โครงงาน เรื่อง การทาเสน้ ขนมจีนสีสันจากธรรมชาติ ผู้จัดทา นางสาวชญานี สลีอ่อน เลขท่ี11 นางสาวอารียา ไชยยะ เลขที่15 นางสาวฐิติรัตน์ มูลคา เลขท่ี31 นางสาววราพรรณ คาของ เลขที่33 นางสาวธญั ชนก นิลคง เลขที่39 อาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงาน คุณครูรัชชนก จิตระวงค์ โรงเรียนปัว สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาน่าน เขต37
กติ ติกรรมประกาศ โครงงานคอมพวิ เตอร์ เรื่อง ขนมจีน จดั ทาไดจ้ นสาเร็จและสามารถนามาใชเ้ ป็นสื่อ การเรียนการสอนหรือแหล่งความรู้ไดด้ ว้ ยความเมตตากรุณาจากอาจารย์ ครูผูส้ อนวชิ า คอมพิวเตอร์ ท่ีไดใ้ หค้ วามรู้ในการจดั ทาโครงงาน คอยใหค้ าช้ีแจง ขอ้ เสนอแนะ และแนวคิด ตลอดจนการแกไ้ ขขอ้ บกพร่องต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่มน้ีเสร็จสมบูรณ์ไดด้ ว้ ยดี คณะผจู้ ดั ทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง สุดทา้ ยน้ี คณะผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ โครงงานวชิ าคอมพวิ เตอร์ เรื่อง การทาเสน้ ขนมจีน สีสนั จากธรรมชาติ จะเป็นประโยชนต์ ่อการศึกษา รวมถึงผทู้ ่ีสนใจทวั่ ไปตามสมควรต่อไป คณะผจู้ ดั ทา
บทคดั ย่อ ขนมจีน เป็นอาหารท่ีข้ึนชื่อชนิดหน่ึงของตาบล ศลิ าแลงเพราะไม่วา่ ใครผา่ นไปผา่ นมา บริเวณตาบลศิลาแลง จงั หวดั น่าน เป็นตอ้ งแวะมาซ้ือเพ่อื ประกอบเป็นอาหารทุกคร้ัง เพราะ เนื่องจากขนมจีน ของจงั หวดั น่าน เป็นขนมจีนท่ีแปลกและแตกต่างจากที่อ่ืน เพราะทางจงั หวดั น่านไดอ้ อกแบบขนมจีนใหม้ ีสีสันน่ารับประทานมากข้ึน โดยปลอดจากสารเคมี แต่เน่ืองจากตาบลศิลาแลงอยหู่ ่างจากตวั เมืองค่อนขา้ งมาก จึงทาใหบ้ างคร้ังนกั ท่องเที่ยวท่ี ไม่ไดผ้ า่ นบริเวณตาบลศลิ าแลง อยากลองแวะซ้ือไปรับประทานขนมจีน กพ็ ลาดโอกาสน้นั ไป และเพ่ือสืบทอดการทาขนมจีนใหอ้ ยคู่ ู่กบั คนในตาบล และผทู้ ่ีสนใจสามารถนาความรู้เหล่าน้ีมา ทดลองกนั ทาได้ คณะผจู้ ดั ทา
สารบญั หนา้ เร่ือง เกี่ยวกบั โครงงาน กิตติกรรมประกาศ บทคดั ยอ่ บทที่ 1 บทนา - ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน - วตั ถุประสงค์ - ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ - ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ บทท่ี 2 เอกสารและโครงงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง บทที่ 3 วธิ ีการจดั ทาโครงงาน - วสั ดุและอุปกรณ์ - วธิ ีการจดั ทาโครงงาน บทที่ 4 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ - สรุปผลการศึกษา - ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากโครงงาน - ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก
บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน ขนมจีนเป็นอาหารท่ีนิยมรับประทานกนั ทวั่ ทุกภาคของประเทศไทย นอกจากจะ รับประทานกนั ในครอบครัวแลว้ ยงั สามารถนามาประกอบอาชีพได้ ซ่ึงขนมจีนท่ีตาบล ประจนั มีลกั ษณะแตกต่างจากขนมจีนของท่ีอื่นๆ คือ เส้นจะเหนียว ขาว นุ่ม และเสน้ เลก็ ดว้ ยลกั ษณะที่ เป็นเอกลกั ษณ์น้ี จึงทาใหข้ นมจีนตาบล ประจนั เป็นท่ีรู้จกั กนั อยา่ งแพร่หลาย เพราะเหตุน้ีจึงทา ใหค้ ณะผจู้ ดั ทาสนใจท่ีจะศกึ ษาเรื่องขนมจีน จงั หวดั น่าน จุดมุ่งหมาย 1.เพอ่ื ตอ้ งการทราบความเป็นมาของขนมจีน 2.เพ่อื ตอ้ งการเผยแพร่ของดีตาบลศิลาแลง อาเภอปัว จงั หวดั น่าน 3.เพอ่ื เป็นการส่งเสริม อนุรักษข์ นบธรรมเนียมประเพณี และสืบสานการทาขนมจีนของ ตาบล ศิลาแลง อาเภอ ปัว จงั หวดั น่าน 4. ศึกษาการใชโ้ ปรแกรม การสร้างเวบ็ บลอ็ ก (Blogger) เพือ่ สร้างเวบ็ ไซตใ์ นการนาเสนอ ขอบเขตการทาโครงงาน ระยะเวลาในการดาเนินงาน การดาเนินงานคร้ังน้ีใชร้ ะยะเวลาต้งั แต่วนั ท่ี 25 สิงหาคม - 29 สิงหาคม พ.ศ 2563
ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1. มีความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การสร้างเวบ็ ไซตด์ ว้ ยโปรแกรม การสร้างเวบ็ บลอ็ ก (Blogger) 2. ทาใหเ้ ยาวชนและประชาชนเขา้ ใจวธิ ีการทาขนมจีน 3. อนุรักษข์ นบธรรมเนียมประเพณี และสืบสานการทาเสน้ ขนมจีนสีสนั จากธรรมชาติ ของ ตาบลศลิ าแลง อาเภอปัว จงั หวดั น่าน
บทท่ี 2 เอกสารและโครงงานทเ่ี กย่ี วข้อง ในการจดั ทาโครงงานคอมพิวเตอร์ กลุ่มของขา้ พเจา้ ไดศ้ ึกษาและหาขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทา ขนมจีน ดงั น้ี 1. ความหมายของขนมจีน 2. ประวตั ิความเป็นมาของขนมจีน 3. ขนมจีนในแต่ละถ่ินของประเทศไทย 4. ขนมจีนนานาชาติ 5. เส้นขนมจีน 6. น้าราดขนมจีน 7. การรับประทาน สร้าง Power point 1. ความสาคญั และประโยชนข์ องเวบ็ ไซต์ 2.โปรแกรมต่างๆ ท่ีจดั ทาเวบ็ ไซต์ ความหมายของขนมจีน ขนมจีน เป็นอาหารคาวชนิดหน่ึง ทาดว้ ยแป้งเป็นเสน้ กลม ๆ คลา้ ย เสน้ หมี่ รับประทาน กบั น้ายา น้าพริก เป็นตน้ อาหารชนิดน้ี ภาษาเหนือเรียก \"ขนมเส้น\" ภาษาอีสานเรียก \"ขา้ วปุ้น\" และภาคใตเ้ รียก \"โหนม้ จีน\"
ประวตั ิความเป็นมาของขนมจีน คาวา่ \"ขนมจีน\" ไม่ใช่ของอาหารจีน แต่คาวา่ \"จีน\" ที่ต่อทา้ ยขนมน้ีสนั นิษฐานกนั วา่ น่าจะมาจากมอญซ่ึงเรียกขนมจีนวา่ \"คนอมจิน\" (คะนอมจิน) หมายถึง \"สุก 2 คร้ัง\" พิศาล บุญ ปลูก ชาวไทยเช้ือสายรามญั ผสู้ นใจศึกษาอาหารและวฒั นธรรมมอญกล่าววา่ \" จริง ๆ แลว้ ขนมจีนเป็นอาหารของคนมอญหรือรามญั คนมอญเรียกขนมจีนวา่ คนอมจิน คนอม หมายความ วา่ จบั กนั เป็นกลุ่มเป็นกอ้ น จินแปลวา่ ทาใหส้ ุก\" นอกจากน้ี \"คนอม\" (คะหนอม) น้นั สนั นิษฐาน วา่ น่าจะใกลเ้ คียงกบั คาไทย \"เขา้ หนม\" แปลวา่ ขา้ วที่นามานวดใหเ้ ป็นแป้งเสียก่อน ซ่ึงภายหลงั กร่อนเป็น \"ขนม\" จริง ๆ แลว้ ขนม ในความหมายด้งั เดิมจึงมิใช่ของหวานอยา่ งท่ีเขา้ ใจใน ปัจจุบนั ขนม หรือ หนม ในภาษาเขมร หรือ คนอม (คะหนอม) ในภาษามอญหมายถึงอาหารท่ี ทาจากแป้ง ดงั น้นั ขนมจีน จึงน่าจะเพ้ยี นมาจาก คนอมจิน (คะนอมจิน) ซ่ึงทาใหเ้ กิดสมมุติฐาน ตามมาอีกวา่ ด้งั เดิมทีเดียวขนมจีนเป็นอาหารมอญ แลว้ จึงแพร่หลายไปสู่ชนชาติอ่ืน ๆ ใน สุวรรณภูมิต้งั แต่โบราณกาล จนเป็นอาหารที่ทางานและมีความนิยมสูง สามารถหาทานไดท้ วั่ ไป ขนมจีนในแต่ละถ่ินของประเทศไทย ภาคกลาง นิยมรับประทานกบั น้าพริก น้ายาและแกงเผด็ ชนิดต่าง ๆ น้ายาของภาคกลาง นิยม รับประทานกบั น้ายากะทิ เนน้ กระชายเป็นส่วนผสมหลกั ส่วนน้าพริกเป็นขนมจีนแบบชาววงั ปนดว้ ยถว่ั เขียว ถวั่ ลิสง รับประทานกบั เครื่องเคียงท้งั ผกั สด ผกั ลวก และผกั ชุบแป้งทอด ขนมจีนซาวน้า เป็นขนมจีนที่นิยมในช่วงสงกรานต์ รับประทานกบั สับปะรดขิง พริกข้ีหนู กระเทียม มะนาว ราดดว้ ยหวั กะทิเคี่ยว ทางสมุทรสงครามและเพชรบุรีจะปรุงรสหวานดว้ ย น้าตาลมะพร้าว
ภาคเหนือ เรียกวา่ ขนมเส้น หรือขา้ วเสน้ หรือขา้ วหนมเสน้ นิยมรับประทานร่วมกบั น้าเง้ียวหรือน้า งิว้ ท่ีมีเกสรดอกงิ้วป่ าเป็นองคป์ ระกอบสาคญั รับประทานกบั แคบหมูและขา้ วก้นั จิ๊น (ขา้ วเง้ียว, จ๊ินสม้ เง้ียว) เป็นเคร่ืองเคียง ในจงั หวดั แพร่มีขนมจีนน้าตม้ เป็นขนมจีนแบบหน่ึง ลกั ษณะคลา้ ย ขนมจีนน้าเง้ียวแต่น้าเป็นน้าใส ไม่ใส่น้าแกง น้าซุปไดจ้ ากการตม้ และเค่ียวกระดูกหมู ใส่ราก ผกั ชี เกลือและน้าปลาร้า มีรสเปร้ียวจากมะเขือเทศ เดิมทีน้นั ขนมจีนน่าจะยงั ไม่แพร่หลายใน ภาคเหนือ เน่ืองจากวา่ น้าเง้ียวเดิมนิยมรับประทานกบั เสน้ ก๋วยเต๋ียว และภาคเหนือมีน้าขนมจีน เพยี งชนิดเดียวคือน้าเง้ียว คาวา่ เง้ียว ในภาษาเหนือหมายถึง ชาวไทใหญ่ และปัจจุบนั มีขนมจีน น้ายอ้ ย โดยจะกินขนมจีนคลุกกบั น้าพริกน้ายอ้ ย แลว้ ใส่น้าปลาหรือผงปรุงรสตามชอบ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เรียกวา่ ขา้ วปุ้น อีสานใตเ้ รียกวา่ นมปั่นเจ๊าะ คลา้ ยกบั กมั พชู า นิยมรับประทานกบั น้ายา ใส่ปลาร้า ใส่กระชายเหมือนน้ายาภาคกลาง และขา้ วปุ้นน้าแจ่วที่รับประทานขนมจีนกบั น้าตม้ กระดูก ปรุงรสดว้ ยน้าปลาร้า ไม่ใส่เน้ือปลา และนาขนมจีนมาทาส้มตาเรียกตาซวั่ นิยมขนมจีน แป้งหมกั ภาคใต้ เรียกวา่ โหนม้ จีน โดยเป็นอาหารเชา้ ที่สาคญั ของภาคใตฝ้ ่ังตะวนั ตก เช่น ระนอง พงั งา ภูเกต็ รับประทานกบั ผกั เหนาะชนิดต่าง ๆ ทางภูเกต็ นิยมรับประทานกบั ห่อหมก ปาท่องโก๋ ชา ร้อน กาแฟร้อน ทางชุมพรนิยมรับประทานขนมจีนเป็นอาหารเยน็ รับประทานกบั ทอดมนั ปลา กราย ส่วนที่นครศรีธรรมราชรับประทานเป็นอาหารเชา้ คู่กบั ขา้ วยา น้ายาทางภาคใตใ้ ส่ขมิ้นไม่ ใส่กระชายเหมือนภาคกลาง ถา้ รับประทานคู่กบั แกงจะเป็นแกงไตปลา
ขนมจีนนานาชาติ เวยี ดนาม มีเส้นคลา้ ยขนมจีนเรียกบุ๋น นิยมรับประทานกบั น้าซุปหมูและเน้ือ ซ่ึงเป็น อาหารท่ีมีชื่อเสียงของเว้ เรียก บูน๊ บ่อเฮว้ ทางภาคเหนือมีขนมจีนกินกบั หมูยา่ งเรียกบุ๊นจ๋า ลาว เรียกวา่ ขา้ วปุ้น นิยมรับประทานกบั น้ายาปลาหรือน้ายาเป็ด ทางหลวงพระบาง รับประทานกบั น้ายาผสมเลือดหมูเรียกน้าแจ๋ว กมั พชู า เรียกวา่ นมปันเจ๊าะ นิยมรับประทานกบั น้ายาปลาร้า ชาวกมั พูชากินขนมจีนกบั น้ายาสองแบบคือแบบใส่กะทิและแบบไม่ใส่กะทิซ่ึงคลา้ ยน้ายาป่ า เน้ือปลาท่ีใส่นิยมเป็นปลาน้า จืด เช่น ปลาดุกและปลาช่อน เคร่ืองแกงเป็นแบบเกรืองเขียวที่ประกอบไปดว้ ยกระเทียม หอม ตะไคร้ ผวิ มะกรูด กระชาย ขมิน้ ใส่ปลาร้าดว้ ย โดยนามาตม้ รวมกบั เน้ือปลา ถา้ เป็นแบบใส่กะทิ จะนาเกรืองและเน้ือปลามาผดั กบั กะทิก่อน แต่ใส่กะทินอ้ ย น้ายาจึงใสกวา่ น้ายากะทิแบบไทย แบบใส่กะทิน้ีนิยมท่ีเสียมราฐ พระตะบองและกมั ปอต นอกจากน้นั น้ายาแบบเขมรไม่ใส่พริก ถา้ ตอ้ งการรสเผด็ จะโรยพริกป่ นลงไปปรุงรสต่างหาก พมา่ มีอาหารประจาชาติเรียกโมนฮีนกา ซ่ึงมีลกั ษณะคลา้ ยขนมจีนน้ายาปลาของไทย แต่ ใส่หยวกกลว้ ย ไม่มีกะทิและกระชาย เส้นขนมจีน ชนิดของเส้น วธิ ีการทาเส้นขนมจีนน้นั ในคุณลกั ษณะเหมือนกนั มีความแตกต่างมากในวธิ ีทาท้งั 2แบบ ต่อไปน้ี เสน้ หมกั ใชว้ ธิ ีการหมกั แป้งขา้ วเจา้ โดย นาแป้งขา้ วเจา้ มาแช่น้าใหน้ ่ิม และนาไปโม่ ก่อนหมกั ประมาณเจด็ วนั เมื่อหมกั แลว้ จึงนามานวดในเคร่ืองนวดแป้ง เส้นสด ใชว้ ธิ ีการผสมแป้งขา้ วเจา้ ไม่ตอ้ งทิ้งไวแ้ ลว้ จึงนามานวดในเครื่องนวดแป้งจะ ไดเ้ สน้ ท่ีเลก็ และนุ่ม
น้าราดขนมจีน น้ายาขนมจีนน้นั มีลกั ษณะคลา้ ยน้าแกง ไม่เหลวจนเกินไป ใชร้ าดไปบนเส้นขนมจีนใน จาน แต่ละทอ้ งถ่ินจะมีน้ายาแตกต่างกนั ไป เช่น น้ายากะทิ น้ายาป่ า น้าพริก น้าแกง น้าเง้ียว แกง ไตปลา ซาวน้า สาหรับเดก็ กย็ งั มี น้ายาหวานที่ไม่มีรสเผด็ และมีส่วนผสมของถวั่ เป็นตน้ การรับประทาน เม่ือเรียงจบั ขนมจีนลงในจบั แลว้ ผรู้ ับประทานจะราดน้ายาลงไปบนเสน้ ขนมจีนใหท้ วั่ ใชช้ อ้ นตดั เส้นขนมจีนใหม้ ีความยาวพอดีคา แลว้ คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กบั น้ายา (บางท่านนิยม รับประทานขนมจีนกบั น้าปลา นอกจากน้ายาแลว้ ยงั มีเคร่ืองเคียงเป็นผกั สดและผกั ดอง ตาม รสนิยมในแต่ละทอ้ งถิ่น ทวา่ ไม่นิยมเติมเครื่องปรุงรสอื่นๆ ในขนมจีน แต่ส่วนใหญ่จะนิยม รับประทานกบั เครื่องเคียงประเภททอด เช่น ทอดมนั ดอกไมท้ อด หรืออื่นๆ ตามแต่ความชอบ และความนิยมในแต่ละภาค
บทที่ 3 วธิ กี ารจดั ทาโครงงาน วสั ดุและอุปกรณ์ 1.ขา้ วสาร 6. ตะกร้า 2.แป้ง 7.เคร่ืองนวดแป้ง 3.น้า 8.เครื่องโรยเสน้ 4.ใบตอง 9.เตาไฟและกระทะ 5.กะละมงั วธิ ีการจดั ทาโครงงาน 1- เเช่ขา้ วสารเป็นเวลา 1 คืน นาขา้ วท่ีเเช่เเลว้ เขา้ เคร่ืองเพอ่ื ทาเป็นแป้ง 2- นาขา้ วท่ีไดจ้ ากการปั่น เขา้ เคร่ืองนวดพร้อมกบั ใส่แป้งเลก็ นอ้ ย นวดใหล้ ะเอียด นวด เรียบร้อยแลว้ กน็ ามาพกั ไว้ 3- นวดเป็นวงรี นาไปตม้ ตม้ เป็นเวลา 15 นาที 4- พอสุกเเลว้ เรากต็ กั ดว้ ยตะกร้า นาไปใส่เคร่ืองนวดอีกคร้ัง นวดใหล้ ะเอียด เสร็จเรียบร้อย เเลว้ กน็ ามาพกั ไว้ 5- นามานวดเป็นวงรีแลว้ มาใส่เคร่ืองทาเป็นเสน้ พอสุกแลว้ ตกั ดว้ ยตะกร้า 6- นาเส้นท่ีไดม้ าลา้ งทาความสะอาดดว้ ยนาสะอาด ตกั เสน้ แลว้ ใส่ในตะกร้าท่ีมีใบตองรอง เเลว้
บทท่ี 5 สรุปผลประโยชน์ทไี่ ด้จากโครงงานและข้อเสนอแนะ สรุปผล 1. การทาโครงงานประสบความสาเร็จตามท่ีวางไว 2. สามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ ริงนาไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ 3. ไดส้ ่งเสริม อนุรักษข์ นบธรรมเนียมประเพณี และสืบสานการทาขนมจีน ผลประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากโครงงาน 1. ทาใหท้ ราบถึงความเป็นมาและวธิ ีการทาขนมจีน 2. ไดเ้ ผยแพร่ของดีของตาบล ศิลาแลง อาเภอปัว จงั หวดั น่าน 3. สามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ ริงนาไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ 4.ไดส้ ่งเสริม อนุรักษข์ นบธรรมเนียมประเพณี และสืบสานการทาขนมจีน ขอ้ เสนอแนะ 1. ขนมจีนในทุกๆร้านในตาบล ประจนั มีรสชาติอร่อยทุกร้า 2. สามารถมารับประทานกบั ผกั หรือแกงเขียวหวานและแกงอื่นๆได้ 3. สามารถนาเสน้ ที่ไดม้ าผสมกบั สีธรรมชาติเพื่อใหเ้ กิดสีท่ีแตกต่างและน่ารับประทานมาก ยง่ิ ข้ึน 4. นาไปต่อยอดและเปิ ดเป็นร้านอาหารได้ 5. นาไปเผยแพร่ต่อใหผ้ อู้ ่ืนท่ีตอ้ งการมาศกึ ษาความรู้ท่ีเป็นประโยชนต์ ่อไป
แหล่งอ้างองิ 1. https://puechkaset.com/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0 %B8%B5%E0%B8%99/ 2.http://sasisaisanit.blogspot.com/2013/05/blog-post_19.html 3.http://202.29.22.167/newlocaldb/stdlocal/2554/may/Kanton.html
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: