มาตรฐาน ว 2.1 ป.4/1 เปรยี บเทยี บสมบัตทิ างกายภาพดา้ นความแข็งสภาพยดื หยนุ่ การนาความรอ้ น และการนาไฟฟา้ ของวสั ดุโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษจ์ ากการทดลองและระบกุ ารนาสมบัติเร่อื งความแขง็ สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใชใ้ น ชีวิตประจาวัน ผ่านกระบวนการออกแบบชน้ิ งาน
ความแขง็ ของวสั ดุ เป็นสมบัตขิ องวัสดุทีม่ ีความทนทานตอ่ แรงขูดขีด วสั ดมุ คี วาม แขง็ แรงมาก เมื่อขดู ขีดกบั วสั ดุอ่ืน จะไมเ่ กิดรอยบนวัสดุหรือเกิดรอยนอ้ ย
ความแข็งของวัสดุ วัสดแุ ต่ละชนดิ มีความแข็งแตกตา่ งกนั วสั ดชุ นิดใดที่ทนตอ่ แรงขดู ขีด เราเรยี กวสั ดนุ น้ั ว่าเป็นวัสดทุ ม่ี คี วามแข็ง โดยวสั ดทุ ี่มีความแขง็ มากกวา่ จะ ขูดวัสดุที่มีความแขง็ น้อยกวา่ ใหเ้ ป็นรอยได้ เชน่ เม่อื นาตะปขู ูดบนแผ่น พลาสตกิ พบว่ามีรอยขูดบนแผน่ พลาสติก แสดงวา่ ตะปมู ีความแข็งมากกวา่ แผ่นพลาสตกิ หรือเมอ่ื นาตะปูขูดบนไมบ้ รรทดั เหล็ก พบว่าไม่มรี อยขดู บน ไมบ้ รรทดั เหล็ก แสดงวา่ ตะปกู บั ไม้บรรทัดเหลก็ มีความแข็งไม่แตกตา่ งกัน
ความแขง็ ของวสั ดุ วตั ถุหรือสง่ิ ของท่ีทาจากวสั ดทุ ่มี สี มบตั ิทางกายภาพด้านความแขง็ เชน่ รถยนต์ โตะ๊ โลหะ กระเบอ้ื งมงุ หลังคา
สภาพยดื หยุ่นของวสั ดุ เป็นสมบตั ิของวสั ดเุ ม่ือถูกแรงกระทา เชน่ ดึง บบี กระแทก แลว้ ทาใหว้ ัสดุเปลี่ยนขนาดหรือเปลีย่ นรปู ร่างไป แต่สามารถกลบั คืนสู่ สภาพเดิมหรือใกล้เคยี งสภาพเดิมได้เมอ่ื หยดุ แรงกระทาต่อวสั ดุน้นั
สภาพยดื หย่นุ ของวัสดุ วสั ดุแต่ละชนิดมสี ภาพยืดหยนุ่ แตกต่างกัน วสั ดชุ นดิ ใดทมี่ ีการ เปล่ียนแปลงรปู ร่างเมอื่ มีแรงมากระทา และสามารถกลับคืนสู่รปู รา่ งเดมิ ได้ เมื่อ หยดุ ออกแรงกระทา เราเรียกว่า วัสดนุ ้นั มีสภาพยืดหยุ่น แตถ่ า้ วัสดชุ นดิ ใดท่ีมกี ารเปล่ยี นแปลงรูปร่างเม่อื มีแรงมากระทา แตไ่ ม่ สามารถกลบั คนื ส่รู ปู ร่างเดิมได้ เมอ่ื หยดุ ออกแรงกระทา เราเรยี กว่า วสั ดนุ ัน้ ไม่มี สภาพยืดหยุ่น
สภาพยดื หยุ่นของวัสดุ วัสดุที่มสี ภาพยืดหยุ่นจะหมดสภาพความยืดหย่นุ ได้ หากออกแรงกระทามากเกินไป ออกแรงกระทาบ่อย ๆ หรือ ออกแรงกระทาเป็นระยะเวลานาน ๆ
สภาพยดื หยุ่นของวสั ดุ วัตถุหรอื สิ่งของทที่ าจากวสั ดุที่มสี มบัตทิ างกายภาพด้านสภาพยดื หยุ่น เชน่ ลกู โป่ง ลูกบอลยาง ยางลบ สายรดั ของยางยืด หนงั ยาง สายยาง ยางรถยนต์
การนาความร้อนของวัสดุ การนาความร้อนของวสั ดุ เป็ นความสามารถในการถ่ายโอนพลงั งานความร้อนของวสั ดุจาก บริเวณด้านทมี่ อี ณุ หภูมสิ ูงไปยงั บริเวณด้านทมี่ อี ุณหภูมติ า่ กว่า เราสามารถ นาสมบัตกิ ารนาความร้อนของวสั ดุมาจาแนกวสั ดุเป็ น 2 ประเภท 1. ตัวนาความร้อน : เป็ นวสั ดุทยี่ อมให้ความร้อนไหลผ่านได้ เป็ น วสั ดุประเภทโลหะ เช่น ทองแดง อลูมเิ นียม เหลก็ 2. ฉนวนความร้อน : เป็ นวสั ดุทไ่ี ม่ยอมให้ความร้อนไหลผ่านได้ เช่น ไม้ ผ้า ยาง กระดาษ พลาสตกิ
การนาความรอ้ นของวัสดุ 1 วัสดุที่นาความร้อน เรียกว่า ตัวนาความร้อน คอื วสั ดุท่ีความร้อนนั้นผ่านไดด้ ี วสั ดุทีไ่ ม่นาความรอ้ น เรยี กวา่ ฉนวนความรอ้ น 2 คือ วสั ดทุ ค่ี วามรอ้ นนั้นผา่ นไดไ้ มด่ ีหรอื ผา่ นไม่ได้
การทดลองนาความรอ้ นของวสั ดุ
การทดลองนาความรอ้ นของวสั ดุ
การใชป้ ระโยชน์จากการนาความรอ้ นของวัสดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ เป็นสมบัติของวสั ดทุ ีพ่ ลงั งานไฟฟา้ สามารถถ่ายโอนผา่ น วสั ดุชนดิ น้นั ได้ หากใช้สมบตั กิ ารนาไฟฟ้าของวัสดเุ ปน็ เกณฑ์ จะ จาแนกวัสดเุ ป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1. ตวั นาไฟฟ้า : วัสดทุ ี่ยอมใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ 2. ฉนวนไฟฟ้า : วสั ดทุ ไ่ี มย่ อมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นได้
การใช้ประโยชนจ์ ากการนาไฟฟ้าของวสั ดุ วัสดแุ ต่ละชนิดมสี มบตั ิดา้ นการยอมให้ กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นได้ แตกต่างกนั เราสามารถ นาสมบัติทีแ่ ตกตา่ งกนั ดังกล่าวมาใชป้ ระโยชน์ ในการทาส่ิงของเคร่ืองใช้ เชน่ เตา้ เสียบ ซง่ึ ทา มาจากทั้งวัสดุทน่ี าไฟฟ้า เพอ่ื ให้สามารถนา กระแสไฟฟ้าไปยงั เครือ่ งใช้ไฟฟ้าให้สามารถ ทางานได้ และวสั ดทุ เ่ี ป็นฉนวนไฟฟ้า เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ใหไ้ ฟฟา้ ดดู
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: