1 รายงานวิจัยในช้ันเรียน เรื่อง“เจตคตทิ ี่มตี อ วินัยในตนเองดา นวินัยในหองเรียน ความขยนั อดทนทางการเรยี นและแรงจงู ใจใฝส ัมฤทธิ์ทางการเรยี น” ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที่ 5 โดย นายสุทธิเขต ขนุ เณร ปก ารศึกษา 2562 วิทยาลยั นาฏศิลปรอ ยเอ็ด สถาบนั บัณฑติ พัฒนศิลป กระทรวงวัฒนธรรม
ก ช่ือเรอ่ื ง “เจตคตทิ มี่ ีตอ วินยั ในตนเองดา นวนิ ยั ในหอ งเรียน ความขยนั อดทนทางการเรยี นและ แรงจูงใจใฝสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น” ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 ปการศกึ ษา 2562 ช่อื ผวู จิ ยั นายสทุ ธิเขต ขนุ เณร ปก ารศึกษา 2562 บทคดั ยอ การพฒั นานกั เรยี นใหเปน บคุ คลท่มี ีคุณภาพ จำเปน ตองมีการพัฒนาดา นวนิ ยั ในตนเอง ดว ย เหตุนี้ผูวิจัยจึงมคี วามสนใจทีจ่ ะศึกษา เจตคติที่มีตอวินัยในตนเองดานวินัยในหองเรยี น ความขยัน อดทนทางการเรยี นและแรงจูงใจใฝสมั ฤทธ์ิทางการเรียน
ข กิตติกรรมประกาศ รายงานวจิ ัยฉบบั นส้ี ำเรจ็ ลุลวงไดเ ปน อยา งดไี ดรบั การสนบั สนนุ จากนายศภุ รากร พานชิ กจิ ผูอำนวยการวทิ ยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด ซงึ่ ผวู ิจัยขอขอบคณุ ในความกรณุ าเปนอยา งสงู ขอขอบคุณเพ่ือนรว มงานทุก ๆ ทา นท่ีใหค วามชว ยเหลอื ใหกำลังใจแกผวู ิจัยดว ยดีตลอดมา และขอขอบคุณนกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 ที่ใหความรวมมอื ในการเปนกลุมตวั อยา ง นายสทุ ธเิ ขต ขุนเณร
สารบญั ค บทท่ี หนา กิตติกรรมประกาศ บทคดั ยอ 1 1 1 ภมู หิ ลงั 2 ความมุงหมายของการศึกษาคนควา 2 ความสำคญั ของการศกึ ษาคน ควา 2 ขอบเขตของการศกึ ษาคน ควา 4 นยิ ามศัพทเฉพาะ 4 4 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกีย่ วขอ ง 5 ความหมายของเจตคติ 6 องคประกอบของเจตคติ 7 ความหมายของวินยั 7 ประเภทของวนิ ัย 8 คุณลักษณะของผูม วี นิ ยั ในตนเอง 9 การเสริมสรา งความมวี ินยั ในตนเอง 9 ความสำคัญ คุณคา และประโยชนของความมวี ินัยในตนเอง 10 ลักษณะของบุคคลทมี่ ีวนิ ยั ในตนเอง 10 ความอดทน 11 11 บทที่ 3 วิธดี ำเนินการศกึ ษาคน ควา 11 ขนั้ ตอนการดำเนินการวจิ ัย 11 ประชากรและกลมุ ตวั อยา ง 12 เคร่ืองมอื ทใ่ี ชในการวจิ ยั 16 การเกบ็ รวบรวมขอ มูล 17 การวเิ คราะหขอ มูล 21 22 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหขอ มูล บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผลและขอ เสนอแนะ การอภปิ รายผล ขอ เสนอแนะ ขอ เสนอแนะในการทำวิจยั ครัง้ ตอไป
บทที่ 1 บทนำ ภมู ิหลัง ในสังคมท่ีมกี ารพฒั นาในทุก ๆ ดาน ทั้งในดานเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง การพฒั นาเหลา นี้ จำเปน ตอ งอาศยั ปจจัยหลาย ๆ ประการเกือ้ หนุนกัน แตป จ จัยหลกั ของการพฒั นา จำเปนตอ งอาศัย ทรพั ยากรบุคคลท่มี คี ุณภาพ ซึ่งบคุ คลทม่ี คี ณุ ภาพนนั้ จะตองมีคุณสมบตั ทิ ้ังทางดา นสมรรถภาพทาง รา งกายแข็งแรงและจติ ใจทดี่ ี มสี ติปญ ญา มีความรูความสามารถ มคี วามอดทน ขยนั ขนั แข็ง ไมยอ ทอตอ ความยากลำบาก เผชิญปญหาและอุปสรรคดว ยความมุง ม่นั คุณสมบัติเหลานี้ จำเปนตองถูก หลอ หลอมใหเ กิดขน้ึ ในตัวบุคคลในรปู ของคำวา “วินยั ในตนเอง” วินยั ในตนเองเปน วฒั นธรรมของสงั คมทที่ กุ คนตองปฏบิ ัติ เพราะจะทำใหบ ุคคลอยูรว มกนั ได ดวยความสุข วินัยในตนเองนี้เปน คุณธรรมประการหนึง่ ทที่ กุ คนควรสรางขนึ้ สำหรับบังคบั พฤตกิ รรม ของตนเอง ทำใหคนเราบรรลุจุดหมายของชีวติ ประสบความสขุ ความเจรญิ ในชีวิต จึงเปนวินยั ท่ีครู ควรสรา งสรรคใหเ กิดแกเ ดก็ ในระดับมัธยมศกึ ษา เพราะถา เด็กมีวินยั ในตนเองนน้ั จะทำใหเ ดก็ ได ควบคมุ พฤติกรรมของตนใหเ ปนไปในทางท่ีดีงามและประสบความสำเร็จในชวี ติ จงึ ตองดำเนนิ การฝก ใหเกดิ ผลอยางจริงจัง เด็กนัน้ นับวา เปน ทรพั ยากรมนษุ ยที่สำคัญทส่ี ุดของประเทศ หากไมไ ดเ ตรียม พฒั นาเด็กใหเปน ทรัพยากรที่ดแี ลว การพัฒนาประเทศอาจจะเปน ไปไดไ มเ ตม็ ท่ี จะเห็นไดว า ความมี วนิ ัยในตนเองเปนลกั ษณะท่จี ำเปนตอ งปลูกฝง ใหกบั เยาวชน เมื่อเยาวชนมีวินัยในตนเองเปน พื้นฐาน และมวี นิ ัยตอ สังคม ผลท่ีสดุ กจ็ ะวินยั ตอประเทศชาตโิ ดยสว นรวม ซง่ึ จะทำใหป ระเทศชาตกิ าวหนา มากยิง่ ขึ้น ผวู ิจัยไดเห็นความสำคญั ของจรยิ ธรรม โดยเฉพาะพฤติกรรมดานวินยั ในตนเอง โดยเหน็ วา วินัยในตนเองเปนคณุ ลักษณะในตวั บคุ คลท่ีควบคุมตนเองได ทัง้ ในดานอารมณและพฤตกิ รรม ผูทม่ี ี วนิ ยั ในตนเองจะเปนบคุ คลทีร่ ูจกั กาลเทศะ สนใจและเอาใจใสตอ สังคม เปนผทู ี่มีระเบยี บและปฏิบตั ิ ตามกฎของสงั คม จากการศกึ ษาความหมายและขอบขา ยและพฤติกรรมของความมีวนิ ยั ในตนเอง ทำใหผูวิจัย เล็งเหน็ ความสำคญั ของวินยั ในหอ งเรยี น ความขยันอดทนและแรงจงู ใจใฝส ัมฤทธ์ิ ผูวจิ ยั จึงศกึ ษาเรื่อง “เจตคติทีม่ ีตอวินยั ในตนเองดา นวนิ ัยในหอ งเรยี น ความขยันอดทนทางการเรียนและแรงจูงใจใฝ สัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 ปก ารศกึ ษา 2562 วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปรอยเอ็ด
2 ความมุงหมายของการศึกษาคน ควา 1. เพือ่ ศกึ ษาเจตคติทมี่ ีตอ วนิ ยั ในตนเองดานวินยั ในหอ งเรยี น 2. เพอื่ ศกึ ษาเจตคติท่มี ตี อวนิ ัยในตนเองดา นความขยันอดทนทางการเรยี น 3. เพือ่ ศกึ ษาเจตคติทม่ี ตี อ วนิ ัยในตนเองดา นแรงจงู ใจใฝสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ความสำคัญของการศึกษาคนควา การศกึ ษาคน ควา คร้ังนจี้ ะทำใหทราบถึงเจตคติทม่ี ีตอวินยั ในตนเองดา นวินยั ในหองเรียน ความขยนั อดทนทางการเรยี นและแรงจงู ใจใฝสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษา ปท ่ี 5 ซงึ่ จะเปนประโยชนตอครูผูสอน ครูแนะแนว ผปู กครองในการนำปจ จัยท่ีสง ผลตอ พฤติกรรม ของนกั เรียนมาสรา งเสรมิ พัฒนานักเรยี นใหเปน บุคคลทมี่ คี ุณคา มีคุณประโยชนตอ สงั คมและ ประเทศชาติสบื ไป ขอบเขตของการศกึ ษาคน ควา 1. ประชากร ในการศึกษาคนควาเปนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 วิทยาลัยนาฏศิลป รอยเอ็ด สถาบันบณั ฑิตพัฒนศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศึกษา 2562 จำนวน 90 คน 2. กลุม ตัวอยา งในการศึกษาครง้ั น้ี นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 ที่เรยี นในรายวิชา ทฤษฎี นาฏศลิ ปไ ทย 3 ศ32225 วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปรอยเอด็ สถาบันบณั ฑิตพฒั นศลิ ป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศึกษา 2562 จำนวน 43 คน 3. ตัวแปรท่ีศกึ ษา 3.1 ตัวแปรอสิ ระ คือ เจตคติท่ีม่ีตอ วินยั ในตนเองไดแก 3.1.1 วนิ ัยในตนเองดา นวินยั ในหอ งเรยี น 3.1.2 ความขยันอดทนทางการเรียน 3.1.3 แรงจูงใจใฝสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 3.2 ตัวแปรตาม คอื - พฤติกรรมดานความมีวนิ ยั ในตนเอง นิยามศัพทเฉพาะ 1. ความมวี ินยั ในตนเอง หมายถงึ การกระทำของบคุ คลในการประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ ของสงั คม และไมฝ า ฝน กฎเกณฑของสังคม 2. ความอดทน หมายถงึ ความเข็มแขง็ ความหนักแนน ของจติ ใจในการควบคุม อารมณ จติ ใจ รา งกาย ใหส ามารถเผชิญเหตกุ ารณตาง ๆ ได
3 3. แรงจูงใจใฝสัมฤทธิ์ หมายถงึ ความมงุ ม่นั ของนกั เรียนที่จะทำพฤติกรรมใดพฤติกรรมหน่งี ใหส ำเรจ็ ลุลว งดวยดี ตามมาตรฐานสงู สดุ หรือเปนไปตามทน่ี กั เรยี นวางไว โดยนกั เรียนไดใชความ พยายามอยา งเตม็ ท่ี เมื่อมอี ุปสรรคก็คดิ หาทางแกไขโดยไมย อ ทอ
4 บทท่ี 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวของ ในการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของกับเจตคติที่มีตอวินัยในตนเองดานวินัยใน หองเรียน ความขยันอดทนทางการเรียนและแรงจูงใจใฝสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปที่ 5 วิทยาลยั นาฏศลิ ปรอยเอด็ สถาบันบัณฑติ พฒั นศลิ ป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรียน ที่ 1 ปการศกึ ษา 2562 ผูว ิจยั ไดจ ดั ลำดับตามสาระดังนี้ 1 ความหมายของเจตคติ 2. องคประกอบของเจตคติ 3. ความหมายของวินัย 4. ประเภทของวนิ ัย 5. คณุ ลักษณะของผมู วี นิ ัยในตนเอง 6. การเสริมสรางความมวี นิ ัยในตนเอง 7. ความสำคญั คุณคา และประโยชนของความมีวินยั ในตนเอง 8. ลกั ษณะของบคุ คลทีม่ วี ินยั ในตนเอง 9. ความอดทน 10. ความสำคญั และความหมายของความอดทน ความหมายของเจตคติ เจตคติเปน ความรูสกึ ของบุคคลทม่ี ตี อ สงิ่ ตาง ๆ อันเปน ผลเน่อื งมาจากการเรยี นรู ประสบการณ และเปน ตวั กระตนุ ใหบ คุ คลแสดงพฤตกิ รรมหรือแนวโนม ท่ีจะตอบสนองตอ สิง่ เราน้นั ๆ ไปในทศิ ทางหน่งึ อาจเปน ไปในทางสนบั สนุนหรือคดั คานก็ได ท้ังนีข้ ึ้นอยกู ับขบวนการการอบรมให การเรยี นรูระเบียบวิธขี องสังคม ซง่ึ เจตคตินจ่ี ะแสดงออกหรอื ปรากฏใหเห็นชัดในกรณีท่ีส่ิงเรานัน้ เปน ส่ิงเราทางสังคม องคป ระกอบของเจตคติ องคป ระกอบของเจตคตมิ ี 3 ประการ ไดแ ก 1. ดานความคิด ( Cognitive Component) หมายถึง การรับรแู ละวนิ ิจฉยั ขอ มลู ตาง ๆ ทีไ่ ดร ับ แสดงออกมาในแนวคดิ ที่วา อะไรถูก อะไรผิด
5 2. ดา นความรูส ึก ( Affective Component) หมายถึง ลกั ษณะทางอารมณของบคุ คลท่ี สอดคลองกบั ความคิด เชน ถา บคุ คลมีความคดิ ในทางทีไ่ มดีตอ สง่ิ ใด ก็จะมคี วามรูส ึกทไ่ี มดตี อ สิ่งน้นั ดว ย จึงแสดงออกมาในรปู ของความรสู ึกไมช อบหรือไมพอใจ 3. ดานพฤติกรรม ( Behavior Component) หมายถึง ความพรอ มท่ีจะกระทำซึง่ เปน ผลมาจากความคิดและความรสู ึกและจะออกมาในรูปของการยอมรับหรอื ปฏิเสธ การปฏบิ ตั ิหรือไม ปฏิบัติ ความหมายของวินยั คำวา วนิ ยั หรอื ตรงกบั คำศัพทภาษาองั กฤษวา Diacipine มผี ุใหค ำนิยามไวหลาย ลกั ษณะ อาทิ เชน พจนานุกรมราชบัณฑติ ยสถาน ไดใหค วามหมายของวนิ ยั ไว ดังน้ี วนิ ยั หมายความวา ระเบียบสำหรับกำกับความประพฤติใหเปนแบบแผนอันหนึง่ อันเดียวกนั เปน กฎระเบียบแบบแผน ขอ ตกลงที่สงั คมกำหนดใหบคุ คลประพฤติปฏบิ ัตติ ามเพื่อใหอยูรวมกันในสังคม ไดอยา งสนั ติสุข นอกจากนี้การใหนิยามของวินัย ยังมลี กั ษณะทแี่ ตกตางกนั ตามเงือ่ นไขของการใชค ำวา วินยั วามีความมุงหมายเพื่ออะไร เชน ในดานการศกึ ษา การใหคำนิยามของวินยั จะมคี วามหมายถงึ พฤตกิ รรมของครู ซ่งึ มเี จตนาท่ีจะสรางสรรคแ ละดำรงไวซง่ึ เงื่อนไขทีม่ ีความจำเปนทส่ี ุดในความเปน ระเบยี บเรียบรอย ในการเรียนการสอนและพัฒนาความสามารถในการควบคมุ ตนเองของผเู รียน ซึ่ง ระเบียบขอ บังคบั ตาง ๆ ท่สี ถาบันการศึกษาไดกำหนดข้นึ ใหผ ูเรยี นตองปฏิบติตาม ถาฝา ฝน จะตองมี การทำโทษตามกฎระเบยี บ ขอ บังคับท่ีกำหนดไว ทงั้ น้จี ากเอกสารการสอนวชิ าการบรหิ ารงานบคุ คลของมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าชได สรุปความหมายของวินัยไดเปน 2 แนวทาง คอื 1. ความหมายในทางรปู ธรรม หมายถึง ขอ ปฏิบัติ หรือ แบบสำหรับคนในองคก รในหมู ใน เหลา ในวงการแตล ะแหง โดยขอปฏิบตั ิหรอื แบบที่กำหนดไวส ำหรับสมาชกิ ในองคก รนั้น ๆ จะ เรยี กวา วนิ ยั อาทเิ ชน วนิ ยั ทหาร วินัยขาราชการพลเรือนสามญั ความหมายของวินยั ในทางรูปธรรม สามารถนำไปใชเ ปน หลักในทางปฏบิ ัตไิ ดวา 1.1 วนิ ัยในองคก รตา ง ๆ อาจมีลกั ษณะแตกตา งกนั ออกไป การกระทำอยางเดยี วกนั ใน องคก รหนึ่งอาจจะไมถ ือวาการปฏบิ ตั ิดงั กลาวเปนความผิด 1.2 ในการพจิ ารณาวา การกระทำใดผิดวนิ ยั หรือไม ตอ งพิจารณาวาเปนการกระทำที่ผิด ขอปฏิบัติ หรอื ผิดแบบของสมาชิดในองคก รนนั้ หรอื ไม ถาไมม กี ารกำหนดไวใ นขอปฏิบัติ จะไมถ อื วา เปนความผดิ หรอื ในกรณีกลับกันถาหากมขี อ ปฏบิ ัติกำหนดไวแ ละมกี ารฝาฝนก็ถอื วาผิดขอปฏิบัติ 1.3 ในการกำหนดระดับการลงโทษที่จะลงแกผูกระทำผดิ วนิ ยั จะตองพิจารณาการกำหนด ความหนกั เบาของโทษ โดยแตกตางกนั ออกไปในแตล ะองคกร
6 2. ความหมายในทางนามธรรม หมายถึง ลักษณะเชิงพฤตกิ รรม ( Behavior ) ท่ีแสดง ออกมาเปนการควบคมุ ตนเอง การยอมรับหรอื ปฏิบัติตามการนำ หรอื การบังคบั บญั ชา การมี ระเบียบและการอยใู นแบบแผน จากความหมายของวนิ ยั ในทางนามธรรม จะพบวา โดยแทจรงิ แลว วนิ ยั ท่ีตอ งการหาใชต วั ขอ ปฏิบัติ หรือตัวแบบแผนไม หากแตว นิ ัยท่ตี องการใหม ี คือ การควบคุมตน การปฏิบตั ติ าม ขอบงั คับ การอยูใ นแบบแผน การปฏิบตั ิตามการนำ การปฏบิ ัติตามการบังคบั บัญชา การมี ระเบียบและลกั ษณะเชิงพฤติกรรมดังกลาวจะแสดงออกมาดวยส่ิงทีม่ าจากพ้ืนฐานทางจติ ใจ ดวยเหตุ นี้ การทีจ่ ะทำใหทุกคนในองคก รมีวินัย จงึ จำเปนอยา งยิง่ ทต่ี องปรับพฤตกิ รรม ตอ งพฒั นาจิตใจ ตอง นำตองกำกบั ดว ย มใิ ชมุง แตจะพัฒนาหาทางกำหนดขอปฏบิ ัตหิ รอื ระเบยี บใหมีความครอบคลุมรดั กุม แตเพียงอยา งเดยี ว หรอื มงุ แตจ ะคอยลงโทษเมื่อมสี มาชกิ ในองคก รคนใดคนหนึง่ กระทำการฝาฝน ขอ ปฏิบัตหิ รอื ระเบียบขององคกร ประเภทของวินัย หลกั สำคญั ของวนิ ยั มไี วเพ่อื ควบคมุ พฤติกรรมของสมาชกิ ในสงั คมน้ัน ๆ ใหอ ยใู นกรอบ ปฏิบตั เิ ดียวกัน ดว ยเหตุทแ่ี ตล ะคนตางมีภมู หิ ลังที่แตกตา งกนั ไมวา จะเปนสภาวะแวดลอ ม ลกั ษณะ การอบรมเลีย้ งดู ตลอดจนความเชือ่ คานยิ มตา ง ๆ จงึ เปน สาเหตุหลกั ที่สง ผลใหสมาชิกในสงั คมแต ละบุคคลมคี วามแตกตางกัน ดังน้นั การมาอยรู วมกันจงึ อาจจะทำใหเ กดิ การกระทำตามความพึงพอใจ ของตนเอง ฉะน้นั การมีแนวทางปฏบิ ตั เิ ดียวกนั จึงเปนปจ จัยที่สำคัญในการรักษาไวซ่งึ ความสงบ เรียบรอยภายในสงั คม จงึ ไดมีการแบงประเภทของวินัยเปน 4 ประเภท คือ 1. วนิ ยั ในตนเอง 2. วินยั ในหองเรียน 3. วนิ ัยในโรงเรียน 4. วินัยทางสังคม แตโ ดยสวนใหญ แลว การแบง ประเภทของวนิ ัยโดยใชเ กณฑแหลง ทีม่ าของอำนาจท่ีใชใ น การควบคุมพฤติกรรม สามารถแบง ออกไดเ ปน 2 ประเภท ดงั น้ี 1. วนิ ยั ภายนอก หรือ สวนรวม หรอื วนิ ยั สำหรับหมคู ณะ ( External Authority Discipline ) วินยั ที่ออกมาจากอำนาจภายนอก เพ่อื บงั คบั ใหบุคคลทกุ คนในสงั คมปฏิบตั ิตามเพื่อ ความเปน ระเบยี บเรียบรอย ดงั นน้ั การทีบ่ คุ คลใดประพฤติปฏบิ ัติตามกด็ ว ยความเกรงกลัวอำนาจหรอื การลงโทษ จึงเปน การปฏบิ ัติตามที่บุคคลอยใู นภาวะจำยอมจากการถกู ควบคมุ เพื่อปอ งกันมใิ หเ กดิ การไมป ฏิบัตติ ามวินยั ซง่ึ ถกู กำหนด แตทัง้ น้ีโดยสวนใหญแลว วนิ ยั ประเภทน้ีจะตง้ั กฎเกณฑ แนวทางปฏบิ ตั ิไวเ ปน กลาง ๆ ดงั น้ันทุกคนจงึ สามารถประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามได
7 2. วินยั ในตนเอง ( Self - Discipline ) หมายถึง แนวทางท่บี คุ คลเลอื กปฏบิ ัติเพ่อื บงั คับ ตนเองใหป ฏบิ ัติตาม ทง้ั นเ้ี กดิ จากความสมัครใจโดยมิไดถกู บงั คับ ควบคมุ จากอำนาจภายนอกแต อยางใด และขอ ปฏิบตั ดิ ังกลาวจะตอ งไมข ดั ตอ กฎระเบียบของสงั คม ทั้งนีเ้ พอื่ เปาหมายหลักคือ การเกิดความสงบสขุ ภายในสงั คม วินยั ในตนเอง จึงเปน ความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ และพฤตกิ รรมใหเปน ไป ตามความตองการของตน โดยมิไดเกิดจากการถูกบังคับจากอำนาจภายนอก หากแตเกิดจกาแรง กระตนุ ภายในของตวั บคุ คลนัน้ อันเปน ผลสืบเนอื่ งจากการเกิดการเรียนรวู าเปนคา นยิ มท่ดี ี ซ่งึ สอดคลองตามกฎเกณฑ ระเบยี บแบบแผนของสังคม และไมกอใหเกดิ ความยงุ ยากเดอื รอ นแก ตนเองและไมล ะเมดิ สทิ ธิของผูอ น่ื ทัง้ นี้ แมวาจะมีสิง่ เรา จากปจ จยั ภายนอกและภายใน กไ็ มเปน อุปสรรคในการทจี่ ะแสดงพฤติกรรมอยา งที่ตนหวังไว คณุ ลักษณะของผูมีวนิ ัยในตนเอง การทีบ่ คุ คลมวี นิ ยั ในตนเอง ยอมหมายถึง บุคคลนนั้ เปนผูมคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม ดว ยเหตุ ที่ วนิ ยั ในตนเอง คอื ลักษณะทมี่ ีความสำคัญตอ การแสดงออกทางคุณธรรมและจริยธรรม จงึ สรปุ ไดวา บุคคลทีม่ วี นิ ัยในตนเองควรมีคณุ ลักษณะและพฤติกรรมดังนี้ คอื มีความรบั ผิดชอบ มคี วาม เชื่อมัน่ ในตนเอง มคี วามต้งั ใจ มีความอดทน มีความเปน ผูนำ มคี วามซ่ือสตั ย ตรงตอ เวลา การเสริมสรางความมีวนิ ัยในตนเอง หากตองการทจ่ี ะปลูกฝงวินัยในตนเองควรที่จะเริ่มตนในวยั เดก็ เพราะพฤติกรรมในชว งวยั น้ี จะจดั อยูในประเภทพฤติกรรมที่ยงั ไมม ที ศิ ทางที่แนน อน ( Doubful Behavior) ซ่งึ การแสดง พฤตกิ รรมจะขึ้นอยกู ับสถานการณและองคป ระกอบทแี่ วดลอ ม ดังนน้ั จึงงายตอการปลูกฝง ความมี วนิ ัย และกระบวนการทเ่ี หมาะสมและไดผ ลดีทส่ี ุด คือ การถายทอดทางสังคม การตอ งการเสรมิ สรางระบบการสรางวินัยในตนเองทีด่ ี ไมค วรมงุ เนน ที่การลงโทษ อันเปน วถิ ที างที่จะสงผลกระทบในทางลงเสยี มากกวา หากแตการสรางวินัยในตนเองที่ดคี วรใชแนวทางใน การฝก อบรมหรอื ใหความรู ความเขาใจมากกวา โดยตองทำความเขา ใจวา เพราะเหตุใดจึงมีความ ตองการและความจำเปน ขององคก รในการท่ีตองการขอความรว มมอื จากสมาชิกในองคก ร ในสว น ของความมวี ินัยเพ่อื จะไดไปสจู ุดหมายรวมกัน โดยการเสริมสรางความมีวินัยในตนเองมี 4 แนวทาง ดังนี้ 1. เรียนรูและเขา ใจอยา งถองแทด ึงวนิ ยั ขององคก รท่ตี นเปน สมาชิกอยวู ามแี นวทางปฏิบัติ หรือหา มปฏิบตั ิอะไร อยางไรบาง 2. สำนกึ ในหนา ทวี่ า จะตอ งปฏิบัติตามแบบอยางหรอื ตองรกั ษาวนิ ยั ขององคกร
8 3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของวนิ ยั วา จะสรา งความเจรญิ ความดีงามและความสำคญั ใหแกท ้งั ตนเองและองคก ร 4. ปฏิบตั ิตามขอ ปฏิบัติและละเวน การปฏิบตั ิในขอหา มอยางเครง ครัด กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ ไดแนะแนวทางในการสงเสริมความมวี ินยั ในตนเองไว ดังนี้ 1. สรา งบรรยากาศที่ผอนคลาย 2. ใหโอกาสเดก็ ทีจ่ ะริเริ่มทำกจิ กรรมอยางอสิ ระ 3. สนบั สนนุ ใหเ ดก็ มโี อกาสคิดและตัดสนิ ใจแกป ญ หาอยา งมีเหตุผล 4. เปดโอกาสใหเด็กชว ยกนั สรา งขอตกลง 5. แสดงความช่นื ชมเมอื่ เดก็ ปฏิบัติตามขอ ตกลง ใหกำลงั ใจและชวยเหลอื เดก็ ท่ี ไมสามารถปฏบิ ัติตามขอ ตกลงได 6. ทบทวนสง่ิ ทไ่ี ดก ระทำ โดยการถามหรือกลา วชมเชย ความสำคญั คุณคา และประโยชนข องความมวี ินัยในตนเอง คณุ คาของวินัย นั้นชวยใหก ลุมคนหรอื สังคมตา ง ๆ อยูรว มกนั ไดอ ยางสงบสขุ ซง่ึ วินยั ไมได หมายถงึ กฏเกณฑ หรอื ระเบยี บ ขอบงั คบั ในกลุมชนกลุมใดกลมุ หน่งึ เทานนั้ แตยังหมายถงึ กฏเกณฑหรอื ระเบยี บวนิ ยั ในตนเองดวย กลุมสังคมใดท่มี ีสมาชกิ ทม่ี ีวินยั ในตนเองมาก วินัยในสงั คม น้ันกอ็ าจไมจำเปน ท่จี ะตองสรางมากนัก เพราะทกุ คนในสงั คมจะมคี วามรับผิดชอบสงู และสามารถ ดำเนินชวี ติ อยูร ว มกันไดอยา งสงบสขุ ไมเบียดเบียนกัน และมคี วามเจรญิ กา วหนาไปอยา งดี จุดมุงหมายของวนิ ัยทัง้ หลายนน้ั มใิ ชการควบคุมพฤติกรรมของนกั เรียนใหเ ปนแนวทางท่ี ผใู หญต อ งการ แตจุดมุง หมายทแี่ ทจริงของวินยั คือ เพ่อื ใหเด็กเกิดความตอ งการทีจ่ ะกระทำสิ่งท่ีดี และเปนประโยชนแ กสงั คมดว ยตนเอง มใิ ชจากส่ิงที่อยูแวดลอมหรือการบงั คบั บัญชา วินัยท่ดี ีเกดิ ข้นึ จากแรงผลกั ดนั ภายในตัวเองมากกวา แรงบังคบั จากภายนอก คือ ความมวี นิ ยั ในตนเอง ประโยชนค วามมีวินัยในตนเอง - ชวยใหเ ดก็ มีพฤตกิ รรมเปน ระเบียบเรียบรอย - ชวยใหเดก็ มีความรบั ผิดชอบในหนาที่ของตนเอง - ชวยสรางความสามัคคีปรองดองใหเ กดิ ข้ึนในหมคู ณะ - ชว ยเสรมิ สรา งความเจริญกาวหนา ใหตนเอง - ชวยใหค รแู ละนักเรยี นอยูร ว มกนั อยา งมีความสขุ และประสบความสำเร็จในการเรยี น การสอน - ชว ยสง เสรมิ หลักการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
9 ลกั ษณะของบคุ คลทม่ี ีวินัยในตนเอง วนิ ัยเปน สงิ่ สำคัญตอการพฒั นาเดก็ เพราะชวยตอเตมิ ความปรารถนาของเด็กใหเต็ม รวมทงั้ ใหเกิดการปรับตัวทางบุคลกิ ภาพและสังคมอยา งมีสุข บคุ คลทมี่ ีวินัยในตนเองจะมคี ณุ ลกั ษณะและ พฤตกิ รรม ดงั นี้ 1. มีความรบั ผดิ ชอบ 2. เชือ่ มน่ั ในตนเอง 3. มคี วามรสู กึ ผดิ ชอบ 4. ไมกงั วลใจ 5. มีความต้งั ใจจรงิ ใจคอมนั่ คง 6. มีลักษณะความเปน ผนู ำ 7. มคี วามซ่อื สตั ย จริงใจ มีเหตผุ ล 8. กลาคดิ กลาพูด กลาทำ 9. ม่ีความเห็นอกเห็นใจผอู นื่ และไมเ กรงใจโดยปราศจากเหตุผล 10. มคี วามอดทน ความอดทน ความสำคญั และความหมายของความอดทน ความอดทน คือ ความเขม็ แข็ง ความหนักแนนของจิตใจในการควบคุมอารมณ จิตใจ และ รางกายใหสามารถเผชญิ กับเหตกุ ารณต าง ๆ ได การท่บี ุคคลจะทำงานใหสำเร็จลุลวงไปไดต องอาศัยการฝก ฝน ความเพียรพยายามและที่ สำคัญตอ งมคี วามอดทนในสิง่ ที่ตนเองรับผดิ ชอบ เพือ่ งานส่ิงนั้นจะไดสำเรจ็ ลุลว ง การฝกความ อดทนมีหลายอยา ง เชน อดทนตอความลำบาก อดทนตอ ความทุกข อดทนตอ ความเจ็บใจ อดทน ตออำนาจกิเลส ฯลฯ การท่คี นเราจะมีระเบียบวินัยไดต องอาศยั ความอดทนในตวั เอง จงึ นำไปสูความเปน พลเมอื ง ท่ีดี ความอดทนจงึ เปนปจจยั สงเสรมิ ใหบุคคลเกิดวินยั ขน้ึ เชน การเขาแถวซ้ืออาหาร อดทนในการ ทำงานตา ง ๆ อดทนและทำตามกฎของบา นเมอื ง ผทู ่ีมวี นิ ยั ในตนเองสูง จะมคี วามรับผิดชอบสูง มี ความวติ กกังวลต่ำ มีความอดทน มเี หตุผลของตนเอง มคี วามยดื หยุนสในความคิดและพฤตกิ รรม ทางสงั คม
10 บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการศึกษาคน ควา การศึกษาคน ควาครงั้ น้ี มีวัตถปุ ระสงคเ พ่ือศกึ ษา “เจตคติที่มีตอวนิ ัยในตนเองดา นวนิ ยั ในหองเรยี น ความขยันอดทนทางการเรียนและแรงจงู ใจใฝส ัมฤทธท์ิ างการเรยี น ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 วิทยาลยั นาฏศลิ ปรอ ยเอ็ด สถาบนั บณั ฑติ พัฒนศิลป กระทรวงวัฒนธรรม ไดด ำเนินการศึกษาตามลำดบั ดังนี้ 1. ขน้ั ตอนการดำเนินการวิจยั 2. ประชากรและกลมุ ตัวอยาง 3. เครื่องมือท่ใี ชใ นการวิจยั 4. การเกบ็ รวบรวมขอมลู 5. การวเิ คราะหข อ มลู 1. ข้ันตอนการดำเนนิ การวจิ ัย ผวู จิ ยั ไดก ำหนดขน้ั ตอนในการวิจยั ไวด ังนี้ 1. ศกึ ษาหลักการ ทฤษฏี แนวความคิดเกยี่ วกับความหมาย ประโยชน ลักษณะวินัยใน ตนเองดานวนิ ัยในหอ งเรียน ความขยนั อดทนและแรงจงู ใจใฝสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น 2. กำหนดกรอบความคิดในการวิจยั ผวู จิ ัยไดกำหนดกรอบความคิด เพอ่ื ทำการศึกษา สภาพความมวี ินยั ในตนเองของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 วิทยาลัยนาฏศลิ ปรอยเอ็ด สถาบัน บณั ฑติ พัฒนศิลป กระทรวงวัฒนธรรม 3. กำหนดวตั ถุประสงค 4. กำหนดกลมุ ประชากร สำหรบั การวจิ ัยในคร้งั น้ี ไดกำหนดกลุม ประชากร คือ นกั เรยี น ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 วทิ ยาลยั นาฏศิลปรอ ยเอด็ สถาบนั บัณฑติ พฒั นศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาค เรยี นท่ี 1 ปการศึกษา 2562 จำนวน 90 คนกลมุ ตัวอยา งคอื นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 วิทยาลัย นาฏศลิ ปรอ ยเอด็ สถาบันบณั ฑติ พัฒนศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรยี นที่ 1 ปการศึกษา 2562 จำนวน 43 คน 5. สรางเครอื่ งมอื การวจิ ัย การสรางเครื่องมอื การวิจัย ผูว จิ ัยศึกษาจากหลักการ ทฤษฎี แนวคดิ วัตถปุ ระสงค เพื่อจำแนกวาควรสรางเครื่องมือวัดดานใดบา ง ใหเหมาะสมกับสภาพของ นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปรอยเอ็ด สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศลิ ป กระทรวง วฒั นธรรม ภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศึกษา 2562 ท่ีตอ งการศึกษา 6. การเก็บรวบรวมขอ มลู ผวู จิ ัยนำเครือ่ งมอื ท่สี รางข้ึน ใหนกั เรยี นกลมุ ตวั อยา งไดต อบ
11 แบบสอบถามและเก็บขอมลู ดว ยตนเอง 7. การสรุปผลการวิจยั และนำเสนอผลการวจิ ัย โดยนำขอ มูลทไี่ ดมาวิเคราะหข อมูลและ เขียนสรุปผลการวเิ คราะหขอมลู 2. ประชากรและกลมุ ตัวอยา ง 1. ประชากร กลมุ ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 วิทยาลยั นาฏศิลปรอยเอ็ด สถาบนั บัณฑิต พฒั นศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรยี นที่ 1 ปการศกึ ษา 2562 จำนวน 90 คน 2. กลุมตวั อยา ง กลุมตวั อยาง คือ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 วทิ ยาลัยนาฏศิลปรอ ยเอด็ สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศึกษา 2562 จำนวน 43 คน 3. เครอื่ งมอื ทใี่ ชในการวิจัย ในการวิจัยคร้งั นี้ เครอ่ื งมือท่ีใชเ ปนแบบสอบถาม ทผ่ี วู ิจัยสรา งข้ึน เพ่ือศึกษา เจตคตทิ ีม่ ตี อ วินัยในตนเองดานวินัยในหองเรียน ความขยนั อดทนทางการเรียนและแรงจูงใจใฝส ัมฤทธทิ์ างการ เรียน ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 ปก ารศึกษา 2562 วิทยาลยั นาฏศิลปรอ ยเอ็ด สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป กระทรวงวฒั นธรรม โดยดำเนินการดงั นี้ 3.1 ศกึ ษาหลักการ ทฤษฏี แนวความคดิ เก่ียวกับความหมาย ประโยชน ลกั ษณะวนิ ยั ใน ตนเองดานวนิ ยั ในหองเรยี น ความขยันอดทนตอและแรงจงู ใจใฝสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 3.2 ผวู จิ ยั ไดกำหนดกรอบความคดิ เพอ่ื ทำการศึกษาสภาพความมีวินัยในตนเองของ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 วิทยาลยั นาฏศลิ ปรอยเอด็ สถาบันบณั ฑติ พัฒนศิลป กระทรวง วฒั นธรรม การสรางเคร่อื งมือสำหรบั การวิจยั แบง แบบสอบถามออกเปน 3 สวน คือ 3.2.1 ความมวี นิ ัยในหองเรยี น 3.2.2 ความขยันอดทน 3.2.3 แรงจงู ใจใฝสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 4. การเก็บรวบรวมขอมูล ในการเกบ็ รวบรวมขอ มูล ผวู ิจยั นำเครือ่ งมอื ท่สี รางขน้ึ ใหนกั เรยี นกลุมตวั อยางไดต อบ แบบสอบถามและเก็บขอ มูลดวยตนเอง 5. การวเิ คราะหขอมลู ผวู จิ ัยใชคา รอยละในการวเิ คราะหข อ มูล
12 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข อ มลู ในบทนผ้ี วู จิ ยั จะนำเสนอผลการวิเคราะหขอมูล ทีไ่ ดเ กบ็ รวบรวมขอมลู จากนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 5 ปก ารศึกษา 2562 วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปรอ ยเอ็ด สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป กระทรวงวัฒนธรรม ตามแนวทางการศึกษา เจตคติท่มี ตี อวนิ ัยในตนเองดา นวินยั ในหอ งเรียน ความขยันอดทนและแรงจูงใจใฝสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ตารางท่ี 1 เจตคติที่มตี อวินยั ในตนเองดา นวนิ ยั ในหองเรยี น ขอ คำถาม ทำประจำ ทำบางครงั้ ไมเคยทำ 1. ขณะเรียนวชิ าหนึง่ นกั เรียนมกั นำงานวิชาอน่ื ขน้ึ มาทำ 0 67.32 32.68 2. นักเรียนพูดคยุ กับเพ่อื นในขณะท่ีครูกำลงั สอน 11.24 85.67 3.09 3. นักเรียนสงการบานตรงตามเวลาท่ีครูกำหนด 58.05 37.86 4.09 4. เมอื่ นักเรยี นทำขอสอบไมได นกั เรียนแอบดขู อ สอบเพอื่ น 0 1.84 98.16 ในหอ งสอบ 5. นกั เรียนแอบนอนหลับในช่ัวโมงเรียน 3.86 9.61 86.53 6. นกั เรียนเลน กบั เพ่อื นขณะทค่ี รูสอน 7.69 9.61 82.70 7. นักเรยี นอา นหนงั สือการตนู ขณะท่ีครูสอน 0 5.77 94.23 8. นักเรยี นลอกการบา นเพื่อน 15.39 23.08 61.53 9. เมื่อใดท่ีรสู กึ ไมเ ขาใจ นกั เรยี นจะถามครู 13.46 53.85 32.69 จากตารางที่ 1 จากแบบสอบถามนักเรยี น เกย่ี วกับเจตคติที่มีตอวินัยในตนเองดา นวนิ ัย ในหอ งเรียน พบวา ขณะเรยี นวชิ าหนง่ึ นกั เรียนมักนำงานวิชาอืน่ ขึ้นมาทำ นกั เรียนที่ทำบางครง้ั มีคารอยละ มากทีส่ ดุ คิดเปน 67.32 % นกั เรยี นพดู คุยกับเพ่ือนในขณะทค่ี รกู ำลังสอน นกั เรียนที่ทำบางครัง้ มคี ารอยละมากทสี่ ุด คิดเปน 85.67 % นักเรียนสงการบานตรงตามเวลาทค่ี รกู ำหนด นักเรยี นทท่ี ำประจำ มีคารอ ยละมากท่ีสดุ คดิ เปน 58.05 %
13 เมอ่ื นักเรียนทำขอ สอบไมไ ด นักเรียนแอบดูขอ สอบเพื่อนในหอ งสอบ นักเรยี นที่ไมเ คยทำ มคี า รอยละมากที่สดุ คิดเปน 98.16 % นกั เรียนแอบนอนหลบั ในชั่วโมงเรียน นักเรียนท่ไี มเ คยทำ มีคารอ ยละมากท่สี ุด คิดเปน 86.53 % นกั เรียนเลน กบั เพื่อนขณะท่คี รูสอน นกั เรยี นทไี่ มเ คยทำ มคี ารอ ยละมากที่สุด คดิ เปน 82.70% นักเรยี นอานหนงั สอื การตนู ขณะที่ครสู อน นักเรียนที่ไมเคยทำ มีคารอยละมากที่สุด คิด เปน 94.23% นกั เรียนลอกการบานเพ่ือน นักเรยี นท่ีทำบางครั้ง มีคา รอยละมากที่สดุ คิดเปน 61.23 % เมื่อใดท่ีรสู กึ ไมเ ขาใจนักเรยี นจะถามครู มคี า รอยละมากท่ีสดุ คดิ เปน 53.85 % ตารางที่ 2 เจตคติที่มีตอวนิ ยั ในตนเองดานความขยนั อดทน ขอ คำถาม ทำประจำ ทำบางครั้ง ไมเ คยทำ 10. นกั เรียนทำการบานเสมอกอ นออกไปเลน 52.08 43.01 4.91 11. นกั เรียนหลกี เลย่ี งงานทคี่ ุณครูมอบหมาย 0 28.85 71.75 12. นักเรียนไมเ คยอดทนทำการบา น 15.39 30.76 53.85 13. ในการทดลอง นักเรียนจะพยายามทดลองจนเสรจ็ 48.96 42.86 8.18 14. เวลาใกลส อบ นกั เรยี นดูหนังสอื เอง โดยพอแมไ มตอ งบังคับ 36.73 51.02 12.24 15. เมือ่ นักเรียนทำผดิ จะพยายามแกไขโดยไมท อแท 36.73 53.06 10.20 จากตารางที่ 2 จากแบบสอบถามนักเรยี น เกย่ี วกบั เจตคตทิ ่ีมีตอวนิ ยั ในตนเองดา น ความขยันอดทน พบวา นักเรียนทำการบา นเสมอกอนออกไปเลน นักเรียนทที่ ำประจำและทำบางครั้งมจี ำนวนเทา กัน มคี า รอยละมากท่ีสุด คดิ เปน 43.01 % นักเรียนหลกี เล่ียงงานที่คุณครูมอบหมาย นักเรยี นทีไ่ มเคยทำ มีคารอ ยละมากที่สดุ คิดเปน 71.75 % นักเรยี นไมเ คยอดทนทำการบาน นกั เรยี นทไ่ี มเคยทำ มีคารอยละมากทสี่ ุด คิดเปน 30.76 % ในการทดลอง นักเรยี นจะพยายามทดลองจนเสร็จ นกั เรยี นท่ที ำประจำ มคี ารอยละมาก ทสี่ ดุ คดิ เปน 48.96 %
14 เวลาใกลส อบ นักเรียนดหู นงั สอื เอง โดยพอแมไ มต อ งบังคับ นกั เรียนทีท่ ำบางคร้งั มีคา รอ ยละมากท่ีสุด คดิ เปน 51.02 % เม่ือนกั เรยี นทำผดิ จะพยายามแกไขโดยไมทอ แท นกั เรยี นที่ทำบางคร้งั มคี ารอยละมาก ที่สดุ คิดเปน 53.06 % ตารางที่ 3 เจตคติที่มตี อวินยั ในตนเองดา นแรงจูงใจใฝส ัมฤทธท์ิ างการเรยี น ขอ คำถาม ทำประจำ ทำบางครงั้ ไมเคยทำ %%% 16. เม่อื มีการแขง ขนั นักเรียนจะพยายามอยางเตม็ ความสามารถ 67.35 20.41 12.24 เพราะตอ งการเปนผชู นะ 17. นักเรียนอยากประสบความสำเรจ็ ในการเรียน 69.39 24.49 6.12 18. ในการเรียนนักเรียนทุมเทอยางหนักเพือ่ ใหไ ดค ะแนนดี 53.06 40.82 6.12 19. นักเรยี นปฏบิ ัติตามคตปิ ระจำใจทวี่ า “ความพยายามอยูที่ 46.94 53.06 0 ไหน ความสำเรจ็ อยูที่นัน่ ” 20. ในวิชาใดก็ตาม เวลาสอบนกั เรียนจะพยายามอยางเต็มที่ใน 87.76 10.20 2.04 การสอบ 21. นกั เรยี นเตรียมวางแผนการเรยี นตั้งแตเปดภาคเรยี นในวนั แรก 30.61 51.02 18.37 เพอื่ จะไดเ รยี นดีที่สุด 22. นักเรยี นมีความพยายามอยางย่ิงทีจ่ ะทำอะไรใหด ี อยางที่ 51.02 44.90 4.08 ตัง้ ใจไว 23. ถา ผลการเรียนไมด ี นกั เรียนใชค วามพยายามมากย่ิงขึน้ 57.14 42.86 0 24. ในบทเรยี นที่ยาก ๆ นักเรยี นจะอานซำ้ หลาย ๆ คร้งั จน 40.82 55.10 4.08 เขา ใจแลว จึงผานไป 25. นกั เรียนพยายามหาความรูเพม่ิ เติมจากเอกสาร หรอื ตำราใน 34.69 48.98 16.33 หอ งสมดุ เมื่อมปี ญ หาเก่ยี วกับการเรียน ตารางท่ี 3 จากแบบสอบถามนกั เรียน เกี่ยวกบั เจตคตทิ ี่มีตอ วนิ ัยในตนเองดานแรงจงู ใจ ใฝสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เมอื่ มกี ารแขงขนั นักเรียนจะพยายามอยา งเต็มความสามารถ เพราะตอ งการเปน ผูชนะ นักเรียนท่ที ำประจำ มีคารอยละมากท่ีสุด คิดเปน 67.35 %
15 นักเรียนอยากประสบความสำเร็จในการเรียน นักเรยี นทีท่ ำประจำ มีคารอยละมากที่สุด คดิ เปน 69.39 % ในการเรียนนกั เรยี นทุม เทอยา งหนกั เพอื่ ใหไ ดค ะแนนดี นกั เรียนที่ทำประจำ มีคา รอยละ มากที่สุด คดิ เปน 53.06 % นักเรยี นปฏิบัติตามคตปิ ระจำใจทีว่ า “ความพยายามอยูท่ีไหน ความสำเรจ็ อยูท ่ีน่นั ” นกั เรียนทที่ ำบางครัง้ มีคารอ ยละมากท่ีสดุ คิดเปน 53.06 % ในวิชาใดก็ตาม เวลาสอบนกั เรยี นจะพยายามอยา งเตม็ ที่ในการสอบ นกั เรียนท่ีทำประจำ มีคา รอยละมากท่ีสุด คิดเปน 87.76 % นักเรียนเตรยี มวางแผนการเรียนต้งั แตเปดภาคเรยี นในวันแรก เพือ่ จะไดเรียนดีท่ีสุด นกั เรยี นท่ีทำบางครั้ง มีคารอยละมากทีส่ ดุ คดิ เปน 51.02 % นกั เรยี นมคี วามพยายามอยา งยง่ิ ที่จะทำอะไรใหดี อยา งทต่ี งั้ ใจไว นกั เรียนท่ีทำประจำ มี คา รอ ยละมากที่สดุ คิดเปน 51.02 % ถาผลการเรียนไมดี นกั เรียนใชความพยายามมากยง่ิ ข้นึ นักเรียนที่ทำประจำ มคี ารอยละ มากที่สุด คดิ เปน 57.14 % ในบทเรียนที่ยาก ๆ นกั เรยี นจะอานซำ้ หลาย ๆ คร้ัง จนเขา ใจแลวจึงผา นไป นกั เรียนทท่ี ำ บางครงั้ มีคา รอ ยละมากท่ีสดุ คดิ เปน 55.10 % นกั เรียนพยายามหาความรเู พ่มิ เตมิ จากเอกสาร หรอื ตำราในหองสมดุ เม่อื มีปญ หาเกย่ี วกับ การเรยี น นักเรียนทีท่ ำบางคร้งั มีคารอยละมากทสี่ ดุ คิดเปน 48.98 %
16 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและขอเสนอแนะ การพฒั นานกั เรยี นใหเ ปนบคุ คลที่มีคุณภาพ จำเปนตองมกี ารพัฒนาดานวนิ ัยในตนเอง ดว ย เหตุน้ผี วู ิจัยจึงมคี วามสนใจที่จะศึกษา เจตคติที่มีตอวนิ ัยในตนเองดา นวนิ ยั ในหอ งเรียน ความขยนั อดทนทางการเรียนและแรงจูงใจใฝสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยมจี ุดมุง หมายในการศึกษาดงั น้ี ความมุงหมายของการศึกษาคนควา 1. เพ่ือศกึ ษาเจตคติทีม่ ีตอวินัยในตนเองดานวนิ ยั ในหอ งเรยี น 2. เพอื่ ศึกษาเจตคติทมี่ ีตอวนิ ัยในตนเองดานความขยันอดทนทางการเรียน 3. เพอ่ื ศึกษาเจตคติทีม่ ตี อ วินยั ในตนเองดา นแรงจูงใจใฝสัมฤทธ์ิทางการเรยี น วธิ ดี ำเนนิ การศกึ ษาคนควา ประชากรและกลมุ ตัวอยา ง ประชากร กลมุ ประชากร คอื นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 วิทยาลัยนาฏศิลปรอ ยเอ็ด สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป กระทรวงวฒั นธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปก ารศกึ ษา 2562 จำนวน 90 คน กลมุ ตวั อยา ง กลุมตัวอยาง คือ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 วทิ ยาลยั นาฏศิลปรอ ยเอ็ด สถาบนั บณั ฑิตพัฒนศิลป กระทรวงวัฒนธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา 2562 จำนวน 43 คน ตัวแปรทศ่ี ึกษา ตวั แปรอิสระ คอื เจตคติทมี่ ่ีตอ วนิ ัยในตนเองไดแก 1. วนิ ัยในหองเรยี น 2. ความขยนั อดทนทางการเรียน 3. แรงจูงใจใฝสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ตัวแปรตาม คอื - พฤติกรรมดานความมวี นิ ยั ในตนเอง
17 เครอื่ งมือทใี่ ชใ นการวจิ ัย ในการวิจัยครงั้ นี้ เคร่อื งมอื ท่ใี ชเปน แบบสอบถาม ทผี่ วู ิจยั สรางข้ึน เพอื่ ศึกษา เจต คตทิ ่ีมีตอวินัยในตนเองดา นวินยั ในหองเรยี น ความขยันอดทนทางการเรยี นและแรงจงู ใจใฝส มั ฤทธ์ิ ทางการเรยี น ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 ปการศกึ ษา 2562 วทิ ยาลัยนาฏศิลปรอ ยเอด็ สถาบันบัณฑิตพัฒนศลิ ป กระทรวงวฒั นธรรม โดยการสรางเครอื่ งมอื สำหรบั การวจิ ัย แบง แบบสอบถามออกเปน 3 สวน คือ 1. ความมวี ินยั ในหอ งเรียน 2. ความขยันอดทนทางการเรียน 3. แรงจูงใจใฝสัมฤทธิท์ างการเรยี น การเก็บรวบรวมขอมลู ในการเกบ็ รวบรวมขอมูล ผวู จิ ัยนำเครอ่ื งมอื ที่สรางขน้ึ ใหนกั เรียนกลุมตัวอยา งไดต อบ แบบสอบถามและเก็บขอมูลดว ยตนเอง การวเิ คราะหขอมูล ผูวจิ ัยใชคา รอยละในการวเิ คราะหขอมูล การอภิปรายผล จากผลการวเิ คราะหขอมูล สามารถนำผลการวจิ ัยมาอภปิ รายผล ไดดงั นี้ 1. เจตคตทิ ี่มีตอ วินยั ในตนเองดา นวินยั ในหอ งเรยี น พบวา 1.1 ขณะเรยี นวชิ าหนึง่ นักเรยี นมักนำงานวิชาอื่นขน้ึ มาทำ นกั เรยี นท่ีทำบางคร้ัง มคี า รอ ยละมากทสี่ ดุ คิดเปน 67.32 % สว นนักเรียนที่ไมเคยทำ คดิ เปน 32.68 % สวนนักเรียนท่ที ำ ประจำไมมเี ลย แสดงวา นกั เรยี นมีเจตคติท่ดี ตี อ การไมน ำวิชาอนื่ ๆ มาทำขณะท่เี รยี นวิชาหน่งึ อยู 1.2 นกั เรยี นพดู คยุ กับเพ่อื นในขณะท่คี รกู ำลังสอน นักเรยี นทท่ี ำบางครง้ั มีคารอ ยละมาก ทีส่ ดุ คดิ เปน 85.67 % นักเรียนทท่ี ำประจำมี 11.24 % สวนนักเรียนทีไ่ มเ คยทำมี 3.09 % แสดงใหเ หน็ วา นกั เรียนมกั ชอบพูดคยุ กันมากขณะทค่ี รสู อน เปนพฤติกรรมท่ตี องปรับปรงุ เพ่ือให บรรยากาศการเรยี นการสอนดีข้นึ นกั เรียนเกดิ การเรยี นรูอยางมคี ณุ ภาพ 1.3 นักเรยี นสงการบานตรงตามเวลาท่ีครกู ำหนด นกั เรียนทที่ ำประจำ มีคา รอยละมาก ทีส่ ดุ คดิ เปน 58.05 % สวน นักเรียนท่ีทำบางครั้ง และไมเ คยทำรวมกนั แลวมีถงึ 41.95 % แสดงใหเ หน็ วา นักเรยี น 2 กลุมหลงั นจ้ี ำเปน ตองไดรับการปรับปรงุ เจตคติเกย่ี วกับวินัยในตนเองดาน ความรับผดิ ชอบ มีวินยั ในตนเอง 1.4 เมอ่ื นักเรียนทำขอสอบไมได นกั เรยี นแอบดขู อสอบเพื่อนในหองสอบ นักเรยี นที่ไมเคย ทำ มีคารอ ยละมากท่ีสุด คดิ เปน 98.16 % นักเรียนท่ที ำบางครัง้ มี 1.84 % สว นนกั เรียนที่
18 ทำประจำไมม เี ลย แสดงวา นักเรียนมเี จตคติท่ดี ีมากท่จี ะไมก ระทำการแอบดูขอสอบเพอื่ นในหอง สอบ 1.5 นักเรียนแอบนอนหลับในชั่วโมงเรยี น นกั เรยี นทีไ่ มเคยทำ มีคารอยละมากที่สดุ คดิ เปน 86.33 % นักเรียนท่ที ำบางคร้ังมี 9.61 % สว นนักเรยี นทีท่ ำประจำมี 3.86 % แสดงวา นักเรียนมีเจตคตทิ ่ดี ี ไมป ระพฤติตนแอบนอนหลบั ในชว่ั โมงเรยี น สวนนักเรยี นทปี่ ฏิบัติตนใน ลักษณะดังกลา วบางและทำประจำ คงตอ งพจิ ารณาสาเหตขุ องการปฏิบัติและหาแนวทางแกไ ขตอ ไป 1.6 นักเรียนเลนกับเพ่ือนขณะทีค่ รูสอน นักเรยี นทีไ่ มเคยทำ มคี า รอยละมากที่สุด คดิ เปน 82.53% นกั เรยี นทที่ ำบางครง้ั มี 9.61 % สว นนักเรยี นท่ีทำประจำมี 7.86 % แสดงวา นักเรยี นมีเจตคตทิ ี่ควรไดรบั การปรบั พฤติกรรมเรือ่ งเก่ยี วกับการเลนกบั เพ่อื นขณะทีค่ รูสอน ซึ่ง อาจจะเปนลกั ษณะเฉพาะของวยั และเพศของนักเรยี น ตอ งจึงพิจารณาปรบั ลดพฤตกิ รรมดังกลาว 1.7 นักเรยี นอา นหนงั สอื การต ูน ขณะที่ครสู อน นักเรยี นท่ไี มเคยทำ มคี ารอยละมากท่สี ุด คดิ เปน 94.23% นักเรียนทที่ ำบางครัง้ มี 5.77% สว นนักเรียนทท่ี ำประจำไมมี แสดงวา นกั เรียนมี เจตคตทิ ด่ี ีตอการไมป ฏบิ ัติตนทีไ่ มเหมาะสม สวนนกั เรียนทที่ ำเปน บางครัง้ ควรท่จี ะไดรับการอบรมให พิจารณาถงึ ขอ เสียของพฤติกรรมดงั กลาวและงดเวนพฤติกรรมนเ้ี สีย 1.8 นกั เรยี นลอกการบา นเพ่ือน นักเรียนท่ีไมเคยทำ มีคารอยละมากท่ีสุด คดิ เปน 61.53 % นักเรียนทท่ี ำบางครง้ั มี 23.08 % สว นนักเรยี นทท่ี ำประจำมี 15.39% แสดงวายงั คงมี พฤตกิ รรมการลอกการบา นเพอื่ นอยอู กี พอควร จึงตอ งมีการหาสาเหตขุ องพฤตกิ รรมดังกลาวของ นักเรยี นวา เปนเพราะสาเหตใุ ด เชน เวลาเรียนนักเรยี นไมเขา ใจบทเรยี นจงึ ทำไมได การบานมาก จนทำไมท ัน นกั เรียนเกยี จครา นไมยอมทำแตกลัวความผดิ จงึ มาลอกการบานเพ่อื ใหมีสงครู ฯลฯ 1.9 เมอื่ ใดที่รูสกึ ไมเขาใจ นกั เรียนจะถามครู นักเรยี นทที่ ำบางครงั้ มีคา รอยละมากที่สดุ คดิ เปน 53.85 % นักเรยี นที่ทำประจำมี 13.46 % สว นนักเรยี นที่ไมเ คยทำมี 32.69 % แสดงวา นกั เรยี นมีแนวโนมทางเจตคตทิ ่ีดีตอการพัฒนาเรียนของตนเองใหด ีข้ึน เมอ่ื ไมเ ขา ใจนกั เรยี นตอ ง กลา ทจ่ี ะถามครู แตก ็ตองพฒั นาในกลุมนกั เรียนท่ีไมเคยทำเลย ใหมีพฤตกิ รรมดานนี้ใหมากขน้ึ จากการพจิ ารณาเจตคติทมี่ ีตอ วนิ ัยในตนเองดา นวนิ ัยในหอ งเรยี นของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปท ่ี 5 พบวา สวนใหญม ีเจตคติทด่ี ถี งึ ดมี าก สวนกลมุ นกั เรยี นทยี่ งั มเี จตคตแิ ละพฤติกรรมที่ไมด ี สมควรทีจ่ ะคนหาสาเหตขุ องแตล ะบุคคลและในแตละกรณี เพอื่ ทำการพัฒนาศกั ยภาพของนักเรียน ตอไป 2. เจตคติทม่ี ีตอ วินัยในตนเองดา นความขยันอดทนทางการเรยี น พบวา 2.1 นกั เรยี นทำการบานเสมอกอนออกไปเลน นกั เรยี นทท่ี ำประจำ มคี ารอ ยละมากที่สุด คดิ เปน 52.08 % สวนนักเรยี นท่ไี มเ คยทำมี 4.91 % จากการพิจารณานกั เรยี นกลมุ ที่ทำบางคร้งั
19 และไมเคยทำ ควรไดร บั การพัฒนาตนเองดานความรับผดิ ชอบใหเปนผทู มี่ ีความรับผดิ ชอบตอ งาน ของตนเองใหม ากขน้ึ 2.2 นักเรียนหลีกเลย่ี งงานทีค่ ุณครมู อบหมาย นักเรียนทไ่ี มเคยทำ มีคารอยละมากที่สุด คิดเปน 71.75 % นักเรยี นทท่ี ำบางคร้ังมี 28.85 % สวนนกั เรียนท่ที ำประจำไมม ี แสดงวา นักเรยี นยังมเี จตคตเิ ร่ืองความรับผดิ ชอบตองานท่ีครมู อบหมายดี แตต องพิจารณาพฒั นานักเรยี นใน กลมุ นักเรยี นท่ีทำบางคร้ัง ใหม ีความถี่ของการหลีกเลี่ยงงานนอ ยลงใหม ากท่ีสดุ 2.3 นักเรยี นไมเคยอดทนทำการบาน นักเรียนทีไ่ มเคยทำ มีคารอยละมากทส่ี ุด คิดเปน 53.85 % นักเรียนทำบางครัง้ มี 30.76 % สวนนกั เรยี นที่ทำประจำมี 15.39 % แสดงวา นกั เรียนมีแนวโนม ทมี่ เี จตคติทด่ี ีตอการอดทนทำการบา น แตคงตอ งพัฒนาเจตคติของ นกั เรียนในกลุมท่ีทำประจำและทำบางครงั้ ใหมีความอดทนมากยงิ่ ข้ึน 2.4 ในการทดลอง นกั เรียนจะพยายามทดลองจนเสรจ็ นักเรียนที่ทำประจำ มีคารอยละ มากทสี่ ดุ คิดเปน 48.96 % นักเรยี นทำบางคร้ังมี 42.86 % นกั เรยี นทีไ่ มเคยทำ 10.22 % แสดงวา นักเรียนมีแนวโนม ทางเจตคติตอ ความพยายามในการทำการทดลอง สว นนกั เรียนในกลมุ ที่ ขาดความพยายามทำการทดลองจนเสร็จ ครูควรกระตุนใหน ักเรยี นเหน็ ความสำคญั ของการทำการ ทดลองใหสำเร็จ เพื่อทำข้ันตอนตอไปคือการสรุปผลการทดลองและอื่น ๆ 2.5 เวลาใกลส อบ นกั เรยี นดหู นงั สอื เอง โดยพอแมไมต อ งบังคับ นกั เรยี นทที่ ำบางคร้งั มคี ารอ ยละมากท่ีสดุ คิดเปน 51.02 % นักเรียนทที่ ำประจำมี 36.73 % นกั เรียนท่ไี มเคยทำ 12.24 % แสดงวา นักเรยี นมีแนวโนม เจตคตทิ ี่มพี ฤติกรรมในดานความรับผิดชอบตอตนเอง แต ตองกระตุน นกั เรยี นในกลมุ ทที่ ำบางคร้งั ใหรูจักหนา ทขี่ องตนเองและกระทำหนาที่ของตนเองใหด ี ขนึ้ รวมทง้ั พัฒนานักเรยี นในกลุมทไี่ มเคยทำ ใหมพี ฤติกรรมความรบั ผดิ ชอบในการดหู นงั สอื สอบ โดยไมตอ งมใี ครมาบงั คับ 2.5 เมอ่ื นกั เรยี นทำผิด จะพยายามแกไขโดยไมทอแท นกั เรียนท่ที ำบางครัง้ มีคารอยละ มากทส่ี ุด คิดเปน 53.06 % นักเรียนท่ีทำประจำมี 36.73 % นกั เรยี นท่ไี มเ คยทำ 10.20 % แสดงวา เมือ่ นกั เรยี นทำผดิ แลว นกั เรียนมแี นวโนมทีจ่ ะพยายามแกไขตนเองใหดีขึ้น สว นในกลมุ ที่ ไมเคยทำ ไมพยายามแกไขขอ บกพรองของตนเองครูควรอบรมชแี้ จงให จากการพิจารณาเจตคติท่ีมีตอวินยั ในตนเองดา นความขยนั อดทนทางการเรยี น ของนกั เรยี น ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 5 พบวา สว นใหญม แี นวโนม ทางเจตคตทิ ี่ดี สวนนักเรียนในกลมุ ทยี่ งั มีเจตคติที่ไม ดนี นั้ ครคู วรตองอบรมชี้แจงใหนักเรียนเหน็ คุณคา คุณประโยชนข องความอดทนในการทำงาน ความรบั ผดิ ชอบตอ ตนเองในการทำงานในหนาท่แี ละตองกระทำอยา งเต็มที่ ไมย อทอตอ ความ ยากลำบาก มีความอดทน อดกลนั้ ตอ ปญ หาและอปุ สรรคตาง ๆ รวมทั้งช้ใี หเปนถึงผลท่ีเกิดจาก ความสำเร็จในการทำงาน ยกตัวอยา งบุคคลทปี่ ระสบความสำเรจ็ ในการทำงานและความสำเร็จใน
20 ชวี ิตท่ีไดรับความชน่ื ชม ยกยอ งจากคนรอบขางและสังคม เพื่อใหนกั เรยี นในกลมุ นี้มแี นวโนม เจตคติท่ี มีตอวินัยในตนเองดานความขยันอดทนทางการเรียนดขี น้ึ 3. เจตคติทมี่ ีตอ วนิ ัยในตนเองดา นแรงจงู ใจใฝส ัมฤทธิ์ทางการเรียน 3.1 เจตคตทิ มี่ ตี อ วินยั ในตนเองดานแรงจูงใจใฝสมั ฤทธ์ิตอ ความสำเร็จทางการเรยี น - เมอื่ มีการแขงขนั นกั เรยี นจะพยายามอยา งเต็มความสามารถ เพราะ ตองการเปนผชู นะ นกั เรยี นท่ที ำประจำ มีคารอ ยละมากทีส่ ดุ คดิ เปน 67.35 % นักเรยี นทท่ี ำ บางครง้ั มี 20.41 % นกั เรยี นที่ไมเ คยทำ 12.24 % - นักเรยี นอยากประสบความสำเร็จในการเรียน นกั เรียนที่ทำประจำ มีคา รอ ยละมากท่ีสดุ คดิ เปน 69.39 % นักเรยี นที่ทำบางครั้ง คดิ เปน 24.49 % สวนนกั เรยี นที่ไม เคยทำ คิดเปน 6.12 % - ในการเรยี นนักเรยี นทุม เทอยา งหนกั เพ่ือใหไ ดค ะแนนดี นักเรียนที่ทำ ประจำ มคี า รอ ยละมากท่ีสุด คิดเปน 53.06 % นักเรยี นที่ทำบางครัง้ คิดเปน 40.82 % สว นนกั เรยี นท่ีไมเคยทำ คิดเปน 6.12 % จากทัง้ 3 ขอขา งตน หากพิจารณาในภาพรวมจะเห็นไดวา นักเรียนมีเจตคตทิ ี่จะเปน ผทู ี่ ประสบความสำเรจ็ หรือใหไ ดร ับชัยชนะทั้งนกั เรยี นทท่ี ำประจำและทำเปนบางครัง้ สว นนกั เรียนทีไ่ ม เคยทำมอี ยูจำนวนหนึง่ ทคี่ รูตองกระตุน ใหเปนผูท่ีอยากประสบความสำเรจ็ โดยอาจจะเริม่ ตน จาก การไดรบั คำชมเชยจากการประสบความสำเรจ็ ในระดับและประเภทของความถนดั หรือความสามารถ ทแ่ี ตกตา งกนั ของนักเรยี นแตล ะคน เชน ศิลปะ ดนตรี กีฬา วิชาการ หรอื กจิ กรรมการบริการ (ลกู เสอื ) ฯลฯ 3.2 เจตคติท่ีมตี อ วินัยในตนเองดา นแรงจงู ใจใฝสัมฤทธ์ิตอ ความพยายามทางการเรียน - นกั เรียนปฏิบัติตามคติประจำใจที่วา “ความพยายามอยูทีไ่ หน ความสำเรจ็ อยู ท่ีนั่น” นักเรียนท่ที ำบางคร้งั มคี ารอ ยละมากที่สุด คิดเปน 53.06 % นักเรียนทที่ ำประจำ คิด เปน 46.94 % สวนนกั เรียนที่ไมเคยทำไมม ี - ในวชิ าใดก็ตาม เวลาสอบนักเรยี นจะพยายามอยา งเตม็ ที่ในการสอบ นักเรียน ท่ที ำประจำ มคี ารอ ยละมากท่ีสุด คดิ เปน 87.76 % นกั เรียนท่ีทำบางคร้งั คดิ เปน 10.20 % สว นนกั เรียนทไี่ มเ คยทำ คิดเปน 2.04 % - ถา ผลการเรยี นไมด ี นกั เรยี นใชความพยายามมากยง่ิ ขึ้น นกั เรียนทีท่ ำประจำ มคี า รอยละมากท่ีสดุ คิดเปน 57.14 % นกั เรยี นท่ีทำบางครงั้ คดิ เปน 42.86 % สว น นกั เรยี นท่ีไมเคยทำไมมี - นักเรยี นมคี วามพยายามอยางย่ิงท่จี ะทำอะไรใหดี อยางทต่ี ัง้ ใจไว นักเรียนที่ ทำประจำ มีคารอยละมากท่ีสุด คิดเปน 51.02 % นกั เรยี นทที่ ำบางคร้ัง คิดเปน 44.90 % สวนนกั เรยี นท่ีไมเคยทำ คดิ เปน 4.08 %
21 - ในบทเรยี นทย่ี าก ๆ นักเรยี นจะอา นซำ้ หลาย ๆ ครั้ง จนเขาใจแลว จึงผานไป นกั เรียนทที่ ำบางคร้งั มคี า รอ ยละมากทสี่ ุด คดิ เปน 55.10 % นกั เรยี นทีท่ ำประจำ คดิ เปน 40.82 % สว นนกั เรียนท่ไี มเ คยทำ คิดเปน 4.08 % - นกั เรยี นเตรียมวางแผนการเรยี นต้งั แตเปด ภาคเรียนในวนั แรก เพื่อจะไดเ รียน ดีทีส่ ุด นักเรียนท่ที ำบางครั้ง มีคา รอ ยละมากท่ีสุด คดิ เปน 51.02 % นกั เรียนที่ทำประจำ คิดเปน 30.61 % สว นนกั เรยี นทไี่ มเคยทำ คิดเปน 18.37 % - นักเรยี นพยายามหาความรเู พิม่ เตมิ จากเอกสาร หรอื ตำราในหองสมดุ เม่อื มี ปญหาเกีย่ วกบั การเรียน นักเรียนทีท่ ำบางครง้ั มีคารอ ยละมากที่สุด คิดเปน 48.98 % นักเรยี น ทท่ี ำประจำ คิดเปน 34.69 % สวนนักเรียนที่ไมเคยทำ คิดเปน 16.33 % จากขอ ขา งตน หากพิจารณาในภาพรวมจะเหน็ ไดวา เจตคตทิ ม่ี ตี อ วนิ ยั ในตนเองดา น แรงจูงใจใฝส มั ฤทธ์ิตอ ความพยายามทางการเรยี น นกั เรยี นมีแนวโนม ทจ่ี ะมคี วามพยายามทางการ เรียนอยา งเตม็ ท่ี ทำส่งิ ที่ดี เหมาะสมอยางท่ตี ัง้ ใจไว พยายามท่จี ะพฒั นาตนเอง ใฝหาความรูด ว ย ตนเอง ท้ังจากตำราเรียน คนควาในหองสมดุ รวมทงั้ การฝก ทักษะจากบทเรยี นที่ยาก การวางแผน การเรียนท่ดี ตี งั้ แตต นปก ารศกึ ษา สว นนักเรยี นท่ีไมเ คยทำมีจำนวนนอ ย ซึง่ ในนกั เรียนกลมุ นี้ จำเปน ตอ งไดรับการพัฒนาเจตคตทิ ี่ใหน กั เรยี นเห็นเปาหมาย คณุ ประโยชน คณุ คา ของความพยายาม รวมทงั้ การยอมรับของสังคมท่มี ตี อ ผูท่ีมคี วามพยายาม รวมท้งั กระตนุ นักเรียนทม่ี ีผลการเรยี นไมดี ใหมีความพยายาม ขยันหมั่นเพียรในดานการเรียน ใหน กั เรยี น ตระหนกั ในการวางแผนทางดา นการเรยี น มคี วามมุงมัน่ มแี รงจงู ใจใฝสมั ฤทธท์ิ างการเรียน และหาก ไดป ฏบิ ตั ติ นจนเปนนสิ ยั กจ็ ะเปนผูทม่ี ีความสำเร็จในชีวิตตามที่ตนไดม งุ หวังไวอ ยางแนนอน ขอ เสนอแนะ ผวู จิ ัยขอเสนอแนะแนวทางเพอ่ื นำขอ คน พบในการวิจัยไปใชในการพัฒนาการเรยี นการสอน คอื 1. ครคู วรศึกษาธรรมชาตขิ องเพศและวยั ของนักเรียน ประกอบกับพฤตกิ รรมของนกั เรียน เพือ่ พฒั นาเจตคตทิ ม่ี ตี อ วนิ ยั ในตนเองดา นวนิ ยั ในหองเรียน ความขยันอดทนทางการเรยี นและ แรงจูงใจใฝส ัมฤทธท์ิ างการเรยี น 2. ครูควรใชจิตวิทยาในการโนม นาวจิตใจใหน ักเรียนใหค วามรวมมือในการพฒั นาเจตคติ ทด่ี ี รวมทัง้ เหน็ คณุ คาของการปรบั เจตคติ
22 ขอ เสนอแนะในการทำวิจัยครง้ั ตอ ไป 1. การวจิ ยั ครงั้ ตอ ไป ควรศึกษาเจตคติที่มตี อ วนิ ัยในตนเองดา นวินัยทางสังคม 2. การวจิ ัยครัง้ ตอ ไป ควรศึกษาปจจัยที่มีผลตอ การพัฒนาเจตคติที่ดีของนักเรียน
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: