การประชุมวิชาการศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ การแพทย์ทางเลอื กกบั การรักษากล่มุ โรคไม่ตดิ ต่อเรือรัง Alternative medicine in non-communicable diseases ดร.นพ. สมภพ สูอาํ พัน ฝ่ ายแพทย์ทางเลือก ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรือรัง ถือเป็ นปัญหาทีสําคญั ต่อสุขภาพของผูค้ นใน ปัจจุบนั มากขึนทุก ๆ ปี อนั เนืองมาจากพฤติกรรมสุขภาพทีไม่เหมาะสม เร่งรีบ ไดแ้ ก่ การบริโภคอาหารทไี มส่ มดุล รับประทานอาหารหวาน มนั เคม็ มากเกินไป รับประทานผกั ผลไมน้ อ้ ยเกินไป มีการเคลอื นไหวร่างกายออกกาํ ลงั กายนอ้ ย การ บริโภคเครืองดืมแอลกอฮอล์ ภาวะเครียด การพกั ผ่อนทีไม่เพยี งพอ สิงเหล่านีลว้ น เป็นปัจจยั เสียงตอ่ การเกิดโรคหลายอยา่ ง เช่น โรคความดนั โลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง แมก้ ระทงั โรคมะเร็ง แมว้ า่ ในปัจจบุ นั กลุ่มโรคไมต่ ดิ ต่อเรือรัง เแนวทางการรักษาตามหลกั การ แพทยแ์ ผนปัจจุบนั จะมเี ทคโนโลยีในการรักษาทใี หม่ ๆ มากมาย เช่น ยากลุ่มใหม่ การผ่าตดั แนวใหม่ แตโ่ รคในกลุม่ นีมกั เป็นโรคทีรักษาไม่หายขาด และการรักษามี ราคาแพง รวมถึงการรักษาทีไม่สามารถตอบสนองถึงความตอ้ งการในมิติทาง จิตใจหรื อจิตวิญญาณของผูป้ ่ วยและญาติได้อย่างสมบูรณ์ ดงั นนั การแพทย์ ทางเลือกจึงเป็นการรักษาทอี าจตอบโจทยแ์ ละช่วยเตมิ เตม็ ความตอ้ งการของผูป้ ่ วย ส่วนหนึงได้ อนั ไดแ้ ก่ การรักษาทเี นน้ ความเป็นธรรมชาติ ปลอดสารเคมีทเี ป็นพษิ ต่อร่างกาย มองสุขภาวะทีเป็ นปัจเจกบุคคลและเป็ นองค์รวม คือ สุขภาวะจะมี ความเกียวเนืองทังทางร่ างกาย จิตใจ ปัญญา รวมทังปัจจยั ทางสังคมและ สิงแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ทีสัมพนั ธ์กบั คนคนนนั การแพทยท์ างเลอื กมมี ากมายหลายประเภท การจาํ แนกประเภทการแพทย์ ทางเลอื กทไี ดร้ ับความนิยมและมีการอา้ งอิงในเอกสารต่าง ๆ โดยศูนยก์ ารแพทย์ ~ ๓๓ ~
ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ทางเลอื กแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (National Center for Complementary and Alternative Medicine หรือ NCCAM) มีการจดั ระบบการแพทย์ทางเลือก ออกเป็น ๕ กลมุ่ ดงั นี ๑. ระบบการแพทยท์ างเลือก (alternative medical systems) ไดแ้ ก่ แพทย์ แผนจนี แพทยแ์ ผนไทย อายุรเวชอนิ เดีย โฮมีโอพาธีย์ เป็นตน้ ๒. การแพทย์ความสัมพนั ธ์กายและจิต (mind-body interventions) ไดแ้ ก่ สมาธิบาํ บดั ชีกง โยคะ เป็นตน้ ๓. การรักษาทางชีวภาพ (biologically based therapies) ไดแ้ ก่ สมุนไพร อาหาร เป็นตน้ ๔. การรักษาทางกายภาพ (manipulative and body-based methods) ไดแ้ ก่ การนวด การกดจุด การจดั กระดกู เป็นตน้ ๕. การรักษาดว้ ยพลงั (energy therapies) เช่น เรกิ โยเร พลงั จกั รวาล เป็น ตน้ ในบทความนี ทางผเู้ ขยี นจะขอยกตวั อย่างการรักษาทางการแพทยท์ างเลือก ทีใชใ้ นการรักษาโรคกลมุ่ ไม่ติดต่อเรือรัง เช่น โรคความดนั โลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอว้ น โดยจะขอนาํ เสนอการรักษาทมี ีผลการศึกษาและวจิ ยั และมีภูมิปัญญาการ ใช้เพือการรักษาและบาํ รุงสุขภาพมายาวนาน และสามารถนํามาปฏิบัติใน ชีวติ ประจาํ วนั ได้ ดงั ต่อไปนี การฝงั เข็มในศาสตร์การแพทย์แผนจนี ๑. โรคความดันโลหิตสูง สําหรับการแพทย์แผนจีนมีการกล่าวถึงการรักษาอาการทีเกียวเนืองกบั ความดนั โลหิตสูง คนทีมีความดนั โลหิตสูงมกั มีอาการปวดศีรษะ วิงเวยี น หน้า แดง นอนหลบั ไม่สนิท ชีพจรเตน้ แรง อาการเหล่านีทางการแพทย์แผนจีนคือ ~ ๓๔ ~
การประชุมวิชาการศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ อาการทีแสดงถงึ ธาตุไฟเกิน ดงั นนั ทางการแพทยแ์ ผนจีนจงึ เนน้ รักษาการควบคุม ลดธาตไุ ฟลงมา การฝังเขม็ จงึ มจี ดุ ทใี ชเ้ พือลดธาตุไฟ เช่น จุด ”จู๋ซานหลี” บริเวณ หนา้ แขง้ ดา้ นนอก และจุด ”ชวฉี ือ” บริเวณขอ้ ศอกดา้ นนอก เป็นตน้ สําหรับในราย ทเี ป็นมาก ถา้ ตอ้ งการลดธาตุไฟเร็ว ๆ ก็จะมีเทคนิคการรักษาโดยการเจาะปล่อย เลือดเขา้ มาช่วย ซึงเป็นวธิ ีการลดความร้อนทคี งั คา้ งภายในไดด้ ี ทางองค์การอนามยั โลกไดจ้ ดั ให้การฝังเข็มในการรักษาภาวะความดนั โลหิตสูงแบบปฐมภูมิอยู่ในกลุ่มโรค/อาการทีผ่านการพิสูจน์โดยการวจิ ยั แบบมี กลมุ่ ควบคุมแลว้ วา่ การฝังเขม็ มีประสิทธิผลในการรักษา (randomized controlled trials หรือ RCT) จากบทความปริทศั น์ของ Wang J และคณะ (๒๐๑๓) กล่าวถึง ประสิทธิภาพของการฝังเขม็ ในการรักษาโรคความดนั โลหิตสูงแบบปฐมภูมิทีมี การศึกษาแบบ RCT ซึงเปรียบเทียบผลของการฝังเข็มเทียบกบั การฝังเขม็ หลอก (sham acupuncture) โดยทงั สองกลมุ่ มีการใหย้ าลดความดนั ร่วมดว้ ยตามมาตรฐาน การรักษา ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มทีไดร้ ับการฝังเข็มสามารถลดความดนั ได้ มากกวา่ กลมุ่ ทฝี ังเขม็ หลอกอยา่ งมีนยั สาํ คญั โดยสามารถลดความดนั ซิสโตลิกได้ ๗.๔๗ mmHg (๙๕% CI -๑๐.๔๓ to -๔.๕, p<๐.๐๐๑) และลดความดนั ไดแอสโต ลกิ ได้ ๔.๒๒ mmHg (๙๕% CI -๖.๒๖ to -๒.๑๘, p<๐.๐๐๑) ๒. โรคอ้วน สําหรับโรคอว้ นตามทศั นะแพทยแ์ ผนจีน คมั ภีร์หวงตีเน่ยจิง กล่าวไวว้ ่า โรคอว้ นเป็นโรคทเี กิดจากการกินอาหารทชี นั เลิศและสมบูรณ์ คนอว้ นมกั มีอายไุ ม่ ยืนยาว คนอว้ นมีความชืนและเสมหะสะสมมาก เกิดจากความพร่องของการ ทาํ งานของกระเพาะอาหารและมา้ มเป็นหลกั ทาํ ใหม้ ีการสะสมของความชืนและ เสมหะขนึ ในร่างกาย ซึงของเสียเหล่านีไม่ถูกดูดซึมและไม่ถูกขบั ถ่าย จึงเกิดการ กระจายไปสะสมตามส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย ~ ๓๕ ~
ศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก การฝังเขม็ ลดความอว้ นนนั จะไปกระตุน้ เส้นลมปราณ ทาํ ใหก้ ารไหลเวยี น ดขี นึ ลมปราณและเลือดเดนิ คลอ่ ง ช่วยนาํ พาของเสียออกไป ความอว้ นก็จะลดลง นอกจากนีการฝังเขม็ ยงั มีผลยบั ยงั บริเวณสมองส่วนรับรู้เรืองการหิว มีผลต่อ ฮอร์โมนเช่น เกิดการหลงั ฮอร์โมนอินซูลินเพิมขึน ช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญ ไขมนั ใหด้ ขี นึ การฝังเขม็ ยงั ช่วยลดการเคลือนไหวของกระเพาะและลาํ ไส้ใหช้ า้ ลง ทาํ ให้ไม่อยากอาหารบ่อย และทีสําคญั การฝังเข็มเป็ นการรักษาโรคอว้ นแบบ ธรรมชาติ ปลอดภยั และยงั ส่งผลดตี ่อสุขภาพองคร์ วม เช่น นอนหลบั ขบั ถ่ายไดด้ ี เป็ นตน้ การฝังเขม็ มกั จะทาํ การฝังเขม็ บริเวณรอบหนา้ ทอ้ ง และบริเวณสัดส่วนที เป็นปัญหา เช่น ตน้ ขา สะโพก และทาํ การฝังเขม็ ตามจดุ เส้นลมปราณบริเวณแขน และขาและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพือบาํ รุงม้าม บาํ รุงไต กระจายลมปราณ ระบายความชืนและเสมหะทีคงั คา้ งในร่างกาย โดยอาจใชเ้ ครืองกระตุน้ ไฟฟ้ า ซึง เป็นการกระตุน้ เขม็ เพือใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ทีดียิงขึน อย่างไรก็ตามการฝังเขม็ ลดความ อว้ นตอ้ งอาศยั ระยะเวลา การคาดหวงั วา่ ฝังเขม็ ครังสองครังแลว้ นาํ หนกั ลดเป็ นไป ไดย้ าก อย่างนอ้ ยควรฝังเข็มอย่างตาํ ประมาณ ๑๐-๑๕ ครัง โดยความถีของการ ฝังเขม็ จะอยู่ที ๑-๒ ครังต่อสัปดาห์ นอกจากการฝังเข็มแลว้ การควบคุมการกิน อาหาร การออกกาํ ลงั กายให้เหมาะสม ก็มีความสําคญั ทีตอ้ งทาํ ควบคู่ไปดว้ ยเพือ การรักษาจะไดผ้ ลลพั ธ์ทรี วดเร็ว ปลอดภยั และผลดตี อ่ สุขภาพในระยะยาว สําหรับการฝังเขม็ รักษาโรคอว้ น ทางองค์การอนามยั โรคจดั อยู่ในกลุ่ม โรคทกี ารฝังเขม็ มรี ายงานใชไ้ ดผ้ ลดแี ละควรมีการศึกษาวจิ ยั ไปอย่างต่อเนืองดว้ ย จากบทความปริทศั น์ของ Cho SH และคณะ (๒๐๐๙) ได้แสดงถึงผลของการ ฝังเขม็ ร่วมกบั การควบคุมอาหารสามารถลดนาํ หนกั ตวั ลง ๑.๗๒ กก. (๙๕% CI ๐.๕๐ to ๒.๙๓) และมีค่า relative risk เท่ากบั ๒.๕๗ (๙๕% CI ๑.๙๘ to ๓.๓๔) เมือเปรียบเทยี บกบั กลมุ่ ทใี ชก้ ารควบคุมอาหารอยา่ งเดียว ~ ๓๖ ~
การประชุมวชิ าการศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ การนวดกดจดุ สะท้อนเท้า ในการนวดกดจดุ สะทอ้ นเทา้ เป็นการนวดกดจดุ ทีบริเวณส่วนต่าง ๆ ของ เทา้ ไดแ้ ก่ การนวดฝ่ าเทา้ หลงั เทา้ เทา้ ดา้ นใน เทา้ ดา้ นนอก และนิ วเทา้ เพือการ ปรับสมดลุ ของอวยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกาย เกิดการผ่อนคลาย จิตใจสงบ เป็ นตน้ ผล จากการนวดกดจดุ สะทอ้ นกลา่ วไวว้ ่า อวยั วะในร่างกายจะมีความสัมพนั ธ์กนั กบั ผิวหนงั ทีมีปลายประสาทจากจุดร่วมเส้นประสาทเดียวกนั ตามหลกั ของทฤษฎี โซนบาํ บดั และทฤษฎีเส้นเมอร์ริเดียน (Bolting, ๑๙๙๗)โดยอธิบายถึงจุดสะทอ้ นที เทา้ และมอื ทจี ะส่งพลงั ไปบาํ บดั ต่อมและอวยั วะภายในร่างกายสะทอ้ นผ่านโซน และแนวของเส้นเมอร์ริเดยี นนี สาํ หรับการศึกษาวจิ ยั ถงึ ผลการนวดกดจดุ ฝ่ าเทา้ ตอ่ การรักษาโรคทผี า่ นมา พบว่าส่วนมากมีการศึกษาในผลของการลดความดนั โลหิตและความเครียด อยา่ งไรก็ตามผลลพั ธ์การศึกษาค่อนขา้ งไม่ไปทางเดยี วกนั อนั เนืองมาจากจาํ นวน งานวจิ ยั ยงั คอ่ นขา้ งนอ้ ย และระเบียบวจิ ยั ยงั ไม่เป็นแบบแผนเทา่ ทีควร เช่น วธิ ีการ นวดทแี ตกต่างกนั เนืองจากศาสตร์ทางแพทย์พืนบา้ นในการนวดฝ่ าเทา้ ทีมีความ หลากหลาย จาํ นวนผูร้ ่วมวจิ ยั นอ้ ยเกินไป เป็นตน้ ในโรคอืน ๆ เช่น โรคมะเร็ง มีรายงานการศึกษาผลของการนวดกดจุด สะทอ้ นทีมอื ต่อการบาํ บดั รักษาอาการคลนื ไส้ ขยอ้ น และอาเจยี นในผูป้ ่ วยมะเร็งที ไดร้ ับเคมีบาํ บดั (ภทั ทิยา ชยั นาคิน, ๒๕๕๓) พบว่า การนวดกดจุดสะทอ้ นทีมือ แบบจริงมีระดบั คะแนนเฉลียของอาการคลืนไส้ ขยอ้ น และอาเจียนตาํ กวา่ กลุ่ม ควบคุมทีไดร้ ับการนวดกดจุดสะทอ้ นทมี ือแบบหลอก หลงั การทดลองเสร็จทนั ที และหลงั การทดลอง ๑๒๐ นาที อย่างมนี ยั สาํ คญั (p<๐.๐๑) ~ ๓๗ ~
ศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ภาพแสดงแผนผงั จุดสะทอ้ นเทา้ ไปยงั อวยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกาย (http://www.enjoyrelaxingmoments.abmp.com) การแพทย์ความสัมพนั ธ์กายและจิต การแพทย์ความสัมพันธ์กายและจิต เป็ นการแพทย์ทีมุ่งสนใจถึง ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมอง จิตใจ ร่างกาย และพฤติกรรม ซึงส่งผลต่อการทาํ งาน ของร่างกายและลดความเจบ็ ป่ วย คาํ วา่ “จิต” ในเชิงสรีรวทิ ยา คือระบบประสาท สมองซึงทาํ งานดว้ ยคลนื ไฟฟ้ าทาํ หนา้ ทกี าํ กบั การทาํ งานของส่วนต่าง ๆ ใหส้ มดุล ถา้ ระบบประสาทถูกกระตุ้นมากเกินไป เช่น ในภาวะตึงเครียดจะทาํ ให้ระบบ ประสาทอตั โนมตั เิ สียสมดุล เกิดผลกระทบตอ่ ร่างกายไดแ้ ก่ ทาํ ให้ความดนั โลหิต สูงขึน นอนไม่หลบั กลา้ มเนือเกิดการตึงตวั เป็ นตน้ การทาํ ใหจ้ ิตใจผ่อนคลายจะ ทาํ ใหป้ ระสาทอตั โนมตั ิทาํ งานอย่างเป็นปกติ ซึงจริง ๆ แลว้ สามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ี เช่น การร้องเพลง การฟังเพลง การทอ่ งเทยี ว การทาํ กิจกรรมนนั ทนาการทีตนเอง ~ ๓๘ ~
การประชุมวิชาการศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ ชอบหรือจะเป็นการเล่นกีฬาทีเป็นการออกกาํ ลงั กายรูปแบบต่าง ๆ ยกตวั อยา่ งเช่น การเดิน ชีกง โยคะ การนอนหลบั การทาํ สมาธิ เป็นตน้ การปฏิบตั สิ มาธิถอื ไดว้ า่ เป็นเทคนิคการผอ่ นคลายอย่างหนึงทาํ ใหจ้ ติ ใจ สงบนิง เป็นการนาํ ภูมิปัญญาของชาวพุทธมาใชเ้ พือรักษาและสร้างเสริมสุขภาพ สมาธิบาํ บดั นีสามารถช่วยรกั ษาโรคต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งไร กล่าวคอื เมอื จิตใจสงบนิง หยุดความคดิ ทฟี ้ ุงซ่านและวติ กกงั วลลง ร่างกายของเราจะรู้สึกสบายและผ่อน คลาย ซึงเป็นผลการหลงั ของฮอร์โมนเอน็ โดรฟิน (endorphins) สารนีเป็นสารแห่ง ความสุข ช่วยใหร้ ่างกายสดชืน มภี ูมิตา้ นทานโรค การปฏิบตั สิ มาธิยงั ช่วยใหเ้ กิด การผ่อนคลายเกิดคลนื สมองแบบแอลฟ่ าเพิมขนึ ซึงจะช่วยลดอตั ราการเตน้ ของ หวั ใจ และช่วยลดภาวะความดนั โลหิตสูงได้ จากการศึกษาวจิ ยั ของ Dusek JA และ Benson H (๒๐๐๙) เกียวกบั การ ปฏิบตั ิสมาธิแบบ ท.ี เอม็ . (transcendental meditation หรือ TM) หมายถึง การท่อง มนต์ (คาํ หรือวลี) หนึง ๆ ในใจซํา ๆ กัน จนกระทงั ผู้ฝึ กอยู่ในภวงั ค์ โดยให้ อาสาสมคั รทาํ สมาธิแบบ ที.เอม็ . พบว่า ในคนทีจิตเป็ นสมาธิ ความดนั โลหิตจะ ลดลง อตั ราการหายใจลดลง หวั ใจเตน้ ชา้ ลง คลืนสมองชา้ และเป็ นระเบียบขึน ความตึงตวั ของกลา้ มเนือลดลง เรียกปรากฏการณ์ทีคน้ พบนีว่า ผลของความผ่อน คลาย (relaxation responses) การค้นพบครังนีเป็ นพืนฐานสําคญั ของงานวิจยั ทางดา้ นความสัมพนั ธ์ทางกายและจิต และทาํ ให้นกั วิทยาศาสตร์การแพทย์ สมยั ใหมย่ อมรับเรืองจิตใจมผี ลต่อร่างกาย ตามศาสตร์การแพทยแ์ ผนจีน การฝึกชีกง ถือเป็ นหนึงในการรักษาหลกั ของแพทย์แผนจีน ตามความหมายคาํ ว่า “ชี” คือ พลงั ชีวติ ทีทาํ ให้อวยั วะต่าง ๆ ทาํ งานไดอ้ ย่างสมดุล และคาํ วา่ “กง” คือ การฝึกฝน เรียนรู้ ดงั นนั คาํ วา่ “ชีกง” จึง หมายถงึ การควบคุมพลงั ชีวติ โดยอาศยั ท่าทางทางกาย การหายใจเพือเขา้ สู่ใจทีมี ความสุขสงบนิงเกิดเป็ นสมาธิ เป็ นการปรับสมดุลหยินหยางในร่างกายสู่สมดุล ~ ๓๙ ~
ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก เพอื สร้างเสริมสุขภาพ ป้ องกนั รักษาโรค จากผลการศึกษาวจิ ยั พบว่า ชีกงสามารถ สามารถใชช้ ่วยรักษาโรคหรือภาวะบางอยา่ งไดผ้ ลดี เช่น ความดนั โลหิตสูง ความ เจบ็ ปวด เบาหวาน เป็นตน้ สมุนไพร อาหาร ในประเทศไทยเรามีสมนุ ไพร และพืชผกั พืนบา้ นจาํ นวนหลากหลายชนดิ ทีสามารถใชเ้ ป็น “อาหารเป็นยา” ในการบาํ รุงสุขภาพร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ใหท้ ุเลาลง ทางผูเ้ ขียนขอยกตวั อยา่ งสมุนไพรทีมีการศึกษาวจิ ยั และมีการใชใ้ นภูมิ ปัญญาชาวบา้ นมาเป็นเวลานานในการช่วยรักษากลมุ่ โรคไม่ติดตอ่ เรือรัง อนั ไดแ้ ก่ ๑.ช้าพลู (Piper sarmentosum Roxb.ex Hunter) ชา้ พลู นิยมรับประทานสดๆ เช่น เป็นผกั เครืองเคียงในเมียงคาํ มีการใช้ ตาํ รับยาพืนบา้ นทใี ชช้ า้ พลูทงั หา้ (ใชท้ งั ตน้ ตลอดจนถึงราก) ตม้ แกเ้ บาหวาน ตอ่ มา มีการศึกษาโดยตม้ ชา้ พลูทงั หา้ แลว้ ใหก้ ระต่ายรับประทาน พบว่าช้าพลูตม้ ช่วยลด นาํ ตาลไดด้ ใี นกระตา่ ยทเี ป็นเบาหวานแต่ไม่ลดในกระต่ายปกติ ช้าพลูมีฤทธิตา้ น อนุมูลอิสระสูงและมีปริมาณแคลเซียม วติ ามินเอ วติ ามินซีสูง และไม่ลดนาํ ตาลใน คนปกติ จงึ เหมาะสาํ หรับนาํ มาทานเป็นอาหาร เป็นชาหรือยาตม้ ในคนทวั ไปและ ผูป้ ่ วยเบาหวาน นอกจากนีชา้ พลยู งั มสี รรพคุณในการช่วยบาํ รุงธาตุ ยอ่ ยอาหาร ขบั ลม แกไ้ อ ขบั เสมหะ ๒. มะระขนี ก (Momordicacharantia Linn) มะระขีนกมีรสขม นํามาลวกจิ มนําพริ กทาํ อาหารร่วมกับผกั อืนๆ มี วติ ามินเอและซีสูง มกี ารศึกษาวจิ ยั สรรพคุณการลดนาํ ตาลในเลอื ด มะระขีนกออก ฤทธิคลา้ ยอนิ ซูลนิ สามารถกระตุน้ การหลงั อินซูลิน ยบั ยงั การสังเคราะห์กลูโคส และเพิมการใชก้ ลูโคสของตบั องคป์ ระกอบทางเคมีของมะระขีนกทีมีฤทธิลด ~ ๔๐ ~
การประชุมวชิ าการศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ นาํ ตาลในเลือด คือ p-insulin charantin และ visine สําหรับขอ้ ควรระวงั คือ กลุ่ม ผูห้ ญงิ มีครรภ์ เดก็ และคนทีระดบั นาํ ตาลในเลอื ดตาํ ไม่ควรรับประทานมะระขนี ก ๓. กระเจยี บแดง (Hibiscus sabdariffa Linn) กระเจียบแดงเป็ นหนึงในนําสมุนไพรทีนิยมดืมเพือแก้กระหาย มี สรรพคุณในการบาํ รุ งไตและหัวใจ คุณสมบตั ิรสเปรี ยวของกระเจียบแดงมี สรรพคุณลดความดนั โลหิต ขบั ปัสสาวะ ขบั กรดยรู ิก จากการศึกษาวิจยั พบว่าการ ดืมชากระเจียบวนั ละ ๒-๓ ครัง สามารถลดความดนั โลหิตไดแอสโตลิกลงไดร้ ้อย ละ ๗.๒ ถึง ๑๓ สารสําคญั ของกระเจียบแดงคือ anthocyanin มีส่วนช่วยในการ ทาํ งาน และสร้างความยดื หยนุ่ แก่หลอดเลือด จงึ เหมาะสาํ หรับผูป้ ่ วยโรคความดนั โลหิตสูง ๔. กะเพรา (Ocimum sanctum Linn) กะเพรานิยมนาํ มาประกอบอาหาร มีรสเผด็ ร้อน การแพทยอ์ ายุรเวทใช้ กะเพราเป็นยาทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้ อ ขบั ลม บาํ รุงธาตุ แกป้ วดทอ้ ง ทอ้ งเสียและช่วยผอ่ น คลายเครียด นอกจากนีจากการศึกษาทางเภสัชวิทยาพบวา่ กะเพรามีฤทธิกระตุน้ ภูมคิ มุ้ กนั รักษาหืด ยบั ยงั การเกิดมะเร็ง ตา้ นฮีสตามีน ตา้ นอนุมูลอิสระ ตา้ นการ อกั เสบ แกไ้ ข้ แกป้ วด ลดโคเลสเตอรอล และทีสาํ คญั คอื ลดนาํ ตาลในเลือด โดยใบ กะเพราทาํ ใหเ้ ซลลต์ บั อ่อนผลิตอินซูลินไดด้ ีขึน และการวจิ ยั ในผูป้ ่ วยเบาหวาน การใหผ้ งใบกะเพราวนั ละ ๒.๕ กรัม ๔ สปั ดาหส์ ามารถลดนาํ ตาลในเลือดได้ ขอ้ ควรระวงั ไมค่ วรใชก้ ะเพราในหญิงตงั ครรภแ์ ละหญิงใหน้ มบตุ ร ๕. อบเชยจีน (CinnamomumverumJ.S.Presl) อบเชยจีนเป็นพืชประจาํ ถินแถวเอเชียใต้ นอกจากการใช้เป็ นเครืองเทศ และเครื องหอมแล้ว อบเชยมีสรรพคุณช่วยในการลดระดับนาํ ตาลในเลือด เนืองจากในอบเชยจนี มสี าร methyl hydroxyl chalcone polymer (MHCP) ช่วยเพิม การตอบสนองของเซลลไ์ ขมนั ตอ่ การทาํ งานของอินซูลนิ ไดม้ ากขึน ทาํ ใหอ้ นิ ซูลนิ ~ ๔๑ ~
ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ทาํ งานไดม้ ปี ระสิทธิภาพมากขนึ รวมทงั ยงั มฤี ทธิเหมอื นอินซูลินคือช่วยลดระดบั นําตาลในเลือดด้วย นอกจากนี อบเชยจีนยงั ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ลด โคเลสเตอรอล โดยเฉพาะช่วยลดไขมนั ชนิดไมด่ ีหรือ LDL-cholesterol ๖. คนึ ไช่ (Apiumgraveolens Linn) คนึ ไช่นบั เป็นพืชผกั ทีมีการใชม้ ายาวนาน เช่น ชาวเวียดนามรับประทาน คนึ ไช่วนั ละ ๔ ตน้ เพอื ลดความดนั การแพทยอ์ ายุรเวทในอินเดียมีการใชเ้ มล็ดคึน ไช่เพือขบั ปัสสาวะในผูป้ ่ วยทีบวมนํา ปัจจุบนั มีการศึกษาฤทธิทางเภสัชวิทยา พบว่า คึนไช่มีฤทธิลดความดนั โลหิต ขบั ปัสสาวะ ลดบวม ลดระดบั นําตาลใน เลอื ด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลเี ซอไรด์ ทงั นียงั พบวา่ คนึ ไชย่ งั สามารถยบั ยงั การเกิดเซลลม์ ะเร็งและเนืองอก มฤี ทธิตา้ นการอกั เสบ ทาํ ใหก้ ลา้ มเนือเรียบคลาย ตวั ช่วยในการขบั ประจาํ เดอื น เป็นตน้ ๗. บัวบก (Centellaasiatica Linn) บวั บกมีสรรพคุณในการรักษาโรคความดนั โลหิตสูง เนืองจากบวั บกมี ส่วนช่วยในการไหลเวยี นของเลือดทงั ในหลอดเลือดดาํ และเส้นเลือดฝอยโดยมี ฤทธิขยายหลอดเลือด จึงสามารถช่วยลดความดนั โลหิตได้ มีรายงานการวิจยั ที สนบั สนุนวา่ สารสกดั เอทานอลในบวั บก มีฤทธิลดความดนั โลหิตในหนูขาวเมือ ใหท้ างหลอดเลอื ดดาํ บวั บกยงั ทาํ ใหห้ ลอดเลือดดาํ และเส้นเลือดฝอยแขง็ แรงขึน ซึงมปี ระโยชนต์ ่อผูท้ มี ปี ัญหาเส้นเลอื ดขอดและผูท้ ีเป็ นริดสีดวงทวาร นอกจากนี บวั บกยงั มผี ลตอ่ ระบบประสาท ช่วยใหก้ ารเรียนรู้ดขี นึ มีฤทธิคลายความเครียด ซึง ฤทธิคลายความเครียดนีเป็นผลดีต่อผปู้ ่ วยความดนั โลหิตสูงดว้ ย ๘. กระเทียม (Allium sativum Linn) อาหารไทยจาํ นวนมากใช้กระเทียมเป็ นส่วนประกอบสําคญั กระเทียม จดั เป็นสมนุ ไพรไทยและเครืองเทศทีมีประโยชนแ์ ละสรรพคุณมากมาย ลกั ษณะที สาํ คญั ของกระเทยี มคอื สารทมี ีส่วนประกอบของกาํ มะถนั เช่น allicin allyl sulfide ~ ๔๒ ~
การประชุมวิชาการศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ allyl disulfide สารเหล่านีเป็นเหตุใหก้ ระเทยี มมีกลินฉุน โดยมคี ุณสมบตั ชิ ่วยรักษา สมดลุ ของระดบั โคเลสเตอรอล โดยเพิมปริมาณไขมนั ดีคือ HDL-cholesterol และ ลดปริมาณไขมนั ไม่ดีคือ LDL-cholesterol กระเทียมยงั ช่วยต้านปฏิกิริยาออกซิ เดชนั ของไขมนั ไม่ดี ตา้ นการจบั ตวั กนั ของเกล็ดเลือด ซึงจะช่วยลดการจบั เป็ น คราบของไขมนั ทีผนงั หลอดเลือดแดง อนั เป็นสาเหตขุ องโรคหวั ใจและโรคหลอด เลอื ดสมอง เปรียบเสมอื นกบั พนกั งานทาํ ความสะอาดหลอดเลอื ด สรรพคุณอืน ๆ ของกระเทยี มไดแ้ ก่ ฤทธิในการฆ่าเชือ โดยช่วยในการรักษาโรคกลาก เกลอื น เชือ รา และบรรเทาอาการทอ้ งอืด อาหารไม่ย่อยเป็นตน้ ชา้ พลู มะระขีนก กระเจยี บแดง กะเพรา อบเชยจนี คนื ไช่ ~ ๔๓ ~
ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก บวั บก กระเทยี ม เอกสารอ้างองิ ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล. (๒๕๕๓). แพทย์แผนจีนกับทางเลือกสุ ขภาพ . กรุงเทพมหานคร: มตชิ น. ทศั นีย์ ฮาซาไนน์ และ บณั ฑิตย์ พรมเคียมอ่อน. (๒๕๕๖). การฝังเข็ม รมยา เล่ม ๕. กรุงเทพมหานคร: กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก. แพทยพ์ งษ์ วรพงศพ์ ิเชษฐ. (๒๕๕๒). พุทธธรรมบาํ บดั . นนทบุรี: กรมพฒั นาการแพทย์ แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก. ภทั ทิยา ชยั นาคิน. (๒๕๕๓). ผลของการนวดกดจุดสะทอ้ นทมี ือต่ออาการคลืนไส้ ขยอ้ น และอาเจียนในผปู้ ่ วยมะเร็งทีไดร้ ับเคมีบาํ บดั . วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหา บณั ฑติ มหาวิทยาลยั มหิดล. สมเกียรติ แสงวฒั นาโรจน์. (๒๕๕๔). เวชศาสตร์ร่วมสมยั . ใน การแพทยผ์ สมผสาน (หนา้ ๑๑๒๑-๑๑๒๙). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สุภาภรณ์ ปิ ติพร. (๒๕๕๖). สมุนไพรเพือชีวิต พิชิตโรคภัย (พิมพ์ครังที ๗). กรุงเทพมหานคร: ปรมตั ถ์ การพิมพ.์ Bolting D. (๑๙๙๗). Review of literature on the effectiveness of reflexology. ComplementTherNurs Midwifery, ๓: ๑๒๓-๑๓๐. Cho SH, Lee JS, Thabane L, Lee J. (๒๐๐๙). Acupuncture for obesity: a systematic review and meta-analysis. Int J Obes (Lond), ๓๓: ๑๘๓-๙๖. ~ ๔๔ ~
การประชุมวชิ าการศูนยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก ประจาํ ปี ๒๕๕๘ Dusek J.A., Benson H. (๒๐๐๙). Mind-body medicine: a model of the comparative clinical impact of the acute stress and relaxation responses. Minn Med,๙๒: ๔๗-๕๐. Wang J, Xiong X, Liu W. (๒๐๑๓). Acupuncture for essential hypertension. Int J Cardiol, ๑๖๙: ๓๑๗-๒๖. World Health Organization. (๒๐๐๒). Acupuncture: review and analysis of reports on controlled clinical trials. Geneva: World Health Organization. ********************* ~ ๔๕ ~
ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก บทความวจิ ยั
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: