Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore SMTE physics Abstract 2562

SMTE physics Abstract 2562

Published by 542_3D, 2019-08-06 11:24:52

Description: SMTE physics Abstract 2562

Keywords: SMTE physics

Search

Read the Text Version

หนา 44 ประตูบานเลอ่ื นปิดอตั โนมตั สิ ญุ ญากาศ เจตนพิ ทั ธ์ ไชยเขยี ว1, รวีวฒั น์ ฉลาดแยม้ 1, วิชุดา ทาตา1, นิเวศน์ ชารี2 และวัชระ ลแี วง3 1นักเรยี นโรงเรยี นหนองบัวพิทยาคาร, E-mail:[email protected] 2โรงเรียนหนองบวั พิทยาคาร บทคัดยอ่ โครงงานเรอ่ื งประตูบานเล่ือนปิดอตั โนมตั สิ ญุ ญากาศ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อสรา้ งประตูท่ีแกป้ ัญหากรณีท่ผี ้คู นเมื่อเลื่อน แล้วไมเ่ ลอื่ นกลับคนื โดยใช้หลักการทางฟสิ กิ ส์ จากหลกั การของความดันอากาศ และนามาประยุกต์กับส่ิงประดิษฐ์เพอ่ื สร้าง ประตูบานเล่อื นใหม้ ีขนาดเป็นแบบจาลองตามแนวคิดของขณะผูจ้ ัดทา เหมาะสาหรับการใชง้ านกบั ประตูบานเลือ่ นโดยทัว่ ไป เน่อื งจากการทางานของท่อ PVC กับเหลก็ เส้นเป็นตวั เชื่อมระหวา่ งประตูเลื่อนกับท่อ PVC ท่ีเปน็ กลไกในการเลื่อนประตูกลับ โดยอัตโนมัติ ซึ่งหลักการทางานภายในท่อ PVC ถูกสร้างทาให้เกิดเป็นสุญญากาศ ซึ่งส่งผลให้เมอ่ื ผู้ทดลองออกแรงดึงประตู เลื่อนแล้วน้ัน การทางานภายในท่อ PVC จะทางานโดยท่ีสร้างสุญญากาศภายในท่อ PVC ขึ้นมา โดยจากการประดิษฐ์และ นาไปใชพ้ บว่าตวั ประตเู ล่ือนและท่อ PVC น้นั มีความสัมพนั ธ์กัน ซึ่งขณะทีผ่ ู้ทดลองออกแรงเลอ่ื นประตูน้ันกลไกจะเร่มิ ทางาน โดยท่เี หลก็ เสน้ ทต่ี ดิ กบั ประตูเลอื่ นดา้ นหลงั นน้ั จะถูกเลื่อนไปในทศิ ทางเดยี วกบั ประตูเลื่อนจากนั้นเหล็กเสน้ จะถูกยดึ ติดกบั ท่อ PVC ซ่ึงท่อPVC มีขนาดความกว้าง 35 ซม. ความยาว 112 ซม.และท่อ 0.5 นิ้วที่อยู่ภายในท่อ PVC 1 น้ิว ซึ่งหลังจากที่ถูก เลื่อนออกไปแล้วจะเกิดสุญญากาศขึ้นมาจากนั้นจะทาให้ประตูเล่ือนกลับไปโดยโครงการของประตูเลื่อนปิดอัตโนมัติน้ัน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเปน็ โครงสรา้ งไม้ทม่ี ีขนาดความกว้าง 17 ซม. ความสูง 77 ซม. ความยาว 125 ซม. และฐาน มี ความกว้าง 37 ซม. และความยาว 125 ซม. ส่วนท่ี 2 คือส่วนของท่อตามทีไ่ ด้กล่าวมาซึ่งจากการประเมนิ ความพึงพอใจของ ผู้ใช้งาน พบวา่ มคี วามพึงพอใจในระดบั ดี คดิ เปน็ ร้อยละ 71.2 คาสาคัญ: สญุ ญากาศ, ประตูเลือ่ น, ทอ่ PVC

หนา 45 เรอื่ ง ประตูบานเลอื่ นปดิ อตั โนมตั ิ โดย 1.นายเจตนิพทั ธ์ ไชยเขยี ว 2.นายรววี ัฒน์ ฉลาดแย้ม 3.นางสาววชิ ดุ า ทาตา โรงเรยี น หนองบัวพิทยาคาร ท่ีอยู่ 273/1 หมู่ 10 ตาบล ลาภู อาเภอ เมอื ง จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39000 ระยะเวลาในการทาโครงงาน วนั ที่ 14 พฤศจิกายน 2561 – วันท่ี 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 บทคดั ย่อ โครงงานเรื่องประตูบานเลอ่ื นปดิ อตั โนมตั สิ ุญญากาศ มีวตั ถุประสงค์เพื่อสร้างประตทู ่ีแกป้ ญั หากรณที ผี่ คู้ นเมอ่ื เลอื่ น แล้วไมเ่ ลื่อนกลบั คนื โดยใชห้ ลกั การทางฟสิ กิ ส์ จากหลกั การของความดนั อากาศ และนามาประยุกต์กบั สง่ิ ประดิษฐเ์ พือ่ สรา้ ง ประตูบานเลอื่ นให้มีขนาดเป็นแบบจาลองตามแนวคดิ ของขณะผู้จัดทา เหมาะสาหรับการใช้งานกบั ประตบู านเลอื่ นโดยทวั่ ไป เนือ่ งจากการทางานของทอ่ PVC กับเหลก็ เสน้ เปน็ ตวั เชือ่ มระหวา่ งประตเู ล่อื นกบั ท่อ PVC ที่เปน็ กลไกในการเลื่อนประตูกลับ โดยอตั โนมตั ิ ซ่ึงหลกั การทางานภายในทอ่ PVC ถูกสร้างทาใหเ้ กดิ เปน็ สญุ ญากาศ ซึง่ สง่ ผลให้เมอื่ ผทู้ ดลองออกแรงดึงประตู เล่ือนแล้วน้นั การทางานภายในทอ่ PVC จะทางานโดยทส่ี รา้ งสุญญากาศภายในท่อ PVC ขึ้นมา โดยจากการประดษิ ฐ์และ นาไปใช้พบว่าตัวประตเู ลื่อนและทอ่ PVC นน้ั มคี วามสัมพันธ์กนั ซ่ึงขณะท่ผี ู้ทดลองออกแรงเลอ่ื นประตนู ั้นกลไกจะเรม่ิ ทางาน โดยที่เหล็กเส้นทต่ี ิดกบั ประตเู ลอื่ นดา้ นหลงั นน้ั จะถกู เล่ือนไปในทศิ ทางเดียวกับประตูเลอื่ นจากนัน้ เหลก็ เส้นจะถูกยดึ ตดิ กับทอ่ PVC ซง่ึ ท่อ PVC มีขนาดความกวา้ ง 35 ซม. ความยาว 112 ซม.และทอ่ 0.5 นวิ้ ทอ่ี ยู่ภายในทอ่ PVC 1 น้วิ ซึง่ หลงั จากทถี่ กู เล่อื นออกไปแลว้ จะเกดิ สญุ ญากาศขนึ้ มาจากนน้ั จะทาใหป้ ระตเู ลอ่ื นกลบั ไปโดยโครงการของประตเู ลอื่ นปดิ อตั โนมตั ินนั้ แบง่ เปน็ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นโครงสร้างไมท้ ม่ี ขี นาดความกวา้ ง 17 ซม. ความสงู 77 ซม. ความยาว 125 ซม. และฐาน มี ความกว้าง 37 ซม. และความยาว 125 ซม. สว่ นท่ี 2 คอื สว่ นของท่อตามที่ได้กล่าวมาซึง่ จากการประเมนิ ความพึงพอใจของ ผ้ใู ชง้ าน พบว่ามคี วามพึงพอใจในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 71.2 คาสาคัญ: สญุ ญากาศ, ประตูเล่อื น, ทอ่ PVC

หนา 46 เคร่ืองยนตส์ เตอรล์ ิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า รชตวรรณ ทินบุตร1 , ธิติวรรณ วณั ฏส์ ุรกานต1์ , ศิริบูรณ์ กวีมูล1 คุณครปู ระจกั ษ์ วเิ ชยี รศร2ี , คณุ ครเู ดชนรสงิ ห์ รตั นพล2 , คณุ ครคู มสนั ต์ อดุ มศกั ด2ิ์ 1นกั เรียนโรงเรียนรอ้ ยเอด็ วทิ ยาลยั , Email: [email protected] โรงเรยี นรอ้ ยเอด็ วทิ ยาลยั บทคดั ย่อ เคร่ืองยนต์สเตอร์ลิงเป็นเคร่อื งยนต์ความร้อนระบบปิด 2 จงั หวะ ซ่ึงใช้ความร้อนจากภายนอก และใชก้ ๊าซเป็นสารในการทาให้เคร่อื งยนต์สามารถทางานได้ คณะผูจ้ ดั ทาจงึ มแี นวคดิ ท่จี ะนาหลกั การของ เคร่อื งยนตส์ เตอรล์ งิ มาใชใ้ นการออกแบบเคร่อื งยนตเ์ พ่อื ผลติ กระแสไฟฟ้า โดยวดั แรงดนั ไฟฟ้า ดว้ ยโวลตม์ เิ ตอร์ และทาการทดสอบว่าเครอ่ื งยนต์สเตอรล์ งิ สามารถจดั เกบ็ กระแสไฟฟ้า และนาไปใชป้ ระโยชน์ ได้ จากนนั้ จงึ ทาการทดลอง โดยต่อเคร่อื งยนตส์ เตอรล์ งิ เขา้ กบั ไดนาโมหรอื เครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้า และเครอ่ื งชารจ์ แบตเตอร่ี ซ่งึ จะใช้โวลต์มเิ ตอรใ์ นการวดั ความต่างศกั ยห์ รือแรงดนั ไฟฟ้าในแบตเตอร่ี โดยใหค้ วามร้อนกบั เครอ่ื งยนต์ และใชต้ ะเกยี งแอลกอฮอลเ์ ป็นเชอ้ื เพลงิ จากนนั้ จงึ ทาการบนั ทกึ ผล จากการทดลอง เม่อื ประยกุ ตแ์ บบจาลองเคร่อื งยนตส์ เตอรล์ งิ โดยการต่อกบั ไดนาโมหรอื เคร่อื งกาเนิด ไฟฟ้า เคร่ืองยนต์จะสามารถทางานได้ และเม่ือทาการทดลองเพ่อื ทดสอบว่าเคร่ืองยนต์สามารถจดั เกบ็ แรงดนั ไฟฟ้าและนาไปใชง้ านไดโ้ ดยการเปรยี บเทยี บปรมิ าตรของแอลกอฮอลท์ ใ่ี ชก้ บั แรงดนั ไฟฟ้าทว่ี ดั ได้ จะ สามารถบนั ทกึ ผลได้ ดงั น้ี เมอ่ื ใชแ้ อลกอฮอลใ์ นปรมิ าตร 4 มลิ ลลิ ติ ร จะวดั แรงดนั ไฟฟ้าไดป้ ระมาณ 0.18 โวลต์ เม่อื ใชแ้ อลกอฮอลใ์ นปรมิ าตร 6 มลิ ลลิ ติ ร จะวดั แรงดนั ไฟฟ้าไดป้ ระมาณ 0.5 โวลต์ และเม่อื ใชแ้ อลกอฮอลใ์ น ปรมิ าตร 8 มลิ ลลิ ติ ร จะวดั แรงดนั ไฟฟ้าไดป้ ระมาณ 0.62 โวลต์ จากการสงั เกตพบว่าปรมิ าตรแอลกอฮอลท์ ่ี มากขน้ึ มผี ลทาใหค้ ่าแรงดนั ไฟฟ้าทเ่ี ครอ่ื งยนตผ์ ลติ ไดม้ ากมคี า่ มากขน้ึ ดว้ ย ดงั นนั้ สามารถสรปุ ไดว้ า่ เครอ่ื งยนต์ สเตอรล์ งิ สามารถผลติ กระแสไฟฟ้าและนากระแสไฟฟ้าทไ่ี ดม้ าจดั เกบ็ แลว้ นาไปใชป้ ระโยชน์ได้ คาสาคญั : เครอ่ื งยนตส์ เตอรล์ งิ , เคร่อื งยนตค์ วามรอ้ นระบบปิด 2 จงั หวะ

หนา 47

หนา 48 เครอ่ื งมอื อิเลก็ ทรอนกิ สว0 ดั คา4 ความชืน้ ในดนิ ชนาธปิ เขตอนนนั ต10 , หทยั ชนก พงษ0นมุ4 กุล1 , อารยี า สุทธศร1ี สายวสันต( วาร2ี 1นกั เรยี นโรงเรยี นกาฬสินธ0ุพิทยาสรรพ,0 E-mail: @kalasinpit.ac.th 2โรงเรยี นกาฬสนิ ธพ0ุ ทิ ยาสรรพ0 บทคัดย4อ บ/านทุกบ/านเราเชื่อว8าบ/านเหล8านั้นล/วนมีสนามหญ/า สวน หรือกระถางต/นไม/ที่ต/องรดน้ำเปEนประจำ ดังนั้นการสร/าง สิ่งประดิษฐ(ที่ช8วยในการลดแรง ลดเวลาในการรดน้ำให/พืชและสวนย8อมเปEนผลดีกับตัวเรา การใช/น้ำเพื่อการเกษตรคิดเปEน ร/อยละ 90 ของปริมาณความต/องการการใช/น้ำทั้งหมด (กรมชลประทาน ,2546) เนื่องจากการใช/น้ำในชีวิตประจำวันที่เกิน จำเปEน เช8น การรดน้ำในดินที่เปYยกแล/วหลายๆรอบ จึงทำให/ผู/จัดทำ ทำโครงงานนี้ขึ้นมา คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส(ตรวจ ค8าความชื้นในดิน เพื่อการอนุรักษ(น้ำ โดยการสร/างวงจรตรวจจับความชื้นในดิน ซึ่งมี 2 ส8วน ส8วนแรกคือส8วนที่ใส8เข/าไปในดิน และส8วนที่สองคือหลอดไฟ LED ขนาดเล็กที่จะส8องสว8างเมื่อดินนั้นแห/ง หากไฟ LED ดับแสดงว8าดินนั้นเปYยกอยู8แล/ว และเรา จะใช/หัววัดความเข/มแสงเมื่อไฟ LED ติด จะส8งสัญญาณให/กระแสไฟฟdาทำงานและทำให/น้ำไหลไปยังกระถางต/นไม/เมื่อไฟ LED ดับ กระแสไฟฟdาจะไม8ทำงานและทำให/น้ำหยุดไหล ดังนั้นการสร/างสิ่งประดิษฐ(ที่ใช/ควมคุมการเปeดปeดของน้ำจะช8วยลด แรง ลดเวลาในการรดนำ้ ใหพ/ ืชของเราได/ คำสำคญั : คา8 ความชน้ื

หนา 49 เคร่ืองปัดหยากไยอ่ ตั โนมตั ิ ธัญชนก ทองชัย1, ปารยี า เตโชจิตร1, วรญั ญา แก้วบุตรดา1 บุษกร เสโนฤทธ์ิ2 และ วฑิ รู ย์ พลแสน2 1นกั เรียนโรงเรยี นเตรียมอดุ มศกึ ษา ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ, E-mail : [email protected] 2ครูโรงเรยี นเตรียมอดุ มศึกษา ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ บทคดั ย่อ เนอื่ งดว้ ยปัจจุบนั แมงมุมทอี่ าศัยอยใู่ นบ้านเรือนมีจานวนเพม่ิ มากข้ึน ทาใหห้ ยากไย่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นตามไปดว้ ย หยากไยส่ ามารถพบได้ทุกๆที่ของบรเิ วณบา้ นเรือนหรือส่ิงก่อสร้างต่างๆ การทาความสะอาดหยากไย่เปน็ เร่ืองท่ียุง่ ยากใน การใช้อปุ กรณ์ทาความสะอาด ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานและไม้กวาดหยากไยใ่ นปัจจุบันต้องใชแ้ รงคนในการปดั กวาด ทาความสะอาด ดังนนั้ โครงงานนี้จึงมีวตั ถุประสงค์ 1)เพอ่ื สร้างเครอ่ื งปดั หยากไยอ่ ตั โนมตั ิและศกึ ษาวงจรการทางานของ เครื่องปัดหยากไยอ่ ตั โนมัติ 2)ศกึ ษาหาประสิทธิภาพของเคร่ืองปดั หยากไย่อัตโนมตั ิ โดยมีการสรา้ งเคร่ืองปัดหยากไย่ให้มี การหมุนอัตโนมัติ มีการชาร์ตแบตเตอร่ใี นการใช้งาน และศกึ ษาหาประสิทธิภาพของเคร่ืองปดั หยากไย่อัตโนมตั ิ โดยมี การวัดความต่างศักยแ์ ละจบั เวลาการใช้งานเป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ ทัง้ หมด 5 ครั้ง ครง้ั ละ 7 รอบ ในห้องเรยี น โรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พน้ื ท่ีขนาดห้องละ 27.36 ตารางเมตร จานวน 35 ห้อง ผลท่ีได้จากการทดสอบ พบว่า คร้งั ที่ 1 ใชเ้ วลาในการทางานเฉล่ีย 3.28 นาที มคี วามต่างศักยเ์ ฉล่ีย 11.10 โวลต์ ครง้ั ท่ี 2 ใช้เวลาในการทางานเฉลยี่ 3.05 นาที มคี วามต่างศกั ยเ์ ฉลย่ี 11.61 โวลต์ คร้งั ท่ี 3 ใช้เวลาในการทางานเฉลีย่ 2.56 นาที มีความตา่ งศักย์เฉลี่ย 11.36 โวลต์ ครัง้ ที่ 4 ใช้เวลาในการทางานเฉลี่ย 3.13 นาที มคี วามต่างศักยเ์ ฉลยี่ 11.56 โวลต์ คร้งั ท่ี 5 ใช้เวลาในการทางานเฉล่ยี 3.17 นาที มีความต่างศกั ยเ์ ฉลีย่ 10.71 โวลต์ ดงั นั้นการทางานของเครือ่ งปัดหยากไย่อัตโนมตั ิ ในหอ้ งเรยี นโรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษา ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ พื้นที่ขนาดหอ้ งละ 27.36 ตารางเมตร จานวน 35 ห้อง ทั้งหมด 5 ครงั้ ครง้ั ละ 7 รอบ ใช้เวลาในการทางานเฉล่ยี ท้ังหมด 3.12 นาที และมีความต่างศักยเ์ ฉลยี่ ทั้งหมด 11.27 โวลต์ สรุปได้ว่าเครือ่ งปัดหยากไย่อตั โนมตั ิทีส่ รา้ งขึ้น สามารถใชง้ านได้จริง ทาใหก้ ารทาความสะอาดรวดเร็วขึ้นและสามารถช่วย ผ่อนแรงคนได้ คาสาคัญ : เครอ่ื งปัดหยากไยอ่ ัตโนมัต,ิ ประสิทธิภาพของเครือ่ งปัดหยากไยอ่ ัตโนมัติ

หนา 50 ชอ่ื โครงงาน : เคร่อื งปั๊มออกซเิ จนตปู้ ลาประหยัดพลงั งาน สาขาวิชา : ฟิสิกส์ ผ้จู ดั ทาโครงงาน : นายจิรภทั ร เวชสกล นายญาณวรุตม์ แสนแกว้ นายรัฐศาสตร์ เรอื นพิศ โรงเรยี น : แกน่ นครวทิ ยาลัย อาจารยท์ ี่ปรึกษา : นายอนสุ ิษฐ์ เกอ้ื กูล บทคัดยอ่ โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคร่อื งป๊ัมออกซิเจนตปู้ ลาประหยัดพลังงาน มวี ัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ประดษิ ฐ์ เครื่องป๊ัมออกซิเจนตู้ปลาทส่ี ามารถชว่ ยประหยดั พลังงานได้และยงั มปี ระสทิ ธิภาพใกลเ้ คียงกบั เคร่ืองปั๊ม ออกซเิ จนตู้ปลาท่จี าหน่ายอยู่ทัว่ ไป ในปจั จุบนั ผคู้ นมีการเล้ียงปลากันอย่างแพรห่ ลาย ท้ังเพ่ือความสวยงามและเป็นการประดับบ้านใหม้ ี ชีวิตชีวา โดยสว่ นมากการเลี้ยงในบ้านน้ันจะเลี้ยงในตปู้ ลา ซ่ึงในการเลีย้ งปลาในต้ปู ลานนั้ ตอ้ งใชอ้ ุปกรณเ์ สริม อีกมากมาย และหน่ึงในอุปกรณท์ ่ีจาเปน็ มากที่สุดคือปมั๊ ออกซเิ จนตู้ปลา เพื่อใชใ้ นการเตมิ อากาศลงไปในน้า เพื่อท่ีจะทามีออกซิเจนละลายอยู่ในน้าสงู สง่ ผลใหป้ ลาทเ่ี ลี้ยงมสี ภุ ภาพแภงงแรง สดชื่น ไมอ่ ดึ อัด แต่เครื่องปมั๊ ออกซเิ จนนนั้ โดยทว่ั ไปต้องใช้พลังงานไฟฟา้ ไฟฟ้าในการใชง้ าน ทาให้เป็นการส้ินเปลืองพลังงาน และหากอยู่ ในช่วงทไี่ มม่ ีไฟฟา้ เครื่องป๊ัมจะไม่สามารถทางานได้ จึงจะส่งผลไมด่ ีต่อปลาท่ีเลีย้ ง

หนา 51 ชื่อสง่ิ ประดิษฐ์ เมาไม่ให้ขับ โครงงานสาขา ฟสิ กิ ส์ ช่อื นักเรยี น นาย ปรุ เชษฐ์ ตรกี ลุ หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห้ นาย อิศเรศ แพงหอมหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห นาย ศราวธุ คอแกว้ อาจารยท์ ่ปี รึกษา คุณครู สหสั ชัย ถมยา บทคัดยอ่ ประเทศไทยข้ึนช่ือวา่ มีจานวนอบุ ัตเิ หตุมากเปน็ อันดบั ตน้ ๆของโลก โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตทุ ่ีพบ มากเป็นอนั ดบั ต้นๆ กค็ ือ อบุ ัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ รองลงมาคืออุบัติเหตทุ างรถยนต์ทีเ่ กดิ จากการเมาแลว้ ขบั ซง่ึ หากเรานาแก้ปญั หาที่ต้นเหตุน้ไี ด้ก็จะช่วยลดการสูญเสยี ลงได้ ดงั น้ันผจู้ ัดทาโครงงานจงึ ได้สรา้ งอุปกรณ์โดยมี วตั ถุประสงค์คอื ตรวจตรวจจับปรมิ าณแอลกอฮอล์โดยทางานรว่ มกันระหวา่ งเซ็นเซอรแ์ ละไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP8266 หากพบวา่ มปี ริมาณแอลกอฮอล์สูงเกนิ กาหนด ตวั ประมวลผลในของ ESP8266 กจ็ ะทาการสัง่ ตัด วงจรไฟฟ้าของรถยนต์ เพ่ือให้ผขู้ ับขไี่ ม่สามารถขับรถยนต์ไปได้ในขณะมนึ เมาได้1จากการทดลองเบ้ืองตน้ พบว่า อุปกรณ์ต้นแบบท่เี ราไดส้ รา้ งข้ึน สามารถทางานได้เปน็ ทีน่ ่าเชอ่ื ถอื ได้ ซึง่ หากมีการประยุกต์ไปใชใ้ นรถยนตจ์ รงิ ๆ จะทาให้ลดปญั หาการเกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ด้อย่างมีประสิทธภิ าพ

หนา 52 การศกึ ษาและเปรยี บเทียบประสทิ ธภิ าพของถ่านอัดแทง่ ที่ได้จากเครือ่ งอดั แทง่ ถ่านระบบคาน นางสาวเฉลมิ ขวัญ ภมู 2ี นายเอกวทิ ย์ ฤทธเิ์ มา้ 1, นางสาววรตั รา ผาวงค์1, นางสาวสุพรรวรนิ ทร์ อินพนิ จิ 1 นกั เรยี นโรงเรยี นแกน่ นครวิทยาลัย, E-mail [email protected], โรงเรียนแกน่ นครวิทยาลยั บทคดั ยอ่ การทดสอบประสทิ ธิของถา่ นอัดแทง่ ทไ่ี ด้จากเครอื่ งอัดแทง่ ถา่ นระบบคาน มวี ตั ถุประสงคเ์ พื่อ 1) เพื่อออกแบบและผลิตเคร่ืองอดั แท่งถ่านระบบคาน และ 2) เพ่อื ศกึ ษาและเปรยี บเทียบคุณสมบตั ทิ างกายภาพและความหนาแนน่ ของถา่ นอดั แทง่ ทีไ่ ด้จากเคร่ือง อดั แท่งถา่ นระบบคานทมี่ ตี ัวประสานแตกตา่ งกนั คือ แป้งมนั สาปะหลัง สารCMC และกาว 3) เครอื่ งอดั แทง่ ถา่ นระบบคาน สามารถอัดถา่ นแท่งใหม้ คี วามหนาแนน่ เทียบเท่ากบั มาตรฐานของถา่ นได้โดยผลติ เคร่ืองอัดถ่านระบบคาน โดยออกแบบเคร่อื งอัด แท่งถ่านระบบคาน และผลิตเครื่องอัดแท่งถ่านดว้ ยเหล็กแผน่ แบน เหล็กเส้นแบน เหลก็ เส้นกลม และแหวนอแี ปะ เมื่อผลติ แลว้ นาไปอัดแท่งถ่านจากผงถ่านทมี่ ตี วั ประสานตา่ งกัน 3 ชนิด คือแป้งมนั สาปะหลงั สารCMC และกาวโดยใหว้ ัตถหุ นักเป็นตวั กาหนด แรง ซ่งึ มคี ่าแรงเปน็ 149.45 นิวตนั โดยผูกกบั เชือกยาว 0.28 เมตร จากน้นั นาไปศกึ ษาสมบตั ทิ างกายภาพ คอื มวลของแทง่ ถา่ นที่ ได้หลงั การอัด มวลของแทง่ ถ่านทไ่ี ด้หลังกระบวนการกาจดั ความชน้ื และความสงู ของถ่านอดั แทง่ ศึกษาสมบัตทิ างกล คอื ปริมาตร ของถา่ นอัดแทง่ และความหนาแนน่ ของถ่านอดั แท่ง ผลปรากฏวา่ เมอ่ื เรยี งลาดบั มวลของถ่านท่ีมากทสี่ ดุ คอื ถ่านอัดแทง่ ทีม่ ีตวั ประสานเปน็ กาว สารCMC และแป้งมันสาปะหลงั ตามลาดบั แตถ่ ่านอดั แท่งทีม่ ตี วั ประสานเปน็ กาว มคี วามยาวทีน่ ้อยทส่ี ดุ เนื่องจาก กาวเปน็ ตัวประสานทมี่ คี วามหนดื มากกวา่ สารCMC และแปง้ มนั สาปะหลงั ซ่งึ ส่งผลให้สามารถยึดกบั ผงถา่ นไดด้ กี ว่า และเมือ่ วดั ความหนาแน่นพบวา่ ถา่ นอดั แทง่ ทม่ี ีแป้งมนั สาปะหลังเปน็ ตวั ประสานมคี วามหนาแน่น 1.11 กรมั ตอ่ ลูกบาศก์ เซนตเิ มตร มากกว่าถา่ นอดั แท่งที่มีตวั ประสานเป็นสารCMC มคี า่ ความหนาแนน่ 0.98 กรัมตอ่ ลูกบาศก์เซนติเมตร และถา่ นอัดแทง่ ทมี่ ตี ัวประสานเปน็ กาวมคี วามหนาแน่น 0.73 กรัมตอ่ ลกู บาศก์เมตร ตามลาดับ ซึ่งถ่านอดั แท่งที่มีตัวประสานตา่ งกนั 3 ชนดิ เม่อื นามาวัดคา่ ความหนาแน่นมคี า่ เทยี บเท่ากบั คา่ ความหนาแนน่ มาตรฐานของถา่ น ซึง่ มคี ่าอยู่ที่ 0.9 กรัมตอ่ ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร จึง สรุปผลการทดลองได้วา่ เครื่องอัดแทง่ ถ่านระบบคานสามารถอดั ผงถา่ นให้เป็นถ่านอดั แท่งที่มคี วามหนาแน่นเทียบเท่ากบั ความ หนาแน่นมาตรฐานของถา่ นได้ คาสาคัญ : เครือ่ งอดั ถา่ นแทง่ , ถ่านอัดแท่ง, ความหนาแนน่ , แป้งมนั สาปะหลัง, สารCMC, กาว

หนา 53 เครอื่ งเขยา่ สารอยา่ งง่าย Simple Mechanical Shaker ปุณยภา รา่ เริงยง่ิ 1 , เมธนิ ี ครฑุ ราช1 , ณฎั ฐณชิ า จาปาหอม1 ภาสกร กล่ินมาลี2 , กชพร กลน่ิ มาลี2 1นกั เรียนโรงเรยี นสตรีราชินูทศิ , Email : [email protected] 2 โรงเรยี นสตรีราชนิ ูทศิ บทคัดยอ่ โครงงานเร่ืองเครื่องเขย่าสารอยา่ งง่าย มีวตั ถุประสงค์เพื่อออกแบบและประดษิ ฐเ์ ครื่องเขยา่ สาร อย่างงา่ ย และศึกษาประสทิ ธภิ าพของเครื่องเขยา่ สารอยา่ งง่าย ซง่ึ ประดิษฐข์ ึน้ จากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ โดยใช้กับไฟฟา้ ขนาด 220 โวลต์ มีวงจรควบคุมความเรว็ ทาใหส้ ามารถปรบั ความเร็วใหเ้ หมาะสม กับการทดลองตามคุณสมบตั ิของสารเคมีแต่ละชนิดได้ โดยทาการทดลองเขยา่ สารละลายยา Amoxicillin ใชป้ รมิ าณทเ่ี ทา่ กนั ในเวลาทตี่ ่างกัน และปริมาณท่ตี ่างกันในเวลาท่ีเท่ากนั ด้วยเครอื่ งเขย่าสารอย่างง่าย เปรียบเทียบกับการเขย่าด้วยมือ และวัดความสูงของตะกอนทเ่ี หลืออยู่ จากผลการทดลอง พบว่าเครื่องเขย่า สารอย่างง่ายสามารถทาให้สารละลายได้ดี โดยมคี วามสูงของตะกอนนอ้ ยกว่าการใช้มือ และเมอื่ ตรวจสอบ ความพึงพอใจของตวั อย่างผใู้ ช้ พบวา่ มีความพงึ พอใจในระดับมาก คา่ เฉลยี่ รวมเท่ากับ 4.02 จึงสรุปว่า เคร่ืองเขยา่ สารอย่างง่ายมปี ระสทิ ธภิ าพใช้งานได้จรงิ เทยี บกับเครอ่ื งเขย่าสารทมี่ ีใน ปจั จุบนั อีกทั้งยงั สามารถนามาประยุกต์ใชง้ านได้หลายดา้ น และมตี ้นทนุ การผลติ ท่ีต่ากวา่ ช่วยให้ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย คาสาคัญ : เครื่องเขยา่ สารอย่างงา่ ย

หนา 54 การพฒั นาชดุ ทดลองคลน่ื นิง่ บนเส้นเชือกโดยใชแ้ หลง่ กาเนดิ ความถ่จี ากลาโพงบลทู ธู และฟังก์ชนั Tone generator เกศรนิ ทร์ ตปุ นั นา1, ศริ ิวรรณ พนาพงษพ์ สิ ทุ ธ์ิ1 สนั ติ อินแสงแวง2, กวีชยั จำปำ2 และ ศศิธร มำตชัยเคน2 1นกั เรยี นโรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม, E-mail:[email protected] 2โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม บทคดั ยอ่ โครงงำนเรื่องกำรพัฒนำชุดทดลองคลื่นน่ิงบนเส้นเชือกโดยใช้แหล่งกำเนิดควำมถ่ีจำกลำโพงบลูทูธและฟังก์ชัน Tone generator มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนำชุดทดลองคล่ืนน่ิงในเส้นเชือกโดยใช้แหล่งกำเนิดควำมถ่ีจำกลำโพงบลูทูธและ ฟังก์ชัน Tone generator และศึกษำประสิทธิภำพชุดทดลองคล่ืนน่ิงในเส้นเชือกโดยใช้แหล่งกำเนิดควำมถี่จำกลำโพงบลูทูธ และฟังก์ชัน Tone generator โดยกำรหำค่ำมวลต่อควำมยำวเชือก และค่ำควำมถี่ ผลกำรศึกษำพบว่ำ ค่ำมวลต่อควำมยำว เชือกที่ได้จำกชุดทดลองมีค่ำเท่ำกับ 2.15 x 10-4 กิโลกรัมต่อเมตร และค่ำมวลต่อควำมยำวเชือกท่ีได้จำกกำรวัดโดยตรง เท่ำกับ 2.24 x 10-4 กิโลกรัมต่อเมตร มีค่ำควำมแตกต่ำงอยู่ท่ีร้อยละ 4.02 ค่ำควำมถี่ท่ีได้จำกชุดทดลองมีค่ำเท่ำกับ 57.97 เฮิรตซ์ และค่ำควำมถี่ที่ไดจ้ ำกแอปพลิเคชัน Phyphox Function เท่ำกับ 60.00 เฮิรตซ์ มีค่ำควำมแตกต่ำงอยู่ท่ีรอ้ ยละ 2.03 ค่ำควำมถ่ีที่ได้จำกชุดทดลองมีค่ำเท่ำกับ 103.99 เฮิรตซ์ และค่ำควำมถ่ีที่ได้จำกแอปพลิเคชัน Phyphox Function เท่ำกับ 100.00 เฮริ ตซ์ มีค่ำควำมแตกต่ำงอยู่ที่ร้อยละ 3.99 คาสาคญั : กำรพฒั นำชดุ ทดลองคล่ืนนง่ิ บนเสน้ เชือก

หนา 55 ไฟฟ้าสองลา ธนญั ทรณ์ภูมชิ ชู ิต1,ตุลยวตั แคนสี1,ภานุรจุ ไชยศิวามงคล1 สรุ ยิ า โพธิเ์ ปยี้ ศร2ี ชาคร จานงค์3 1นักเรยี นโรงเรยี นกาฬสนิ ธ์พุ ทิ ยาสรรพ์,E-mail:[email protected] 2โรงเรยี นกาฬสนิ ธพุ์ ทิ ยาสรรพ์ บทคดั ยอ่ ในชวี ิตประจาวันของเรามีการใชไ้ ฟฟ้าอย่างสิ้นเปลือง ความตอ้ งการพลงั ไฟฟ้าสงู สดุ ของระบบเดือนพฤษภาคม เกิดขึน้ เมอ่ื วนั ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.27 น.มคี า่ เท่ากบั 30,853.20 เมกะวตั ต์ เพิม่ ข้ึนจากเดือนท่ผี ่านมา 733.00 เมกะวตั ต์ หรือ เพ่ิมขึน้ รอ้ ยละ 2.43 (การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแหง่ ประเทศไทย. 2562. ความต้องการพลังไฟฟา้ สงู สุด (Online). https://www.egat.co.th, 27 มถิ นุ ายน 2562.) จึงควรมพี ลงั งานทางเลอื กหรอื พลังงานสารองเพ่ือช่วยทดแทน การใช้ไฟฟ้าให้ลดน้อยลง เราจงึ เหน็ วา่ พลังงานความรอ้ นถูกปล่อยออกมาโดยไมเ่ กดิ ประโยชน์ดงั นนั้ โครงงานนีจ้ งึ มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสร้างเครือ่ งไฟฟ้าสารอง และเพอ่ื ศกึ ษาประสทิ ธิภาพเครือ่ งไฟฟ้าสารอง ข้นั ตอนการศึกษาคือ การศกึ ษาเทอร์โมอิเล็กทรกิ ส์ โดยมีการทดสอบคุณสมบตั กิ ารให้พลงั งานของเทอร์โมอเิ ลก็ ทริกสม์ ีขน้ั ตอนวธิ ีทดลองดังนี้ นา เทอร์โมอิเล็กทริกส์ มาตดิ กับHeat sink ดว้ ยซลิ โิ คนเพอื่ ระบายความรอ้ นทาให้ความตา่ งอุณหภมู ิมากทีส่ ุดแล้วนาไปตดิ กับ แหล่งทใี่ ห้พลังงานความร้อนหรอื ความเยน็ เพือ่ ให้เกดิ ความต่างระหวา่ งอุณหภมู แิ ล้วจงึ นาไปประกอบกบั เครอื่ งใช้ไฟฟ้าหรอื เก็บไว้ใชง้ าน จากการทดลองการใช้เทอร์โมอเิ ลก็ ทริกส์จานวน 1 ตัว ต่อกับหลอดไฟทีใ่ ช้ไฟ 1.1 โวลตพ์ บวา่ ไฟสวา่ งเมื่อ อุณหภูมคิ วามร้อนเท่ากับ208องศาเซลเซยี สและอณุ หภมู ิความเย็นเทา่ กับ 20 องศาเซลเซียส ซงึ่ ให้พลงั งาน 1.2 โวลต์ จากนัน้ ทดลองการใชเ้ ทอรโ์ มอิเลก็ ทริกส์จานวน 2ตัว ตอ่ กับหลอดไฟทีใ่ ช้ไฟ 1.1 โวลต์ให้พลังงานพบวา่ ไฟสวา่ งเม่อื อณุ หภมู ิ ความร้อนเทา่ กับ104องศาเซลเซยี สและอณุ หภมู ิความเยน็ เทา่ กับ 20องศาเซลเซียส ซ่ึงให้พลงั งาน 1.4 โวลต์ดังนัน้ เมอ่ื ใช้ เทอรโ์ มอิเล็คทริกส์จานวนมากขึน้ และความต่างอุณหภูมมิ ากขน้ึ ก็จะให้พลังงานได้มากข้นึ คาสาคญั : เทอรโ์ มอเิ ลก็ ทริกส์

หนา 56 การพฒั นาอปุ กรณน์ ับเส้นดา้ ยเพื่อประยกุ ต์ใช้นับในการท้อผ้าพ้นื เมือง (The development of yarn counting equipment ) ทิพอกั ษร ไชยกวา้ ง1 , ปภาวี รักษาภักดี 1 ศภุ ากร พวงยอด2 และ สุกัญญา วราพฒุ 2 1 นักเรียนโรงเรียนสกลราชวทิ ยานกุ ูล , E – mail : [email protected] 2 โรงเรยี นสกลราชวทิ ยานกุ ูล บทคัดยอ่ ศกึ ษาการออกแบบลายเสน้ ทช่ี ว่ ยในการนบั จานวนเสน้ ดา้ ยของผ้า หาความแม่นยาของแบบนบั เส้นดา้ ยกบั ผ้าทอ ธรรมดา เชน่ ผ้าลนิ ิน และนาไปใช้กบั ผ้าทอท่ซี บั ซอ้ นขน้ึ เชน่ ผ้ายนี หรอื ผ้าออกซฟ์ อรด์ ผา้ ไหมมดั หมแี่ ละผา้ ครามสกลนคร โดยใชโ้ ปรแกรม Mathematica ออกแบบลายเสน้ ทชี่ ว่ ยในการนบั จานวนเสน้ ดา้ ยของผา้ มาวางบนผ้าลายถักจะเกดิ เปน็ ร้ิวซึง่ มีลกั ษณะเฉพาะเรยี กวา่ ร้วิ มวั ร์ (Moiré fringe) เพอ่ื นามาศึกษาความกวา้ งของชอ่ งลายเส้น (d) ท่ีมผี ลตอ่ ความคลาดเคลือ่ น ศึกษาความหนาของเสน้ ทม่ี ผี ลต่อความคลาดเคล่อื น และศกึ ษาการใชล้ ายเสน้ กบั ผ้าชนดิ ตา่ ง ๆ ผลการศกึ ษาพบวา่ ความกวา้ ง ของชอ่ งลายเสน้ (d) ของเครอ่ื งมอื ท่ีเหมาะสมกบั ผ้าลินิน คอื d=0.052 cm ทาให้เกดิ ความคลาดเคล่ือนนอ้ ยที่สุดเพียง 1.73 เปอรเ์ ซ็นต์ และความหนาของลายเสน้ ของเคร่ืองมอื ไม่มผี ลตอ่ ความคลาดเคลอ่ื น นอกจากนนั้ แบบนับเส้นดา้ ยลาย มัวร์น้สี ามารถใชไ้ ดด้ ีทีส่ ดุ กับผา้ ยนี มคี วามคลาดเคลื่อน 0.21 เปอร์เซน็ ต์ ผา้ ออกซฟ์ อรด์ มีเปอรเ์ ซน็ ตค์ วามคลาดเคลอื่ นสงู ท่ีสุด รองลงมา คอื ผ้าลินนิ และพบว่าผ้าไหม กับผ้าคราม มีเปอรเ์ ซน็ ตค์ วามคลาดเคลอ่ื นต่า กวา่ ผา้ ยนี ผา้ ลินนิ และผ้าออก ฟอร์ด จากผลดงั กล่าวสามารถนามาประยกุ ต์ใช้กบั ผา้ พน้ื เมืองไดแ้ ก่ ผา้ ไหมมัดหม่ีและผ้าคราม เน่ืองจากมีความคลาดเคลอ่ื น น้อยท่สี ดุ คาสาคญั : การนบั จานวนเส้นดา้ ยของผ้า , ออกแบบลายเสน้ ,ริ้วมัวร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook