พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช
พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้ าจฬุ าโลกมหาราช มีพระนามเดมิ ว่าดว้ งหรือทองดว้ ง เสด็จพระราชสมภพเม่ือวันพุธ เดอื น ๔ แรม ๔ ค่าปี มะโรงจุลศักราช ๑๐๙๘ หรือวันท่ี ๒๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศเป็ นบุตร ของพระอกั ษรสนุ ทร ( ทองดี ) ขา้ ราชการกรมอาลกั ษณ์ กบั ทา่ นหยก ธิด า เ ศ ร ษ ฐี สืบ เ ชื้อ ส า ย ม า จ า ก เ จ า้ พ ร ะ ย า โ ก ษ า ธิบ ดี ( ป า น ) เสนาบดีกรมพระคลัง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ทา่ นเขา้ รับราชการครัง้ แรกโดยถวายตัวเขา้ เป็ นมหาดเล็กใน สมเด็จเจา้ ฟ้าอทุ มุ พรกรมขนุ พรพนิ ติ เมอื่ พระชนมายุ ๑๒ พรรษา ทรง ผนวช ณ วัดมหาทลาย เป็ นเวลา ๑ พรรษา ทรงกลับเขา้ รับราชการ เป็ นมหาดเล็กหลวงและไดร้ ับบรรดาศักดเ์ิ ป็ นหลวงยกกระบัตร เมอื ง ราชบรุ ี เมอื่ พระชนมายุ ๒๕ พรรษา
ราชธานีสมัยรัตนโกสินทร์
บทบาทในการพัฒนาชาติไทย ด้านการเมอื งการปกครอง สมยั กรุงรัตนโกสนิ ทร์ การปกครองในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ถือตามแบบสมยั อยธุ ยา โดยมีพระมหาษัตรยิ เ์ ป็น ประมขุ สงู สดุ การปกครองสว่ นกลาง มีลกั ษณะดงั นี้ คอื ... สมหุ กลาโหม เป็นหวั หนา้ ฝ่าย ทหาร และปกครองหวั เมืองฝ่ายใต้ สมหุ นายก เป็นหวั หนา้ ฝ่ายพลเรอื น และปกครองหวั เมืองฝ่ ายเหนือ
ตราพระราชกาหนดศักดินา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตราพระราชกาหนด ศกั ดินาขึน้ เป็นกฎเกณฑข์ องสงั คม ทาใหม้ ีการแบ่ง ประชากรออกเป็นหลายชนชั้น เช่นเดียวกับหน้าท่ี และสิทธิของแตล่ ะบคุ คล ศกั ดินาเป็นความพยายาม จดั ระเบียบการปกครองใหม้ ีความรดั กมุ ย่ิงขึน้ อนั เป็น หลกั ท่ีเรยี กวา่ การรวมเขา้ ส่ศู นู ยก์ ลาง
กฎมณเฑียรบาล เม่ือสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 พระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนา พระนครศรีอยธุ ยาล่วงแลว้ 8 ปี ทรงตราพระราชกาหนดกฎหมาย อนั ว่าดว้ ยระเบียบแบบแผนการปกครองแผ่นดินขนึ้ เม่ือจุลศกั ราช 720 พ.ศ. 1901 เรียกว่า “พระราชอาชญาไอยการ” พระราช กาหนดกฎหมายฉบับนีไ้ ดร้ ะบุฐานันดรศักดิ์พระราชกุมารไวใ้ น หมวดกฎมนเที ยรบาลอันเป็ นกฎหมายในราชสานักท่ี กาหนด เกียรติยศพระเจา้ แผน่ ดิน
ดา้ นวรรณกรรม ดา้ นวรรณกรรม สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ราชสานกั จดั วา่ เป็นศนู ยก์ ลางของวรรณกรรมและ เป็นท่ีชมุ นมุ ของบรรดากวที งั้ หลาย ซง่ึ มที งั้ องคพ์ ระมหากษัตรยิ ์ เจา้ นายและ บคุ คลธรรมดา วรรณคดที ่ีสาคญั ในสมยั รชั กาลท่ี 1 ไดแ้ ก่ รามเกียรติ์ ราชาธิราช และสามก๊ก ในรชั กาลท่ี 2 ทรงนิพนธบ์ ทละครไวห้ ลายเรอ่ื ง แตท่ ่ี ไดร้ บั การยกยอ่ งมากท่ีสดุ คอื บทละครเรอ่ื งอิเหนา สว่ นกวเี อกสมยั นี้ คอื สนุ ทรภู่
แบบอย่างความดสี ่กู ารปฏบิ ตั ติ น
นาย จกั รตั น์ ไมเ้ กตุ 1. การอยรู่ ว่ มกนั โดยสงบสขุ การนาไปใชส้ กู่ ารปฏบิ ตั ริ ตน 1 การอยกู่ บั หม่คู ณะมากควรมกี ฎระเบยี บเพอื่ การอย่ดู ว้ ยกนั อยา่ ง สงบสขุ 2 มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมสว่ นรวมไม่ทาอะไรเสยี หายและไม่ทา ใหค้ นอนื่ เดอื ดรอ้ น 3 การมนี ้าใจตอ่ กนั การอย่กู บั สงั คมหมู่มากควรมนี ้าใจตอ่ กนั และ กนั นาย นพรตั น์ สยมุ พร
2 มไี มตรตี อ่ ผูอ้ นื่ การนาไปใชส้ กู่ ารปฏบิ ตั ริ ตน 1 ไม่เบยี ดเบยี นผูอ้ นื่ และไม่ทาใหผ้ ูอ้ นื่ เดอื ดรอ้ นเพราะตน 2 ชว่ ยเหลอื ผูท้ ลี่ าบาก 3 มคี วามหวงั ดตี อ่ ผูอ้ นื่ ไม่คดิ รา้ ยตอ่ ผูอ้ นื่ นาย เกรยี งศกั ดิ ์ วงโคคมุ้
3 มคี วามอดทน การนาไปใชส้ กู่ ารปฏบิ ตั ริ ตน 1 การไม่ยอ่ ทอ้ ตอ่ อปุ สรรค จะทาใหเ้ ราประสบ ผลสาเรจ็ 2 เป็ นผูไ้ ม่ดรุ า้ ยสามารถขม่ ความโกรธของตวั เอง ไวไ้ ด ้ 3 มใี จเบกิ บานแจม่ ใสอยเู่ ป็ นนิตย ์ ไม่พยาบาท ไม่ โทษฟ้ า ไม่โทษฝน นาย วษิ ณุพงษ ์ ดมี ่นั
๒๓๔๑นานยนนาาาเยกยยรนจวยี พกษัิงศรรณตสตัักั ุมพนนดาง์์ิ ์สวชษยไงกิโ์มดมุ คเม้พี กคน่ัรตมุ ้ ุเเเเลลลลขขขขทททที่ี่ ีี่่๑๑๑๙๒๓๑ ชน้ั มธั ยม ม ๕/๔ เสนอ อาจารย ์ พกิ ลุ มใี จเจอื โรงเรยี นภาชี สนุ ทรวทิ ยานุกลู
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: