หมู, ไถจาน, โรตารี 3. ยอ่ ยดิน ขลบุ , คราด 4. ทาเทือก แผ่นปรับระดบั ดิน, เครื่องชกั ร่องน้า 5. ระบายน้าออกจากแปลง เคร่ืองสูบน้า 6. หวา่ นเมลด็ เครื่องหวา่ นเมลด็ 7. ฉีดพน่ ไร่เทพ เครื่องฉีดพ่นไร่เทพแบบสะพายหลงั 8. ทดน้าเขา้ แปลง เคร่ืองสูบน้า 9. ถอนกลา้ แรงงานคน
7 ระยะปักดา จะมีข้นั ตอน ดงั น้ี 1.ทดน้าเขา้ แปลง เคร่ืองสูบน้า 2. เปิ ดหนา้ ดิน ไถหวั หมู, ไถจาน, โรตารี 3. ยอ่ ยดิน ขลบุ , คราด 4. ปักดา เคร่ืองปักดาแบบเดินตาม, เคร่ืองปักดาแบบนงั่ ขบั 5. ระบายน้าเขา้ แปลง เคร่ืองสูบน้า 6. ฉีดพน่ ไร่เทพ เคร่ืองฉีดพ่นไร่เทพ แบบสะพายหลงั 7. ระบายน้าออกจากแปลง เคร่ืองสูบน้า 8. เก็บเกี่ยว เครื่องเก็บเก่ียวนวด, เครื่องเกี่ยววางราย, เคยี ว 9. นวดขา้ ว เครื่องนวดขา้ วแบบใชแ้ รงงานคน, เคร่ืองนวดขา้ วแบบใชเ้ ครื่องยนต์ 10. ลดความช่ืนขา้ วเปลือก รถเกล่ีย/รถตกั ขา้ ว, เครื่องอบลดความช้ืน 11. เกบ็ รักษา ไซโล, ฉางขา้ ว 12. ขนส่ง รถอีแต๊ก, รถอีแต๋น, รถยนต์ 4-10 ลอ้ กำรปลูกข้ำวนำหว่ำน การปลกู ขา้ วนาหวา่ น หมายถึง การปลูกขา้ วนาสวนในสภาพพ้ืนท่ีลมุ่ น้าขงั โดยใชเ้ มลด็ พนั ธุข์ า้ ว หวา่ นใน พ้ืนที่แปลงนา ในการปลกู ขา้ วนาหวา่ นจะมีอยู่ 2 แบบ คือ การหวา่ นขา้ วนาน้าตมและการหวา่ นขา้ วนาแหง้ ซ่ึงท้งั 2 แบบข้นึ อยกู่ บั ลกั ษณะของพ้ืนที่ โดยแตล่ ะวิธีมีการใชเ้ คร่ืองจกั รกลเกษตรในแต่ละข้นั ตอนการปลกู ดงั น้ี • กำรหว่ำนน้ำตม เป็นการหวา่ นเมลด็ พนั ธุ์ขา้ วในพ้ืนท่ีท่ีมีน้าหรือในเขตชลประทาน ซ่ึงจะตอ้ งมีการเตรียมพ้ืนที่ทานาใหเ้ ป็น ตมเสียก่อนท่ีจะทาการหวา่ นเมลด็ พนั ธุ์ขา้ วท่ีเพาะใหง้ อกเลก็ นอ้ ยลงไป โดยมีการใชเ้ ครื่องจกั รกลเกษตรใน แต่ละข้นั ตอนการปลกู ขา้ ว ดงั น้ี 1. ทดน้าเขา้ แปลง เคร่ืองสูบน้า 2. เปิ ดหนา้ ดิน ไถหวั หมู, ไถจาน, โรตารี 3. ยอ่ ยดิน ขลบุ , คราด 4. ทาเทือก แผน่ ปรับระดบั ดิน, เคร่ืองชกั ร่องน้า
8 5. ระบายน้าออกจากแปลง เครื่องสูบน้า 6. หวา่ นเมลด็ ขา้ ว เคร่ืองหวา่ นเมลด็ แบบสะพายหลงั , เครื่องหวา่ นเมลด็ แบบจานเหวย่ี ง 7. ฉีดพน่ ไร่เทพ เครื่องฉีดพ่นไร่เทพ แบบสะพายหลงั 8. ทดน้าเขา้ แปลง เคร่ืองสูบน้า 9. ระบายน้าออกจากแปลง เครื่องสูบน้า 10. ลดความช้ืนขา้ วเปลือก รถเกล่ีย/รถตกั ขา้ ว, เคร่ืองอบลดความช้ืน 11. เก็บเก่ียว เคร่ืองเกบ็ เกี่ยวนวด, เคร่ืองเกี่ยววางราย, เคียว 12. นวดขา้ ว เคร่ืองนวดขา้ วแบบใชแ้ รงงานคน, เครื่องนวดขา้ วแบบใชเ้ คร่ืองยนต์ 13. เก็บรักษา ไซโล, ฉางขา้ ว 14. ขนส่ง รถอีแต๊ก, รถอีแต๋น, รถยนต์ 4-10 ลอ้
9 บทท่ี 3 วิธีการดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ ในการศึกษาคร้ังน้ีโครงงานIS1 เรื่อง การสารวจพนั ธุ์ไมด้ อกไมป้ ระดบั ผจู้ ดั ทาโครงงานไดด้ าเนินการดงั น้ี 1.วสั ดุอปุ กรณ์ - โน๊ตบุ๊ค - อินเทอร์เน็ต - word 2.วธิ ีการดาเนินงาน ท่ี ข้นั ตอนในการดาเนินงาน ระยะเวลาในการดาเนินงาน กรกฎาคม สิงหาคม กนั ยายน 1 คิดหวั ขอ้ โครงงาน √ 2 ศกึ ษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู √ 3 จดั ทาเคา้ โครงงานเสนอครูท่ีปรกึ ษา √ 4 สมคั รและลองใชโ้ ปรแกรม pubhtml5 √ 5 นาเคา้ โครงงานมาพิมพล์ ง word √ 6 จดั ทาโครงงานมาใส่ pubhtml5 เรื่อง การสารวจพนั ธุ์ √ ไมด้ อกไมป้ ระดบั
7 นาเสนอผา่ นโปรแกรม pubhtml5 √
10 บทท่ี 4 ผลกำรศึกษำ โครงงานIS1 เร่ือง ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มที่ต่างกนั ผศู้ ึกษาไดก้ าหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละขอบเขต ของ การศึกษาไวด้ งั น้ี วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ศึกษาขา้ วแต่ละชนิด 2. เพอ่ื ใหร้ ู้วา่ ขา้ วท่ีปลกู ในสภาพแวดลอ้ มที่ตา่ งกนั มีการเจริญเติบโตแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 3. เพ่ือให้รู้วิธีการปลกู ขา้ ว ขอบเขตของกำรทำโครงงำน โครงงานเร่ือง ผลการปลูกขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มท่ีตา่ งกนั เราจะศึกษาเรื่อง การปลูกขา้ ว ผา่ นอินเทอร์เน็ต และจดั ทาใชโ้ ปรแกรม word,pubhtml5 เท่าน้นั ผลกำรดำเนนิ งำน 1.ไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั ชนิด/พนั ธุ์ของขา้ ว 2.ไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั สถานที่ใชป้ ลกู ขา้ ว 3.ไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั วธิ ีการปลูกขา้ ว
11 บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ จากการทาโครงงานคอมพิวเตอร์เร่ือง ผลการปลกู ขา้ วในสภาวะแวดลอ้ มท่ีตา่ งกนั น้ีสามารถสรุปผลการ ดาเนิน โครงงาน และขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี 1 กำรดำเนนิ งำนจดั ทำโครงงำน วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 1. เพอ่ื ศึกษาขา้ วแตล่ ะชนิด 2. เพอื่ ใหร้ ู้วา่ ขา้ วท่ีปลูกในสภาพแวดลอ้ มที่ตา่ งกนั มีการเจริญเติบโตแตกต่างกนั อยา่ งไร 3. เพ่ือให้รู้วิธีการปลูกขา้ ว 1.2 วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในกำรพฒั นำ - โน๊ตบุ๊ค - อินเทอร์เน็ต - word 1.3 สรุปผลกำรดำเนนิ งำนโครงงำน จากการท่ีคณะผจู้ ดั ทาไดม้ ีความสนใจศึกษาการสารวจพนั ธุข์ า้ วตาม วตั ถปุ ระสงคค์ อื เพือ่ ศึกษาชนิดของขา้ ว เเตล่ ะชนิดและเพ่ือตอ้ งการใหร้ ู้วา่ ขา้ ว สามารถปลูกในสถานที่ตา่ งๆไดแ้ ละเพ่อื ใหร้ ู้วิธีการปลกู ขา้ วซ่ึงพบวา่ มีพนั ธุ์ขา้ วมากมาย หลายชนิด และสามาถนามาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ซ่ึงปัจจุบนั มีการนาขา้ วมาปลูกไว้ รับประทานหรือขายในสถานท่ี ตา่ งๆมากมาย 1.4 ปัญหาและอปุ สรรค - การเดินทางไปดูสถานท่ีและแสงแดดที่ร้อนมาก - อินเทอร์เน็ตมีความลา่ ชา้
12 บรรณำนุกรม http://www.ncc.ac.th/_files_school/00000784/data/00000784_1_20151022-144806.pdf
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: