Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

Published by nanthintungtong06, 2020-06-08 00:26:52

Description: แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

Search

Read the Text Version

ทา่ นลอรด์ บาเดน เพาเวลล์ บิดาแห่งลกู เสอื โลก จดุ เรม่ิ ต้นของกิจการลกู เสือในประเทศไทย สาหรบั ในประเทศไทยเอง กจิ การลกู เสือ เรมิ่ ตน้ ขน้ึ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้า เจ้าอย่หู วั รชั กาลท่ี 6 ทรงมีพระบรมราชองค์การโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนากองเสือปาุ ขึน้ ก่อน เมอ่ื วนั ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 เพอื่ ฝึกอบรมขา้ ราชการพลเรอื น ให้เรยี นรู้วิชาการดา้ น ทหาร เพื่อเป็นกาลังสารองในยามเกดิ ศึกสงคราม และเพ่อื บาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนใน ยามสงบ เชน่ ช่วยปราบปรามโจรผรู้ ้าย เปน็ ต้น นอกจากนี้ ยังทรงเหน็ ว่า ลกู เสือจะช่วยให้คน ไทยรู้จักรักชาติ มีมนษุ ยธรรม มคี วามเสียสละ สามคั คี และมคี วามกตัญญู กระท่ังอีก 2 เดอื นถดั มา เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงเหน็ วา่ กิจการเสอื ปุาเจริญก้าวหน้าม่นั คงดแี ล้ว พระองค์จงึ มพี ระบรมราชโองการจดั ตั้งกองลกู เสอื ขึ้น ในวนั ท่ี 1 กรกฎาคม ซึง่ ถอื เป็นประเทศท่ี 3 ของโลกทจ่ี ัดตงั้ กองลูกเสอื ข้ึน ต่อจากประเทศ องั กฤษ และสหรฐั อเมริกา โดยผูท้ ีไ่ ด้ชอ่ื ว่าเป็นลกู เสือไทยคนแรก คือ “นายชัพพ์ บุนนาค” จากนนั้ นานาชาติในยโุ รปจงึ จดั ตงั้ กองลูกเสอื ของตนข้ึนบ้าง ทาใหล้ ูกเสือกลายเป็น องคก์ ารสากล และมคี วามสมั พันธ์กันทั่วโลก โดยถอื วา่ ลกู เสือทัว่ โลกเป็นพน่ี ้องกนั หมด ลูกเสือกองแรกของไทยก่อต้งั ขึ้นที่โรงเรยี นมหาดเลก็ หลวงเรียก เรยี กวา่ “ลกู เสือกรงุ เทพฯ ท่ี 1” กอ่ นทีจ่ ะขยายตวั ไปจัดตัง้ ตามโรงเรียน และสถานท่ตี า่ ง ๆ โดยพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว พระราชทานคติพจน์ เพ่ือใหเ้ ด็กทจ่ี ะเข้าประจาการในกองลูกเสือได้ปฏญิ าณ ตนว่า “เสียชีพอยา่ เสยี สตั ย์” ในสมัยนั้นกจิ การลูกเสือไทยเล่ืองลือไปยังนานาชาติว่า “พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงใฝุ พระทยั ในกิจการลกู เสือเป็นอยา่ งยง่ิ ” ถงึ กบั ทาให้กองลูกเสือท่ี 8 ของประเทศองั กฤษ ไดม้ ี หนงั สอื ขอพระราชทานนามนามลกู เสอื กองนวี้ ่า “กองลูกเสอื ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้า

แผ่นดินสยาม” ซึ่งพระองค์ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานใหต้ ามความประสงค์ และ ลูกเสือกองนไี้ ดต้ ิดเครื่องหมายช้างเผือกทแี่ ขนเสื้อทงั้ สองข้าง และยังปรากฏอยตู่ ราบเทา่ ทุก วนั น้ี หลงั จากทรงสถาปนากิจการลูกเสอื ขึน้ มาแลว้ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตราขอ้ บงั คบั ลักษณะการปกครองลูกเสอื และต้ังสภากรรมการจัดการลูกเสอื แห่งชาติขึ้นโดยพระองค์ ทรง ดารงตาแหน่งสภานายก ต่อมาทุกครั้งทพี่ ระองค์เสด็จไปยังจังหวดั ใดก็ตามก็จะทรงโปรดเกล้า ฯ ใหก้ ระทาพธิ เี ข้าประจากองลูกเสือประจาจังหวดั นั้น ๆ ให้ดว้ ย และหลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยูห่ วั สวรรคต พระบาทสมเด็จ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 7 กไ็ ดท้ รงฟื้นฟูกจิ การลูกเสืออกี คร้ัง โดยในปี พ.ศ.2470 พระองคโ์ ปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาตขิ ึ้นเป็นคร้ังแรกในบรเิ วณพระราชอทุ ยาน สราญรมยแ์ ละจัดใหอ้ บรมลกู เสือหลายรุ่น กระทัง่ รุน่ สดุ ท้ายในปี พ.ศ.2475 ไดเ้ กิดการ เปลีย่ นแปลงการปกครองข้ึน กจิ การลกู เสอื จึงไดร้ ับการปรบั ปรงุ ใหม่ โดยรัฐบาลได้จัดตั้งหนว่ ย ยุวชนทหาร และรบั เดก็ ทเี่ คยเป็นลกู เสือมาแลว้ มาฝึกวชิ าทหาร ส่วนกจิ การลูกเสอื ก็ขยายให้ กวา้ งขวางขึน้ โดยมีการจัดตง้ั กองลูกเสอื เหล่าเสนาและลูกเสอื เหล่าสมทุ รเสนาขึ้น เพ่อื ฝกึ รว่ มกับยุวชนทหาร ทาใหก้ ิจการลกู เสือซบเซาลงบ้างในยุคนี้ ในปี พ.ศ.2490 กิจการลูกเสอื กลับมาฟ้ืนฟูอีกคร้ัง หลังจากทางราชการไดจ้ ัดชุมนุม ลกู เสือแหง่ ชาติ และส่งเจ้าหนา้ ทีใ่ นกองลูกเสอื ไปรบั การฝกึ อบรมวชิ าลกู เสือตาม มาตรฐานสากล และตามแบบนานาประเทศ กระทง่ั มีมีพระราชบญั ญตั ลิ ูกเสือบังคบั ใช้ โดย คณะกรรมการลกู เสือแหง่ ชาติเปน็ ผู้บริหาร วตั ถปุ ระสงค์ของขบวนการลูกเสือได้รบั การปรับปรุงและเน้นให้เหน็ ชัดเจนรดั กุม ยงิ่ ขึ้น มี ความว่า“คณะลกู เสอื แห่งชาติมีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือพัฒนาลกู เสือทัง้ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ และศีลธรรม ใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี มคี วามรับผดิ ชอบสรา้ งสรรคส์ งั คมให้มคี วามเจริญกา้ วหน้า เพ่อื ความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ” การกาหนดวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ เพ่อื เป็นการระลกึ ถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั ผู้ทรงกอ่ ตงั้ กิจการ ลกู เสือไทยใหพ้ ัฒนารุ่งเรอื ง มาจวบจนทุกวนั นี้ ทางราชการจงึ กาหนดใหท้ กุ วันท่ี 1 กรกฎาคม ของทุกปีเปน็ “วันคลา้ ยวนั สถาปนาคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ” หรอื “วันลกู เสอื ” โดยในวนั น้ีบรรดาลูกเสอื ไทยจะจัดกิจกรรมที่เป็นการระลึกถงึ พระมหากรุณาธคิ ุณของ พระองค์ท่าน รวมทงั้ นาพวงมาลาไปถวายบังคมท่พี ระบรมรูปฯ สถานพระบรมราชานุสรณ์

และจดั ใหม้ กี ารสวนสนามในโรงเรยี น หรอื สถานทีต่ า่ ง ๆ เช่น ณ สนามศภุ ชลาศยั หรอื สนาม กีฬาแห่งชาติ ที่ทุก ๆ ปี จะมเี หล่าลูกเสอื จานวนกว่าหมืน่ คนมารว่ มเดนิ สวนสนาม เพอ่ื แสดง ความเคารพ และกลา่ วทบทวนคาปฏญิ าณตอ่ องคพ์ ระประมขุ คณะลกู เสือแหง่ ชาติ เพอ่ื ประกาศความเปน็ ลูกเสอื อยา่ งแทจ้ รงิ ประเภทของลกู เสอื ไทย ลกู เสอื สารอง : อายุ 8-11 ปี เทียบช้ันเรียน ป.1-ป.4 มีคติพจนค์ ือ ทาดีท่ีสดุ (DO YOUR BEST) ลกู เสอื สามญั : อายุ 12-13 ปี เทียบชนั้ เรยี น ป.5-ป.6 มีคตพิ จน์คือ จงเตรียมพรอ้ ม (BE PREPARED) ลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ : อายุ 15-17 ปี เทียบช้ันเรียน ม.1-ม.3 มคี ตพิ จนค์ ือ มองไกล (LOOK WIDE) ลกู เสอื วสิ ามัญ : อายุ 17-23 ปี เทียบช้ันเรียน ม.4-ม.6 มีคตพิ จนค์ ือ บรกิ าร (SERVICE) ลูกเสือชาวบ้าน : อายุ 15-18 ปี มคี ตพิ จน์คือ เสียชพี อยา่ เสียสัตย์ สว่ นผูห้ ญิงให้เรียกวา่ “เนตรนาร”ี และแบง่ ประเภทเหมือนลูกเสอื คาปฏิญาณของลูกเสือ “ด้วยเกียรตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาว่า” ข้อ 1 ข้าจะจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ข้อ 2 ข้าจะชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื ทุกเมือ่ ขอ้ 3 ขา้ จะปฏิบตั ิตามกฎของลกู เสือ กฎของลกู เสือ มที ั้งหมด 10 ข้อ คอื ขอ้ 1 ลูกเสือมเี กยี รตเิ ช่อื ถอื ได้ ขอ้ 2 ลูกเสอื มีความจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ ขอ้ 3 ลกู เสอื มหี นา้ ท่กี ระทาตนให้เป็นประโยชนแ์ ละช่วยเหลือผู้อ่นื ทกุ เม่ือ ขอ้ 4 ลูกเสอื เปน็ มติ รของคนทุกคนและเปน็ พ่ีน้องกับลกู เสอื ท่ัวโลก ข้อ 5 ลกู เสอื เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บร้อย ข้อ 6 ลกู เสอื มีความเตตากรณุ าต่อสตั ว์ ข้อ 7 ลกู เสือเช่ือฟังคาสั่งของบิดามารดาและผูบ้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความเคารพ

ขอ้ 8 ลูกเสอื มใี จร่าเริงและไม่ยอ่ ทอ้ ต่อความลาบาก ข้อ 9 ลูกเสือเปน็ ผ้มู ัธยัสถ์ ขอ้ 10 ลูกเสือประพฤตชิ อบดว้ ย กาย วาจา ใจ ราชสดุดเี พลงลูกเสอื ขา้ ลูกเสือเชื้อไทยใจเคารพ ขอน้อมนบบาทบงส์ุพระทรงศรี พระบาทมงกุฎเกลา้ ฯ จอมเมาลี ทรงปรานีก่อเกื้อลูกเสอื มา ทรงอตุ ส่าห์อบรมบม่ นิสยั ใหม้ ีใจรักชาตศิ าสนา ทรงส่ัง สอนสรรพกจิ วทิ ยา เป็นอาภาผ่องพุทธวิ์ ฒุ ิไกร ดังดวงจันทราทติ ยป์ ระสิทธ์ิแสง กระจ่างแจ้ง แจม่ ภพสบสมัย พระคุณนจ้ี ะสถิตสนทิ ใน ดวงหทัยทวยราษฎรไ์ ม่คลาดเอย กจิ กรรมที่ 1 ให้ผเู้ รยี นอธิบายประวัติความเป็นมาของลกู เสือไทย .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................

ใบความรู้ที่ 2 คณุ ธรรมจริยธรรมของลูกเสอื คณะลกู เสือแห่งชาติ มวี ตั ถุประสงค์เพื่อพฒั นาลูกเสือทัง้ ทางกาย สติปญั ญา จิตใจ และศีลธรรมให้ เป็นพลเมอื งดีมีความรบั ผิดชอบ ชว่ ยสรา้ งสรรค์สังคมใหม้ คี วามเจริญก้าวหน้า เพ่อื ความสงบสุขและความ มนั่ คงของประเทศชาติ ตามแนวทางดังต่อไปนี้ 1. ใหม้ นี ิสยั สงั เกต จดจา เช่อื ฟงั และพงึ่ ตนเอง 2. ให้ซ่อื สัตย์สจุ รติ มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผอู้ น่ื 3. ใหร้ ูจ้ ักบาเพ็ญตนเพือ่ สาธารณะประโยชน์ 4. ให้รจู้ กั ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนให้ทากิจการต่างๆ ตามความเหมาะสม 5. ให้รู้จักรักษา และสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม และความมนั่ คงของประเทศชาติ ดังน้ี วัตถุประสงค์เฉพาะของกิจการลกู เสือ เพ่ือพัฒนาเยาวชนให้มีคุณสมบัตดิ ังตอ่ ไปน้ี 1. มคี ุณธรรม จริยธรรม ตามคาปฏิญาณ และกฎของลูกเสอื 2. มคี วามสามารถ – ชว่ ยตนเองได้ พัฒนาตนเองได้ – ชว่ ยผูอ้ ืน่ ชว่ ยชมุ ชน ส่ิงแวดล้อม ช่วยชาติบา้ นเมือง – พัฒนาความสามารถเฉพาะตวั สู่ความเปน็ เลศิ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของกจิ กรรมลูกเสือ ตามหลกั สูตรการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2544 1. รักและเหน็ คณุ ค่าในตนเอง 2. มีวินัย 3. ประหยดั 4. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 5. พึง่ ตนเอง อุตสาหะ รกั การทางาน 6. อดทน อดกล้ัน 7. กตัญญกู ตเวที 8. กระตอื รอื ร้น ใฝุรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ 9. เสยี สละ เห็นประโยชนส์ ่วนรวม 10.มีความเปน็ ประชาธปิ ไตย 11.รักสามคั คี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 12.มีพลานามยั สมบรู ณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ กระบวนการและวิธีการจัดกจิ กรรม กิจกรรมลกู เสือม่งุ เน้นวธิ กี ารให้ลูกเสือไดเ้ รยี นรูด้ ้วยการกระทา โดยใช้ระบบหมู่เป็นสาคญั กิจกรรมของลูกเสอื จงึ ควรมรี ูปแบบ ดังนี้ 1. เรียนดว้ ยการกระทา 2. สง่ เสริมให้ใฝุรู้ ฝกึ ทกั ษะหาความรู้ ประสบการณ์ด้วยตนเอง 3. กระทากิจกรรมด้วยกระบวนการกลุ่ม 4. กระทากิจกรรมนอกหอ้ งเรยี น กลางแจ้ง สมั ผัสกับธรรมชาติ 5. ฝกึ คิด ตดั สินใจ ดาเนนิ งานอย่างมรี ะบบ

6. กจิ กรรมสนกุ เร้าใจ ทา้ ทาย ยัว่ ยใุ ห้แสดงความสามารถทีม่ ีอยู่ และแสดงความสามารถเหนอื ไปจากทมี่ อี ยู่ 7. การเล่น และเกมการแข่งขนั 8. เปน็ การศกึ ษา ค้นคว้า ทดสอบ ทดลอง 9. ฝกึ ทักษะ สรา้ งประสบการณ์ใหม่ 10. เปน็ กิจกรรมการชว่ ยเหลอื การให้บรกิ าร การทาประโยชน์ การผลิต การสร้าง และการริเริม่ สรา้ งสรรค์ 11. กิจกรรมลูกเสอื ตอ้ งสอดคล้องตามวัย และสภาพแวดล้อม โดยสรุป คือ การจัดมวลกิจกรรมลกู เสอื จะตอ้ งให้สอดคลอ้ งเปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ หลักการ และวิธีการของ กิจกรรมลกู เสือ จึงจะกอ่ ใหเ้ กิดคณุ คา่ คุณประโยชนต์ อ่ การพฒั นาเยาวชนอย่างแทจ้ รงิ การวดั ผลและประเมนิ ผลกจิ กรรม การวัดผลและประเมนิ ผลกิจกรรมลกู เสอื เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถตามกระบวนการของลกู เสือ พฤติกรรมที่คาดหวังและพฒั นาการทางด้านคุณธรรม ดงั น้ันการวัดผล และประเมนิ ผลกจิ กรรมลกู เสอื จงึ ต้องทาควบคู่ไปกับการพฒั นา หรือสร้างคุณธรรมและวนิ ยั ใหแ้ ก่ลูกเสือ และตรวจสอบการปฏิบัติตนตามกฎ และปฏญิ าณของลูกเสืออย่างสมา่ เสมอ แนวการวัดผลและประเมินผลกิจกรรมลูกเสอื 1. การประเมินกิจกรรมลูกเสือในหลกั สตู ร เพือ่ ตัดสนิ การผา่ นช่วงชัน้ หรอื จบหลักสูตร – ประเมนิ กอ่ นการเขา้ รว่ มกิจกรรม เพอ่ื ทราบคณุ ลกั ษณะพ้นื ฐานของลูกเสือแต่ละบุคคลตาม ความคาดหวัง ของหลกั สตู ร และกระบวนการลูกเสือ – ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม เปน็ การประเมินคุณภาพของคุณลักษณะ และพฤติกรรม ท่ีแสดงออกเป็น ประจา และตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขพฤติกรรมที่พึงประสงค์หรอื คณุ ลกั ษณะ คุณธรรม และความมีระเบยี บ วินยั ตามคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ – ประเมินหลังการจัดกิจกรรม เพ่อื ทราบผลการพัฒนาคณุ ลกั ษณะ คุณธรรม และความ มรี ะเบียบวินยั ตามอดุ มการณข์ องลูกเสือรายบุคคล 2. การประเมนิ กจิ กรรมพิเศษ เป็นการวดั และประเมินผลความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถ หรอื ทักษะใน กจิ กรรมพเิ ศษของลกู เสือตามความสนใจ เม่อื ลกู เสอื มคี วามสามารถ หรอื ทดสอบผา่ นเกณฑ์ทกี่ าหนดแลว้ จงึ มี สทิ ธปิ ระดับเครอ่ื งหมายกิจกรรมพิเศษนั้นๆ ได้ เอกสารประกอบการค้นคว้า และเรยี นรู้ 1. หนงั สือแนวทางการจัดกิจกรรมลูกเสือ ใหส้ อดคล้องกบั หลักสตู รการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน

พุทธศกั ราช 2544 ของสานักการลูกเสอื ยวุ กาชาด และกจิ การนักเรยี น สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร 2. แนวการจัดกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธกิ าร 3. ผงั มโนทศั น์กลุม่ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ตามหลักสตู รการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2544 ของกรม วิชาการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 4. ขอ้ บังคับคณะลกู เสอื แห่งชาติ ว่าดว้ ยการปกครองหลกั สูตร และวิชาพิเศษลกู เสอื พ.ศ.2535 ของสานกั งานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แห่งชาติ 5. คู่มอื การฝกึ ระเบียบแถวลูกเสือ ของสานักงานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหง่ ชาติ 6. ค่มู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสอื – เนตรนารี ของกรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 7. คมู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือ ของมูลนธิ คิ ณะลกู เสือแห่งชาติ

คาปฏิญาณของลูกเสอื คาปฏิญาณ คือ การใหค้ าม่ันสัญญาด้วยความสุจริตใจ ด้วยเกยี รติของขา้ ข้าสัญญาว่า ขอ้ 1 ข้าฯ จะจงรกั ภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ขอ้ 2 ขา้ ฯ จะชว่ ยเหลอื ผูอ้ น่ื ทุกเมอ่ื ขอ้ 3 ขา้ ฯ จะปฏบิ ัติตามกฎของลูกเสอื ข้อ 1 ข้าฯ จะจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ หมายถงึ การจงรกั ภกั ดตี ่อชาตอ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ เปน็ หนา้ ที่อันสาคญั ท่ีลกู เสอื ทุกคนรวมถงึ ผ้บู ังคับบญั ชาลกู เสือพึงถอื ปฏบิ ตั ิโดยเครง่ ครดั ขอ้ 2 ขา้ ฯ จะชว่ ยเหลือผอู้ ืน่ ทกุ เมอ่ื หมายถึง การชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ควรเปน็ หลักการท่ีลูกเสือ ทุกคนถือเป็นแนวปฏิบตั เิ สมอไป ยงิ่ เป็นลูกเสือรุ่นโต ควรไดฝ้ ึกปฏบิ ัติในเรือ่ งการช่วยเหลือผู้อืน่ ใหม้ าก ข้อ 3 ข้าฯ จะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ หมายถงึ ข้อกาหนด หรือข้อบัญญตั ทิ ีบ่ ังคับให้ลูกเสือต้องมกี ารปฏิบัติตาม กฎของลูกเสอื ข้อ 1 ลกู เสือมเี กยี รตเิ ชอื่ ถอื ได้ ข้อ 2 ลกู เสอื มีความจงรกั ภคั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซอื่ ตรงต่อผู้มพี ระคุณ ข้อ 3 ลกู เสือมหี น้าท่ีกระทาตนให้เปน็ ประโยชนแ์ ละช่วยเหลอื ผ้อู ่นื ข้อ 4 ลกู เสอื เป็นมิตรของคนทุกคน และเป็นพ่ีน้องกับลูกเสืออนื่ ทว่ั โลก ข้อ 5 ลกู เสือเปน็ ผู้สุภาพเรยี บรอ้ ย ขอ้ 6 ลกู เสอื มคี วามเมตตากรณุ าตอ่ สัตว์ ข้อ 7 ลกู เสอื เชือ่ ฟงั คาส่งั ของบดิ ามารดา และผู้บังคบั บัญชาดว้ ยความเคารพ ขอ้ 8 ลูกเสือมใี จรา่ เรงิ และไมย่ อ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก ขอ้ 9 ลูกเสือเป็นผู้มัธยสั ถ์ ขอ้ 10 ลูกเสอื ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ความหมายของกฎลกู เสอื แต่ละข้อ ขอ้ 1 ลกู เสอื มเี กียรติเชอ่ื ถอื ได้ หมายถงึ ลกู เสอื เป็นผู้พดู จริง ทาจริง และเป็นท่ีไว้วางใจของผอู้ ื่น รักษาเกียรตขิ องลกู เสอื อย่างดีท่สี ุด คือ การ ทาแต่ความดี ซ่ือสัตยส์ ุจริตและทาตนใหเ้ ป็นท่ีเชื่อถอื ของผูอ้ น่ื ดงั ที่พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ได้พระราชทาน คติพจน์ใหแ้ กค่ ณะลกู เสือแหง่ ชาติไว้ว่า “ เสียชพี อย่าเสยี สัตย์” ซึ่งลูกเสือไทยโดยทวั่ ไปได้ ปฏบิ ัติตาม จนไดร้ ับคายกยอ่ งนบั ถือจากประชาชนท่ัวไป ข้อ 2 ลูกเสอื มีความจงรกั ภัคดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซอ่ื ตรงต่อผู้มพี ระคุณ หมายถงึ ลูกเสือ ต้องมจี งรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซง่ึ เกยี่ วขอ้ งกบั ความมั่นคงของชาติ บ้านเมอื ง ไม่วา่ ลูกเสือจะนับถือศาสนาใด ๆ ลูกเสือควรปฏิบัติตามพิธีกรรมและคาสอนของศาสนาที่ตนนบั ถอื ส่วนชาติ และพระมหากษัตริย์น้ัน เปน็ จุดรวมของความสามัคคขี องคนทัง้ ชาติ แสดงถงึ ความเป็นเอกราชของ ชาตไิ ทย สว่ นการซ่อื ตรงต่อผูม้ พี ระคณุ นน้ั คอื ลูกเสอื เป็นผ้มู ีความกตัญญูกตเวที รู้จกั บุญคุณและตอบแทน พระคณุ ผูท้ ่พี ระคณุ แกต่ น เชน่ พ่อแม่ ครบู าอาจารย์ ซ่งึ ความกตญั ญูกตเวทเี ป็นเคร่อื งหมายของคนดี

ข้อ 3 ลกู เสือมีหน้าที่กระทาตนให้เป็นประโยชน์และชว่ ยเหลอื ผู้อื่น หมายถงึ ลูกเสอื เป็นผูข้ ยนั ขันแขง็ ในการทางาน นอกจากนนั้ ยังหาโอกาสชว่ ยเหลือผอู้ ่ืนอกี ด้วย มีหนา้ ที่บาเพ็ญ ตนเป็นพลเมอื งดี ชว่ ยเหลอื ผู้อนื่ ตลอดจนชุมชน หมู่คณะ และชาติบ้านเมอื ง โดยไมห่ วังส่งิ ตอบแทน ขอ้ 4 ลกู เสอื เป็นมติ รของคนทุกคน และเปน็ พ่นี ้องกับลูกเสอื อ่นื ทว่ั โลก หมายถงึ ลูกเสือทุกคนเป็นเพ่ือน เปน็ พีน่ ้องกนั เสมือนญาติ โดยคานึงถึงเชอ้ื ชาติ ศาสนา หรอื ฐานะของแต่ละ คน ขอ้ 5 ลกู เสือเปน็ ผู้สุภาพเรียบรอ้ ย หมายถงึ ลูกเสอื มีความสภุ าพเรยี บร้อยในการแต่งกาย ความประพฤติ และกรยิ าวาจา ตลอดจนความเหน็ อก เหน็ ใจผู้อ่นื รวมทงั้ ความเกรงใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทย ขอ้ 6 ลกู เสือมีความเมตตากรณุ าต่อสัตว์ หมายถงึ ลกู เสือมีความเมตตากรุณาตอ่ สตั ว์ ละเว้นการทรมานสัตว์ดว้ ยวิธีการใด ๆและควรปฏบิ ัติตาม ศลี ข้อท่ี 1 ท่ีห้ามฆา่ สัตว์ ข้อ 7 ลูกเสอื เชอื่ ฟังคาสัง่ ของบดิ ามารดา และผู้บังคบั บัญชาดว้ ยความเคารพ หมายถงึ การเป็นผูอ้ ยใู่ นระเบยี บวินัย เช่ือฟงั คาสั่งของพอ่ แม่ และผู้บงั คบั บัญชา การโต้แยง้ บิดา มารดา หรือผู้บงั คับบัญชานั้น ปจั จบุ นั อาจทาได้หากมเี หตุผลสมควร แต่การโตแ้ ยง้ ตอ้ งกระทาด้วยความเคารพ และในประการสุดทา้ ยผู้น้อย จะตอ้ งเชื่อฟงั ผใู้ หญ่ ครอบครัวหรือบา้ นเมอื งจงึ อยใู่ นปกตสิ ุข ข้อ 8 ลกู เสือมีใจร่าเรงิ และไมย่ ่อทอ้ ต่อความยากลาบาก หมายถงึ ลกู เสือยอ่ มไมม่ คี วามย่อท้อตอ่ ความยากลาบาก แม้จะต้องผจญภยั กบั ความลาบาก ก็ต้อง อดทน และทาใจใหร้ ่าเรงิ อยูเ่ สมอ ขอ้ 9 ลูกเสอื เปน็ ผมู้ ธั ยัสถ์ หมายถึง ลกู เสือรู้จกั คณุ ค่าของเงนิ ถนอมสง่ิ ของเคร่อื งใช้ หมนั่ ซ่อมแซมพสั ดทุ ี่ชารดุ เสียหาย ให้อยูใ่ นสภาพท่ี พอใชก้ ารได้ต่อไป รจู้ ักประหยัดการใชจ้ ่ายไม่ฟมุ เฟือย โดยยึดตามแนวพระราชดารขิ ององคพ์ ระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช องคป์ ระประมุขคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ ใหค้ นไทยร้จู กั การดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพียง ขอ้ 10 ลูกเสือประพฤติชอบดว้ ยกาย วาจา ใจ หมายถึง ลกู เสือตอ้ งกระทาแตค่ วามดี ละเวน้ ความชวั่ และทาจติ ใจใหบ้ ริสุทธิ์ผ่องใส ตามหลกั คาสอน ของศาสนาพุทธ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี 6 ทรงพระราชทานให้กบั ลกู เสือไว้ว่า “ เสียชพี อย่าเสยี สัตย์ ” คติพจน์ของคณะลกู เสือแหง่ ชาติ “ เสียชีพอย่าเสียสตั ย์ ” คติพจน์ของ ลูกเสอื สารอง “ ทาดที ี่สุด ” คติพจนข์ อง ลูกเสือสามญั “ จงเตรยี มพร้อม ” คตพิ จนข์ อง ลกู เสือสามญั รุ่นใหญ่ “ มองไกล ” คตพิ จนข์ อง ลูกเสือวสิ ามัญ “ บริการ ”

กจิ กรรมที่ 2 ให้ผู้เรยี น อธิบาย คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสอื

ใบความรู้ท่ี 3 การปฐมพยาบาลเบื้องตน้ การใช้ผ้าสามเหลย่ี ม แผลงพู ิษกดั ผงเข้าตาบาดแผล สุนัขกัด การห้ามเลือด เป็นลม เลือดกาเดาไหล การเคล่อื นย้ายผู้ปุวย โดยผู้ช่วยเหลือสองคน โดยผู้ชว่ ยเหลอื สามคน โดยใชเ้ ปลหาม การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล หมายถงึ การให้ความช่วยเหลอื ผูป้ ุวยหรือผู้บาดเจ็บ ณ สถานทีเ่ กิดเหตุ โดยใช้ อปุ กรณเ์ ทา่ ทจ่ี ะหาได้ในขณะนน้ั ก่อนท่ผี ูบ้ าดเจบ็ จะได้รับการดูแลรกั ษาจากบุคลากรทางการแพทย์ หรือสง่ ตอ่ ไปยงั โรงพยาบาล การปฐมพยาบาลมีวัตถปุ ระสงคท์ ส่ี าคัญคือ 1. เพอื่ ช่วยชีวิต 2. เพื่อเปน็ การลดความรุนแรงของการบาดเจบ็ หรอื การเจบ็ ปุวย 3. เพอ่ื ทาให้บรรเทาความเจ็บปวดทรมาน และชว่ ยใหก้ ลับสู่สภาพเดมิ โดยเร็ว 4. เพ่ือปูองกันความพกิ ารทจี่ ะเกดิ ขึ้นตามมาภายหลังการปฐมพยาบาลแบบตา่ ง ๆ การใชผ้ ้าสามเหลยี่ ม ( Triangular bandages) การใช้ผา้ สามเหลยี่ ม เมอ่ื มบี าดแผลตอ้ งใชผ้ ้าพันแผล ซึ่งขณะน้นั มผี ้าสามเหลย่ี ม สามารถใช้ผ้า สามเหลีย่ มแทนผ้าพันแผลได้ โดยพับเก็บมุมใหเ้ รียบร้อย และก่อนพนั แผลต้องพับผา้ สามเหล่ียมให้มีขนาด เหมาะสมกับบาดแผล และอวยั วะ 1. การคลอ้ งแขน (Arm sling) ในกรณที ม่ี กี ระดกู ตน้ แขนหัก หรือกระดูกปลายแขนหัก เมือ่ ตกแตง่ บาดแผลและเขา้ เฝอื กช่ัวคราว เรยี บร้อยแล้ว จะคลอ้ งด้วยผ้าสามเหลย่ี มตามลาดับดงั น้ี 1.1 วางผา้ สามเหล่ียมให้มมุ ยอดของสามเหล่ยี มอยูใ่ ตข้ ้อศอกข้างทีเ่ จบ็ ให้ชายผ้าดา้ น พบพาดไปทีไ่ หล่อกี ขา้ งหน่ึง 1.2 จบั ชายผา้ ดา้ นล่างตลบกลับข้ึนข้างบน ให้ชายผ้าพาดไปทีไ่ หลข่ ้างเดียวกับแขน ขา้ งที่เจบ็

1.3 ผูกชายท้งั สองใหป้ มอยตู่ รงรอ่ งเหนอื กระดกู ไหปลารา้ 1.4 เก็บมมุ สามเหล่ียมโดยใช้เขม็ กลัดติดให้เรยี บรอ้ ย 2. การพนั มอื ใช้กรณที ่ีมีบาดแผลทีม่ อื ทาตามลาดบั ดังนี้ 2.1 วางมือทีบ่ าดเจบ็ ลงบนผ้าสามเหลยี่ ม จับมมุ ยอดของผ้าสามเหล่ยี มลงมาด้านฐานจรด บริเวณข้อมอื 2.2 ห่อมอื โดยจับชายผ้าทัง้ ด้านซา้ ยและขวาไขวก้ ัน 2.3 ผกู เง่ือนพริ อดบริเวณขอ้ มอื กลับสู่ข้างบน

แผลงูพิษกัด 1. ดูรอยแผล ถ้างูไมม่ ีพษิ แผลจะเปน็ รอยถลอก ให้ทาแผลแบบ แผลถลอกแล้วถ้าแผลไม่ลุกลาม หรือไม่มีอาการอ่ืน ไมต่ ้องไปหาหมอ แผลจะหายเอง ถา้ งมู ีพษิ จะมีรอยเข้ยี ว 1 หรอื 2 จดุ ใหร้ กั ษาตามข้อ 2-7 2. พูดปลอบใจอย่าให้กลัวหรอื ตกใจ, ใหน้ อนนิง่ ๆ, ถา้ จาเปน็ ให้เคลอ่ื นไหวน้อยทส่ี ดุ 3. ห้ามใหด้ ืม่ เหลา้ ยาดองเหล้า หรือยากลอ่ มประสาท 4. หา้ มใช้มดี กรีดปากแผล หา้ มบีบเค้นบรเิ วณแผล เพราะจะทาใหแ้ ผลช้า สกปรก และทาให้พษิ กระจายเร็วข้ึน. 5. ห้ามขนั ชะเนาะรดั แขนหรอื ขา เพราะจะเกดิ อนั ตรายมากขน้ึ 6. รบี พาไปหาหมอ, ถา้ เปน็ ไปได้ควรนาซากงูทกี่ ดั ไปดว้ ย 7. ถ้าหยุดหายใจ ให้ เปาุ ปากช่วยหายใจ ผงเข้าตา ห้ามขยตี้ า , รบี ลมื ตาในนา้ สะอาด , และกลอกตาไปมาหรือเทน้าให้ไหลผ่านตา ที่ถา่ งหนังตาไว้ ถา้ ยงั ไม่ออก ให้คนชว่ ยใช้มุมผ้าเช็ดหนา้ ทีส่ ะอาดเขย่ี ผงออกถา้ ไมอ่ อก ควรรีบไปหาหมอ บาดแผล - แผลต้ืนหรอื แผลมีดบาด (เลอื ดออกไมม่ าก) 1. บีบให้เลือดชะเอาสิ่งสกปรกออกมาบา้ ง 2. ถ้ามีฝุนผงหรือสกปรก ต้องลา้ งออกด้วยน้าสุกกับสบู่ 3. ใส่ ทงิ เจอรใ์ สแ่ ผลสด หรือ นา้ ยาโพวโิ ดนไอโอดีน 4. พนั รัดใหข้ อบแผลติดกนั 5. ควรทาความสะอาดแผลและเปลีย่ นผา้ กอซวนั ละ 1 คร้งั จนกว่าแผลจะหาย

ความดันตา่ หน้ามืด เวียนศีรษะ 1. ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง, ปวดท้องหรอื อาเจยี นรนุ แรง, ถ่ายอุจจาระดา,ใจหวิวใจสนั่ , ชีพ จรเตน้ เร็ว, เหงอื่ แตกท่วมตวั , หรอื ลุกนัง่ มอี าการเปน็ ลม ต้องไปหาหมอโดยเร็ว. 2. ถา้ ไมม่ อี าการในขอ้ 1 ให้ปฏิบัติดังน้ี 2.1 ใหน้ อนลงสักครู่ แลว้ ลุกขึน้ ใหมโ่ ดยลุกชา้ ๆ อย่าลุกพรวดพราด เชน่ ค่อยๆลุกจากทา่ นอน เปน็ ทา่ นั่ง แล้วนัง่ พักสักครู่ ขยับและเกรง็ ขาหลายๆ ครั้ง, แล้วคอ่ ย ๆ ลุกขน้ึ ยืน, ยืนนง่ิ อยู่ สกั ครู่ แล้วจงึ คอ่ ย เดนิ 2.2 ถ้ายงั มีอาการใหก้ ินยาหอม หรอื กดจุด 3. ถ้าเปน็ ๆ หาย ๆ เรอ้ื รัง ควรไปหาหมอเพ่อื ตรวจหาสาเหตุ . ถา้ มอี าการวงิ เวยี น เห็นบา้ นหมุน ดูเรือ่ ง วิงเวยี น เห็นบา้ นหมุน การปอู งกัน ให้ออกกาลังกาย เพมิ่ ขึน้ ทีละน้อย, นอนหลับพกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ, และดืม่ น้ามาก ๆ สุนขั กัด 1. ใหร้ บี ทาแผลทันที โดยล้างแผลด้วยน้าสะอาด, ฟอกสบหู่ ลายๆ ครง้ั ,แล้วชะแผลดว้ ย แอลกอฮอล์ หรือ ทงิ เจอร์ใส่แผลสด หรือ นา้ ยาโพวโิ ดนไอโอดีน 2. รบี พาไปหาหมอ เพื่อพิจารณาฉีดยาปูองกนั บาดทะยกั , ฉีดยาปอู งกนั โรคกลวั นา้ และใช้ ยา ปฏิชวี นะ การห้ามเลือด ถา้ บาดแผลเลก็ กดปากแผลด้วยผ้าสะอาด แล้วพนั ให้แน่น 2. ถา้ บาดแผลใหญ่ เลอื ดออกพุง่ ทาตามขอ้ 1 แล้วเลือดยังไม่หยุด ใช้ผ้า เชอื กหรอื สายยางรดั เหนือ แผล(ระหวา่ งบาดแผลกับหวั ใจ) ใหแ้ น่นพอทีเ่ ลอื ดหยดุ ไหลเท่านั้น โดยอวยั วะส่วนปลายไมเ่ ขียวคล้า หรือถา้ เป็นเลอื ดพุ่งออกมาจากปลายหลอดเลือดที่ขาดอยู่ ใหใ้ ชก้ อ้ นผ้าเลก็ ๆ กดลงตรงนัน้ เลอื ดจะหยุดได้ 3. ยกสว่ นทีม่ ีเลือดออกให้สูงไว้ เป็นลม 1. ถ้าเป็นลมหมดสติ และหยดุ หายใจ , หรอื ชัก , หรอื เป็นลมอมั พาต (ส่วนหนึ่งส่วนใดของ ร่างกายอ่อนแรงทันที), หรอื เป็นลมแนน่ อกหรอื จกุ อก จนหายใจไม่ออก, หรอื มอี าการ รุนแรง อื่น ต้องไปหาหมอโดยเร็ว.

2. ถา้ เปน็ ลมหนา้ มืด อาจหมดสติจนไม่รสู้ กึ ตวั ได้โดยกอ่ นเปน็ ลมหน้ามืดอาจใจหวิวใจส่นั หรอื เวยี น ศรี ษะแลว้ หมดแรงฟุบตัวลงกบั พืน้ (มักจะไมล่ ้มฟาด) - ให้นอนหงายลงกับพ้นื ( ศรี ษะไมห่ นนุ หมอน) แขนขา เหยียด ใช้หมอนหรอื สิง่ อ่นื รองขา และเทา้ ใหส้ ูงกว่าลาตัว - คลายเสื้อผ้าใหห้ ลวมออก เอาฟันปลอมและของในปากออก - พดั โบกลมให้ถูกหน้าและลาตัว ห้ามคนมุงดู. - ใหด้ มยาหมอ่ งหรอื ยาดมอื่นๆ หรอื กดจุด - ใชผ้ ้าชุบนา้ เยน็ หรอื น้าอุ่นเชด็ หนา้ และบีบนวดแขนขา ถ้าไม่ดขี ึน้ ใน 30 นาที ใหไ้ ปหาหมอ การปูองกนั - รกั ษาสขุ ภาพให้แข็งแรง เชน่ กนิ อาหารและนอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ออกกาลังกาย สมา่ เสมอ - หลีกเล่ยี งชนวนทีท่ าใหเ้ ปน็ ลมหนา้ มืด เช่น ทแ่ี ออัดอบอ้าว 3. ถ้าเปน็ ลมแนน่ ทอ้ ง เรอลมบอ่ ยๆ ผายลมบ่อยๆ - ดื่มนา้ ร้อน ๆ หรือนา้ ขงิ /ขา่ /กระชาย (อยา่ งใดอย่างหนงึ่ ) - กนิ ยาลดกรด ยาขบั ลม การปอู งกัน - อย่ากินอาหารจนอ่ิมมาก และหลกี เล่ียงอาหารทเี่ กิดลมงา่ ย เช่น นม ถวั่ อาหารที่ยอ่ ยยาก อาหารค้างหรือเรม่ิ บูด เป็นต้น - พดู หรอื ร้องเพลงใหน้ ้อยลง - จบิ นา้ บอ่ ยๆ เพ่ือไม่ใหก้ ลืนลมโดยไมร่ ู้ตวั - ผ่อนคลายความเครยี ดลง ดูเรือ่ งกงั วล-เครยี ด เลือดกาเดาไหล 1. ใหน้ ั่งนง่ิ ๆ, หงายศรี ษะไปดา้ นหลงั พิงพนักหรอื ผนงั ,หรือนอนหนุนไหล่ใหส้ งู แล้วหงายศรี ษะพงิ หมอน 2. ปลอบใจให้สงบใจ ให้หายใจยาวๆ (ย่ิงตืน่ เต้นตกใจ เลือดย่ิงออกมาก) 3. ใชน้ ิ้วมือบบี จมกู ทัง้ 2 ข้างใหแ้ นน่ โดยให้หายใจทางปากแทนหรือใช้ผา้ สะอาดมว้ นอดุ รูจมกู ขา้ ง นนั้ หรอื กดจุด 4. วางน้าแขง็ หรือผ้าเย็นบนสนั จมูก หนา้ ผาก และใตข้ ากรรไกร 5. ถา้ เลือดไม่หยดุ รบี พาไปโรงพยาบาล 6. ถ้ามีเลือดกาเดาออกบ่อย ควรปรกึ ษาหมอ, อาจเปน็ ความดันเลอื ดสงู หรอื โรคอ่ืน ๆ ได้ การเคล่อื นย้ายผู้ปุวย การเคลอื่ นยา้ ยผู้ปวุ ยโดยผชู้ ่วยเหลอื สองคน

วิธีที่ 1 อมุ้ และยก เหมาะสาหรับผู้ปวุ ยรายในรายท่ไี มร่ ูส้ กึ ตวั แตไ่ มค่ วรใชใ้ นรายทมี่ กี ารบาดเจ็บของ ลาตวั หรอื กระดกู หกั ภาพการเคลื่อนยา้ ยผู้ปุวยด้วยวิธอี ุ้มและยก วิธที ่ี 2 น่งั บนมือทัง้ ส่ที ี่จับประสานกนั เปน็ แคร่ เหมาะสาหรับผู้ปุวยในรายที่ขาเจบ็ แตร่ ู้สึกดีและสามารถใช้แขนทั้งสองข้างได้ วธิ เี คล่อื นยา้ ย ผู้ชว่ ยเหลอื ทัง้ สองคนใช้มอื ขวากาข้อมอื ซา้ ยของตนเอง ขณะเดียวกนั ก็ใช้มอื ซา้ ยกามอื ขวาซงึ่ กันและกัน ให้ผู้ปวุ ยใช้แขนทัง้ สองยนั ตัวขึ้นนั่งบนมือทง้ั สีท่ จี่ บั ประสานกัน เปน็ แคร่ แขนทัง้ สองของผปู้ วุ ยโอบคอผชู้ ่วยเหลอื จากนน้ั วางผปู้ ุวยบนเขา่ เปน็ จังหวะที่หนง่ึ และอุ้มยนื เปน็ จังหวะท่ีสอง แล้วจึงเดนิ ไปพรอ้ มๆ กัน ภาพการเคลอ่ื นยา้ ยผู้ปุวยดว้ ยวธิ ีนงั่ บนมอื ทง้ั ส่ีท่ปี ระสานกันเปน็ แคร่ วธิ ที ่ี 3 การพยงุ เดิน วิธนี ใ้ี ชใ้ นรายท่ไี มม่ บี าดแผลรุนแรง หรือกระดูกหกั และผบู้ าดเจ็บยังรู้สึกตวั ดี

การเคล่ือนย้ายผู้ปุวยดว้ ยวธิ พี ยุงเดิน การเคลอื่ นยา้ ยผูป้ ุวยโดยผชู้ ่วยเหลือสามคน วิธที ่ี 1 อุ้มสามคนเรยี ง เหมาะสาหรบั ผู้ปวุ ยในรายทไี่ มร่ ู้สกึ ตัว ต้องการอ้มุ ขนึ้ วางบนเตียงหรืออ้มุ ผ่านทางแคบ ๆ วธิ เี คลือ่ นย้าย ผู้ชว่ ยเหลอื ทั้งสามคนคุกเข่าเรยี งกนั ในท่าคุกเข่าขา้ งเดยี ว ทกุ คนสอดมือเข้าใต้ตวั ผปู้ วุ ย และอมุ้ พยุงไวต้ ามสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายดังนี้ คนที่ 1 สอดมือท้งั สองเข้าใต้ตัวผู้ปุวยตรงบรเิ วณคอและหลังส่วนบน คนที่ 2 สอดมอื ทง้ั สองเข้าใต้ตวั ผู้ปุวยตรงบรเิ วณหลังส่วนล่างและกน้ คนท่ี 3 สอดมอื ทง้ั สองเข้าใตข้ า ผู้ช่วยเหลอื คนทอี่ อ่ นแอท่ีสุดควรเปน็ คนท่ี 3 เพราะรับน้าหนักน้อยทส่ี ุด เม่อื จะยกผู้ปุวยผู้ช่วยเหลือท้ังสามคน จะต้องทางานพร้อมๆ กัน โดยใหค้ นใดคนหนึง่ เปน็ ออกคาสัง่ ข้นั แรก ยกผู้ปุวยพร้อมกันและวางบนเข่า จากทา่ นีเ้ หมาะสาหรบั จะยกผ้ปู วุ ยขนึ้ วางบนเปลฉกุ เฉนิ หรือบนเตียง แตถ่ า้ จะอมุ้ เคล่ือนทีผ่ ู้ชว่ ยเหลอื ท้งั สามคน จะต้องประคองตวั ผูป้ ุวยในทา่ นอนตะแคง และอุ้มยนื เมื่อจะเดินจะ ก้าวเดนิ ไปทางดา้ นข้างพรอ้ มๆ กัน และถา้ จะวาง ผู้ปุวยใหท้ าเหมอื นเดิมทกุ ประการ คอื คกุ เข่าลงก่อนและ คอ่ ย ๆ วางผ้ปู วุ ยลง การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ุวยดว้ ยวิธอี ุ้มสามคนเรยี ง

วธิ ีที่ 2 การใชค้ น 3 คน วิธีนีใ้ ช้ในรายที่ผ้บู าดเจ็บนอนหงาย หรือ นอนคว่าก็ได้ ใหค้ างของผบู้ าดเจ็บยกสูงเพือ่ เปิดทางเดินหายใจ 1. ผู้ปฐมพยาบาล 2 คนคกุ เขา่ ข้างลาตัวผบู้ าดเจบ็ ขา้ งหนง่ึ อีกข้างหน่ึง ผู้ปฐมพยาบาลอกี 1 คน คกุ เขา่ ขา้ งลาตวั ผู้บาดเจ็บ 2. ผปู้ ฐมพยาบาลคนที่ 1 ประคองท่ีศรี ษะและไหล่ผ้บู าดเจ็บ มอื อีกข้างหนึ่ง รองสว่ นหลังผู้บาดเจ็บ 3. ผู้ปฐมพยาบาลคนที่ 2 อยู่ตรงข้ามคนท่ี 1 ใช้แขนข้างหน่งึ รองหลังผบู้ าดเจบ็ เอามอื ไปจับมอื คน ท่ี 1 อีกมือหน่งึ รองใต้สะโพกผ้บู าดเจ็บ 4. ผปู้ ฐมพยาบาลคนที่ 3 มือหนึ่งอยใู่ ต้ต้นขาเหนือมอื คนที่ 2 ทร่ี องใต้สะโพก แลว้ เอามอื ไปจบั กบั มือคนท่ี 2 ที่รองใต้สะโพกนน้ั สว่ นมอื อีกข้างหน่งึ รองที่ขาใต้เข่า 5. มอื คนท่ี 1 และคนท่ี 2 ควรจบั กันอยูร่ ะหว่างกงึ่ กลางลาตวั สว่ นบนของผูบ้ าดเจบ็ ผปู้ ฐมพยาบาลจะต้องใหส้ ญั ญาณลกุ ขึน้ ยนื พร้อม ๆ กนั การเคลื่อนย้ายผปู้ ุวยดว้ ยวิธใี ช้คน 3 คน การเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ุวยโดยใช้เปลหาม เปลหรอื แครม่ ปี ระโยชนใ์ นการเคล่ือนย้ายผปู้ ุวย อาจทาไดง้ ่ายโดยดัดแปลงวัสดุ การใช้เปลหามจะสะดวกมากแต่ยงุ่ ยากบ้างขณะท่ีจะอุม้ ผปู้ วุ ยวางบนเปลหรืออุ้มออกจากเปล วธิ กี ารเคลอ่ื นย้าย เริม่ ต้นด้วยการอุ้มผปู้ ุวยนอนราบบนเปล จากนั้นควรใหผ้ ู้ชว่ ยเหลือคนหนึ่ง เปน็ คนออกคาส่งั ให้ยกและหามเดนิ เพ่ือความพร้อมเพรยี งและนุม่ นวล ถ้ามีผู้ช่วยเหลอื สองคน คนหน่ึงหาม ทางดา้ นศรี ษะ อีกคนหามทางด้านปลายเทา้ และหนั หนา้ ไปทางเดียวกัน ซ่งึ หมายความว่าผูช้ ่วยเหลอื ที่หาม ทางดา้ นปลายเท้าจะเดินนาหน้า หากมผี ู้ช่วยเหลือ 4 คน ช่วยหาม อีก 2 คน จะชว่ ยหามทางด้านข้างของเปล และหนั หนา้ เดินไปทางเดียวกนั

การเคลือ่ นยา้ ยผู้ปุวยโดยใช้เปลหาม วสั ดุทนี่ ามาดัดแปลงทาเปลหาม 1. บานประตูไม้ 2. ผ้าหม่ และไมย้ าวสองอนั วธิ ที าเปลผ้าหม่ ปูผ้าห่มลงบนพื้นใชไ้ มย้ าวสองอนั ยาวประมาณ 2.20 เมตร - อนั ที่ 1 สอดในผา้ ห่มที่ได้พับไวแ้ ลว้ - อันที่ 2 วางบนผา้ ห่ม โดยให้ห่างจากอันท่ี 1 ประมาณ 60 ซม. จากน้นั พบั ชายผา้ หม่ ทบั ไมอ้ นั ท่ี 2 และอนั ท่ี 1 ตามลาดบั การใช้ผ้าหม่ มาดัดแปลงทาเปลหามผู้ปุวย 3. เสื้อและไมย้ าว 2 อัน นาเสือ้ ท่มี ีขนาดใหญ่พอๆกันมาสามตวั ตดิ กระดุมให้เรียบรอ้ ย ถ้าไม่แนใ่ จ ว่ากระดุมจะแนน่ พอให้ใช้เขม็ กลดั ซ่อนปลายช่วยด้วย แลว้ สอดไมส้ องอนั เขา้ ไปในแขนเสื้อ การใชเ้ สอ้ื มาดดั แปลงทาเปลหาม กจิ กรรมที่ 3 ให้ผ้เู รียนอธบิ ายการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของลูกเสอื .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

บนั ทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครง้ั ท่ี ……… วนั ที่ …………. เดอื น …………………………………..……….. พ.ศ. …………….. ระดับประถมศกึ ษา จานวนนกั ศึกษา ท้งั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน จานวนนักศกึ ษาท่ีเขา้ เรียน ท้ังหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จานวนนกั ศึกษาท่ีขาดเรียน ท้ังหมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... สภาพการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปัญหาทพ่ี บและการแกไ้ ขปญั หา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ การดาเนนิ การแก้ไข/พัฒนา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะ/ความคิดเหน็ ผนู้ เิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่อื ) ................................................... (ลงชอื่ ) ................................................... ผู้นิเทศ (........................................) (........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชอื่ ) ………………………………..…………............. ผอ.กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี (นายศักด์ชิ ัย นาคเอ่ียม) ………….. /….……… /…….……

บรรณานกุ รม ที่มา : https://thailand.opendevelopmentmekong.net/th/topics/environment-and-natural- resources/ ทม่ี า : https://quizizz.com/admin/quiz/5c3e99f14f5a56001a1cc583/ ทมี่ า : https://www.tonamorn.com/vocabulary/occupation/ ที่มา : http://www.dla.go.th/work/e_book/eb1/std210550/29/4.pdf ทม่ี า : http://www.nitade.lpru.ac.th/2012/html/news9.html ที่มา : https://www.dek-d.com/education/24897/

คณะผู้จดั ทา แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ ตามรปู แบบ ONIE MODEL หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี .......... ปีการศึกษา ................... ทีป่ รกึ ษา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี นายศักดชิ์ ัย นาคเอ่ียม ครพู ี่เลี้ยง จนั ทนะ ครชู านาญการ นางสาวชมพู คณะผู้จัดทา 1. ครอู าสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรียน กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี 2. ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี 3. ครู ศรช. กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบุรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook