จานวน 20 ข้อ
1. ลกั ษณะท่ีเหมือนกนั ของ เห็ด ผกั บุง้ กระต่ำย ก. กำรตอบสนอง กำรสร้ำงอำหำร กำรสืบพนั ธุ์ ข. กำรหำยใจ กำรสืบพนั ธุ์ กำรสร้ำงอำหำร ค. กำรสืบพนั ธุ์ กำรเคล่ือนท่ี กำรสร้ำงอำหำร ง. กำรเจริญเติบโต กำรหำยใจ กำรสืบพนั ธุ์
2. ส่ิงใดท่ีใชใ้ นกำรจำแนกระหวำ่ ง เห็ด และ ผกั บุง้ ใหอ้ ยคู่ นละประเภท ก. กำรเคล่ือนไหว ข. กำรหำยใจ ค. กำรเจริญเติบโต ง. กำรสร้ำงอำหำร
3.หำกเรำใชเ้ กณฑใ์ นกำรจดั จำแนกสิ่งมีชีวติ ใหอ้ ยู่ ในกลุ่มเดยี วกนั คอื การเคลอ่ื นั่ี ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. เห็ด เฟิ ร์น กหุ ลำบ ข. กบ กุหลำบ รำ ค. กงุ้ กบ ขำ้ ว ง. เสือ เห็ด ผกั กำด
4. ด.ญ.ฟรุ้งฟริ้ง จำแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็น 2 กลุ่ม ดงั น้ี กลุ่มที่ 1 ไดแ้ ก่ กงุ้ กบ ปลำ เห็ด รำ กลุ่มที่ 2 ไดแ้ ก่ กหุ ลำบ เฟิ ร์น ตน้ ขำ้ ว ตน้ สน อยำกทรำบวำ่ ด.ญ.ฟรุ้งฟริ้ง ใชเ้ กณฑใ์ ดในกำรจำแนก กลุ่มสิ่งมีชีวติ ก. กำรเคล่ือนที่ ข. กำรสร้ำงอำหำร ค. กำรสืบพนั ธุ์ ง. กำรเจริญเติบโต
5. สิ่งมีชีวติ สีเขียวชนิดหน่ึง เกำะอยบู่ นสำหร่ำยบริเวณ ที่มีแสงส่องถึงและกินอำหำรท่ีน้ำพดั มำ ถำ้ ใชก้ ำรเคล่ือนท่ี และกำรสร้ำงอำหำรเป็นเกณฑ์ สิ่งมีชีวติ ชนิดน้ีอยใู่ น กลุ่มใด เพรำะเหตุใด (แบบทดสอบทำ้ ยเล่ม หนงั สือเรียน สสวท. ป.4 เล่ม 1) ก. พชื เพรำะมีสีเขียว ข. พืช เพรำะเกำะอยกู่ บั ท่ี ค. สตั ว์ เพรำะสร้ำงอำหำรเองไม่ได้ ง. ไม่ใช่พืชและสตั ว์ เพรำะชอบอยใู่ นท่ีที่มีแสงส่องถึง
6. นกั เรียนกลุ่มหน่ึงไดร้ ับมอบหมำยจำกครูใหไ้ ปสำรวจชนิดของสตั ว์ ในบริเวณสนำมและร่องปลูกไมด้ อกของโรงเรียน ผลกำรสำรวจพบสตั ว์ 8 ชนิด ดงั น้ี นกกำงเขน กบ งูเขียว กิ้งกือ มดแดง ไส้เดือนดิน จิ้งจก ผเี ส้ือ ถำ้ นกั เรียนตอ้ งจำแนกสตั วเ์ หล่ำน้ีเป็นสองกลุ่ม เกณฑก์ ำรจำแนก ที่ควรใชเ้ ป็นลำดบั แรก คือขอ้ ใด (ONET) ก.กำรไม่มีปี ก-กำรมีปี ก ข.กำรเป็นสตั วเ์ ลือดเยน็ -กำรเป็นสตั วเ์ ลือดอุ่น ค. กำรมีปฏิสนธิภำยนอก-กำรมีปฏิสนธิภำยใน ง. กำรไม่มีโครงร่ำงแขง็ ภำยในร่ำงกำย-กำรมีโครงร่ำงแขง็ ภำยในร่ำงกำย
7. จำกแผนผงั สตั วช์ นิดท่ี 2 และชนิดที่ 3 มีลกั ษณะใดเหมอื นกนั (O-NET ) ก. มีขน ข. มีเกลด็ ค. มีปี ก ง. ไม่มีปี ก
8.ตำรำง ลกั ษณะท่ีสงั เกตไดข้ องสตั ว์ 4 ชนิด จำกตำรำง สตั วช์ นิด B และ D น่ำจะเป็นสตั วช์ นิดใด ตำมลำดบั
9. กำรศึกษำลกั ษณะภำยใน และภำยนอกของตวั อยำ่ งสตั ว์ มีกระดูกสนั หลงั 4 ชนิดไดข้ อ้ มลู ดงั ตำรำง (O-NET)
10. ขอ้ มลู แสดงลกั ษณะภำยในและภำยนอกของสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั 4 ชนิด เป็นดงั ตำรำง (O-NET)
11. สัตว์ข้อใดจดั อย่ใู นกลุ่มสัตว์มีกระดกู สันหลัง ทงั้ หมด ก. โลมา กระรอก แมว ข. พลบั พลึงทะเล กงุ้ ลิง ค. ฟองน้าแจกนั ปลานิล ปนู า ง. หอยแครง กระเบน หมึกกลว้ ย
12. จากตาราง. ข้อใดจบั คู่ความสัมพนั ธ์ระหว่างชนิดของ สัตว์และลักษณะของสัตว์ได้ถูกต้อง ชนิดของสัตว์ ลักษณะของสัตว์ A. ดาวทะเล ก. ผิวหยาบ ขรุขระ มรี ูปร่างกลมแบน B. กะพรุน ข. ลาตวั กลมยาว ร่างกายเป็นปล้อง C. ฟองนา้ แจกนั ค. เนือ้ น่ิมและใส D. ไส้เดอื นดนิ ง. รูปร่างคล้ายแจกนั เกาะอยกู่ บั ท่ี ก. A กบั ง ข. B กบั ค ค. C กบั ข ง. D กบั ก
13. ปู กงั้ เหบ็ ผีเสือ้ จากข้อมูล เป็ นสัตว์ไม่มีกระดกู สันหลังประเภทใด ก. ลาตวั เป็นหนาม ข. หอยและหมกึ ค. ลาตวั เป็นปล้อง ไมม่ ีขา ง. ลาตวั เป็นปล้องและมีขาเป็นข้อ
14. สัตว์ข้อใดจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดกู สันหลังทงั้ หมด ก. แมลงวนั ปลาชอ่ น เตา่ ข. กลั ปังหา หอยนางรม ตะขาบ ค. เม่นทะเล กิง้ กา่ ดอกไม้ทะเล ง. ไส้เดือนดนิ หมกึ กระดอง นกอีมู
15. ข้อใดเป็ นปลากระดกู อ่อนทงั้ หมด ก. ฉลาม กระเบน ข. ปลานิล ปลาช่อน ค. ปลาดกุ ปลาหมอ ง. ปลาตะเพยี น ปลาสลดิ
16. ถ้าใช้การเลีย้ งลูกด้วยนา้ นมเป็ นเกณฑ์ สัตว์ข้อใดไม่เข้า พวก ก. ลงิ ข. แมว ค. สนุ ขั ง. เตา่
17. จดั จาแนกสัตว์ออกเป็ น 2 กลุ่ม ดงั นี้ กลุ่มท่ี 1 ช้าง จระเข้ จงิ้ เหลน เพนกวนิ กลุ่มท่ี 2 ปลงิ หอยมือเสอื ไส้เดือนดิน พยาธิเส้นด้าย จากข้อมลู ใช้เกณฑ์ข้อใดในการจดั จาแนกสตั ว์ ก. การกินอาหาร ข. ลกั ษณะทอี่ ยอู่ าศยั ค. ลกั ษณะการออกลกู ง. การมีกระดกู สนั หลงั
18. “ดารงชีวติ อย่บู นบก หายใจด้วยปอด ลาตวั มีเกลด็ ปกคลุม เป็ นสัตว์เลือดเยน็ ”จากข้อมูล เป็ นลักษณะของสัตว์ข้อใด ก. กบ ปาด ข. จิง้ เหลน แย้ ค. ปลานลิ ปลาตะเพียน ง. ไส้เดอื นดิน จระเข้
19. สัตว์ข้อใดจดั อย่ใู นประเภทเดยี วกบั กะพรุน ก. ปลิง แมเ่ พรียง ข. ดาวขนนก ดาวทะเล ค. กลั ปังหา ดอกไม้ทะเล ง. หมกึ กระดอง หอยมือเสอื
20. สตั ว์ A และ B ได้แกข่ ้อใด เมอ่ื สตั ว์ A คอื สตั ว์ท่มี ีโครงกระดกู ในตวั และมกี ระดกู สนั หลงั สตั ว์ B คือ สตั ว์ทไ่ี มม่ โี ครงกระดกู ในตวั และไมม่ ีกระดกู สนั หลงั ข้อ สัตว์ A สัตว์ B ก. ไก่ วาฬ ข. ฟองนา้ ดาวทะเล ค. เขียด ก้งุ ง. จระเข้ องึ่ อา่ ง
Search