Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปทุมมา จากป่าสู่เมือง สร้างรายได้สู่ชุมชน

ปทุมมา จากป่าสู่เมือง สร้างรายได้สู่ชุมชน

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-12-03 01:32:50

Description: สนพ.กสิกร
หนังสือ,เอกสาร,บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษา

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 5 กันยายน - ตุลาคม 2553 ISSN 0125-3697 ปทสมุ มรา้าง...ราจยาไกดปส้ า่ สชู่ มุ เู่ มชอืนง

ปท ่ี 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตุลาคม 2553 ISSN 0125-3697 ปีท่ี 83 ฉบบั ท่ี 5 กนั ยายน – ตลุ าคม 2553 ISSN 0125-3697 »·ÊÁØ ÁÃҌҧ...ÃÒ¨ÂÒä¡´»ÊŒ Ò† ʪ‹Ù ÁØ à‹Ù ÁªÍ×¹§ นำ้ พระทยั สูไ่ รน่ า : โรงเรียนกาสรกสวิ ิทย ์ 7 คคู่ ิดชาวนา : นำเขา้ ขา้ วเปลอื กทำไม 11 25 เคยี งบ่าชาวไร่ : พชื ไร่พันธ์ใุ หม่ 15 37 เส้นไหมใบหม่อน : มลั เบอรร์ ่ี...ของดีภาคเหนอื 18 71 มุมมองพชื สวน : ปทุมมา…จากปา่ สเู่ มอื ง สร้างรายไดส้ ่ชู ุมชน 25 : กลว้ ยไขผ่ ลไมม้ งคล ปลูกง่ายขายดี 37 75 แวดวงเกษตร : การเกษตร คอื ศาสตรข์ องแผ่นดิน 47 : ปลกู จติ สำนึก รกั ต้นไม้ ทีส่ วนปา่ ดงเกณฑ์หลวง 54 : ปลกู บัวบกแซมปาลม์ น้ำมันทล่ี มุ่ น้ำปากพนัง 60 เกษตรน่ารู้ : ถ่ัวงอก ชาปอ และ มันเทศ 64 : เทคโนโลยียืดอายผุ กั ผลไมส้ ดไวบ้ รโิ ภค 71 อาหารปลอดภยั : บ้านสวนตามรอยธรรม เกษตรกรรมไร้สารพิษ 75 คนรกั ตน้ ไม้ : เอ้อื งจำปานา่ น 82 รายงาน : ปาลม์ นำ้ มนั ทท่ี ุง่ รังสติ ...พืชเศรษฐกจิ ทดแทนสวนส้ม 84 เกษตรท่องเท่ยี ว : จากหางโจว ซโู จว ถงึ เวิลด์ เอก๊ ซโ์ ป ทีเ่ ซยี่ งไฮ้ 97 เกบ็ มาฝาก : ทานตะวนั ตัดดอกท่เี มอื งเลย 109 97

ทรงวางศิลาฤกษ์โรงเรยี นกาสรกสิวทิ ย ์ น ำ้ พ ร ะ ทั ย สู่ ไ ร่ น า กาสรรงกเสรวิ ียิทนย์ กองบรรณาธิการ เมอื่ วนั กอ่ นไดด้ ขู า่ วในพระราชสำนกั ทางโทรทศั น์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยยี่ ม โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ ทรงซอใหก้ ระบอื ฟงั ตามสำนวนไทยทว่ี า่ “สซี อใหค้ วายฟงั ” แรกๆ กระบือกินหญ้าอยู่ริมคอกใกลๆ้ กับท่ปี ระทับทรงซอ จากนน้ั กระบอื ก็คอ่ ยๆ เดนิ เล่ียงออกไป จนไปรวมกนั อยูท่ ร่ี ิมคอกอกี ด้านหน่งึ ทรงมีรบั ส่งั วา่ “ควายกบั หมาเหมอื นกนั ไม่ชอบเสียงแหลมๆ” และน่คี ือขอ้ พิสูจน์สำนวน ไทยทว่ี ่า “สซี อใหค้ วายฟัง” นัน้ ควายไมฟ่ งั จรงิ ๆ ต่อให้เพลงไพเราะเพยี งใด ก็ไม่สนใจ ดนิ หนี ไปเฉยเลย น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตุลาคม 2553 7

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ าร ี ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ลู นธิ ชิ ยั พฒั นา ดำเนนิ เสด็จพระราชดำเนินทรงวาง ศลิ าฤกษ์ โรงเรยี นกาสรกสิวิทย์ การจดั ทำเปน็ ศนู ยอ์ นรุ กั ษ์ และพฒั นากระบอื ไทย พรอ้ ม ทง้ั จดั ทำแปลงสาธติ ดา้ นการเกษตรโดยใชแ้ รงงานกระบอื เม่ือ 28 มกราคม 2551 เพอื่ ใหเ้ ปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องเกษตรกร และประชาชนทว่ั ไป ตอ่ มาไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ พระราชทานชอ่ื ศนู ยแ์ หง่ นวี้ า่ จากขา่ วในพระราชสำนกั ในวนั นนั้ สมเดจ็ พระเทพ โรงเรยี นกาสรกสิวิทย์ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ยังทรงเปิดรา้ นกาแฟ กาสร แปลว่า กระบอื หรือควาย “ควายคะนอง” ในโรงเรยี นการสรกสวิ ทิ ย์นั้นด้วย กสิวิทย์ หมายถงึ ศาสตรแ์ หง่ การเกษตร หลายท่านให้ความสนใจโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ กาสรกสวิ ทิ ย์ จงึ มคี วามหมายวา่ โรงเรียนสอน ผูอ้ า่ นข่าวโทรทัศนห์ ลายสถานี ยังไม่รู้จักโรงเรียนกาสร วิชาการเลีย้ งกระบือ หรือควาย นัน่ เอง ท้ังนี้เพือ่ อนรุ กั ษ์ กสิวิทย์ บางท่านยงั ไม่ทราบดว้ ยซำ้ ว่า “กาสร” แปลว่า และฟื้นฟกู ารทำการเกษตรแบบดัง้ เดมิ อะไร กสิกรฉบบั น้ี จงึ ขอนำเรอื่ งราวเก่ียวกบั โรงเรยี น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี กาสรกสวิ ทิ ย์ มาให้ทา่ นผอู้ า่ นไดร้ ู้จัก ทรงมีพระราชประสงค์ให้โรงเรียนกาสรกสิวิทย์น้ี เป็น โรงเรียนสำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนา และทำงาน เรม่ิ จากพระราชดำร ิ ด้านเกษตรกรรม และตอ้ งการสอนผ้ทู ่ีตอ้ งการใช้กระบือ ทำการเกษตร ให้สามารถทำงานร่วมกับกระบือได้อย่าง นายสมจิตต์ และนางมณี อิม่ เอิบ ราษฎรจงั หวัด มีประสิทธภิ าพ สามารถดูแลให้กระบือมีสขุ ภาพแขง็ แรง สระแก้ว น้อมเกลา้ ฯ ถวายท่ดี ิน ทีต่ ำบลศาลาลำดวน นอกจากน้ียังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับประชาชนใน อำเภอเมือง จังหวัดสระแกว้ จำนวน 110 ไร่ 3 งาน 81 เรอ่ื งวถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยแู่ บบเรยี บงา่ ย ใชช้ วี ติ แบบพอเพยี ง ตารางวา แดส่ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรม ตามแนวพระราชดำรขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ราชกมุ ารี เมอ่ื ครง้ั ทเ่ี สดจ็ พระราชดำเนนิ ทรงเยย่ี มโรงเรยี น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ตำรวจตระเวนชายแดนในจงั หวดั สระแกว้ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2544 ทรงพระกรณุ าเสดจ็ พระราชดำเนนิ วางศลิ าฤกษ์ โรงเรยี น กาสรกสิวทิ ย์ เม่ือวนั ท่ี 28 มกราคม 2551 และได้เสดจ็ พระราชดำเนิน ทรงเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการเมื่อ วนั ท่ี 10 มนี าคม 2552 8 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

7 สถานขี องการเรยี นร้ ู สถานีท่ี 4 แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เปน็ พื้นท่ี ปลูกหญา้ อาหารสัตว์ เช่น หญา้ รูซ ่ี พืน้ ทปี่ ระมาณ 111 ไร่ของโรงเรียนกาสรกสวิ ิทย์ สถานที ี่ 5 บา้ นปราชญช์ าวบ้าน แสดงวิถีชวี ติ แห่งน้ี ได้แบง่ ออกเป็น 7 ส่วนหลกั ในทนี่ ีข้ อเรียกสว่ น ความเปน็ อยขู่ องชาวบา้ นทผ่ี กู พนั กบั กระบอื ภายในบรเิ วณ ตา่ งๆ เหลา่ นีว้ า่ “สถาน”ี เพอ่ื ความเขา้ ใจ บา้ นมกี ารปลกู พชื ผักสวนครวั เลยี้ งเปด็ ไก่ รวมทงั้ การ สถานที ่ี 1 แปลงฝกึ เปน็ พนื้ ทที่ จ่ี ดั ไวใ้ หเ้ กษตรกร ทอดแหหาปลา ใชช้ วี ติ แบบเรยี บงา่ ย และอยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ฝกึ ไถนา คราดดนิ ตลี กู ทบุ และหมกั ดนิ เพอื่ ใหเ้ กษตรกร สถานที ่ี 6 คอกกระบอื เปน็ คอกกระบอื ทส่ี มเดจ็ คุ้นเคยในการใช้แรงงานกระบือทำนา เพื่อจะไดก้ ลับไป พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเลีย้ งไว้ ทำการเพาะปลกู โดยใชแ้ รงงานกระบอื ในพน้ื ทขี่ องตนเอง 27 ตวั เป็นเพศผู้ 6 ตวั และเพศเมยี 21 ตัว ได้ ขณะเดยี วกันกฝ็ ึกใหก้ ระบือคุน้ เคยกับการทำงานกับ สถานที ่ี 7 บา้ นดิน เปน็ ท่ีพกั ของผู้เข้ารบั การ คนในไรน่ าด้วย ฝึกอบรม เป็นบ้านตัวอย่างท่ีผู้เข้ารับการอบรมสามารถ สถานีที่ 2 แปลงนา เป็นแปลงผลติ เมลด็ พันธุ์ นำไปปลูกสรา้ งเองได ้ ข้าว ให้เกษตรกรปลูกข้าวสำหรับใช้ทำพันธ์ุโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ท่ีตรงตามสายพันธุ์ ไม่มีพันธุ์ปน กิจกรรมของโรงเรียน เกษตรกรจะได้มีเมล็ดพันธ์ุข้าวท่ีมีคุณภาพไว้ใช้ปลูกใน ปีต่อไป นอกจากน้ียังมีการทดลองเล้ียงปลาในนาข้าว โรงเรยี นกาสรกสิวทิ ยม์ กี ิจกรรมสำคัญ คอื การฝึก โดยปลอ่ ยปลานลิ จติ รลดา 1,000 ตวั เมอื่ เดอื นสงิ หาคม อบรมใหก้ บั เกษตรกร และการใหค้ วามรแู้ กผ่ มู้ าศกึ ษาดงู าน 2552 การฝกึ อบรมเกษตรกรกาสรกสิวิทย์ เป็นการให้ สถานที ่ี 3 สว่ นจดั แสดงนทิ รรศการ จัดแสดง ความรู้แก่เกษตรกร และกระบือผู้เรียนรู้จากธนาคาร เคร่อื งมอื อุปกรณ์การทำนา ทใ่ี ช้กนั มาแตด่ ้งั เดมิ เปน็ โค-กระบอื เพอื่ เกษตรกรตามแนวพระราชดำริ อายรุ ะหวา่ ง เครอื่ งมืออปุ กรณท์ ่เี กดิ จากภมู ิปัญญาชาวบ้าน 2 ปคี ร่งึ – 5 ปี ซงึ่ อยใู่ นวัยทฝี่ กึ หัดได้ โดยมปี ราชญท์ ้อง ถ่ินร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วเป็นหลักใน การถ่ายทอดความรู้ ทั้งน้กี ระบือทีเ่ ขา้ มาฝกึ อบรมรับได้ จำนวน 5 ตัวตอ่ รุ่น สำหรบั เกษตรกรทจี่ ะเข้ารับการอบรมนนั้ จะต้อง เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามตง้ั ใจจรงิ ทจี่ ะนำกระบอื ไปใชใ้ นการทำการ เกษตร และระหวา่ งอบรมตอ้ งพกั อยใู่ นโรงเรยี นเพอ่ื ฝกึ ฝน กบั ครฝู กึ สอนผใู้ ชก้ ระบอื ของโรงเรยี น จนมคี วามชำนาญ ในการฝกึ และควบคมุ กระบือในการใช้งานได้ การฝกึ อบรมยวุ เกษตรกรกาสรกสวิ ทิ ย์ เปน็ หลกั สตู ร ฝึกอบรมนักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ให้รู้จักการใช้ประโยชน์ และวิธีการใช้กระบือในงาน เกษตรกรรม รวมทง้ั เรยี นรกู้ ารใชช้ วี ติ แบบพอเพยี ง ระยะ เวลาฝึกอบรมรนุ่ ละ 3 วนั จำนวนนกั เรยี น 10 คนต่อรุ่น โรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ ไดต้ ั้งเป้าหมายไวว้ า่ จะฝกึ กระบอื ผเู้ รียนร้จู ากธนาคารโค - กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริให้มีความสามารถในการไถนา หรอื ใช้ งานดา้ นเกษตรกรรม ไม่นอ้ ยกว่าปีละ 80 ตัว น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตุลาคม 2553 9

ฝึกเกษตรกรผู้เรียนรู้การใช้งานกระบือให้มีความ ถา้ ไม่ใช.้ ..ใกลส้ ญู พนั ธุ ์ ชำนาญในการควบคุมกระบือทำการเกษตรได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพไม่นอ้ ยกว่าปลี ะ 80 คน และเกษตรกร จากขอ้ มลู ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบวุ า่ เหลา่ นี้จะไดร้ บั กระบือผู้เรียนรู้จากธนาคารโค - กระบอื ปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงท่ีกระบือไทยใกล้จะสูญพันธุ์ เพอ่ื เกษตรกรรมตามพระราชดำริไปใชง้ านด้วย โดยมจี ำนวนกระบือเหลืออยู่ประมาณ 1.3 ลา้ นตัว จากท่ี กจิ กรรมใหค้ วามรแู้ กผ่ ศู้ กึ ษาดงู าน โรงเรยี นกาสร เคยมถี งึ 6 ลา้ นตัวเมอื่ 30 ปที แี่ ล้ว สาเหตสุ ำคัญท่ีทำให้ กสวิ ทิ ย์ ไดจ้ ดั กจิ กรรมการศกึ ษาดงู านออกเปน็ 3 ลกั ษณะ จำนวนประชากรของกระบอื ลดลง คอื การเปลย่ี นจากการ เพ่อื ความสะดวกของผเู้ ยยี่ มชม ดังนี้ ใช้แรงงานกระบือมาใช้เครื่องจักรกลในการทำนา และ การศกึ ษาดงู านสำหรับผู้ชมทว่ั ไป ซ่ึงมรี ะยะเวลา การนิยมบริโภคเน้ือกระบือของคนไทยในภาคเหนือ จำกัด เป็นการเยยี่ มชมภายในโรงเรยี นกาสรกสิวทิ ย์ทีม่ ี และภาคอสิ าน โดยเฉพาะการนิยมบริโภคตัวออ่ นที่อยู่ ปราชญช์ าวบา้ นคอยตอ้ นรบั และพาเยย่ี มชมตามจดุ หรอื ในทอ้ ง สถานตี า่ งๆ ทก่ี ล่าวมาแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การเย่ียมชมเป็นหมู่คณะที่มีระยะเวลาจำกัดและ โดยกรมปศุสัตว์ มีโครงการพัฒนากระบือพ้ืนเมืองให้ ไมต่ อ้ งการฝกึ ปฏบิ ตั ิ โรงเรยี นจะจดั เจา้ หนา้ ทขี่ องโครงการ เป็นสัตว์เศรษฐกิจเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา เพื่อให้ และปราชญช์ าวบา้ น บรรยายสรปุ ในภาพรวมของกจิ กรรม กระบอื เปน็ สตั วช์ ว่ ยกวู้ กิ ฤตเศรษฐกจิ เปน็ แรงงานทยี่ ง่ั ยนื ที่โรงเรยี นกาสรกสวิ ิทย์ดำเนนิ การ ของชาวชนบทและคนไทย นอกจากน้ยี ังไดร้ ณรงค์สร้าง การศึกษาดูงานสำหรับหมู่คณะ และต้องการฝกึ ความเข้าใจทีถ่ ูกตอ้ งในการบริโภคเนอ้ื กระบอื ปฏิบัติ ทางโรงเรยี นจะจดั ทำฐานการเรยี นรู้ 4 ฐาน เพอื่ โดยพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ฝกึ การเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ตั จิ รงิ ใหก้ บั คณะผเู้ ขา้ เยยี่ มชม สยามบรมราชกมุ ารี และกจิ การของโรงเรยี นกาสรกสวิ ทิ ย์ ได้แก่ ทกี่ ลา่ วมานน้ั คงเปน็ อกี แนวทางหนงึ่ ทจ่ี ะชว่ ยอนรุ กั ษก์ ระบอื - ฐานเรยี นร้กู ารฝกึ สอนกระบอื ใช้งาน ไทยไว้มใิ หส้ ูญพนั ธุ์ - ฐานเรยี นรกู้ ารใชป้ ระโยชนจ์ ากมลู กระบอื ในการทำกา๊ ซชวี ภาพ - ฐานเรียนรกู้ ารทำบา้ นดนิ - ฐานเรยี นรอู้ ปุ กรณก์ ารเกษตรตามภมู ปิ ญั ญา ดงั้ เดมิ 10 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

คู่ คิ ด ช า ว น า ขา้ วเปลือากทเขำไ้าม อนันต ์ ดาโลดม มี ขา่ วปรากฎในหนา้ หนงั สือพมิ พ์เดลนิ ิวส์ ฉบบั ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2553 พาดหัวขา่ วว่า “เปดิ ชอ่ งนำเข้า ขา้ วเปลอื ก” และมพี าดหวั รองขอ้ ความวา่ “ซอ้ื จากเพอื่ นบา้ นปอ้ นโรงสขี า้ วไทย” และอกี ขอ้ ความหนงึ่ วา่ “โรงสี ร้าง รฐั เลกิ โครงการรบั จำนำข้าว” เนื้อหาของขา่ วมีดังนี ้ นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณชิ ยเ์ ปดิ เผยว่า เตรยี มเสนอใหน้ างพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณชิ ย์ เห็นชอบแนวทางการนำเขา้ ขา้ วเปลอื กจากประเทศเพ่อื นบา้ น ภายใตก้ รอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา้ ) เพมิ่ เติม จากกรอบปัจจบุ นั ทีอ่ นุญาตให้นำเข้าเฉพาะปลายขา้ ว และข้าวทีใ่ ชใ้ นอุตสาหกรรม เชน่ แป้ง เส้นกว๋ ยเต๋ยี ว เทา่ นนั้ เพ่อื เป็นการเพิม่ โอกาสการตลาดของไทยใหม้ ากขน้ึ ซ่งึ หาก รมว.พาณชิ ย์ เหน็ ชอบแลว้ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายขา้ วแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกรฐั มนตรี เป็นประธานตอ่ ไป น.ส.พ. กสกิ ร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตุลาคม 2553 11

“แนวคดิ นเ้ี ปน็ ผลจากการหารอื กบั คณะกรรมการ ทำลายตลาดขา้ วไทยได้ อยา่ งขา้ วหอมมะลิ ไทยขายตนั ละ บรหิ ารสภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทยและหอการคา้ ไทย 15,300 บาท แต่เวียดนามเอาของกัมพูชาไปขายเหลือ ซงึ่ เหน็ วา่ มาตรการกำกบั ดแู ลการนำเขา้ ขา้ วภายใตอ้ าฟตา้ แคต่ ันละ 11,000 – 12,000 บาทเทา่ นัน้ ” ของไทยเขม้ งวดมากเกนิ ไป จงึ เสนอใหก้ ระทรวงพาณชิ ย์ ตอ่ กรณดี งั กลา่ ว ผมไดท้ ำหนงั สอื ถงึ นายกรฐั มนตรี เพิ่มชนิดของข้าวที่อนุญาตให้นำเข้าเพิ่มข้ึน เพ่ือขยาย ในฐานะประธานคณะกรรมการ นโยบายข้าวแห่งชาติ โอกาสทางการตลาดของไทย ขณะเดยี วกนั ยงั ชว่ ยใหโ้ รงสี (กขช.) และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเทศมขี า้ วเปลอื กสแี ปรสภาพเปน็ ขา้ วสารไดม้ ากขนึ้ เพ่ือเสนอความคิดเห็นประกอบการพิจารณาในการท่ีจะ เพราะปัจจุบันโรงสีแทบไม่มีข้าวเปลือกสีแปรสภาพเลย ดำเนนิ การเกยี่ วกบั เรอื่ งน้ี พรอ้ มกบั ตง้ั ขอ้ สงั เกตบางประการ เนอื่ งจากรฐั บาลไมไ่ ดท้ ำโครงการรบั จำนำ ทตี่ อ้ งฝากเกบ็ ข้าว เปน็ สินคา้ หน่ึงในการเปดิ ตลาดสนิ ค้าเกษตร ขา้ วเปลือกไว้กับโรงสี และสงั่ ให้มกี ารแปรสภาพ” 23 รายการ ภายใตพ้ นั ธกรณกี ารเปดิ เสรที างการคา้ อาเซยี น ทง้ั นก้ี ระทรวงจงึ เหน็ วา่ นา่ จะเปดิ ใหน้ ำเขา้ ขา้ วเปลอื ก (AFTA) ภายในวันที่ 1 มกราคม 2553 ท่ามกลางความ ด้วย แต่ต้องระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจน รวมท้ังกำหนด วติ กกังวลว่า การเปิดการนำเข้าโดยลดภาษี 0 และไมม่ ี เง่ือนไขวา่ ขา้ วท่นี ำเข้ามาแลว้ แปรสภาพเป็นขา้ วสาร จะ โควตา้ การนำเขา้ โดยเฉพาะข้าวจากประเทศพมา่ ลาว ตอ้ งทำเพอื่ การสง่ ออกเทา่ นนั้ หา้ มนำเขา้ มาขายตอ่ ในประเทศ และกัมพูชา จะก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือก โดยกำหนดระยะเวลาการนำเขา้ และใหส้ ง่ ออกกอ่ นทผ่ี ลผลติ และรายได้ของชาวนา ข้าวในประเทศออกสู่ตลาด เพ่ือป้องกันการปลอมปน กับข้าวคุณภาพดขี องไทย และฉดุ ให้ราคาตกตำ่ ลงได้ ดา้ นนายประสทิ ธ์ิ บญุ เฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กลา่ ววา่ เหน็ ดว้ ยกบั แนวคดิ นี้ เพราะการนำเขา้ ขา้ วเปลอื ก จากเพือ่ นบา้ น ทั้งกัมพูชา ลาว พมา่ จะทำให้ไทยมีข้าว อยใู่ นมอื มากขนึ้ และสามารถกำหนดราคาตลาดได้ หากไทย ไม่ทำอะไรเลยเวียดนามจะมาแย่งซื้อไปหมดแล้วส่งออก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เวียดนามจะขายข้าวตัดราคาข้าวไทย ถือเป็นการทำลายราคาตลาด และเกษตรกรให้ได้รับ ความเสยี หาย แต่รฐั จำเป็นตอ้ งกำหนดมาตรการนำเข้า ควบคุมดูแลให้ดี เพ่ือป้องกันการปลอมปนกับข้าวไทย จนทำให้ขา้ วไทยเสียหาย “ถ้าไทยนำเข้าข้าวเปลือกจากเพ่ือนบ้านมาแปร สภาพแลว้ ส่งออก เป็นเรอ่ื งดเี พราะช่วยสกดั เวยี ดนาม ไม่ให้ซ้ือข้าวจากประเทศในอาเซียนไปขายในราคาต่ำ 12 น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

ซ่ึงจากการเปดิ เสรีทางการคา้ อาเซยี น (AFTA) ท่ี เม่ือรฐั บาลยกเลิกการรับจำนำขา้ วเปลอื ก มาเปน็ มผี ลบังคบั ใชต้ ั้งแตว่ นั ท่ี 1 มกราคม 2553 เป็นต้นมา ปรากฏว่า ราคาข้าวเปลอื กภายในประเทศมีราคาตกต่ำ การประกันรายได้ของชาวนาแทน ผลประโยชน์จากการ มาโดยตลอด ทงั้ ๆ ทปี่ รมิ าณผลผลติ ขา้ วนาปี ปี 2552/53 ลดลงเพราะปัญหาการระบาดของเพล้ียกระโดดสีน้ำตาล จำนำขา้ ว และการสวมสทิ ธ์ิของชาวนา การแจง้ ปริมาณ ทำลายพนื้ ทีก่ ารปลกู ขา้ วมากกวา่ 2 ลา้ นไร่ และปัญหา ความแหง้ แลง้ ทำใหพ้ นื้ ทก่ี ารทำนาปรงั ในปี 2553 ลดลง ขา้ วท่เี ขา้ จำนำเกินจริง รายไดจ้ ากการรบั ฝากข้าว การ ซึ่งปัญหาราคาข้าวตกต่ำ อาจจะเป็นผลกระทบจากการ เปดิ ตลาดขา้ วเสรกี เ็ ป็นไปได้ แปรสภาพข้าว การเอาข้าวคุณภาพดีจากการรับฝากไป ขณะท่ีปัญหาราคาขา้ วในประเทศตกต่ำ การเปิด ตลาดสินค้าข้าวตามพันธกรณีการเปิดเสรีทางการค้า ขาย เอาขา้ วคุณภาพตำ่ มาแทน การระบายขา้ วออกขาย อาเซยี น (AFTA) เพ่งิ ดำเนนิ การมาไดเ้ พยี ง 8 เดือน กระทรวงพาณชิ ย์ และคณะกรรมการบรหิ ารสภาหอการคา้ ในราคาทต่ี ำ่ กวา่ ตลาด การแสวงหาผลประโยชนใ์ นแตล่ ะ แหง่ ประเทศไทย หอการคา้ ไทย รวมทง้ั นายกสมาคม ชาวนาไทย กลบั มคี วามคดิ ใหน้ ำเขา้ ขา้ วเปลอื กจากประเทศ ขน้ั ตอนของกระบวนการเหล่าน้ี ได้หายไป นา่ จะเป็นสง่ิ ที่ เพอื่ นบา้ นภายใตก้ รอบ AFTA ดว้ ยเหตผุ ลเพอ่ื ชว่ ยโรงสี ใหม้ ขี า้ วเปลอื กเขา้ มาสแี ปรสภาพเปน็ ขา้ วสาร เพราะปจั จบุ นั ดีทส่ี มควรให้การสนบั สนุนมากกว่า โรงสีไม่มีข้าวเปลือกมาสีแปรสภาพเนื่องจากรัฐบาลไม่มี โครงการรบั จำนำขา้ ว เปน็ เหตทุ นี่ า่ สงสยั วา่ มอี ะไรอยเู่ บอ้ื งหลงั แนวคดิ ในการนำเขา้ ขา้ วเปลอื กจากประเทศเพอ่ื นบา้ น หรือไม ่ เทา่ ทผ่ี มทราบโครงการรบั จำนำขา้ วเปลอื กทด่ี ำเนนิ การ เพ่อื มาช่วยโรงสีขา้ ว หรอื ชว่ ยทางดา้ นการตลาด จึงไม่นา่ มาต้งั แต่ปี 2543 จนถึงนาปรังปี 2552 ทีร่ ัฐบาลตอ้ งใช้ งบประมาณมากกวา่ 500,000 ล้านบาท รบั จำนำข้าว จะถกู ตอ้ ง และนา่ จะมผี ลเสยี หายอยา่ งใหญห่ ลวงตอ่ ชาวนา เปลือกประมาณ 50 ลา้ นตนั โดยมีขอ้ มูลว่า ผลประโยชน์ ตกถงึ ชาวนาเพยี ง 40% และชาวนาไดป้ ระโยชนเ์ พยี ง 30% ไทย และข้าวไทย ในประเดน็ ตา่ งๆ ดงั น ี้ ของชาวนาทงั้ ประเทศเท่าน้นั 1. การนำเขา้ ขา้ วเปลือก จะเปน็ การเพมิ่ ปรมิ าณ ข้าวเปลอื กในประเทศ แตเ่ ป็นขา้ วเปลือกราคาถกู และ คุณภาพตำ่ (รัฐบาลประเทศพม่า ลาว กมั พชู า ไมม่ ี งบประมาณในการชว่ ยเหลอื ชาวนาโดยการรบั จำนำหรอื การแทรกแซงราคา ทำให้ราคาขา้ วถูกกำหนดโดย พอ่ ค้าท่กี ดราคารับซอ้ื เป็นข้าวคุณภาพต่ำ ราคาข้าว เปลือกในประเทศเหล่าน้ีจะตกอยู่ประมาณเกวียนละ 5,000 - 6,000 บาท ซึง่ ถกู กวา่ ราคาขา้ วเปลือก น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 13

ในประเทศไทยเกือบครึ่งหน่ึง ยกเว้นข้าวหอมมะลิ 5. ปญั หาของโรค แมลงศตั รพู ชื ทต่ี ดิ มากบั ขา้ วเปลอื ก ถูกกว่ามากกว่าครงึ่ ) แต่ชาวนาต้องยอมขายเพราะไมม่ ี ทน่ี ำเขา้ ทอี่ าจแพรร่ ะบาดในประเทศไทย กลายเปน็ ภาระ อำนาจตอ่ รอง แต่ต้องการเงินสดมาเป็นคา่ ใช้จา่ ยในครวั ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และของชาวนา 6. หากมีการอนุญาตให้มกี ารนำเขา้ ขา้ วเปลือกมา เรอื น จึงตอ้ งขายข้าวเปลอื กราคาถูก แลว้ ซื้อขา้ วสาร ได้ เจตนารมณข์ องการตราพระราชบญั ญตั ิกกั พืช พ.ศ. บริโภคราคาแพง (ประเทศกมั พชู า และ ลาว ผลติ ข้าว 2507 และแก้ไขเพิ่มเติมอกี หลายครงั้ ที่ตอ้ งการปอ้ งกัน ไม่เพียงพอกบั การบริโภค) ศัตรูพืชมิให้ระบาดเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเพ่ือ 2. การนำเข้าข้าวเปลือกจะเป็นการเพ่ิมปริมาณ ประโยชนใ์ นการปอ้ งกนั อนั ตรายทอ่ี าจเกดิ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม หรอื การปนเปอื้ นทางดา้ นพนั ธกุ รรมกจ็ ะไมม่ คี วามหมาย (SUPPLY) ของข้าวเปลือกภายในประเทศ ซึ่งเรามี จากผลกระทบที่จะเกดิ ขึ้นกับขา้ วไทย และชาวนา ในประเดน็ ตา่ งๆ ทเี่ สนอมาโดยสรปุ น้ี ผมจึงไมเ่ ห็นดว้ ย ปริมาณลน้ ตลาดอยแู่ ล้ว จะทำใหร้ าคาขา้ วเปลอื กตกตำ่ กบั การเสนอใหม้ กี ารนำเขา้ ขา้ วเปลอื กเพอื่ มาแปรรปู เปน็ ขา้ วสาร เพอ่ื สง่ ออกไปตา่ งประเทศโดยอาศยั พนั ธกรณี เพราะพ่อค้าและโรงสีต้องซื้อข้าวเปลือกราคาถูกจาก การเปดิ เสรที างการคา้ อาเซยี น (AFTA) ทปี่ รากฎเปน็ ขา่ ว ผมจงึ ไดท้ ำหนงั สอื คดั คา้ นไปยงั นายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรี การนำเขา้ มาแน่นอน วา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สว่ นผลจะเปน็ อย่างไร ผมจะรอดูครบั 3. ขา้ วคณุ ภาพตำ่ จะปนกบั ขา้ วคณุ ภาพสงู ของเรา โดยการปลอมปน จะทำให้สถานะ (POSITION) และ ภาพลกั ษณ์ (IMAGE) ของขา้ วไทยในตลาดโลกเสยี หาย จะทำให้เกิดผลเสียหายทำลายภาพลักษณ์ข้าวไทยที่ได้ สร้างสมมาชา้ นาน 4. ขา้ วเปลอื กทน่ี ำเขา้ มโี อกาสหลดุ ไปปลกู ในแปลง ของชาวนาปะปนกับพันธุข์ ้าวไทย ท่ไี ดม้ กี ารวิจยั พัฒนา ปรับปรุงพันธุ์ จนได้พันธุ์ข้าวเมล็ดยาว ท่ีมีคุณภาพดี เหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ หากมีพันธ์ุข้าวคุณภาพต่ำไป ปลูกปนในพื้นที่ของชาวนาและต้องกระจายไปกว้างขวาง จนไมส่ ามารถกำจดั ได้ การปรบั ปรงุ พนั ธข์ุ า้ วทผ่ี า่ นการวจิ ยั พฒั นาตดิ ตอ่ กนั มาเปน็ รอ้ ยปี จะถกู ทำลายลงอยา่ งสน้ิ เชงิ โดยเฉพาะหากขา้ วเปลอื กทน่ี ำเขา้ เปน็ ขา้ วเปลอื ก ทเ่ี กดิ จากพนั ธข์ุ า้ วทตี่ ดั ตอ่ พนั ธกุ รรม (GMO) ทปี่ ระเทศ ไทยตอ่ ตา้ น ไมอ่ นญุ าตใหม้ กี ารวจิ ัย ทดสอบในระดับ ไรน่ า และพนั ธเ์ุ หลา่ นถ้ี กู นำเขา้ มาพรอ้ มขา้ วเปลอื กอนื่ ๆ แล้วไปงอกเจริญเติบโตในนาข้าวของประเทศไทย ก็จะมกี ลุ่มที่ตอ่ ตา้ นพชื GMO ออกมาตอ่ ต้านกนั อีก 14 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

เ คี ย ง บ่ า ช า ว ไ ร ่ ชไรพ่ ันธุ์ใหม่ เ ป็นท่ีทราบกันดีโดยเฉพาะในกลุ่มของนักวิจัยและ พนารัตน์ เสรีทวีกลุ ปรบั ปรงุ พันธพุ์ ืชวา่ กวา่ ทีจ่ ะวิจยั และปรบั ปรงุ พันธพุ์ ชื ระยอง 11....มนั สำปะหลังแปง้ สงู เพื่อได้พืชพันธ์ุใหม่ท่ีมีคุณสมบัติตามต้องการนั้นต้องใช้ ระยะเวลาในการวจิ ยั และนำไปทดสอบในไรน่ าของเกษตรกร ประเทศไทยเปน็ ประเทศผนู้ ำในการสง่ ออกผลติ ภณั ฑ์ นานหลายปี เพ่ือให้แน่ใจว่าพืชพันธ์ุใหม่นี้จะสามารถ มันสำปะหลงั ของโลก แตป่ ัญหาหลักทีส่ ำคญั ต่อการปลูก แกป้ ญั หาและเพิม่ รายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างแทจ้ ริง มันสำปะหลังของเกษตรกร คอื ปจั จัยการผลติ ทมี่ รี าคา สำหรับในปี 2553 นี้ กรมวิชาการเกษตร ได้ สูงข้นึ ทำใหต้ ้นทุนการผลิตสงู ข้นึ ตามไปด้วย รวมทัง้ จาก ประสบความสำเร็จในการวิจัยและปรับปรุงพันธ์ุพืชใหม่ การท่ีดินเส่ือมความอุดมสมบูรณ์ทำให้ผลผลิตที่ได้รับ ซึ่งได้ผ่านการรับรองพันธ์ุจากคณะกรรมการวิจัยปรับปรุง ตอ่ ไร่ตำ่ เกษตรกรจงึ ไดร้ บั ผลตอบแทนนอ้ ย พนั ธพ์ุ ชื กรมวชิ าการเกษตรเมอ่ื วนั ที่ 7 พฤษภาคม 2553 ดังน้ันเพ่ือแก้ปัญหาดังกล่าวให้แก่เกษตรกร ใหเ้ ปน็ พนั ธ์ุรบั รอง ซ่งึ ในที่นี้ขอนำเสนอพันธ์พุ ชื รับรอง ศนู ยว์ จิ ยั พชื ไรร่ ะยอง กรมวชิ าการเกษตร จงึ ไดป้ รบั ปรงุ จำนวน 2 พันธ์ุ ซ่ึงปัจจุบันได้ถูกนำไปขยายผลสู่พ้ืนท่ี พนั ธม์ุ นั สำปะหลงั เพอื่ ใหไ้ ดพ้ นั ธทุ์ ใ่ี หผ้ ลผลติ และเปอรเ์ ซน็ ต์ ของเกษตรกรแล้ว ดงั น้ ี แปง้ สงู โดยการนำมนั สำปะหลงั จำนวน 2 พนั ธมุ์ าผสมขา้ ม ใช้พันธุ์ระยอง 5 ซง่ึ เป็นพนั ธท์ุ ่ีใหผ้ ลผลิตสงู เปน็ พนั ธแุ์ ม่ และพนั ธ์ุ OMR 29-20-118 ซงึ่ ทมี่ เี ปอรเ์ ซน็ ตแ์ ป้งสูง น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 15

มันสำปะหลงั ระยอง 11 เป็นพันธุ์พ่อ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2535 ณ ศนู ยว์ ิจัย นอกจากมนั สำปะหลังพันธรุ์ ะยอง 11 จะชว่ ยลด พืชไรร่ ะยอง ผา่ นการคดั เลอื กประเมินศักยภาพของพันธุ์ ตน้ ทนุ การผลติ และเพมิ่ รายไดใ้ หเ้ กษตรกรแลว้ ผปู้ ระกอบการ ณ ศูนยว์ จิ ัย ศูนย์บรกิ ารวชิ าการ และไรข่ องเกษตรกร ทร่ี บั ซอ้ื หวั มนั สำปะหลงั พนั ธท์ุ ม่ี เี ปอรเ์ ซน็ ตแ์ ปง้ สงู กจ็ ะ ในจังหวัดท่ีเป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังท่ีสำคัญในภาค ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการทนี่ ำไปแปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ ตะวนั ออกและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือรวม 14 จงั หวัด เพราะจะทำใหไ้ ดอ้ ตั ราการแปรรปู สงู ขน้ึ เปน็ การลดตน้ ทนุ จนไดม้ นั สำปะหลงั พนั ธ์ุ CMR 35-22-196 การผลติ ของผปู้ ระกอบการ และชว่ ยเพม่ิ โอกาสในการแขง่ ขนั เนอื่ งจากมนั สำปะหลังพันธ์ุ CMR 35-22-196 ผลติ ภณั ฑ์มันสำปะหลังของไทยในตลาดโลก ได้มาจากการผสมพันธ์ุและคัดเลือกพันธุ์ท่ีศูนย์วิจัย ในตน้ ฤดูฝนปี 2553 นี้ กรมวชิ าการเกษตรได้ พืชไรร่ ะยอง และเปน็ พนั ธอ์ุ ตุ สาหกรรม ซง่ึ ตามระบบการ จัดเตรยี มทอ่ นพนั ธ์มุ นั สำปะหลังระยอง 11 กระจายอยู่ ตง้ั ชอื่ พันธุม์ นั สำปะหลงั กำหนดให้ใชเ้ ลขคสี่ ำหรบั พันธุ์ ท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรในส่วนภูมิภาคของกรม เพื่ออตุ สาหกรรม และเลขคูส่ ำหรับพันธ์ุเพื่อบริโภค ดังนั้น วชิ าการเกษตร รวมประมาณ 2 ล้านท่อน ซ่ึงสามารถ จึงใช้ชื่อพันธ์ุมันสำปะหลงั พนั ธ์นุ ้วี ่า “มนั สำปะหลงั พนั ธุ์ นำไปปลกู ได้ในพื้นที่ประมาณ 1,260 ไร่ ระยอง 11” เกษตรกรที่สนใจพันธม์ุ ันสำปะหลงั ระยอง 11 มนั สำปะหลังพันธรุ์ ะยอง 11 หรือท่เี กษตรกร สามารถสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติมได้ท่ีศูนย์วิจัยพืชไร่ เรยี กกนั วา่ “พนั ธเุ์ ขยี วปลดหน”้ี และยงั มบี รษิ ทั เอกชนนำ ระยอง โทรศพั ท์ 0-3868-1515 ตน้ พนั ธไุ์ ปจำหนา่ ยใหเ้ กษตรกรใชช้ อื่ วา่ “พนั ธมุ์ งั กรหยก” มลี กั ษณะเดน่ คอื ใหผ้ ลผลติ หวั สดเฉลย่ี 4.44 ตนั /ไร่ มเี ปอรเ์ ซน็ ตแ์ ปง้ 26.1 เปอรเ์ ซน็ ต์ เมอ่ื เกบ็ เกยี่ วในฤดแู ลง้ เปอรเ์ ซน็ ตแ์ ปง้ จะสงู ขน้ึ เปน็ 29 – 32 เปอรเ์ ซน็ ต์ ให้ ผลผลิตแป้ง 1.2 ตัน/ไร่ เป็นมันสำปะหลังพันธุ์ทใ่ี ห้ เปอรเ์ ซน็ ตแ์ ปง้ และผลผลติ แปง้ เฉลยี่ สงู กวา่ พนั ธมุ์ าตรฐาน ทุกพันธุ์ ข้อดีของมันสำปะหลังพันธ์ุท่ีมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง คอื ชว่ ยใหเ้ กษตรกรขายหวั มนั ไดร้ าคาสงู และภาคอตุ สาหกรรม มวี ตั ถุดบิ คณุ ภาพดี ทำให้ตน้ ทุนการผลิตลดลง นอกจากน้ี ยังทนความแลง้ ได้ดี และมคี วามต้านทานตอ่ โรคใบไหม้ และโรคใบจดุ สนี ้ำตาลดีกวา่ พนั ธ์ุระยอง 1 ระยอง 9 และ ระยอง 90 16 น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตุลาคม 2553

อทู่ อง 9 ออ้ ยที่โรงงานน้ำตาลต้องการ ออ้ ยอู่ทอง 9 อ้อยเป็นพืชอุตสาหกรรมที่สำคัญชนิดหนึ่งของ ออ้ ยอทู่ อง 9 มกี ารแตกกอดี ประมาณ 5 - 6 ลำตอ่ กอ เจริญเติบโตเร็ว ไว้ตอดี ดินท่ีเหมาะสมในการปลูกคือ ประเทศไทย แตท่ ่ีผ่านมาผลผลติ อ้อยของเกษตรกรยงั อยู่ ดนิ ร่วน และดนิ รว่ นปนทราย จากการนำออ้ ยพันธอุ์ ทู่ อง 9 ไปปลูกทดสอบในไร่ ในเกณฑ์ต่ำเฉลี่ย 11 – 12 ตัน/ไร่ เนือ่ งจากมกี ารใช้ ของเกษตรกรจังหวดั สพุ รรณบรุ ี กาญจนบุรี เพชรบรุ ี และ กำแพงเพชร ซง่ึ เปน็ แหลง่ ปลกู ออ้ ยทส่ี ำคญั ของประเทศไทย พนั ธอุ์ อ้ ยแตล่ ะพนั ธค์ุ อ่ นขา้ งนาน รวมทง้ั ยงั ประสบกบั ปญั หา พบวา่ เกษตรกรมคี วามพงึ พอใจในคณุ สมบตั ขิ องออ้ ยพนั ธ์ุ อทู่ อง 9 เนอื่ งจากใหผ้ ลผลติ ตอ่ ไรแ่ ละผลผลติ นำ้ ตาลสงู โรคและแมลงศตั รพู ชื นอกจากนยี้ งั เกดิ จากปญั หาการขาดแคลน ซงึ่ เปน็ คณุ สมบตั ทิ โ่ี รงงานนำ้ ตาลมคี วามตอ้ งการ ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี พนั ธ์อุ ้อยท่ีเหมาะสมในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ไดข้ ยายพนั ธุ์อ้อยอทู่ อง 9 ให้เกษตรกรได้นำไปปลูกแล้ว จำนวนมากพร้อมกับได้สร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิต ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาการเกษตรสุพรรณบรุ ี กรม ทอ่ นพนั ธอ์ุ อ้ ยอทู่ อง 9 ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั สพุ รรณบรุ ี กาญจนบรุ ี และกำแพงเพชร เพอ่ื ชว่ ยผลติ ทอ่ นพนั ธอุ์ อ้ ยอทู่ อง 9 ใหท้ นั วิชาการเกษตร ได้วิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพ่ือให้ได้ออ้ ย และเพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของเกษตรกร เกษตรกรทสี่ นใจออ้ ยพนั ธอุ์ ทู่ อง 9 สามารถสอบถาม พนั ธใุ์ หมแ่ กป้ ญั หาดงั กลา่ วใหเ้ กษตรกร โดยไดเ้ รมิ่ ปรบั ปรงุ รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ไดท้ ศ่ี นู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการเกษตร สพุ รรณบรุ ี โทรศัพท์ 0-3555-1433 และพฒั นาสายพนั ธต์ุ ามหลกั วชิ าการตง้ั แตป่ ี 2542 นำพนั ธอ์ุ อ้ ย มาผสมขา้ มโดยมพี นั ธุ์ 94-2-128 เปน็ พนั ธแ์ุ ม่ และพนั ธ ุ์ 94-2-270 เปน็ พนั ธพ์ุ อ่ จนประสบความสำเรจ็ ไดอ้ อ้ ย พันธุ์ใหม่ 99-2-168 ท่ีใหผ้ ลผลติ สงู ผา่ นการรับรอง พนั ธจุ์ ากคณะกรรมการวจิ ยั ปรบั ปรงุ พนั ธพุ์ ชื กรมวชิ าการเกษตร ใหเ้ ปน็ พนั ธรุ์ บั รองในปี 2553 ใชช้ อื่ วา่ “ออ้ ยพนั ธอ์ุ ทู่ อง 9” ออ้ ยพนั ธอ์ุ ทู่ อง 9 มลี กั ษณะเดน่ คอื ในเขตชลประทาน ใหผ้ ลผลติ สงู เฉลย่ี 17.50 ตนั /ไร่ ซงึ่ สงู กวา่ พนั ธอ์ุ ทู่ อง 3 ซึ่งเป็นพนั ธเุ์ ปรยี บเทียบทีใ่ ห้ผลผลติ เฉลยี่ 14.25 ตัน/ไร่ สำหรับในเขตนำ้ ฝนจะใหผ้ ลผลิตประมาณ 11.67 ตนั /ไร่ ในเขตชลประทาน ใหค้ วามหวานประมาณ 14 ซซี เี อส/ไร่ และใหผ้ ลผลติ นำ้ ตาล 2.45 ตนั ซซี เี อส/ไร่ สว่ น ในเขตทใี่ ชน้ ำ้ ฝนใหค้ วามหวานประมาณ 12.6 ซซี เี อสตอ่ ไร่ และใหผ้ ลผลติ นำ้ ตาลประมาณ 1.47 ตนั ซซี เี อส/ไร่ ทส่ี ำคญั คอื สามารถตา้ นทานโรคเหย่ี วเนา่ แดงไดด้ กี วา่ พนั ธอ์ุ ทู่ อง 3 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตุลาคม 2553 17

เ ส้ น ไ ห ม ใ บ ห ม่ อ น มัลเบอร์ร่ผี ลไม้จวิ๋ แต่แจว๋ ลเบอร์ร.ี่ .. ของดีภาคเหนือ วิโรจน์ แก้วเรือง ม ัลเบอร์รี่ (mulberry : Morus spp.) เปน็ เบอร์รี่ไทย เรารับประทานเข้าไปร่างกายจะย่อยเปล่ียนเป็นสารอาหาร ผลไม้ชนิดผลรวมท่ีสามารถปลูกเป็นเชิงพาณิชย์ วติ ามนิ แรธ่ าตุ ทม่ี สี รรพคณุ เปน็ ยาปอ้ งกันหรือรักษา ได้แลว้ แถมยงั เป็นทีน่ ยิ มของผ้บู รโิ ภค ซึ่งชอบรับประทาน โรคได้ โดยเฉพาะสารที่มีฤทธ์ิตา้ นอนมุ ลู อิสระ สามารถ ผลไมห้ รอื อาหารเป็นยา หรอื ท่ีนักวิชาการเรียกเสียไพเราะ ปอ้ งกันการเกิดโรคไดห้ ลายชนดิ รวมทัง้ สร้างความสมดุล เพราะพร้ิงว่า “เภสัชโภชนาภัณฑ์” พูดงา่ ย ๆ คืออาหารท่ี ของร่างกายให้เปน็ ปกติ 18 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

จากการวจิ ยั ของนกั วชิ าการกรมหมอ่ นไหมมาอยา่ ง แตไ่ มม่ กี ารผลติ ผลสด หรอื แปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ ชงิ พาณชิ ย์ ยาวนาน ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2535 หรอื เมอ่ื 18 ปที ีแ่ ล้ว เมอ่ื แตอ่ ยา่ งใด ครงั้ ยงั เปน็ สถาบันวิจัยหม่อนไหม สังกัดกรมวชิ าการเกษตร ในภาวะเศรษฐกิจตกตำ่ หลงั สงครามอ่าวเปอรเ์ ซยี มัลเบอร์รี่หรือผลหม่อนได้ถูกนำมาแปรรูปเป็นเคร่ืองด่ืม ในปี 2534 เกษตรกรผปู้ ลกู หมอ่ นเลย้ี งไหมตอ้ งเลกิ เลยี้ งไหม และอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น นำ้ ผลหมอ่ น ไวน์ เป็นจำนวนมาก เนือ่ งจากราคารังไหมตกต่ำ และผา้ ไหม หม่อน แยมหม่อน ไอศกรีมหม่อน เชอเบทหม่อน และ จำหนา่ ยไดน้ อ้ ย เนอื่ งจากเปน็ สนิ คา้ ฟมุ่ เฟอื ย ผมและเพอ่ื น เยลล่หี ม่อน ฯลฯ นักวิชาการจึงร่วมกันว่าเราควรหาวิธีการรักษาเกษตรกร ตอ่ มาคณะนกั วจิ ยั ของกรมหมอ่ นไหมไดร้ ว่ มวจิ ยั กบั ผู้ปลกู หม่อนเล้ียงไหมไว้ กอปรกบั ในขณะนัน้ นายวสนั ต์ กรมวิชาการเกษตร คณะเภสัชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ นยุ้ ภริ มย์ ผอู้ ำนวยการสำนกั พฒั นาและถา่ ยทอดเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั นเรศวร คณะแพทยศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ หมอ่ นไหม คนปจั จุบันได้นำพันธุห์ มอ่ นท่ีใหผ้ ลดกจาก มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ กระทง่ั ทราบวา่ ในผลหมอ่ น ผลไม้ เชยี งใหม่ มาปลกู ทศี่ นู ยห์ มอ่ นไหมเฉลมิ พระเกยี รตฯิ อดุ รธานี สีแดง เมื่อห่ามมรี สหวานอมเปร้ยี ว และเมื่อสกุ เตม็ ที่ ออกดอกออกผล เหน็ ไกก่ ระพือปีกขน้ึ ไปจกิ ผลหม่อนเปน็ จะมีสีม่วงเขม้ จนเหน็ เปน็ สดี ำ รสหวานจดั ผลหม่อนใน อาหารดว้ ยความอตุ สาหะ หาผลไมร้ สเลศิ กนิ จงึ เกดิ ความคดิ ระยะผลหา่ ม และผลสกุ เหมาะสมในการรบั ประทานผลสด ว่า เราน่าจะหาทางใช้ผลหม่อนให้เป็นประโยชน์ในยุคที่ หรือนำมาแปรรูปเป็นเครื่องด่ืมและอาหารที่มีรสชาติดี เกษตรกรมรี ายไดน้ อ้ ยลงจากการเลยี้ งไหม สีสวย ชวนใหร้ บั ประทานยิ่ง ในปี 2535 ผลหมอ่ นกก็ ลายมาเปน็ เครอื่ งดมื่ บำรงุ มลั เบอรร์ ี่ หรอื ผลหมอ่ น ผลไมพ้ นื้ บา้ นของชาวไทย สขุ ภาพ ต่อมาไดร้ ับความสนใจในการนำมาแปรรปู เป็น ภเู ขาในภาคเหนอื ตัง้ แตจ่ งั หวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อาหารและเคร่ืองดื่มได้หลากหลายชนิด จากการเพยี ร เชยี งราย พอใหเ้ ด็ก ๆ ได้เกบ็ กินเพราะปลูกเป็นไมร้ มิ ร้ัว พยายามในการเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รู้จักผลหม่อน หรือปลกู ไว้ในบริเวณบา้ นๆ ละ 1 - 2 ต้น กระทง่ั มชี าว ตอ่ มาอกี 5 ปี ผลติ ภณั ฑแ์ ปรรปู จากผลหมอ่ น เชน่ นำ้ หมอ่ น เมอื งเชยี งใหม่ นำมาปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั บา้ ง ไมผ้ ลรมิ รวั้ บา้ ง มัลเบอร์รผี่ ลไมจ้ ว๋ิ แต่แจ๋ว น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 19

เกษตรกรกำลงั เกบ็ ผลมลั เบอร์รี่ส่งจำหนา่ ยโรงงานแปรรปู ทโี่ ครงการฯภพู ยคั ฆ์ ไวนห์ มอ่ น แยมหม่อน และเยลล่หี มอ่ น เขา้ สู่ตลาดเปน็ มลั เบอรร์ ่ีแปรรปู เป็นมลั เบอร์รีส่ กดั เขม้ ขน้ สนิ คา้ เชงิ พาณิชย์ คณะผวู้ จิ ยั ไมไ่ ดห้ ยดุ เพยี งเทา่ น้ี ไดร้ ว่ มกนั หาคณุ คา่ ของ ไดด้ ตี ง้ั แตพ่ น้ื ทร่ี าบจนถงึ บนพนื้ ทสี่ งู ประมาณ 1,500 เมตร ผลหมอ่ นทางการแพทยก์ บั คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รงั สติ เหนอื ระดบั นำ้ ทะเล การทกี่ รมหมอ่ นไหม โดยศนู ยห์ มอ่ นไหม คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร คณะแพทยศาสตร์ เฉลมิ พระเกยี รตฯิ นา่ น ศนู ย์หมอ่ นไหมเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ไดพ้ บสารโพลฟี นี อล (polypenols) เชียงใหม่ ไดเ้ ข้าไปบุกเบิกส่งเสรมิ การปลูกหม่อนผลสด สารแอนโธไซยานนิ (anthocyanin) ซง่ึ เปน็ สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ พันธเุ์ ชียงใหม่ พันธ์ทุ ่ีกรมหมอ่ นไหมไดพ้ ิสูจนแ์ ลว้ ว่าเป็น ตลอดจนกรดโฟลิก และกรดอะมิโน ทีจ่ ำเป็นต่อร่างกาย พนั ธุท์ ่ใี ห้ผลผลติ สงู ท่ีสดุ ในขณะน้ี ครบทกุ ชนดิ ทำให้ผลหม่อนเป็นทีต่ ้องการของผ้บู ริโภค เพียง 2 ปี หลังการสง่ เสรมิ การปลกู หม่อนผลสด อยา่ งกว้างขวาง อยา่ งจริงจงั ในภาคเหนอื ผลติ ภัณฑ์นำ้ มัลเบอร์ร่ี มลั เบอรร์ ี่ ดังจะเห็นได้จากการออกร้านในงานเกษตรต่างๆ สกดั มลั เบอรร์ เี่ ขม้ ขน้ ไดอ้ อกสผู่ บู้ รโิ ภคทวั่ ประเทศ ทจ่ี ำเปน็ จะมตี น้ หมอ่ น ผลสดจำหนา่ ยทกุ งาน โดยจะเหน็ ไดจ้ ากงาน ต้องใช้คำว่า “มัลเบอรร์ ี่” แทนคำว่า “หม่อน” เกษตรแฟร์ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระหวา่ งวนั ที่ เนื่องจากเป็นกระแสของการนิยมบริโภคผลไม้ 29 มกราคม - 7 กมุ ภาพันธ์ 2553 มีร้านท่จี ำหน่ายหม่อน “เบอรร์ ”ี่ ทพี่ บวา่ มสี ารสแี ดง สมี ว่ ง ซง่ึ นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ทย ผลสดสายพนั ธตุ์ า่ งๆ ถงึ 13 รา้ น ในราคาตงั้ แต่ 40 - 300 บาท/ตน้ แลว้ แตจ่ ะโฆษณาวา่ พนั ธห์ุ มอ่ นของตนผลดกหรอื ผลใหญ่อย่างไร แต่ผู้ท่ีซ้ือไปปลูกจะได้คือ ผลหม่อน... ผลไมจ้ ๋วิ แตแ่ จ๋ว ภาคเหนือ แหลง่ ผลิตผลหม่อนท่มี ีคณุ ภาพและ ใหผ้ ลผลติ สงู เน่อื งจากมีอุณหภูมทิ ่เี หมาะสม สภาพดนิ สว่ นใหญเ่ หมาะสมตอ่ การปลกู หมอ่ นผลสด และสามารถปลกู 20 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

และเทศ พบว่า เป็นสารต้านอนุมูลอสิ ระ ซ่งึ มคี ุณคา่ อนันต์ รวมถึงการทำการเกษตรปลอดสารและครบวงจร ทัง้ ดา้ น ในการลดความเส่ยี งการเกดิ โรคมะเรง็ และโรคอน่ื ๆ ได้ การผลติ การแปรรูป การสรา้ งมลู คา่ เพ่มิ ของผลผลิตและ หลายชนิด และหมอ่ นเปน็ เบอร์รี่ชนดิ หนึง่ ทมี่ คี ุณสมบตั ิ การจำหนา่ ยผลติ ผลทางการเกษตร โดยมรี าษฎรเปา้ หมาย เช่นนน้ั จึงตอ้ งใชค้ ำว่ามัลเบอร์รี่ เพือ่ ใหอ้ ยใู่ นกระแสนิยม 4 หม่บู ้าน ดังนี้ ดว้ ยเชน่ กัน และสามารถเป็นผลิตภณั ฑ์ทสี่ ามารถยนื หยัด 1. บา้ นนำ้ รพี ัฒนา หมู่ 12 จำนวน 198 หลังคา อยไู่ ด้ในตลาดถงึ ทกุ วนั นี้ เรือน 849 คน ภพู ยคั ฆ์ เปน็ แหง่ แรกทมี่ กี ารสง่ เสรมิ การปลกู หมอ่ น 2. บา้ นนำ้ ช้างพัฒนา หมู่ 11 จำนวน 171 หลงั คา ผลสด ภพู ยคั ฆเ์ ปน็ แหลง่ พำนกั ของอดตี คอมมวิ นสิ ต์ กลายเปน็ เรือน 748 คน แหล่งผลิตผลหม่อนสดรสเลิศ ผลใหญ่ สะใจโก๋ ทา่ นจะได้ 3. บ้านหว้ ยกานต์ หมู่ 1 จำนวน 113 หลังคา สัมผัสกับทุกส่ิงที่กล่าวมาเมื่อท่านแวะมาท่ีสถานีพัฒนา เรอื น 516 คน การเกษตรท่ีสูงตามพระราชดำริภูพยัคฆ์แห่งน้ี ซึ่งต้ังอยู่ 4. บา้ นก่วิ จันทร์ หมู่ 10 จำนวน 103 หลังคา ทบี่ า้ นน้ำรี หมู่ 12 ตำบลขนุ นา่ น อำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ เรอื น 526 คน จังหวดั นา่ น ซงึ่ ราษฎรทง้ั หมดเปน็ ชาวไทยภเู ขาเผา่ ลวั ะ ประกอบ การก่อต้ังสถานีพัฒนาการเกษตรท่ีสูงตาม อาชพี เกษตรกรรม เชน่ หม่อนผลสด กาแฟ และพืชผกั พระราชดำริภูพยคั ฆ์นนั้ สบื เนอ่ื งมาจาก เมอื่ วันท่ี 12 ปลอดสาร รวมทง้ั การทำนาแบบขน้ั บนั ได ซงึ่ เปน็ การอนรุ กั ษ์ มกราคม 2546 สมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ หนา้ ดนิ โดยราษฎรจะตอ้ งมาลงทะเบยี นกลมุ่ ผปู้ ระกอบอาชพี ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพื้นที่ปา่ ไม้ บรเิ วณ ปัจจุบันการปลูกหม่อนผลสดของที่นี่มีแนวโน้ม ภพู ยัคฆ์ ซง่ึ บริเวณดงั กล่าวมสี ภาพถกู บกุ รกุ แผ้วถาง เป็น เพมิ่ มากขน้ึ เนอื่ งจากมกี ารสง่ เสรมิ ใหร้ าษฎรเพม่ิ พนื้ ทป่ี ลกู ป่าเสอ่ื มโทรมนบั พันไร่ และมีแนวโน้มถูกบุกรกุ เพ่ิมขึ้น เพราะหม่อนผลสดเร่ิมได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เน่ืองจากราษฎรมีความต้องการใช้ท่ีดินทำการเกษตร เพมิ่ มากยงิ่ ขนึ้ จนทำใหผ้ ลผลติ ทผี่ ลติ ไดใ้ นสถานพี ฒั นา ในลักษณะทำไรเ่ ลอ่ื นลอย พลเอก ณพล บญุ ทับ รอง การเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ภพู ยคั ฆ์ ไมเ่ พียงพอต่อ สมุหราชองครกั ษ์ กราบบงั คมทลู ถวายรายงานเพอ่ื ทรง ความตอ้ งการของตลาด โดยทางสถานฯี จะรบั ซอ้ื หม่อน ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงโปรดเกล้าให้จดั ตั้งสถานี ผลสดจากราษฎรในราคากิโลกรมั ละ 30 บาท เพื่อนำมา พฒั นาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริแห่งนขี้ ึ้น แปรรปู เปน็ นำ้ หม่อนเข้มข้น ปัจจุบันสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตาม นอกจากนนั้ ยงั มกี ารคดั ผลเพือ่ จำหนา่ ยผลสด ซ่งึ พระราชดำริภูพยัคฆ์ มพี ้ืนทปี่ ระมาณ 500 ไร่ จดั ตง้ั เปน็ จะจำหนา่ ยในราคากโิ ลกรมั ละ 100 บาท และไดร้ บั ความนยิ ม ศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการเกษตรแผนใหม่ และการเกษตรทยี่ งั่ ยนื เพ่ิมมากข้ึนเร่ือยๆ แต่ยังมีปัญหาเรื่องการขนส่ง เน่ืองจาก ระยะทางคอ่ นข้างไกล ทำให้ผลผลิตหม่อนผลสดชำ้ และ มลั เบอร์รีแ่ ปรรปู เป็นมลั เบอร์ร่สี กดั เขม้ ขน้ เสียง่าย นค่ี ือโจทย์วิจยั ของพวกเรา คณะของเราได้มาเยือนภูพยัคฆ์ในช่วงฤดูร้อน ปลายเดอื นมนี าคม 2553 และอยใู่ นชว่ งปลายฤดเู กบ็ เกย่ี ว ผลหมอ่ นสด แตก่ ย็ งั เหน็ ผลหมอ่ นทมี่ ขี นาดใหญก่ วา่ ปกติ สมี ่วงดำอย่กู บั ตน้ จำนวนมาก ส่วนหนง่ึ เจา้ หนา้ ทไี่ ด้เกบ็ ผล ใสต่ ะกรา้ มาเกบ็ ไวใ้ นตเู้ ยน็ รอการแปรรปู เปน็ นำ้ ผลหมอ่ น เขม้ ข้น คุณวิทยา ไพศาลศักดิ์ หัวหนา้ สถานีพัฒนา การเกษตรทสี่ งู ตามพระราชดำรภิ พู ยคั ฆ์ไดใ้ หเ้ กยี รตมิ าตอ้ นรบั ดว้ ยตนเอง พาชมโรงงานแปรรปู หมอ่ นผลสดเปน็ นำ้ หมอ่ น น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 21

เขม้ ขน้ และน้ำหมอ่ นพรอ้ มด่ืม เปน็ โรงงานขนาดเล็ก แต่มี และยงั มสี ำนัก 708 ซึ่งในอดตี เปน็ ทต่ี ง้ั ศนู ยก์ ลางพรรค ความสะอาดและผลิตไดถ้ กู สขุ ลกั ษณะ ผ่านการรับรองจาก คอมมวิ นิสต์แห่งประเทศไทย องคก์ ารอาหารและยา ผลติ ภณั ฑท์ ีไ่ ดจ้ ะสง่ ลงมาจำหนา่ ย ปจั จบุ นั ยงั มสี งิ่ ปลกู สรา้ งทย่ี งั คงสภาพดี ไมว่ า่ จะเปน็ ท่ีร้านภูพยัคฆ์ ในตัวเมืองจงั หวัดนา่ น และรา้ นโกลเด้น กระท่อมลุงคำตัน ซ่ึงจำลองมาจากกระท่อมจริงของ เพลสในกรงุ เทพ ลุงคำตนั หรือ พันโท พโยม จุลานนท์ อดตี ผู้นำพรรค พวกเราเพลิดเพลินกับการเก็บผลหม่อนสดจากต้น คอมมวิ นสิ ตฝ์ า่ ยทหาร เปน็ บดิ าของพลเอกสรุ ยทุ ธ์ จลุ านนท์ เกบ็ ไปกินไปพร้อมบันทึกภาพอยา่ งไมร่ เู้ บื่อ อาหารคำ่ และ องคมนตรี อดีตนายกรฐั มนตรี และกระทอ่ มของเหลา่ ผู้นำ อาหารเช้าทสี่ ถานฯี กอ็ ร่อยไม่แพ้ภตั ตาคารชัน้ หน่งึ ใน พรรคคอมมวิ นิสต์ หรอื จะเป็นอุโมงคใ์ ตด้ นิ ซง่ึ ใช้เป็นท่ี เมืองน่าน ยง่ิ ไดบ้ รรยากาศขนุ เขา อากาศหนาวเยน็ แม้จะ หลบภัยในการสรู้ บในสมยั น้ัน และเตาหงุ หาอาหาร เมือ่ เปน็ ฤดรู อ้ น ยง่ิ จะทำให้ทกุ คนเขม็ ขดั สัน้ กนั เป็นแถว เหตกุ ารณส์ งบลง สำนกั 708 จงึ กลายเปน็ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว สถานท่พี ักกม็ หี ลายรูปแบบให้เลือก จะมาเปน็ คม่ี า และเรยี นรสู้ ำหรบั ผ้สู นใจ เปน็ คู่ เปน็ หมคู่ ณะกไ็ มม่ ปี ญั หา ทสี่ ำคญั คอื ตอ้ งตดิ ตอ่ เจา้ หนา้ ท่ี ท้ังหมดท่ีกล่าวมาเป็นเพียงแค่ส่วนหน่ึงของสถานี สถานฯี จองท่ีพักและอาหารล่วงหน้า ได้ท่เี บอรโ์ ทรศพั ท์ พัฒนาการเกษตรทสี่ ูงตามพระราชดำรภิ พู ยคั ฆ์ ทเ่ี หลือ 0-5473-0330-1, 0-5473-1717 หรอื ตดิ ตอ่ ผ่าน ยังรอใหท้ ่านมาพสิ จู นด์ ว้ ยตาของทา่ นเอง ศนู ย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกยี รติฯ นา่ น ก็ยินดีประสาน ภสู ะจกุ - สะเกย้ี ง วนั รงุ่ ขน้ึ เราเดนิ ทางจากภพู ยคั ฆ์ ให้โดยไมค่ ิดคา่ นายหน้า เราเองก็สัญญาว่าจะกลบั มาอกี ไปภสู ะจกุ - สะเก้ยี ง อันเปน็ ท่ีตัง้ ของบา้ นสะจกุ - สะเก้ียง ในปีหนา้ เปน็ พนื้ ทเ่ี ขาหวั โลน้ ทมี่ กี ารแผว้ ถางและเผาปา่ จนเกลย้ี งดอย นอกจากเรอื่ งสนิ คา้ และอาหารทปี่ ลอดภัยแลว้ ที่น่ี เช่นเดียวกันมีการปลูกหม่อนผลสดส่งไปแปรรูปท่ีโรงงาน ยงั มสี ถานที่ท่องเที่ยวทน่ี ่าสนใจ ไม่ว่าจะเปน็ อนุสรณส์ ถาน ของภพู ยคั ฆ์ และจะมกี ารแปรรปู เป็นผลิตภัณฑเ์ อง ใน ภพู ยคั ฆ์ ซง่ึ ดา้ นหลงั เปน็ อาคารพพิ ธิ ภณั ฑช์ นชาตลิ ว้ั และมง้ อนาคตอันใกลน้ ี ้ น้ำมลั เบอร่ีเขม้ ข้น 22 น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 5 กันยายน - ตุลาคม 2553

แปลงเพาะชำหมอ่ นผลสด ของศนู ยห์ มอ่ นไหมเฉลมิ พระเกียรตฯิ น่าน หมบู่ า้ นสะจุกและหม่บู า้ นสะเก้ียง  ตั้งมาประมาณ  ในครวั เรอื น การไหวผ้ ไี รจ่ ะใช้ ไก ่ หม ู เปด็  อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ 55 ป ี เรมิ่ แรกมปี ระมาณ 3 หลงั คาเรอื น อยรู่ วมกนั  จำนวน ก็ได้ จำนวน 1 ตวั เหลา้  1 ขวดและธปู เทียน มกี ารปักเสา 5 - 6 ครอบครวั  ตง้ั อยใู่ นพนื้ ทหี่ มบู่ า้ นทอ่ี ยใู่ นปจั จบุ นั และ 3 - 4 ต้น  คลา้ ยกระโจม แล้ววางไม้ไผ่สานไว้ด้านบน ไดม้ กี ารขยายจำนวนครวั เรอื นมากขนึ้ ทงั้ จากคนในหมบู่ า้ นเอง เพือ่ วางเครอ่ื งเซ่นขณะทำพธิ ี และบางสว่ นอพยพมาจากที่อ่ืน  ตอ่ มาได้เกิดโรคระบาด จากวิถชี วี ติ ของราษฎรในพ้ืนทจ่ี ะพบว่า ความเชอ่ื ในหมบู่ า้ นมหี ลายคนตายโดยไมท่ ราบสาเหต ุ จงึ มกี ารอพยพ ของชุมชนเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ในชุมชนเอง ลงมาต้ังถิ่นฐานทางตอนใต้ของหมู่บ้านเดมิ แต่กย็ งั มคี น เชน่  การทำการเกษตร การอนรุ กั ษป์ า่ ตน้ นำ้ เพยี งแต่พน้ื ที่ ลม้ ตายอกี  จงึ อพยพกลบั มาตง้ั ถนิ่ ฐานท่เี ดมิ อีกครั้ง และ ป่าตน้ นำ้ ทอ่ี นรุ ักษม์ ีขนาดเลก็ เกนิ ไปจนไมส่ ามารถ ใช้ ได้อาศัยอยู่จนถึงปัจจุบนั นี้ ประโยชน์อยา่ งยั่งยนื ได้ หมู่บ้านสะเก้ียงซ่ึงต้ังอยู่บนสันเขามีพ้ืนท่ีจำกัด ภฟู ้า เปน็ ท่ีตั้งของโครงการพระราชดำริในสมเด็จ แตม่ จี ำนวนประชากรหนาแน่น สว่ นหมบู่ ้าน สะจกุ เปน็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เม่อื ปี 2542 ชมุ ชนตอนลา่ ง เสน้ ทางคมนาคมสะดวกกว่าแตป่ ระชากร เพอื่ สรา้ งตน้ แบบการพฒั นาพนื้ ทอ่ี ยา่ งยง่ั ยนื และบรู ณาการ น้อยกว่า  ทั้งการประกอบอาชีพด้านการเกษตรและการแปรรูป มปี ระชากรทงั้ สองหมบู่ ้าน 214 ครัวเรือน จำนวน ต้ังอยูท่ บ่ี ้านผาสุก ต.ภูฟา้ อ.บ่อเกลือ จ.นา่ น เป็นแห่งท่ี 3 957 คน ส่วนใหญใ่ นพ้นื ทเ่ี ปน็ ชาวเขาเผา่ ล๊วั ะ  นบั ถือผี ท่ีเรามาเยอื น และมีประเพณีการไหวผ้ ีเปน็ ประจำหลายครง้ั ต่อป ี เชน่   ปัจจุบันมีการส่งเสริมการปลูกหม่อนผลสด ส่ง การไหว้ผีบวก เพ่ือแสดงความเคารพพื้นทตี่ น้ นำ้ ทรี่ าษฎร ผลผลิตจำหน่ายใหศ้ ูนย์ภูฟา้ เพ่อื แปรรูปเปน็ แยมหมอ่ น เรยี กวา่ “บวกหลม่ ” จำนวน 2 ครง้ั ตอ่ ปี ในเดอื นพฤษภาคม ขณะนอ้ี ยู่ระหวา่ งการย่นื ขอเครื่องหมาย อย. เกษตรกรที่ และตลุ าคมของทุกปี โดยสร้างศาลเลก็ ๆ ใต้ตน้ ไม้บรเิ วณ ภูฟา้ เริ่มเกบ็ ผลหม่อนส่งโรงงานแปรปู ได้แลว้ ในราคา บวกหล่มแลว้ วางเคร่อื งเซน่   กิโลกรมั ละ 30 บาท คาดว่าแต่ละรายจะมรี ายได้จากการ นอกจากนยี้ งั มกี ารไหวผ้ ไี ร่ 2 ครงั้ ในชว่ งตน้ ขา้ วไร่ ปลูกหมอ่ นผลสด ปีละประมาณ 20,000 บาทต่อราย โตสูงได้ประมาณ 20 เซนติเมตร เพื่อให้ข้าวที่ปลูก ดอยมอ่ นล้าน เปน็ ที่ตั้งโครงการสถานีพฒั นาการ เตบิ โตดี และมกี ารไหวผ้ ไี รอ่ กี ครง้ั หลงั จากเกบ็ เกยี่ วผลผลติ เกษตรท่ีสูงตามพระราชดำริ ดอยมอ่ นล้าน แหล่งผลิต แล้วเสรจ็   เพ่อื เป็นการขอบคณุ ผไี ร่ท่ีทำให้ได้ขา้ ว มากนิ น้ำมัลเบอร์รพี่ ร้อมด่ืม ด้วยเมื่อวนั ท่ี 28 มกราคม 2547 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 23

สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตร ปจั จบุ นั ศนู ยห์ มอ่ นไหมเฉลมิ พระเกยี รตฯิ เชยี งใหม่ พื้นทบี่ ริเวณดอยมอ่ นล้าน บ้านอาแย หมู่ที่ 3 ตำบลไหน่ ไดส้ ง่ เสรมิ การปลกู หมอ่ นผลสด และตงั้ โรงงานแปรรปู ผลหมอ่ น อำเภอพรา้ ว จงั หวัดเชียงใหม่   เปน็ น้ำมัลเบอร์ร่ี สรา้ งรายได้มากกวา่ ปลี ะ 200,000 บาท ทรงพบว่าพื้นท่ีดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ นบั วา่ เป็นรายไดท้ ่ไี ม่น้อยเลย ศรลี า้ นนา ถกู บกุ รุกแผว้ ถางทำไรห่ มุนเวียนเปน็ บรเิ วณ ดังนัน้ ท่านท่ีสนใจการท่องเที่ยวเชงิ อนุรักษ์ การ กว้างประมาณ 11,000 ไร่ ทรงหว่ งใยว่าถ้าไม่มีการบรหิ าร ท่องเท่ยี วเชงิ เกษตร รับรองไมผ่ ดิ หวัง ที่จะหาโอกาสไป จดั การในการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินอยา่ งเหมาะสม พืน้ ทปี่ ่า เยอื นภพู ยคั ฆ์ และภสู ะจกุ - สะเกยี้ ง อ.เฉลมิ พระเกยี รตฯิ ตน้ นำ้ กจ็ ะถกู บุกรกุ เกิดความเสียหายเพ่ิมมากขึน้ ส่งผล จ.น่าน ซ่งึ ทภ่ี ูพยัคฆจ์ ะมีซงึ่ พักทตี่ ง้ั อย่บู นเนินเขา มองเหน็ กระทบต่อเขตอุทยานแหง่ ชาติศรีลา้ นนา ซ่งึ เปน็ ตน้ กำเนดิ ววิ ทวิ ทศั นท์ เี่ ปน็ พน้ื ทก่ี ารเกษตรเขยี วขจี สว่ นทภ่ี สู ะจกุ - สะเกย้ี ง ของลุ่มน้ำแม่งัด สาขาแม่นำ้ ปงิ ตอนบนทำใหป้ ระมาณนำ้ มเี พยี งพื้นที่ซึง่ เปน็ ลานให้ทา่ นไดก้ างเตน๊ ท์ฟรี โดยไมม่ ี ในเข่อื นแม่งดั ลดลงส่งผลกระทบโดยตรงตอ่ ชาวเชียงใหม่   ค่าใช้จ่าย สมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ  ทรงมี สว่ นทา่ นทสี่ นใจไปแอว่ ดอยมอ่ นลา้ น จะไดร้ บั ประทาน พระราชดำริให้จัดตั้งพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานีพัฒนา น้ำมัลเบอร์รีส่ ดๆ รสอรอ่ ยบนดอยสงู ซ่ึงมบี ้านพักรบั รอง การเกษตรทสี่ งู ตามพระราชดำรดิ อยมอ่ นลา้ น ดแู ลราษฎร นกั ท่องเทยี่ วไวห้ ลายหลงั การเดนิ ทางควรใช้รถขับเคล่อื น จำนวน 3 หมูบ่ า้ น 567 ครวั เรอื นโดยมพี ระราชดำริแก่ 4 ล้อ เนอื่ งจากเปน็ เขาสงู ชนั และบางชว่ งยังเป็นถนนลกู รัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พัฒนาความเป็นอยู่และบรรเทา สำหรับรายละเอียดข้อมูลการเดินทางและติดต่อท่ีพัก ความเดอื ดรอ้ นแก่ราษฎร  ใหส้ ถานีเป็นแหล่งจ้างงานแก่ สามารถติดตอ่ ไดท้ ี่ ศูนย์หมอ่ นไหมเฉลิมพระเกียรตฯิ ราษฎรในพน้ื ท ี่ อกี ทงั้ เปน็ แหลง่ การเรยี นร ู้ ดา้ นการเกษตร เชยี งใหม่ โทรศพั ท์ 0-5311-4097 ป่าไม ้ ปศุสัตว์  การฝกึ อบรมอาชีพ รวมทง้ั การอนุรกั ษ์ สภาพป่าและสิ่งแวดล้อมแหล่งต้นน้ำลำธารให้กลับคืนสู่ สภาพสมบูรณ์ดังเดมิ บรรยากาศและธรรมชาตอิ ันบรสิ ุทธแ์ิ ละสวยงาม 24 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 5 กันยายน - ตุลาคม 2553

มุ ม ม อ ง พื ช ส ว น ทงุ่ ปทมุ มาภายในศนู ย์วิจยั และ พัฒนาการเกษตรแพร่ บัวช้ันชมพู ทุมมา… จากป่าสู่เมือง สร้างรายได้สู่ชุมชน ไ ม้ดอกชนดิ หนึง่ ทีค่ นไทย โดยเฉพาะคนทอ้ งถิ่นเหน็ รฐั ศักดิ์ พลสิงห์ เปน็ ดอกไมธ้ รรมดา ๆ แต่ชาวตา่ งประเทศเหน็ เปน็ ดอกไม้ท่ีสวยงาม เทียบเท่า “ทิวลิป” จนมีช่ือเรียก ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการเกษตรแพร่ สถานทจ่ี ดั งาน ดอกไม้ชนิดนี้ในต่างประเทศว่า “สยามทิวลปิ ” พระยาวินิจวนันดร พบดอกไม้พ้ืนเมืองในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีชอ่ื ทอ้ งถิน่ ว่า กระเจยี วบวั เพราะ รูปร่างชอ่ ดอกคลา้ ยดอกบวั จงึ นำไปถวาย พระวินัยโกศล วดั เจดยี ห์ ลวงวรวหิ าร จังหวดั เชียงใหม่ ต่อมาจึงเปล่ยี น ช่อื เรียกดอกไม้นน้ั จาก กระเจียวบวั เป็น ปทุมมา น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553 25

ในปี พ.ศ. 2519 ดร.พศิ ษิ ฐ ์ วรอไุ ร ไดน้ ำปทมุ มาขนึ้ ไป ศนู ยว์ ิจยั และพัฒนาการเกษตรแพร่ สถานทีจ่ ดั งาน ปลกู ในพนื้ ทวี่ จิ ยั ของโครงการหลวงหว้ ยทงุ่ จอ๊ และใหช้ อ่ื พนั ธปุ์ ทุมมาต้นนั้นวา่ พันธเุ์ ชยี งใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 เรมิ่ มีการสง่ ออกเหงา้ ของ ปทุมมาพันธ์ุนี้ไปต่างประเทศคร้ังแรก โดยนายอุดร คำหอมหวาน จนกลายเปน็ ไมด้ อกทตี่ า่ งประเทศใหค้ วามสนใจ และมมี ูลค่าการสง่ ออกเปน็ อนั ดบั ท่ี 2 รองจากกลว้ ยไม้ ร้จู ักปทมุ มา ปทมุ มา มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Curcuma alismatifolia อยูใ่ นวงศ์ Zingiberaceae เช่นเดยี วกบั กระเจยี ว ขิง ขมิ้น ฯลฯ เปน็ พชื ล้มลกุ ใบเลยี้ งเดีย่ ว ทม่ี ีลำต้นใต้ดนิ ทำหน้าที่ สะสมอาหาร เรียกว่า เหงา้ หรือหวั มถี ่ินกำเนิดอยู่ใน แถบอนิ โดจนี พมา่ และไทย สำหรับในประเทศไทยจะพบเห็นปทุมมาได้แทบ ทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือและ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ประกวดการจดั ดอกไม้ (ปทุมมา) การจัดสวนภายในงานด้วยปทุมมาหลากหลายพนั ธ ุ์ ลักษณะของรากปทมุ มาจะเป็นรากฝอย รากบาง ส่วนสะสมอาหารใกล้ปลายราก ทำให้รากบวมเป็นตุ่ม ขนาดใหญส่ ีขาว ลำต้น เปน็ ลำต้นเทยี มเกิดจากตาข้าง ของเหงา้ ประกอบดว้ ย กาบใบหอ่ รวมตัวกันแน่น งอก พน้ ดินขึ้นมาในฤดฝู น ใบ เปน็ ใบเดยี่ วรปู หอก มีขนาด ต่างกันขึ้นอยูก่ บั สายพันธุ์ ดอก ออกทป่ี ลายยอดของลำต้นเทยี ม ลกั ษณะเป็น ช่อดอกแนน่ มใี บประดับโอบรอบโคนชอ่ ดอกยอ่ ย ทำให้ เหน็ ใบประดบั เรยี งซอ้ นกัน โดยเรียงกันเปน็ เกลียวหรือ เป็นแถว ช่อดอกมลี ักษณะคลา้ ยทรงกระบอกหรอื กระสวย ส่วนโคนของใบประดับเชื่อมติดกันเกิดเป็นลักษณะคล้าย ถว้ ยซอ้ นกัน ดอกจรงิ จะอยใู่ นซอกของใบประดบั แตล่ ะ ใบประดบั จะมดี อกอยรู่ วมกนั หลายดอก ดอกในชอ่ เดยี วกนั จะบานไม่พร้อมกัน  ปกติปทุมมาจะออกดอกในฤดฝู น โดยเฉพาะช่วง เดอื นสงิ หาคม และจะทงิ้ ดอกและใบเหลือแตเ่ หง้า หรือ ลำต้นใต้ดินในฤดหู นาว  ตงั้ แต่เดอื นพฤศจกิ ายนเป็นตน้ ไป ซง่ึ เป็นระยะพกั ตัว จนถึงฤดฝู นจงึ งอกใบขนึ้ พ้นพ้นื ดิน อกี ครง้ั หน่งึ 26 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

ขาว 115 การจัดสวนภายในงานด้วยปทมุ มาหลากหลายพันธุ ์ ปทุมมา จะเจรญิ เติบโตทางลำตน้ และให้ดอกใน ต่างชาติแอบจดสิทธบิ ตั ร ชว่ งฤดฝู นราวเดือนมถิ ุนายนถึงเดอื นกันยายน จากนนั้ จะทิ้งใบจนหมดแล้วพักตัวอยู่ในดินตลอดช่วงฤดูหนาว อย่างไรกต็ าม แมว้ ันนี้ปทุมมา จะเปน็ ดอกไม้ท่ีมี ราวเดอื นธันวาคม ถงึ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ เมอ่ื ถงึ ฤดูฝนกจ็ ะ สีสนั สวยงามสะดุดตาและมีความคงทน แตค่ นไทยกลบั เจริญเตบิ โตออกดอกอีกครัง้ ไมร่ จู้ กั กนั อยา่ งแพรห่ ลาย ในขณะทช่ี าวตา่ งชาติ กลบั ชน่ื ชม ดอกปทุมมามรี ูปทรงสง่าและมสี ีสันสวยงาม เป็นที่ ใหค้ วามสนใจนำปทมุ มาไปปรบั ปรงุ สายพนั ธใุ์ หม้ คี วามสวยงาม ประทับใจแก่ผทู้ ่ีได้พบเห็น จนไดร้ ับการส่งเสริมให้เป็น โดดเด่นเพมิ่ มากขึน้ ไม้ตัดดอกและเก็บหัวพันธ์ุเพื่อส่งไปขายยังต่างประเทศ ในตา่ งประเทศมกี ารปลกู ปทมุ มากนั มาก โดยเฉพาะ เป็นท่ีประทับใจและช่ืนชอบของชาวต่างประเทศจนได้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้มีความพยายามที่จะยน่ื จด สมญาวา่ สยามทวิ ลิป (Siam Tulip) ดังทไ่ี ด้กลา่ วมาแล้ว สทิ ธบิ ตั รพนั ธป์ุ ทมุ มาใหเ้ ปน็ พชื ทมี่ ถี นิ่ กำเนดิ ในเนเธอรแ์ ลนด์ สยามทวิ ลปิ เปน็ ไม้ดอกทมี่ ีศกั ยภาพในการสง่ ออก จนทำให้กรมวิชาการเกษตรจึงนำคณะนักพฤกษศาสตร์ โดยมมี ลู คา่ ในการสง่ ออกสูงเปน็ อันดบั 2 ของไทยรองจาก ของไทยเดินทางไปยังกรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส ซ่งึ เป็น กลว้ ยไม้ โดยมมี ลู ค่าการสง่ ออกปีละประมาณ 30 - 40 แหลง่ รวบรวมพันธ์พุ ืชคมุ้ ครองของสหภาพยุโรป เพอื่ ลา้ นบาท ซงึ่ ไมเ่ พียงพอกับความต้องการของตลาดโลก ทม่ี ี ตรวจสอบข้อมูลการย่ืนจดสิทธิบัตรคุ้มครองพันธุ์ปทุมมา ความตอ้ งการหวั ปทมุ มาไมน่ อ้ ยกวา่ 200 ลา้ นบาทตอ่ ปี ท่เี นเธอร์แลนดแ์ อบอา้ งสทิ ธิ โดยมีตลาดนำเข้าหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ นายสมชาย ชาญณรงคก์ ลุ อธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร สหรฐั อเมรกิ า เยอรมนี โปรตุเกส อิสราเอล เบลเยียม กลา่ วว่า ปจั จุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกหัวพันธุ์ปทมุ มา อติ าลี จีน และไตห้ วนั เป็นต้น รายใหญ่ของโลก มูลค่าการสง่ ออกมีแนวโนม้ ท่ีจะเพมิ่ ขึน้ จาก 30 - 40 ล้านบาทเปน็ 100 ลา้ นบาท ดังนน้ั หาก พบว่าปทมุ มาที่เนเธอร์แลนดอ์ ้างสิทธิ เปน็ พันธป์ุ ทมุ มา น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบบั ท่ี 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553 27

ของไทย กรมวิชาการเกษตรจะย่ืนคดั ค้านการจดสิทธิบตั ร บลูมนู พนั ธพ์ุ ชื ดงั กลา่ วทนั ที เพอ่ื ปกปอ้ งพนั ธพุ์ ชื ไทยไมใ่ หต้ า่ งชาติ ขโมยพนั ธไ์ุ ปได้ ขณะเดยี วกนั ยงั เปน็ การปกปอ้ งตลาดสง่ ออก สร้างชือ่ เสยี งทวิ ลปิ ไทย หัวพนั ธป์ุ ทมุ มาของไทยดว้ ย “หากปลอ่ ยใหอ้ ียู ขึน้ ทะเบยี น และจดสทิ ธบิ ตั ร ในปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร ปทมุ มาเป็นพนั ธุ์พชื คุ้มครองของอียูได้ อนาคตจะส่ง และสหกรณ์ ไดใ้ ห้ความสำคญั ในการศึกษา วิจัย และ ผลกระทบตอ่ การสง่ ออกหวั พนั ธป์ุ ทมุ มาของไทยอยา่ งมาก พฒั นาพนั ธป์ุ ทมุ มา รวมทงั้ การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ โดยผสู้ ง่ ออกตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยใหก้ บั ประเทศทย่ี นื่ จดสทิ ธบิ ตั ร ปทุมมาให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ จึงได้จัดงาน เอาไว้ ซ่ึงจะทำใหม้ ตี น้ ทนุ สูงขน้ึ กรมวชิ าการเกษตรจำเปน็ “เทคโนโลยกี า้ วไกล วชิ าการกา้ วหนา้ ปทมุ มาทวิ ลปิ ไทย ต้องเร่งตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด ทั้งเอกสารเกี่ยวกบั สรา้ งรายได้สชู่ ุมชน” ขึ้นมา ณ ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการ พนั ธป์ุ ทมุ มาทเ่ี นเธอรแ์ ลนดข์ อยน่ื จดสทิ ธบิ ตั ร พรอ้ มดงู าน เกษตรแพร่ จังหวัดแพร่ เม่ือเร็วๆ นี้ โดยมี นายอนันต์ ในเนอรส์ เซอรแี่ ละแปลงปลกู ทดสอบ โดยตอ้ งตรวจสอบ สุวรรณรตั น์ รองอธิบดีกรมวชิ าการเกษตร เป็นประธาน ลกั ษณะตน้ ลกั ษณะหวั ลกั ษณะใบ และลกั ษณะดอก อยา่ งไร ในพิธีเปดิ งาน กต็ ามถา้ พิสจู นแ์ ลว้ พบว่า ปทมุ มาท่เี นเธอร์แลนด์อ้างสิทธิ รองอธบิ ดีฯ อนนั ต์ กล่าววา่ ปทมุ มาเป็นดอกไม้ที่ เปน็ ปทุมมาตา่ งชนดิ กับพนั ธปุ์ ทุมมาของไทย จึงจะยอมให้ ควรคา่ แกก่ ารอนุรกั ษ์เปน็ สมบัตขิ องชาติ ไมด้ อกในกลมุ่ ขึ้นทะเบยี นพนั ธุ์พืช และจดสิทธิบตั รได”้ อธบิ ดีกรมวชิ า ปทุมมามีความเด่นตรงท่ีก้านช่อดอกยาวใช้เป็นไม้ตัด การเกษตรกลา่ ว ดอกได้ มีกา้ นช่อเลก็ ไม่อมนำ้ จึงใช้นำ้ น้อย ลักษณะดอก เปน็ ทนี่ า่ ยนิ ดวี า่ ขณะน้ี ผทู้ ข่ี อยน่ื จดสทิ ธบิ ตั รดงั กลา่ ว มีหลายรูปทรงทง้ั บัวตูม บัวบาน แต่พันธุ์แรกทพ่ี บ เปน็ ไดถ้ อนเรอื่ งออกไปหมดแลว้ นถี่ า้ ไทยไมเ่ คลอ่ื นไหวคดั คา้ น บัวตูมมีความสวยท่ีสุดอยู่ที่จังหวัดเชียงราย เพราะมี เสยี ก่อน ต่างชาตกิ ็จะถือโอกาสแอบอา้ งเป็นเจ้าของพันธ์ุ อากาศเยน็ ชน้ื และมแี สงแดด สว่ นประเทศอน่ื ทม่ี แี สงนอ้ ย ปทมุ มาไปเสยี ฉบิ ไม่สามารถปลกู ไมต้ ดั ดอกชนดิ นไี้ ด้ เพราะหากแสงน้อย จะไดห้ วั พนั ธทุ์ เ่ี ลก็ ลง คณุ ภาพตำ่ ตา่ งประเทศจงึ ตอ้ งรบั ซอื้ อุทัย นพคุณวงศ์ จากประเทศไทยไปปลกู ผู้อำนวยการศนู ย์วิจยั เกษตรหลวงเชียงใหม่ ท่งุ ปทุมมาภายในศูนย์วจิ ัยและพฒั นาการเกษตรแพร่ 28 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

นอกจากปทุมมาจะให้ความสวยงามแล้ว ยังมี สำหรับแหล่งผลิตปทุมมาของไทยในปัจจุบันจะ คณุ ประโยชนท์ างโภชนาการดว้ ย เพราะชว่ ยในเรอ่ื งการขบั ถา่ ย อยใู่ นพ้นื ทีภ่ าคเหนอื คือ จงั หวัดเชยี งใหม่ เชยี งราย ลำพูน ชาวบา้ นนยิ มรบั ประทานกบั ลาบ กอ้ ย สม้ ตำ โดยใชห้ นอ่ และกรมวิชาการเกษตรกำลังจะผลักดันให้จังหวัดแพร่ ออ่ น ดอกออ่ นและดอกแก่ ซงึ่ สามารถบรโิ ภคแบบสดได้ เปน็ อีกพ้นื ท่หี นง่ี ทผี่ ลติ ปทมุ มาเพอ่ื การสง่ ออก ส่วนดอกอ่อนนำมาลวก รบั ประทานกบั น้ำพรกิ หรือนำมา นายอทุ ยั นพคณุ วงศ์ ผอู้ ำนวยการศนู ยว์ จิ ยั เกษตร แกงได้ บางบ้านเกบ็ จากป่าธรรมชาตมิ าเพ่ือจำหนา่ ยและ หลวงเชียงใหม่ กลา่ วว่า การจัดงาน “เทคโนโลยกี า้ วไกล รบั ประทานเอง สำหรบั ดอกอ่อน หัวออ่ นของปทมุ มา วิชาการกา้ วหนา้ ปทมุ มาทวิ ลปิ ไทย สรา้ งรายไดส้ ชู่ ุมชน” พนั ธ์หุ น่ึงที่ชาวบา้ นเรยี กวา่ กระเจียวแดง มรี สเผด็ ร้อน ดังกล่าว เพ่ือตอ้ งการใหเ้ กษตรกรและผสู้ นใจได้ทราบถึง กลิน่ หอม ตม้ กับน้ำมีสรรพคณุ ขับลมและสมานแผลได้   ประวัตปิ ทุมมา พนั ธุ์ปทมุ มา การปรบั ปรงุ พันธุป์ ทมุ มา ปทุมมา นบั เป็นทรัพยากรธรรมชาติชนิดหนง่ึ ทม่ี ี เทคโนโลยกี ารปลกู ปทมุ มาเชงิ พาณชิ ย์ เกษตรดที เ่ี หมาะสม ความล้ำค่าและสำคญั ยิ่งของคนไทย ถึงเวลาแลว้ ท่ีเราทกุ (GAP) สำหรบั ปทมุ มา เทคโนโลยกี ารผลติ ปทมุ มานอกฤดู คนจะไดต้ ระหนกั และรว่ มกนั อนรุ กั ษส์ ายพนั ธไุ์ วใ้ หล้ กู หลาน การผลิตปทุมมาปลอดโรค และโรงเรือนต้นแบบการผลิต ไดพ้ ัฒนา กอ่ นท่ที ุกอย่างจะสายเกนิ ไป ปทมุ มานอกฤดู อนนั ต์ สวุ รรณรตั น์ รองอธบิ ดีกรมวิชาการเกษตร สถานการณก์ ารผลติ ปทุมมา ในปจั จบุ นั ปทมุ มาเปน็ ทตี่ อ้ งการของตลาดอยา่ งมาก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งปทมุ มาจากประเทศไทย ได้สร้างชื่อเสียงในประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างมาก สำหรับการส่งออกนั้นจะส่งออกปทุมมาในรูปของหัวพันธ์ุ ซง่ึ ชาวตา่ งประเทศโดยเฉพาะเนเธอรแ์ ลนด์ จะรจู้ กั ปทมุ มา เป็นอย่างดี จนกระท่ังมีการขนานนามความสวยงามของ ดอกปทุมมาวา่ ...สยามทวิ ลิป (Siam Tulip) เน่ืองจากมี ลกั ษณะคลา้ ยต้นทวิ ลิปหลายอย่าง เช่น ปลกู จากเหง้า มลี ำต้นเทียม และดอกคลา้ ยบวั เป็นตน้   เชยี งใหม่พิงค ์ ทงุ่ ปทมุ มาภายในศนู ย์วจิ ยั และพัฒนาการเกษตรแพร ่ น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 29

ขาว 302 มรกต ไขม่ ุกสยาม อย่างไรก็ตามการปลูกปทุมมาน้ัน จะต้องให้ ท่งุ ปทุมมาภายในศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการเกษตรแพร ่ ความสำคญั กบั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมกบั ปทมุ มา ตอ้ งเปน็ พน้ื ทที่ ไี่ มม่ กี ารระบาดของโรคหวั เนา่ ไมเ่ ปน็ พน้ื ทท่ี เี่ คยเปน็ สง่ ออกต่างประเทศ 75 เปอรเ์ ซน็ ตแ์ ละเกบ็ ไวท้ ำพนั ธุใ์ น โรคระบาดในพืชตระกลู ขงิ มะเขือ มันฝรง่ั และยาสูบ ปตี อ่ ไป 25 เปอร์เซน็ ต์ ซ่งึ ขณะน้ีไดข้ ยายการส่งออก พืน้ ที่ท่ไี ม่มีน้ำท่วมขงั การคมนาคมสะดวก สภาพดนิ เปน็ ปทุมมาไปทว่ั ทวีปยโุ รปและแอฟรกิ าใต้ อีกด้วย ดนิ รว่ นปนทราย ระบายนำ้ ดี ดนิ มคี า่ ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ ง ผลผลิตปทุมมาส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตหัวพันธุ์ 6.5 - 7.0 อณุ หภมู ทิ ่ีเหมาะสม 20 - 30 องศาเซลเซยี ส เพ่ือส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ซ่งึ มขี ้อดีสำหรบั การส่ง ในชว่ งกลางคืน เปน็ พชื ท่ชี อบแสงแดดจัด ปทมุ มาตอ้ งการ หวั พนั ธุไ์ ปตา่ งประเทศ ในแง่การจัดการหัวพนั ธ์งุ า่ ยกว่า นำ้ ในช่วงการเจริญเตบิ โต และให้ดอก การจัดการดอก เกบ็ รกั ษาไดน้ าน ไมเ่ นา่ เสียหายเหมอื น พ้ืนท่ีปลูกปทุมมาเพ่ือผลิตหัวพันธุ์เพ่ือการส่งออก ดอกสด สามารถขนสง่ ไปทางเรอื ไดใ้ นปรมิ าณมาก ปัจจุบัน มีประมาณ 400 ไร่ ซง่ึ สามารถผลิตหัวพนั ธ์เุ พือ่ การสง่ ออกไปตา่ งประเทศปีละไม่ตำ่ กว่า 2 ล้านหวั ตอ่ ปี แหล่งปลูกอยู่ในบรเิ วณจงั หวดั เชียงใหม่ เชียงราย และ ลำพนู หวั พนั ธทุ์ น่ี ยิ มปลกู เปน็ การคา้ ไดแ้ ก่ พนั ธเ์ุ ชยี งใหมพ่ งิ ค์ มที ั้งสีชมพูอ่อน และสีชมพูเข้ม ช่วงเวลาการผลิตหัวพันธุ์เกษตรกรจะเริ่มเตรียม พื้นทเี่ ดอื นมีนาคม ปลกู เดือนเมษายน – พฤษภาคม เริ่ม ขดุ หัวพันธุใ์ นช่วงเดอื นธนั วาคม – กุมภาพนั ธ์ เรม่ิ ส่งออก หวั พนั ธตุ์ ง้ั แตเ่ ดอื นมกราคม – มนี าคม ซง่ึ ตา่ งประเทศจะนำ หวั พนั ธปุ์ ทมุ มาปลกู เพอื่ ผลติ เปน็ ไมก้ ระถางใหอ้ อกดอกเดอื น พฤษภาคม ซงึ่ เป็นช่วงทต่ี รงกับวันแมใ่ นตา่ งประเทศ สำหรบั ตลาดสำคญั ทน่ี ำเขา้ ปทมุ มาจากประเทศไทย ได้แก่ ญ่ีป่นุ เนเธอรแ์ ลนด์ สหรัฐอเมรกิ า เยอรมนี โปรตเุ กส  อสิ ราเอล เบลเยยี ม อติ าลี จนี และไตห้ วนั ถอื เปน็ ตลาดท่ีมีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง มีความต้องการ หวั พนั ธป์ุ ทมุ มารวมปีละ 2 - 3 ลา้ นหัว ประเทศไทยจงึ 30 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ท่ี 5 กนั ยายน - ตุลาคม 2553

แดง 214 กรณปี ลกู ลงในถงุ หรอื ในกระถาง วสั ดทุ ใ่ี ชป้ ลกู ควรมี สว่ นผสมของทราย ขยุ มะพรา้ วและขเ้ี ถา้ แกลบ ในอตั ราสว่ น การปลกู ปทุมมา 2:1:2 สำหรับการปลูกลงแปลงระยะในการปลูกควรอยู่ท่ี การปลกู ปทมุ มาควรปลกู ในชว่ งเดอื นมนี าคม ถงึ เดอื น ประมาณ 30x30 เซนตเิ มตร ใชป้ ยุ๋ สตู รเสมอ 15-15-15 มิถุนายน โดยจะเจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นดินท่ีมีอินทรยี วตั ถุสงู หรอื 16-16-16 ประมาณ 1 ชอ้ นชา รองกน้ หลมุ กอ่ นปลกู ระบายน้ำไดด้ ี การปลูกในแปลงต้องใสป่ ๋ยุ หมักซึง่ ได้จาก การปลูกทจ่ี ะทำให้เกิดการแตกกอดีที่สดุ คือ วางหัวพนั ธ์ุ การหมกั พชื ขยะ หรอื กากนำ้ ตาล มาผสมกบั ดนิ ในแปลงปลกู ในแนวนอนเพื่อให้ตาข้างบนเหง้ามีโอกาสเจริญเติบโตเป็น ในอตั รา 3 - 6 ตันต่อไร่ หน่อได้ โดยหันต้มุ รากไปทางทิศตะวนั ออกหรอื ทศิ เหนือ ไม่ควรใช้มูลสตั ว์หรือปุย๋ คอกผสมดนิ ปลูก เพราะ เนื่องจากจะทำให้หน่อที่เกิดทีหลัง ที่เกิดจากตาด้าน จะทำใหด้ นิ เปน็ กรด เหมาะกบั การเตบิ โตของเชอื้ แบคทเี รยี โคนเหง้าจะอยู่ในทิศตะวันออกหรือทิศเหนือของหน่อแรก โรคเนา่ และไมส่ ามารถใชเ้ ปน็ ปรมิ าณมากเพอื่ ปรบั โครงสรา้ ง ซ่ึงจะไมถ่ กู โคนหนอ่ แรกบงั แดด ดินได้ อย่างไรกต็ ามถ้าไมส่ ามารถหาป๋ยุ หมกั ได้ อาจใช้ อนง่ึ ถา้ เหงา้ มีคณุ ภาพต่ำกวา่ นจ้ี ะตอ้ งใช้ 2 เหงา้ เปลือกถ่วั มาใช้แทนไดแ้ ตต่ ้องระวังเชื้อราที่อาจติดมากบั ตอ่ หลมุ โดยทั่วไปจะใชเ้ หง้าราว 200 - 300 กิโลกรัม เปลอื กถ่วั ลิสง กรณที จี่ ำเปน็ ต้องใชป้ ุ๋ยคอกหรือมูลสตั ว์ ต่อไร่ ขึน้ กับขนาดของเหง้าและระยะปลกู เพ่อื บำรงุ ดินจะต้องโรยปูนขาวเพื่อปรบั สภาพดนิ ด้วย เมื่อปลูกแล้วควรจะคลุมแปลงเพ่ือป้องกัน ขนาดแปลงสำหรบั ปลกู ปทมุ มา หน้าแปลงควรจะ การสูญเสียความเสียความชน้ื จากดิน โดยเฉพาะอย่างย่งิ กวา้ ง 1.2 - 1.5 เมตร ตากดนิ นาน ประมาณ 10 - 14 วัน การปลกู ในชว่ งฤดฝู น วสั ดทุ เี่ หมาะตอ่ การคลมุ ดนิ คอื ฟางขา้ ว โดยใช้พลาสติกใสคลุมแปลงให้มิดชิดไม่ให้อากาศถ่ายเท และแกลบ การคลุมดินควรใช้วัสดุคลุมดินให้หนาพอ ไดเ้ พอื่ ให้มีความร้อนสูงกว่า 60 องศาเซลเซยี ส และโรย เพ่ือให้แสงมโี อกาสสัมผัสดินน้อยท่ีสดุ และตอ้ งคลุมดิน ปูนขาวก่อนเตรียมแปลงเพ่ือลดโอกาสของการเกิดโรค ให้ถงึ ดา้ นขา้ งของแปลงดว้ ย โดยเฉพาะในพน้ื ทซี่ ่งึ เคยมปี ัญหาเร่ืองโรคเน่าจากแบคทีเรยี มากอ่ น เนือ่ งจากเชื้อโรคนี้ชอบสภาพดินกรด ทบั ทิมสยาม น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 31

หลังจากปลูกแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 พชื กลมุ่ นจี้ ะขน้ึ แซมอยใู่ นดงหญา้ ซง่ึ อาจเตยี้ กวา่ หรอื สงู เทา่ กนั หรอื 16-16-16 เดอื นละครง้ั ในอัตรา 1 ชอ้ นชาตอ่ ต้น โดยพื้นทที่ ่ีพชื กลุ่มนี้ขึน้ นัน้ จะเป็นพน้ื ทโ่ี ลง่ ของปา่ ละเมาะ และในเดอื นท่ี 3 - 5 ให้ใส่ป๋ยุ สูตร 9-24-24 เดอื นละ หรอื ปา่ โปรง่ โดยปกตติ น้ จะเจรญิ ขนึ้ มาใหเ้ หน็ หลงั จากปลกู ได้ คร้ังในอตั รา 1 ชอ้ นชาต่อตน้ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หาก 7 - 30 วนั ขนึ้ กบั ความสมบรู ณข์ องเหงา้ และความสมบรู ณ์ พบว่ามีอาการโคนเน่าเกิดขึ้นกับหน่อใหม่บ้างก็ควรนำ ของการพกั ตวั ป๋ยุ หมักราว 1 ถว้ ยกาแฟมาโรยรอบกอเพื่อปรับสภาพดนิ ไม่ให้เหมาะต่อการเติบโตของเชอ้ื เพราะการใช้ปยุ๋ เคมี ศตั รพู ชื และการปอ้ งกนั กำจดั ปริมาณมากอยา่ งต่อเน่อื งทำใหส้ ภาพเป็นกรด ระบบการใหน้ ำ้ กบั แปลงปลกู ไมด้ อกกลมุ่ ปทมุ มานนั้ 1. วชั พชื เปน็ ศัตรทู ่ีพบ และเปน็ ปัญหามากใน อาจใช้ระบบใหน้ ้ำตามรอ่ งหรือใชร้ ะบบสปริงเกลอร์ กบั แปลงปลูก เกษตรกรต้องสิน้ เปลอื งแรงงานในการกำจดั แปลงปลูกขนาดใหญ่ ส่วนแปลงขนาดเล็กอาจใช้สายยาง วชั พชื อย่างมาก การใชย้ ากำจัดวชั พชื ชนดิ ยาคุมกำเนดิ รดนำ้ กไ็ ด้ ทง้ั นก้ี ารใหน้ ำ้ ควรกระทำในตอนเชา้ ราว 8 นาฬกิ า หญา้ จะสามารถทำลายเมลด็ วชั พชื ได้ เพยี งวนั ละครง้ั ยกเวน้ วนั ทฝ่ี นตก ปรมิ าณนำ้ ทใี่ หน้ น้ั จะตอ้ ง 2. โรครากเนา่ เปน็ ศตั รทู ที่ ำลายตน้ และดอก โรคนี้ เพยี งพอใหด้ นิ ในระดบั รากชนื้ ถงึ ชว่ งบา่ ย ซงึ่ เปน็ สภาพใกล้ จะทำใหเ้ หงา้ โคนเนา่ ใบประดบั และใบเปน็ จดุ เน่า เชอื้ เคียงกบั สภาพธรรมชาติ สาเหตโุ รคนม้ี ี 2 ชนิดคอื เชื้อรา Rhizoctonia เจริญไดด้ ี ไม้ดอกกลุ่มปทุมมาเจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ได้ ในสภาพดินเป็นดา่ ง แต่ป้องกนั กำจัดได้โดยพ่นยากำจัด แสง 75 - 100 เปอร์เซ็นต์ เน่ืองจากในธรรมชาติ เชือ้ รา เชน่ เทอราคลอร์ ซเู ปอร์เอ็กซ์ หรอื รอฟรอล และ เช้ือแบคทีเรีย Pseudomonas เจริญได้ดีในสภาพดิน เปน็ กรด ซงึ่ เปน็ สภาพดินทมี่ ีการใช้ปยุ๋ เคมีอยา่ งต่อเน่ือง และป้องกันกำจัดดว้ ยสารเคมีได้ยาก การปอ้ งกันที่ดที ่ีสดุ คอื ทำใหด้ ินเป็นด่างอย่างอ่อน ดว้ ยการใชป้ ยุ๋ หมกั หรอื ปนู ขาว ดงั นนั้ จงึ ควรจดั การใหส้ ภาพ แปลงปลกู ไมเ่ หมาะตอ่ การระบาดของเชอื้ แบคทเี รยี โดยยอมให้ เชอ้ื ราเจริญไดแ้ ต่ควบคมุ เชอื้ ราด้วยสารเคมแี ทน 3. ไรแดง หนอนม้วนใบ และตั๊กแตน เป็นแมลง ที่พบบ้าง การใช้สารเคมีกำจัดแมลง ควรใชเ้ ป็นคร้ังคราว นอกจากนี้อาจจะพบการเข้าทำลายของหอยทากบ้างแต่ จะไมร่ นุ แรง ปทุมรัตน์ แดง 902 บัวหิมะชมพ ู 32 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตุลาคม 2553

การเก็บเกีย่ วผลติ ผลิต บวั ช้นั ชมพ ู หลงั จากปลกู แลว้ 35 - 120 วัน ตน้ จงึ จะออกดอก การเกบ็ หวั พันธุ์ ใหต้ ัดขายได้ การตัดดอกชอ่ ทเี่ หมาะจะตดั ดอกได้ดีนน้ั ควรมีดอกจริงบานแล้วราว 3 - 5 ดอก การตดั ดอกนัน้ การเก็บหัวพันธจ์ุ ะอยใู่ นชว่ งเดือนพฤศจิกายน - อาจใช้กรรไกรตัดบริเวณที่ก้านช่อดอกโผล่พ้นลำต้นเทียม ธันวาคม การเก็บเกี่ยวควรทำเม่ือต้นปทุมมาแห้งเและ หรอื อาจใชว้ ธิ กี ระตกุ ชอ่ ดอกขนึ้ มาคลา้ ยการตดั ดอกเยอบรี า ยุบตัวลง โดยสงั เกตจากใบจะมีสีเหลอื งและแหง้ ควรงด ก็ได้ แต่ตอ้ งระวังไมใ่ หเ้ ปน็ การถอนต้นขึน้ มา การให้น้ำและใหด้ นิ แหง้ ก่อนการขุดอย่างน้อย 1 เดือน การตัดดอกควรกระทำให้ตอนเชา้ และเม่ือตัดดอก เพ่ือเร่งให้มีการสะสมอาหารอย่างเต็มที่ ถ้าเก็บขณะที่ แล้วต้องรีบนำก้านช่อดอกไปแช่โคนในน้ำสะอาดทันที ต้นยงั ไมแ่ กเ่ ตม็ ที่ ใบยงั ตง้ั ตรงและดนิ ยงั มคี วามชนื้ อยจู่ ะ เนื่องจากช่อดอกของพืชสกุลนี้ไวต่อสภาพการขาดน้ำ ทำให้หัวพันธ์ุท่ีขุดได้เหี่ยวเร็วเก็บรักษาได้ไม่นานและมี เปน็ อย่างมาก : ซ่ึงปทมุ มาเจริญเตบิ โตเต็มทีจ่ ะออกดอก เปอรเ์ ซน็ ตค์ วามงอกตำ่ ในช่วง เดอื นสงิ หาคม - กันยายน จากน้ันจะเริ่มพักตัว ในช่วงปลายเดือนกนั ยายน - ตลุ าคม สำหรับการบรรจุหีบห่อนั้น ควรมัดก้านช่อดอก 10 กา้ นรวมกนั แลว้ นำสำลีชบุ นำ้ สะอาดหอ่ ปลายก้าน แลว้ สวมโคนก้านดว้ ยถงุ พลาสติกรดั หนงั ยางใหแ้ นน่ ไม่ ใหน้ ้ำไหลออกจากถงุ พลาสติกได้ นำชอ่ ดอกไปผึง่ ลมให้ ใบประดับแห้งกอ่ นนำช่อดอกไปบรรจุลงกลอ่ ง เพ่ือป้องกนั ไม่ใหใ้ บประดบั เน่า เพราะหากบรเิ วณโคนใบประดบั ยงั มี ความชื้นเหลืออยู่จะทำให้ใบประดับเกิดเป็นจุดเน่า ขนาดเท่าหัวเข็มหมดุ ดงั นน้ั ขน้ั ตอนการผง่ึ ชอ่ ดอกจงึ เปน็ ขน้ั ตอนทสี่ ำคญั ทส่ี ุดในการเตรยี มบรรจหุ ีบหอ่ การบรรจลุ งกล่องนั้นควร เรยี งซอ้ นเพยี ง 2 - 3 ชน้ั หากดอกซอ้ นทบั กนั มากชนั้ กวา่ น้ี จะทำให้ใบประดับแบนเสียรปู ได้ นอกจากนค้ี วรใชก้ ลอ่ ง ซงึ่ มีรรู ะบายอากาศดา้ นหัวและทา้ ยกล่อง เพือ่ ลดโอกาส ทด่ี อกจะเนา่ เพราะเชอ้ื โรคเน่ามกั จะตดิ มากบั ชอ่ ดอกจาก แปลงปลกู ท้ังนี้หากมีการตัดดอกและปฏิบัติหลังการเก็บเก่ียว อยา่ งถูกตอ้ งนน้ั จะทำให้ช่อดอกมอี ายุการใช้งานในการ ปักแจกันนานกว่า 10 วัน น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 33

สำหรับการเก็บหวั หรือเหงา้ นนั้ เกษตรกรบางราย พันธปุ์ ทุมมา จะต้องรีบขุดขณะท่ีรากของลำต้นเทียมยังไม่แห้งมากนัก เพ่ือจะได้สะดวกในการสังเกตตำแหน่งของต้นขณะขุด ปทมุ มามหี ลากหลายพนั ธ์ุ แตค่ วรเลือกพันธ์ทุ ี่เปน็ ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ แผลขน้ึ กบั เหงา้ หรอื ตมุ้ รากได้ แตเ่ กษตรกร ทต่ี อ้ งการของตลาด และใหผ้ ลผลติ สงู ซงึ่ กรมวชิ าการเกษตร บางรายอาจทงิ้ เหงา้ ทพ่ี กั ตวั ไวใ้ นดนิ ราว 2 เดอื น ใหแ้ หง้ สนทิ แนะนำใหป้ ลกู 6 สายพนั ธุ์ โดยแบง่ เปน็ พนั ธตุ์ ดั ดอก 3 พนั ธ์ุ กอ่ นจะขดุ เหงา้ ขึน้ ก็ได้ หากมนั่ ใจวา่ จะไมม่ ฝี นตกขณะท่ี คือ ปทุมมาพันธ์เุ ชยี งใหม่ พงิ ค์ พนั ธุ์สโนไวท์ และพันธุ์ เหง้าซ่งึ กำลงั พกั ตัวยงั อยใู่ ตด้ นิ ทรอปิคอลสโนว์ พันธุ์ไม้กระถางอีก 3 พันธุ์คือ พนั ธ์ุ ทั้งนเ้ี หง้าท่ปี ลกู ในดนิ ร่วนซุยจะมรี ากยาว ตมุ้ ราก ไขม่ กุ สยาม พนั ธน์ุ จี้ ะมสี ขี าวปลายมน เมอ่ื บานเตม็ ที่ มสี ชี มพู อยู่คอ่ นขา้ งหา่ งเหงา้ รากจงึ มักหักหรอื ขาดงา่ ย แต่จะขุดได้ เรอื่ ๆ ทรงคลา้ ยดอกทวิ ลปิ พนั ธบ์ุ วั สวรรคข์ าวเตย้ี จะมสี ขี าว ง่าย ส่วนเหง้าท่ีปลูกในดินเหนียวจะมีรากค่อนข้างสั้น และตน้ เตยี้ พนั ธบุ์ วั สวรรคช์ มพเู ตยี้ มสี ชี มพู ตน้ เตยี้ เชน่ กนั ตมุ้ รากอยูช่ ิดเหง้า รากจึงหกั หรอื ขาดยากเหมาะในการเกบ็ การขยายพันธ ุ์ และขนส่ง แต่จะต้องพิถีพิถันพอสมควร ดังน้ันการขุด 1. วธิ แี ยกเหงา้ ซง่ึ จะไดต้ น้ ทม่ี ลี กั ษณะ เหมอื นเดมิ เหง้าข้ึนจากดินท้ัง 2 ประเภทจึงต้องการการปฏิบัติท่ี การขดุ หวั ของไมด้ อกสกลุ นเี้ มอื่ สนิ้ ฤดปู ลกู จะพบวา่ แตล่ ะกอ ต่างกัน จะมีเหง้าหลาย เหงา้ เชอ่ื มติดกัน จงึ ควรแยกเหงา้ เหล่านน้ั เมื่อได้เหง้าข้ึนจากดินแล้ว ต้องนำไปล้างน้ำให้ ออกจากกนั กอ่ นทจี่ ะนำเหงา้ ไปผงึ่ และเกบ็ รกั ษา เพราะแผล สะอาด เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หม้ เี ชอื้ โรคสะสมอยบู่ นเหงา้ หลงั จาก จะไมถ่ ูกเชื้อโรคเขา้ ทำลาย วิธีแยกเหงา้ จะเพิม่ ปรมิ าณได้ ลา้ งเหงา้ แลว้ ตอ้ งนำไปผงึ่ บนตะแกรงในทรี่ ม่ จนผวิ เหงา้ แหง้ ในอัตราเท่าไรนน้ั ขึ้นกับขนาดของกอ จากนนั้ จงึ นำเหงา้ ซง่ึ ไมม่ คี วามชน้ื ทผ่ี วิ มาแยกออกจากกนั หากผู้ปลกู มจี ำนวนเหง้าไม่เพียงพอ อาจนำเหงา้ ก่อนเก็บรวบรวมในถุงหรือกระสอบตาข่าย เพื่อให้มี ท่ีมอี ยูม่ าผา่ นแบ่งตามความยาวเปน็ 2 ชิน้ แต่ละชิ้นมีตา การถ่ายเทอากาศ เก็บถุงหรือกระสอบนี้ในที่ร่มจนถึง ซงึ่ อยู่ในสภาพดี ติดอย่ไู มน่ อ้ ยกว่า 1 ตา ซ่งึ เมื่อผา่ เหง้า ฤดปู ลูกถัดไป แบ่งแล้วจะต้องจุ่มชิ้นส่วนของเหง้าในสารละลายของ ยาป้องกนั เชื้อรา เช่น แคปแทน ในอตั ราที่ใชฉ้ ดี พน่ ต้นไม้ แลว้ นำช้นิ สว่ นดังกล่าวไปผงึ่ ให้แห้งในทร่ี ม่ กอ่ นปลกู ต้นพนั ธุ์จากการเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ่ื 34 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

วิธนี ้จี ะทำใหเ้ พ่ิมจำนวนตน้ พนั ธ์ุได้อกี เทา่ ตวั แต่ การเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอื่ นี้ จะทำโดยการนำชอ่ ดอกออ่ น การผ่าเหง้าน้ีจะต้องดูแลต้นไม้มากกว่าปกติด้วยเพราะ มาเพาะเลย้ี งบนอาหารสตู รเฉพาะ วธิ นี จ้ี ะทำใหไ้ ดต้ น้ เพม่ิ เปน็ ตน้ ทเ่ี กดิ ขึ้นน้ันไดอ้ าหารสะสมเพียงคร่งึ ของเหงา้ ปกติ 3 เท่า ทุก ๆ สัปดาห์ 1 ต้น จะเพ่ิมเป็น 6,500 ต้น ใน และมโี อกาสตดิ เชอ้ื ได้ง่ายการเพิ่มปรมิ าณพืชพนั ธ์ุใหม่ 1 ปี หรือ 500,000 ต้นใน 18 เดือน ต้นที่ได้จาก 2. การเพาะเมล็ด ควรจะทำในช่วงเวลา 8.00 - การขยายพันธุ์วิธีนี้จะมีขนาดใกล้เคียงกับต้นกล้าที่ได้ 10.00 น. และในวนั ทม่ี คี วามชนื้ สมั พทั ธใ์ นอากาศสงู เพราะ จากการเพาะเมลด็ จึงต้องใชเ้ วลาอีกระยะหนงึ่ ราว 2 ปี ดอกจะอยู่ในสภาพที่พร้อมต่อการถ่ายละอองเกสรและ จงึ จะผลิตดอก หรอื หวั ขายได ้ เรณขู องปทมุ มา โดยใช้ไม้จมิ้ ฟันปลายแหลม ขดู เรณูออก นอกจากการใชช้ อ่ ดอกออ่ นมาเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ แลว้ ด้านบนสู่ด้านล่างของอับเรณู แล้วนำเรณูซึ่งมีลักษณะ ยังสามารถใช้หัวพันธุ์ปทุมมามาใช้เพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือได้ คลา้ ยแปง้ ไปปา้ ยบนยอดเกสรตวั เมยี เมอื่ ถา่ ยละอองเกสรแลว้ อกี ดว้ ย ควรตัดใบประดับท่ีรองดอกน้ันออก เพ่ือป้องกันน้ำขัง วมิ ล แกว้ สดี า นกั วชิ าการเกษตรปฎบิ ตั กิ าร ประจำ ซึง่ อาจจะทำให้ผลเนา่ ได้ เมอื่ เกิดการปฏสิ นธิผลสเี ขียว ศูนย์วิจยั พชื สวนเชยี งราย กรมวิชาการเกษตร กลา่ ววา่ จะเจรญิ เตบิ โตขนึ้ จากบรเิ วณใตก้ ลบี เลย้ี ง เมอ่ื ผลแกส่ เี ขยี ว การเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอ่ื โดยใชห้ วั พนั ธนุ์ น้ั เรม่ิ จากการคดั เลอื ก จะออ่ นลง และเปลอื กบางใส จนเห็นสดี ำของเมล็ดภายใน หัวพนั ธ์ุทส่ี มบรู ณป์ ราศจากโรค นำมาเพาะในขยุ มะพร้าว ควรเกบ็ เมลด็ แกไ่ วก้ อ่ นทผ่ี ลจะแตกจนเมลด็ หลดุ รว่ ง ชนื้ ทน่ี งึ่ ฆา่ เชอ้ื แลว้ ประมาณ 45 วนั หนอ่ ปทมุ มาจะเรม่ิ งอก เน่อื งจากพืชสกุลน้ี มีการพกั ตัวจงึ ควรนำเมลด็ มาเพาะ ออกมา จากนนั้ นำหนอ่ ออ่ นไปฟอกฆา่ เชื้อดว้ ยคลอรอกซ์ ในฤดปู ลูกถดั ไป โดยการเก็บเมลด็ ไว้ในทรี่ ม่ 20% หยดสารจบั ใบ 2 - 3 หยด นาน 15 นาที และคลอรอกซ์ 3. การเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอื่ เปน็ เทคนคิ ในการขยาย 5% นาน 5 นาที ลา้ งน้ำนึ่งฆา่ เชอื้ 3 ครั้ง ตัดเนือ้ เยือ่ พนั ธทุ์ ที่ ำไดจ้ ำนวนมากในเวลาอนั รวดเรว็ และชว่ ยแกป้ ญั หา ส่วนยอดลงสูตรอาหารชกั นำยอดประมาณ 2 - 3 เดือน ที่พบเมื่อขยายพันธโ์ุ ดยวิธีปกติ เช่น การงอกของเมลด็ และการออกรากยาก เปน็ ตน้ รวมทงั้ ยังได้ต้นพชื ที่สะอาด ปลอดโรค มคี ณุ ภาพดี ต้นสม่ำเสมอ แขง็ แรง ปทุมมาท่ีเติบโตจากการเพาะเลี้ยงเน้อื เยอื่ วิมล แกว้ สีดา นกั วิชาการเกษตร กำลงั อธบิ ายการเพาะเลี้ยง เน้อื เยื่อใหร้ องอธบิ ดฯี ฟงั น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553 35

จากนนั้ ทำการเพม่ิ ปรมิ าณตน้ โดยการยา้ ยตน้ เนอื้ เยอ่ื ณ วนั นี้ การสง่ ออกหวั พนั ธุ์ปทมุ มาของไทย ยงั คง ลงอาหารอกี สูตรหนึง่ เปล่ยี นอาหารทุก 45 วนั จนกว่า ดำเนนิ ตอ่ ไป และมีแนวโน้มความต้องการเพ่ิมมากขนึ้ ใน จะไดป้ รมิ าณทตี่ อ้ งการ แลว้ นำต้นเนื้อเย่อื ออกจากขวด ตลาดตา่ งประเทศ คาดวา่ อาจจะมีมลู คา่ ถึง 200 ล้านบาท ลา้ งวุ้นออกให้หมด ปลูกไวใ้ นถาดหลุมที่ ดิน : ทราย : ข้เี ถ้า ในอนาคตอันใกล้นี ้ แกลบในอัตราเทา่ กนั สำหรบั ตลาดในประเทศไทย แมจ้ ะไมม่ ตี วั เลขทางสถติ ิ เมอื่ ต้นตง้ั ตัวได้แล้วประมาณ 2 - 3 เดอื น ยา้ ยไป ยนื ยนั อยา่ งแนช่ ดั แตจ่ ากการสงั เกตตลาดไมด้ อกไมป้ ระดบั ปลกู ในถงุ ดำขนาด 3 x 6 นว้ิ เพอื่ ให้ตน้ มีการเจริญเติบโต ปทุมมาเข้ามามบี ทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะการนำมาเปน็ เก็บหัวพนั ธ์ุเม่อื ต้นยบุ จะไดห้ ัวพนั ธขุ์ นาดเล็ก ประมาณ ไม้ดอกกระถาง ใช้ตกแต่งสถานที่สวนสาธารณะ และ 0.5 ซม. เพ่อื ใช้ผลิตหวั พันธข์ุ นาดใหญ่ในฤดกู าลต่อไป ไมต้ ดั ดอกตกแต่งในงานเทศกาลต่าง ๆ ยง่ิ ไปกว่านั้น มีเกษตรกรบางราย ทป่ี ลกู ปทมุ มา สโนไวทข์ าว ในพนื้ ทเ่ี พยี ง 2 - 3 ไรส่ ลับระยะเวลาปลกู ทำให้สามารถ มดี อกปทมุ มาจำหนา่ ยไดท้ งั้ ปี สรา้ งรายไดใ้ หอ้ ยา่ งนา่ พอใจ และเปน็ รายไดท้ ่ีตอ่ เน่ือง ยั่งยืนดว้ ย จึงอาจกลา่ วไดว้ ่า ปทมุ มา หรอื สยามทิวลิป เป็นไม้ดอกเมืองร้อนอีกชนิดหนึ่งที่มีอนาคตและ สามารถสรา้ งรายได้ใหแ้ กช่ มุ ชนอยา่ งงดงาม ขอ้ มลู ประกอบการเขยี น http://www.doae.go.th/library/html/detail/patumma/ cur0.htm เอกสารการขยายพนั ธปุ์ ทมุ มา การผสมเกสร ศตั รู และการปอ้ งกนั กำจดั ของศนู ย์วจิ ยั พชื สวนเชียงราย กรมวิชาการเกษตร ประกวดการจัดดอกไม้ (ปทมุ มา) 36 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

มุ ม ม อ ง พื ช ส ว น ลว้ ยไข ่ ผลไมม้ งคล ปลูกง่ายขายดี กลว้ ยทบี่ ่มสกุ แล้ว ก ประนอม ใจอ้าย ลว้ ยไข่ มรี ปู รา่ งและการเรยี งผล สเี หลอื ง อร่ามสะดุดตา เปลอื กบาง มีรสชาตดิ ี หวานนมุ่ ลนิ้ เป็นจดุ ดงึ ดดู ทท่ี ำให้ผบู้ ริโภค ชาวจีนที่เคยลิ้มลองรสชาติแล้วต่างติดใจ จนไดร้ บั การขนานนามวา่ “หวงตเ้ี จยี ว” หมายถงึ “กลว้ ยจักรพรรดิ” เช่ือวา่ เป็นผลไม้มงคล ท่มี ากดว้ ยคณุ ประโยชนท์ างโภชนาการ จึง ทำใหไ้ ด้รับความนยิ มซ้ือไปรบั ประทาน และ จัดเป็นกระเช้าของฝากเพื่อมอบให้ผู้ใหญ่ ในโอกาสวันสำคัญตา่ ง ๆ กลว้ ยทกุ ชนิดล้วนดตี อ่ สุขภาพ แต่ กลว้ ยไขม่ คี วามโดดเดน่ เปน็ พเิ ศษ คอื กลว้ ยไข่ เป็นหน่ึงในผักผลไม้ 7 ชนิด ท่ีผู้หญิง น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กันยายน - ตุลาคม 2553 37

ผลผลิตกล้วยไข่จากแปลงทไ่ี ดร้ ับการรบั รองแหล่งผลิต GAP ไมค่ วรพลาด ได้แก่ ลกู พรุน ถั่ว บรอ็ คโคล่ี กล้วยไข่ การส่งออกและแหล่งปลูกทีส่ ำคญั ฝร่ัง แอปเป้ลิ และสม้ กล้วยไข่มสี ารตา้ นอนมุ ูลอิสระท่ี เรารจู้ ักกันดี คอื เบตา้ แคโรทีน ประเทศคคู่ า้ ท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ ประเทศจีน ฮอ่ งกง โดยธรรมชาติเม่ือคนเราอายุพ้นย่ีสิบสองปีแล้ว ญปี่ ุ่น และสิงคโปร์ สว่ นใหญส่ ่งออกในรปู กล้วยไข่สด ในปี ความเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายจะเรม่ิ หยดุ ชะงกั ความเสอื่ มใน 2552 มปี รมิ าณการสง่ ออก 13,000 ตนั มลู คา่ 80 ลา้ นบาท สว่ นต่างๆ ของร่างกายก็จะเร่ิมมาเยอื นอยา่ งชา้ ๆ จงึ ตอ้ ง โดยมรี าคาสง่ ออก 6,300 บาทตอ่ ตนั และยังเปน็ ท่ี รับประทานอาหารท่ีมฤี ทธติ์ า้ นอนุมูลอสิ ระให้มาก ซงึ่ ใน ตอ้ งการของตลาดภายในประเทศ 159,587 ตัน กลว้ ยไข่ 100 กรัม มสี ารเบตา้ แคโรทีนถงึ 492 มิลลกิ รัม เดิมแหล่งปลูกกล้วยไข่ท่ีสำคัญ คือ จังหวัด นอกจากนกี้ ลว้ ยไขม่ ีประโยชนต์ อ่ สุขภาพ บรรเทา กำแพงเพชร แต่ผลผลิตไมเ่ พยี งพอกับความตอ้ งการของ อาการซมึ เศร้า ลดความอยากอาหาร ช่วยให้เกดิ อาการ ตลาด จงึ มกี ารขยายพน้ื ทป่ี ลกู กลว้ ยไขใ่ นจงั หวดั ตา่ งๆ จงั หวดั ผอ่ นคลาย อารมณผ์ อ่ งใส มคี วามสขุ รสู้ กึ ผอ่ นคลาย บรรเทา ที่ปลูกกลว้ ยไขเ่ ชงิ เด่ยี ว ได้แก่ จงั หวดั กำแพงเพชร ตาก อาการนอนไมห่ ลับ และช่วยลดอนั ตรายทเ่ี กิดจากความดัน นครสวรรค์ สโุ ขทยั กาญจนบรุ ี และพจิ ติ ร ในภาคตะวนั ออก เลือดหรอื โรคหลอดเลอื ดแตกได้ ลดอตั ราการเส่ยี งตอ่ และภาคใต้สว่ นใหญ่ปลกู แซมพชื สวน ไดแ้ ก่ จังหวดั ระยอง โรคหวั ใจวาย เนอ่ื งจากกล้วยสกุ มีกรดอะมโิ นในปริมาณ จันทบุรี ตราดและชมุ พร เชน่ เดียวกบั ทีจ่ งั หวัดราชบุรี สงู กวา่ อาหารโปรตนี อนื่ ๆ มใี ยอาหารทยี่ อ่ ยงา่ ย คารโ์ บไฮเดรต และเพชรบุรี โดยมพี ้นื ทป่ี ลูก 59,227 ไร่ โปรตนี ไขมนั ธาตแุ คลเซยี ม เหลก็ ฟอสฟอรสั เบตา้ แคโรทนี เกษตรกรสามารถผลิตกล้วยไข่ออกสู่ตลาดได้ และวิตามนิ บี ซี อี การกนิ กลว้ ยสุก 1 ผล (160 กรมั ) ตลอดทงั้ ปใี นพน้ื ทท่ี ม่ี แี หลง่ นำ้ เพยี งพอ แตป่ รมิ าณผลผลติ ให้พลงั งานไขมนั ต่ำ 140 กิโลแคลลอรี เหมาะสำหรบั ทมี่ คี ณุ ภาพสำหรบั การสง่ ออกยงั ไมเ่ พยี งพอกบั ความตอ้ งการ คนทุกวัย ของตลาด สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโรคและราคา ตกต่ำ เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่จะออกในช่วงฤดูกาล ปกติ ระหวา่ งเดือนสิงหาคม – กนั ยายน ซึ่งเป็นช่วงทีใ่ น 38 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553

กลว้ ยไขพ่ นั ธ์ุกำแพงเพชร หรอื สโุ ขทยั พ้นื ทีป่ ลูกกลว้ ยไข่ กลว้ ยไขพ่ นั ธุเ์ กษตรศาสตร์ 2 มีการศึกษาวิเคราะห์ลักษณะพื้นท่ีท่ีเหมาะสมกับ การปลูกกล้วยไข่ เพ่ือใหเ้ กษตรกรสามารถปลูกกลว้ ยไข่ ประเทศจีนมีผลไม้ชนิดอน่ื ๆ ออกสตู่ ลาดหลากหลายชนดิ ใหไ้ ด้ผลผลติ ทมี่ คี ณุ ภาพ และชว่ ยให้เกษตรกรทราบปญั หา ทำให้ความต้องการลดลง ดังนั้นช่วงเวลาท่ีเหมาะสมใน ของพนื้ ท่ี โดยใชว้ ธิ กี ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยเครอ่ื งมอื ระบบ การส่งกล้วยไข่ไปประเทศจีน คือ ช่วงต้ังแต่เดือน สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information ธันวาคม - เมษายน System : GIS) ร่วมกับวธิ กี ารตดั สินใจโดยใช้กระบวนการ วเิ คราะห์ทางเลอื กแบบลำดบั ชั้น (Analytic Hierarchy Process : AHP) ทำให้ทราบพ้ืนที่ในจังหวัดแพร่ท่ีสามารถทำการ เกษตรไดน้ ้นั มีความเหมาะสมสำหรับผลติ กล้วยไขต่ าม ศักยภาพของพื้นท่จี ำนวน 13,025 ไร่ ส่วนใหญ่อยูบ่ ริเวณ ท่ีราบตอนกลางของจังหวัด ตามแนวสองฝ่งั แม่น้ำยมและ บรเิ วณแหลง่ น้ำอน่ื ๆ สภาพพืน้ ทีเ่ ป็นท่รี าบลมุ่ แมน่ ้ำ ดินมี ความอุดมสมบูรณ์ด้วยดินตะกอนน้ำพา กลุ่มชุดดินมี ความหลากหลาย ลักษณะของดินส่วนใหญ่เป็นดินลึก มีการระบายนำ้ ต่ำถึงปานกลาง การกกั เก็บนำ้ ในดนิ ได้ดี มีแหลง่ นำ้ สำหรับการเกษตรจำนวนมาก และอย่ใู กลก้ ับ เขตพ้นื ท่ีชลประทานขนาดใหญ่ พันธุ ์ พันธ์ุกล้วยไข่ท่ีนิยม คือ พันธุ์พ้ืนเมือง (พันธุ์ กำแพงเพชรหรอื สุโขทยั ) และพันธเุ์ กษตรศาสตร์ 2 ทไี่ ด้ จากการปรับปรุงพันธุ์จากพันธุ์กำแพงเพชรโดยวิธีการ ฉายรังสแี กมมา เมอื่ เปรยี บเทยี บผลผลิตของกล้วยไขท่ งั้ 2 พนั ธุ์ ใหผ้ ลผลติ เฉลย่ี 6 - 10 กโิ ลกรมั ตอ่ ตน้ แตกตา่ งกนั ไมม่ ากนกั เกษตรกรสามารถปลกู ไดท้ ง้ั 2 พนั ธุ์ ขน้ึ อยกู่ บั ความต้องการของตลาด กลว้ ยไขท่ แ่ี พร ่ จังหวัดแพร่ มพี ื้นทส่ี ่วนใหญเ่ ป็นปา่ เขา มพี ืน้ ราบ เล็กนอ้ ย ในอดตี สม้ เขียวหวานเป็นพชื เศรษฐกิจทีส่ ำคญั ทำรายไดใ้ หเ้ กษตรกรเปน็ อยา่ งดี แตป่ จั จบุ นั ประสบปญั หา ผลผลติ และราคาตกตำ่ เกษตรกรจงึ หนั ไปปลกู พชื ชนดิ อน่ื แทน ไดแ้ ก่ ข้าว ขา้ วโพด ถวั่ เหลอื ง ยางพารา สัก มะละกอ และพรกิ กล้วยไข่เป็นพืชทางเลอื กให้แก่เกษตรกร เนือ่ งจาก ปลูกได้ทุกพน้ื ทีข่ องประเทศไทย สรา้ งรายไดใ้ หเ้ กษตรกร หลังปลูก 9 - 12 เดอื น และยงั สามารถให้ผลผลิตได้นาน 2 - 3 ปี ท้ังนีข้ ้ึนอยู่กับการดูแลรกั ษาของเกษตรกร ต้นพนั ธุท์ ่ไี ด้จากการผ่าหน่อ น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553 39

การเตรียมต้นพนั ธ์ุ วางแผนการปลูก ลกั ษณะตน้ พนั ธุ์ทคี่ วรเลือกนำไปปลูก ไดแ้ ก่ เลือก กล้วยไข่เป็นพืชท่ีตลาดมีความต้องการตลอดปี หน่อจากต้นที่ได้ตัดเครือแล้วซ่ึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อ แต่ทต่ี ลาดมีความตอ้ งการสงู ในชว่ งนอกฤดู ตง้ั แต่เดือน ผลผลติ ของตน้ แม่ เหงา้ ใหญ่ ลำต้นเรียวจากโคนสปู่ ลาย ธันวาคม - เมษายน ดัง้ น้นั ควรวางแผนการปลูกปลาย ใบแคบ เป็นหนอ่ สมบูรณแ์ ขง็ แรง การเจรญิ เติบโตอย่าง เดอื นเมษายน - มถิ นุ ายน ซงึ่ จะเก็บเก่ยี วผลผลติ ได้ใน รวดเร็ว และให้ผลลติ สูง ไม่ควรเลือกหนอ่ ทีม่ ีลักษณะ เดอื นธนั วาคม - เมษายน ซึ่งมีราคาสูงและปรมิ าณ ขนาดเหงา้ และลำตน้ เลก็ ใบกวา้ ง เพราะเปน็ หนอ่ ทอ่ี อ่ นแอ ผลติ ผลในท้องตลาดมีน้อย แตเ่ ป็นที่ตอ้ งการของตลาด เจริญเติบโตช้า และให้ผลผลติ ต่ำ ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศเป็นอยา่ งมาก อยา่ งไรกต็ ามเกษตรกรทปี่ ลกู กลว้ ยไขใ่ หไ้ ดค้ ณุ ภาพนน้ั หน่อพันธุท์ แี่ ยกจากต้นแม ่ จะตอ้ งมคี วามพรอ้ มในปจั จยั หลายดา้ น เพราะกลว้ ยไขเ่ ปน็ พชื ทตี่ อ้ งดแู ลเอาใจใสเ่ ปน็ อยา่ งดตี ลอดฤดปู ลกู เชน่ การให้ ปยุ๋ ให้น้ำ ตลอดจนการตดั แต่งใบ ตดั แต่งหนอ่ และ การป้องกนั กำจัดโรคและแมลง สำหรบั เกษตรกร 1 ราย สามารถดแู ลอยา่ งทั่วถึงในพนื้ ที่ 5 ไรเ่ ท่านนั้ ชว่ งระยะเวลาตา่ งๆ ทเ่ี กษตรกรควรทราบในการปลกู กล้วยไข่ มีดงั น ้ี 1) ชว่ งท่ตี ลาดต้องการมาก และมีราคาสูง คือ ธันวาคม - เมษายน 2) ชว่ งท่ีตลาดตอ้ งการ และมรี าคาปานกลาง คอื พฤษภาคม – มถิ ุนายน และ พฤศจิกายน 3) ชว่ งทผ่ี ลไมใ้ นประเทศจนี ออกมากทำใหก้ ลว้ ยไข่ ในจนี ราคาตำ่ คอื สงิ หาคม – พฤศจกิ ายน 4) ชว่ งฤดกู าลกล้วยไขไ่ ทยออกสตู่ ลาดมากทำให้ ราคาตำ่ คอื สิงหาคม - พฤศจิกายน 40 น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

ปลูกกล้วยไขจ่ ากหน่อพันธ์ทุ แ่ี ยกจากต้นแม่ ตน้ พนั ธ์ุจากการเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่อื • การปลกู กลว้ ยไขจ่ ากตน้ พันธ์ทุ ่ีได้จากการขุด แยกจากหน่อตน้ แม่ การเตรียมแปลง เลือกต้นพันธ์ุจากต้นแม่ท่ีให้ผลผลิตและตัดเครือ แลว้ เพอ่ื ไมใ่ หม้ ผี ลกระทบตอ่ ผลผลติ หนอ่ ทมี่ ลี กั ษณะสมบรู ณ์ การเตรยี มดนิ ไถตากดนิ 7 - 14 วนั เก็บเศษไม้ แขง็ แรง มเี หงา้ ใหญ่ ลกั ษณะใบแคบ เมอ่ื ขดุ แยกจากตน้ แม่ และวัชพชื ออกจากแปลง สำหรบั แปลงท่ีมีน้ำขงั ในฤดฝู น ตัดใบออก นำไว้ในที่รม่ กอ่ นนำไปปลูก ไถขดุ หลุมลกึ ควรทำรอ่ งเพอ่ื ระบายนำ้ เนอื่ งจากกลว้ ยไขช่ อบดนิ ทม่ี ี 30 - 40 เซนตเิ มตร ใหร้ อยแผลทขี่ ดุ แยกจากตน้ แมอ่ ยใู่ น การระบายนำ้ ดี หากมีนำ้ ขังใบกล้วยจะเหลอื ง และ ทิศเดียวกันหมด เพ่ือให้กล้วยแทงปลีไปทิศเดียวกัน เจริญเตบิ โตช้า วดั พ้ืนทเี่ ตรยี มหลุมปลกู โดยระยะปลูกท่ี ตดิ ตงั้ ระบบนำ้ และใหน้ ำ้ ทนั ที หลงั ปลกู 5 - 7 วนั ตน้ กลว้ ย เหมาะสมคือ 2 x 2 เมตร 400 ต้น/ไร่ ขุดหลมุ ปลูก เร่มิ แตกใบออ่ น ขนาดกวา้ ง 50 เซนตเิ มตร ลึก 50 เซนติเมตร ใส่ป๋ยุ คอก • การปลกู กลว้ ยไขโ่ ดยใชต้ น้ พนั ธจุ์ ากการเพาะเลย้ี ง หรอื ปุ๋ยหมักในหลุมปลูก อัตรา 5 - 10 กโิ ลกรมั ตอ่ หลมุ เนอ้ื เยื่อและตน้ ทไ่ี ดจ้ ากการผ่าหน่อ คลุกเคลา้ กับดนิ พร้อมท่ีจะปลกู ต้นพันธ์ุกล้วยไข่ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และจากการผ่าหน่อ ตอ้ งอนุบาลในเรอื นเพาะชำประมาณ วิธกี ารปลูก 3 เดือน ขนย้ายต้นพันธุ์จากเรือนเพาะชำ ด้วย ความระมัดระวังเพราะต้นกล้วยหักได้ง่าย นำต้นพันธ์ุ การปลูกกล้วยไข่โดยทั่วไปเกษตรกรนำต้นพันธุ์ท่ี ไปไวใ้ นทร่ี ม่ รำไรบรเิ วณใตต้ น้ ไมใ้ กลๆ้ แปลงปลกู ประมาณ ขุดจากต้นแม่ไปปลูก แตใ่ นปจั จบุ นั มีต้นพันธุท์ ไ่ี ด้จาก 3 - 4 วนั เพือ่ ให้ปรบั ตัวกบั สภาพแปลงปลูกก่อนนำลง การขยายพนั ธโุ์ ดยวธิ เี พาะเลยี้ งเนอื้ เยอื่ และวธิ กี ารผา่ หนอ่ หลุมปลูก นำตน้ พนั ธอ์ุ อกจากถงุ พลาสตกิ วางในหลมุ ปลกู ทำใหไ้ ด้ต้นพนั ธใุ์ นปรมิ าณมาก ซงึ่ มวี ธิ ีการปลูกแตกตา่ ง ลกึ ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร กลบดินใหท้ วั่ โคนต้น กนั ออกไป จงึ แบง่ วธิ กี ารปลกู ตามลกั ษณะหนอ่ พนั ธมุ์ ี 2 วธิ ี ดังน้ี น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 41

ใหน้ ้ำทันที ตน้ ทีม่ ีใบออ่ นใหต้ ัดใบท้งิ หลงั ปลกู กล้วยไข่ (ซา้ ย) ลกั ษณะหนอ่ พันธ์ทุ ด่ี ี (กลาง และ ขวา) 1 - 4 เดอื น กำจัดวัชพืชด้วยวีธีการใช้เคร่ืองตัด ไม่ควร ลกั ษณะหนอ่ พันธทุ์ อี่ ่อนแอ ฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืช เนื่องจากทำให้ใบไหม้ต้นชะงัก การเจริญเติบโตหรอื อาจตายได้ การให้ปุ๋ย เกษตรกรสามารถนำแม่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) แมป่ ๋ยุ ฟอสฟอรัส (0-46-0) และแม่ป๋ยุ การดูแลรักษา โพแทสเซยี ม (0-0-60) ท้ังสามชนิดมาผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้ากนั ในสดั ส่วนประมาณ 1 : 0.25 : 2.4 (สัดส่วน กล้วยไข่เป็นพืชท่ีมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยน้ำหนัก) แล้วจึงนำไปใส่กล้วยไข่ในอัตราประมาณ หากมกี ารจดั การถกู ต้องและสมำ่ เสมอ จะไดต้ ้นทสี่ มบรู ณ์ 120 กรัม/ตน้ /ครงั้ พรอ้ มทจี่ ะแทงปลตี ามระยะเวลาทวี่ างแผนไว้ และใหผ้ ลผลติ ในกรณที ไ่ี มส่ ามารถหาแมป่ ยุ๋ ฟอสฟอรสั (0-46-0) ทม่ี คี ณุ ภาพตรงกบั ความตอ้ งการของตลาด มขี อ้ ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ได้ ใหใ้ ช้แม่ปุย๋ ยูเรยี (46-0-0) ผสมกบั ปุ๋ยสตู รเสมอ การใหน้ ้ำ การใหน้ ้ำเปน็ สง่ิ ทส่ี ำคัญ หากใหน้ ำ้ ไม่ (15-15-15 หรอื 16-16-16) และปยุ๋ โพแทสเซยี ม เพียงพอจะทำให้ต้นกล้วยเจริญเติบโตและให้ผลผลิตช้า (0-0-60) ในอตั ราสว่ น 1 : 1 : 3 (สดั สว่ นโดยนำ้ หนกั ) และลำตน้ หักง่าย ควรให้น้ำอยา่ งสม่ำเสมอ เกษตรกร แล้วจึงนำไปใส่ใหก้ ลว้ ยไข่ในอัตราประมาณ 120 กรมั / ส่วนใหญ่ให้น้ำแบบปล่อยน้ำเข้าแปลงหรือลากสายยาง ตน้ /คร้งั (1 กำมอื = 50 - 60 กรมั ) สำหรับเกษตรกรที่ผลิตเพ่ือส่งออกส่วนใหญ่ให้น้ำทาง อย่างไรก็ตามการใส่ปุ๋ยควรพิจารณาถึงปริมาณ ระบบนำ้ แบบมนิ สิ ปรงิ เกลอร์และน้ำหยด ระยะเวลาใน ธาตอุ าหารเดมิ ทม่ี ีอย่ใู นดนิ ดว้ ย ถ้าในดนิ มีธาตุอาหารใน การให้น้ำไมแ่ นน่ อนขน้ึ อยกู่ บั ความช้ืนภายในดนิ ตงั้ แต่ ปรมิ าณทสี่ งู หรอื สงู มาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงธาตุฟอสฟอรัส เดือนตลุ าคมเปน็ ต้นไปควรให้นำ้ ทุก 5 - 7 วนั และโพแทสเซยี ม ซงึ่ มกั คงคา้ งในดนิ ในปรมิ าณทสี่ งู เนอ่ื งจาก การใสป่ ยุ๋ ทม่ี ธี าตอุ าหารหลกั ทงั้ สามอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และใชป้ ยุ๋ ใน การให้นำ้ ในแปลงกล้วยไข่ ปรมิ าณทม่ี ากเกนิ ความจำเปน็ ดงั นนั้ จงึ ควรลดปรมิ าณการใช้ ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมลง ซ่ึงอาจใช้ปุ๋ยยูเรีย การใหน้ ำ้ ระบบนำ้ หยด (46-0-0) ผสมกบั ปยุ๋ สตู รเสมอ (15-15-15 หรอื 16-16-16) ในสดั สว่ นประมาณ 1:1 - 1.5 (สัดส่วน โดยนำ้ หนัก) แลว้ ใสใ่ หก้ บั ต้นกลว้ ยไขป่ ระมาณ 50 กรัม/ ต้น/คร้งั (1 กำมอื ) 42 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 5 กันยายน - ตลุ าคม 2553

การตดั แตง่ หนอ่ หลงั ปลกู 4 เดอื น ตน้ กล้วยจะ ของเครือ ป้องกันผิวไหม้เม่ือถูกแสงแดดจัด การผลิต เรม่ิ แทงหนอ่ ขน้ึ มาใหม่ ตอ้ งตดั ออกทกุ สปั ดาหเ์ พอ่ื ไมใ่ ห้ กลว้ ยไขส่ ง่ ออกมคี วามจำเปน็ ตอ้ งหอ่ ผล วสั ดทุ ใ่ี ชใ้ นการหอ่ แยง่ อาหารของต้นแม่ จนกระทง่ั ตน้ กลว้ ยอายุ 5 เดอื น ทางบรษิ ทั ผสู้ ง่ ออกจะเปน็ ผจู้ ดั การหามาใหเ้ กษตรกร สำหรบั จงึ เหลือไว้ 1 หน่อ เพอื่ เลยี้ งไว้แทนตน้ แม่ ซง่ึ จะตัดทิง้ กล้วยไข่ท่สี ่งตลาดภายในประเทศไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งหอ่ ผล หลังใหผ้ ลผลิต การตัดแต่งใบ ตัดใบแกท่ ี่แหง้ หรอื ใบที่เป็นโรค ออกโดยตดั ให้ชดิ ลำต้น แลว้ นำไปเผาทำลายนอกแปลง ไมค่ วรสุ่มใบท่ีตัดแลว้ ไว้ทโี่ คนต้น เพื่อลดสะสมของโรค และแมลงศตั รูกล้วยไข ่ การตัดปลี ตน้ กล้วยไขท่ ีส่ มบูรณ์เร่มิ แทงปลหี ลงั ปลกู 6 - 8 เดือน ส่วนตน้ ท่ไี มส่ มบูรณ์จะแทงปลีชา้ ออกไป กล้วยแทงปลเี ริม่ จากมใี บธง (ใบสัน้ ) ขึ้นเป็นใบสดุ ทา้ ย ปลโี ผล่ข้นึ มา แล้วมดี อกบานเรมิ่ จากหวีบนสุดไปจนถงึ หวีสดุ ทา้ ยใชเ้ วลา 2 สัปดาห์ ซึ่งสามารถตัดปลอี อกจาก เครือได้ เพอื่ ให้ได้ขนาดผลผลติ สม่ำเสมอ การห่อผล หลังจากตดั ปลีออกแล้ว การห่อผลเพื่อ ใหผ้ วิ สวยงาม และปอ้ งกนั แมลงหรอื ลมทอ่ี าจทำใหผ้ ลกลว้ ย เกดิ รอยตำหนิ โดยการโน้มใบธงมาปิดผลกลว้ ยด้านบน ตัดหนอ่ ต่ำเกอื บชิดผวิ ดิน ใช้ถงุ สีฟา้ คลุมเครือกล้วยใหผ้ ลมีผิวนวลสวย ตดั หนอ่ ตน้ ทตี่ ดั แตง่ ใบแล้ว ตัดใบทแ่ี หง้ หรอื เป็นโรคออก โดยตัดให้ชดิ ลำต้น น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 43

การเก็บเกี่ยว การเก็บเกี่ยวผลผลิตกล้วยไข่เพ่ือ ขอ้ ควรระวงั ในการเกบ็ เก่ียวและขนย้ายผลผลติ การสง่ ออก จะเกบ็ เกยี่ วเมอ่ื อายุ 45 - 50 วนั ผลมคี วามสกุ แก่ ภายในแปลง ควรตัดใบกล้วยวางพ้นื กอ่ นวางผลผลิต เพือ่ 65 - 70% ผลดา้ นขา้ งยงั มีเหลยี่ มอยู่ ซง่ึ เป็นการสังเกต ป้องกันการปนเปื้อนของเชอ้ื จุลนิ ทรยี ์ และไม่ใหก้ ระแทก ยากสำหรับเกษตรกรมือใหม่ กลว้ ยไข่ทส่ี ง่ ขายในประเทศ เป็นรอยช้ำและรอยขีดข่วน ในระหว่างการตดั กล้วยจาก จะตดั กลว้ ยไขท่ มี่ คี วามสกุ แก่ 90 - 95% สงั เกตผลดา้ นขา้ ง ตน้ และการชำแหละออกเป็นหวี ไมม่ ีเหลยี่ ม ผลกล้วยไขท่ ่ีสกุ แกเ่ กินไปผลจะแตกเสียหาย กล้วยไข่อายุ 45 – 55 วัน ตดั เครือกลว้ ย แกะถุงคลุมออกผลกลว้ ยมผี วิ สวย การขนยา้ ยผลผลิตจากแปลง GAP สำหรบั กลว้ ยไข่ ผลผลิตกลว้ ยไข่จากแปลงที่ได้รับการรบั รองแหล่งผลิต GAP การตรวจแหล่งผลิตกลว้ ยไข่ ต้งั แต่ขบวนการผลติ จนกระทง่ั ถงึ หลงั การเกบ็ เกย่ี ว เพอ่ื ใหผ้ ลผลติ มคี วามปลอดภยั จากศัตรูพืชและสารพิษตกค้าง และผู้บริโภคมีความ พงึ พอใจในคณุ ภาพผลผลติ กลว้ ยไข่ บรษิ ทั ผสู้ ง่ ออกทกุ แหง่ ต้องการผลผลิตกล้วยไข่จากแปลงท่ีผ่านการรับรอง แหล่งผลติ เท่านั้น การบม่ กล้วยไข ่ การบ่มกล้วยไข่ให้สุกตามความต้องการของตลาด เป็นส่ิงท่สี ำคญั กล้วยไขท่ จ่ี ำหนา่ ยตอ้ งมีความสกุ แก่พอดี ไม่แกเ่ กนิ ไป และทำให้ผลมีสีเหลืองสด สวยงาม การบม่ จะนับวันย้อนหลังจากวันท่ีต้องการวางจำหน่ายในตลาด 3 - 4 วนั ยกเว้นในฤดูหนาวกลว้ ยไข่จะสกุ แกช่ ้ากวา่ ฤดู อน่ื ๆ การบม่ กลว้ ยไขส่ ามารถกำหนดปรมิ าณตามทต่ี อ้ งการ ในแต่ละวันได้ แตกต่างจากกล้วยไข่ท่ีปล่อยให้สุกแก่ ตามธรรมชาติ ซึง่ อาจสุกไม่ตรงตามวนั ทตี่ อ้ งการและใช้ เวลานานกวา่ กลว้ ยจะสุก สขี องผลกล้วยไมส่ ดเหมอื นกบั การบม่ และมเี ชอื้ ราข้นึ บริเวณรอยตัด ทำใหร้ าคาตำ่ การบม่ กลว้ ยไข่ท่ตี ดั เปน็ หวี เร่มิ ตน้ ดว้ ยการเตรยี มตะกรา้ ไม้ไผ่สาน ซึ่งระบาย อากาศไดด้ ี ถา้ เปน็ กลอ่ งกระดาษควรเจาะรเู พอื่ ระบายอากาศ 44 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตุลาคม 2553

บม่ กล้วยแบบตดั เปน็ หว ี เครอื กลว้ ยอีก 1 ห่อ ใชก้ ระดาษหนงั สือพิมพ์ 2 ช้ัน หุ้ม กล้วยท้ังเครอื แลว้ นำกระสอบปยุ๋ หุ้มและมดั ปากกระสอบ บดุ ้านในตะกรา้ ด้วยใชก้ ระดาษหนังสือพิมพ์ 2 ชนั้ หรือ ใหแ้ นน่ เพอื่ ไม่ใหอ้ ากาศเข้า - ออก ปลอ่ ยทงิ้ ไวป้ ระมาณ กระสอบป่าน ห่อถา่ นแก๊สแคลเซียมคาร์ไบด์ ขนาดกอ้ นละ 2 วนั กลว้ ยไขจ่ ะเรมิ่ เปลย่ี นเปน็ สเี หลอื งออ่ น ใหน้ ำหอ่ แกส๊ 10 - 15 กรมั 2 กอ้ นตอ่ ห่อ จำนวน 2 ห่อ ดว้ ยกระดาษ ออกใหห้ มด แล้วปิดไวเ้ หมือนเดมิ อกี 1 วัน รวม 3 - 4 วนั หนังสอื พมิ พ์แบบหลวม ๆ วางไว้ดา้ นล่างของตะกร้า 1 หอ่ กลว้ ยไข่จะสุกแก่พอดีตามทีต่ อ้ งการ จากนั้นนำกล้วยไข่ที่ตัดเป็นหวีใส่ในตะกร้าจนเกือบ เตม็ ตะกรา้ ควรวางกลว้ ยในตะกร้าด้วยความระมัดระวงั การตลาดกล้วยไข่ในจงั หวดั แพร่ ไม่ให้กล้วยเป็นรอยขีดข่วนและช้ำเสียหายซ่ึงจะเห็นรอย ตำหนไิ ดช้ ดั เจนเมอื่ กลว้ ยสกุ แลว้ นำหอ่ แกส๊ แคลเซยี มคารไ์ บด์ เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่เพ่ือการค้ายังมี อีก 1 หอ่ วางด้านบนของกล้วยไข่ที่ใสเ่ กือบเตม็ ตะกรา้ อยนู่ อ้ ย ทำใหก้ ารขายสง่ กลว้ ยไขจ่ ากผผู้ ลติ มคี วามไดเ้ ปรยี บสงู แลว้ นำกล้วยไข่ใส่ให้เตม็ ตะกรา้ ประมาณ 20 - 25 หวี ราคาขายสง่ กลว้ ยไขก่ โิ ลกรมั ละ 10 - 15 บาท ราคาขายปลกี แลว้ ปดิ ดว้ ยกระดาษหนงั สอื พมิ พ์ 2 ชน้ั และใชผ้ า้ ปดิ ทบั หวีละ 15 – 25 บาท สามารถเก็บผลผลติ เพอ่ื ส่งขายได้ ด้านบนสุด เพ่ือไมใ่ หอ้ ากาศเขา้ - ออก อยา่ งสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ โดยกล้วย 1 เครือ มีจำนวนหวี ปลอ่ ยทงิ้ ไวป้ ระมาณ 2 วนั กลว้ ยไขจ่ ะเรม่ิ เปลยี่ นเปน็ เฉลย่ี 6 - 7 หวี สามารถแบง่ ขายเปน็ หวลี ะ 25 บาท จำนวน สเี หลอื งออ่ น ใหน้ ำหอ่ แกส๊ ออกใหห้ มด หากไมใ่ หแ้ กส๊ ออก 2 หวี ราคา 20 บาทจำนวน 2 หวี และ 10 - 5 บาท จำนวน เมอื่ กล้วยสุกจะหลดุ จากขว้ั ง่าย แลว้ ปดิ ไวเ้ หมอื นเดิมอกี 2 หวี รวมขายไดป้ ระมาณ 80 - 100 บาท 1 วนั รวม 3 - 4 วัน ก็จะไดก้ ล้วยไข่ที่สกุ แกพ่ อดี มสี ี แหลง่ ขายสง่ ทสี่ ำคญั คอื ตลาดกลางจงั หวดั แพร่ โดยมี สวยสดตรงตามความตอ้ งการของตลาด สามารถวางตลาด พ่อค้ารายยอ่ ยมารับซอื้ กลว้ ยไขจ่ ากตลาดกลาง และยังมี ไดป้ ระมาณ 2 - 3 วนั การบม่ กล้วยไขใ่ นฤดูหนาวใช้ พอ่ คา้ ทอ่ี ยบู่ รเิ วณใกลเ้ คยี งมารบั ซอื้ ผลผลติ จากสวนเกษตรกร เวลาประมาณ 5 - 6 วัน กล้วยจึงสกุ นอกจากน้ใี นช่วงเทศกาลสำคญั ตา่ ง ๆ จะมีความตอ้ งการ ทางตลาดสงู มาก ราคาหวลี ะ 25 - 30 บาท ผลผลติ กลว้ ยไข่ การบ่มกลว้ ยไข่แบบเปน็ เครอื จงึ ไมค่ ่อยเพยี งพอต่อความต้องการของผู้บรโิ ภค จากการสอบถามผคู้ า้ ผลไมใ้ นตลาดพบวา่ มกี ลว้ ยไข่ เมอื่ ตดั กลว้ ยไขจ่ ากตน้ แลว้ นำเชอื ก เพียงบางส่วนมาจากแหลง่ ผลติ ในจังหวดั แพร่ ส่วนใหญ่ ผกู ทเี่ ครอื กลว้ ย ให้แน่น ห่อถ่าน ยงั เปน็ กลว้ ยไขท่ นี่ ำเขา้ มาจากจงั หวดั สโุ ขทยั และกำแพงเพชร แก๊สแคลเซียมคาร์ไบด์ ขนาด แสดงให้เห็นได้ว่าการผลิตกล้วยไข่ในจังหวัดแพร่นั้น ก้อนละ 10 - 15 กรัม ยงั ไมเ่ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ถงึ แมป้ จั จบุ นั จำนวน 2 กอ้ นต่อห่อดว้ ย มีการขยายพื้นที่ปลูกกล้วยไข่เพิ่มมากขึ้นแต่ผลผลิต กระดาษหนังสอื พิมพแ์ บบ ยังไม่เพียงพอต่อการส่งออก มีหลายบริษัทท่ีได้ติดต่อ หลวม ๆ ใส่ทห่ี วีกลว้ ย เพ่อื ส่งออกไปประเทศจนี โดยผา่ นจงั หวัดเชียงราย ด้านล่างของเครอื 1 ห่อ และบรเิ วณหวดี า้ นบนของ บม่ กล้วยแบบท้ังเครือ น.ส.พ. กสกิ ร ปีที่ 83 ฉบับท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553 45

ตน้ ทนุ และรายได้การผลติ บรรณานุกรม ในปที ี่ 1 มตี ้นทนุ การผลิตค่อนขา้ งสงู คือ 26,289 กรมวชิ าการเกษตร. 2545. เกษตรดที เ่ี หมาะสมสำหรบั กลว้ ยไข.่ บาทตอ่ ไร่ ในปีแรกทีป่ ลกู ปลายเดอื นพฤษภาคมจะเริม่ กรมวชิ าการเกษตร. ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย แทงปลใี นเดือนพฤศจกิ ายน - ธันวาคม ขณะเดียวกนั ก็ เริม่ ไว้หน่อเมือ่ อายไุ ด้ 5 - 6 เดือน เก็บเก่ยี วผลผลิตรนุ่ ท่ี จำกัด, กรงุ เทพฯ. 17 หนา้ . 1 ในเดอื นมกราคมถงึ เดอื นมนี าคม ไดผ้ ลผลติ เฉลยี่ 3,516 จรยิ า วสิ ทิ ธพ์ิ านชิ . 2552. คมู่ อื การผลติ กลว้ ยไขค่ ณุ ภาพ. บรษิ ทั กิโลกรมั ตอ่ ไร่ และสามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ รนุ่ ที่ 2 ใน เดอื นสงิ หาคมถึงเดือนตลุ าคม ได้ผลผลติ เฉล่ยี 3,694 นพบุรกี ารพิมพ์ จำกดั , เชียงใหม.่ 122 หน้า. กิโลกรัมต่อไร่ ดงั นน้ั หลังปลูกในปีที่ 2 เกบ็ เก่ยี วผลผลติ ชลพรรษ ตัง้ ตระการ. 2552. กล้วยไข่ ผลไม้ไทยขายดีในตลาด ได้ 2 คร้งั กล้วยไขข่ ายไดก้ โิ ลกรัมละ 10 - 15 บาท เมือ่ หัก เสฉวนและฉงชิง่ . [ระบบออนไลน์]. แหล่งสบื ค้น : http: คา่ ใชจ้ า่ ยตัง้ แต่เรม่ิ ปลกู 26,298 บาทและคา่ ใชจ้ ่ายตลอด www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/articles/detail. ทง้ั ปี จำนวน 20,593 บาท ยังคงมีกำไรสทุ ธิ 25,218 บาท เมื่อรวมรายได้จากการขายกล้วยไข่ท้ังหมด 6 รุน่ ในระยะ detail. php?IBOCK_ID=(วันท่ี 31 กรกฎาคม 2553) เวลา 3 ปี ได้กำไรสทุ ธิรวม 63,988 บาทต่อไร่ เฉลย่ี ถาวร ออ่ นประไพ และจนิ ดาวรรณ คำโมนะ. 2553. คู่มือขอ้ มูล กำไรสุทธิ 21,329 บาทตอ่ ไรต่ อ่ ปี สนับสนุนการตัดสินใจการผลิตกล้วยไข่ในจังหวัดแพร่. ภาควชิ าพชื ศาสตรแ์ ละทรพั ยากรธรรมชาต,ิ คณะเกษตรศาสตร,์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ 50 หน้า. เบญจมาศ ศลิ ายอ้ ย ฉลองชยั แบบประเสรฐิ และกลั ยาณี สวุ ทิ วสั . 2551. กลว้ ยไขเ่ กษตรศาสตร์ 2 คู่มือการปลกู และการดูแล. หจก. อกั ษรสยามการพมิ พ์, กรุงเทพฯ. 47 หนา้ . สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 2552. ข้อมลู พ้นื ฐาน เศรษฐกจิ การเกษตร ปี 2552. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, กระทรวงเกษตรและสหกรณ,์ เอกสารสถติ ิการเกษตรเลขที่ 414, กรงุ เทพฯ. 106 หน้า. กลว้ ยไข่ทว่ี างขายในตลาดทอ้ งถน่ิ จงั หวัดแพร ่ 46 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 5 กนั ยายน - ตลุ าคม 2553