ผลของโปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกับการปฏบิ ตั สิ มาธิ นงนุช จิตรารัชต์ และคณะ บทความวิจยั ผลของโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธติ อ่ อาการ หายใจล�ำ บากในผปู้ ่วยมะเรง็ ปอดทไ่ี ด้รบั เคมบี ำ�บัด1The Effect of Symptom Management Combined with Meditation Practice on Dyspnea in Advanced Lung Cancer Patients Undergoing Chemotherapy1 นงนุช จิตรารัชต2์ * สรุ ีพร ธนศิลป์2 นพมาศ พัดทอง2 Nongnuch Jitrarat2* Sureeporn Thanasilp2 Noppamat Pudtong2 1ได้รบั ทุนสนับสนุนจาก ทุนอดุ หนนุ วิทยานิพนธส์ �ำ หรับนสิ ติ บณั ฑติ วทิ ยาลยั และคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย1This research was support by Grants for Student Thesis Graduate School, Faculty of Nursing Chulalongkorn University 2คณะพยาบาลศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย เขตปทมุ วนั กรุงเทพมหานคร 2Faculty of Nursing Chulalongkorn University Pathumwan, Bangkok Thailand. *Corresponding author: [email protected]บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนีเ้ ปน็ การวจิ ยั ก่งึ ทดลอง มีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือเปรยี บเทียบอาการหายใจลำ�บากในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บัเคมีบำ�บัด ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธิ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำ�บัด จำ�นวน 44 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง กลุ่มละ22 คน โดยจบั คูใ่ นดา้ นเพศ อายุ และระดับความสามารถในการทำ�กิจกรรม กลุ่มควบคมุ ไดร้ บั การพยาบาลตามปกติ และกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการจัดการอาการรว่ มกับการปฏิบัติสมาธิ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยใช้แบบสอบถามข้อมูลสว่ นบคุ คล และแบบประเมนิ อาการหายใจล�ำ บาก มคี า่ สมั ประสทิ ธแ์ิ อลฟา่ ของ ครอนบาค เทา่ กบั 0.74 วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยสถติ เิ ชงิ พรรณนา และสถิตทิ ดสอบที ผลการวจิ ยั พบว่า 1. อาการหายใจล�ำ บากของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บั เคมบี �ำ บดั ในกลมุ่ ทดลองหลงั ไดร้ บั โปรแกรมฯ นอ้ ยกวา่ กอ่ นเขา้ รว่ มโปรแกรมฯ อย่างมีนยั สำ�คญั ทางสถติ ิ (t = 6.88; p < 0.05) 2. อาการหายใจล�ำ บากของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บั เคมบี �ำ บดั ในกลมุ่ ทดลองหลงั ไดร้ บั โปรแกรมฯ นอ้ ยกวา่ กลมุ่ ควบคมุทีไ่ ดร้ บั การพยาบาลตามปกติอยา่ งมีนยั สำ�คญั ทางสถติ ิ (t = 2.41; p < 0.05) ดังนั้น โปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธิเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดอาการหายใจลำ�บากในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะลุกลามท่ีได้รบั เคมีบำ�บัด24 วารสารพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ ปีที่ 37 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationค�ำ ส�ำ คัญ: การจัดการอาการ; การปฏิบัตสิ มาธิ; อาการหายใจลำ�บาก; มะเร็งปอดทไี่ ดร้ ับเคมบี ำ�บัดAbstract This quasi- experimental research aimed to compare dyspnea of lung cancer patients undergoingchemotherapy before and after the programs and between the experimental and control groups. The studysamples were 44 patients with lung cancer undergoing chemotherapy. They were divided into 2 groups: 22 eachin the experimental group and the control group, were matched by gender, age, and performance status. Thecontrol group received the conventional nursing care while the experimental group received the Self- Managementcombined with Meditation Practice. Data were collected using a personal characteristic form, and The CancerDyspnea Scale. It’s Cronbach’s alpha coefficient was at 0.74. Data were analyzed by using descriptive statisticsand t-test. The major findings were as follows: 1. Dyspnea of lung cancer patients in the experimental group, after the received program was sig-nificantly lower than that of the pretest phase (t = 6.88; p < 0.05). 2. Dyspnea of lung cancer patients in the experimental group was significantly lower than that of thecontrol group (t = 2.41; p < 0.05). The result suggests that the Symptom Management combined with Meditation Practice can reducedyspnea in persons with lung cancer.Keywords: symptom management; meditation practice; dyspnea; lung cancer patients undergoing chemotherapyความเป็นมาของปัญหา การเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย การแตง่ ตวั หรอื ท�ำ งาน5 รวมถงึ มคี วาม มะเรง็ ปอดเปน็ สาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ ล�ำ ดบั ตน้ ๆ ของโลก รู้สึกวิตกกังวลที่ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไม่แน่นอนกับรวมท้ังประเทศไทยตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2553-2557 พบว่า ผปู้ ว่ ย เหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขึ้นในชวี ิต ทำ�ใหผ้ ู้ป่วยรูส้ กึ ท้อแทส้ ิน้ หวัง7มะเรง็ ปอดมอี ตั ราการตายมากเปน็ อนั ดบั 2 รองจากมะเรง็ ตบั อาการหายใจลำ�บากส่งผลกระทบท้ังด้านร่างกายและทอ่ น�ำ้ ดี โดยมอี ตั ราการตาย 14.6, 15.9, 16.6, 18.1 และ จิตใจอารมณ์ และสงั คม5,7-8 ดา้ นร่างกายผ้ปู ่วยถกู จ�ำ กดั การ18.6 ตอ่ ประชากร 100,000 คน ตามล�ำ ดบั 1 ซง่ึ แนวทางการ เคลื่อนไหว ส่งผลต่อการดำ�เนินชีวิตและการทำ�งาน ความรักษามะเร็งปอดประกอบด้วย การผ่าตัด การให้รังสีรักษา สามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำ�วันด้วยตนเองลดลง5,8-9การใช้เคมีบำ�บัด และการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำ�ลายเซลล์ และอาการหายใจล�ำ บากมคี วามสมั พนั ธก์ บั ภาวะการท�ำ หนา้ ท่ีมะเรง็ 2 แตส่ �ำ หรบั ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บั การวนิ จิ ฉยั วา่ อยใู่ น โดยผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดมอี าการหายใจล�ำ บากขณะเดนิ รอ้ ยละ 72ระยะลกุ ลาม การรกั ษามกั จะไดร้ บั เคมบี �ำ บดั โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ และเพม่ิ สงู ขึน้ ขณะขึ้นบนั ได รอ้ ยละ 7910 อีกทั้งรบกวนการเพ่อื บำ�บัดอาการและยดื ระยะเวลารอดชวี ิตของผู้ปว่ ย2 นอนหลบั ของผู้ปว่ ย เน่อื งจากตอ้ งลกุ มานั่งตอนกลางคืนจาก มะเรง็ ปอดเปน็ มะเรง็ ชนดิ หนง่ึ ทท่ี �ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยมอี าการ อาการหายใจไมส่ ะดวก11 มผี ลตอ่ การเคย้ี วและการกลนื ท�ำ ให้ทกุ ขท์ รมาน เนอ่ื งจากการด�ำ เนนิ ของโรคและผลขา้ งเคยี งจาก รบั ประทานอาหารไดล้ ดลง5 ดา้ นจติ ใจและอารมณ์ ผปู้ ว่ ยรสู้ กึการรกั ษาดว้ ยเคมบี �ำ บดั ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยมอี าการหลากหลาย โดย กลัวและวิตกกังวลต่อการได้รับอากาศหายใจที่ไม่เพียงพออาการหายใจลำ�บากเป็นอาการหนึ่งที่ทรมานและพบบ่อย มี รสู้ กึ ทกุ ขท์ รมาน สน้ิ หวงั 5,7 ดา้ นสงั คมผปู้ ว่ ยรสู้ กึ วา่ ตนเองถกูอัตราการเกดิ รอ้ ยละ 29-873-6 ลกั ษณะอาการหายใจล�ำ บาก แยกออกจากสังคม เนือ่ งจากการพูดคุยท�ำ ให้เหนือ่ ยมากข้นึในผู้ป่วยมะเร็งปอดนั้นเป็นอาการท่ีทุกข์ทรมานคล้ายถูกของ ท�ำ ใหก้ ารตดิ ตอ่ กบั ครอบครวั และเพอ่ื นถกู จ�ำ กดั เนอ่ื งจากผปู้ ว่ ยหนักมาทับ แน่นหน้าอก เป็นความรู้สึกเหมือนขาดอากาศ บางคนรสู้ กึ วา่ ไมส่ ามารถเคลอ่ื นไหวรา่ งกายไดถ้ า้ ไมม่ อี อกซเิ จน5หายใจ อาการที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ไม่สามารถ มีความทกุ ข์ทรมาน12 และส่งผลให้มีคุณภาพชวี ติ ลดลง7,13ควบคมุ ได้ มกั เปน็ บอ่ ยและมากเวลาท�ำ กจิ กรรม เชน่ การเดนิ อาการหายใจลำ�บากเป็นประสบการณ์การรับรู้ของSongklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 25
ผลของโปรแกรมการจดั การอาการร่วมกับการปฏบิ ตั สิ มาธิ นงนุช จติ รารัชต์ และคณะผู้ป่วยแต่ละบุคคล เป็นการรับรู้ทางด้านร่างกาย ด้านจิตใจ หน้าที่ความรับผิดชอบอย่างหน่ึงของพยาบาลในการส่งเสริมและดา้ นทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความรสู้ กึ ไมส่ ขุ สบาย14 ของผปู้ ว่ ย ใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถจดั การกบั อาการไดด้ ว้ ยตนเอง โดยชใ้ี หเ้ หน็ตอ่ ความยากล�ำ บากในการหายใจท่ตี ้องใชค้ วามพยายามหรือ ถงึ ความส�ำ คญั ของอาการหายใจล�ำ บาก ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยเกดิ ความใช้แรงในการหายใจ เพื่อนำ�อากาศเข้าสู่ร่างกายและต้องใช้ เขา้ ใจในอาการของตนเองทลี ะนอ้ ย รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหม้ คี วามรู้กลา้ มเนอ้ื อน่ื ๆ เพอ่ื ชว่ ยในการหายใจ15 เปน็ อาการทไ่ี มส่ ามารถ และมีทักษะที่ถูกต้อง จนกระทั่งผู้ป่วยสามารถจัดการอาการควบคุมได้และอาการจะเป็นมากขึ้นเวลาทำ�กิจกรรม ซึ่งใน หายใจลำ�บากได้ เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการและไม่ผู้ป่วยมะเร็งปอดนั้นมีประสบการณ์การรับรู้อาการหายใจ เกิดอันตรายกับผูป้ ว่ ยล�ำ บากท่แี ตกต่างกัน ผู้ป่วยจงึ ใหค้ วามหมาย ประเมนิ ความ จากการทบทวนวรรณกรรมในต่างประเทศ พบว่ารนุ แรง และการจดั การอาการหายใจล�ำ บากทแ่ี ตกตา่ งกนั 5 ใน การบรรเทาอาการหายใจล�ำ บากทไ่ี มใ่ ชย้ าในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดปจั จบุ นั การบรรเทาอาการหายใจล�ำ บากในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดนน้ั ประกอบด้วย การให้ความรู้เทคนิคการผ่อนคลาย เทคนิคสว่ นใหญม่ งุ่ เนน้ ทก่ี ารใหย้ า การใหอ้ อกซเิ จนตามแผนการรกั ษา การหายใจ การออกกำ�ลังกาย การจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่หรอื การเจาะระบายน�้ำ ออกจากปอด (Thoracentesis)16 ซง่ึ เหมาะสม การสงวนพลังงาน และการสนับสนุนทางจิตการให้ยาอาจให้ผลดีในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น ส่วนการเจาะ สังคม18,23-24 วิธีการดังกล่าว สามารถบรรเทาอาการหายใจระบายน้ำ�ออกจากปอด อาจส่งผลให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานจาก ล�ำ บากได้ และจากการศกึ ษาของ Greer, et al.25 ไดน้ �ำ เทคนคิความปวด และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมีลมในเยื่อหุ้มปอดได้ การปรบั พฤตกิ รรมการจดั การกบั อาการหายใจล�ำ บากในผปู้ ว่ ย(Pneumothorax) ซึ่งวิธีการดังกล่าวนั้นเป็นวิธีการบรรเทา มะเรง็ ปอดระยะลกุ ลามซง่ึ ประกอบดว้ ย การใหค้ วามรดู้ ว้ ยการอาการหายใจล�ำ บากไดใ้ นระยะเวลาสน้ั ๆ เทา่ นน้ั อกี ทง้ั ยงั ไม่ หายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลม การผ่อนคลายด้วยการฝึกสามารถบรรเทาความกลัว ความวิตกกังวล และการปฏิบัติ สมาธิที่โรงพยาบาล พบว่า สามารถลดอาการหายใจลำ�บากกจิ วตั รประจ�ำ วนั ของผปู้ ว่ ยได1้ 7 นอกจากน้ี อาการหายใจล�ำ บาก ความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้าได้อย่างมีนัยสำ�คัญทางเป็นอาการที่ไม่สามารถควบคุมได้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ สถิติ รวมทั้งท�ำ ให้คณุ ภาพชวี ิตของผปู้ ว่ ยดขี นึ้ เน่ืองจากการแนน่ อน ท�ำ ใหไ้ มส่ ามารถวางแผนในการดแู ลรกั ษาไดท้ นั ทว่ งท1ี 8 ปฏิบัติสมาธิเป็นการฝึกลมหายใจที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพปอดผู้ป่วยมะเร็งปอดจึงมีความต้องการให้แพทย์หรือพยาบาลให้ เพม่ิ อตั ราการขบั คารบ์ อนไดออกไซด์ และเพม่ิ จ�ำ นวนออกซเิ จนค�ำ แนะน�ำ เกย่ี วกบั อาการหายใจล�ำ บากและการจดั การทเ่ี หมาะสม ในร่างกาย ลดการใช้กล้ามเนื้อในการหายใจ จึงทำ�ให้อาการเพอ่ื บรรเทาอาการมากกวา่ การไดร้ บั เฉพาะออกซเิ จนและยา5 หายใจล�ำ บากลดลง26 นอกจากน้ี เมอ่ื มอี าการหายใจล�ำ บาก ผปู้ ว่ ยจะจดั การ ในปัจจุบัน พบว่า การปฏิบัติสมาธิมีหลายรูปแบบกับอาการที่เกิดขึ้นตามความเชื่อเดิม หรือนำ�การรับรู้จาก ส่วนใหญ่นิยมรูปแบบการนั่งกำ�หนดลมหายใจ เพื่อให้จิตนิ่งประสบการณ์ท่ีเกิดขึ้นในอดีตมาใช้จัดการกับอาการตามการ แน่วแน่อยู่กับลมหายใจเข้าออก แต่จากการศึกษาของบอกกล่าวของผู้อื่น โดยวิธีการจัดการอาการหายใจลำ�บาก Kandradudsadi-Triumchaisri27 พบว่า การปฏิบัติสมาธิสว่ นใหญ่ รอ้ ยละ 75 ใชก้ ารจ�ำ กดั การเคลอ่ื นไหว ดว้ ยการนง่ั เคลอ่ื นไหวชว่ ยบรรเทาอาการหายใจล�ำ บากได้ เนอ่ื งจากการหรอื นอน5,19 แตใ่ ชก้ ารหายใจแบบเปา่ ปากซง่ึ เปน็ วธิ ที ส่ี ามารถ มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกายและจิต โดยการทำ�งานของจิตลดอาการหายใจลำ�บากได้19 เพียงร้อยละ 12.5 ใช้วิธีการ ประสานกายประกอบดว้ ย สมาธิ ลมหายใจ และการเคลอ่ื นไหวสดู ยาดม ท�ำ ใหต้ นเองรสู้ กึ สดชน่ื แตไ่ มส่ ามารถบรรเทาอาการ ชา้ ๆ ทช่ี ว่ ยควบคมุ การท�ำ งานของ บาโรรเี ฟลก็ ซ์ (Baroreflex)หายใจลำ�บากได้20 และบางรายใช้การนวดกดจุดด้วยน้ำ�มัน และระบบประสาทอตั โนมตั ิ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการขบั คารบ์ อนการฝังเข็ม5 ซ่งึ เป็นการบรรเทาอาการไดใ้ นระยะสัน้ ๆ21 ส่วน ไดออกไซด์ ท�ำ ใหป้ อดไดร้ บั ออกซเิ จนเพม่ิ ขน้ึ ผปู้ ว่ ยสามารถการได้รับคำ�แนะนำ�ในการจัดการอาการและการปรับตัวเม่ือ ทำ�กิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น มีผลทำ�ให้ร่างกายเกิดการเกดิ อาการหายใจล�ำ บากยงั คอ่ นขา้ งนอ้ ย5 โดยโมเดลการจดั การ ผ่อนคลาย ลดความตงึ เครียดและความวติ กกงั วล สอดคลอ้ งกับอาการ22 เน้นการจัดการกับอาการและให้การดูแลตนเอง กับการศึกษาของ Thongtumlueng28 ได้น�ำ เทคนิค SKT 5อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเนน้ ทกั ษะ ความรู้ และใหก้ ารสนบั สนนุ คอื การยดื เหยยี ดอยา่ งไทย การเยยี วยากาย และการประสานในสง่ิ ทผ่ี ปู้ ว่ ยตอ้ งการในการจดั การอาการตง้ั แตร่ ะดบั เลก็ นอ้ ย จิต มาใช้ในการลดอาการกำ�เริบเฉียบพลันในผู้ป่วยโรคปอดถงึ ระดับรุนแรง ดังนั้น การจัดการกบั อาการ จึงเป็นบทบาท อดุ กน้ั เรอ้ื รงั เชน่ เดยี วกบั Puttawong29 ศกึ ษาผลของโปรแกรม26 วารสารพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ ปีท่ี 37 ฉบับที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธิ SKT 5 ตอ่ คณุ ภาพ ทดลองก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับชวี ติ ดา้ นสขุ ภาพของผสู้ งู อายโุ รคปอดอดุ กน้ั เรอ้ื รงั พบวา่ ผปู้ ว่ ย การปฏบิ ตั ิสมาธิมอี าการหายใจลำ�บากลดลงและมีคณุ ภาพชีวติ ดีขน้ึ 2. เพ่ือเปรียบเทียบอาการหายใจลำ�บากระหว่าง แมว้ า่ จะมกี ารศกึ ษาวธิ กี ารจดั การอาการหายใจล�ำ บาก กลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการในผู้ป่วยมะเร็งปอดโดยไม่ใช้ยาในต่างประเทศมีหลากหลาย ปฏิบัติสมาธิและกลมุ่ ควบคมุ ท่ีไดร้ บั การพยาบาลตามปกติวธิ ี แต่พบวา่ การศึกษาของ Greer, et al.25 ได้นำ�การปฏิบตั ิ สมมุตฐิ านการวจิ ยัสมาธิมาใช้เป็นส่วนหน่ึงของโปรแกรมเพื่อจัดการอาการ 1. อาการหายใจล�ำ บากของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บัหายใจลำ�บากและลดความวิตกกังวลในผู้ป่วยมะเร็งปอด ซึ่ง เคมบี �ำ บดั ในกลมุ่ ทดลองหลงั ไดร้ บั โปรแกรมการจดั การอาการการปฏิบัติสมาธินั้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนิกชน และ ร่วมกบั การปฏบิ ัติสมาธนิ อ้ ยกว่ากว่าก่อนไดร้ บั โปรแกรมประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาที่มีวิถีชีวิตในการ 2. อาการหายใจล�ำ บากของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บัสวดมนต์ นั่งสมาธิเพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวด้านจิตใจ ดังนั้น เคมีบำ�บัดในกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการจัดการอาการการปฏิบัติสมาธิเพ่ือบรรเทาอาการหายใจลำ�บากในผู้ป่วย ร่วมกับการปฏิบัติสมาธิมีอาการหายใจลำ�บากน้อยกว่ากลุ่มมะเร็งปอดจึงมีความเหมาะสมกับบริบทของคนไทย และใน ควบคมุ ทไี่ ดร้ ับการพยาบาลตามปกติปจั จบุ นั การปฏบิ ตั สิ มาธสิ ามารถอธบิ ายผลในแนวของจติ ประสาน กรอบแนวคิดการวจิ ัยกาย (mind body medicine) ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง อาการหายใจลำ�บากเป็นอาการท่ีมีความรุนแรงและในรา่ งกายและจติ ใจของมนษุ ย์อยา่ งเป็นองคร์ วม พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งปอด ซึ่งส่งกระทบทั้งด้านร่างกาย ดงั นน้ั ผวู้ จิ ยั จงึ ไดพ้ ฒั นาโปรแกรมการจดั การอาการ จติ ใจ อารมณ์ และสงั คม โดยมปี จั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ อาการทง้ั ปจั จยัตามโมเดลการจัดการอาการ22 ที่เป็นการพัฒนากลวิธีในการ ดา้ นสขุ ภาพความเจบ็ ปว่ ย และปจั จยั ดา้ นจติ ใจ ความวติ กกงั วลจดั การกบั อาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธแิ บบ SKT 3 (นง่ั ยดื ของผปู้ ว่ ย ซง่ึ โมเดลการจดั การกบั อาการของ Dodd, et al.22เหยยี ดผอ่ นคลาย การประสานกาย และการประสานจติ ) ซงึ่ เปน็ โมเดลในการบรรเทาอาการหรอื ลดอาการทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยมีเป็น 1 ใน 7 เทคนคิ ของสมาธิ SKT27 โดยโมเดลการจดั การ การจดั การกับสาเหตุและอาการที่เกิดข้ึนไปพร้อมๆ กัน เพื่ออาการ22 มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยสามารถประเมินการรับรู้อาการที่ ใหส้ ามารถควบคมุ อาการไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ดงั นน้ั พยาบาลคกุ คามทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจและพฤตกิ รรมของตนเอง รวมทง้ั จึงต้องเข้าใจปัญหาของผู้ป่วยทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่เป็นเลือกวิธีการจัดการกับอาการหายใจลำ�บากได้อย่างเหมาะสม สาเหตใุ ห้เกิดอาการ โดยส่งเสรมิ ใหผ้ ้ปู ว่ ยได้รับการสอนเรอื่ งภายใตค้ วามรว่ มมอื ระหวา่ งพยาบาลกบั ผปู้ ว่ ยในการหากลวธิ ี ความส�ำ คญั ของอาการ จะท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยเกดิ ความเขา้ ใจในอาการในการควบคุมหรือลดอาการ โดยพยาบาลมีหน้าที่ในการ ของตนเองทีละน้อย จนกระทั่งผู้ป่วยสามารถให้ความหมายช่วยเหลือผู้ป่วยในการจัดการกับอาการที่ประกอบด้วย การ ของอาการ และความสมั พนั ธข์ องอาการกบั สาเหตขุ องอาการใหค้ วามรู้ การฝกึ ทกั ษะและการดแู ลทจ่ี �ำ เปน็ และเหมาะสม เพอ่ื ได้ นำ�ไปสู่กลวิธีการจัดการกับอาการหายใจลำ�บากได้อย่างพฒั นาศกั ยภาพของผปู้ ว่ ยใหม้ คี วามสามารถในการดแู ลตนเอง ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ส่วนแนวคิดการปฏิบัติสมาธิและมปี ระสทิ ธภิ าพ สว่ นแนวคดิ การปฏบิ ตั สิ มาธแิ บบ SKT 327 แบบ SKT (Somporn Kandradudsadi-Triumchaisri)27เปน็ สมาธิเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย เป็นกลวธิ ีในการจดั การกบั เปน็ แนวคดิ ทม่ี ปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกายและจติ โดยการท�ำ งานอาการอย่างหนึ่งท่ีสามารถบรรเทาอาการได้ทั้งด้านร่างกาย ของจิตประสานกาย ประกอบด้วยสมาธิ ลมหายใจ และการและจิตใจ ช่วยลดอาการวิตกกังวล ทำ�ให้ผู้ปฏิบัติผ่อนคลาย เคลอ่ื นไหวของรา่ งกายอยา่ งชา้ ๆ เพอ่ื ควบคมุ การท�ำ งานของและเป็นการออกกำ�ลังกายที่เพ่ิมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ บาโรรเี ฟลก็ ซ์ และระบบประสาทอตั โนมตั เิ พอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพที่ช่วยในการหายใจ การปฏิบัติไม่ต้องยึดติดกับรูปแบบเดิม การขบั คารบ์ อนไดออกไซด์ ซง่ึ การใชเ้ ทคนคิ การปฏบิ ตั สิ มาธิไมต่ ้องใสค่ �ำ บรกิ รรม เชน่ การน่งั หลบั ตาน่งิ การก�ำ หนดลม SKT 3 นง่ั ยดื -เหยยี ดผอ่ นคลาย ประสานกาย ประสานจติ 27หายใจเขา้ - ออก เปน็ ตน้ เป็น 1 ใน 7 เทคนิคที่ผู้ป่วยสามารถกระทำ�ได้ด้วยตนเองวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั โดยการปฏบิ ตั สิ มาธนิ ช้ี ว่ ยเพม่ิ สมรรถภาพปอดทป่ี ระกอบดว้ ย 1. เพ่ือเปรียบเทียบอาการหายใจลำ�บากในกลุ่มSongklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 27
ผลของโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัตสิ มาธิ นงนชุ จติ รารัชต์ และคณะการฝึกลมหายใจ ร่วมกับการออกกำ�ลังกายแบบ Isometric 5. มีระดับความสามารถในการทำ�กิจกรรมต้ังแต่Exercise เปน็ การก�ำ หนดลมหายใจใหส้ มั พนั ธก์ บั การเคลอ่ื นไหว 0-2 โดยใช้แบบประเมินความสามารถในการทำ�กิจกรรมของมือ แขน และลำ�ตัว โดยการควบคมุ ระบบประสาทสัมผัส ECOG Performance Status30 (0 หมายถงึ สามารถท�ำ งานท้ัง 6 คือ ตา หู จมูก ปาก การสมั ผสั และการเคลอื่ นไหว ไดต้ ามปกติ 1 หมายถงึ ไมส่ ามารถท�ำ กจิ กรรมทอ่ี อกแรงมากได้เพื่อลดสิ่งเร้าต่อระบบจิตประสาทภูมิคุ้มกันวิทยา (phy- แต่สามารถทำ�กิจวัตรประจำ�วันและงานเบาๆ ได้ และ 2choneuroimmonology) จะเหน็ ไดว้ า่ โมเดลของ Dodd, et al.22 หมายถงึ สามารถเคลอ่ื นไหวชว่ ยเหลอื ตวั เองได้ แตไ่ มส่ ามารถเป็นโมเดลท่ีเน้นการจัดการทางคลินิคและให้การดูแลตนเอง ท�ำ งาน ตอ้ งนง่ั หรอื พกั บนเตยี ง นอ้ ยกวา่ 50% ของเวลาตน่ื )อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเนน้ ทกั ษะ ความรู้ และใหก้ ารสนบั สนนุ ก�ำ หนดขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ ง (Sample size) ก�ำ หนดในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการในการจัดการอาการ ส่วนแนวคิดการ ให้มีอำ�นาจทดสอบ 80% ระดับนัยสำ�คัญ 0.05 อิทธิพลปฏบิ ตั สิ มาธขิ อง Kandradudsadi-Triumchaisri27 นน้ั เปน็ เท่ากับ 0.531 คำ�นวณด้วยโปรแกรม G* power ได้ขนาดการจดั การอาการดา้ นจติ ใจทช่ี ว่ ยบรรเทาอาการทางกาย ผวู้ จิ ยั กลุม่ ตัวอย่างกลมุ่ ละ 22 คน รวมท้งั หมด 44 ราย แบง่ เป็นจึงพัฒนาโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธิ กลุ่มทดลอง 22 คน กลุ่มควบคมุ 22 คน โดยคัดเลอื กผู้ป่วยท่ีประกอบดว้ ยข้นั ตอนดงั น้ี ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเข้าทั้งสองกลุ่ม จากทั้งโรงพยาบาล ขัน้ ตอนท่ี 1 การประเมินประสบการณ์การมอี าการ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ และโรงพยาบาลสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ความรนุ แรง และการจัดการอาการหายใจลำ�บากที่ผา่ นมาใน โดยจบั คกู่ ลมุ่ ตวั อยา่ งใหม้ คี วามคลา้ ยคลงึ กนั (matched paired)ของผปู้ ว่ ย โดยพยาบาลเปน็ ผปู้ ระเมนิ ปญั หาและความตอ้ งการ ในเรื่องเพศ อายุ และระดบั ความสามารถในการท�ำ กจิ กรรมในการจัดการอาการหายใจลำ�บากทไ่ี ม่ใช้ยาของผู้ปว่ ย เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวิจยั ขั้นตอนที่ 2 การพฒั นากลวธิ กี ารจัดการกับอาการ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครง้ั น้ี ประกอบดว้ ย 3 สว่ นเป็นข้ันตอนของการให้ความรู้ในการจัดการอาการหายใจ คือ 1) เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 2) เครอื่ งมอืล�ำ บาก การฝกึ ทักษะการจดั การอาการและการปฏบิ ัติสมาธิ ดำ�เนินการทดลอง 3) เครื่องมือกำ�กับการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลลัพธ์ของการจัดการ 1. เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ประกอบอาการ เปน็ ผลทเ่ี กดิ จากการใชก้ ลวิธีในการจดั การอาการ ด้วย 2 ส่วน คือวิธดี ำ�เนนิ การวิจัย 1.1 แบบบันทึกข้อมูลส่วนบคุ คลทัว่ ไป จำ�นวน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi- 11 ขอ้ ซง่ึ ผวู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ เปน็ แบบใหเ้ ลอื กตอบและเตมิ ค�ำ ตอบexperimental research design) วัดผลก่อนและหลังการ ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ อายุ ระดับการศึกษาทดลอง (The Pretest-Posttest Design) สถานภาพสมรส ศาสนา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน สิทธิ์ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่ได้รับการ ทใ่ี ชใ้ นการรกั ษาพยาบาล โรคประจ�ำ ตวั อน่ื ๆ ประวตั กิ ารหายใจวนิ จิ ฉยั วา่ เปน็ มะเรง็ ปอดทเ่ี ขา้ รบั การรกั ษาในหนว่ ยเคมบี �ำ บดั ล�ำ บาก การจดั การอาการหายใจล�ำ บาก และแบบบนั ทกึ ประวตั ิโรงพยาบาลสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ และโรงพยาบาลสมเดจ็ การเจ็บป่วยของผู้ป่วยโดยผู้วิจัยเป็นผู้บันทึกจากประวัติการพระปน่ิ เกลา้ คดั เลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งแบบเฉพาะเจาะจง (pur- รกั ษา จ�ำ นวน 4 ขอ้ ประกอบดว้ ย การวนิ จิ ฉยั โรค ระยะของposive sampling) ตามเกณฑ์ดังน้ี โรค ระยะเวลาในการเปน็ โรคมะเรง็ ปอด ชนดิ ของยาเคมบี �ำ บดั 1. ไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั เปน็ โรคมะเรง็ ปอดชนดิ NSCLC ท่ีได้รบั ในปัจจบุ ัน ระยะ III, IV และ SCLC ระยะ extensive disease 1.2 แบบประเมินอาการหายใจลำ�บาก The 2. ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอด ทง้ั เพศชายและเพศหญงิ อายุ Cancer Dyspnea Scale (CDS)14 ฉบบั แปลเปน็ ภาษาไทยระหว่าง 20-59 ปี โดย วราภรณ์ ชยั วัฒน์ สรุ ีพร ธนศิลป์ และ Lopez (ม.ป.ป. 3. มีประสบการณ์อาการหายใจลำ�บากอย่างน้อย อา้ งถงึ ใน Tanomjit, Thanasilp)8 ประกอบดว้ ยขอ้ คำ�ถาม1 คร้งั ใน 1 เดือนท่ผี ่านมา จ�ำ นวน 12 ขอ้ โดยเปน็ แบบประเมนิ ประสบการณต์ า่ งๆ ทม่ี ี 4. มสี ตสิ มั ปชญั ญะสมบรู ณ์ สามารถรบั รสู้ อ่ื สารตาม หลายมิติ ที่สามารถประเมินอาการหายใจลำ�บากในผู้ป่วยปกตไิ ด้ มะเรง็ ปอดไดท้ ง้ั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นรา่ งกาย 2) ดา้ นจติ ใจ28 วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปที ่ี 37 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationและ 3) ด้านทีส่ ะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงความรู้สึกไมส่ ขุ สบาย เอง โดยครอบคลมุ ในเร่อื ง การบริหารการหายใจ การสงวน เกณฑก์ ารแบง่ คะแนน พลังงาน และการผ่อนคลายโดยการปฏิบัติสมาธิ SKT3 แบบประเมนิ The Cancer Dyspnea Scale (CDS)14 ประกอบด้วยข้อคำ�ถามจำ�นวน 6 ข้อ และแบบบันทึกการจำ�นวน 12 ข้อ คะแนนแต่ละมิติมีดังนี้ 1) มิติด้านร่างกาย ปฏิบัติสมาธิ SKT3 20 นาที เช้า-เย็น เปน็ เวลา 4 สปั ดาห์คะแนนอย่ใู นชว่ ง 0-20 2) มิติด้านจิตใจ คะแนนอยู่ในชว่ ง ตรวจสอบความตรงตามเนอ้ื หา โดยผทู้ รงคณุ วฒุ ิ จ�ำ นวน 5 คน0-16 และ 3) มติ ดิ า้ นทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความรสู้ กึ ไมส่ ขุ สบาย เกณฑก์ ารประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ หมายถงึ ปฏบิ ตั ไิ ดต้ ง้ั แต่ 4 วนัคะแนนอยใู่ นชว่ ง 0-12 น�ำ คะแนนทง้ั 3 มติ มิ ารวมกนั คะแนน ขน้ึ ไปใน 1 สปั ดาห์ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ หมายถงึ ปฏบิ ตั ไิ ดน้ อ้ ยกวา่รวมทั้งหมดอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 48 คะแนน โดย 0 4 วนั ใน 1 สปั ดาห์หมายความวา่ ไมม่ อี าการหายใจล�ำ บาก คะแนนมาก หมายความ การด�ำ เนนิ การทดลองวา่ มอี าการหายใจล�ำ บากมาก คะแนนนอ้ ย หมายความวา่ มี ผู้วิจัยดำ�เนินการทดลองโดยมีข้ันตอนในการดำ�เนินอาการหายใจล�ำ บากนอ้ ย โดยการแบง่ ระดบั อาการหายใจล�ำ บาก การทดลองเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นเตรียมการทดลองไดเ้ ปน็ 3 ระดบั ดงั น้ี 1.00 - 15.66 หมายถงึ มอี าการหายใจ 2) ขั้นดำ�เนินการทดลอง และ 3) ขั้นประเมินการทดลองลำ�บากเล็กน้อย 15.67 - 31.33 หมายถึง มีอาการหายใจ ดังน้ีล�ำ บากปานกลาง 31.34 - 48.00 หมายถึง มีอาการหายใจ ขน้ั ตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการทดลองลำ�บากมาก เครื่องมือนี้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ 1.1 การเตรียมตัวผู้วิจัย ผู้วิจัยเรียนการปฏิบัติ5 คน ไดค้ า่ ความตรงตามเนอ้ื หาเทา่ กบั 0.83 และ Tanomjit, สมาธิแบบ SKT3 โดยเข้ารับการอบรมและฝึกปฏิบัติกับThanasilp8 ได้นำ�เครื่องมือนี้ไปทดสอบในผู้ป่วยมะเร็งปอด รศ.ดร.สมพร กนั ทรดษุ ฎ-ี เตรยี มชยั ศรี ท่ี ส�ำ นกั งานกองทนุซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างเดียวกับท่ีผู้วิจัยศึกษาได้ค่าความเที่ยง สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) เปน็ เวลา 2 วนั และเท่ากับ 0.74 ดังนั้น ผู้วิจัยจึงไม่ได้หาความเที่ยงซ้ำ� และค่า ทโี่ รงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เปน็ เวลาความเท่ียงในกลุ่มตวั อย่างจำ�นวน 44 คน เทา่ กบั 0.79 2 วนั รวมทง้ั ผวู้ จิ ยั ไดม้ าฝกึ ปฏบิ ตั สิ มาธแิ บบ SKT3 ดว้ ยตนเอง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรม ทกุ วัน วนั ละ 20-30 นาที เชา้ -เย็น จนเกิดความช�ำ นาญการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธทิ ผ่ี วู้ จิ ยั ไดพ้ ฒั นาขน้ึ 1.2 การเตรียมเครื่องมือในการทดลอง ผู้วิจัยโดยนำ�โมเดลการจัดการอาการของ Dodd, et al.22 ร่วมกับ พฒั นาเครอ่ื งมอื โปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั ิแนวคิดการปฏิบัติสมาธิ SKT327 มาประยุกต์ใช้ในการจัด สมาธิแบบ SKT3 ประกอบด้วยแผนการสอนตามโปรแกรมกจิ กรรมพยาบาล โดยก�ำ หนดเนอ้ื หาแตล่ ะขน้ั ตอนของกจิ กรรม การสอนการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธิ SKT3 คมู่ อืให้ครอบคลุมในการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธิ การจัดการอาการหายใจลำ�บากและการปฏิบัติสมาธิสำ�หรับSKT3 และเป็นกิจกรรมที่กระทำ�ร่วมกันระหว่างผู้วิจัยและ ผู้ปว่ ยมะเรง็ ปอด และ Power point ทีม่ เี น้ือหาตามคู่มอื ผู้ป่วยมะเร็งปอด ประกอบด้วย แผนการสอน คู่มือ และสื่อ 1.3 การเตรียมสถานที่ ได้จัดเตรียมสถานที่ในการสอน ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ หอ้ งให้สุขศกึ ษา โดยเป็นห้องปิดท่เี งียบสงบจำ�นวน 5 คน โปรแกรมประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) ขนั้ ตอนที่ 2 ขน้ั ดำ�เนินการทดลองประเมนิ ความตอ้ งการและประสบการณก์ ารรบั รอู้ าการหายใจ ผ้วู จิ ัยเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสร้างสมั พนั ธภาพลำ�บากของผู้ป่วย 2) การพัฒนากลวิธีการจัดการกับอาการ ชแ้ี จงวตั ถปุ ระสงค์ และขอความรว่ มมอื กลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี คี ณุ สมบตั ิประกอบด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการหายใจ การ ตรงตามเกณฑ์ที่กำ�หนดในการวิจัย โดยดำ�เนินการกับกลุ่มสงวนพลังงานและการผ่อนคลาย ร่วมกับการฝึกทักษะการ ควบคมุ กอ่ นทง้ั 2 โรงพยาบาล เพอ่ื ปอ้ งกนั การปนเปอ้ื น หลงัปฏบิ ตั สิ มาธใิ นการจดั การอาการหายใจล�ำ บาก 3) การประเมนิ จากน้ันจึงเรม่ิ ด�ำ เนินการในกลุ่มทดลองผลลัพธ์ของการจัดการอาการ นำ�โปรแกรมไปทดลองใช้กับ กลมุ่ ควบคุม ผวู้ จิ ัยดำ�เนินการวจิ ัยกับกลมุ่ ควบคุมผูป้ ว่ ยท่มี ีลกั ษณะเดียวกบั กลุ่มตัวอย่าง 3 คน สามารถเขา้ ใจ ดงั น้ีภาษา และปฏิบตั ไิ ด้ถกู ต้อง กลมุ่ ควบคมุ ไดร้ บั การพยาบาลตามปกติ จากพยาบาล 3. เครื่องมอื ก�ำ กับการทดลอง ได้แก่ แบบประเมนิ หน่วยเคมบี �ำ บัด และผ้วู จิ ัยพบกลุ่มตวั อยา่ ง 2 คร้งั ดังน้ีพฤตกิ รรมการจดั การอาการหายใจล�ำ บาก ทผ่ี วู้ จิ ยั พฒั นาขน้ึ มาSongklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 29
ผลของโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกบั การปฏิบัติสมาธิ นงนชุ จติ รารัชต์ และคณะ คร้งั ที่ 1 ในวันที่ 1 ตวั อยา่ ง ภายหลงั จากการประเมนิ อาการหายใจล�ำ บาก ผวู้ จิ ยั 1. ผวู้ จิ ยั พบกลมุ่ ตวั อยา่ ง ทม่ี ารบั การตรวจรกั ษาท่ี เร่มิ โปรแกรมการสอนการจัดการอาการหายใจล�ำ บากร่วมกบัหน่วยเคมีบำ�บัด เป็นรายบุคคล ผู้วิจัยแนะนำ�ตัว สร้าง การปฏบิ ตั สิ มาธิ SKT3 และผวู้ จิ ยั สาธติ เทคนคิ การหายใจตว้ ยสัมพันธภาพ ชี้แจงวัตถุประสงค์การวิจัย การพิทักษ์สิทธิ์ การเป่าปาก การหายใจโดยใช้กล้ามเนือ้ กระบังลม การสงวนขน้ั ตอน ระยะเวลาท่เี ข้ารว่ มวจิ ัย และเซน็ ใบยินยอม พลงั งานและการปฏบิ ตั สิ มาธิ SKT3 หลงั จากนน้ั ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ ง 2. ผู้วิจัยขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ฝกึ ปฏิบตั ิตามดว้ ยตนเอง แนะนำ�วิธกี ารลงบันทึกการจดั การส่วนบุคคลและให้กลุ่มตัวอย่างทำ�แบบประเมินอาการหายใจ อาการ การปฏบิ ตั สิ มาธปิ ระจ�ำ วนั พรอ้ มทง้ั แสดงการลงบนั ทกึลำ�บาก The Cancer Dyspnea Scale (CDS) ก่อนการ ใหก้ ลมุ่ ตัวอย่างดูทดลอง ผลการประเมินการรบั รู้ กลุ่มตวั อย่างมีการรบั รู้ 3. หลังจากน้ันกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตาม อาการทแ่ี ตกต่างกนั ส่วนใหญม่ ักมีอาการหายใจเหนื่อยเวลาปกตจิ ากพยาบาลประจ�ำ การ หนว่ ยเคมบี �ำ บดั โดยการประเมนิ มีกิจกรรม บางรายมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกในดา้ นรา่ งกาย ดา้ นจติ ใจ การใหค้ �ำ แนะน�ำ ตามปญั หา และการ ทนั ทที นั ใด บางรายรสู้ กึ วา่ หายใจเขา้ -ออกไมโ่ ลง่ แตส่ ามารถให้คำ�แนะน�ำ เมอื่ กลบั บา้ น ท�ำ งานได้ วธิ กี ารบรรเทาอาการสว่ นใหญใ่ ชก้ ารนง่ั หรอื นอนพกั ครัง้ ที่ 2 ในวนั ท่ี 30 รองลงมาใช้วิธีสูดลมหายใจเข้า-ออก ช้าๆ ลึกๆ เมื่อผู้วิจัย ผวู้ จิ ยั นดั กลมุ่ ตวั อยา่ งมาพบอกี ครง้ั เมอ่ื ครบ 4 สปั ดาห์ ประเมนิ วิธกี ารหายใจ พบวา่ กลมุ่ ตัวอยา่ งไม่รู้จกั การบรหิ ารทต่ี รงกบั วนั นดั มาพบแพทย์ เพอ่ื ขอความรว่ มมอื ในการประเมนิ การหายใจท่ีถูกตอ้ งโดยร้อยละ 100 รู้เพียงการสูดลมหายใจอาการหายใจลำ�บากอีกครั้ง (Post- test) ผู้วิจัยตรวจสอบ เขา้ -ออก ชา้ ๆ ลกึ ๆ ทางจมกู ในรายทม่ี อี าการเหนอ่ื ยรนุ แรงความสมบรณู ข์ องแบบสอบถามกอ่ นน�ำ ไปวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทาง วิธีการจัดการ คือ การมาพบแพทย์ทันที ด้านการรับรู้ถึงสถิติ และมอบคู่มือการจัดการอาการหายใจลำ�บากและการ ผลกระทบ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญร่ บั รไู้ ดถ้ งึ ผลกระทบโดยเฉพาะปฏบิ ตั สิ มาธใิ หก้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ งทกุ คน ผวู้ จิ ยั ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ในด้านการทำ�งานการจัดการอาการหายใจลำ�บากและการปฏิบัติสมาธิ SKT3 ผลการประเมนิ ความตอ้ งการ กลมุ่ ตวั อยา่ งทกุ คนแกก่ ลุ่มควบคุมตามความสมคั รใจ โดยความรทู้ ใี่ ห้เหมอื นกบั มีความต้องการและสนใจวิธีการจัดการอาการและการหายใจทก่ี ลมุ่ ทดลองไดร้ บั ภายหลงั ไดร้ บั ความรกู้ ลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถ ทถ่ี ูกต้องปฏบิ ตั ิได้ถกู ต้อง ผลการปฏบิ ตั ิ กลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถฝกึ หายใจและ กลุม่ ทดลอง ผู้วจิ ยั ดำ�เนินการกับกลุ่มทดลองดงั นี้ ปฏบิ ตั สิ มาธไิ ดถ้ กู ตอ้ ง แมว้ า่ จะไมถ่ นดั กบั การหายใจออกทาง กล่มุ ทดลอง ไดร้ บั การพยาบาลตามปกติ และไดร้ บั ปาก รวมทั้งบอกว่าจะน�ำ ไปปฏิบัตติ อ่ ทบ่ี ้านเพ่อื ให้เกดิ ความโปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธจิ ากผวู้ จิ ยั ชำ�นาญไดแ้ ก่ ความรใู้ นการจดั การอาการหายใจล�ำ บาก ประกอบดว้ ย ผลการแนะนำ�การลงบันทึก กลุ่มตัวอยา่ งเขา้ ใจความหมาย สาเหตุปจั จัยที่ทำ�ใหเ้ กดิ อาการ ผลกระทบ การ และสามารถลงบนั ทึกการปฏบิ ัตสิ มาธิได้ถูกตอ้ งจดั การอาการหายใจล�ำ บากทใ่ี ชย้ า และการจดั การอาการหายใจ ผลการนดั หมาย กลมุ่ ตวั อยา่ งใหค้ วามรว่ มมอื ในล�ำ บากทไ่ี มใ่ ชย้ าประกอบดว้ ย การสงวนพลงั งาน การบรหิ าร การนดั หมายในการติดตามทางโทรศพั ทค์ รงั้ ตอ่ ไปการหายใจ และการผอ่ นคลายโดยการปฏบิ ตั สิ มาธแิ บบ SKT ครั้งที่ 2 ในวันท่ี 8พรอ้ มฝกึ ทกั ษะการหายใจ และการปฏบิ ตั สิ มาธิ โดยผวู้ จิ ยั พบ ผ้วู จิ ยั โทรศัพท์ติดตามและประเมนิ กล่มุ ตวั อยา่ งเป็นกลมุ่ ตวั อย่าง 2 คร้ัง และติดตามทางโทรศัพท์ 3 ครั้ง เปน็ กิจกรรมรายบุคคลใช้เวลาทั้งสิ้น 5-10 นาที เพื่อประเมินระยะเวลา 1 เดือน ดงั นี้ ปญั หา และอปุ สรรคทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง และวางแผนใน ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 การแก้ไขปญั หารว่ มกนั การจดั กจิ กรรมรายบคุ คล ใชเ้ วลา 60-90 นาที ผวู้ จิ ยั ผลการตดิ ตามทางโทรศพั ทใ์ นวนั ท่ี 8 กลมุ่ ตวั อยา่ งพบกลุ่มตัวอย่างท่ีมารับการตรวจรักษาท่ีหน่วยเคมีบำ�บัด มากกวา่ รอ้ ยละ 90 ฝกึ หายใจดว้ ยการเปา่ ปากและการหายใจเป็นรายบุคคล ผู้วิจัยแนะน�ำ ตวั สร้างสมั พันธภาพ ประเมนิ โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมทุกวัน หลังจากปฏิบัติรู้สึกหายใจประสบการณ์การรับรู้เก่ียวกับอาการหายใจลำ�บากของกลุ่ม โลง่ ขน้ึ สว่ นการสงวนพลงั งานกลมุ่ ตวั อยา่ งท�ำ กจิ กรรมในชว่ ง30 วารสารพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ ปที ่ี 37 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationที่ไม่เหนื่อย สำ�หรับการปฏิบัติสมาธิยังไม่สามารถปฏิบัติได้ อาการหายใจล�ำ บากทกุ วนั เนอ่ื งจากมอี าการตงึ ทห่ี ลงั และทข่ี า ผวู้ จิ ยั ใหค้ �ำ แนะน�ำ ผลการประเมนิ หลังจากสิ้นสุดโปรแกรมฯ ในวนัโดยก่อนการปฏิบัติสมาธิ ให้กลุ่มตัวอย่างทำ�จิตใจให้สบาย ท่ี 30 หลงั จากผปู้ ว่ ยเขา้ รว่ มโปรแกรมฯ ครบ 4 สปั ดาห์ พบวา่ผอ่ นคลาย และคอ่ ยๆ เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย กม้ และเงยตามความ กลมุ่ ตวั อยา่ งทป่ี ฏบิ ตั ไิ ดผ้ า่ นเกณฑต์ ามโปรแกรมฯ คอื ปฏบิ ตั ิสามารถของกลุ่มตัวอย่าง ไม่ต้องเกร็งขาหรือหลัง ผู้วิจัยให้ ได้ครบตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป จำ�นวน 20 คน ปฏิบัติได้ก�ำ ลงั ใจและกระตนุ้ ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง พรอ้ มกบั ไมผ่ า่ นเกณฑต์ ามโปรแกรมฯ จ�ำ นวน 2 คน และกลมุ่ ตวั อยา่ งนัดหมายการติดตามทางโทรศัพท์ครงั้ ต่อไป ประเมนิ วา่ ท�ำ ใหไ้ ดค้ วามรมู้ ากขน้ึ และชว่ ยใหห้ ายใจไดส้ ะดวก คร้งั ที่ 3 ในวันที่ 15 ขน้ึ นอกจากน้ี กลมุ่ ตวั อยา่ งรสู้ กึ ผอ่ นคลายทม่ี พี ยาบาลแนะน�ำ ผ้วู ิจัยโทรศัพทต์ ดิ ตามและประเมินกล่มุ ตัวอยา่ งเป็น และรับฟงั ปญั หาของตนเองกจิ กรรมรายบุคคลเพื่อประเมินปญั หา และอุปสรรคท่เี กิดขึน้ ขน้ั ตอนท่ี 3 ระยะประเมินผลการทดลองกับผู้ป่วย และวางแผนในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมกับ ผวู้ จิ ยั ประเมนิ ผลลพั ธ์ คอื โดยใชแ้ บบประเมนิ อาการกระตุ้นใหผ้ ูป้ ่วยปฏบิ ัตอิ ย่างตอ่ เนอื่ งล�ำ บากในครง้ั ตอ่ ไป หายใจล�ำ บาก ภายหลังโปรแกรมฯ ครบ 4 สปั ดาห์ ผลการติดตามทางโทรศัพท์ในวันที่ 15 กลุ่ม สรุป ในการศึกษาครัง้ นี้ ประกอบด้วยกลมุ่ ตัวอย่างตวั อยา่ งสว่ นใหญย่ งั ฝกึ การหายใจเปา่ ปากและการหายใจโดย 49 คน แบง่ เป็นกลุ่มควบคมุ 24 คน เสยี ชวี ิต 2 คน เหลอืใชก้ ลา้ มเนอ้ื กระบงั ลม เนอ่ื งจากฝกึ ไดท้ กุ ท่ี ทกุ เวลา สว่ นการ กลมุ่ ควบคมุ 22 คน และกลมุ่ ทดลอง 25 คน เสยี ชวี ติ 1 คนปฏิบัตสิ มาธิยงั ไมส่ ามารถปฏิบัติไดท้ กุ วัน แตส่ ามารถปฏบิ ตั ิ นอนรกั ษาตวั ในโรงพยาบาลจากภาวะมนี �ำ้ ในเยอ่ื หมุ้ ปอด 2 คนไดน้ านขน้ึ สว่ นในรายทม่ี อี าการตงึ ขาและหลงั อาการทเุ ลาลง เหลือกลุม่ ทดลอง 22 คนและในวนั ทไ่ี ดร้ บั เคมบี �ำ บดั กลมุ่ ตวั อยา่ งทกุ รายไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิ ไมพ่ บกลมุ่ ตวั อยา่ งทส่ี ามารถปฏบิ ตั ไิ ดต้ ามโปรแกรมสมาธไิ ด้ เนอ่ื งจากหลงั ไดร้ บั เคมบี �ำ บดั จะมอี าการออ่ นเพลยี มาก ทกุ วนั เนอ่ื งจากกลมุ่ ตวั อยา่ งจะมอี าการออ่ นเพลยี ในวนั ทไ่ี ดร้ บัแต่สามารถหายใจด้วยการเป่าปากได้ อาการโดยรวม กลุ่ม เคมบี �ำ บดั ท�ำ ใหไ้ มอ่ ยากเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย และมกี ลมุ่ ตวั อยา่ งตวั อยา่ งประเมนิ วา่ หายใจสะดวก โลง่ ขน้ึ โดยเฉพาะตอนหายใจ ทป่ี ฏบิ ตั ไิ ดผ้ า่ นเกณฑต์ ามโปรแกรมฯ คอื ปฏบิ ตั ไิ ดผ้ า่ นเกณฑ์ออก สามารถหายใจไดด้ กี วา่ กอ่ นเขา้ โปรแกรมฯ และนอนหลบั ตั้งแต่ 4 วันต่อสัปดาห์ขึ้นไป จำ�นวน 20 คน ปฏิบัติได้ไม่สนทิ ขน้ึ ผวู้ จิ ยั ใหก้ �ำ ลงั ใจและกระตนุ้ ใหผ้ ปู้ ว่ ยปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ผา่ นเกณฑต์ ามโปรแกรมฯ จ�ำ นวน 2 คน เนอ่ื งจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง คร้ังที่ 4 ในวันท่ี 22 ต้องรับบทบาทในการดูแลครอบครัวและต้องทำ�งานประจำ� ผู้วิจัยโทรศัพท์ติดตามและประเมินกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยจึงแนะนำ�และปรับให้กลุ่มตัวอย่างปฏิบัติสมาธิในช่วงเป็นกจิ กรรมรายบคุ คล ใชเ้ วลาทงั้ สิน้ 5 นาที ก่อนนอน และโทรศัพท์ติดตามประเมินอีกครั้ง ภายหลังให้ ผลการติดตามทางโทรศัพท์ในวันที่ 22 กลุ่ม คำ�แนะนำ� 2 อาทิตย์ กลุ่มตัวอย่างสามารถปฏิบัติได้ตามตวั อยา่ งสว่ นใหญย่ งั ฝกึ การหายใจเปา่ ปากและการหายใจโดย โปรแกรม 4-5 วันตอ่ สปั ดาห์ใช้กล้ามเนื้อกระบังลม ส่วนการปฏิบัติสมาธิผู้ป่วยปฏิบัติได้ การพิทกั ษส์ ิทธขิ์ องกลุ่มตัวอยา่ งมากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ ไมม่ กี ลุ่มตัวอย่างทส่ี ามารถปฏบิ ตั ิ งานวิจัยนี้ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการสมาธิได้ทุกวัน การหายใจกลุ่มตัวอย่างประเมินว่า สามารถ วจิ ยั ในมนษุ ย์ กรมแพทยท์ หารเรือ เลขทอ่ี นญุ าต RP031/58สูดลมหายใจไดล้ กึ และนานขน้ึ ผวู้ จิ ยั พทิ กั ษส์ ทิ ธก์ิ ลมุ่ ตวั อยา่ งทง้ั กลมุ่ ทดลองและกลมุ่ ควบคมุ ครั้งที่ 5 ในวันที่ 30 เป็นกิจกรรมรายบุคคลใช้ เปน็ ลายลักษณ์อักษร ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงค์ ขนั้ ตอนการดำ�เนนิระยะเวลา 30-45 นาที โดยพบกลุ่มตัวอย่างในวันที่กลุ่ม การวจิ ยั อยา่ งละเอยี ด และหากกลมุ่ ตวั อยา่ งไมป่ ระสงคเ์ ขา้ รว่ มตวั อยา่ งมารบั การตรวจตามนดั ทห่ี นว่ ยเคมบี ำ�บดั เพอ่ื ประเมนิ วิจัยต่อสามารถท่ีจะยกเลิกการเข้าร่วมวิจัยก่อนการวิจัยจะผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากการจดั การอาการหายใจภายหลงั เขา้ รว่ ม สน้ิ สดุ โดยไมม่ ผี ลกระทบตอ่ กลมุ่ ตวั อยา่ งในการไดร้ บั การรกั ษาโปรแกรมฯ ครบ 4 สปั ดาห์ พรอ้ มทง้ั เปดิ โอกาสใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ ง จากแพทย์และพยาบาลแต่อย่างใด ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บระบายความรู้สึกออกมาหลังเข้าร่วมโครงการ ในรายที่กลุ่ม ไวเ้ ปน็ ความลบั และวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในลกั ษณะภาพรวมเทา่ นน้ัตวั อย่างไม่ผา่ นเกณฑ์ ผวู้ จิ ยั ร่วมกับกลุ่มตัวอย่างหาแนวทางแกไ้ ขปญั หาพรอ้ มทง้ั ทบทวนความรแู้ ละฝกึ ทกั ษะในการจดั การSongklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 31
ผลของโปรแกรมการจดั การอาการร่วมกับการปฏิบตั ิสมาธิ นงนุช จติ รารชั ต์ และคณะการวเิ คราะห์ข้อมูล ดังนี้ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยโปรแกรมส�ำ เรจ็ รปู ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล สมมตุ ิฐานการวจิ ยั ขอ้ ที่ 1 ผู้ปว่ ยมะเรง็ ปอดท่ไี ด้วเิ คราะหโ์ ดยแจกแจงความถ่ี จ�ำ นวนรอ้ ยละ หาคา่ เฉลย่ี และ รบั โปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธมิ อี าการส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนอาการ หายใจลำ�บากน้อยกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำ�คัญทางหายใจล�ำ บากของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดใชส้ ถติ ทิ ดสอบคา่ ที ก�ำ หนด สถิติทรี่ ะดบั 0.05 เป็นไปตามสมมตุ ิฐานขอ้ ท่ี 1ระดบั นยั ส�ำ คญั ท่ี 0.05 ทง้ั นจ้ี ากการวเิ คราะหก์ ารแจกแจงของ จากการศึกษาครั้งนี้ พบว่า โปรแกรมการจัดการคะแนนอาการหายใจลำ�บากของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม อาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธิ เปน็ โปรแกรมทพ่ี ฒั นาขน้ึ ตามโดยใชส้ ถติ ิ Kolmogorov Smirnov test พบวา่ มกี ารแจกแจง โมเดลของ Dodd, et al.22 ทป่ี ระกอบด้วย 3 มโนทศั น์หลกัแบบโค้งปกติ คือ 1) ประสบการณ์การมีอาการ 2) กลวิธีในการจัดการผลการวจิ ยั อาการ และ 3) ผลลัพธ์ของอาการ ส่วนแนวคิดการปฏิบัติ 1. ข้อมูลส่วนบุคคล กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็น สมาธิของ Kandradudsadi-Triumchaisri27 เป็นการปฏบิ ตั ิเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 72.70 มีอายุระหว่าง 56-59 ปี สมาธิเคลื่อนไหวที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกายและจิต โดยการมากท่สี ดุ อายุเฉลีย่ 55.57 ปี การศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา ทำ�งานของจิตประสานกาย ประกอบด้วย สมาธิ ลมหายใจมากทสี่ ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 36.40 ส่วนใหญ่สถานภาพสมรสคู่ และการท�ำ งานของกายอยา่ งชา้ ๆ ซง่ึ ผวู้ จิ ยั ไดน้ �ำ แนวคดิ ดงั กลา่ วรอ้ ยละ 86.4 นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ รอ้ ยละ 100 อาชพี ขา้ ราชการ/ มาพัฒนาโปรแกรมฯ โดยเนน้ ให้กลุ่มตวั อย่างสามารถจัดการพนักงานรัฐวิสาหกจิ คิดเป็นรอ้ ยละ 40.90 สทิ ธิใ์ นการรักษา กับอาการหายใจลำ�บากและการดแู ลตนเองให้มีประสทิ ธภิ าพพยาบาลเบิกต้นสังกัด คดิ เป็นร้อยละ 77.30 มโี รคร่วมอื่นๆ กจิ กรรมการพยาบาลประกอบดว้ ย การใหค้ วามรู้รว่ มกบั การท่ีพบมากท่สี ุด ไดแ้ ก่ ความดนั โลหิตสูง คดิ เปน็ ร้อยละ 13.60 ฝกึ ทกั ษะในการจดั การอาการหายใจล�ำ บากทอ่ี าศยั ความรว่ มมอืในระยะ 1 เดอื นทผ่ี า่ นมา เมอ่ื ผปู้ ว่ ยมอี าการหายใจไมส่ ะดวก/ ระหวา่ งผวู้ จิ ยั กบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง และเพอ่ื ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถไม่อม่ิ /หายใจขดั /หายใจหอบ ผ้ปู ว่ ยจะนัง่ /นอนพกั มากท่สี ุด จดั การอาการหายใจล�ำ บากดว้ ยตนเองไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพคิดเป็นร้อยละ 52.20 รองลงมาหายใจเขา้ -ออกลึกๆ ช้าๆ คิด และต่อเนื่อง ผู้วิจัยได้ดำ�เนินโปรแกรมฯ โดยเริ่มตั้งแต่การเป็นร้อยละ 25 ตามลำ�ดับ ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่ได้รับ ประเมนิ ปญั หา ประสบการณก์ ารรบั รู้ และความตอ้ งการของการวนิ จิ ฉยั เปน็ มะเรง็ ปอดชนดิ เซลลไ์ มเ่ ลก็ (NSCLC) คดิ เปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ งเปน็ หลกัร้อยละ 90.90 ในระยะที่ 4 มากท่ีสุด สูตรเคมที ่ใี ช้สว่ นใหญ่ เร่ิมจากพยาบาลสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับกลุ่มคอื Carboplatin/Gemcitabine และ Iressa คิดเป็นร้อยละ ตัวอย่างเพื่อให้เกิดความไว้วางใจและยินดีท่ีจะเปิดเผยข้อมูล20.50 ไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั จากแพทยเ์ ปน็ โรคมะเรง็ ปอดนอ้ ยกวา่ ท่ีนำ�ไปสู่การค้นหาปัญหาและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ1 ปี มากท่สี ุด คิดเป็นรอ้ ยละ 54.50 ซ่ึงการเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ถ่ายทอดประสบการณ์การเกิด 2. คะแนนเฉลี่ยอาการหายใจลำ�บากหลังทดลอง อาการหายใจล�ำ บากและการจดั การอาการดว้ ยตนเอง จะชว่ ย(M = 9.91) ในกลุ่มทดลองน้อยกว่าก่อน (M = 16.23) ให้ผู้ป่วยเข้าใจในพฤติกรรมของตนเอง มองเห็นปัญหาและได้รับโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏิบัติสมาธิ แกไ้ ขปญั หาไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยเกดิ การยอมรบั และอย่างมนี ัยสำ�คัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05 (ดังตาราง 1) เป็นพื้นฐานในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมทั้งเกิดความ 3. คะแนนเฉลย่ี อาการหายใจล�ำ บากของกลมุ่ ทดลอง ไว้วางใจในการเปิดเผยข้อมูล และความต้องการต่างๆ ที่จะ(M = 9.91) นอ้ ยกว่ากลมุ่ ควบคุม (M = 13.41) อยา่ งมี ชว่ ยบรรเทาอาการหายใจล�ำ บาก รวมถงึ ความตอ้ งการในการนัยส�ำ คัญทางสถติ ิท่ีระดบั 0.05 (ดงั ตาราง 2) บรรเทาดา้ นจติ ใจ และมสี ว่ นชว่ ยใหป้ ระสทิ ธภิ าพในการเรยี นรู้อภิปรายการวจิ ยั ของผปู้ ว่ ยเพ่ิมข้นึ ซ่ึงภายหลงั จากการประเมนิ ประสบการณ์ จากการศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการอาการ อาการของกลุ่มตัวอย่างพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ความร่วมกับการปฏิบัติสมาธิในผู้ป่วยมะเร็งปอดท่ีได้รับเคมีบำ�บัด รนุ แรงของอาการหายใจล�ำ บากแตกตา่ งกนั รวมทง้ั ผลกระทบผลการวิจัยสามารถนำ�มาอภิปรายตามสมมุติฐานการวิจัยได้ และวิธีในการจัดการอาการแตกต่างกนั ดว้ ย โดยส่วนใหญไ่ ม่ รจู้ กั การบรหิ ารการหายใจทถ่ี กู ตอ้ ง ใชว้ ธิ กี ารจ�ำ กดั การเคลอ่ื นไหว รา่ งกายดว้ ยการนง่ั หรอื นอนพกั เปน็ หลกั และจากการประเมนิ32 วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปีที่ 37 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationความตอ้ งการของกลุม่ ตัวอย่าง พบวา่ กลุ่มตัวอยา่ งต้องการ การหายใจที่ใช้กำ�ลังน้อยที่สุดและได้ลมเข้าออกจากปอดเรียนรู้วิธีการจัดการอาการหายใจลำ�บาก เทคนิคบริหารการ มากทีส่ ดุ ช่วยให้ปอดขยายตัวเตม็ ที่หายใจทถ่ี กู ตอ้ ง รวมถงึ ความสามารถในการเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย 3) การผ่อนคลายโดยการปฏิบัติสมาธิ SKT3ทผ่ี ปู้ ว่ ยสามารถกระท�ำ ได้ จากการประเมนิ ปญั หาประสบการณ์ นั่งยืด-เหยียดผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิตเป็นการการรับรู้ และความต้องการของกลุ่มตัวอย่าง เป็นกิจกรรม ปฏบิ ตั สิ มาธเิ คลอ่ื นไหวเพอ่ื การเยยี วยาสขุ ภาพ ทม่ี ปี ฏสิ มั พนั ธ์การพยาบาลโดยมเี ปา้ หมาย คอื การจดั การกบั อาการหายใจ ระหวา่ งกายและจติ โดยการท�ำ งานของจติ ประสานกาย ประกอบล�ำ บาก เพอ่ื เบย่ี งเบนหรอื บรรเทาอาการโดยใชว้ ธิ กี ารดแู ลตนเอง ด้วยสมาธิ ลมหายใจ และการเคลื่อนไหวของกายอย่างช้าๆประกอบด้วย การให้ความรู้ในการจัดการอาการและการฝึก เพื่อควบคุมการทำ�งานของบาโรรีเฟลกซ์ และระบบประสาททกั ษะการจดั การอาการหายใจล�ำ บาก ซง่ึ การใหค้ วามรนู้ น้ั จะ อัตโนมตั ิ เพิ่มประสิทธภิ าพการขับคารบ์ อนไดออกไซด์ ปอดช่วยให้กลุ่มตัวอย่างเข้าใจเก่ียวกับอาการหายใจลำ�บากและ ได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น โดยใช้การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อยอมรบั ในการเจบ็ ปว่ ยของตนเอง สามารถปรบั ตวั อยกู่ บั โรคได้ กระบงั ลม รว่ มกบั การเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ท�ำ ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั สิ มาธิอยา่ งเหมาะสม รวมทง้ั ตระหนกั เหน็ ความส�ำ คญั ในการควบคมุ ไดม้ กี ารออกก�ำ ลงั กายเบาๆ และมจี ติ ใจท่ีสงบด้วยอาการ โดยความรจู้ ะเปน็ พน้ื ฐานส�ำ คญั ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ติ อ่ ไป ภายหลงั จากผวู้ จิ ยั ใหค้ วามรใู้ นแตล่ ะวธิ ี ผวู้ จิ ยั สาธติส่วนการฝึกทักษะภายใต้การดูแลของผู้วิจัยพร้อมกับสะท้อน และให้กลุ่มตัวอย่างสาธิตย้อนกลับเพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเกิดกลับโดยให้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สาธิตด้วยตนเอง จะช่วยให้ ความมน่ั ใจในการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง รวมทง้ั มอบคมู่ อื การจดั การกลมุ่ ตวั อยา่ งเกดิ ความมน่ั ใจในการจดั อาการไดเ้ มอ่ื กลมุ่ ตวั อยา่ ง อาการหายใจล�ำ บากและการปฏบิ ตั สิ มาธิ SKT3 แบบบนั ทกึกลับบ้านหรือเมื่ออาการกำ�เริบ โดยความรู้และการฝึกทักษะ การปฏิบัติสมาธิในการติดตามและกำ�กับตนเอง ซึ่งในการการจัดการอาการหายใจลำ�บากครอบคลุมในเร่ือง ควบคุมหรือบรรเทาอาการหายใจลำ�บาก ให้มีประสิทธิภาพ 1) การสงวนพลงั งาน ซงึ่ จะเปน็ การวางแผนใน ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื (Adherence) ระหวา่ งผปู้ ว่ ย ครอบครวัการทำ�กิจวัตรประจำ�วันต่างๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่าง และผู้วิจัยด้วยการกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการโดยให้กลุ่มตัวอย่างทำ�กิจกรรมในช่วงที่มีพลังงานมากท่ีสุด และฝกึ ทกั ษะอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ส�ำ หรบั โปรแกรมการจดั การอาการจงึ ไม่ท�ำ ใหก้ ลุม่ ตัวอยา่ งเหนอ่ื ยมากเวลาทำ�กิจกรรม ร่วมกับการปฏิบัติสมาธิ ผู้วิจัยได้จัดโปรแกรมในการติดตาม 2) เทคนคิ การหายใจดว้ ยการเป่าปาก และการ กลุม่ ตวั อยา่ งด้วยการโทรศพั ทท์ กุ สัปดาห์ สัปดาหล์ ะ 1 ครง้ัหายใจโดยใชก้ ลา้ มเนอ้ื หนา้ ทอ้ งหรอื กระบงั ลม จากการประเมนิ ซึ่งการจัดการอาการที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้น จะต้องมีการติดตามความต้องการ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังไม่ทราบวิธี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื ใหส้ ามารถลดและควบคมุ อาการไดอ้ ยา่ งมีการบริหารการหายใจ เมื่อเกิดอาการหายใจลำ�บากขึ้นกลุ่ม ประสิทธิภาพ22 และเป็นการเสริมแรงพร้อมกับให้กำ�ลังใจในตัวอย่างไม่สามารถจัดการอาการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การฝึกปฏิบัติต่อไป รวมทั้งมีการประเมินอาการ ข้อขัดข้องดังนั้น การให้ความรู้และการฝึกทักษะการบริหารการหายใจ ตา่ งๆ ท�ำ ใหผ้ วู้ จิ ยั สามารถวางแผนการพยาบาลเพอ่ื ตอบสนองเป็นการเพ่ิมศักยภาพในการจัดการตนเองกับอาการหายใจ ความต้องการของกลุ่มตัวอยา่ งไดถ้ กู ต้อง ลำ�บากให้มีประสิทธิมากขนึ้ ซึ่งชว่ งเวลาท่ีเหมาะสมในการให้ จากเหตุผลดังกล่าว เมื่อผู้ป่วยมะเร็งปอดที่เข้าร่วมความรู้ คือ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างไม่มีอาการหายใจลำ�บาก โปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธิ เปน็ ระยะรวมทง้ั ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งฝกึ ทกั ษะการหายใจไปพรอ้ มๆ กนั เพอ่ื เวลา 4 สปั ดาห์ พบวา่ มีอาการหายใจล�ำ บากน้อยกว่าก่อนใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถปฏบิ ตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ ง ซง่ึ ผลของการหายใจ เขา้ รว่ มโปรแกรมฯ (กอ่ นการทดลองคะแนนเฉลย่ี อาการหายใจแบบเป่าปาก (pursed-lip breathing) สามารถลดอาการ ล�ำ บาก = 16.23, SD= 5.25 มอี าการหายใจล�ำ บากปานหายใจล�ำ บากในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดได1้ 9 เนอ่ื งจากท�ำ ใหก้ ลา้ มเนอ้ื กลาง ภายหลังการทดลองคะแนนเฉลี่ยอาการหายใจลำ�บากกระบังลมได้ทำ�งาน ลดการใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ และลด = 9.91, SD = 3.58 มีอาการหายใจลำ�บากเล็กน้อย ดังการใชพ้ ลงั งานปอ้ งกนั ปอดแฟบ (atelectasis) สว่ นการหายใจ ตาราง 1) โดยใชก้ ลา้ มเนอ้ื กระบงั ลม (diaphargmatic breathing) เปน็Songklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 33
ผลของโปรแกรมการจดั การอาการร่วมกบั การปฏบิ ัตสิ มาธิ นงนชุ จติ รารัชต์ และคณะตาราง 1 เปรยี บเทยี บคา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และระดบั อาการหายใจล�ำ บากโดยรวมและรายดา้ นของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอด ที่ไดร้ ับเคมบี ำ�บดั กอ่ นและหลงั ทดลองของกล่มุ ทดลองทไี่ ดร้ ับโปรแกรมการจดั การอาการรว่ มกบั การปฏบิ ัติสมาธิ (N = 22) ค ะแน นหาย ใจล�ำ บาก ก่อนทดลอง M หลังทดลอง t df p-value M SD ระดบั SD ระดับ 21 0.00กลมุ่ ทดลอง 21 0.00รวมทัง้ 3 ด้าน 16.23 5.25 ปานกลาง 9.91 3.58 เล็กนอ้ ย 6.88 21 0.00- ด้านร่างกาย 7.55 3.46 4.64 2.78 4.14 21 0.02- ด้านจิตใจ 4.36 3.48 1.73 2.88 4.87 - ดา้ นทส่ี ะทอ้ นความไม่สขุ สบาย 4.59 2.10 3.73 1.80 2.51 สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั ขอ้ ท่ี 2 ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทไ่ี ดร้ บั เหน็ ความส�ำ คัญของอาการหายใจลำ�บากอย่างจรงิ จงั รวมทั้งเคมีบำ�บัดในกลุ่มท่ีได้รับโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับ ได้รับความรู้และมีทักษะในการจัดการอาการหายใจลำ�บากท่ีการปฏิบัตสิ มาธิ มอี าการหายใจลำ�บากน้อยกวา่ กลุ่มทไ่ี ด้รบั ถูกต้อง ทำ�ให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับโปรแกรมฯ มีคะแนนการพยาบาลตามปกติอย่างมนี ัยส�ำ คญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.05 เฉลี่ยอาการหายใจลำ�บากน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลเปน็ ไปตามสมมตุ ฐิ านขอ้ ที่ 2 ตามปกติ (ดงั ตาราง 2) นอกจากนกี้ ลมุ่ ทดลองไดร้ ับตดิ ตาม จากการศึกษาอภิปรายได้ว่า ผู้ป่วยมะเร็งปอด การฝกึ ปฏิบตั ิอย่างสม่ำ�เสมอ รว่ มกบั ไดร้ ับกำ�ลังใจจากผู้วิจยักลุ่มที่ได้รับโปรแกรมฯ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการตาราง 2 เปรียบเทียบค่าเฉลย่ี คะแนนอาการหายใจลำ�บากหลังการทดลองโดยรวมและรายดา้ นของผู้ป่วยมะเรง็ ปอดท่ไี ด้รบั เคมบี �ำ บดั ระหว่างกลุ่มควบคุมทไ่ี ดร้ ับการพยาบาลตามปกติและกลุ่มทดลองทีไ่ ดร้ บั โปรแกรมการจดั การอาการ รว่ มกบั การปฏบิ ัติสมาธิ (N = 22)คะแนนหายใจล�ำ บาก กลุม่ ควบคมุ Mก ลุม่ ทดลองSD t df p-value หลังการทดลอง M SD 9.91 3.58 2.32 21 0.03 รวมทง้ั 3 ด้าน 13.41 5.76 1.73 2.88 2.12 21 0.04 - ดา้ นร่างกาย 6.09 2.84 1.73 2.88 1.32 21 0.20 - ด้านจิตใจ 2.68 2.43 3.73 1.80 1.27 21 0.21 - ดา้ นท่สี ะท้อนความไมส่ ขุ สบาย 4.64 2.44 เม่อื เปรียบเทียบในกลมุ่ ควบคมุ พบว่า กลุ่มตวั อย่าง ออกซเิ จนตามแผนการรกั ษา หรอื การระบายน�ำ้ ออกจากปอด18ไดร้ บั การพยาบาลตามปกติ โดยไดร้ บั การพยาบาลตามสภาพ นอกจากน้ี ผปู้ ว่ ยยงั ขาดความรใู้ นการจดั การอาการดา้ นจติ ใจปญั หาทผ่ี ปู้ ว่ ยใหข้ อ้ มลู สว่ นใหญเ่ ปน็ ขอ้ มลู ในดา้ นการจดั การ ซง่ึ การไดร้ บั ความรดู้ า้ นรา่ งกายเพยี งดา้ นเดยี ว ยงั ไมเ่ พยี งพออาการด้านร่างกายที่เกิดจากยาเคมีบำ�บัด อาการผิดปกติที่ ในการจัดการอาการหายใจลำ�บาก โดยเฉพาะความต้องการควรมาพบแพทย์ก่อนกำ�หนดวันนัดและการมาตรวจตามนัด ให้บุคลากรในโรงพยาบาลสามารถให้คำ�ปรึกษาได้ทุกเรื่องซง่ึ ไมไ่ ดร้ บั การประเมนิ เพอ่ื คน้ หาสาเหตทุ ถ่ี กู ตอ้ งในการจดั การ เก่ียวกบั อาการ การรกั ษาและการตดิ ตามผลการรักษา8อาการดว้ ยตนเอง ท�ำ ใหก้ ลมุ่ ควบคมุ ไมท่ ราบผลกระทบทเ่ี กดิ ในขณะทก่ี ลมุ่ ทดลองไดร้ บั การประเมนิ ปญั หา มกี ารจากอาการหายใจล�ำ บากและไมไ่ ดร้ บั การเสรมิ แรงในการจดั การ แลกเปล่ียนประสบการณ์ในการจัดการอาการหายใจลำ�บากกบั อาการ สง่ ผลใหไ้ มไ่ ดร้ บั การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมในการ ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยรบั รถู้ งึ ผลกระทบและเกดิ แรงจงู ใจในการปรบั เปลย่ี นดแู ลตนเอง นอกจากน้ี ความรทู้ ก่ี ลมุ่ ควบคมุ ไดร้ บั ในการจดั การ พฤตกิ รรม รวมทง้ั ไดร้ บั ความรแู้ ละการฝกึ ทกั ษะในการจดั การอาการหายใจล�ำ บากยงั ไมช่ ดั เจน เมอ่ื เกดิ อาการหายใจล�ำ บาก อาการหายใจลำ�บากจากผู้วิจัย ส่งผลให้กลุ่มทดลองมีความในผู้ป่วยมะเร็งปอดนนั้ ส่วนใหญ่มงุ่ เนน้ โดยการใหย้ า การให้ มน่ั ใจในการจดั การอาการมากขน้ึ และมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากนี้34 วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปที ่ี 37 ฉบับที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditationผู้วิจัยได้มีการติดตามทางโทรศัพท์ทุกสัปดาห์เพื่อประเมิน 2. Thamakampee K. Textbook of lung cancer.อปุ สรรค ขอ้ ขดั ขอ้ งตา่ งๆ ใหค้ �ำ ปรกึ ษาและรว่ มกบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง [Songkha]: Chanmeaung karnpim; 2007. Thai.ในการแกไ้ ขปญั หา พรอ้ มทง้ั กลา่ วชมเชยและเสรมิ แรงใหก้ ลมุ่ 3. Beckles MA, Spiro SG, Colice GL, et al. Initialตวั อยา่ งมกี ารปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มกี ารกระตนุ้ ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ ง evaluation of the patient with lung cancer:ลงบนั ทกึ ในการปฏบิ ตั สิ มาธิ เพอ่ื เปน็ การก�ำ กบั ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ ง Symptoms, signs, laboratory tests, and para-ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กลุ่มตัวอย่างและผู้วิจัยได้วางแผนไว้ neoplastic syndromes. Chest. 2003; 123(1 Suppl):ร่วมกนั 97S-104S. ในการประเมินอาการหายใจลำ�บากภายหลังส้ินสุด 4. Brown JK, Cooley ME, Chernecky C, et al. Aโปรแกรมพบว่า อาการหายใจลำ�บากในกลุ่มควบคุมทั้งก่อน symptom cluster and sentinel symptom experiencedและหลงั การทดลองมอี าการไมแ่ ตกตา่ งกนั ในขณะทก่ี ลมุ่ ทดลอง by women with lung cancer. Oncol Nurs Forum.ทไ่ี ดร้ บั โปรแกรมฯ ภายหลงั การทดลองมอี าการหายใจล�ำ บาก 2011; 38(6): E425-35. doi: 10.1188/11.ONF.นอ้ ยกว่าก่อนทดลองและน้อยกวา่ กลมุ่ ควบคมุ E425-E435.ข้อเสนอแนะในการน�ำ ผลการวิจยั ไปใช้ 5. Lai YL, Chan CW, Lopez V. Perceptions of 1. ด้านการพยาบาล พยาบาลและทีมสุขภาพ dyspnea and helpful interventions during theสามารถนำ�โปรแกรมการจัดการอาการหายใจลำ�บากร่วมกับ advanced stage of lung cancer: Chinese patients’การปฏิบัติสมาธิไปใช้กับผู้ป่วยมะเร็งปอดท่ีได้รับเคมีบำ�บัดท่ี perspectives. Cancer Nurs. 2007; 30(2): E1-8.เข้ารับการรักษาท้ังแผนกผูป้ ่วยใน และผูป้ ว่ ยนอก doi: 10.1097/01.NCC.0000265011.17806.07 2. ดา้ นบรหิ าร ควรน�ำ ผลการวจิ ยั ไปใชใ้ นการวางแผน 6. Pudtong N, Aungsuroch Y, Jitpanya C. Symptomการใหบ้ รกิ ารแกผ่ ปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอดทร่ี บั การรกั ษาดว้ ยเคมบี �ำ บดั Clusters in Thai Patients with Advanced Lungทม่ี อี าการหายใจล�ำ บาก รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารจดั อบรมการ Cancer. J Health Res. 2014; 28(3): 183-89.จัดการอาการหายใจลำ�บากร่วมกับการปฏิบัติสมาธิให้กับ 7. Smith EL, Hann DM, Ahles TA, et al. Dyspnea,ทีมบุคลากรทางการพยาบาลเพื่อให้มีความรู้และสามารถนำ� anxiety, body consciousness, and quality of lifeโปรแกรมไปใชก้ บั ผู้ป่วยได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ in patients with lung cancer. J Pain Symptom 3. ดา้ นการวจิ ยั เนอ่ื งจากโปรแกรมการจดั การอาการ Manage. 2001; 21(4): 323-29.หายใจล�ำ บากรว่ มกบั การปฏบิ ตั สิ มาธเิ รม่ิ ท�ำ ในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ปอด 8. Tanomjit K, Thanasilp S. Selected factors relatedเปน็ งานแรก จงึ ควรมกี ารศกึ ษาวจิ ยั ตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ to quality of life of patients with lung cancer.ในการตดิ ตามผลระยะยาว และควรมกี ารศกึ ษาอาการหลายๆ Journal of Nursing Science Chulalongkornอาการรว่ มกนั (Symptom cluster) เช่น อาการปวด ความ University. 2015; 27(1): 120-32. Thai.เหนอ่ื ยลา้ อาการนอนไมห่ ลบั หรอื อาการดา้ นจติ ใจ เนอ่ื งจาก 9. Tanaka K, Akechi T, Okuyama T, et al. Factorsอาการเหล่านี้ เป็นอาการที่มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้น ถ้า correlated with dyspnea in advanced lung cancerสามารถจดั การกบั อาการหนง่ึ ได้ จะชว่ ยใหบ้ รรเทาอาการอน่ื ๆ patients: Organic causes and what else? J Painไดอ้ ีกดว้ ย Symptom Manage. 2002; 23(6): 490-500.เอกสารอา้ งอิง 10. Henoch I, Bergman B, Gustafsson M, et al.1. Public Health Statistics A.D. 2014. In: Preface Dyspnea experience in patients with lung cancer [Internet]. [cite 2014 November 1]. Available form: in palliative care. Eur J Oncol Nurs. 2008; 12(2): 86-96. doi: 10.1016/j.ejon.2007.09.006 http://bps2.moph.go.th/sites/default/files/health_ 11. Vena C, Parker K, Allen R, et al. Sleep-wake statistics2557.pdf. Thai. disturbances and quality of life in patient with advance lung cancer. Oncol Nurs Forum. 2006; 33(4): 761-69. doi: 10.1188/06.ONF.761-769Songklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 35
ผลของโปรแกรมการจัดการอาการร่วมกับการปฏบิ ตั ิสมาธิ นงนุช จิตรารัชต์ และคณะ12. Tishelman C, Degner LF, Mueller B. Measuring 21. Vickers AJ, Feinstein MB, Deng GE, et al. symptom distress in patients with lung cancer: Acupuncture for dyspnea in advanced cancer: A pilot study of experienced intensity and im- A randomized, placebo-controlled pilot trail portance of symptoms. Cancer Nurs. 2000; 23(2): [ISRCTN89462491]. BMC Palliat Care 2005; 4(5): 82-90. 1-8. doi: 10.1186/1472-684X-4-513. Tanomjit K. Selected factors related to quality 22. Dodd M, Janson S, Facione N, et al. Advancing of life of patients with lung cancer [dissertation]. the science of symptom management. J Adv Nurs. [Chulalongkorn]: Chulalongkorn University; 2011. 2001; 33(5): 668-76. 211 p. 23. Connors S, Graham S, Peel T. An evaluation14. Tanaka K, Akechi T, Okuyama T, et al. De- of a physiotherapy led non-pharmacological velopment and validation of the cancer dyspnea breathlessness programme for patients with in- scale: A multidimentional, brief, self-rating scale. trathoracic malignancy. Palliat Med. 2007; 21(4): Br J Cancer. 2000; 82(4): 800-05. doi: 10.1054/ 285–87. doi: 10.1177/0269216307079172 bjoc.1999.1002 24. Chan CWH, Richardson A, Richardson J.15. Spector N, Connolly MA, Carlson KK. Dyspnea: Managing symptoms in patients with advanced Applying research to bedside practice. AACN lung cancer during radiotherapy: Results of a Adv Crit Care. 2007; 18(1): 45-58. psychoeducational randomized controlled trial.16. McCannon J, Temel J. Comprehensive manage- J Pain Symptom Manage. 2011; 41(2): 347-57. ment of respiratory symptoms in patients with doi: 10.1016/j.jpainsymman.2010.04.024 advanced lung cancer. J Support Oncol. 2012; 25. Greer JA, MacDonald JJ, Vaughn J, et al. Pilot 10(1): 1-9. doi: 10.1016/j.suponc.2011.07.002 study of a brief behavioral intervention for dyspnea17. Dy SM, Lorenz KA, Naeim A, et al. Evidence- in patients with advanced lung cancer. J Pain based recommendations for cancer fatigue, an- Symptom Manage. 2015; 50(6): 854-60. doi: orexia, depression, and dyspnea. J Clin Oncol. 10.1016/j.jpainsymman.2015.06.010 2008; 26(23): 3886-95. doi: 10.1200/JCO.2007. 26. Gosselink R. Controlled breathing and dyspnea 15.9525 in patients with chronic obstructive pulmonary18. Patel MI, Williams DC, Wohlforth C, et al. Are disease (COPD). J Rehabil Res Dev. 2003; 40(5 patients with thoracic malignancies at risk for Suppl 2): 25-33. uncontrolled symptoms? J Oncol Pract. 2015; 27. Kandradudsadi-Triumchaisri S. Meditation for 11(1): e98-e102. doi: 10.1200/JOP.2014.001502 holistic seif healing and cells healing. Nakhon19. Bonk AK. Management of dyspnea in a patient Pathom: Petchkasem Printing Group; 2011. Thai. with lung cancer. Oncol Nurs Forum. 2012; 39(3): 28. Thongtumlueng M. The effect of Symptom 257-60. management and meditation program on acute20. Malangpoothong R. Symptom experiences, exacerbation in persons with chronic obstructive management strategies and functional status in pulmonary disease [dissertation]. [Chulalongkorn]: advanced lung cancer patients receiving che- Chulalongkorn University; 2010. 104 p. motherapy [dissertation]. [Mahidol]: Mahidol 29. Puttawong K. The effect of symptom management University; 2009. 146 p. and meditation program on health-related quality of life in elderly patients with chronic obstructive36 วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปที ี่ 37 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2560 หน้า 24-37
Jitrarat N, et al. The Effect of Symptom Management Combined with Meditation pulmonary disease [dissertation]. [Chulalongkorn]: to bronchogenic carcinoma. Cancer. 1948; 1(4): Chulalongkorn University; 2011. 205 p. 634-56.doi:10.1002/1097-0142(194811)1:4<634:30. Karnofsky DA, Abelmann WH, Craver LF, et al. :AID-CNCR2820010410>3.0.CO;2-L The use nitrogen mustards in the palliative 31. Burn N, Grove S. The practice of nursing research. treatment of carcinoma with particular reference 4 th ed. Philadelphia: WB Saunders Company; 2005. Songklanagarind Journal of Nursing, Volume 37 No. 1 January - March 2017: 24-37 37
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: