Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รักษ์ป่าน่าน ครั้งที่ ๔

รักษ์ป่าน่าน ครั้งที่ ๔

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2020-01-06 03:52:37

Description: สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
หนังสือ,เอกสาร,บทความ นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

พัทธนนั ท์ พิพธิ นวงค์ ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นพระธำตพุ ิทยำคม สภาพปัจจุบันของโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศึกษาเขต ๓๗ มีนักเรียนจานวน ๑๕๒ คน มีนักเรียนพักนอน และมีนักเรียนชาติพันธุ์จานวน ๕ ชาติพันธุ์ มีครูและบุคลากรจานวน ๒๑ คน มีลาห้วยสาธารณะผ่านโรงเรียนคือห้วยโก๋นผึ้ง ระยะทาง ประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร ซึ่งโรงเรียนและชุมชนในตาบลพระธาตุและตาบลเปือจานวน ๑๒ หมู่บ้าน ได้ใช้ ประโยชน์ในการเกษตรจากลาห้วยนี้ เมื่อถึงฤดูฝนน้าจะหลากท่วมสนามกีฬาของโรงเรียน เน่ืองจาก ลาห้วยมีวัชพืชและต้นไม้ซึ่งเป็นส่ิงกีดขวางทางน้า ทาให้เกิดน้าท่วม เม่ือถึงฤดูแล้งน้าจะแห้งไม่เพียง พอท่ีจะทากิจกรรมส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียน เช่น การเลี้ยงปลากินพืช การเพาะเห็ดนางฟ้า การเล้ียงกบในบ่อซีเมนต์ การเล้ียงไก่พันธ์ุไข่ การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ และการปลูกต้นไม้งาน สวนพฤกษศาสตร์ ดังน้ันเพื่อน้อมนาเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้พร้อม ๆ กับอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม “มีปา่ ไม้ มนี ้า มนี ก มปี ลา” โรงเรียนพระธาตุพิทยาคมจึงมีแนวคิดใน การดาเนินโครงการ “ปันโอกาส วาดอนาคต...ฝายมีชีวิตโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม” ด้วยความร่วมมือ จากท้ังภาครัฐและเอกชน เช่น นักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการ สถานศึกษา ผู้นาชุมชน ศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน กรมทหารพรานท่ี ๓๒ สมาคมแม่บ้าน ทหารบกสาขากองทัพภาคที่ ๓ มณฑลทหารบกที่ ๓๘ คณะแม่บ้านตารวจ เจ้าหน้าท่ี ตชด.๓๒๕ บริษัท SCG หน่วยงานราชการอาเภอเชียงกลาง และจิตอาสาในพ้ืนท่ีร่วมกิจกรรมการสร้างฝายมีชีวิต ฝายพอเพียงตามรอยพ่อหลวง ร.๙ ซึ่งเป็นฝายมีชีวิตลาดับท่ี ๖ ของอาเภอเชียงกลาง ลาดับท่ี ๔๖ ของ จงั หวัดนา่ น ลาดับที่ ๘๔๘ ของประเทศไทย ฝายมีชีวิตจะช่วยส่งเสริมกิจกรรมของนักเรียนโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม นักเรียนสามารถเรียนรู้และ บริโภคผลผลิตต่าง ๆ จากกิจกรรม นักเรียนสามารถนาไปประกอบอาชีพตามความถนัดและความสนใจ ของนักเรียน สร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ สามารถพึ่งพาตนเอง ไม่เป็นภาระของครอบครัว และอยู่ใน สังคมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ นอกจากนก้ี ารสรา้ งฝายมีชีวิตยังก่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชน โดยชุมชนสามารถ ทาการเกษตรจากการใชน้ า้ ทีก่ กั เกบ็ ไว้ใช้ จะเป็นการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในสถานศกึ ษาสู่ชมุ ชนอย่างย่ังยืน

๑. เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สืบสานพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๒. เพอ่ื สง่ เสริมระบบนิเวศ เพิ่มพืน้ ทส่ี เี ขียว และเพ่ิมตน้ ไมท้ เ่ี ป็นอาหารนก ๓. เพื่อส่งเสริมกิจกรรมจิตอาสา สร้างความสามัคคี ความเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง โรงเรยี นและชุมชน

โรงเรียนได้ดาเนินการกิจกรรม “ปันโอกาส วาดอนาคต...ฝายมีชีวิตโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม” โดยการ ประสานงานขอรับการอนุเคราะห์วัสดุอุปกรณ์ท่ีจาเป็นต้องใช้ในการสร้างฝายมีชีวิต จากหน่วยงานท้ัง ภาครัฐและเอกชน และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ผนู้ าชมุ ชน ศูนยป์ ระสานงานประชาคมจังหวัดน่าน กรมทหารพรานที่ ๓๒ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคท่ี ๓ มณฑลทหารบกที่ ๓๘ คณะแม่บ้านตารวจ เจ้าหน้าที่ ตชด.๓๒๕ บริษัท SCG หน่วยงานราชการอาเภอเชียงกลาง และจิตอาสาในพื้นที่ร่วมกิจกรรมการสร้าง ฝายมชี วี ติ ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างทักษะอาชีพให้แก่นักเรียนตาม CASH PP Model (C=Career ส่งเสริม อาชีพให้แก่นักเรียนตามความถนัด และความสนใจ A=Attitude สร้างเจตคติท่ีดี คุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์แก่นักเรียน S=Sufficiency Economy นาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ H=Happiness ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข ด้วยการปฏิบัติจริง P=Product ส่งเสริมให้ ไดผ้ ลผลติ และผลลัพธ์ P=Pratat Pittayakhom School สง่ เสริมความร่วมมอื ของเครอื ข่ายตา่ ง ๆ และมี การดาเนินงานตามวงจรเดมมิ่ง PDCA (Plan Do Check Act) เผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ พัฒนาปรับปรงุ ๑. สถานศึกษาไดอ้ นุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดาเนินกจิ กรรมท่เี ป็นประโยชน์ต่อนักเรียน สถานศึกษา และชมุ ชน ๒. หน่วยงานต่าง ๆ ทัง้ ภาครฐั และเอกชนใหค้ วามร่วมมอื ช่วยเหลอื และสนับสนนุ ๓. นักเรียนมคี วามรู้ ตระหนกั รกั ษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นาความรู้ท่ีได้ไปเผยแพร่ขยายผลในชุมชน ของตนเอง ๔. จิตอาสามคี วามเสียสละ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวม และมคี วามสามคั คี ๑. โรงเรียน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สืบสาน แนวพระราชดารสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ๒. นักเรียนมีทักษะชีวิต รู้จักการดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตระหนัก รักษ์ ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม นาความร้ทู ี่ไดไ้ ปเผยแพร่ขยายผลในชุมชนของตนเอง ๓. โรงเรียนและชุมชนมีความสามัคคี มีความเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ รู้จักเสียสละเพ่ือส่วนรวม และมี ความสัมพนั ธท์ ดี่ ีตอ่ กัน ๑. เผยแพร่และแลกเปล่ียนผลงานในกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา สพม. เขต ๓๗ โรงเรียนประถมศึกษา สพป.น่าน เขต ๒ และโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเน่ือง (School Quality Improvement Program: sQip) ในรูปแบบการจัดนทิ รรศการ การประชุมสมั มนา และ E-News ๒. เผยแพร่ผลงานทางสือ่ ออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ และทางเวบ็ ไซต์ของโรงเรียนพระธาตพุ ิทยาคม ๓. เผยแพรผ่ ลงานใหผ้ ู้ทสี่ นใจทัว่ ไปทีส่ ถานศึกษาในรูปแบบแผ่นพบั



นางปราณี อนิ วาทย์ โรงเรยี นตาลชุมพทิ ยาคม โรงเรียนตาลชุมพิทยาคมเป็นโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน มีพื้นที่ท้ังหมด ๑๔๒ ไร่ โดยเป็นพื้นที่ป่าถึงเกือบหน่ึงร้อยไร่ท่ียังคงสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ช่วงที่ผ่าน มาโรงเรียนได้ตระหนักถึงสภาพปัญหาการตัดไม้ทาลายป่าของพ้ืนที่จังหวัดน่าน จึงน้อมนา แนวพระราชดาริของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยการนาผืนป่าของโรงเรียนมา เป็นสอื่ เพ่อื มงุ่ ส่งเสรมิ ปลกู จิตสานกึ ใหน้ กั เรยี นรักและหวงแหนทรพั ยากรธรรมชาติ และได้ปรับเอกลักษณ์ ของโรงเรียนเป็น “ฅนตาลชุมรักษ์ป่า” ปลูกจิตสานึกให้ผู้เรียนมีความรักในทรัพยากร รักชาติ รักแผ่นดิน ดังน้ันในปีการศึกษาผ่านมา โรงเรียนตาลชุมพิทยาคมจึงริเริ่มทา กิจกรรมการเรียนรู้ ฅนตาลชุมรักษ์ป่า โดยมวี ัตถุประสงค์ ๑. เพือ่ ปลูกจติ จติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตใิ ห้กับเยาวชน ๒. เพือ่ ให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรกู้ ารอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตผิ า่ นกิจกรรมการเรียนรจู้ ากห้องเรยี นสู่ป่า ๓. เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑ มีสุขภาพ กายและจติ ใจท่ีดี อยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ฅนตาลชุมรักษ์ป่า” ใช้ช่ัวโมงสวนพฤกษศาสตร์ ชั่วโมงกิจกรรม ลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ ชวั่ โมงรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ และการบาเพ็ญประโยชน์ โดยมีกจิ กรรมดงั น้ี ๑. กิจกรรม ๑ ต้น ๑ คน ๑ ห้องเรียน หลักการของการเรียนรู้ คือ รู้ช่ือ รู้ลักษณ์ รู้จัก คลุกคลี เห็นคุณ สุนทรี โดยให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับ ต้นไมใ้ นเขตสวนปา่ ทร่ี ับผิดชอบ ศึกษาพรรณไม้ดว้ ยการบนั ทกึ การเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัย การนาไปใช้ประโยชน์ของต้นไม้ที่ศึกษา แต่ละห้องเรียนมีต้นไม้ประจาห้อง สมาชิกภายในห้อง ศึกษาและสร้างนวัตกรรม เป็นกิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียนได้มีความรู้ ความเข้าใจความสาคัญของต้นไม้ ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของตน้ ไม้ท่มี ตี ่อตนเองและสงิ่ แวดลอ้ ม โดยกระบวนการเรียนรู้ ให้ การสัมผัส ในสิ่งที่ ไมเ่ คยได้สัมผสั การรจู้ ริง ในสง่ิ ท่ไี มเ่ คยไดร้ จู้ ริง เป็น ปจั จยั สู่จนิ ตนาการ เป็น เหตุแห่งความอาทร การุณย์ สรรพชวี ติ สรรพสง่ิ (ดร.พศิ ิษฐ์ วรอุไร) ๒. กจิ กรรม สะปะจากป่ามากคุณคา่ คู่ปา่ น่าน ส่งเสริมให้นกั เรียนเรียนรธู้ รรมชาตใิ นปา่ ภูมิปญั ญาท้องถ่ินในชุมชน กระตุ้นให้เกิดจิตสานึกในการอนุรักษ์ ปกป้องผืนป่าเดิม และปลูกเพิ่มป่าใหม่ เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากป่า เพ่ือการอยู่ ร่วมกบั ธรรมชาตอิ ยา่ งยัง่ ยนื

รปู แบบและวิธดี าเนินโครงการ เร่มิ จากสารวจพนื้ ท่ปี ่าโรงเรียนและพ้ืนท่ีป่าชุมชนตามเขตพื้นที่บริการของ โรงเรียน กาหนดพ้ืนท่ีศึกษา “โครงการ ซะป๊ะจากป่า มากคุณค่า คู่ป่าน่าน” กาหนดศึกษาพืชท่ีอยู่ใน ผืนป่าโรงเรียนและชุมชน ๙ ชนิด โดยนักเรียนศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับพืชทั้ง ๙ ชนิดและร่วมกัน ออกแบบนวตั กรรมการใช้ประโยชนจ์ ากพืชท้งั ๙ ชนิดดงั นี้  พชื ชนดิ ท่ี ๑ ต้นหว้า ศึกษาคุณสมบัติของผลสุกและใบลูกหว้า ได้ผลิตภัณฑ์จากผลลูกหว้า ดังน้ี ซอส ปรุงรสลูกหวา้ ชทั นีย์ลกู หวา้ ไอศกรีมลกู หว้า ขนมประเภทเบเกอรี่ เช่น สโคนลูกหว้า ใบต้นหว้านามา เปน็ ชา  พืชชนดิ ท่ี ๒ ต้นหมากม่ืน (กระบก) จากการศึกษาได้นาส่วนของเมล็ดกระบกท่ีเรียกว่าอัลมอนด์ไทย นามาผลติ เปน็ คกุ ก้ีกระบก และส่วนผสมกราโนล่าอาหารเพ่อื สุขภาพ  พืชนิดที่ ๓ ต้นมะม่วงป่า นาส่วนของผลสุกซ่ึงลักษณะเด่นคือมีกล่ิน รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตภัณฑ์คือ ไอศกรีมจากเนื้อ และน้ามะม่วง เปลือกของผลนามาตากแห้งเป็นอาหารว่างและ ส่วนผสมของขนม  พืชชนิดที่ ๔ ต้นมะค่าโมง นาส่วนของเมล็ดมาสร้างนวัตกรรมนวดฝ่าเท้า โดยการออกแบบให้ เหมาะสมกบั การใชง้ าน  พืชชนดิ ที่ ๕ ต้นสัก นาส่วนท่ีเปน็ ลกั ษณะเด่นคอื สขี องใบสักนามายอ้ มสีผ้าไดส้ ีม่วงทีส่ วยงาม  พืชชนิดท่ี ๖ ต้นหูกวาง นาส่วนที่เป็นลักษณะเด่นคือ สีของใบนามาย้อมสีผ้าได้สีเขียวท่ีกลุ่มมัดย้อม สร้างผลิตภัณฑผ์ ้ามดั ยอ้ มพชื ในสวนปา่  พืชชนิดที่ ๗ ต้นหม่ี ลักษณะเด่นคือใบที่มีสรรพคุณในการบารุงเส้นผม นามาสร้างนวัตกรรมเป็น แชมพจู ากใบหมี่  พืชชนิดท่ี ๘ บอระเพ็ด ลักษณะเด่นอยู่ท่ีลาต้นที่ช่วยในการชะลอการหงอกของเส้นผม ใช้เป็น ส่วนประกอบของแชมพูสระผม  พืชชนิดท่ี ๙ เห็ด ร่วมกันวิเคราะห์เรียนรู้การจาแนกเห็ดรับประทานได้กับเห็ดพิษจากภูมิปัญญา ทอ้ งถนิ่ จากการศึกษาพืชท้ัง ๙ ชนิดคือบทเรียนแรกของการริเริ่มสร้างสรรค์องค์ความรู้จากป่า ผสมผสาน กร ะบ ว นก า รท า งวิ ท ยา ศ าส ต ร์แ ล ะ ภู มิปั ญ ญา ท้ อง ถิ่ น เ พื่ อเ ป็ นฐ า นใ นก า รส่ ง เส ริ มส ร้ าง นั กวิ จั ยแ ล ะ นกั อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตใิ ห้กับเยาวชน ๓. กจิ กรรม “นทิ านเร่ืองเลา่ จากปา่ ” กลมุ่ นักเรียนจดั กจิ กรรมปลูกจติ สานึกให้อนุรักษ์ป่าและงดเผาป่าเพื่อใช้พ้ืนที่ทาการเกษตร การเผาซังข้าว ต้นข้าวโพดหลังการเก็บเก่ียว เพ่ือลดปัญหาหมอกควัน ผ่านการอ่านนิทานทามือ ที่สาคัญยังเป็นการ สืบสาน พระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังพระราชดารัสท่ีว่า

“...ควรจะปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่าน้ันจะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและรักษา ต้นไม้ด้วยตนเอง...” เราคิดว่าเม่ือเขาได้ทราบถึงผลเสียท่ีจะได้รับจากการตัดไม้ทาลายป่าผ่านตัวละคร และเรื่องราวในนิทานแล้ว เขาก็จะตระหนักถึงคุณค่าของป่า ไม่ทาลายป่า ช่วยกันอนุรักษ์ป่า ไม่เผาป่า วัชพืช ซากพืชหลังการเก็บเกี่ยว โดยการไปแสดงนิทานให้น้อง ๆ โรงเรียนประถมศึกษาในเขตตาบลตาล ชุม ตาบลนาเหลือง ตาบลจอมจันทร์ ตาบลน้าป้ัว และการนาการแสดงนิทานลงในยูทูปซ่ึงเป็นอีกหน่ึง ช่องทางท่ใี ห้เยาวชนได้เรียนรู้ ๔. หลักสูตรท้องถิ่น “หว้าพืชนา่ รคู้ ู่ป่านา่ น ” หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ รายวิชาเพิ่มเติม สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ หลักการเพื่อให้ การจัดทาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ท้องถิ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ ต้นหว้า พืชน่ารคู้ ่ปู า่ น่าน เป็นไปตามแนวหลักสตู รการศึกษาข้นั พ้ืนฐานสอดคล้องกบั มาตรฐานและสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ จึงกาหนดหลักสตู รวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นไว้ดงั น้ี (๑) เป็นการศึกษาท่ีมุ่งให้ผู้เรียน เรียนรู้เก่ียวกับทรัพยากรป่าไม้ ได้แก่ ต้นหว้า ซึ่งมีความสอดคล้องกับ ชีวติ จรงิ ในท้องถ่นิ (๒) สง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รยี นเหน็ ความสาคัญ ประโยชน์ เห็นคุณคา่ และอนุรักษต์ น้ หวา้ ที่มใี นท้องถนิ่ (๓) ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการคิด และทักษะในการศึกษาค้นคว้า การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ภูมิปัญญาความรู้การแปรรูปเรื่อง ตน้ หวา้ (๔) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนจิตวิทยาศาสตร์ ทักษะการทางานด้วยความมุ่งมั่น ประหยัด ซื่อสัตย์ สามารถ ทางานกบั ผู้อ่นื ได้อยา่ งมีความสขุ คาอธิบายรายวิชา ชัน้ มธั ยมการศกึ ษาปที ่ี ๕ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ หว้าพืชน่ารคู้ ูป่ า่ นา่ น ศึกษา วิเคราะห์ สารวจลักษณะท่ัวไปของต้นหว้าที่มีอยู่ในท้องถิ่น ลักษณะของพืชตระกูลหว้า ประโยชน์และคุณค่าต่อต้นหว้าและการแปรรูปต้นหว้า ศึกษา วิเคราะห์ ประเด็นปัญหาท่ี นา่ สนใจของต้นหว้า ดาเนินการวางแผนและออกแบบการทดลอง ทาโครงงานตามข้ันตอนทาง วิทยาศาสตร์ และเสนอผลงานทางวิทยาศาสตร์ เร่ือง ต้นหว้า ได้อย่างเหมาะสมโดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ การสารวจ ตรวจสอบสืบคน้ ข้อมูลและอภปิ รายเพือ่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่ง ที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มท่อี ันพงึ ประสงค์

ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถสืบค้นข้อมูล สารวจ ตรวจสอบ อธิบายบริบทของต้นหว้า และการนามาใช้ ประโยชนไ์ ด้ ๒. สามารถกาหนดปัญหา วางแผนการดาเนินการศึกษา ออกแบบขั้นตอนและวิธีการทา โครงงานเรื่อง แปรรปู ลกู หวา้ และแสดงผลงานโครงงานแปรรูปจากหว้าได้อยา่ งเหมาะสม ๓. นกั เรียนมจี ิตวทิ ยาศาสตร์ สาระการเรียนร้แู ละโครงสร้างเวลาเรยี น สาระการเรียนร้ขู องหลักสตู ร และอัตราเวลาเรียนตลอดหลักสตู ร จานวน ๔๐ ช่วั โมง สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน (ช่ัวโมง) ๑. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตน้ หว้าท่ีมใี นท้องถ่ิน ๓ ๒. ลักษณะของพชื ตระกูลเดยี วกบั ตน้ หวา้ ๒ ๓. ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของต้นหว้า ๕ ๔. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และการแปรรปู อาหาร ๔ ๕. การวเิ คราะหโ์ ครงงาน ๔ ๖. กาหนดประเด็นปัญหาท่ีสนใจในบริบทของต้นหว้า ๖ ดาเนนิ การวางแผน และออกแบบการทดลอง ๗. จัดทาโครงงาน และเสนอผลการโครงงานวิทยาศาสตร์ ๑๖ เรือ่ ง การแปรรปู จากหวา้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ เพ่ือให้การจัดการศึกษาตามหลักสูตรท้องถิ่น ประสบความสาเร็จตามจุดมุ่งหมาย จึงกาหนด แนวทางการจดั การเรียนรู้ ดงั นี้ ๑. จัดการเรียนรใู้ หย้ ืดหย่นุ ตามเหตุการณ์ และสภาพทอ้ งถน่ิ ตามความเหมาะสม ๒. จัดการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้สอดคล้องกับสภาพธรรมชาติตามสภาพจริงใน ทอ้ งถน่ิ ของผเู้ รยี น และใหโ้ อกาสเท่าเทยี มกนั ในการพัฒนาตนเองตามความสามารถ ๓. จัดการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการ โดยกระบวนการของโครงงาน กระบวนการคิด จินตนาการ คดิ แกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ และกระบวนการกลมุ่ ๔. จดั สภาพแวดลอ้ มและสร้างบรรยากาศทเ่ี อ้อื ตอ่ การเรียนรู้และการปฏิบัติจรงิ ของผ้เู รยี น ๕. จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนรู้จักต้ังคาถาม สังเกต สารวจ ตรวจสอบ ออกแบบ วางแผนการทดลอง จัดทาโครงงาน นาเสนอผล และสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ โดยใช้ทักษะกระบวนการและวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ ๖. จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการสอดแทรกคุณจริยธรรม เช่น ทางานด้วยความมั่นคง รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสัตย์ อดทน มีวินัย มีความรับผิดชอบ และทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ อยา่ งมคี วามสขุ



พระปลดั คงศิลป์ ภททฺ ราวโุ ธ โรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรมวดั นโิ ครธาราม ศาสนพิธีท้องถิ่น นับเป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่าต่อจิตใจของผู้คนในท้องถ่ิน ช่วยก่อให้เกิดความสามัคคีและ เก้ือกูลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขของชุมชน ดังนั้นศาสนพิธีจึงเป็นกิจที่พระสงฆ์และสามเณรต้อง เรียนรู้และปฏิบัติ การเรียนรู้ด้านศาสนพิธีท้องถ่ินเป็นเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน การศึกษาที่เอาวิชาเป็นตัวต้ังทาให้สามเณรส่วนใหญ่ขาดความภาคภูมิใจในชีวิตสมณเพศและไม่เห็นถึง คุณคา่ ของพิธกี รรมทางพระพุทธศาสนาในท้องถ่นิ เท่าทีค่ วร ในปีการศึกษา ๒๕๖๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธารามซึ่งจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๖ มีสามเณรบวชใหม่ที่ยังส่วนใหญ่ขาดความรู้ ขาดความม่ันใจ ไม่สามารถปฏิบัติศาสนพิธีท้องถ่ินได้ ทางโรงเรียนจึงได้จัดกระบวนการเรียนรู้ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของสามเณรท่ีเก้ือกูลต่อการปฏิบัติ ศาสนกจิ ดา้ นศาสนพิธที ้องถ่นิ ของสามเณร ด้วยการจัดทาแผนและกระบวนการเรยี นร้เู ทศนารกั ษ์ปา่ นา่ น กิจกรรมที่ ๑ จัดทำแผนและกระบวนกำรเรียนรศู้ ำสนพิธีท้องถน่ิ รายละเอียดวิธีการดาเนนิ งาน ๑. จัดประชุมกรรมการโรงเรยี น จานวน ๑ ครั้ง ๒. ประชมุ ครูเชงิ ปฏบิ ัติการจดั ทาคมู่ อื การจดั การเรียนรู้ศาสนพธิ ีท้องถิน่ ๓. จดั ประชุมผู้มสี ว่ นเกย่ี วข้องทาความเข้าใจการจัดกระบวนการเรยี นรู้ศาสนพธิ ีท้องถ่ินใหก้ บั สามเณร กจิ กรรมที่ ๒ กระบวนเข้ำค่ำยฝกึ ทักษะกำรเรยี นรศู้ ำสนพธิ ที ้องถิ่น ทกั ษะกำรเทศนำรกั ษป์ ่ำน่ำน กระบวนเข้าค่ายฝึกทักษะการเรียนรู้ศาสนพิธีท้องถ่ินเพื่อพัฒนาฝึกทักษะการประกอบศาสนพิธีท้องถ่ิน ทกั ษะการเทศนารักษ์ป่านา่ น ในวนั หยุด จานวน ๗ วนั ดังน้ี วันท่ี ๑ อบรมทักษะการเรยี นร้กู ารใหพ้ รเป็นภาษาทอ้ งถิน่ วันท่ี ๒-๓ อบรมทกั ษะการเจรญิ พระพุทธมนตส์ ืบชะตา ตามแบบฉบบั ท้องถนิ่ วันท่ี ๔-๕ อบรมทักษะดา้ นการเทศน์รกั ษป์ ่าน่าน ตามแบบทอ้ งถิน่ วันท่ี ๖-๗ อบรมด้านการประกอบพธิ ฌี าปนกจิ ศพ ตามประเพณที ้องถน่ิ กจิ กรรมท่ี ๓ ศึกษาดูงาน ศกึ ษาเรยี นรูเ้ ก่ียวกบั ศาสนพธิ ีท้องถิน่ ทักษะการเทศนารักษป์ า่ นา่ น โดยไปการศึกษาดงู าน ๓ วัน มีรายละเอียดวิธีการดาเนนิ งานดังนี้ วนั ที่ ๑ เดินทางไปเรียนรทู้ ี่ วดั ดอนตัน ตาบลศรีภูมิ และวัดดอนชยั ตาบลทา่ วังผา วนั ที่ ๒ เดินทางไปเรยี นรู้ท่ี วัดชนะไพรี ตาบลแสนทอง และวดั ศรมี งคล ตาบลยม วันท่ี ๓ เดนิ ทางไปจัดกจิ กรรมบทบาทสมมติในสถานที่จรงิ ณ ป่าสุสานบา้ นดอนชัย ตาบลท่าวงั ผา

กจิ กรรมท่ี ๔ กจิ กรรมฝกึ ฝนทบทวน กาหนดใหส้ ามเณรได้ใช้เวลาว่างฝึกฝนทักษะด้วยตนเองโดยจัดต้ังชุมนุมเรียนรู้ศาสนพิธีท้องถิ่น ฝึกทักษะ การเทศนารกั ษป์ า่ นา่ นขึ้นในโรงเรยี น มคี รูเป็นที่ปรกึ ษา กาหนดจดั กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านศาสน- พิธีท้องถ่ิน ทักษะการเทศนารักษ์ป่าน่าน สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง จานวน ๒๐ สัปดาห์ คร้ังละ ๑ ชั่วโมง กาหนดกตกิ าการปฏิบัติตนในการทบทวนบทสวดมนต์รว่ มกนั  กาหนดกจิ กรรมทีต่ อ้ งทา  ชว่ งเวลาทปี่ ฏบิ ัติ กิจกรรมที่ ๕ เตรียมงำนเวทีกำรเรียนรูศ้ ำสนพิธที อ้ งถน่ิ กำรเทศนำรักษป์ ำ่ น่ำนเพอ่ื ชุมชน แบ่งกลุ่มสามเณรจัดพื้นท่ีและเตรียมงานกิจกรรมเพ่ือเสนอและบริการให้กับชุมชน โดยแยกเป็น ๔ กิจกรรม คอื ๑. กลุ่มกิจกรรม การให้พรแบบพื้นเมอื งลา้ นนา ๒. กลมุ่ กจิ กรรม การเจรญิ พุทธมนต์สบื ชะตาแบบลา้ นนา ๓. กลุ่มกิจกรรม การเทศนารักษป์ า่ น่าน ๔. กลุม่ กิจกรรม การประกอบพิธฌี าปนกจิ ศพตามประเพณที ้องถ่ิน (พิธีทาบญุ อุทศิ ใหแ้ ก่ผ้ตู าย) กิจกรรมท่ี ๖ ลงมือปฏบิ ัติจรงิ งำนเวทกี ำรเรยี นรศู้ ำสนพิธีท้องถิ่นเพอื่ ชมุ ชน แบง่ กลุ่มสามเณรจดั กจิ กรรมเพ่อื เสนอและบริการใหก้ ับชุมชน โดยแยกเป็น ๔ กิจกรรม คือ ๑. กล่มุ กิจกรรม การใหพ้ รแบบพ้ืนเมืองลา้ นนา ๒. กลมุ่ กจิ กรรม การเจรญิ พทุ ธมนตส์ ืบชะตาแบบลา้ นนา ๓. กลมุ่ กจิ กรรม การเทศนารกั ษป์ ่านา่ น ๔. กลุ่มกจิ กรรม การประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณที ้องถิ่น (พธิ ที าบญุ อุทิศให้แก่ผู้ตาย) กิจกรรมท่ี ๗ กจิ กรรมติดตำมประเมินผล (กอ่ น/ระหวำ่ ง/หลงั ) กำรดำเนินโครงกำร รายละเอียดวธิ กี ารดาเนินงาน ๑. ใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะดา้ นศาสนพิธที ้องถ่นิ ประเมนิ สามเณรกอ่ นเขา้ ค่าย ๒. สงั เกตติดตามระหว่างการดาเนินการ ใช้แบบประเมนิ ทักษะดา้ นศาสนพิธที อ้ งถิน่ ประเมินผลหลงั เสร็จสน้ิ โครงการ กจิ กรรมท่ี ๑ จดั ทำแผนและกระบวนกำรเรียนรศู้ ำสนพิธีท้องถนิ่ ๑. กรรมการโรงเรียนรับทราบเก่ยี วกับกจิ กรรมโครงการ ๒. มีคมู่ ือการจดั การเรียนร้ศู าสนพธิ ที อ้ งถ่ิน ๓. แผนการจดั การเรียนรูด้ า้ นศาสนพธิ ีท้องถนิ่ การเทศนารกั ษป์ ่าน่าน

กจิ กรรมท่ี ๒ กระบวนเข้ำค่ำยฝกึ ทักษะกำรเรยี นรศู้ ำสนพิธีทอ้ งถ่ิน สามเณรมีความรแู้ ละทักษะเบ้ืองต้นในการประกอบพิธีตามหลักศาสนพธิ ีในท้องถนิ่ เชน่ ๑. การใหพ้ รแบบพน้ื เมอื งล้านนา ๒. การเจริญพทุ ธมนตส์ ืบชาตาแบบลา้ นนา ๓. การเทศนารกั ษป์ า่ น่าน ๔. การประกอบพิธฌี าปนกจิ ศพตามประเพณีท้องถ่นิ กิจกรรมท่ี ๓ ศึกษำดูงำน สามเณรทุกรูปได้มีความรู้ ไดเ้ รียนรแู้ ละมีประสบการณ์เพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั ศาสนพิธที ้องถ่ิน ท้งั ๔ ด้าน เพ่มิ เติม คือ ๑. การใหพ้ รแบบพนื้ เมอื งลา้ นนา ๒. การเจริญพทุ ธมนต์สบื ชะตาแบบลา้ นนา ๓. การเทศนารักษป์ ่าน่าน ๔. การประกอบพธิ ฌี าปนกจิ ศพตามประเพณีท้องถ่ิน ๕. หลังจากศกึ ษาดงู านตงั้ วงถอดบทเรียน แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี ๔ กิจกรรมฝึกฝนทบทวน ๑. สามเณรเพม่ิ ทักษะในการประกอบพิธตี ามหลกั ศาสนพธิ ีในท้องถน่ิ ท้ัง ๔ ด้าน เพิ่มข้ึน คอื ๑.๑. ด้านการให้พรแบบพน้ื เมืองลา้ นนา ๑.๒. ด้านการเจริญพทุ ธมนต์สืบชะตาแบบล้านนา ๑.๓. ด้านการเทศนารกั ษ์ป่าน่าน ๑.๔. ด้านการประกอบพิธฌี าปนกจิ ศพตามประเพณที ้องถิน่ ๒. มตี ารางเวลาในการฝึกทบทวน ๓. มกี ฎกตกิ าในการฝกึ ฝนตนเอง ๔. สามเณรมีวินัย มีความรับผดิ ชอบ กจิ กรรมท่ี ๕ เตรียมงำนเวทีกำรเรียนรูศ้ ำสนพธิ ที อ้ งถ่ินเพ่ือชมุ ชน สามเณรไดเ้ ตรยี มงานเวที มีความพรอ้ มจัดกจิ กรรมบรกิ ารใหก้ ับชมุ ชนตามหลกั ศาสนพิธใี นท้องถ่นิ ท้งั ๔ ดา้ น คอื ๑. ด้านการใหพ้ รแบบพ้นื เมืองลา้ นนา ๒. ด้านการเจรญิ พุทธมนตส์ บื ชะตาแบบล้านนา ๓. ด้านการเทศนารกั ษป์ า่ นา่ น ๔. ดา้ นการประกอบพิธฌี าปนกิจศพตามประเพณที ้องถิ่น ๕. สามเณรเกิดสขุ ภาวะทางสังคมด้วยการปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในกลมุ่ สามเณรและปฏสิ มั พนั ธก์ ับชุมชน

กิจกรรมท่ี ๖ ลงมือปฏบิ ตั ิจริงงำนเวทีกำรเรียนรู้ศำสนพิธีท้องถิ่นเพือ่ ชุมชน สามเณรได้จดั กิจกรรมบริการให้กับชมุ ชนตามหลกั ศาสนพิธใี นท้องถ่ิน ทัง้ ๔ ด้าน คอื ๑. ดา้ นการให้พรแบบพ้ืนเมืองลา้ นนา ๒. ดา้ นการเจรญิ พทุ ธมนต์สืบชะตาแบบล้านนา ๓. ดา้ นการเทศนารกั ษ์ป่านา่ น ๔. ดา้ นการประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณีท้องถน่ิ ๕. สามเณรเกิดสขุ ภาวะทางด้านปัญญา สามารถแกป้ ญั หาไดใ้ นขณะปฏบิ ัติงาน กจิ กรรมที่ ๗ กจิ กรรมติดตำมประเมนิ ผล (กอ่ น/ระหวำ่ ง/หลัง) กำรดำเนนิ โครงกำร ๑. ทราบขอ้ มลู ทกั ษะดา้ นศาสนพิธีท้องถนิ่ ของสามเณรกล่มุ เปา้ หมาย ๒. ทราบปญั หาและแก้ไขปญั หาทีอ่ าจจะเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการดาเนินงาน ๓. ผลการประเมินทกั ษะด้านศาสนพธิ ีทอ้ งถิน่ ภายหลังเสร็จสน้ิ โครงการ สามเณร ๓๐ รปู เปา้ หมายของกจิ กรรม มคี วามรู้และทักษะด้านศาสนพิธีท้องถิ่น ทักษะการเทศนารักษ์ป่า น่านในระดับดีข้ึนไป ด้านการให้พรภาษาท้องถ่ิน ร้อยละ ๕๖.๖๗ ด้านการเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตา ตามแบบฉบับท้องถ่ินร้อยละ ๕๖.๖๗ ด้านการอ่านเทศน์ธรรมชาดกแบบท้องถ่ิน ร้อยละ ๕๖.๖๗ ด้าน การประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ตามประเพณีทอ้ งถน่ิ ร้อยละ ๘๓.๓๓ การเผยแพรแ่ ละการขยายผลของโครงการ หลังจากท่ีการดาเนินโครงการเสร็จส้ินแล้วซึ่งถือได้ว่าเป็นการ ปลุกประเด็นด้านศาสนพิธีและการเทศนารักษ์ป่าน่านให้มีความสาคัญต่อภิกษุสามเณรและประชาชนใน ท้องถิ่นให้เกิดข้ึน ส่งเสริมกิจกรรมโดยปรับรูปแบบในการจัดกิจกรรมเป็นแบบพ่ีสอนน้อง และสนับสนุน ผลักดันให้วัดทุกวัดและประชาชนโดยท่ัวไป เปิดโอกาสให้สามเณรได้เข้าร่วมในพิธีกรรมตามศาสนพิธี ท้องถิน่ เป็นประจาตามวิถวี ฒั นธรรมของท้องถ่ินซึ่งจะเป็นการจรรโลงรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี อนั ดงี ามในท้องถนิ่ ใหค้ งอยู่สบื ไป เจ้าอาวาสผู้ปกครองดูแลสามเณรและประชาชาชนในชุมชนให้การสนับสนุนกิจกรรมโดยเปิดโอกาสให้ สามเณรไดม้ ีเวทแี สดงออกและช่วยในการสง่ เสรมิ ในการฝึกฝนทักษะของสามเณรนักเรียนอยา่ งตอ่ เน่ือง ครูผู้สอนควรติดตามประสานงานกับเจ้าอาวาสผู้ปกครองดูแลสามเณรอย่างต่อเนื่องและจานวนบ่อยคร้ัง มากขึ้น ประชาชาชนในชุมชนให้การสนับสนุนกิจกรรมโดยเปิดโอกาสให้สามเณรได้มีเวทีแสดงออกและ ช่วยในการส่งเสริมในการฝึกฝนทักษะของสามเณรนักเรียนอย่างต่อเน่ือง และครูผู้สอนนาผลการปฏิบัติ งานของสามเณรนาสู่การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ แบบบรู ณาการขา้ มสาระการเรยี นร้ตู อ่ ไป

การดาเนินการต่อเนื่องโดย ให้สามเณรนักเรียนที่ผ่านกระบวนการสามารถเป็นต้นแบบให้กับสามเณรรุ่น ต่อไปและตลอดจนสภาพในสังคมชนบทในท้องถ่ินที่เปิดโอกาสให้สามเณรได้เข้าร่วมกิจกรรมศา สนพิธี ท้องถิ่นถือว่ามีความสาคัญที่ถือว่าเป็นเป้าหมายสนองความต้องการของชุมชน ถ้าสามเณรเป้าหมายใน โครงการมีศักยภาพทักษะในประกอบพิธีกรรมก็ย่อมจะเป็นแบบอย่างให้กับสามเณรรูปอ่ืน อันจะเป็น แรงบันดาลใจให้สนใจฝึกทักษะทางด้านศาสนพิธีอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง ศรัทธาประชาชนผู้มีส่วน เก่ียวข้องได้รับประโยชน์จากการร่วมในศาสนพิธีด้วยความเอิบอิ่มใจสุขใจสามเณรก็มีความภาคภูมิใจที่ได้ ทาหน้าท่ีโดยสมบูรณ์ สานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี. (๒๕๖๐). เอกสารการ ประชุมสมั มนารกั ษ์ปา่ น่านคร้ังท่ี ๓. พิมพค์ ร้งั ที่ ๑. บรษิ ัท พ.ี เอ. ลีฟว่ิง จากดั : กรุงเทพ น.๑๑๖ สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. (๒๕๖๐). เอกสารรายงานการวิจัยโครงการศึกษารูปแบบการจัด การศึกษาที่เหมาะสมสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดน่าน สานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ นครปฐม น. ภาคผนวก จ.

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วเิ ชฏฐ์ คนซ่ือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชชั วาล ใจซื่อกุล นายกิตตภิ มู ิ จนั ทรศ์ รี ศูนยก์ ารเรียนร้แู ละบรกิ ารวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย จงั หวัดนา่ น การที่จะปรับเปล่ียนวิถีชีวิตของคนให้อยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน จาเป็นต้องมีการประสานความคิดและ พลังจากทุกส่วนในการร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ ดาเนินการกิจกรรมตา่ ง ๆ ในโครงการรกั ษ์ปา่ น่านภายใต้แนวทาง “สร้างป่า สร้างอาชีพ ปลูกจิตสานึก” ซ่งึ ไดร้ ับความรว่ มมือจากประชาคมชาวนา่ นและหน่วยงานตา่ ง ๆ การสรา้ งป่าไม่ใช่หมายความเพียงวา่ การปลูกกล้าไม้ ขดุ หลุม ใส่กลา้ ต้นไม้ กลบดิน และในอีกหนึ่งปีถัดไป มากกว่าคร่ึงหนึง่ ของกล้าไม้เหล่านก้ี ็ตายลงในฤดูแลง้ และในเมื่อเราปลูกป่าแลว้ เราก็สามารถตัดปา่ ได้ การสร้างป่าโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงมีความพยายามท่ีจะสร้างแรงจูงใจในการปลูกและดูแล กล้าไม้จนกลายเป็นป่าผ่านแนวทาง “กล้าวิเศษ” “ภูเขาเห็ด” “ป่ากินได้” และ “ป่าลดคาร์บอน” เพ่อื ให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของป่าผ่านการบริการของป่าในรูปแบบต่าง ๆ และลงมือที่จะเปลี่ยนให้เกิด ปา่ ทช่ี มุ ชนสามารถได้ประโยชน์อยา่ งยั่งยืนได้ “กล้าวิเศษ” คือ กล้าไม้วงศ์ยางนาที่ใส่เช้ือราเอคโตไมคอร์ไรซาท้องถิ่นในจังหวัดน่าน ท่ีช่วยในการ เจรญิ เติบโตของต้นไม้ และยังเป็นเชอ้ื ราทที่ าให้เกิดเห็ดท่ีใช้บริโภคและขายได้ เช่น เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ เหด็ น้าหมาก เป็นตน้ ผสานกับการใช้พอลิเมอร์ชีวภาพท่ีช่วยกักเก็บน้าให้ต้นกล้าในช่วงฤดูฝนเพ่ือไว้ใช้ใน หน้าแล้ง และใช้วิธีการปลูกแบบมิยาวากิ ที่มีการปลูกแบบผสมของกล้าไม้หลายชนิดในแปลงยกสูง ซึ่ง หลังจากปลูกแล้ว ๓-๕ ปี ก็จะเกิด “ภูเขาเห็ด” และก็จะมีการ “เสริมอาหาร” โดยการเติมต้นผักหวาน แซมป่า ซึ่งผักหวานน้ันเป็นพืชท่ีต้องอิงอาศัยกับต้นไม้วงศ์ยางนาท่ีมีเชื้อราเอคโตไมคอร์ไรซาในการ เจริญเติบโต เพอื่ เตมิ เต็มในการเป็น “ป่ากนิ ได้” ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ท่ีบ้านห้วยมะหลอด-ห้วยตาบงู ตาบลผาสิงห์ อาเภอเมืองน่าน ได้มีการลง “กล้า วิเศษ” บนภเู ขาหวั โลน้ โดยไดป้ รับเปล่ียนเป็นป่าในระยะแรกเร่ิม และได้สารวจพบเห็ดดอกแรก ในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และมีการปลูกผักหวานป่าแซมในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้เป็น ต้นแบบของ “ป่ากินได้” นอกจากนี้ “กล้าวิเศษ” ยังได้ถูกบ่มเพาะรอเวลาเก็บเก่ียวอยู่ใต้พ้ืนดินของบ้าน นาซาว ตาบลนาซาว และบ้านทุ่งศรีทอง อาเภอเวียงสา ในพื้นที่อีกกว่า ๑๐๐ ไร่ และ “กล้าวิเศษ” นี้ยัง ได้ถูกแจกจ่ายเพ่ือไปสร้าง “ภูเขาเห็ด” ในพ้ืนท่ีอื่น ๆ ของจังหวัดน่าน โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เพาะ “กล้าวิเศษ” ไว้ ณ สถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีไหล่น่าน ได้กว่า ๑๕๐,๐๐๐ ตน้ นอกจาก “ป่ากินได้” แล้ว “ป่าลดคาร์บอน” เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของป่า ในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ก๊าซคาร์บอนได- ออกไซด์เกิดข้ึนจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น ในน้าดื่ม ๑ แก้วน้ัน ต้องผ่านกระบวนการผลิต

การขนส่ง เกิดเป็นต้นทุนและนามาสู่ราคาขายในท้องตลาด แต่ต้นทุนที่เรามักหลงลืมไป คือปริมาณ คารบ์ อน ทเ่ี กดิ ข้นึ จากกระบวนการผลิต ในปี ๒๕๖๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ดาเนินการวัดและคานวณปริมาณคาร์บอนท่ีเกิดขึ้นในกิจกรรม ของมนุษย์ ให้อย่ใู นรปู ของปรมิ าณคารบ์ อนทก่ี ลา้ ไม้ ๑ ต้น สามารถดูดซับไว้ได้จากข้อมูลต้นไม้วงศ์ยางนา ที่ปลูกท่ีบ้านห้วยมะหลอด ถึงแม้เราจะไม่สามารถชดเชยคืนแก่ธรรมชาติได้ทั้งหมด แต่ก็คงจะดีไม่น้อย ท่ีจะทราบว่าในแต่ละกิจกรรมของเรา ได้สร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณเท่าไร และเพื่อชดเชย ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหล่านั้น เราควรปลูกกล้าไม้จานวนเท่าไร ผ่านแอปพลิเคชันบน โทรศัพทม์ อื ถือ การสรา้ งอาชพี โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่งเน้นที่การเพิ่มมูลค่าทางอาชีพและกิจกรรมที่ลดความ ต้องการพื้นท่ีป่าสาหรับใช้ในการปลูกพืชเชิงเด่ียว โดยการส่งเสริมการเล้ียงสัตว์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทเ่ี พมิ่ มลู คา่ ตอ่ พื้นที่ ผา่ น “สัตว์เปลีย่ นภูเขา” และการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ “อัตลกั ษณน์ า่ น” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พัฒนาและขยายพันธุ์ สัตว์เศรษฐกิจที่สามารถอยู่ร่วมกับป่า เช่น แพะ หมู โคแดง กบ เปน็ ตน้ และได้ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรเพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรโดยไม่ต้องไป ตัดหรือเผาป่าเพ่ือหาพ้ืนท่ีมาใช้ในการปลูกพืชเชิงเด่ียว เช่น ข้าวโพด ขิง หรือ กะหล่าปลี เป็นต้น เพื่อให้ สัตวเ์ หลา่ นเี้ ป็น “สัตวเ์ ปลี่ยนภเู ขา” รวมทั้งเป้าหมายในการลดการนาเข้าอาหารจากพื้นที่อ่ืน ๆ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้บริการน้าเช้ือสุกรเพ่ือการผสมเทียมแก่เกษตรกร เกิดเป็นลูก สุกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดน่านกว่า ๒๑,๖๓๐ ตัว และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดน่านได้กว่า ๑๗ ล้านบาท รวมท้ังการส่งเสริมการเลี้ยงโคแดงพื้นเมืองน่านและแพะ ท่ีเกิดเป็นเครือข่ายเกษตรกร กระจายอยู่ท่ัวจังหวัดน่าน เป็นทั้งแหล่งอาหาร และร่วมเป็นส่วนหน่ึงในการอนุรักษ์สายพันธุ์โคแดงให้คง อยคู่ ู่กับจังหวัดน่านตอ่ ไป จงั หวดั นา่ นอุดมไปดว้ ยอตั ลักษณท์ างธรรมชาติและวฒั นธรรมเฉพาะตัวมากมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑต์ ้นแบบท่ีเพ่ิมมูลค่า โดยใส่ความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน ผสมผสานกับคุณค่า ทางโภชนาการเขา้ ไว้ด้วยกนั เช่น คุกกีน้ มแพะสาหร่ายไกทใ่ี ช้สาหรา่ ยน้าจืดที่ได้จากท้องน้าของแม่น้าน่าน ในช่วงฤดูแล้งท่ีมีน้าใสและไหลช้า ๆ คุกกี้นมแพะมะแขว่นที่ใช้เครื่องเทศที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นามา ผสานเป็นขนมที่มีกล่ินเครื่องเทศเฉพาะตัว ไอศกรีมมะหลอดท่ีใช้ผลมะหลอดจากพืชเถาท่ีขึ้นในป่า เป็นต้น รวมท้ังการศึกษาความเป็นไปได้ของการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เพื่อเพ่ิมมูลค่าของ “อัตลกั ษณน์ ่าน” น้ี การปลูกจิตสานึก โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เน้นการรักษ์และหวงแหนป่าด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ทเ่ี ยาวชนและชมุ ชนจะได้เรยี นรู้ธรรมชาตอิ นั จะนาไปสกู่ ารหวงแหนปา่ และถ่ายทอดให้สมาชิกในชุมชน ตอ่ ไป ดังเช่น

“เรียน รู้ รักษ์นก” เป็นการเสริมสร้างเครือข่ายในการศึกษาและอนุรักษ์นกอันจะนาไปสู่การตระหนักถึง บทบาทความสาคัญของป่าท่ีมีต่อนกและต่อชุมชน ซึ่งได้ดาเนินการมา ๖ ปี และมีการขยายเครือข่ายใน กลมุ่ โรงเรยี นต่าง ๆ ในจังหวัดน่านโดยโรงเรยี นเครือข่ายเอง “การเรียนรู้นอกหลักสูตร” เยาวชนในจังหวัดน่านได้เรียนรู้กับเร่ืองราวนอกหลักสูตร ที่ชื่อว่าหลักสูตร รักษ์ป่าน่าน เพื่อการสร้างสรรค์การเรียนรู้นี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับคุณครูในโรงเรียน ประถมศึกษาจังหวัดน่าน จากทั้ง ๑๕ อาเภอ ร่วมกันคัดเลือกและรังสรรค์เรื่องราวสาหรับนาไปใช้จัด กิจกรรมให้แก่เด็ก ๆ ในโรงเรียน เช่น อาเภอบ้านหลวง-ประเพณีบวชป่า อาเภอเวียงสา-ลาบปลาเพ้ีย อาเภอทา่ วงั ผา-สาหรา่ ยไก เป็นตน้ “สานพลังมือสู่วนวิถี” เป็นโครงการสาหรับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาจังหวัดน่าน ดาเนินการ คิด วางแผน สร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้และเกมจาลองสถานการณ์ ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึง ดาเนินการโดยนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เน้นการสอนแลกเปล่ียนระหว่างกลุ่มเยาวชนภายใต้ เป้าหมาย ๔ ข้อ คือ การสร้างความตระหนักรู้ การสร้างความรู้และเข้าใจถึงบริบทของปัญหา การสร้าง การคิดวิเคราะห์ และสร้างแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม นักเรียนและสามเณรท่ีได้เข้าร่วมโครงการนี้ ได้รว่ มกันนาเสนอแนวคิดและแนวทางตามมมุ มองของตนเองตามบรบิ ทของพน้ื ทข่ี องตน “ดนิ -นา้ -ปา่ สง่ิ ทีย่ งั เหลืออย”ู่ ในสถานการณท์ ่ีการใช้สารเคมีทางการเกษตรยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าจังหวัดน่านเป็นหนึ่งในจังหวัดท่ียังคงมีการใช้สารเคมีดังกล่าว โดยเฉพาะสารกาจัดวัชพืช กลุ่ม แอทราซีน ไกลโฟเสต และพาราควอต ซึ่งหากมีการใช้ในปริมาณและวิธีการท่ีไม่เหมาะสม อาจทาให้เกิด การตกค้างและปนเป้ือนในส่ิงแวดล้อมได้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ทาการเก็บข้อมูลเพื่อติดตาม ระดับการปนเป้ือนสารเคมีทางการเกษตรในแหล่งน้า ดิน ดินตะกอน ในแม่น้าน่านและลาน้าสาขา โดย ม่งุ หวังเพือ่ สรา้ งความตระหนักร้แู ละใหข้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ ปัจจุบนั แกป่ ระชาคมจังหวัดนา่ น ผเู้ ป็นเจ้าของและเป็น ผู้อาศยั อย่กู บั สายน้าน่านแห่งน้ี “พิพิธภัณฑ์น้าน่าน” หรือ พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งน่าน เป็นของขวัญที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยต้ังใจจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นท่ีรวบรวมข้อมูลด้านธรรมชาติวิทยา วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คน ริมฝ่ังน้าน่าน รวมทั้งเป็นศูนย์อ้างอิงและบริการข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพของจังหวัดน่าน ภายในพพิ ธิ ภัณฑจ์ ัดแสดงส่ือนิทรรศการ วัสดุอุเทศ และเกม โดยมุ่งหวังให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต มีความ สนุกสนาน และเป็นส่วนหน่ึงในการสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของ จังหวัดน่าน ตามแนวทางของโครงการรักษ์ปา่ น่าน “นวัตกรรมสังคม” เป็นนวัตกรรมท่ีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับประชาคมน่านสร้างขึ้นน้ัน มีท้ัง เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่วิจัยและพัฒนาโดยคณาจารย์และนักวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จาก หน่วยงานอื่น ๆ และภูมิปัญญาท้องถ่ิน มาผสมผสานกันเพื่อก่อให้เกิดวิถีใหม่ อันเป็นนวัตกรรมเชิงสังคม ในการสร้างป่าอย่างย่ังยืนบนพ้ืนฐานของเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับท้องถ่ิน ส่ิงที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยทาไม่ได้หวังกาไรที่เป็นเงินทอง แต่เป็นกาไรจากความสุขของประชาคมน่าน ความสุขจาก สขุ ภาพท่ีดี สิง่ แวดล้อมทด่ี ี ทัศนคติทด่ี ี เศรษฐกจิ ทด่ี ี และความย่ังยนื ของความสุขน้ี



ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พงชัย หาญยุทธนากร ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กิตนะ ภาควชิ าชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วเิ ชฏฐ์ คนซ่อื ศนู ย์การเรียนรูแ้ ละบริการวิชาการ เครือขา่ ยแห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั จังหวดั นา่ น ในช่วง ๕๐ ปี ที่ผ่านมา พื้นที่ป่าในประเทศไทยมีการลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียงร้อยละ ๕๐ ของ พน้ื ทเ่ี ดิม แม้ว่าสถานการณพ์ ้ืนทป่ี ่ามแี นวโน้มเพม่ิ ขน้ึ ตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ แต่มีบางจังหวัดที่พื้นท่ีป่าลดลง มากเกินร้อยละ ๕ ของพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะอย่างย่ิง จังหวัดน่าน (มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, ๒๕๕๕) ซ่ึง การที่พื้นท่ีธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์กลายเป็นพื้นท่ีเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วน้ีอาจนาไปสู่ปัญหา สิ่งแวดล้อมท้ังในระยะสั้นและระยะยาว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ตระหนักถึงปัญหาและมุ่งหวังเป็น ส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาพ้ืนที่ป่าไม้ในจังหวัดน่านอย่างย่ังยืน โดยน้อมนาแนวพระราชดาริของสมเด็จ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการสอนและอบรมใหเ้ ยาวชนมีจิตสานึกในการอนุรักษ์ โดย ปลูกฝังให้เห็นความงดงามความน่าสนใจและเกิดความปิติที่จะศึกษาและอนุรักษ์ (สมเด็จพระเทพ- รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี, ๒๕๕๓) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยวิชาการท่ีดาเนินกิจกรรมต่อเนื่องในจังหวัดน่าน โดยอาศัยการ ดาเนนิ งานของศนู ยเ์ ครือข่ายการเรียนรู้เพ่ือภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ ของคณะและหน่วยงานต่าง ๆ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปสู่ท้องถ่ินจังหวัดน่านผ่านกิจกรรมการวิจัย และการบริการวิชาการ โดยมีคณะวิทยาศาสตร์ ดาเนินงานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพและ ธรรมชาติวิทยาพ้ืนฐานในพื้นท่ีจังหวัดน่านมาอย่างต่อเนื่อง และได้นาความรู้ดังกล่าวมาใช้การอบรมผู้นา ชุมชนและเยาวชนตามโครงการวิทยาเพ่ือพ้ืนถิ่นซึ่งเป็นโครงการตามแผนพัฒนาวิชาการจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย มาต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และนับต้ังแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมา ภาควิชาชีววิทยา คณะ วทิ ยาศาสตร์ และศนู ย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัดทาโครงการ “เรียน-รู้-รกั ษ์นก” เพื่ออบรมเยาวชนในจงั หวดั นา่ นใหม้ คี วามรู้เกี่ยวกับนกเพื่อปลูกฝังแนวความคิดในการ อนุรกั ษธ์ รรมชาตใิ ห้แกเ่ ยาวชน โครงการ “เรยี น-รู้-รกั ษน์ ก” เปน็ โครงการท่เี ปิดโอกาสให้นักเรยี นระดับมัธยมศึกษาไดเ้ รียนรู้ธรรมชาติโดย ใช้ “นก” เป็นตัวแทนของส่ิงมีชีวิตที่มีบทบาทในธรรมชาติหลากหลายทั้งในฐานะผู้ล่าท่ีช่วยกาจัดศัตรูพืช ผู้กระจายพนั ธุ์ไม้ หรือศตั รขู องเกษตรกร (วีณา เมฆวชิ ัย, ๒๕๕๑) ดงั น้นั ความหลากหลายของนกชนิดต่าง ๆ ในจังหวัดน่านจึงสามารถใช้เป็นดัชนีแสดงความสมบูรณ์ของพื้นท่ี และเป็นส่ิงย้าเตือนถึงความ อุดมสมบูรณ์รวมถึงการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติให้กับเยาวชนท่ีเข้าร่วมโครงการฯ ซ่ึงนอกเหนือจาก วัตถุประสงค์ ด้านการให้ความรู้เรื่องการจาแนกนก บทบาทของนกในธรรมชาติ และการใช้อุปกรณ์ใน

การดูนกอย่างถูกวิธี ตลอดจนการให้ความรู้และพัฒนาแนวทางการศึกษานกในธรรมชาติแล้ว โครงการ “เรียน-รู้-รักษ์นก” ยังใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบโครงการ (โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ๒๕๕๔) เพ่ือฝึกเยาวชน ให้สามารถทาโครงงานวิทยาศาสตร์และนาเสนอผลงานเก่ียวกับการศึกษานกเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนา อกี ดว้ ย การดาเนินโครงการในปีแรก (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗) ได้เน้นให้ “นก” เป็นศูนย์กลางการศึกษา ทั้งด้าน การศึกษาชีววิทยาของนกจนถึงการศึกษาความหลากหลายของนก เพ่ือเป็นจุดเร่ิมต้นในการสร้างความ สนใจนกในธรรมชาติ ซึ่งแม้ว่าจะมีบทบาทที่สาคัญแต่มักถูกมองข้ามไปในสังคมมนุษย์ และเม่ือเยาวชน และครูไดพ้ ัฒนาทักษะในการศึกษานกแล้ว การดาเนินโครงการในปีที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) จึงได้เพิ่ม น้าหนักให้เน้ือหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างนกกับป่าไม้ เพ่ือให้เยาวชนได้ตระหนักถึงปฏิสัมพันธ์และการ พึ่งพาอาศัยกันระหว่างนกกับป่าไม้ ต่อมาในการดาเนินโครงการในปีที่ ๓-๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) จึงได้ เพมิ่ เตมิ กิจกรรมการตดิ ตามตรวจสอบพลวัตของชนดิ และประชากรนกในพ้ืนที่ศึกษาในระยะยาว และการ ดาเนนิ โครงการในปีท่ี ๕-๖ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒) ไดเ้ ปิดโอกาสใหโ้ รงเรยี นร่วมเสนอแนวทางการเพ่ิมพื้นที่ สีเขียวและการประเมินผลจากพลวัตของชนิดและประชากรนกในพื้นที่ศึกษา อันจะนาไปสู่การพัฒนา แนวทางการอนุรกั ษ์ “ป่าไม”้ ผ่านมุมมองของการอนุรักษ์ “นก” ซ่ึงสามารถนาไปใช้ได้จริงในพื้นท่ีจังหวัด นา่ นอนั จะนาไปสู่การพัฒนาแนวทางการอนุรักษ์ “ป่าไม้” ผ่านมุมมองของการอนุรักษ์ “นก” ซึ่งสามารถ นาไปใช้ไดจ้ ริงในพ้ืนที่จังหวดั นา่ น โครงการ “เรยี น-รู้-รักษน์ ก” ดาเนนิ งานในโรงเรยี นนาร่อง ๗ โรงเรียน จาก ๔ อาเภอในจังหวัดน่าน ได้แก่ อาเภอเวยี งสา (โรงเรยี นสา และ โรงเรียนพระปริยัติศาสนาพิพัฒน์วัดเมืองราม) อาเภอท่าวังผา (โรงเรียน ท่าวังผาพิทยาคม และ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธาราม) อาเภอภูเพียง (โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธาตุแช่แห้ง) และ อาเภอเชียงกลาง (โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” และ โรงเรียนพระธาตุ พิทยาคม) โดยในแต่ละครงั้ รับสมคั รนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมท้ังสิ้น ๖๐ คน และเชิญครูที่จะทาหน้าท่ีเป็น ทปี่ รึกษาในโรงเรยี นเข้ารว่ มการอบรมและการนาเสนอ โรงเรียนละ ๑-๒ คนทุกครั้ง เพื่อให้งานในโรงเรียน ดาเนินงานต่อไปได้อย่างตอ่ เนอื่ ง กิจกรรม “เรียน-รู้-รักษ์นก” แบ่งออกเปน็ ๓ สว่ น คือ  “การเรียน” เป็นช่วงของการสั่งสมประสบการณ์ในการจาแนกชนิดของนก และปฏิสัมพันธ์กับป่าไม้ จากการออกภาคสนามในแหล่งที่อยู่อาศัยแบบต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน โดยมีวิทยากรที่เชี่ยวชาญให้ คาแนะนา  “การหาความรู้” เป็นช่วงของการแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือ หรือ อินเตอร์เน็ต แล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนคิดโครงงานเกี่ยวกับนกและป่าไม้ที่นักเรียนอยากศึกษา เพื่อ สะสมองค์ความร้เู กยี่ วกบั นกทพ่ี บได้ในจงั หวดั น่านในแง่มุมตา่ ง ๆ  “การหาแนวทางการอนุรกั ษแ์ ละพฒั นา” เปน็ การนาความร้ตู ่าง ๆ เกี่ยวกบั นกและป่าไม้ที่ได้จากส่วนที่ ๑ และ ๒ มาใช้ในการนาเสนอปัญหารวมท้ังแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ การอนรุ ักษ์และพฒั นาสิง่ แวดลอ้ มท่ีจะชว่ ยใหม้ นุษยส์ ามารถอยูร่ ่วมกับ “นก” ไดอ้ ย่างสมดุลและยงั่ ยนื

ในช่วงของ “การเรียน” โครงการฯ ได้จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่นักเรียนและครูผู้รับผิดชอบ จานวน ๒-๓ คร้ัง ในแต่ละรอบ โดยให้ความรู้เก่ียวกับบทบาทนกในป่าไม้ การจาแนกชนิดของนกในแหล่งท่ีอยู่ อาศัยแบบต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน (จารุจินต์ นภีตะภัฏ และ คณะ, ๒๕๕๕) ตลอดจนการใช้และดูแลรักษา อุปกรณ์ที่ใช้ในการดูนก รวมทั้งพ้ืนฐานการทาโครงงาน ณ ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่าย แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั จังหวดั นา่ น และ อุทยานแหง่ ชาตดิ อยภคู า ในช่วงของ “การหาความรู้” นักเรียนจากแต่ละโรงเรียนได้ถูกมอบหมายให้ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เกยี่ วกับ “นกและปฏิสัมพนั ธก์ บั ป่าไม”้ โดยมีครูจากโรงเรียนและคณาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมใหค้ าปรึกษา นักเรียนแต่ละโรงเรียนได้รับวัสดุและอุปกรณ์จากโครงการฯ ได้แก่ คู่มือดูนก กล้องส่อง นกแบบสองตา กล้อง spotting scope และขาต้ังกล้อง เป็นอุปกรณ์ประกอบการศึกษาในโครงงาน วิทยาศาสตร์ และในระหว่างที่โรงเรียนกาลังดาเนินโครงงานวิทยาศาสตร์ คณาจารย์จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมนิเทศโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยไปเย่ียมชมการดาเนินงานของแต่ละโรงเรียน เพื่อติดตามความกา้ วหน้าและช่วยใหค้ าปรกึ ษาในพ้นื ท่ปี ฏบิ ตั งิ านของแตล่ ะโรงเรียน เม่อื นักเรยี นดาเนินการเสรจ็ ส้ิน โครงการ “เรียน-รู้-รักษ์นก” ได้จัดให้มีการนาเสนอผลงานในรูปแบบการ บรรยายประกอบโปสเตอร์และผลงาน ซง่ึ เปน็ ส่วนของ “การหาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนา” การดาเนินงานโครงการเรียน-รู้-รักษ์นก นับต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน มีรูปแบบการดาเนินงาน เสมือนชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ทางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างครูในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ชุมชนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย ซ่ึงนอกจากผลงานรูปธรรมจากการทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ของนักเรียนในแต่ละปีแล้ว ยังได้สร้างแนวปฏิบัติที่ดีเก่ียวกับการพัฒนากิจกรรมเสริม การเรียนรดู้ ้านการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติทเ่ี ปน็ อตั ลกั ษณ์ของแตล่ ะโรงเรียน อาทิเชน่  การสอนโดยใช้โครงงานวิทยาศาสตร์ เพ่ือฝึกเยาวชนให้ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ศึกษา คน้ ควา้ และแสวงหาความรู้ผ่านการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยใช้ “นกและการอนุรักษ์” เป็นหัวข้อ งานหลัก ซ่ึงนอกจากการทาโครงงานของนักเรียนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมโครงการเรียน-รู้-รักษ์นกแล้ว ยัง สามารถนาไปขยายผลเพ่อื จัดการเรียนการสอนกลุ่มวิชาการค้นคว้าอิสระ (Independent Study) เช่น รายวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation: IS1) รายวิชาการสื่อสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation: IS2) กิจกรรมการนา องคค์ วามรไู้ ปใชบ้ ริการสงั คม (Social Service Activity: IS3)  การบรู ณาการกบั กิจกรรมวิชาการภายในโรงเรียน เพ่ือขยายผลไปยังกลุ่มนักเรียนท่ีไม่ได้เข้าร่วมอบรม โดยตรงให้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยสามารถ บูรณาการกับกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอัน เนื่องมาจากพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ชุมนุม นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (ชุมนุมนักปักษีวิทยารุ่นเยาว์) สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยใน พระบรมราชูปถัมภ์ หรอื จดั ตั้งเป็นกลุ่มชุมนุมวิทยาศาสตรใ์ หม่ เช่น ชุมนุมปักษีวิทยา ชุมนุมนก ชุมนุม เรยี น-รู้-รกั ษ์นก ตลอดจนบูรณาการเปน็ ส่วนหนงึ่ ของคาบเรียนทักษะชีวติ ของโรงเรยี น

 การเรียนจากการถ่ายทอดความรู้ เพ่ือเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้วยการ นาองค์ความรู้ไปเผยแพร่ให้สังคม นับตั้งแต่การจัดบอร์ดนิทรรศการในสัปดาห์วิชาการของโรงเรียน การจัดทาแฟ้มความรู้ประจาโรงเรียน การจัดทาหนังสือนกในโรงเรียน การเผยแพร่ผ่านสื่อสังคม ออนไลน์ การเผยแพร่ผ่านเสียงตามสาย ไปจนถึงการจัดเป็นค่ายอบรมให้กับนักเรียนในโรงเรียน เช่น “ค่ายเรียน-รู้-รักษ์นก จากพ่ีสู่น้อง” หรือ อบรมให้นักเรียนในโรงเรียนเครือข่าย เช่น “กิจกรรมค่าย ละออ่ นนา่ น สู่นอ้ งประถม” ใหก้ บั โรงเรียนประถมศึกษาเครือข่าย  การจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียน เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน โดยมีกรณีศึกษาท่ีสาคัญ คือ สามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่เข้าร่วมกิจกรรมบางรูป เม่ือประเมินด้วยเกณฑ์มาตรฐาน การเรียนรู้แล้วพบว่ามีความบกพร่องในการเรียนรู้ (learning deficit) แต่ครูในโรงเรียนสังเกตว่า สามเณรมีความสนใจในธรรมชาติรอบตัว จึงได้ส่งมาเข้าร่วมกิจกรรมโครงการเรียน-รู้-รักษ์นก ซึ่งเม่ือ ผ่านการอบรมแล้วพบว่าสามเณรมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ในหัวข้อท่ีสนใจเป็นอย่างมาก สามารถมี สมาธจิ ดจ่ออา่ นหนังสือ “คมู่ อื ศึกษาธรรมชาตหิ มอบญุ สง่ เลขะกลุ นกเมอื งไทย” ซ่ึงเป็นหนังสือเฉพาะ ทางเก่ียวกบั นก ไดเ้ ป็นเวลานาน ๆ และจดจาเนื้อหารายละเอยี ดได้อย่างแม่นยา จนในที่สุดโรงเรียนได้ นาเรื่อง “นก” ไปแทรกในเน้ือหารายวิชาอ่ืน ๆ เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของสามเณรจนมีพัฒนาการ เรียนร้ใู นภาพรวมดีขึ้นเป็นอย่างมาก  การนาองค์ความรู้ไปบริการสังคม โดยการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อความตระหนักรู้ของชุมชน ผ่านกิจกรรม ต่าง ๆ อาทิ การเผยแพร่ข้อมูลผ่านเสียงตามสาย การจัดบอร์ดนิทรรศการ การเผยแพร่ผ่านส่ือสังคม ออนไลน์ ตลอดจนการจัดค่ายอบรมระยะส้ันให้เยาวชนในชุมชน เพื่อสร้างแนวร่วมด้านการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากปราชญ์ชาวบ้าน และกลุ่มป่าชุมชน จนได้รับการ ยอมรบั และสนับสนุนงบประมาณจากองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น เชน่ อบต. การดาเนินงานโครงการ “เรยี น-รู้-รักษ์นก” ท่ีเร่ิมจากการให้ความรู้และจัดสรรทรัพยากรพ้ืนฐานท่ีจาเป็น ให้กับเยาวชนและครูในท้องถ่ินนาไปต่อยอด ขวนขวาย เรียนรู้ ได้ก่อนให้เกิดผลผลิตและผลลัพธ์ที่เป็น รูปธรรม สามารถนาเสนอปัญหารวมท้ังแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการ อนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสง่ิ แวดล้อมท่ีอาจช่วยให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับ “นก” ได้อย่างสมดุลและยั่งยืน และ ยงั ขยายผลต่อเน่อื งไปยงั โรงเรยี นประถมศึกษาในพนื้ ท่ีบริการ ตลอดจนชุมชนโดยรอบของโรงเรียนนาร่อง จงึ นบั ไดว้ า่ เป็นการสร้างแนวรว่ มที่เป็นเยาวชนในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึงจะเป็นกาลังสาคัญใน การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นพนื้ ทจ่ี งั หวดั นา่ น และเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติต่อไปใน อนาคต โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี (อพ.สธ.). แผนแม่บท โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ระยะ ๕ ปีท่ีห้า (ตุลาคม ๒๕๕๔ – กนั ยายน ๒๕๕๙). กรงุ เทพมหานคร : เวริ ค์ สแควร์, ๒๕๕๔. จารุจินต์ นภีตะภัฏ, กานต์ เลขะกุล และ วัชระ สงวนสมบัติ. คู่มือศึกษาธรรมชาติหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมอื งไทย. กรงุ เทพมหานคร : คณะบุคคลนายแพทย์บญุ ส่ง เลขะกุล, ๒๕๕๕.

มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร. รายงานสาธารณะ “สถานการณ์ป่าไม้ไทย ๒๕๕๕”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.seub.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id= ๙๒๗:seubnews&catid=๕:๒๐๐๙-๑๐-๐๗-๑๐-๕๘-๒๐&Itemid=๑๔, ๒๕๕๕. วีณา เมฆวิชัย. คู่มือการอบรมทางวิชาการ เร่ืองการอนุรักษ์นกยูง. กรุงเทพมหานคร: พรินท์แอทมี (ประเทศไทย), ๒๕๕๑. สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเร่ือง ประสบการณก์ ารพัฒนาชนบทท่ีเป็น มิตรกับส่ิงแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : สานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี, ๒๕๕๓.

อาจารย์ ดร.ธัญศภิ รณ์ จันทร์หอม นายสตั วแพทย์ ดร.วินยั แกว้ ละมุล อาจารย์ ดร.ภณั ฑริ า เหมภัทรสวุ รรณ อาจารย์ ดร.พิมสริ ิ ติยายน อาจารย์ ดร.สุพณิ แสงสุข นายอภเิ ดช ไชยโพธิ์ นางสาวนิโลบล ใจแกว้ นางสาวรัชนกี ร มะโนแป๊ก นางสาวเขมมิสรา กีรตสิ นุ ทร นายขจร นิติวรารกั ษ์ สานักวิชาทรพั ยากรการเกษตร จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ด้วยความตระหนักและเล็งเห็นแนวทางในการรักษาและสืบสานป่าน่านให้ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน ซ่ึงจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในชุมชน และ “เยาวชน” ที่จะเป็นกาลังสาคัญในการ ดูแลรักษาป่าน่านและดารงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีและตานานเล่าขานต่าง ๆ เพ่ือเป็นกลไกผลักดันให้ เกิดการปกป้องและอนุรักษ์ป่าน่าน สานักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตาบลจอมจันทร์และชุมชนบ้านจอมจันทร์ จึงได้จัดทา “โครงการปลูกป่าในใจคน ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ขึ้น ภายใต้การสนับสนุน งบประมาณจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) โดยมีเป้าหมาย มุ่งเน้นหาแนวทางและกระบวนการท่ีมีประสิทธิภาพและเหมาะสมในการปลูกป่าในใจเยาวชน ด้วย หลักการของการมีบทบาทและการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมของเยาวชน โดยใช้พื้นที่การเรียนรู้ ณ ป่าจอม จนั ทร์ ซ่ึงตง้ั อยู่ในเขตตาบลจอมจันทร์ อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน มีพ้ืนท่ีโดยรวม ๔๗๐ ไร่ มีอาณาเขตที่ คาบเกี่ยว ๒ หมู่บ้าน คือหมู่ ๔ และหมู่ ๗ ของบ้านจอมจันทร์ ตาบลจอมจันทร์ อาเภอเวียงสา จังหวัด น่าน ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนตาบลจอมจันทร์ ป่าจอมจันทร์มีพืชพรรณธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์ป่านานาชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศท่ีค่อนข้างสมบูรณ์แห่งหนึ่งในจังหวัด น่าน เป็นแหล่งอาหารและการใช้ประโยชน์ที่สาคัญร่วมกันของคนในชุมชนและนอกชุมชนตามฤดูกาล ท่ามกลางกระแสการลดลงของพ้ืนท่ีป่าไม้อย่างรุนแรงต่อเน่ือง พ้ืนท่ีป่าไม้ถูกเปล่ียนไปเป็นพ้ืนท่ีสาหรับ การปลูกพืชเชิงเด่ียวเพื่อการพาณิชย์ ซ่ึงอาจเป็นได้ว่าป่าแห่งน้ีเป็นแหล่งศูนย์รวมความเช่ือเรื่อง ส่ิงศักด์ิสิทธ์และตานานต่าง ๆ จากสมัยอดีตและยังคงเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน จากรุ่นสู่รุ่น ด้วยเหตุนี้ ชุมชนที่อยู่ในเขตพื้นที่จึงยังคงอนุรักษ์พื้นที่ป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพ้ืนที่ที่มีต้นไม้ใหญ่ที่เชื่อว่ามี เทวดาปกปักรักษาอยู่ ซ่ึงทางชุมชนบริเวณโดยรอบได้ทาข้อตกลงและข้อกาหนดในการใช้ประโยชน์และ ดูแลรกั ษาป่าผืนนี้ไว้นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าป่าผืนน้ียังไม่ได้ขึ้นทะเบียนจัดตั้งป่าชุมชนของกรมป่า ไม้ โดยการดาเนินโครงการเร่มิ ตน้ จากการศึกษาเรียนรู้ ติดตามการเปล่ียนแปลงระบบนิเวศป่าในพ้ืนท่ีของ ชุมชนเพ่ือทาความรู้จักและคุ้นเคยกับป่า จนเกิดความรักและความผูกพัน แล้วจึงสร้างโอกาสในการร่วม ดูแลและรักษาป่าของชุมชน ตามแนวคิดป่าชุมชนคือ “ป่าเป็นของชุมชน ชุมชนร่วมกันดูแลและใช้ ประโยชน์ร่วมกันจากป่าอย่างเหมาะสม” ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ ซ่ึงในปีท่ี ๑ ได้เน้นสร้าง กระบวนการเรียนรู้ด้วยการสัมผัสป่าด้วยใจและกาย เพื่อปลูกป่าในใจเยาวชนในพื้นท่ีให้สืบสาน พัฒนา และอนุรักษ์ผืนป่าจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ และสามารถอยู่กับป่าในชุมชนได้อย่างย่ังยืนต่อไปในอนาคต ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมีจานวนท้ังสิ้น ๗๐ คน จากโรงเรียนตาลชุมพิทยาคม จังหวัดน่าน และ

ผลการดาเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ เยาวชนในพ้ืนที่ได้เรียนรู้ป่าจอมจันทร์และรู้จักพืชประจา ถิ่น และมคี วามตระหนักถึงความสาคญั ของป่า ซึ่งทางโครงการได้ดาเนินการต่อเน่ืองเข้าสู่ปีที่ ๒ โดยขยาย ผลไปยังโรงเรียนจอมจันทร์วิทยาคาร ซึ่งมีเยาวชนในพ้ืนที่บริเวณโดยรอบป่าจอมจันทร์ศึกษาอยู่ และ มุ่งเน้นการศึกษาเรียนรู้ป่าอย่างต่อเนื่อง ติดตามการเปล่ียนแปลงของป่าตามช่วงฤดูกาลท่ีเปลี่ยนไป เพื่อ สรา้ งความรู้ความเข้าใจลักษณะตามธรรมชาติของป่าเพื่อสร้างความรักและหวงแหนป่า โดยแบ่งกิจกรรม ในปที ่ี ๒ ออกเป็น ๓ รปู แบบ ประกอบด้วยกิจกรรมทห่ี นงึ่ คือ การสมั ผสั /สารวจ เป็นกิจกรรมติดตามการ เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในช่วงฤดูฝน วิเคราะห์ความแตกต่างระบบนิเวศฤดูฝนและฤดูหนาว กิจกรรมท่ี สอง คือ การศึกษาวิธีเก็บข้อมูลป่าโดยการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) เพื่อที่จะนาเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามีส่วนร่วมในการทาผังป่าและบันทึก ข้อมูลพรรณไม้ และเป็นระบบการติดตามและตรวจสอบพื้นที่ป่าจากการบุกรุกทาลายต่อไปในอนาคต และกิจกรรมที่สามคือ การอนุรักษ์ โดยการศึกษาเก็บข้อมูลจานวนต้นไม้ซ่ึงเป็นพรรณไม้ประจาถ่ิน ๕ อันดับแรกของป่าจอมจันทร์ในโซนศึกษาเรียนรู้ทั้ง ๗ โซน ที่มีความแตกต่างกันของระบบนิเวศ ๔ ลักษณะ ประกอบด้วยระบบนิเวศปา่ บริเวณพ้ืนราบ เนนิ เขา รอ่ งนา้ และใกล้แหล่งนา้ โดยจุดมุ่งหมายของ ท้ัง ๓ กิจกรรมหลักคือ เพื่อเป็นการปลูกป่าในใจผู้เข้าร่วมกิจกรรมและให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสัมผัสป่าด้วย กายและใจ จนในปีที่ ๓ ได้ทาการขยายกลุ่มเยาวชนเป้าหมายให้กว้างย่ิงข้ึนเพ่ือสร้างเครือข่าย “เยาวชน รักษ์ป่าน่าน” โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมของเยาวชนและการสร้างโอกาสการคิดและลงมือ ปฏิบัติจริงในท้องถิ่นของตนเองจากการต่อยอดความคิด โดยประยุกต์ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ท่ี เกิดข้ึนจากกิจกรรมของโครงการ ซ่ึงได้การดาเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบันนับเป็นปีท่ี ๖ แล้ว และนอกจากน้ีโครงการดังกล่าวน้ียังเป็นกระบวนการฝึกฝนศักยภาพการทางานเป็นทีมให้แก่นิสิต และเยาวชนท่เี ข้าร่วมโครงการ และเสริมสร้างโอกาสในการฝึกฝนตนเองให้สามารถทางานร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มีจิตอาสาจิตสาธารณะ มีความเสียสละ และรู้จักอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อ สว่ นรวม ๑. วางแผนการดาเนินงาน เป้าหมาย ตัวชี้วัด กิจกรรม และการประเมินผลการปลูกป่าในใจเยาวชนที่ มงุ่ พฒั นาให้เยาวชนเกิดกระบวนการเรียนรู้เร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับป่า ซ่ึงเป็นกลไกท่ีทาให้เกิด ความตระหนัก รักและหวงแหนป่า ตลอดจนมุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่ในชุมชนในการ ดแู ลและรักษาป่าของชมุ ชน ๒. ประสานงานกับผูท้ ม่ี ีสว่ นเกยี่ วข้องทกุ ภาคส่วนเพื่อทาความเขา้ ใจแนวทางการดาเนินการของโครงการ ๓. ดาเนินกิจกรรมการปลูกจิตสานึกรักป่าตามแนวทางและแผนงานผ่านกิจกรรม “ค่ายปลูกป่าในใจคน ปลกู เยาวชนรักษ์เมืองนา่ น” ๔. ทาการนาเสนอข้อมูลผ่านกิจกรรมกลุ่มในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งร่วมสรุปและอภิปรายผล เพื่อให้ได้ ข้อมูลท่ีถูกต้องและส่งต่อข้อมูลจากรุ่นสู่รุ่นของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ รวมถึงการประเมิน ผลสัมฤทธ์ิของกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงแนวทางการปลูกป่าในใจเยาวชนให้มี คณุ ภาพและประสิทธภิ าพเหมาะสมกับบริบทของพน้ื ทีศ่ ึกษาและกลุ่มเปา้ หมาย ๕. จดั กจิ กรรมเพอ่ื ให้เยาวชนรักษป์ ่านา่ นไดต้ อ่ ยอดความคดิ โดยประยุกต์ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ จากการร่วมกิจกรรมนาเสนอโครงการ ซึ่งได้วางแผนและแนวทางการรักษ์ป่าในโรงเรียนหรือใน ทอ้ งถน่ิ ของตนเอง รวมถึงผลการดาเนินการหรอื ขอ้ มลู กลบั สชู่ มุ ชนในรูปแบบตา่ ง ๆ

กลมุ่ เปา้ หมายหลกั คือ นักเรียนมธั ยมศกึ ษาตอนต้นของโรงเรียนมัธยมศึกษาและโรงเรียนพระปริยัติธรรม ภายในเขตพื้นที่จังหวัดน่าน ซึ่งนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นเครือข่ายเยาวชนรักษ์ป่าน่านที่จะขยาย เพิ่มขนึ้ อยา่ งตอ่ เน่อื งในทุก ๆ ปี กลุ่มเป้าหมายรอง คือ นิสิตสานักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ่ึงทาหน้าที่เป็น พี่เล้ียงในการทากิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ร่วมกับนักเรียน โดยนิสิตมีภูมิลาเนาอยู่หลากหลายท้องที่ใน ประเทศไทยซงึ่ ส่วนใหญพ่ ักอาศยั อยู่ในเขตภาคเหนือ (รอ้ ยละ ๕๐) การปลูกปา่ ในใจเยาวชนให้เกดิ ความรัก ความตระหนัก และมีจิตสานึกที่ดีต่อการพัฒนาและอนุรักษ์ป่าให้ ประสบความสาเรจ็ ต้องอาศัยกระบวนการ ๓ ส่วน คือ ต้องเรียนรู้ให้รู้จักและมีความเข้าใจจนเกิดความรัก และผูกพัน ซ่ึงจะเป็นกลไกลสาคัญในการผลักดันความเข้มแข็งของชุมชนจากรุ่นเยาวชนถึงรุ่นผู้ใหญ่ใน ชุมชนต่อการใช้ประโยชน์และพฤติกรรมในการดูแลรักษาป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพดังรูปแบบ กระบวนการดังรูปที่ ๑ รู้ รัก รักษา แผนผงั กระบวนการปลูกปา่ ในใจเยาวชน กระบวนการปลกู ป่าในใจเยาวชนน้ี จาเป็นต้องใชร้ ะยะเวลาเพาะบ่มปลกู ฝงั ในใจเยาวชนซึ่งเริ่มต้นจากการ เรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งการดาเนินโครงการในปีท่ี ๖ น้ี ได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างการเรียนรู้ป่าเพื่อให้เกิด ความตระหนักรักและหวงแหนป่า จนสามารถคิดโครงการท่ีมีการวางแผนและแนวทางการรักษ์ป่าใน โรงเรยี นหรือท้องถ่นิ ของตนได้ ผ่านกิจกรรมการเรียนรอู้ ยา่ งมีส่วนรว่ ม ดังนี้ ๑. กิจกรรมการเรียนรู้ป่า เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงสถานการณ์และปัญหาป่าน่านในปัจจุบัน รวมถึงการถ่ายทอดความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้า ป่า และสิ่งแวดล้อม ผ่าน กิจกรรมการเลา่ สถานการณ์ปา่ น่าน และแผน่ ดินมรดก ๒. กิจกรรมการสัมผสั และสารวจป่า เป็นการสร้างความรกั และความผูกพนั กับปา่ น่าน โดยสร้างโอกาสให้ เยาวชนได้เข้าไปสัมผัสกับป่า ผ่านกิจกรรมการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติของป่าบ้านไหล่น่าน อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ และป่าจอมจันทร์ ตาบล จอมจันทร์ อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าจอมจันทร์ท่ีตั้งอยู่ ท่ามกลางชุมชนซง่ึ มีเร่ืองราวของความเชื่อ ตานานเล่าขาน และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ด้วยการ พูดคุยกับ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนบริเวณโดยรอบป่าจอมจันทร์ รวมถึงกิจกรรมนิทาน ลิงน้อยท่ีมุ่งหวังสร้างความตระหนักถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับป่าซึ่งเป็นกลไกลสร้างความรัก และหวงแหนป่า

๓. กิจกรรมการอนุรักษ์ เป็นการสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมของเยาวชน โดย กระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการระดมความเห็น เพื่อหาแนวทางการแก้สภาพ ปัญหาของป่าน่าน ผ่านกิจกรรมระดมวิธีฟ้ืนฟูป่า ตลอดจนได้จัดกิจกรรมการประกวดโครงการ อนุรักษ์ป่าน่านของเยาวชนที่ผ่านกิจกรรมแล้วกลับไประดมความเห็นและวิเคราะห์แนวทางการรักษ์ ปา่ ในโรงเรียนหรอื ทอ้ งถิ่นของตน เพอื่ เป็นการขยายผลและต่อยอดให้แก่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการได้ ประยุกต์ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ออกแบบโครงการท่ีจะแสดงถึงการอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ของ โรงเรียนหรอื ชมุ ชนของตนเอง ผลการดาเนินงานโครงการปลกู ป่าในใจคนถวายเปน็ พระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม- บรมราชกุมารี: การปลูกป่าในใจเยาวชน ปีท่ี ๖ ซึ่งเป็นระยะที่มุ่งเน้นการเรียนรู้และสร้างความรักความ หวงแหนป่าจนเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างการอนุรักษ์ป่า ด้วยกระบวนการ รู้-รัก-รักษา ผ่านการจัด กิจกรรมค่ายปลูกป่าในใจคน ปลูกเยาวชนรักษ์เมืองน่าน ท่ีมุ่งเน้นการสร้างบทบาทของเยาวชนในการมี ส่วนร่วมอนุรักษ์ผืนป่าน่านโดยการขยายผลและสร้างเครือข่าย “เยาวชนรักษ์ป่า” ซึ่งมีเยาวชนคนน่าน จานวน ๓๒ คนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดน่านจานวน ๖ โรงเรียน และนิสิตสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาวิจยั ทรัพยากรการเกษตร จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการ ๖๐ คน รวม ทั้งส้ิน ๙๒ คน โดยเริ่มต้นจากกิจกรรมสานสันทนาการเพ่ือสร้างความคุ้นเคยและละลายพฤติกรรมของ นักเรยี นจากโรงเรียนต่าง ๆ และนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการ แล้วจึงดาเนินการตามกระบวนการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจต่อสถานการณ์ป่าน่านและแนวทางการอนุรักษ์ป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระบวนการสรรสร้างความรักและความหวงแหนป่า และกระบวนการสร้างแรงบันดาลใจในการคิดและ ออกแบบแนวทางการอนุรักษ์ป่า รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้จัดทาการประเมิน ผลสมั ฤทธ์ิของกจิ กรรมต่าง ๆ ดว้ ยแบบสอบถามโดยมรี ะดบั คะแนนความพงึ พอใจและเกณฑค์ ่าเฉล่ียดงั น้ี ๑. เกณฑ์การประเมินจากแบบประเมิน ๕ ดมี าก มคี ่าคะแนนเทา่ กบั ๔ ดี มีคา่ คะแนนเทา่ กับ ๓ ปานกลาง มีค่าคะแนนเท่ากบั ๒ นอ้ ย มคี า่ คะแนนเทา่ กบั ๑ นอ้ ยทส่ี ดุ มคี ่าคะแนนเท่ากับ ๒. เกณฑ์ค่าเฉล่ยี ผลการประเมิน ๐.๐๐ – ๑.๕๐ หมายถึงความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั น้อยท่สี ุด ๑.๕๑ – ๒.๕๐ หมายถึงความพึงพอใจอยู่ในระดับ น้อย ๒.๕๑ – ๓.๕๐ หมายถึงความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ปานกลาง ๓.๕๑ – ๔.๕๐ หมายถึงความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก ๔.๕๑ – ๕.๐๐ หมายถงึ ความพงึ พอใจอย่ใู นระดบั มากทส่ี ุด ผลการประเมินผลสัมฤทธ์ิของกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยแบบสอบถามโดยมีระดับคะแนนความพึงพอใจและ เกณฑ์คา่ เฉลย่ี สามารถสรุปผลได้ดังตารางท่ี ๑ พบว่าค่าการประเมินผลสัมฤทธ์ิของทุกกิจกรรมโดยเฉลี่ยมี ระดับท่ีดีมาก ค่าระดับผลสัมฤทธิ์สูงสุด พบว่า เยาวชนท่ีเข้าร่วมโครงการได้รับรู้และตระหนักถึง

สถานการณ์และปัญหาป่าน่านในปัจจุบัน และเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการอยากมีส่วนร่วมและช่วยสืบสาน การดูแลรักษาป่าให้คงอยู่สืบไป ซึ่งเป็นการแสดงทัศนคติท่ีดีต่อการทากิจกรรมเพื่อสังคมและส่งเสริมการ อนรุ ักษป์ ่า ซงึ่ ถือได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ดีต่อการใช้กิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ สอดแทรกเนื้อหาสาระความรู้ ในใหเ้ กดิ ความตระหนกั ถงึ ความสาคัญของบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของตนต่อการพัฒนา ดูแลรักษา และอนรุ ักษ์ผืนป่าและสบื สานให้คงอยู่สืบไป นอกจากน้ีนักเรียนและนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการได้ให้ข้อคิดเห็นและความรู้สึกของที่มีต่อกิจกรรมของ โครงการวา่ เป็นกจิ กรรมท่ีเสริมสร้างความรู้และมีความสนุกสนาน รวมถึงความรักความผูกพันที่เกิดข้ึนใน ระหว่างพ่ีกับน้อง เพื่อนกับเพื่อน และตนเองกับป่าน่าน อยากให้เพ่ิมเวลาในการจัดกิจกรรมและมีการจัด กิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นอีกอย่างต่อเน่ือง และมีความรู้สึกรักโครงการน้ีและมีความผูกพันกับพี่น้องท่ีเข้าร่วม กิจกรรม ร้สู ึกมคี วามสุขเวลาทากจิ กรรมรว่ มกัน ตลอดจนมีความร้สู ึกว่าเปน็ โครงการท่ีดีสง่ เสริมให้เยาวชน รกั และหวงแหนปา่ และรกั บ้านเกดิ เพิม่ มากขึน้ ตารางที่ ๑ ผลการประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ของกิจกรรมตามตวั ชว้ี ดั ตวั ชวี้ ัด/ กจิ กรรม ผลสัมฤทธิ์ ผลการ เป้าหมาย ๑. รู้ (ปา่ ) เขา ประเมนิ ๑. รูจ้ ักและ ๑. รบั รู้และตระหนกั ถงึ สถานการณแ์ ละปัญหาปา่ น่านในปจั จุบัน ๔.๒๘ รกั ปา่ รัก (ป่า) เรา ๒. รู้และเข้าใจความหมายและความสาคัญของป่าตน้ นา้ ๓.๙๗ ๓. รู้ถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั แหล่งนา้ ๔.๑๙ ๒. รักษาปา่ ๒. สัมผสั ป่า ๔. รแู้ ละตระหนักถงึ ความสาคญั ของป่าผา่ นการปลูกตน้ ไมต้ น้ เล็กๆ ๔.๓๑ ดว้ ยกาย/ ๕. รแู้ ละตระหนักถงึ ปญั หาหรอื สงิ่ ทก่ี าลังเกดิ ขนึ้ กบั ปา่ ที่อยรู่ อบตวั ๔.๐๐ ใจ (โรงเรียน/ชมุ ชน) ๓.๘๑ ๓. เสรมิ สรา้ ง ๑. ไดศ้ กึ ษาความหลากหลายทางชวี ภาพผ่านการเดนิ ศกึ ษาเส้นทาง ทศั นคตทิ ด่ี ี ๔.๑๓ ผา่ นการ ธรรมชาติ ๔.๐๙ สนั ทนาการ ๒. ไดส้ มั ผสั กบั ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ๔.๐๐ ๓. รบั รถู้ งึ ความสาคญั ของชวี ิตสรรพสตั ว์ และชีวิตของตัวเอง ๔.๑๙ การเรยี นรู้ ๔. รเู้ กย่ี วกบั การอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งชมุ ชนกบั ปา่ แนวทางการ ๕. ปลกู จิตสานึกรักษ์ ร่วมตระหนกั รกั ษ์ แกป้ ญั หาด้าน ๔.๒๐ บรหิ ารจดั การ ๔.๑๘ และอนรุ ักษป์ า่ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละในจงั หวดั น่าน ๑. อยากมสี ่วนร่วมและช่วยสบื สานการดูแลรกั ษาปา่ ให้คงอยสู่ บื ไป ๔.๓ ๒. มีความสนใจทจ่ี ะเขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการและจะประชาสัมพันธ์ ๔.๑๒ ให้รนุ่ น้องในโรงเรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมในคร้ังตอ่ ไป ๔.๑๐ ๓. มีความสนใจอยากเข้ารว่ มกิจกรรมเพ่ือการอนรุ ักษท์ รัพยากรและ ๔.๐๓ สิ่งแวดลอ้ มโครงการอืน่ ๆ ๑. รวู้ ธิ กี ารตดิ รหสั พรรณไม้ของพรรณไม้ประจาถนิ่ ของป่าจอมจันทร์ ๔.๐๐ ๒. เกดิ แนวคิดสร้างสรรค์ และสามารถประยุกตว์ ิธีการดูแลรักษา พรรณไม้ชนิดอนื่ ๆ ๓. รบั รู้ถงึ บทบาทและความสามารถของตนเองและมกี าลงั ใจอยากมี ส่วนร่วมแกไ้ ขปัญหาปา่ นา่ น ๔. คดิ หาแนวทางการแก้ปัญหาของปา่ ในโรงเรียนหรือท้องถนิ่ ของ ตนเอง

ผลการสนับสนุนและการสร้างโอกาสในการแสดงบทบาทการอนุรักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติในฐานะ เยาวชนรักษ์ป่า จึงได้มีการจัดการประกวดโครงการจากนักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการภายหลังจากการจัด กจิ กรรมค่าย “ปลูกป่านในใจคน ปลูกเยาวชนรักษ์เมืองน่าน” เพื่อให้นักเรียนได้ขยายผลและต่อยอดทาง ความคิดจากการประยกุ ตใ์ ช้องค์ความรูแ้ ละประสบการณ์หลังค่ายฯ ข้ึน โดย “โครงการสร้างป่า คนกินได้ สัตว์กินได้ในโรงเรียน” ซง่ึ เปน็ ผลงานของนักเรยี นผรู้ ว่ มโครงการจากโรงเรียนศรัทธาศิลาเพชรรังสรรค์เป็น โครงการที่ได้รับรางวัลขนะเลิศ เพื่อต่อยอดกิจกรรมของโครงการ ด้วยแนวคิดที่จะสร้างป่าเพ่ือเป็นแหล่ง อาหารท้องถิ่นของคนและสัตว์ร่วมกันได้ในพ้ืนท่ีป่าภายในโรงเรียน จากการเก็บเมล็ดพันธ์ุไม้ท้องถิ่น พืชท้องถิ่นตามป่าหรือสถานที่ต่าง ๆ มาเพาะขยายพันธ์ุ โดยได้จัดทาพื้นท่ีป่าที่เป็นแหล่งอาหารของคน และสัตว์ และได้รวบรวมข้อมูลความหลากหลายและความสัมพันธ์ทางกายภาพและชีวภาพของป่าใน ท้องถิ่น ซ่ึงเมื่อป่ากลายเป็นพ้ืนท่ีที่จะทาให้สร้างอาหารของคนและสัตว์เพิ่มขึ้นจะทาให้คนในชุมชนได้ใช้ ประโยชน์จากป่า จะเป็นกลไกย้อนกลับให้เกิดความตระหนักของคนในชุมชนให้อยากอนุรักษ์ป่ามากขึ้น ลดการตดั ไม้ทาลายปา่ ไดม้ ากขึ้นดว้ ย กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจจนเกิดความรักและหวงแหนป่าเป็นกลไกสาคัญต่อการคิดดูแลรักษา ป่าที่มีประสิทธิภาพ หากแต่ต้องใช้ระยะเวลาในการเพาะบ่มจิตใจตั้งแต่เยาวชนและดาเนินการอย่าง ต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมท่ีมีความสนุกสนานสอดแทรกความรู้ให้สอดคล้องกับลักษณะนิสัยของเยาวชน เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดีส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและแสดงบทบาทในด้านการดูแลรักษา อนุรักษ์และพัฒนาผืนป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์ สานักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั ได้มุง่ หวงั และตงั้ ใจทีจ่ ะใช้กระบวนการ รู้-รกั -รกั ษา ผา่ นกจิ กรรมค่าย “ปลูกป่าในใจคน ปลูก เยาวชนรักษ์เมืองน่าน” ภายใต้โครงการปลูกป่าในใจคนถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้มีวางแผนการดาเนินการอย่างต่อเน่ือง จวบจนปัจจุบันเป็น ระยะเวลากว่า ๖ ปี เพ่ือสร้างกลไกการถ่ายทอดข้อมูลและองค์ความรู้ต่าง ๆ ของเยาวชนจากรุ่นสู่รุ่น เพ่ือให้เกิดความรักความหวงแหนป่าของคนในชุมชนซึ่งจะสามารถร่วมกันผลักดันให้มีระบบการดูแล ควบคุมที่เหมาะสมและมีความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ผืนป่าให้เกิดความยั่งยืนต่อไป และนอกจากน้ีการสร้างโอกาสในการแสดงบทบาทการอนุรักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติของนักเรียน และนิสิตในฐานะเยาวชนรักษ์ป่า เป็นกระบวนการสาคัญเพ่ือให้เยาวชนได้ต่อยอดทางความคิดได้การ ประยุกต์ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาวางแผนและออกแบบแนวทางการอนุรักษ์ป่าน่าน ซึ่ง ในขณะเดียวกันจะเป็นกระบวนการขยายผลผ่านการส่ือสารจากเยาวชนรักษ์ป่าไปยังคนในโรงเรียนและ คนในชมุ ชนไดอ้ ีกทางหนง่ึ การดาเนินโครงการปลูกป่าในใจคนถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรม- ราชกุมารี ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) ตลอดจนการสนับสนุนดา้ นตา่ ง ๆ ให้สามารถดาเนินกิจกรรมจนบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ด้วยดี จากชุมชนบ้านจอมจันทร์ ตาบลจอมจันทร์ อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน องค์การบริหารส่วนตาบล จอมจันทร์ และศูนยก์ ารเรียนรแู้ ละบริการวชิ าการ เครอื ขา่ ยแหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั



ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๗๙๗๕-๓๗-๕ จัดพมิ พ์โดย สานักงานโครงการสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี สวนจิตรลดา พระราชวังดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑, ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ พิมพค์ รง้ั ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ จานวน ๑,๐๐๐ เล่ม ออกแบบและจัดรปู เล่ม นางสาวมนสั วี ตนั เสถยี ร พิสจู น์อักษร นางสาวพชิ ญ์นรี พทิ ักษ์อวกาศ พิมพท์ ี่ บรษิ ทั จรลั สนทิ วงศก์ ารพิมพ์ จากัด (สานักงานใหญ่) ๒๑๙, ๒๒๑, ๒๒๓, ๒๒๕, ๒๒๗, ๒๒๙, ๒๓๑, ๒๓๓ ซอยเพชรเกษม ๑๐๒/๒ แขวงบางแคเหนอื เขตบางแค กรงุ เทพฯ ๑๐๑๖๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๐๙ ๒๒๘๑-๓ โทรสาร ๐ ๒๘๐๙ ๒๒๗๙, ๐ ๒๘๐๙ ๒๒๘๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook