บ ท ที่ 1 เ ค รื่ อ ง เ ลื่ อ ย ก ล เ เ ล ะ ง า น เ ลื่ อ ย ก ลง า น เ ค รื่ อ ง มื อ ก ล เ บื้ อ ง ต้ น รหัสวิชา 200100-1007 น า ย เ กี ย ร ติ ป ร ะ วุ ฒิ ศ รี ค ง 0 0 4 น า ย ปุ ญ ญ พั ฒ น์ เ เ พ ร สุ ว ร ร ณ 0 1 8
หนวยที1่ เคร่ืองเลื่อยกล หวั ขอเรือ่ ง(topics) 1.1ความหมายของการเล่ือย 1.2ชนดิ ของเครอ่ื งเล่ือยกล 1.3เครื่องเลือ่ ยกลแบบชชัก 1.4ใบเลอื่ ย 1.5หลักการทาํ งานดวยเครื่องเล่อื ยกลแบบชัก 1.6การเล่อื ยช้ินงายดวยเคร่อื งเล่อื ยกลแบบชัก 1.7ขอ ควยระวังในการใชเคร่ืองเล่อื ยกลแบบชัก 1.8ความปลอดภยั ในการใชเ ครอื งเล่ือยกลแบบชกั 1.9การบํารุงรักาเครื่องเลอื่ ยกลแบชัก แนวคิดสําคัญ(Main idea) ในการปฏบิ ตั งิ านดวยเครื่องมอื กล โดยทั่วไปจะมีการเลอ่ื ยชิน้ งายเพือ่ ตัดแยกวัสดุแลว นําไปใช ในการแปรรปู เพ่ือใหสามารถจัดเกบ็ วัสดุไดงาย ดังนัน้ งานเลื่อยกลจงึ มคี วามสาํ คญั มาก ผปู ฏิบตั ิงาน จงึ ควรศกึ ษาเก่ยี วกบั วิธีการ ใชเครือ่ งเลอ่ื ยกลใหม ีความรแู ละความเขา ใจเปน อยางดีกอน จึงจะปฏบิ ตั ิงานไดอยางถกู ตองและ ปลอดภยั สมรรถนะยอย(element of competency) แสดงความรเู กี่ยวกับเครื่องเล่ือยกลพืน้ ฐานและงานเลื่อยกลตามคมู ือ จุดประสงคเ ชิงพฤตกิ รรม(Behavioral objectives) 1.บอกความหมายของการเล่ือย 9.อธิบายวธิ ีการจบั ชิ้นงายแบบตา ง ๆ ดวยปากกาจบั ยึดของ เคร่อื งเลื่อยกลแบบชัก 2.จาํ แนกชนิดของการเลอ่ื ย 10.อธิบายวธิ ีการจับชิ้นงานรปู ทรงตาง ๆ กอนเลื่อย 3.ระบุชนดิ ของเครอื่ งเลื่อย 11.อธบิ ายวิธีการจับยึดใบเลือ่ ยเขา กับโครงของเลื่อยกลแบบชัก 4.อธิบายวธิ กี ารกําหนดความ 12.ระบรุ ะยะของการยกโครงเลื่อยกอนตัดหยาบละเอยี ดขอล เคร่อื งเล่ือยกลแบบชัก 5..อธิบายวธิ ีการกําหนดความหยาบละเอียด 13.บอกขอควรระวังในการใชเ คร่ืองเลือ่ ยกลแบบชกั ของฟนเลอ่ื ยกลแบบชกั 6.อธิบายวธิ การเลือกใชใ บเล่ือยกลแบบชกั 14.บอกความปลอดภยั ในการใชเ คร่อื งเลือ่ ยกลแบบชกั ใหเหมาะสมกับชนดิ ของวสั ดุที่นํามาเลื่อย 7.อธบิ ายหนาทขี่ องมุมใบเล่ือยกลชัก 15.อธบิ ายเวธิ กี ารบาํ รุงรักษาเครือ่ งเล่ือยกลแบบชัก 8.อธบิ ายหนา ที่ของเคร่ืองเลอ่ื ย
เน้ือหาสาระ(content) 1.1 ความหมายของการเล่ือย การเลอ่ื ยเปน กรรมวธิ ีการตัดช้นิ งานโดยมวี ัตถปู ระสงคห ลายอยาง เชน การตดั แยก การบาก และการเซาะรอ ง เปนตน (ก)งานตดั แยก (ข) งานบวก (ค) งานเซาะรอง รูปที่ 1.1 ลกั ษณะของการเลอ่ื ย การเล่ือยแบงออกเปน 2 ชนิดคือ การเลื่อยดวยมือ (hand sawing) และการเลื่อยดวยเครอ่ื งเลื่อยกล(sawing machine) ซึง่ ในหนว ยนี้ จะกลา วถงึ เฉพาะการเลื่อยดวยเคร่อื งเลอ่ื ยกลเทา นนั่ 1.2 ชนดิ ของเครื่องเล่ือยกล เคร่ืองเล่อื ยกลท่ีใชใ นงานอตุ สาหกรรมจําแนกไดออกเปน 4 ชนดิ คือ เคร่ืองเลื่อยชกั (power hack saw) เคราองเล่ือยสายพานนอน (horizontal band saw) เคร่อื งเลื่อยสายพานตงั้ (vertical band saw) และเคร่ือง เลอ่ื ยวงเดือน (radius saw or circular saw) สําหรับในหนว ยนี้ จะกลา วถงึ เฉพาะเครือ่ งเลือ่ ยชักเพ่ือเปน พนื้ ฐานในการใชง านเทานนั้ (ก)เครอ่ื งเล่ือยชัก (ข)เครื่องเลอื่ ยวงเดือน (ค)เคร่ืองเล่ือยสายพานตัง้ (ง)เคร่ืองเลื่อยสายพานนอน รูปท่ี 1.2 ชนิดของเคร่ืองเล่ือยกล
1.3 เครอ่ื งเลือ่ ยกลแบบชกั เคร่อื งเลอื่ ยกลแบบชัก (power hack saw) เปนเคร่ืองเลื่อยกลท่นี ยิ มใชงานอยางแพรห ลาย ในการศึกษา ใชสาํ หรับเลือ่ ยช้ินงานทว่ั ๆ ไป ซ่งึ เลือ่ ยมอื ไดลําบาก กลไกการทาํ งานจะอาศยั คานโยก ไปดา นหนา แลว กดใบเลือ่ ยใหตดั เฉือนชนิ้ งาน และขนาดโยกกลบั จะยกใบเลื่อยขึ้นเลก็ นอย ไมมีการตัดเฉือน ช้ินงาน นอกจากนี้สามารถปรับระยะชักของใบเลือ่ ยและตงั้ ระยะการปดเครื่องมือเมื่อตัดชน้ิ งานขาดได 1.3.1 โครงเลื่อย โครงเล่อื ย (saw frame) ทาํ ดวยเหล็กหลอและเหล็กเหนยี ว ใชสําหรับยดึ ใสใบเลือ่ ย โครงเล่ือย มีลกั ษณะเหมือนตัวยูควา่ํ และจะเคลอ่ื นท่ีไป-มาในรองหางเหยยี่ วโดยการสงกาํ ลังจากลอเฟองดังรปู ที่ 1.3 1.3.2 ฐานเครือ่ ง ฐานเครอื่ ง (base) ทาํ จากเหล็กหลอ หรือเหลก็ เหนยี ว มีหนาท่ีรองรับสวนตาง ๆ ของเครอื่ ง เลอ่ื ยกลแบบชักทั้งหมด 1.3.3 ระบบสงกําลงั ระบบสงกําลงั (drive system) ของเครอ่ื งเลอื่ ยกลแบบชกั จะใชมอเตอรท ําหนา ทเ่ี ปนตน กําลงั ขับ โดยกระแสไฟฟา 220 โวลต หรือ 380 โวลต 1.3.4 ชดุ ปอนตดั ชุดปอ นตดั ของเครื่องเลื่อยกลแบบชักมี 2 ชนดิ คอื ชนิดท่ใี ชลกู ถวงนาํ้ หนกั และชนิดที่ใชร ะบบไฮดรอลิก รูปที่ 1.3 สว นประกอบของเครอื่ งเลื่อยกลแบบชัก
1.3.5 ปากกาจบั ช้ินงาน ปากกาจบั ชิน้ งาน (vise) ของเครื่องเล่ือยกลแบบชักแบงออกเปน 2 สว น คอื ปากกาดานคงท่ี ซ่ึงไมส ามารถเล่ือนไปมาไดและปากกาดา นเคลื่อนท่ีได นอกจากนป้ี ากกาของเครอื่ งเล่ือยกลแบบชกั ยงั สามารถจับช้ินงานเลือ่ ยตรงหรอื ปรับเอยี งเพ่ือตดั เฉยี งเปนมุมตาง ๆ ได รูปที่ 1.4 สวนประกอบของเครื่องเลื่อยชัก 1.4 ใบเลื่อย ใบเล่อื ยของเครื่องเล่อื ยกลแบบบชักทําหนา ที่ตัดเฉือนช้นิ งาน สวนมากผลิตจากโลหะผสมสูงหรอื เหลก็ กลา รอบสงู (high speed steel) ซึ่งมคี วามแข็งแตเปราะ ดงั น้ันการประกอบใบเลอ่ื ยเขากบั โครงเลื่อย จะตองประกอบใหถูกวธิ แี ละขนั สกรใู หใบเล่ือยตงึ พอประมาณ เพื่อปองกนั ไมใหใบเลื่อยหัก 1.4.1ความหยาบละเอียดของฟนใบเลื่อย ฟน ของใบเลื่อยกลแบบชักมีลกั ษณะเรยี งกนั และมีความหา งระหวา งยอดฟน เรยี กวา ระยะพิตช (pitch) ซ่ึง ระยะพติ ชน ีจ้ ะกําหนดความหยาบหรอื ละเอียดของฟนเลอื่ ย โดยนับจาํ นวนของฟนเล่ือย โดยนับจํานวนฟน ตอ ความยาว 1 น้วิ เชน ใบเล่อื ย 10 ฟน/น้วิ 14 ฟน/นิ้ว เปน ตน (ก)ระยะพิตชของฟน เล่ือย (ข) จํานวนฟน เลื่อยตอ ความยาว 1 นิ้ว รปู ท่ี 1.5 การกํากนดความหยาบละเอียดของฟนเลื่อย
ในการเลอื กใชใบเลื่อย ผปู ฏบิ ัติงานจะตองเลือกใหเหมาะสมกบั วัสดชุ ้ินงานดงั ตวั อยางในตารางที่ 2.1 ตารางที่ 2.1 การเลือกใบเลอื่ ยใหเหมาะสมกลั ปว สั ดุชิ้นงาน ฟน /นิว้ ชเ ลื่อย 14 16 18 น เชน ดีบกุ ทองแดง ตะกัว่ อะลมู ิเนยี ม พลาสติก เหล็กเหนียว เปน ตน 22 24 งปานกลาง เชน เหล็กหลอ เหล็กโครงสราง ทองเหลือง เปน ตน 32 งมาก เชน เหลก็ ทําเครอ่ื งมือ เหลก็ กลา เจือ เปน ตน 1.4.2ความยาวของใบเล่ือย การกาํ หนดความยาวใบเล่ือยนนี้ จะวัดระหวา งศูนยก ลางของรูเจาะที่ใชส าํ หรบั ประกอบ ใบเลอ่ื ยเขากบั โครงเลื่อย ความยาวใบเลอื่ ยที่นยิ มใชท ว่ั ไป เชน 450, 500, 600 มม. เปนตน รปู ที่ 1.6 การกาํ หนดความยาวของใบเลื่อย 1.4.3 การตัดเฉอื นวสั ดุของใบเลือ่ ย ในขณะทําการเล่อื ยช้ินงาน ฟนเล่ือยจะทําหนา ทตี่ ัดเฉือนวัสดุโดยอาศัยคนั โยกเปน กลไก การทํางานของเครื่องเล่อื ยชัก เพื่อดนั ใบเล่ือยใหเ คล่อื นท่ีไปดา นหนา แลว กดใบเลื่อยใหตดั เฉอื นชน้ิ งาน และขณะโยกกลับกจ็ ะโยกกลับกจ็ ะยกใบเล่ือยขึ้นเลก็ นอย ไมมีการตัดเฉือนชน้ิ งาน รปู ที่ 1.7 หลกั การทํางานของใบเลื่อยกลแบบชัก
1.4.4 มุมของฟน เล่อื ย ในขนะเลอื่ ยช้นิ งาน ฟน เล่ือยจะทําหนาทต่ี ดั เฉอื นและคายเศษวสั ดุ โดยท่เี ศษวัสดุอยูในรอ งฟน เลื่อยและหลุดออกไปตามคลองเลือ่ ย ดังน้นั ในการผลิตใบเล่ือยจึงประกอบดว ยมุมตา ง ๆ ดังน้ี รปู ท่ี 1.8 มมุ ของใบเลื่อย 1.มมุ ล่ิม (B) เปนมุมทีท่ ําหนา ทข่ี ดุ ตดั และเขาปะทะกบั เน้ือชิน้ งานโดยตรง ถามุมล้ิมมมี าก ชน้ิ งานเพยี งจดุ เดียวและทาํ ใหส วนอื่น ๆ ของฟนเลอ่ื ยไมเสยี ดสกี ับผวิ ของวัสดุชิ้นงาน 2. มมุ หลบหรือมุมฟรี (a) เปน มุมทชี่ ว ยใหฟ นเล่ือยลดการเสยี ดสกี บั ช้นิ งาน โดยใหคมฟนเลื่อยตัด ชิ้นงานเพียงจดุ เดยี วและทําใหส ว นอน่ื ๆ ของฟนเลื่อยไมเสียดสกี บั ผวิ ของวสั ดุชนิ้ งาน 3. มมุ คาย (y) เปน มมุ ท่ีทําหนา ทคี่ ายเศษและชว ยใหใ บเล่อื ยคายเศษออกไดงา ยขน้ึ 4. มุมตดั เปนการรวมกันของมมุ หลบกับมุมลิม่ (b+a) ซึง่ มมุ นี้จะทําใหใบเลอ่ื ยเกดิ การตัดเน้อื ชิน้ งาน ในการเลือกใชมมุ ของใบเล่อื ยน้จี ะตอ งใหเหมาะสมกับวสั ดุช้ินงานดังตวั อยางที่ 2.2 ตารางท่ี2.2 การเลือกใชม ุมใบเลอื่ ยใหเ หมาะสมกับวัสดุชน้ิ งาน
1.4.5 คลองเลื่อย ในขณะปฏบิ ตั ิงานเล่ือย ใบเล่ือยทตี่ ิด แนนอยูในรองจะเกิดการเสยี ดสกี ับผิวชน้ิ งาน ในขณะเคลื่อนทไ่ี ป-กลบั ทําใหเกิดความรอนและ อาจทําใหใ บเลื่อยหักได ดงั น้นั ใบเลื่อยจงึ มกี ารจดั ฟนเพ่ือใหเกดิ คลองเล่อื ยในขณะเลือ่ ยชน้ิ งานและ ลดแรงเสียดทานขณะเลือ่ ย โดยเมื่อจัดฟน แลวจะทาํ ใหฟน เล่ือยกวา งกวา ใบเล่ือย ซ่ึงเรียกวา คลองเลือ่ ย การจดั ฟนเล่อื ยมีอยู 3 แบบ คือ แบบคลน่ื แบบตรง และแบบสลบั โดยที่แบบสลับน้ีใชส ําหรับใบเลอื่ ยกล สวนแบบคลืน่ และแบบตรงจะใชส าํ หรับใบเลื่อยมือ 1.5 หลักการทาํ งานดว ยเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชัก 1.5.1 การจับยดึ ช้นิ งาน 1. การจับชน้ิ งานทมี่ ีรูปทรงแตกตา งกนั ช้ินงานท่มี ีรปู ทรงแตกตา งกันจะมีวิธีการจับยึด แตกตา งกนั ซ่ึงการใช ปากกาจับชน้ิ งาน ผูปฏบิ ัตงิ านตองคํานึงถงึ รูปรางหนาตดั ของชิ้นงานท่ีจะตดั เพอ่ื ให จับชิน้ งานไดม ่นั คง เพราะถา หากจบั ชนิ้ งานไมแนนพอแลว ชิน้ งานจะหลุดหรือเคลื่อนทเี่ ปน สาเหตใุ หเ กิด อนั ตราย และทําใหใบเลอ่ื ยหักได ตัวอยางการจบั ชน้ิ งานรูปทรงตาง ๆ แสดงไวในรูปที่ 1.10 รูปท่ี 1.10 การจับช้นิ งานรูปทรงตาง ๆ
2.การจับชน้ิ งานทส ้ันกวา ปากกา ในการจดชนิ้ งาน ในการจับช้นิ งานทม่ี คี วามยาวไมเ พยี งพอกบั ปากาจับชิน้ งาน ใหใชวัสดุทมี่ ีความกวา งเทากบั ชนิ้ งานเสริมเขาไปอกี ดานของช้นิ งานซ่ึงจะทําให จบั ชนิ้ งานไดหนาแนน และมัน่ คง ดังรูปท่ี1.11 รปู ท่1ี .11 การจบั ชนิ้ งานสน้ั โดยใชวัสดเุ สรมฺ อีกดานของปากกาจับชิ้นงาน รปู ท่ี 1.12 การจับชนิ้ งานส้ันโดยใชวัสดุเสริมอกี ดานของปากกาจบั ชน้ิ งาน 3. การตัดช้ินงานที่มคี วามยาวมาก ๆ ใหใชข าตั้งรองรับชิ้นงานเพ่ือใหไ ดระดบั เดยี วกับปากกาจับช้นิ งาน ของเครื่องเล่ือยกลแบบชกั
รูปที่ 1.13 การใชขาตั้งรองรับช้นิ งานท่มี ีความยาวมาก ๆ 4. การเร่ิมตนการเล่ือยชิ้นงาน ใหไดบ รรทัดเหลก็ ในการตัง้ ระยะของการตดั โดยวัดจากชิ้นงานทไี่ ดขนาด แลวตง้ั ขนาดและปรบั แขนต้ังระยะใหช นพอดีกับผวิ ชนิ้ งาน จากนน้ั จึงขันสกรูเพอื่ ล็อกใหแนน รูปที่ 1.14 การตั้งระยะช้นิ งานกอ นการตดั ดว ยบรรทัดเหล็ก 5. การตัดชนิ้ งานจํานวนมาก ๆ และมีความยาวเทากัน ใหใชอปุ กรณต ้ังระยะการตดั โดยใชชิน้ งานทตี่ ัดไดขนาด แลวตั้งขนาดและปรับแขนต้ังระยะใหชนพอดีกบั ผิวหนาช้นิ งาน จากนั้นจึงขนั สกรูเพ่ือจับใหแนน รูปที่1.15 การใชอ ุปกรณตง้ั ระยะสําหรบั ตัดช้นิ งานที่มีความยาวเทา กันเปน จํานวนมาก
1.5.2 การจับยึดใบเลื่อย การจบั ยึดใบเลอื่ ยเขากบั โครงของเคร่ืองเลื่อย ผปู ฏิบัติงานจะตอ งทราบทิศทางการเดินตดั ของเครือ่ งเล่ือยกลแบบซกั กอ น กลา วคอื ในการจบั ใบเลอ่ื ยทถ่ี กู ตองนนั้ จะตอ งใหฟน เลอ่ื ยเอียงไปในทศิ ทาง ท่เี ครอ่ื งเลอ่ื ยจะกดใบเลื่อยใหตดั เฉอื นชิ้นงาน หลงั จากประกอบยึดใบเลอ่ื ยแลว ใหขนั สกรูยดึ ใบเล่อื ยใหต งึ พอดี การตรวจสอบอาจกระทําไดโ ดยใชคอ นเคาะทใี่ บเลื่อยเบา ๆ ซงึ่ จะมีเสยี งดังกงั วาน หมายเหตุ : ความคมของรูสลัก (pin hole) ของใบเล่ือยจะกดั สลักจนเกิดชองวา งระหวา งสลักกบั รู ทาํ ใหม ีระยะหางมากขึ้นสงผลใหเ กดิ การคลอน และอาจเปนสาเหตุใหใบเล่ือยหักได ดงั น้ันจะตองมแี ผน ประกบกอ นใสส ลกั ในรูใบเลอ่ื ย 1.6 การเล่อื ยชิน้ งานดวยเครอื่ งเล่อื ยกลแบบชกั การใชเครอ่ื งเลอ่ื ยกลแบบชกั เพอ่ื ตดั ช้นิ งานมีข้นั ตอนดงั นี้ 1.6.1 ตรวจสอบความพรอมของเครื่องเล่ือยกลแบบชกั และอปุ กรณใหเรยี บรอย 1.6.2 ยกโครงเลอื่ ยคางไวก อนตดั ชิน้ งาน 1.6.3 จบั ยดึ ชน้ิ งานดว ยปากกาจบั ชน้ิ งานใหถูกตองตามรูปทรงของชิน้ งานโดยทยี่ ังไมขันแนนและ ใหส ามารถ เลอ่ื นไป-มาได 1.6.4 ปรบั โครงเลอ่ื ยลงใหฟ นของใบเล่ือยอยเู หนอื ช้ินงานประมาณ 25 มม. 1.6.5 ปรบั ตงั้ ระยะความยาวชน้ิ งานโดยใชบ รรทดั เหลก็ วดั ขนาดโครงเลื่อย 1.6.6จบั ยึดช้นิ งานดว ยปากกาจบั ชิน้ งานใหแนน และมน่ั คง 1.6.7 ปรับแขนต้ังระยะใหยาวเทา กับความยาวของชิ้นงาน 1.6.8 เปดสวิตชเ พอื่ ใหเครื่องเล่อื ยชกั ทํางาน
1.6.9 ปรับระบบปอ นตดั ไฮดรอลกิ ใหโ ครงเล่ือยเลอื่ นลงชา ๆ 1.6.10 ปรับทอนํา้ หลอเย็นใหน ํา้ ฉดี บริเวณคลองเลือ่ ยเพอื่ ชวยระบายความรอ น 1.6.11 รอจนกระท่ังเลอื่ ยตัดช้นิ งานขาดออกจากกนั 1.6.12 เม่ือชน้ิ งานขาดออกจากกนั แลวใหย กโครงเล่อื ยขึ้นดา นบน จากนัน้ ปดสวิตชแลว ทาํ ความ สะอาดเคร่ือง เลื่อยกลแบบซักใหส ะอาดเรียบรอ ย รูปท่ี 1.17 การปรับใบเล่อื ยใหห า งจากชิ้นงานประมาณ 25 มม. 1.7 ขอ ควรระวังในการใชเ คร่ืองเล่ือยกลแบบซัก 1.7.1 การขนั ใบเลอื่ ยจะตองใหมคี วามพึงพอดีและใหใ ชแผนประกบใบเล่ือยกอนขนั สลักดว ย 1.7.2 จบั ยึดช้นิ งานกบั ปากกาจบั ช้ินงานใหแนนและม่นั คงกอนเปดสวติ ชเคร่อื งทํางาน 1.7.3 การปอนลึกเพ่อื ตัดเลื่อยช้ินงานคร้ังแรกใหป อนชา ๆ จนกระทั่งใบเล่อื ยตัดเฉือนชนิ้ งาน เต็มหนา ชิ้นงาน แลวจึงปอ นลึกตามอัตราปอนทแี่ นะนําของใบเลื่อย 1.7.4 หยุดเครอื่ งทกุ ครัง้ ทวี่ ดั หรือปรบั เปลีย่ นชน้ิ งาน 1.7.5 หามจับช้ินงานเล่ือยท่ีมีความยาวงานนอยกวาความยาวปากของปากกาแตถา จาํ เปน จะตองใชว ัสดเุ สรมิ ของปากกาจับชิน้ งานอีกดาน 1.7.6 หลอเยน็ ชิ้นงานตามชนดิ ของวัสดทุ นี่ ํามาเลอื่ ย
1.8 ความปลอดภัยในการใชเครอ่ื งเล่อื ยกลแบบชกั เพ่ือความปลอดภยั ในการใชเ ครอ่ื งเล่ือยกลแบบชกั ผูปฏิบัตงิ านควรยึดถือปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1.8.1 กอนใชเครื่อง ควรตรวจสภาพความพรอมของเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชักทุกครัง้ 1.8.2 ตองจับชิ้นงานใหถกู ตองและมั่นคงกอนเลอื่ ย 1.8.3 กอ นเปด สวติ ชเดนิ เครื่องจะตองยกใบเล่ือยใหอยเู หนอื จากชิ้นงานประมาณ 25 มม. กอนทุกครง้ั 1.8.4 การปอนตดั ดว ยระบบไฮดรอลกิ มากเกินไปอาจทาํ ใหใบเลื่อยหัก ดงั นนั้ จงึ ตองระมดั ระวัง 1.8.5 วัสดุช้นิ งานประเภทเหลก็ หลอ ทองเหลือง ทองแดง และอะลูมเิ นยี ม ควรหลอเย็นใหถกู ตอง 1.8.6 ขณะเครอื่ งเล่ือยกลแบบชักกําลังตัดช้ินงาน หา มหมนุ ถอยปากกาจบั ชิน้ งานออกโดยเด็ดขาด 1.9 การบาํ รงุ รักษาเครือ่ งเลื่อยกลแบบชัก เคร่อื งเล่ือยกลแบบชักมวี ธิ กี ารบํารุงรกั ษาดังนี้ 1.9.1 หลังเลิกใชง านใหท าํ ความสะอาดและชโลมนํ้ามันบาง ๆ ตามชิ้นสวนทเี่ ปน เหลก็ เพือ่ ปองกนั 1.9.2 ควรเปลยี่ นถายนาํ้ มนั หลอเยน็ ทกุ สปั ดาห 1.9.3 หมน่ั ตรวจสภาพชน้ิ สวนของเครอ่ื งเลื่อยกลแบบชักและหยอดนํา้ มนั ตามจุดตาง ๆ ท่ีมกี าร เคลื่อนที่ของ ชิน้ สว นเหลาน้ัน
แบบฝกหัดหนวยที่ 1 เคร่อื งเลื่อยกลและงานเลอื่ ยกล คาํ ส่งั จงตอบคาํ ถามตอ ไปนี้ 1.จงบอกชื่อและหนาทีข่ องเครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั ตามหมายเลขทกี่ ําหนดใหต อไปน้ี ( 5 คะแนน ) ชอื่ หนา ท่ี หมายเลข 1 .................................................................. ................................................................ หมายเลขที่ 2 ................................................................ ............................................................... หมายเลขที่ 3 ................................................................ ............................................................... หมายเลขท่ี 4 ................................................................ ............................................................... หมายเลขที่ 5 ................................................................ ............................................................... 2.จุดมุง หมายในการเลื่อยคืออะไร ( 2 คะแนน) .................................................................................................................................................... 3.เครือ่ งเลื่อยกลทใี่ ชในงานอุตสาหกรรมจาํ แนกออกไดเปน กี่ชนดิ และมีอะไรบาง ( 4 คะแนน) .................................................................................................................................................... 4.จงอธิบายวิธีการกําหนดความหยาบละเอียดของฟน เลือ่ ย (2 คะแนน) ...................................................................................................................................................
5.จงบอกชื่อและหนา ท่ีของมุมฟน เลื่อยทกี่ ําหนดใหตอไปน้ี (4คะแนน) ................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................
แบบทดสอบหลังเรยี นหนว ยท่ี 1 เครือ่ งเลื่อยกลและงานเลอื่ ยกล คาํ สัง่ :จงเลอื กคําตอบท่ถี ูกตองทีส่ ุด 1. ขอ ใดคือลักษณะของงานเลอ่ื ย ก. การขดุ ชิ้นงานใหขาดจากกัน ข. การถากผวิ ชน้ิ งานใหราบเรียบ ค. การปรบั ผวิ งานใหราบเรียบ ง. ตดั แบงแยกชิ้นงาน 2. วัตถปุ ระสงคของการจัดฟน ใบเล่ือยคอื ขอ ใด ก. ลดแรงเสยี ดทานขณะเล่ือย ข. ความสวยงาม ค. ลดการสึกหรอของใบเลอ่ื ย ง. ทําใหฟนเลอ่ื ยแข็งแรงมากขน้ึ 3 ขนาดความยาวของใบเลื่อยมวี ิธีการตรวจสอบอยา งไร ก. วัดจากจุดศูนยกลางใบเล่อื ยดา นหนงึ่ ถงึ อกี ดานหนึ่ง ข. วดั จากปลายสดุ ของใบเลื่อยดานหนึ่งไปยงั ใบเลอื่ ยในดานตรงกนั ขา ม ค. วดั จากฟนเล่ือยฟน แรกถงึ ฟน เลื่อยฟน สุดทา ย ง. วัดระหวางปลายใบเลือ่ ยท้ังสองดาน 4. ความหยาบละเอียดของฟนเล่ือยมวี ิธีกําหนดอยางไร ก. จาํ นวนฟน เลื่อยตอความยาวใบเลือ่ ย ข. จํานวนฟน เลื่อยตอความยาวหน่ึงน้วิ ค. จาํ นวนฟน เลอื่ ยตอ ขนาดใบเลอ่ื ย ง. จํานวนฟน เลือ่ ยตอ ความกวางของใบเลอื่ ย
5. งานเคร่ืองมือกลเบ้ืองตน เครื่องเลอ่ื ยกลชนดิ ใดท่ีนยิ มใชต ามโรงงานทั่วไป ก.เครื่องเลื่อยกลแบบชัก ข.เครือ่ งเลื่อยกลแบบสายพานนอน ค.เคร่ืองเล่ือยกลแบบสายพานตัง้ ง. เครอ่ื งเลื่อยกลแบบวงเดือน 6. การตดั ช้นิ งานดวยเคร่อื งเล่ือยกลแบบชกั ควรใชเคร่ืองมือวัดชนดิ ใด ก. เวอรเนยี รคาลปิ เปอร ข. บรรทัดเหลก็ ค. ไมโครมิเตอร ง. ตลับเมตร 7. เครอื่ งเลอ่ื ยกลทใ่ี ชระบบปอนตัดแบบไฮดรอลิก ใชช ิ้นสว นใดเปนตัวปอนตัด ก. น้ํามนั ข.เฟอง ค. ลม ง.โครงเลื่อย 8. สว นประกอบใดของเคร่อื งเล่ือยกลแบบซักท่ีใชจ ับยดึ ใบเลอ่ื ย ก. การตัดช้ินงานตอ เน่ือง ข.ปากกาจับช้ินงาน ค.แขนต้ังระยะการตดั ง.โครงเล่ือย 9. ขอ ใดคอื ลักษณะการทํางานของเคร่ืองเล่ือยกลแบบชัก ก. การตัดชน้ิ งานตอ เน่อื ง ข. เล่ือยช้ินงาน 2 จังหวะ ค. จังหวะเล่อื ยชิน้ งานเปนวงกลม ง. เลื่อยชน้ิ งานจังหวะเดยี ว
10. สวนใดของเครอ่ื งเลื่อยกลแบบชักที่รบั นา้ํ หนกั ทัง้ หมดของเครอื่ ง ก. โครงเลอื่ ย ข. แขนต้ังระยะการตดั ค. ฐานเครอ่ื ง ง. ปากกาจบั ช้ินงาน 11. ฐานเครือ่ งเลือ่ ยกลแบบชกั ทาํ จากวสั ดใุ ด ก. อะลูมเิ นยี ม ข.เหล็กกลาผสม ค.เหลก็ เหนียว ง.เหล็กหลอ 12. เพราะเหตใุ ดจึงตองยกใบเล่ือยใหห างจากช้นิ งานประมาณ 25 มม. กอนเปดสวิตชเ ครอ่ื งทํางาน ก. เพือ่ ใหเครื่องเดินฟรี ข. เพ่อื ใหมชี อ งวางในการปรับปอ นช้ินงาน ค. เพอื่ ปองกันการกระแทกของใบเลื่อย ง. เพ่อื เปดนํ้าหลอเย็น 13. การเลื่อยชิ้นงานท่มี ีความยาวเทา ๆ กันหลายชิน้ ควรใชอ ุปกรณข อใดชวยในการเลือ่ ยชน้ิ งาน ก. ฐานเครอ่ื ง ข. แขนตง้ั ระยะ ค. ปากกาจบั ชิน้ งาน ง. โครงเลอื่ ย 14.ชน้ิ สวนใดของเครอ่ื งเล่อื ยกลแบบชักทสี่ ามารถปรับเอยี งเปนมุมได ก. แขนตงั้ ระยะการตัด ข. ฐานเคร่ือง ค. ปากกาจบั ช้ินงาน ง. โครงเลือ่ ย
15. ชนิ้ สวนใดของเครอื่ งเลื่อยชกั ท่ใี ชเปนตน กาํ ลงั ก. โครงเล่ือย ข. แขนตัง้ ระยะ ค. มอเตอร ง. ฐานเครอ่ื ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: