เอกภพ เอกภพ (universe)คือ หวงอวกาศอันกวา งใหญไพศาลซ่งึ ประกอบดว ยกาแลก็ ซีทีม่ ดี วงดาว อยรู วมกันนับแสนลา นดวงเนบิวลาหลมุ ดํารวมถงึ ทีว่ างระหวา งดวงดาวเอกภพมีความ หมายตรงตัววา โลกทีเ่ ป็นหน่ึงเดยี วนัน่ หมายถงึ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา งในธรรมชาตลิ วนเป็นหน่ึง เดยี วกนั หรือมีตน กาํ เนิดจากสิง่ เดยี วกนั นัน่ เองก็พบเกิดข้ึนไดอ ยางไรนัน้ ยังมีไมมีคําตอบท่ี แนชดั แตนักวทิ ยาศาสตรส วนใหญเ ช่ือวาเอกภพเกดิ ข้นึ จากการขยายตวั ของจุดเลก็ ๆที่มี ความรอนและความหนาแนนสงู เม่อื ประมาณ 13,100ลานปีกอ น แนวคิดสําคญั เอกภพ คือ อวกาศอนั กวา งใหญ ที่ประกอบดวย ทุกสรรพสงิ่ ในธรรมชาติ เกิดจากการขยายตัวอยาง รวดเรว็ ตามทฤษฎบี ิกแบง เม่อื ประมาณ 13.700 ลานปี กอน โดยมีหลกั ฐานท่สี ําคัญสนับสนุน 2 ประการ ไดแ ก การขยายตัวของเอกภพและการคนพบ รังสไี มโครเวฟ พ้ืนหลงั
ทฤษฎบี ิกแบง ทฤษฎบี ิกแบง (big bang theory) เสนอโดย ฌอรณ เลอเมตร (Georges Lemaitre) นัก ดาราศาสตร ชาวเบลเย่ยี ม เม่ือ พ.ศ. 2470 โดยมแี นวคดิ วา เม่ือประมาณ 13,700 ลา นปี กอ น จุดเริ่มตนของเวลาและเอกภพ กําเนิดข้ึนจากจดุ เล็ก ๆ ท่มี ีสภาวะรอนจดั และมีความ หนาแนนสูงมากเกดิ การขยายตัว เม่ือเวลาผานไป เอกภพ มวี วิ ฒั นาการจนเกิดสสารตา ง ๆ เกดิ กาแล็กชี ดาวฤกษ ระบบสุรยิ ะ โลก รวมถึงสิ่งมชี วี ติ ตา ง ๆ บนโลก ฌอรณ เลอเมตร
ใน พ.ศ. 2491 ทฤษฎบี ิกแบงไตม กี ารพฒั นาตอ โดย จอรจ กามอฟ (George Gamow) นักฟิสกิ สซาวอเมริกนั ไตเสนอแนวคดิ เกยี่ วกับการเกิดธาตุและปริมาณของธาตุตาง ๆ ในเอกภพ โดยเสนอวา ธาตใุ นเอกภพเกดิ ข้นึ จากการ รวมกันของอนภุ าคมูลฐาน เชน ควารก โฟตอน อิเลก็ ตรอน นิวตริโน ในอตั ราสว นท่ีเหมาะสม ทําใหเกดิ ไอโซโทป ของ ธาตุไฮโตรเจน หลงั จากนัน้ เม่อื เกิดปฏกิ ิรยิ าเทอรม อนิวเคลียรฟ ิวชนั (thermonuclear fusion) จึงเกิดธาตทุ ่ีหนักข้ึน ในลาํ ดบั ถัดไป และเม่อื ศกึ ษาเก่ยี วกับปรมิ าณของธตุใน เอกภพ พบวา มธี าตุไฮโตรเจนประมาณรอยละ 75 และ ธาตฮุ ีเลยี มประมาณรอยละ 24 จะเหน็ ไดว า เอกภพประกอบดวยธาตุเบาเป็นสวนใหญ คอื ไฮโตรเจนและฮเี ลียม จอรจ กามอฟ
วิวัฒนาการของเอกภพ 1.เริ่มตน การเกดิ บิกแบง เอกภพไดถอื กาํ เนิดข้นึ และเวลาเริม่ ตน ไปขางหน า เม่อื เวลา10 ^ - 36 วินาที เอกภพมือณุ หภมู สิ งู ถึง 10^ 27 เคลวนิ และขยายตัวออกอยางรวดเรว็ เรยี กวา อินเฟลซนั (infation ในชว งนี้มีเฉพาะรงั สคี อสมิกพลังงานสงู เทา นัน้ ยังไมมอี นภุ าคใด ๆ เกิดข้ึน 2.เม่อื เวลาผา นไป10 ^12 วนิ าที เกดิ อนุภาคมลู ฐานตาง ๆ ข้ึน ไดแ ก ควารก อเิ ลก็ ตรอน โฟตอน และนิวตริโน รวมถึงปฏอิ นุภาค อนภุ าคและปฏอิ นุภาค จะหักลางกนั และหายไป แตในขณะนัน้ มจี าํ นวนของอนภุ าคมากกกวาปฏิอนุภาค จงึ ทาํ ใหเกดิ สสารตา ง ๆ ในเอกภพ ไดดงั เชน ปัจจบุ นั 3.เม่อื เวลาผา นไป 10 ^-3 วนิ าที เอกภพมอี ุณหภูมิลดลงเหลอื 10 ^13 เคลวิน ควารก เรมิ่ รวมตวั กันเป็นอนภุ าคโปรตอนแลนิวตรอน 4.เม่ือเวลาผานไป 3 นาที เอกภพมีอณุ หภมู ิ 10^8 เคลวิน อนุภาคโปรตอนและนิวตรอน รวมตวั กนั เกดิ เป็นนิวเคลยี สของธาตุเบา คือนิวเคลยี ส ของธาตุไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม 5.เม่ือเวลาผานไป 300.000 ปี เอกภพมีอณุ หภมู ิ 10.000 เคลวิน อิเลก็ ตรอนรวมตวั กับ โปรตอนและนิวตรอนทาํ ใหเ กิดอะตอมของธาตุไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม ท่ีมเี สถียรภาพ และ ทําใหเ กดิ รงั สีไมโครเวฟพ้ืนหลงั ข้ึน ซ่งึ นับเป็นแสงแรกแหง เอกภพ 6.เม่ือเวลาผา นไป 100 ลา นปี เอกภพมือุณหภมู ิ 70 เคลวิน มีธาตแุ ละสสารตา ง ๆ หนา แนนมากข้นึ จึงมีแรงโน มถว งมากพอที่ทําใหเกิดกาแลก็ ซีและเกิดดาวฤกษภ ายในเนบิวลา ข้นึ ได 7.ในปัจจุบัน เวลาผา นไปประมาณ 13,700 ลา นปี เอกภพมีอุณหภมู ปิ ระมาณ 2.725 เคล วนิ มธี าตุหนักเกดิ ข้ึน เกดิ กาแลก็ ซตี างๆ หลุมดํา ระบบสรุ ิยะ รวมถงึ โลกและสิง่ มชี วี ติ ตาง ๆ
หลกั ฐานทีสนับสนุนทฤษฎบี ิก แบง การอธบิ ายความเป็นมาของเอกภพดว ยทฤษฎีบกิ แบงนัน้ มีความนาเช่ือถือมากกวา ทฤษฎ อ่ืน มหี ลกั ฐานสําคญั 2 ประการ 1. การขยายตัวของเอกภพ (expansion of the universe) เอด็ วิน พาวเวลล ฮบั เบิล (Edwin Powell Hubble) นักดาราศาสตรชาวอเมริกัน ไดศึกษาความสัมพนั ธ ระหวาง ระยะหางของกาแลก็ ซกี ับการเล่อื นทางแดงโดยใช ปรากฏการณดอปเพลอร (doppler effect) และเสนอเป็น กฏของฮบั เบลิ (Hubble's law) เม่ือ พ.ศ. 2473 จากหลกั การของ ดอปเพลอร ถา กาแลก็ ซเี คล่ือนที่ ออกจากผูสังเกต ความยาวคล่ืนแสงจากกาแล็กชีจะเพ่มิ มากข้ึน โดยเล่ือนไปทางแสงสีแดงซ่งึ มคี วามยาวคล่นื มาก เรยี กวา การเล่ือนทางแดง (redshift) แตถากาแลก็ ซี เคล่อื นท่เี ขา หาผูสังเกต ความยาวคล่นื แสงจะลดน อยลง โดย เล่อื นไปทางแสงสีน้ําเงินซ่งึ มคี วามยาวคล่ืนน อย เรียกวา การเล่ือนทางน้ําเงนิ (blueshift) เอด็ วนิ พาวเวลล ฮบั เบิล 2.การคนพบรงั สไี มโครเวฟพ้นื หลงั (microwave cosmic background) เม่ือ พ.ศ.2508 อารโ น เพนเซียส (Amo Penzias) และรอเบริ ต วิลสนั (Robert Wilson) นักฟิสกิ สช าว อเมรกิ นั ไดท ดสอบเคร่ืองรบั สญั ญาณที่ความไวสูง ซ่ึงตัง้ อยูท่ีหองทดลองของบรษิ ทั เบลล เทเลโฟน พบวา เคร่ืองรบั สัญญาณไตร บั สญั ญาณวิทยใุ นยานไมโครเวฟรบกวนอยูตลอดไม ทราบทศิ ทางและทมี่ าของแหลง กําเนิด ถึงแมวาจะทดลองหนั จานรับสัญญาณไปทศิ ทาง อ่ืนๆหรอื ทาํ ความสะอาดอปุ กรณเป็นอยา งดีแลว ยงั คงพบสัญญาณไมโครเวฟทีม่ ีความ สม่ําเสมออยตู ลอดเวลา เป็นไปไดว าสญั ญาณนี้กระจายอยทู วั่ ไปในเอกภพ ภายหลงั จงึ ตรวจสอบไดว าสญั ญาณดงั กลา วเป็นรงั สีพ้ืนหลงั ของเอกภพซ่ึงเกิดจากบิกแบง และมี อุณหภูมเิ ทากับอณุ หภมู ขิ องเอกภพ คือ 2.725 เคลวิน อารโ น เพนเซยี ส และรอเบิรต วลิ สัน
จัดทําโดย นายธีรเดช รศั มโี คม เลขท่ี5 ม.6/1 เสนอ อาจารยโ ยภิตา เขียวคา โรงเรียนบางปะหัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: