Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-booklสารเคมีในอุตสาหกรรม

e-booklสารเคมีในอุตสาหกรรม

Published by ชัชฎาภรณ์ คงงาม, 2021-10-16 09:26:43

Description: e-booklสารเคมีในอุตสาหกรรม

Search

Read the Text Version

หนว่ ยเรียนท่ี 5 สารเคมใี นอุตสาหกรรม

สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของอตุ สาหกรรม 2. ประเภทของอตุ สาหกรรม 3. สารเคมที ใี่ ช้ในอุตสาหกรรม 4. สารเคมอี น่ื ๆ ท่ใี ช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท 5. สารเคมที ถี่ กู ปลดปลอ่ ยจากโรงงานอุตสาหกรรม

จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. บอกความหมายของอตุ สาหกรรมได้ 2. จาแนกประเภทอุตสาหกรรมได้ 3. บอกหน้าทข่ี องสารเคมชี นดิ ตา่ งๆ ท่ใี ช้ในอตุ สาหกรรมได้ 4. บอกอนั ตรายจากสารเคมีที่ถูกปลดปลอ่ ยจากโรงงาน อตุ สาหกรรมได้ 5. บอกค่ามาตรฐานของสารเคมีทยี่ อมใหป้ ลดปล่อยจาก โรงงานอุตสาหกรรมได้

ความหมายของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรม (Industry) คอื กระบวนการแปรรปู หรือการผลิต สง่ิ ของจากวตั ถุดบิ ให้เปน็ วัสดุใหม่ โดยการใชเ้ ครื่องจักรหรอื แรงคน จนสามารถนาไปขายเปน็ สนิ ค้าได้

ประเภทอุตสาหกรรม 1. การแยกประเภทอตุ สาหกรรมตามกรรมวิธี แยกเป็น 4 ประเภท คือ 1.1 อุตสาหกรรมสกดั จากธรรมชาติ หมายถงึ การสกัดหรอื แยก หรือนาเอาทรัพยากร ธรรมชาติมาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ เชน่ การทา เหมืองแร่ การประมง การปา่ ไม้ 1.2 อุตสาหกรรมการผลติ หมายถงึ การนาเอาวัตถดุ บิ จาก อตุ สาหกรรมการสกัดจากธรรมชาตมิ าผลติ เปน็ วตั ถุสาเรจ็ รปู หรอื ผลิตภัณฑอ์ ื่น เชน่ การผลิตกระดาษ การผลติ ผ้า 1.3 อตุ สาหกรรมการขนส่ง หมายถงึ การประกอบการเพือ่ นาวัตถุ สาเร็จรูปไปยงั ผ้บู ริโภค เช่นการเดินเรือ การรถไฟ การเดินอากาศ 1.4 อตุ สาหกรรมการบรกิ าร หมายถงึ การประกอบกจิ การด้าน การใช้บริการตา่ ง ๆ เชน่ การท่องเท่ยี ว การโรงแรม

ประเภทอุตสาหกรรม(ต่อ) 2. การแยกประเภทอตุ สาหกรรมตามลักษณะและขนาดของกจิ การ แบง่ เป็น 3 ประเภท คือ 2.1 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หมายถงึ อุตสาหกรรมทต่ี อ้ งใชแ้ รงงาน เคร่อื งจักร อุปกรณแ์ ละเงนิ ทนุ สงู มาก เชน่ อตุ สาหกรรมถลงุ เหลก็ และผลติ เหล็กกลา้ 2.2 อตุ สาหกรรมขนาดย่อม หมายถงึ อตุ สาหกรรมที่ใชแ้ รงงาน เครือ่ งจกั รและอปุ กรณ์ ตลอดจนเงินทุนน้อยกวา่ อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนมากเป็นอตุ สาหกรรมที่ผลิตเครื่องอุปโภคทั่ว ๆ ไป เชน่ อตุ สาหกรรมฟอก หนัง อุตสาหกรรมนาตาล 2.3 อตุ สาหกรรมในครวั เรือน หมายถงึ อตุ สาหกรรมที่ทากันภายใน ครอบครัว ในบา้ นที่อยู่อาศัย เปน็ อุตสาหกรรมท่ีใชแ้ รงงานเปน็ ส่วนใหญท่ า ผลติ ภณั ฑ์ที่ใช้ความชานาญทางฝีมอื เช่น การจักสาน การแกะสลกั

ประเภทอุตสาหกรรม(ต่อ) 3. การแยกประเภทอตุ สาหกรรมตามลักษณะการใช้ แยกออกเป็น 2 ประเภท คอื 3.1 อตุ สาหกรรมสนิ ค้าทนุ หมายถึง อุตสาหกรรมทผ่ี ลิตสินค้าซึ่ง สว่ นใหญน่ าไปใชเ้ ป็นวัตถุดบิ ของโรงงานอุตสาหกรรมอืน่ ๆ เช่น การทา เครื่องจกั ร การถลงุ โลหะ อตุ สาหกรรมฟอกหนัง 3.2 อุตสาหกรรมสนิ ค้าบริโภค หมายถึง อตุ สาหกรรมทท่ี าการ ผลิตใหไ้ ดผ้ ลติ ผลสาหรบั ประชาชนนาไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั เชน่ อตุ สาหกรรมอาหารสาเร็จรปู

ประเภทอุตสาหกรรม(ต่อ) 4. การแยกประเภทอุตสาหกรรมตามสภาพและสมบตั ิผลติ ภัณฑ์ ซ่งึ แบ่ง ออกเป็น 3 ประเภท 4.1 ประเภทถาวร หมายถงึ อุตสาหกรรมท่ที าการผลิต ผลติ ภัณฑ์ ที่มคี วามคงทนถาวร หรอื มอี ายกุ ารใชง้ านนาน เช่น การทาเครือ่ งจกั ร 4.2 ประเภทกึ่งถาวร หมายถงึ อุตสาหกรรมที่ทาการผลิต ผลติ ภณั ฑ์ทม่ี ีอายกุ ารใชง้ านในระยะเวลาอันสัน เช่น เสือผ้า หลอดไฟ ดนิ สอ 4.3 ประเภทไม่ถาวรหรอื ประเภทสินเปลือง หมายถงึ อุตสาหกรรมท่ีทาการผลิตผลติ ภัณฑท์ ี่เม่อื ใชง้ านเพยี งครังเดียวกแ็ ปร สภาพไปหรอื ไมอ่ าจนากลับมาใชป้ ระโยชน์ไดอ้ กี เช่น อตุ สาหกรรมเคมี อตุ สาหกรรมอาหารสาเร็จรูป

ประเภทอุตสาหกรรม(ต่อ) 5. การแยกประเภทอตุ สาหกรรมตามลกั ษณะของการผลิต จะแบ่งเปน็ 3 ประเภท 5.1 อตุ สาหกรรมเบอื งต้น หรอื อตุ สาหกรรมท่ี 1 เปน็ การผลติ เพ่อื ให้ไดว้ ัตถุดิบไปใชป้ ระกอบการอยา่ งอน่ื เช่น การกสกิ รรม การ ประมง การทาเหมืองแร่ 5.2 อุตสาหกรรมที่ 2 เป็นการผลติ วตั ถุสาเร็จรูป เช่น การ ทาอาหารกระปอ๋ ง การสีข้าว 5.3 อุตสาหกรรมที่ 3 เป็นกจิ การด้านบริการ เชน่ การ ขนส่ง การโรงแรม

สารเคมีท่ใี ช้ในอุตสาหกรรม 1. สารเคมีท่ีใช้ในอตุ สาหกรรมอาหาร 1. สารฟอกขาว คอื สารเคมกี ลุม่ ซลั ไฟด์ท่ีมีคณุ สมบตั ิในการยบั ยงั้ การเปล่ยี น สขี องอาหารไมใ่ ห้เปน็ สนี ้าตาลเมอ่ื อาหารถูกความรอ้ นในกระบวนการผลิต หรือถกู หนั่ ตัดแล้วทง้ิ ไว้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบตั ิยบั ยงั้ การเจริญของจุลินทรยี ์ สารฟอกขาวชนดิ ที่ได้รับอนุญาตใหใ้ ชใ้ นอตุ สาหกรรมอาหาร ตาม ประกาศกระทรวง สาธารณสุข เร่อื งวตั ถุเจอื ปนอาหาร ได้แก่ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) โซเดียมซัลไฟต์(Na2SO3) โซเดยี มไบซัลไฟต์ (NaHSO3)และโซเดยี มเมตาไบ ซลั ไฟต์ (Na2S2O5) สารฟอกขาวชนดิ ที่ไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตให้ใช้ในอตุ สาหกรรมอาหาร สาร ฟอกขาวทสี่ ่งั หา้ มเดด็ ขาดไมใ่ ห้นา้ มาเจอื ปนในอาหารมีชื่อว่า โซเดยี มไฮโดรซลั ไฟด์ (Na2O4 S2) มีชอื่ ตาม IUPAC คอื โซเดียมไดไธโอไนต์ (Sodium dithionite)

อาหารทม่ี กั ตรวจพบสารฟอกขาว จาพวกสารโซเดียมไฮโดรซลั ไฟต์ ได้แก่ ถ่ัวงอก ขงิ ฝอย ยอด มะพร้าว กระท้อน อตุ สาหกรรมการผลติ หน่อไม้ดองอัดปีบ๊ นาตาล มะพรา้ ว ทเุ รียนกวน มะพรา้ วแกว้ อันตรายของสารฟอกขาว 1. หากสัมผัสสารฟอกขาวโดยตรงจะทาใหผ้ ิวหนังอกั เสบ เปน็ ผ่นื แดง 2. ถ้าบริโภคเข้าไป จะทาให้เกิดอาการอกั เสบในอวยั วะท่สี ัมผสั เช่น ปาก ลาคอ กระเพาะ 3. ทาใหเ้ กิดอาการแน่นหนา้ อก หายใจไมส่ ะดวก ปวดศรี ษะ อาเจยี น อจุ จาระรว่ ง 4. หากแพ้สารนอี ย่างรนุ แรง จะทาให้ถา่ ยเปน็ เลือด ชกั ช็อก หมดสติ หายใจไม่ออก ไตวาย และเสยี ชีวติ ได้

การทดสอบสารฟอกขาว หากสงสยั วา่ อาหารบางชนิด เช่น ถว่ั งอก ผ้าขีริว ตีนไก่ กระทอ้ นดอง ทเุ รยี นกวน ยอดมะพร้าวหรอื อน่ื ๆ มีสารฟอกขาว โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ ปน อยหู่ รอื ไม่ สามารถใช้ชุดทดสอบโซเดียมไฮโดรซลั ไฟต์(สารฟอกขาว) ใน อาหาร ของกรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ เพ่ือทดสอบ นายาทีใ่ ชท้ ดสอบโซเดียม ไฮโดรซัลไฟต์ คือ สารละลายคอปเปอร(์ II)ซลั เฟต (CuSO4.5H2O) น่ันเอง

สารเคมีท่ใี ช้ในอุตสาหกรรมอาหาร(ต่อ) 2. สารกนั บดู (preservatives) คือสารเคมหี รอื ของผสมของ สารเคมที ีใ่ ช้ในการถนอมอาหาร สารกันบูด อาจเรยี กอกี ช่ือหนงึ่ วา่ วัตถุกัน เสีย คือวตั ถุเจอื ปนอาหาร ทชี่ ่วยยดื อายุการเก็บรักษา ชว่ ยในการถนอม อาหารได้ สารกันบูดท่ีนยิ มกนั มากคอื กลมุ่ พวกกรดอ่อนต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1. กรดซติ ริก(C5H7O5COOH) 2. กรดโพรพโิ อนิก และเกลอื โพรพิโอเนต(C2H5COOH, C2H5COO- ) 3. กรดเบนโซอกิ และเกลือเบนโซเอต (C6H5COONa, C6H5COO- ) *อาหารทีไ่ มจ่ าเป็นท่ีตอ้ งใช้สารกันบูดเลย น่นั กค็ ืออาหารกระปอ๋ ง ทีผ่ ่านการฆ่าเชอื จุลนิ ทรยี ์เรียบรอ้ ยแลว้

อนั ตรายจากสารกนั บูด การใช้สารกนั บูดอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ ผูบ้ รโิ ภคได้ เชน่ อาหารปร“ะดเภนิ ทปเรนะอืสสวิ ัต”วห์ หรือากโพใชแใ้ทนสปเซรมิยี ามณไนทเี่เตกรนิ ตก(าKหNนOด3จ)ซะง่ึมนีผิยลมทนาาใหมาท้ ใอ้ ชง้กเสับีย คลนื่ ไส้ อาเจยี น วิงเวยี นศรี ษะ ในรายทีม่ ีอาการรนุ แรงจะทาใหเ้ ม็ดเลอื ดแดง หมดสภาพในการพาออกซิเจนไปเลยี งเซลล์ตา่ ง ๆ ของร่างกาย จะเกดิ อาการตัว เขียวหายใจไมอ่ อก และอาจถงึ ตายได้ นอกจากนดี นิ ประสิวยังเปน็ สารกอ่ มะเรง็ อกี ดว้ ย \"โซเดยี มเบนโซเอต\" เปน็ วัตถเุ จือปนอาหารเพอื่ ยบั ยังการเจริญ เตบิ โต ของแบคทเี รีย และเชอื ราบางชนดิ โดยทวั่ ไปแลว้ จะคอ่ นขา้ งปลอดภัย แต่ก็ พบวา่ ทาใหเ้ กิดอาการแพไ้ ด้ โดยเฉพาะคนท่ีมปี ระวตั เิ ป็นโรคภมู ิแพ้ นอกจากนี การ ใช้ในปริมาณที่สูงจะทาให้ระคายเคอื งตอ่ กระเพาะอาหาร พิษกึ่งเฉยี บพลัน คือจะทาให้นาหนกั ลด ทอ้ งเสีย ระคายเคืองตอ่ เนอื เยือ่ ตา่ งๆเลอื ดออกในรา่ งกาย ตบั ไตใหญ่ขึน เปน็ อัมพาตและตายในทส่ี ุด ถา้ ไดร้ ับสารนีเปน็ เวลานานอาจทา ให้เกิดการกอ่ กลายพันธแ์ุ ละทารกในครรภ์มีรูปวิปรติ

สารเคมีท่ใี ช้ในอุตสาหกรรมอาหาร(ต่อ) 3. กัมอราบิก (Gum Arabic) เป็นสารประกอบธรรมชาตชิ นิดหน่ึง ที่อยู่ในกลมุ่ สารไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloids) ท่ีนยิ มใช้กนั แพรห่ ลายในวงการอุตสาหกรรมอาหาร กมั อราบกิ มาจากนายางธรรมชาติ ทไี่ หลออกมาจากผิวเปลอื กของลาต้นของพชื ในกลุม่ อากาเซีย (Acacia) ประโยชนข์ องกัมอราบิก ลูกอมลกู กวาด ช่วยปอ้ งกันการตกผลกึ ของนาตาล เคร่ืองด่ืม ใหค้ วามคงตัวของฟองเบยี รท์ ีน่ ุม่ และละเอยี ด ช่วยให้เกิด ความขนุ่ คลา้ ยกบั ว่ามเี นือผลไม้ในนาผลไม้มากขนึ ขนมอบ มีคณุ สมบตั ทิ ีด่ ีขึน ผลติ ภณั ฑ์สารใหก้ ลิน่ ลดการระเหยของสารให้กลิน่ รส

2. สารเคมที ใ่ี ชใ้ นอุตสาหกรรมส่งิ ทอ 1. สารเคมที ใ่ี ช้ในการขจัดสิ่งสกปรก (1) โซดาไฟ (sodium hydroxide : NaOH) (2) นาสบู่ (detergent) (3) สารจับโลหะ (complexing agent) 2. สารเคมีทีใ่ ชใ้ นการฟอกขาว (1) สารออกซไิ ดส์ (2) สารรดี วิ ซ์

3.สารเคมีท่ีใช้ในอุตสาหกรรมพลาสตกิ ในการขนึ รปู พลาสติกต้องนาสารเหล่านีมาผสมกันเปน็ คอมพาวด์ • เรซนิ (Resins) • พลาสติไซเซอร์ (Plasticizers) • สเตบิไลเซอร์ (Stabilizers) • ฟลิ เลอร์ (Fillers) • สารหลอ่ ลื่น (Lubricants) • โมดฟิ ายเออร์ (Modifiers) • โพรเซสซิงเอด (Processing Aids) • สี (Dyes and Pigments)

ประเภทของพลาสตกิ พลาสติกมีหลายชนิด อาจแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญๆ่ โดยจ้าแนกตามการ ออ่ นตัวเม่ือได้รับความรอ้ น 2. เทอรโ์ มพลาสตกิ 1.เทอรโ์ มเซตติง เม่ือถกู ความรอ้ นทาใหไ้ มส่ ญู เสียสภาพ เม่ือไดร้ บั ความรอ้ นสงู ทาใหส้ ญู เสีย คุณลักษณะไมเ่ ปลย่ี น เมอ่ื ถูกหลอมด้วย สภาพ คุณลักษณะ เปลย่ี นไป ได้แก่ ความร้อนสามารถแขง็ ตวั ได้ใหม่เหมอื นเดมิ • ฟีนอล-ฟอรม์ าลดไี ฮดเ์ รซิน (PF) • โพลีเอสเทอร์ชนิดไมอ่ ิม่ ตัว (UP) ไดแ้ ก่ • อีพอกซีเรซิน (Epoxy resins) • โพลเี อทิลีน (PE) • โพลยี รู เี ทน (PU) • โพลไี วนลิ คลอไรด์ ( PVC) • ยูเรีย-ฟอรม์ าลดีไฮด์ (UF) • โพลีสไตรนี (PE) • และเมลามนี (MF) • โพลโี พรพลิ นี (PP) • โพลีเมธิลเมธาไครเลต (PMMA) • โพลีเอไมด์ (Polyamides: PA)

สารท่เี กิดขนึ จากโพลีเมอร์ของพลาสติกชนดิ ต่างๆ เมือ่ ไดร้ ับความรอ้ น โพลีเมอร์ สารที่ให้ โพลีเอทลิ ีน คาร์บอนมอนอกไซด์ โพลไี วนลิ คลอไรด์ ไวนลิ คลอไรด์, ไฮโดรคลอริกแอซิด, ฟอสจนี ,ไดออกซิน ,ฟแู รน โพลสี ไตรนี สไตรนี ,เบนซีน ฟลูออโรโพลีเมอร์ คารบ์ อนิลฟลูออไรด์, เปอรฟ์ ลูออโรไอโซบทู ลิ นี , ไฮโดรฟลูออริกแอซดิ โพลยี ูรเี ทน อลั ดไี ฮด์, แอมโมเนยี , ไซยาไนด,์ ไอโซไซยาเนต, ไนโตรเจนไดออกไซด์ ฟีนอลกิ (Phenolic) ฟอร์มาลดไี ฮด์, อัลดไี ฮด์ , แอมโมเนยี ไซยาไนด,์ ไนโตรเจนไดออกไซด์

4. สารเคมใี นอุตสาหกรรมสีและตัวทาละลาย 1. ทนิ เนอร์ (Thinner) ใชม้ ากในอุตสาหกรรมสี โรงพมิ พ์ ผลิตพลาสติก ผสมสีเคลือบ สีทา แลกเกอร์ มีองคป์ ระกอบของตวั ทา้ ละลาย 4 ชนดิ คือ 1. คโี ตน (Ketone) 18% 2. แอลกอฮอล์ (Alcohol) 8% 3. อีเทอร์ (Ester) 3% 4. สารไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) 71% เชน่ ไซลนี โทลอู นี ความเป็นอนั ตราย 1. เปน็ วัตถุไวไฟ และเปน็ พษิ ห้ามรบั ประทานหรือสดู ดม ควรใช้ในที่ที่มี อากาศถา่ ยเทได้ดี 2. ไอระเหยสามารถกระจายไปได้ในระยะไกล สามารถทาให้ตดิ ไฟและเกิด ระเบิดได้

4. สารเคมใี นอุตสาหกรรมสแี ละตวั ทาละลาย(ต่อ) 2. เฮกเซน (hexane) เปน็ สารที่ผลติ ไดจ้ ากกระบวนการกลนั่ นามันดบิ หรือการแยกก๊าซปิโตรเลียมเหลว ที่ถกู นามาใชง้ านสาหรบั เปน็ ตวั ทา ละลายในอตุ สาหกรรมต่างๆ อาทิ การสกัดสารอนิ ทรีย์จากสมุนไพร หรอื ใชเ้ ป็นส่วนผสมเพ่ือเป็นตัวทาละลายสี ความเปน็ อนั ตราย จัดเปน็ สารมพี ิษ ห้ามรับประทานหรอื สูดดม และควรใชใ้ นสถานทีท่ ่ีมกี ารระบายอากาศที่ดี ไอระเหยมคี วามไวไฟสงู ตอ้ งหลีกเลีย่ งความร้อน และประกายไฟขณะใชง้ าน เป็นอนั ตรายต่อ ผิวหนงั ตา ทาใหเ้ กิดการอักเสบ ระคายเคือง

5. สารเคมีในอตุ สาหกรรมปุ๋ยเคมี 1. ปยุ๋ ยูเรีย หรือ ปุ๋ยคารบ์ าไบต์ สูตรเคมี ( NH2) 2CO วัตถดุ บิ ทใ่ี ชผ้ ลิต คือ กา๊ ซแอมโมเนีย (NH 3) กับกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) 2NH3(g) + CO2 (g) -----------> ( NH2)2CO (s) + H2O (l) 2. ป๋ยุ ฟอสเฟต เปน็ ปยุ๋ ทม่ี ธี าตฟุ อสฟอรัสเป็นองคป์ ระกอบ ซ่ึงเปน็ สารอาหารของพชื แหล่งที่พบในประเทศไทย จะเป็นพวกหนิ ฟอสเฟตท่ี ละลายนาไดน้ อ้ ยมาก ท่ีอาเภอแม่ทา จงั หวัดลาพนู อาเภอเกาะคา จงั หวดั ลาปาง และอาเภอเมือง จังหวดั ราชบุรี วตั ถดุ ิบทีใ่ ช้ผลิตคอื หนิ ฟอสเฟต (CaF2.3Ca 3(PO4) 2)

5. สารเคมใี นอุตสาหกรรมสารซกั ฟอก 1. สบู่ (Soap) ทาจากไขสตั ว์ หรอื นามนั พชื และดา่ ง ดา่ งที่ใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) หรอื โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) ผล สุดทา้ ยของปฏกิ ริ ิยาจะได้สบู่ กับกลีเซอรีน ดังสมการ (C17H35COO)3C3 H5(s) + NaOH (aq) C17H35 COONa(s)+C3H5(OH)3 (l) สารทีเ่ ตมิ ลงในสบู่ (soap additives) • สารเพิ่มความสะอาด • สารท่มี ีกล่นิ หอม • สี • สารฆา่ เชือโรค • สารดบั กล่นิ ตวั

5. สารเคมใี นอตุ สาหกรรมสารซกั ฟอก(ต่อ) 2. ผงซกั ฟอก (Detergent) มีสารเคมีท่ีเป็นสว่ นประกอบดังนี 1. สารลดแรงตึงผวิ 2. สารลดความกระด้างของนา 3. นายาล้างจาน มีสว่ นประกอบหลกั คอื 1. N70 มชี ื่อเตม็ วา่ Texapon N70 มชี อื่ ทางเคมีวา่ Sodium Laurylether sulfate หรอื เรียกยอ่ ๆ วา่ SLES เปน็ สารลดแรงตงึ ผิว ประจลุ บ มหี น้าที่ เป็นสารทาความสะอาด ขจดั คราบนามนั ทาใหเ้ กดิ ฟอง 2. F-24 มีช่อื เตม็ ว่า Neopelex หรอื LAS (linearalkylbenzene Sulfonate) คอื สารขจัดคราบไขมัน

สารเคมีอื่นๆ ทใ่ี ชใ้ นอุตสาหกรรมหลายประเภท 1. กรดเกลอื หรอื เรยี กอีกชอ่ื กรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) เป็นกรดทีใ่ ช้กันมาก ในอุตสาหกรรม การผลติ คลอไรด์ อุตสาหกรรมสี ชบุ โลหะ ใช้ถลุงแรเ่ พือ่ ผลิต ดีบุก และแทนทาลัม ใช้ในการปรับความเปน็ กรด-ด่าง โดยเฉพาะสารทีเ่ ป็นดา่ ง ใหม้ คี วามเปน็ กรด ใช้ Hydrolized แปง้ และโปรตีน เพื่อผลติ อาหารรปู แบบ ต่าง ๆ ใช้กดั ผวิ และทาความสะอาดผิวโลหะใชใ้ นโรงงานอตุ สาหกรรมอืน่ ๆ 2. โซดาแผดเผา, โซดาไฟ หรือ คอสติกโซดา ใชป้ ระโยชนใ์ นอุตสาหกรรมทา สบู่ เสน้ ใยเรยอน“ 3. โซเดียมซิลิเกต (Na2Si3O7) ใชเ้ ป็นสารในการทาความสะอาด สบู่ และ เคร่อื งสาอางอืน่ ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิกโดยใช้เปน็ สารป้องกันการ ตกตะกอน(Deflocculant)ในนาดนิ (slip) ทใี่ ชใ้ นการหลอ่ ขึนรูปเซรามิก

สารเคมที ีถ่ ูกปลดปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมมกี ารควบคุมคา่ มาตรฐานนาทิงจากโรงงาน อตุ สาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัตโิ รงงาน พ.ศ. 2535

นาเสยี ที่ได้จากอุตสาหกรรมทางเคมปี ระกอบด้วยสารอนินทรีย์ และสารอนิ ทรยี ท์ ีล่ ะลายนาได้และละลายนาไม่ได้ ซึ่งงานทางวิศวกรรมเคมี ไดเ้ สนอแนวทางใหก้ ารบาบัดนาเสียไว้ 4 แนวทางดังนี - วธิ ที างกล (Mechanical) เชน่ การกรอง การหมุนเหว่ียงแยก - วิธที างความร้อน (Thermal) เช่น การกล่นั การระเหย การตกผลึก - วธิ ที างชีวภาพ (Biological) เช่น การใช้จุลนิ ทรยี ใ์ นการยอ่ ยสลายหรือ บาบัดนาเสยี - วิธที างเคมี (Chemical) เชน่ การเตมิ สารเคมี หรอื การใช้ แสง UV เปน็ ต้น

ค่ามาตรฐานนา้ ทงิ้ จากโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม ดัชนีคุณภาพนา้ คา่ มาตรฐาน วิธีวิเคราะห์ 1. ค่าความเป็ นกรดและด่าง (pH valve) 5.5-9.0 pH Meter 2. ค่าทีดเี อส (TDS หรือ Total Dissolved Solids) ระเหยแห้งที่อณุ หภมู ิ 103-105oC เป็นเวลา 1 ชวั่ โมง • ไมเ่ กิน 3,000 มก/ล. หรืออาจแตกตา่ งแล้วแตล่ ะประเภทของแหลง่ รองรับนา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรม ท่ีคณะกรรมการควบคมุ 3. ค่าสารแขวนลอย มลพษิ เห็นสมควรแตไ่ มเ่ กิน 5,000 มก./ล. กรองผา่ นกระดาษกรองใยแก้ว (Glass Fiber Filter Disc) (Suspended Solids) • นา้ ทงิ ้ ท่ีจะระบายลงแหลง่ นา้ กร่อยที่มีคา่ ความเคม็ (Salinity) เกิน 2,000 มก./ล. หรือลงสทู่ ะเล คา่ ทีดีเอสในนา้ ทงิ ้ จะมีคา่ มากกวา่ คา่ ทีดีเอ สท่ีมีอยใู่ นแหลง่ นา้ กร่อยหรือทะเลได้ไมเ่ กิน 5,000 มก./ล. 4. อุณหภูมิ (Temperature) ไมเ่ กิน 50 มก./ล หรืออาจแตกตา่ งกนั แล้วแตป่ ระเภทของแหลง่ รองรับนา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรมหรือประเภทของระบบบาบดั นา้ เสีย 5. สีหรือกล่นิ ตามที่คณะกรรมควบคมุ มลพษิ เห็นสมควรไมเ่ กิน 150 มก./ล 6. ซัลไฟด์ (Sulfide หรือ H2S) ไมเ่ กิน 40o C เคร่ืองวดั อณุ หภมู ิ หมายเหตุ วดั ขณะโรงงานดาเนินงาน 7. ไซยาไนด์ (Cyanide หรือ HCN) 8. นา้ มันและไขมัน (Fat, Oil and Grease) ไมเ่ ป็นที่พงึ รังเกียจ ไมไ่ ด้กาหนด ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล. Titrate 9. ฟอร์มาลดไี ฮด์ (Formaldehyde) 10. สารประกอบฟี นอล (Phenols) ไมเ่ กิน 0.2 มก./ล. กลนั่ และตามด้วยวธิ ีPyridine Barbituric Acid 11. คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) สกดั ด้วยตวั ทาละลายแล้วแยกหานา้ หนกั ของนา้ มนั และไขมนั 12. สารปราบศัตรูพชื และสัตว์ (Pesticide) ไมเ่ กิน 5.0 มก./ล. หรืออาจแตกตา่ งแล้วแตล่ ะประเภทของแหลง่ รองรับนา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรมตามที่คณะกรรมการควบคมุ 13. ค่าบีโอดี ( 5 วัน ท่ีอุณหภูมิ 20 oC (Biochemical มลพิษเห็นสมควรแตไ่ มเ่ กิน 15 มก./ล. Spectrophotometry Oxygen Demand : BOD) กลนั่ และตามด้วยวธิ ี 4-Aminoantipyrine ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล. lodometric Method 14. ค่าทเี คเอน็ (TKN หรือ Total Kjeldahl Nitrogen) Gaschromatography ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล. Azide Modification ท่ีอณุ หภมู ิ 20oC เป็นเวลา 5 วนั 15. ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand : COD) ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล. Kjeldahl 16. โลหะหนัก(Heavy Metal) 1) สังกะสี (Zn) ต้องตรวจไมพ่ บตามวิธีตรวจสอบที่กาหนด Potassium Dichromate Digestion 2.) โครเมียม(Cr6+) 3) โครเมียม(Cr3+) ไมเ่ กิน 20 มก./ล. หรือแตกตา่ งแล้วแตล่ ะประเภทของแหลง่ นา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรม ตามที่คณะกรรมการควบคมุ มลพิษ Atomic Absorption 4) ทองแดง (Cu) เห็นสมควรแตไ่ มเ่ กิน 60 มก./ล. Spectro Photometry ชนิด Direct Aspiration หรือวิธี Plasma 5) แคดเมียม (Cd) Emission Spectroscopy ชนดิ Inductively Coupled Plama : 6) แบเรียม (Ba) ไมเ่ กิน 100 มก./ล. หรือแตกตา่ งแล้วแตล่ ะประเภทของแหลง่ นา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรม ตามที่คณะกรรมการควบคมุ มลพษิ ICP 7) ตะก่ัว (Pb) เห็นสมควรแตไ่ มเ่ กิน 200 มก./ล. Atomic Absorption 8) นิกเกลิ (Ni) Spectro Photometry ชนิด Direct Aspiration หรือวธิ ี Plasma 9) แมงกานีส (Mn) ไมเ่ กิน 120 มก./ล. หรือแตกตา่ งแล้วแตล่ ะประเภทของแหลง่ นา้ ทงิ ้ หรือประเภทของโรงงานอตุ สาหกรรม ตามท่ีคณะกรรมการควบคมุ มลพิษ Emission Spectroscopy ชนดิ Inductively Coupled Plama : เหน็ สมควรแตไ่ มเ่ กิน 400 มก./ล. ICP 10) อาร์เซนิก (As) มเ่ กิน 5.0 มก./ล. 11) เซเลเนียม (Se) ไมเ่ กิน 0.25 มก./ล. ไมเ่ กิน 0.75 มก./ล. 12) ปรอท (Hg) ไมเ่ กิน 2.0 มก./ล. ไมเ่ กิน 0.03 มก./ล ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล ไมเ่ กิน 0.2 มก./ล. ไมเ่ กิน 1.0 มก./ล. ไมเ่ กิน 5.0 มก./ล. ไมเ่ กิน 0.25 มก./ล. -Atomic Absorption Spectrophotometry ชนิด Hydride ไมเ่ กิน 0.02 มก./ล. Generation หรือวธิ ี Plasma Emission Spectroscopy ชนิด ไมเ่ กิน 0.005 มก./ล. Inductively Coupled Plasma : ICP -Atomic Absorption Spectrophotometry ชนิด Hydride Generation หรือวิธี Plasma Emission Spectroscopy ชนิด Inductively Coupled Plasma : ICP -Atomic Absorption Cold Vapour Techique


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook