หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ผู้เรียบเรียง พิมพ์ครง้ั ท่ี 1 รตั นาภรณ์ วามะสุรยี ์ สงวนลิขสทิ ธิต์ ามพระราชบญั ญัติ ผู้ตรวจ ISBN : 978-616-7768-25-0 ดร.อมรัชญา ชนิ ศรี ปีท่ีพิมพ์ 2562 พิสูจน์ แสงศรี จา� นวนท่ีพมิ พ์ 10,000 เลม่ สขุ รชั ตด์ า วงศ์บุญเออื้ บรรณาธิการ จจบรดดัั ษิ พพทั มิิมสรพพ้างแแ์์ สลลรระะคจจส์ �ำา�อ่ื หหเพนน่อื กา่า่ ายยรโโเรดดียยยนรู้ (สสร.) จ�ำ กดั ดร.กุณฑรี เพช็ รทวพี รเดช 1518/7 ถ.ประชาราษฎร์ 1 แขวงวงศส์ วา่ ง เขตบางซ่ือ กรงุ เทพฯ 10800 โทรศพั ท์ : 0-2587-7972, 0-2586-0948, 0-2587-9322-26 โทรสาร : 0-2044-4472 E-mail : [email protected]
คำ� นำ� คกทไใพโไมวคทขตชทบทรกพททไใทกคคไวพไโดดดหดดดหาดทอิั้ินรวิดทาปีรบัวดิาั่ีกรหา่ีัเก.า..ศยศยศยค้จค้อ้ะ้งงยม้าะแ้ผา้รแผสงสปษงรกษยลว.กย.ว.ยร้นมบยาม้นลบกวหูกะวู้รเ้รเจิชะาร2ิะาิญทาิดึศดึร่า2หรพิุว2หเ้าทพิวสา้ท่ลา่กะกศรกก5กหสปบกหีาตยยงีตยนงงนก5พม5ทิมเบทยักบทยถราาสหาถมรา6สาาน้าสานรนานกา้6กา6นรรา้ืธรสายคัาีคมกรัตสากกรมิีปหษม0ลรรังวังหยไมาหยไา0ิภฐ0นศศบศูตศววรารษศตรษสมส)มหาดรมัดทรขรขาาบาจ)์กาา)ึกราคนาึกรัคาะึยืสอกบารืสอะานคอ้น้ะาคอ้เ้เงมตพึมาแรูสษส์สษ์สสรตร์ตตบืเจตษยจืบกเรวมกวมรคา้ณคากจ่รรรีรรตยีวตายริทารราสราึาา�ดงาขเาเงลูดู้าดิาลูา้ดูีดิย้ะนียิทหส้ฐลหาสมานฐเรมนรมอมธจอรง้ารปป้ววว้นเวนกๆางก์ทาายเุท์าาสสานสิภ�รหปสำรหงนสยเินปยแเิ็แีนสทนระลระคาคาคูกัมรควัู้กัมตวั้เาวัลงั็ลตนงกตลตาลา้อาหรรกหรศป่ีากวทิวริษพพราทษิพทเเกักัหนยอาทนยค้เระยงะาากาาาาาม4กาา็ยนคะนะัยนรสัยวคสสงก์วมเาร่มทเ่ีคสะรหมทคะหตตาอกอมกเริตธชาิตูเงธชอาืู่ตเา์สหาหวตรัรวรกัลกลกรเร่ืองารรงกา์ารีศ์ราศเรยู้้โรลอีา่ืู้ยโอาย์ีรย์ีพกมาษัาวะรมษทะรทพดศงาพดแวแาวมดาม์น่นงเมรนลสดกหลหรามอา่ืัะึกยกจิกชัะพยกิจสกื้นส้ืนา้รมตรวพตรงเูกรงนกหวกวือ้นัใใาษนใใานนู้รษู้ษต่ืตฐอแคฐ้ิูทา่ีคแู้ราก่าช่ทฒชนทาัสน้ีรสลวร็ชปกากกาแงลางรละกงวระวร้กย้กณาณใสี่าม่สีาศ่ศาวขนสกนสลรน์าลเาท์ะาทกนะากรารมรๆมรุดยดุ้ันียะตกนเรตา์มเ์ามตาตระี่ะศโยาเ่ีพปีาเปมามาอเถใงพลกานงววนคเวววคับวัรบนรรารอซหรซัจรีกกฒยกีกมรลิทกริทชรยีชดินื้้วดิน้วถสวนรถวกียยกา่ะา้าคนาาารศวร้ียว้ีนัย้เดัูยนนเดฐนแ(ตงแบกัา่บกนัรรงรเรหหษดัษรส�ดัคุากึาตวาาปกกงกกทศากรทศสาสาูรแน็สเน็โศษททินศอท่รา้ปท์ทอป้า็ึกนสาร�าเูลึก้ร�ำเลกรกขวขปารเ(ปาย่ีาี่รแรกเญัักเษกัยญันกษนก.เพส2ะลศอ้2ด)ลอ้สสชปชทซาทซคลิจจิา่อษ่ืาาหษกาสผอม่หุึมมเ่หุทื่1ุมตศอื่1แตอแทีักักระกภรกขงขงษวูร้ะเสเลลาูะสลาลูาธรมร่ืมอ็วษน่ีษรั้นวรนิรต้ันงใัใร.าอส์อกะา์4กศะา)ใรโงีรวนตยัโเแน�ะ้าแูะพข้ืพอ่รอนสชยรทตสชยยากัยมาามจ่มลไนนทนลท้ักะกะเั้หน้นืเา่้ันาน้ืเเโ่า่รรรงปรง�ำดหืลดอปะปพะ์กลนาเกาาทงา์งจาคจปฐาคปฐกกแป้วนม่ทว้ทชงซงเซาเรกนารื่ื้ชอนั�าทา�าำปวรัปวลยดริวยดวงก่รรันวกกัรคกัคยฐนนเแงแะาะี่สาิทสกะน็2ิทเกน็ะเทผบยับัษา้ีษุ้คนห้รนรนถมนถมอนืามอยย5านรรยรคใลเเยียีะโะพวพควมควรมเกรหระูกระำุ�้ากลีกเดา5โสนรนกพกัลงลลูลนทู้วุทไบกศ้วทุศบกศศปยป้ตกีคา1คัมราเารปาทาุงง้โา้ัึกาาธ่บนับึปรกาธบาบา์รว้ใรูรรวู้รลลมฤมธป(ทแสนทแสศชศษภทรูษพทะแิพม็ทะินมยฉ้ศออืทือมรลา้ตมลใักตกัำ�ักกัลวิเัาเยนากียยีทียอทบกันะยปงปภธเภีคะรษีคระัตรษปรปะาาาาสารยเักวยกับักชิ์์ขฏทา์ขฏาทวสทวสศรนทศกะาผกีทะีทชนิ่กุัาบีชั้วษนปช้ัษนสาบิาชิบารากรารก์าูร้เค่ีง่ีอติตมมกอพร่ืงพรสะ้ณสพัตะา้ณตั2าาทาทย44โ2เใ2์บัปกียสคิคจตแรงตแรงื้นจิน5ื้นจินนชื้่ิังกั์ก์55จาาปนิดอดจรดดิอกลรรลร5รใ้วฐอ้ืฐฐเโเษษร5ระดั5นด์ัิงเ์ังลิงรงัเงลเงร่ะ1ลาาาะาหทปปเกจ(นะ1กุง(นะ1คกชนคร่นม่นมกรกยชฉชฉาเ(ี่หน็ิน็�ดากรวีกม้ัรนจฉั้น์ียค์พคนท่วนทรีท่ววรกบบะวนะเติโเรผโาบาบนยทะวยิะหวี้้ัง.หี้้ังด่ีสากดับัทนกญบัทิศปัรงลรบใัาบใูยารบกจจตรอตย8าย8าาป�ส.ำไปคห�คหกรสปมณามัดาัสดวดรุเวแรด2มเุแมะืรอ�ารา�ผ้้ศำ้ผปัทปมรทรรศศรนทลื่นทลอ้อคบ5ัุว่บางจัุ่งนเบนาู้เัเูู้สน็ู้ัก็นด้ฤักึดกึกะรรหะห�ารกห�กำลยสกำ�6ปสปปววอษียียผษสท้ียษขผสว้ษขววน่อ้วาาาตว0าารรณรณนนึ้นนลนอน่ืึ้ันยะลอ่ืยะธงัางารร้ังุางรงรงงรุุ)์์ิ บริษัทสสถรา้าบงนัสสรรรคา้ ง์สสอื่ รเรพค่ือส์ กอ่ื าเรพเรื่อยี กนารรู้เ(รสียสนรร.)ู้ (จส�สำกรัด.)
สำรบญั หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 สง่ิ มชี วี ิตรอบตวั หน้า 1. การจ�าแนกส่งิ มชี วี ิต 1 2. การจา� แนกสตั ว ์ 3. การจ�าแนกพชื 2 6 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 พชื ดอก 11 1. เรยี นรเู้ ร่ืองพชื ดอก 17 2. ราก 3. ลา� ตน้ 18 4. ใบ 22 5. ดอก 28 33 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั 39 1. ปลา 46 2. สัตวส์ ะเทนิ น้�าสะเทินบก 3. สัตวเ์ ล้อื ยคลาน 47 4. นก 52 5. สตั ว์เลยี้ งลูกด้วยน�า้ นม 56 60 65
หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 4 สำรรอบตวั หน้า 1. สถานะของสาร 72 2. การเปลย่ี นสถานะของสสาร 73 3. สมบตั ขิ องวสั ดุ 81 86 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 5 แรง 104 1. แรงโน้มถว่ ง 105 2. ความสัมพนั ธข์ องมวลและน้า� หนกั 111 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 6 แสง 117 118 1. แสง 119 2. ตวั กลางของแสง หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 7 ดวงจนั ทรแ์ ละระบบสรุ ยิ ะ 125 1. ดวงจนั ทร์ 126 2. ระบบสรุ ิยะ 134 144 บรรณำนุกรม
1 ส่ิงมีชวี ิตรอบตวัหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั สง่ิ มีชวี ติ รอบตัว 1. จำ� แนกสง่ิ มชี วี ติ โดยใชค้ วามเหมอื น และความแตกตา่ งของลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ 1. การจำ�แนกส่งิ มชี วี ิต ออกเปน็ กลมุ่ พชื กลมุ่ สตั ว์ และกลมุ่ ทไ่ี มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ (ว 1.3 ป.4/1) 2. การจำ�แนกสัตว์ 2. จ�ำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ 3. การจำ�แนกพชื โดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ (ว 1.3 ป.4/2) 3. จำ� แนกสตั วอ์ อกเปน็ สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั และสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั โดยใช้ การมกี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ (ว 1.3 ป.4/3) สาระสำ� คัญ สิ่งมีชวี ติ สามารถจำ� แนกออกเป็น 3 กล่มุ คือ กลมุ่ พืช กลมุ่ สัตว์ และกลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ ทไ่ี มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ โดยใชล้ กั ษณะทเี่ หมอื นและแตกตา่ งกนั เปน็ เกณฑ์ สัตว์สามารถจ�ำแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ส่วนพชื จำ� แนกเป็นพืชดอกและพชื ไมม่ ีดอก
11 การจำ� แนกส่งิ มชี วี ิต สง่ิ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยบู่ นโลกมหี ลายชนดิ แตล่ ะชนดิ มลี กั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั ซง่ึ สามารถจดั กลมุ่ ไดโ้ ดยใชค้ วามเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ รปู รา่ ง ลกั ษณะทอ่ี ยอู่ าศยั และการดำ�รงชวี ติ ออกเปน็ 3 กลมุ่ ดงั น้ี 1) กลุ่มพืช เป็นส่ิงมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเองได้ ส่วนใหญ่ มีสีเขียว และเคลื่อนที่ไม่ได้ สามารถสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ได้ ตอบสนอง ต่อสงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ เชน่ ทิวลิป ผกั กาด บัว มะพร้าว เฟนิ กระบองเพชร ทวิ ลิป ผักกาด บวั รูปท่ี 1.1 กลุม่ พชื 2) กลุ่มสัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ สามารถกินอาหารได้แต่สร้างอาหาร ไมไ่ ด้ หายใจได้ ขับถ่ายได้ เคลอ่ื นที่ได้ ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ มกี ารเจริญ เตบิ โตและสบื พนั ธุ์ได้ เช่น งู ผ้งึ ผีเสอื้ หา่ น วัว ช้าง รปู ท่ี 1.2 กลุม่ สัตว์ 2 วิทยาศาสตร์ ป.4
3) กลมุ่ ทไี่ มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์เปน็ สงิ่ มชี วี ติ ทม่ี ลี กั ษณะบางอยา่ งเหมอื นสตั ว์ และมีลกั ษณะบางอยา่ งเหมือนพืช เช่น - เห็ด ไม่สามารถสร้างอาหารได้เหมือนสัตว์ แต่ก็เคลื่อนที่ไม่ได้ เหมอื นพชื เชน่ เห็ดชนดิ ต่าง ๆ รา - สาหรา่ ย สร้างอาหารไดเ้ หมอื นพืช แต่ตอนเปน็ ตัวออ่ นสามารถ เคล่อื นที่ได้เองเหมือนสัตว์ เชน่ สาหร่ายชนิดตา่ ง ๆ - จลุ นิ ทรยี ์ บางชนดิ สามารถสรา้ งอาหารได้ และบางชนดิ ไมส่ ามารถ สร้างอาหารได้ เช่น แลคโตบาซิลลสั คาเซอิ เห็ดหลนิ จือ ราในผลไม้ สาหรา่ ยพวงองนุ่ แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ รูปท่ี 1.3 กลุ่มท่ีไม่ใช่พชื และสัตว์ ร้ไู วใ้ ชว่ ่า ลักษณะส�ำคัญของส่ิงมีชีวิตมี 7 ลักษณะ คือ กินอาหารหรือสร้าง อาหารได้ หายใจได้ ขับถ่ายได้ เคลื่อนที่หรือเคล่ือนไหวได้ ตอบสนอง ต่อส่ิงต่าง ๆ ได้ เจริญเติบโตได้ และสบื พันธไ์ุ ด้ 3 วิทยาศาสตร์ ป.4
กจิ กรรมพัฒนาทักษะท่ี 1 การจำ�แนกสง่ิ มชี วี ิต จุดประสงค์ สามารถจำ�แนกสิ่งมีชีวิตในโรงเรียนได้ วสั ดุ อุปกรณ์ 1. สิง่ มชี วี ิตชนดิ ต่าง ๆ ในโรงเรยี น 10 ชนดิ 2. สมุดบนั ทึก วธิ ีท�ำ 1. ใหน้ กั เรยี นสำ�รวจสงิ่ มชี วี ติ ชนดิ ตา่ ง ๆ ในโรงเรยี น คนละ 10 ชนดิ พรอ้ มทง้ั วาดภาพแสดงลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ชนดิ น้ัน ๆ 2. ให้นักเรียนจำ�แนกประเภทของส่ิงมีชีวิตที่สำ�รวจ และระบุเหตุผลว่า สง่ิ มีชวี ิตใดเคลอื่ นทไ่ี ด้และส่งิ มีชีวติ ใดเคลอื่ นท่ไี ม่ได้ ตัวอยา่ งตารางบันทกึ ผลการสำ�รวจ ส่งิ มีชีวิต ภาพประกอบ พืช สัตว์ ไม่ใชท่ งั้ พืชและสตั ว์ ตวั อยา่ ง ให้นกั เรียนบันทึกลงในสมุด ผีเสอ้ื 1. 2. 3. 7654.... 8. 9. 10. 4 วิทยาศาสตร์ ป.4
? คำ�ถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เราสามารถจ�ำแนกพืช สตั ว์ และสิ่งมชี วี ิตที่ไม่ใช่พืชและสตั ว์ได้อยา่ งไร 2. พืชมีลักษณะใดบ้างท่เี หมือนกนั 3. ส ัตว์มลี กั ษณะใดบ้างท่เี หมือนกัน 4. ส ิ่งมีชวี ิตทไ่ี ม่ใชพ่ ชื และสตั วม์ ลี กั ษณะใดบ้างท่ีเหมือนกนั 5. พ ืช สตั ว์ และส่งิ มชี ีวิตทีไ่ มใ่ ชพ่ ชื และสตั วม์ ีลกั ษณะใดบ้างท่แี ตกตา่ งกัน จากกิจกรรมจะพบวา่ พืชส่วนมากจะมี สีเขียวเปน็ องค์ประกอบ สัตว์สามารถ เคลือ่ นท่ี ได้ และสิ่งมีชีวิตท่ี ไม่ใช่พืชและ สตั วส์ ว่ นใหญท่ ่ีพบจะเปน็ เห็ด ฉลาดรู้ ฉลาดคดิ เพราะเหตใุ ดเมอื่ สำ� รวจบรเิ วณโรงเรยี นเราจงึ พบเหด็ แตไ่ มพ่ บจลุ นิ ทรยี ์ และถา้ เราตอ้ งการศึกษาจุลนิ ทรยี จ์ ะต้องท�ำอยา่ งไร วิทยาศาสตร์ ป.4 5
21 การจำ� แนกสัตว์ สตั วห์ ลากหลายชนดิ มลี กั ษณะทแี่ ตกตา่ งกนั อารสิ โตเตลิ นกั วทิ ยาศาสตร์ ชาวกรีกได้จำ�แนกประเภทของสัตว์ โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ใน การจำ�แนกไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ คอื สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั และสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ดังน้ี 1) สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั คอื สตั วท์ ไี่ มม่ รี ะบบโครงกระดกู เปน็ แกนคาํ้ จนุ โครงรา่ งภายในรา่ งกาย บางชนดิ อาจมโี ครงรา่ งแขง็ ภายนอกลำ� ตวั เพอื่ ชว่ ยพยงุ ร่างกายและป้องกนั อนั ตราย มรี ะบบของรา่ งกายท่ไี มซ่ บั ซอ้ น เชน่ หมึก หอย ฟองน้ํา ปะการงั ดอกไมท้ ะเล แมงมมุ ไส้เดอื นดิน ฟองน้�ำแกว้ ดอกไมท้ ะเล แมงมมุ ไส้เดอื นดนิ รูปที่ 1.4 สตั ว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั 6 วิทยาศาสตร์ ป.4
2) สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั คอื สตั วท์ ม่ี ีระบบโครงกระดูกเปน็ แกนคํ้าจนุ ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายคงรูปร่างอยู่ได้ มีระบบของร่างกายที่ซับซ้อน เช่น ปลา กบ จระเข้ เต่า งู นก กระต่าย สุนัขจง้ิ จอก นก งู กบ เตา่ จระเข้ ปลา รูปที่ 1.5 สัตวม์ ีกระดกู สนั หลัง วิทยาศาสตร์ ป.4 7
กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะท่ี 2 การจำ�แนกสัตว์ จดุ ประสงค์ จำ�แนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังได้ วัสดุ อุปกรณ์ 1. แผน่ ภาพรูปสตั ว์ชนิดต่าง ๆ 10 ชนดิ 2. สมดุ บันทึก วธิ ีทำ� 1. ให้นักเรียนสังเกตลักษณะต่าง ๆ ของสัตว์จากแผ่นภาพที่ครูนำ�มาให้ นักเรยี นดู 2. ให้นักเรียนจำ�แนกแผ่นภาพสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ ไม่มีกระดูกสันหลงั 3. ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ลกั ษณะทส่ี งั เกตไดข้ องสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ และระบเุ หตผุ ล ทใ่ี ช้ในการจำ�แนกสัตว์ ตวั อยา่ งตารางบันทกึ ผลการสังเกต ชอ่ื สัตว์ ภาพประกอบ สัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลัง ตัวอย่าง ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ลงในสมดุ ปลา 1. 2. 3. 4. 65.. 8 วิทยาศาสตร์ ป.4
ชอื่ สัตว์ ภาพประกอบ สตั วมกี ระดูกสันหลัง สตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลงั 7. 8. ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ลงในสมดุ 9. 10. ? ค�ำ ถามทา้ ยกิจกรรม 1. สัตว์มกี ระดกู สนั หลังมีลักษณะอยา่ งไร 2. สัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลังมลี กั ษณะอย่างไร 3. เราสามารถจำ� แนกสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั และสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั ไดอ้ ยา่ งไร จากกิจกรรมพบวา่ สัตวม์ กี ระดกู สนั หลงั จะมกี ระดูกเป็นแกนกลางภายในรา่ งกาย ท�ำให้รา่ งกายคงรปู รา่ งอยู่ได้ สว่ นสตั ว์ไมม่ ี กระดูกสันหลังจะมีลำ� ตวั ออ่ นนมิ่ เพราะไมม่ กี ระดกู อยภู่ ายในรา่ งกาย แตอ่ าจจะมเี ปลอื กแขง็ หมุ้ อยู่ ภายนอกรา่ งกายแทน เพ่อื ป้องกนั อันตราย วิทยาศาสตร์ ป.4 9
รูไ้ ว้ใชว่ า่ กระดกู สันหลัง กระดกู สนั หลงั เปน็ กระดกู แกนกลางของ รา่ งกายซงึ่ ชว่ ยพยงุ ใหร้ า่ งกายสามารถคงรปู รา่ ง อยไู่ ด้ ชว่ ยในการเคลอ่ื นทขี่ องสงิ่ มชี วี ติ และเปน็ ศนู ยร์ วมของเสน้ ประสาท ซง่ึ ทำ� หนา้ ทใี่ นการ ตอบสนองตอ่ สงิ่ ตา่ ง ๆ ฉลาดรู้ ฉลาดคดิ แผ่นกระดูกบาง ๆ ในหมึกทะเล จดั เปน็ กระดกู สนั หลงั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด นอกจากจ�ำแนกสตั ว์ออกเปน็ สัตว์มี กระดูกสนั หลงั และสัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลัง แล้ว เรายงั สามารถจำ� แนกพชื ไดด้ ว้ ย เรามาเรียนรู้การจำ� แนกพชื กันเถอะ 10 วิทยาศาสตร์ ป.4
31 การจ�ำแนกพืช พชื มหี ลากหลายชนดิ เพอื่ ใหส้ ะดวกในการศกึ ษา นกั วิทยาศาสตรจ์ ึงใช้ เกณฑก์ ารมดี อกในการจำ�แนกพืชออกเป็น 2 กลุ่ม ดงั นี้ 1) พืชดอก คือ พืชที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีดอกสำ�หรับสืบพันธุ์ จัดเป็นพืชชนั้ สงู เช่น เฟ่อื งฟา้ กระบองเพชร บานบรุ ี พรกิ ดาวเรือง เฟือ่ งฟ้า กระบองเพชร บานบรุ ี รปู ที่ 1.6 พชื ดอก รไู้ ว้ใช่ว่า พชื ดอกสามารถใชล้ กั ษณะของราก ลำ� ตน้ และใบเปน็ เกณฑใ์ นการจำ� แนก เปน็ กลมุ่ ยอ่ ยได้ 2 ประเภท คอื พชื ใบเลย้ี งเดย่ี วและพชื ใบเลย้ี งคู่ ใบพชื เปน็ เสน้ ขนาน ใบพชื เปน็ ร่างแห ล�ำต้น ล�ำตน้ เหน็ มขี อ้ ปล้องชดั เจน ขอ้ ปลอ้ งไมช่ ดั เจน รากฝอย รากแกว้ พชื ใบเลย้ี งเดี่ยว พืชใบเลย้ี งคู่ 11 วิทยาศาสตร์ ป.4
2) พชื ไมม่ ดี อก คอื พชื ทไ่ี มม่ ดี อกทง้ั ชว่ งชวี ติ จงึ สบื พนั ธด์ุ ว้ ยการสรา้ งสปอร์ เช่น มอสส์ เฟิน ปรง หางสงิ ห์ ผักกดู ผักแว่น ชายผา้ สีดา สน แปะก๊วย เฟิน ปรง สน สปอร์ รปู ท่ี 1.7 พชื ไมม่ ดี อกจะสบื พนั ธุด์ ้วยสปอร์ 12 วิทยาศาสตร์ ป.4
กจิ กรรมพฒั นาทักษะที่ 3 การจ�ำ แนกพชื จุดประสงค์ สามารถจำ�แนกพืชในโรงเรียนได้ วัสดุ อปุ กรณ์ 1. พชื ชนดิ ต่าง ๆ ในโรงเรียน 10 ชนิด 2. สมุดบันทึก วิธที ำ� 1. ใหน้ ักเรยี นสำ�รวจพืชชนดิ ต่าง ๆ ในโรงเรยี น คนละ 10 ชนิด พรอ้ มทั้ง วาดภาพแสดงลักษณะของพืชชนิดนน้ั ๆ 2. ให้นักเรียนจำ�แนกประเภทของพืชท่ีสำ�รวจ และระบุเหตุผลท่ีใช้ในการ จำ�แนกพืช ตัวอย่างตารางบนั ทกึ ผลการสำ�รวจ ชอื่ พืช ภาพประกอบ พืชดอก พชื ไม่มดี อก เหตผุ ล ตัวอยา่ ง ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ลงในสมดุ มะมว่ ง 1. 2. 3. 4765.... 8. 9. 10. วิทยาศาสตร์ ป.4 13
? ค�ำ ถามทา้ ยกจิ กรรม 1. พชื ดอกมลี ักษณะอย่างไร 2. พืชไมม่ ีดอกมีลกั ษณะอยา่ งไร 3. จ�ำแนกพืชดอกและพชื ไม่มดี อกไดอ้ ยา่ งไร จากกิจกรรมพบว่า พชื ดอกเป็นพชื ท่ีเม่อื เจริญเติบโตเตม็ ท่ีแล้ว จะมีดอกส�ำหรับสืบพันธุ์ สว่ นพืชไม่มดี อกตลอดช่วงชีวิตจะไมม่ ดี อกเกิดขึ้น แตจ่ ะสบื พันธด์ุ ว้ ยสปอร์ ฉลาดรู้ ฉลาดคดิ ถ้านักเรียนซื้อต้นกุหลาบมาปลูก เมื่อผ่านไป 1 เดือน ต้นกุหลาบ ยังไม่มีดอก กุหลาบจะจัดเป็นพืชดอกหรือพืชไม่มีดอก เพราะเหตุใด 14 วิทยาศาสตร์ ป.4
สรปุ ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. สง่ิ มชี ีวิตสามารถจำ� แนกออกเปน็ 3 กล่มุ คือ กลุ่มพืช กลุม่ สตั ว์ และกลมุ่ ที่ไม่ใช่พืชและสตั ว์ 2. สัตว์จ�ำแนกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สัตว์มีกระดูกสันหลัง เปน็ สตั วท์ มี่ รี ะบบโครงกระดกู เปน็ แกนกลางของรา่ งกาย และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์ท่ีไม่มีระบบ โครงกระดูกเป็นแกนกลางของร่างกาย กลุ่มสัตว์เป็น ส่ิงมีชีวิตท่ีกินส่ิงมีชีวิตอื่นเป็นอาหารและเคลื่อนที่ได้ 3. พชื จำ� แนกเปน็ 2 กลมุ่ ไดแ้ ก่ พชื ดอก คอื พชื ทจี่ ะมดี อก เมอื่ เจรญิ เตบิ โตเตม็ ที่ และพชื ไมม่ ดี อก คอื พชื ทไี่ มม่ ดี อก เกิดขึ้นตลอดช่วงชีวิต กลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้ และ เคลอ่ื นท่ดี ว้ ยตนเองไมไ่ ด้ คำ�ถาม ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. หลักการส�ำคัญใดท่ีใช้ในการจ�ำแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มี กระดกู สันหลัง 2. พืชไมม่ ีดอกมีลักษณะใดทีแ่ ตกต่างกับพืชดอก 3. ลกั ษณะเด่นของสัตว์ทไี่ ม่มีกระดกู สันหลงั เปน็ อย่างไร 4. เพราะเหตใุ ดจงึ จำ� แนกกลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ ทไี่ มใ่ ชท่ งั้ พชื และสตั วอ์ อกจากกลมุ่ พชื และกลุ่มสัตว์ วิทยาศาสตร์ ป.4 15
โครงงาน บรู ณาการหนว่ ยการเรียนรู้ 1. ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 2–3 คน 2. จัดทำ�โครงงานการจำ�แนกสิ่งมีชีวิตในชุมชน โดยการสำ�รวจแต่ละพ้ืนที่ ท่ีแตกต่างกัน เช่น ในแม่นํ้า ในทะเล ในป่าชายเลน ข้ึนอยู่กับชุมชนของ นักเรยี น 3. ถ่ายภาพประกอบและทำ�แผนภาพการจำ�แนกสงิ่ มีชีวติ โดยกำ�หนดเกณฑ์ ในการจำ�แนกข้ึนเอง เช่น สัตว์มีกระดูกสันหลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง พืชดอก พชื ไมม่ ีดอก 4. ใหน้ กั เรยี นค้นควา้ ความรู้เพิ่มเติมเก่ยี วกับสงิ่ มชี ีวติ 5. นำ�เสนอแผนภาพการจำ�แนกสง่ิ มชี ีวิตจากการสำ�รวจในชัน้ เรยี น 16 วิทยาศาสตร์ ป.4
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: