Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สร้างสำนึกให้เด็กและเยาวชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

สร้างสำนึกให้เด็กและเยาวชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-10-24 00:06:03

Description: สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หนังสือ,เอกสาร,บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

การสรา้ งสำ�นกึ ให้เด็กและเยาวชนอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ บทพระราชนพิ นธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในการประชุมสมั มนา “รักษป์ า่ นา่ น” คร้ังท่ี ๑ วนั จันทร์ที่ ๑๐ มนี าคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์การเรยี นร้แู ละบริการวชิ าการ เครอื ขา่ ยแหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ตำ�บลผาสิงห์ อำ�เภอเมอื งน่าน จงั หวัดนา่ น







e ปจั จุบนั การรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม และทรพั ยากร ธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างย่ิงทรัพยากรป่าไม้ เป็นความจำ�เป็นสำ�หรับทุกคนในโลก ป่าเป็น แหล่งกำ�เนิดของปัจจัยสี่คือ อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ท่ีอยู่อาศัย และยารักษาโรค ป่าธรรมชาติที่ อุดมสมบูรณ์จะช่วยป้องกันน้ําท่วม ดินถล่ม ความแห้งแล้ง เ มื่ อ ข้ า พ เ จ้ า เ ริ่ ม ต้ น โ ค ร ง ก า ร อ า ห า ร แ ล ะ โภชนาการในโรงเรียน ยังไม่สามารถที่จะหาทุนรอน ซื้อเมล็ดพันธุ์พืชใช้ปลูก ผลิตอาหารประกอบเลี้ยง ได้เพียงพอ ครูและนักเรียนสามารถหาวัตถุดิบ ใช้ประกอบอาหารจากป่า e

ข้าพเจ้ามีโอกาสเห็นความสวยงามของป่าเขาลำ�เนา ไพรในภาคต่างๆ ของประเทศมาแต่ยังเยาว์วัย จำ�ความได้ก็ ไปที่หัวหิน ไปเชียงใหม่เมื่ออายุได้ ๗ ปี สมัยก่อนชาวบ้าน ถางป่าท�ำ ไร่เลือ่ นลอย เมอื่ ดนิ จืดกย็ ้ายไปเร่อื ยๆ แต่ก็จะกลับ มาที่เดิมในระยะเวลาหน่ึงการทำ�ลายจึงไม่รุนแรงนัก ต่อมา มีการลักลอบตัดไม้ ยิ่งมีเครื่องมือเล่ือยไฟฟ้า ย่ิงทำ�ให้การ ทำ�ลายล้างเร็วขึ้น ระยะหลังถึงกับเผาป่าท้ังภูเขาหลายลูก เพ่ือเป็นท่ีปลูกพืชไร่ทำ�มาหากิน ส่วนมากใช้สารเคมีแรงๆ เปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ และท�ำ ลายสง่ิ แวดลอ้ ม ท�ำ ใหพ้ ชื สตั ว์ ตามธรรมชาติท่ีมปี ระโยชน์หมดไป เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นครู และทำ�งานเร่ืองโภชนาการ เด็กอยู่แล้ว จึงคิดว่าการฝากแนวคิดให้เด็กศึกษาหา ความรู้จากป่าไม้ซึ่งเป็นสื่อการสอนท่ีดีที่สุด ให้รักหวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติล้ําค่าของพวกเขา และ ฝึกฝนเด็กให้อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรอ่ืนๆ จึงเริ่มงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมใน โรงเรียน ตชด. อย่างจริงจงั ใน พ.ศ. ๒๕๓๐ 6 การสรา้ งส�ำ นกึ ให้เดก็ และเยาวชนอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ

“รกั ษป์ ่านา่ น” 7

e แนวทางการด�ำ เนนิ งาน e e หลกั การในการดำ�เนนิ การเน้นเด็กและเยาวชนเปน็ ศูนยก์ ลางคอื ใหเ้ ด็ก เป็นผู้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง (learning by doing) มีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม และ เชอ่ื มโยงกบั ทรัพยากรของชุมชนท่ีอยู่รอบๆ ตวั e วิธีการ คือ สอนให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความงดงาม ความนา่ สนใจ เกดิ ความปตี ิที่จะศกึ ษาและอนุรกั ษ์ต่อไป เป็นความรกั ความผูกพัน หวงแหนในทรัพยากรของตน ในขณะเดียวกันสิ่งที่มีในธรรมชาติจะเป็นอุปกรณ์ การสอนในวชิ าตา่ งๆ ได้หลายอยา่ ง e ตัวอยา่ งกจิ กรรม e ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกิจกรรมที่โรงเรียนดำ�เนินการเพ่ือให้นักเรียนได้มีโอกาส สมั ผสั กบั ธรรมชาตขิ องชมุ ชนรอบตวั อนั น�ำ ไปสคู่ วามปตี ิ ความรกั ความผกู พนั และ ความหวงแหนในทรพั ยากรของตน e ปา่ ชมุ ชนกบั นกั เรยี นโรงเรยี น ตชด.เรม่ิ ด�ำ เนนิ การมาตง้ั แต่พ.ศ.๒๕๓๐ โดยการใช้ป่าชุมชนท่ีมีอยู่แล้วในชุมชน หรือหากชุมชนใดยังไม่มีทางโรงเรียน ประสานกับชุมชนขอกนั พ้ืนทีป่ ่าเพ่ือท�ำ เป็นปา่ ชุมชน และรว่ มกันดแู ลรักษา ครจู ดั กจิ กรรมพานักเรยี นเข้าไปศึกษาธรรมชาติวิทยาในป่า มีอะไรบ้าง พชื สัตว์ หิน ดิน เป็นอยา่ งไร มีความสมั พันธก์ นั อย่างไร ในบางพนื้ ทีก่ ร็ ว่ มกบั ชุมชนปลกู ต้นไมใ้ นเขต ทก่ี นั ไวเ้ ป็นป่าชุมชน การดำ�เนนิ งานพบว่าหลายแห่งทีไ่ ดผ้ ลดี เพราะผู้นำ�ชุมชนซ่งึ เป็นกรรมการศึกษาของโรงเรยี นเป็นผู้นำ�ในการดแู ลรกั ษาป่าชุมชน 8 การสร้างส�ำ นึกใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

“รกั ษป์ ่านา่ น” 9

e การจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ ร่อื งการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรป่าไม้ เรมิ่ ดำ�เนนิ การใน พ.ศ. ๒๕๕๔ จาก การที่ทรัพยากรป่าไม้ถูกทำ�ลายลงไปอย่างรวดเร็วมากท้ัง ในพ้ืนท่ีภูเขา ป่าพรุ และที่อื่นๆ เป็นผลให้ภัยพิบัติทาง ธรรมชาตทิ เี่ กดิ ขนึ้ ทวคี วามรนุ แรงเพมิ่ มากขน้ึ เชน่ การเกดิ นาํ้ ทว่ มและดนิ ถลม่ ในพน้ื ทภี่ าคใต้ ซง่ึ ไมว่ า่ ใหก้ ารชว่ ยเหลอื อย่างไร กไ็ ม่สามารถแกป้ ญั หาได้ แมจ้ ะสรา้ งบา้ นทดแทน บา้ นทถี่ ลม่ ไปกย็ งั จะพงั ถลม่ ไดอ้ กี ในคราวถดั ไปหากเกดิ นาํ้ ทว่ มและดนิ ถลม่ จงึ ทดลองจดั ท�ำ หลกั สตู รเรอ่ื ง การอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรปา่ ไม้ โดยมีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ปลกู ฝงั ใหน้ กั เรียน เหน็ ถึงความส�ำ คัญของป่าไม้ เกิดความรัก ความหวงแหน ทรพั ยากรปา่ ไม้ และรว่ มกนั อนรุ ักษ์ หลักสูตรดังกลา่ วใช้ เปน็ แนวทางสำ�หรับครูโรงเรียน ตชด. ในแตล่ ะพน้ื ที่ใชจ้ ัด กิจกรรมการเรียนการสอนใหแ้ กน่ ักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๕ เปน็ หลักสตู ร ๔๐ ช่วั โมง 10 การสร้างสำ�นกึ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

“รกั ษป์ ่านา่ น” 11

e โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช วัตถุประสงค์ เพ่ือให้เข้าใจและเห็นความสำ�คัญของพันธุกรรมพืช ให้ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ จนเกิดผลประโยชน์ถึงมหาชนชาวไทย ให้มีระบบ ขอ้ มลู พนั ธกุ รรมพชื สอ่ื ถงึ กนั ไดท้ วั่ ประเทศ กจิ กรรมประกอบดว้ ย ๑) การปกปกั พนั ธกุ รรมพชื ในพ้ืนทป่ี า่ ธรรมชาติ ๒) การส�ำ รวจ รวบรวมพันธุกรรมพืชท่ีมีแนวโน้มว่าใกล้สูญพันธุ์ อันเกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ๓) การนำ�พันธ์ุพืชท่ี รวบรวมเพาะปลูก และรักษาในพื้นท่ีที่เหมาะสมทางกายภาพ และปลอดภัยจากการรุกราน ๔) การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ พันธุกรรมพืช ๕) ศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช ๖) การวางแผน และพัฒนาพันธุกรรมพืช ๗) การสร้างจิตสำ�นึกในการอนุรักษ์ พันธกุ รรมพชื แกก่ ลุ่มเปา้ หมายตา่ งๆ ไดแ้ ก่ เยาวชน บุคคลทั่วไป และ ๘) กิจกรรมพเิ ศษสนบั สนนุ การอนรุ กั ษ์พันธุกรรมพืช 12 การสรา้ งส�ำ นกึ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ

“รกั ษ์ป่านา่ น” 13 e สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เป็นงานหน่ึง ใ น โ ค ร ง ก า ร อ นุ รั ก ษ์ พั น ธุ ก ร ร ม พื ช อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พระราชด�ำ ริ วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปน็ สอ่ื ในการสรา้ งจติ ส�ำ นกึ ด้านอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยให้เยาวชนได้ใกล้ชิด กับพืชพรรณไม้ เห็นคุณค่า ประโยชน์ ความสวยงาม อันจะก่อให้เกิดความคิดที่จะอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป การดำ�เนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน สามารถ ด�ำ เนนิ การในพน้ื ทข่ี องโรงเรยี น โดยมวี ธิ กี ารคอื ใหน้ กั เรยี น รวบรวมพรรณไมท้ อ้ งถนิ่ เขา้ มาปลกู รวบรวมไวใ้ นโรงเรยี น ศึกษาชีวภาพ และกายภาพ รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถ่ิน เก่ียวกับพรรณไม้ มีมุมศึกษาค้นคว้า หนังสือทางด้าน พฤกษศาสตร์ การท�ำ ตวั อยา่ งพชื แหง้ และน�ำ ผลการศกึ ษา มาลงเว็บไซต์ของโรงเรียน เป็นการเผยแพร่ความรู้ต่อไป ในหมู่เยาวชนอื่นๆ และประชาชนทั่วไปท่ีสนใจ เป็นงาน ที่ทำ�ร่วมกันได้ระหว่างชุมชน ผู้ปกครอง และนักเรียน นอกจากนจี้ ะสง่ ขอ้ มลู พรรณไมข้ องโรงเรยี นไปบนั ทกึ เกบ็ ไว้ ทศ่ี นู ยข์ อ้ มลู พนั ธกุ รรมพชื ของโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรม พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมทม่ี ีโรงเรยี นเป็นฐานในการดำ�เนนิ งานแล้ว เพื่อ ใหเ้ กดิ การฟน้ื ฟแู ละรกั ษาปา่ จ�ำ เปน็ ตอ้ งจดั กจิ กรรมในชมุ ชน เพอื่ ใหช้ มุ ชนสามารถ ดำ�รงชีวิตอยู่กับป่าได้โดยไม่ให้มีการทำ�ลายป่าเพ่ิมข้ึน และเป็นบทเรียนให้เด็กและ เยาวชนไดเ้ รียนรตู้ ่อไป ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้ e ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง เป็นวิธีปลูกป่าตามแนว พระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่ีทรงเห็นว่า การปลูกป่าจำ�เป็น ต้องผสมผสานความต้องการในการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูทรัพยากรป่าไม้ ควบคู่ ไปกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคม และการใช้ทรัพยากรของชุมชน ป่า ๓ อย่าง ได้แก่ ป่าไม้ใช้สอย อาทิ ไม้ไผ่ ไม้โตเร็วอย่างสะเดา เป็นต้น ป่า ไม้กินได้ ได้แก่ ไม้ผล และผักกินใบหรือกินหัวชนิดต่างๆ และป่าไม้เศรษฐกิจ คือ ไม้ที่ปลูกไว้ขายไม่ว่าจะเป็น ไม้ผลเศรษฐกิจ และไม้ที่ปลูกไว้ขายเนื้อไม้ เช่น ไม้สัก เป็นต้น ประโยชน์จากป่า ๔ อย่าง คือ เป็นไม้ใช้สอย โดยนำ�มา สรา้ งบ้าน ทำ�เลา้ เปด็ เลา้ ไก่ ดา้ มจอบเสยี ม ทำ�หัตถกรรม หรือกระทง่ั เป็นฟืน ในการ หุงตม้ เป็นอาหาร ทัง้ พืชกนิ ใบ กนิ ผล กนิ หัว และเปน็ ยาสมนุ ไพร เป็นแหลง่ รายได้ ของครวั เรอื น และชว่ ยอนรุ กั ษด์ นิ และนา้ํ การปลกู พชื ทห่ี ลากหลายอยา่ งเปน็ ระบบ ช่วยสร้างสมดุลของระบบนิเวศในสวน ช่วยปกป้องผิวดินให้ชุ่มชื้น ดูดซับนํ้าฝน และค่อยๆ ปลดปล่อยความชื้นสู่สวนเกษตรกรรม ป่าท่ีใช้อนุรักษ์ดินและน้ําดีท่ีสุด คือ ป่าพืชพรรณธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่นิ นนั่ เอง  14 การสรา้ งสำ�นึกให้เด็กและเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

“รกั ษ์ปา่ นา่ น” 15 e การปลูกป่า Re-Green Movement เป็น กิจกรรมที่นำ�แนวทางต่างประเทศมาใช้ คือ การปลูก ป่าของกลมุ่ ชาวญีป่ ุ่นทใ่ี ชช้ ือ่ วา่ Re-Green Movement จุดมุ่งหมายเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกทำ�ลายข้ึนมา ใหม่ โดยใช้หลักการปลูกป่าเชิงอนุรักษ์ระบบนิเวศ (Ecological Reforestation) ของศาสตราจารย์อะกิระ มิยาวากิ ด้วยการปลูกพันธ์ุไม้ท้องถ่ินให้หนาแน่นและ ปลกู ผสมหลายพนั ธ์ุ (๓ - ๕ ต้นต่อพน้ื ท่ี ๑ ตารางเมตร) โดยเชิญชวนบุคคลต่างๆ มที ง้ั แมบ่ ้าน ประชาชนทว่ั ไป มาร่วมกับคณะ Re-Green Movement (RGM) จาก ประเทศญีป่ นุ่ ทป่ี ลกู เปน็ ประจำ�ทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นต้นมา ในแต่ละปีจะมีการปลูกต้นไม้ในพ้ืนที่ขนาด ตง้ั แต่ ๐.๘ จนถงึ ๒ เฮกเตอร์ ในหม่บู า้ นใน ๓ จังหวดั คือ ราชบรุ ี เลย และน่าน จำ�นวนต้นไมท้ ่ปี ลูกในแต่ละ ปมี ีจ�ำ นวนมากกวา่ ๑๐,๐๐๐ ต้นขน้ึ ไป

e โครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา เร่ิมเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นการพัฒนาจากพ้ืนท่ีป่าท่ีเป็นต้นกำ�เนิดของลำ�น้ําภาชีให้เป็นแหล่ง ศึกษาธรรมชาติสำ�หรับเด็กและเยาวชน รวมท้ังประชาชนในพื้นที่ เพื่อ ร่วมกนั รกั ษาป่าไม่ใหม้ กี ารตดั ไม้ อุทยานธรรมชาติวิทยาต้ังอยู่ที่อำ�เภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ติด ชายแดนสาธารณรฐั แหง่ สหภาพพมา่ ครอบคลมุ พนื้ ท่ี ๒๑๐ ตารางกโิ ลเมตร เป็นป่าที่เป็นต้นกำ�เนิดของลำ�นํ้าภาชี ซึ่งมีลุ่มน้ําย่อยหลายลุ่มน้ํา เช่น หว้ ยบ่อหวี หว้ ยบอ่ คลงึ ห้วยคอกหมู หว้ ยค้างคาว รวมกันยาวกวา่ ๒๒๐ กิโลเมตร เนอื่ งจากเป็นพื้นทอ่ี ยู่ดา้ นหลังเทือกเขาตะนาวศรี ซ่ึงเป็นเสมือน ก�ำ แพงปะทะพายฝุ นทมี่ าทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ทำ�ใหบ้ รเิ วณภายในพน้ื ที่ โครงการอทุ ยานธรรมชาตวิ ทิ ยา มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพ เปน็ แหลง่ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เป็นที่เกิดของป่าดิบชื้น ป่าดิบเขาและ ปา่ เบญจพรรณทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ นอกจากนย้ี งั มคี วามหลากหลายทางธรณวี ทิ ยา ท้ังสภาพดิน หิน แร่ โดยบริเวณพ้ืนท่ีบางส่วนเคยเป็นพ้ืนท่ีสัมปทาน ท�ำ เหมอื งแรด่ บี กุ มากอ่ น มคี วามหลากหลายของภมู ปิ ระเทศ เชน่ ล�ำ หว้ ย นา้ํ ตก ภเู ขา ทร่ี าบ บอ่ นา้ํ รอ้ น เปน็ ตน้ โครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา มีการดำ�เนินงานหลายอย่าง เช่น การสำ�รวจจำ�แนกทรัพยากรทางชีวภาพและกายภาพ การปรับปรุงพ้ืนท่ี ให้เป็นสถานศึกษาสภาพธรรมชาติ การบริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ทางวชิ าการ การส่งเสริมการวจิ ยั ในท้องถ่ิน เป็นตน้ 16 การสร้างสำ�นึกให้เดก็ และเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

“รกั ษป์ ่านา่ น” 17

e คนอยู่ร่วมกับป่า : ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา เป็นการมุ่งส่งเสริมและ สนับสนุนให้มีการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นท่ีอำ�เภอ บ่อเกลือ จังหวัดน่าน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการรักษาวัฒนธรรม ทอ้ งถ่นิ โดยมงุ่ ใหป้ ระชาชนดำ�รงชีวิตอยู่ภายใต้ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง พรอ้ มกับ การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และศูนย์ภูฟ้าพัฒนาจะเป็นแหล่ง ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ เปน็ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาส�ำ หรบั ประชาชน ประชาชนสามารถน�ำ ความรไู้ ปปฏบิ ตั ไิ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งเสยี่ งตอ่ ความไมส่ �ำ เรจ็ กิจกรรมทด่ี ำ�เนินอยู่ ไดแ้ ก่ การจดั ท�ำ แปลงเกษตรผสมผสานบนพน้ื ทสี่ งู จ�ำ นวน ๑,๔๐๐ ไร่ ใหก้ บั ประชาชน บริเวณโดยรอบพระตำ�หนักภูฟ้า เพื่อให้ประชาชนมีผลผลิตเพียงพอสำ�หรับการ บริโภคของครัวเรือน ในขณะเดียวกันก็มีรายได้เสริมจากผลผลิตที่เหลือ โดยไม่ไป บุกรกุ ทำ�ลายป่าเพ่มิ เตมิ การพฒั นาปรบั ปรงุ และคดั เลอื กพนั ธข์ุ า้ วไรแ่ ละขา้ วพน้ื เมอื ง เพอื่ ใหก้ ารผลติ มี ประสทิ ธิภาพขึน้ โดยใช้พ้ืนทีน่ อ้ ยลง ซงึ่ ศูนย์วจิ ัยขา้ วแพรพ่ บว่า พันธขุ์ า้ วเลบ็ ชา้ ง และพันธ์ุข้าวสันป่าตองมีความเหมาะสมมากท่ีสุด สามารถเพ่ิมผลผลิตจาก ๑๐๐ กิโลกรมั ตอ่ ไร่ เปน็ ๒๐๐ กโิ ลกรมั ต่อไร่ ในขณะเดียวกันมีการพัฒนาพื้นท่ีราบแคบๆ บรเิ วณไหลเ่ ขาและลำ�ห้วยให้สามารถทำ�นาขั้นบันไดได้ ซงึ่ ท�ำ ให้ผลผลติ ต่อไรส่ ูงข้ึน บางพน้ื ทส่ี ามารถท�ำ นาไดถ้ งึ ๒ ครง้ั ตอ่ ปี เปน็ การใชพ้ นื้ ทใี่ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ และ ประชาชนไมข่ ยายพืน้ ทท่ี ำ�ไร่ข้าวเพิม่ ขึน้ นอกจากน้ียงั มีการตง้ั ธนาคารขา้ วส�ำ หรับ ครวั เรือนท่ีขาดแคลนขา้ วดว้ ย การจดั การปา่ เสอ่ื มโทรมและการฟนื้ ฟปู า่ ไม้ โดยการท�ำ วนเกษตร ซงึ่ มกี ารปลกู พชื เศรษฐกิจ สมนุ ไพร ไม้พืน้ เมือง ผสมผสานกบั ไม้ปา่ รวมท้ังแนวคดิ ปา่ สามอย่าง ประโยชน์สี่อย่างด้วย เพอื่ ใหป้ ระชาชนสามารถท่จี ะใชป้ ระโยชนจ์ ากปา่ 18 การสร้างสำ�นกึ ให้เด็กและเยาวชนอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ

“รกั ษป์ ่านา่ น” 19

e สรา้ งป่าสร้างรายได้ เป็นแนวทางการพัฒนา ฟืน้ ฟปู า่ ไม้ เพื่อใหป้ ระชาชนสามารถอย่รู ่วมกบั ป่า และมี รายไดเ้ สรมิ จากการปลกู พชื โดยทไ่ี มท่ ำ�ลายปา่ ไม้ โดยการ ปลูกป่าร่วมกับพืชเศรษฐกิจ มีการปลูกไม้หลายๆ ระดับ หลายๆ ชนดิ มที ง้ั ไมเ้ รอื นยอดสงู ลดหลน่ั กนั ลงมา นอกจาก จะทำ�ให้ชาวบ้านมีรายได้แล้ว ยังทําให้มีป่าไม้เพิ่มข้ึนอีก ทางหน่ึงดว้ ย ในการดำ�เนินงานได้จัดทำ�เป็นโครงการนำ�ร่องขึ้น ในพ้ืนท่ีอำ�เภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน มีชุมชน ๑๓ แห่ง ประชาชน ๑๑๒ ราย คิดเป็นพื้นท่ีรวม ๓๘๘ ไร่ มีการ บูรณาการความร้จู ากหลากหลายสาขา ความรว่ มมือจาก หลายหนว่ ยงานเช่น กรมป่าไม้ กรมวชิ าการเกษตร กรม สง่ เสรมิ การเกษตร ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศยั และภาคธรุ กจิ ทงั้ นใ้ี นการด�ำ เนนิ งานในระยะ แรก จ�ำ เปน็ ตอ้ งมกี ารพฒั นารปู แบบการผสมผสานระหวา่ ง ชนิดของไม้ป่าและพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวม ทง้ั การอนุรกั ษ์ดนิ และน้าํ ดว้ ย นอกจากนีย้ งั มีความจำ�เปน็ ตอ้ งพฒั นาการแปรรปู ผลผลติ จากปา่ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด และเกิดความค้มุ ค่าในการปฏิบัติ งานของประชาชน 20 การสรา้ งส�ำ นึกใหเ้ ด็กและเยาวชนอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

“รักษป์ ่านา่ น” 21 e การฟ้ืนฟูป่าชายเลน ในพ้ืนท่ีพระราชนิเวศน์ มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี บริเวณคลองบางตราน้อย และคลองบางตราใหญ่ มีต้นน้ําไหลมาจากเขาเสวยกะปิ เขานอ้ ย เขาทอง เขาบอ่ ขงิ กอ่ นจะไหลลงสอู่ า่ วไทยในบรเิ วณ พื้นที่พระราชนิเวศน์ เม่ือมีการพัฒนาด้านต่างๆ ในพ้ืนที่ ตน้ นา้ํ สง่ ผลตอ่ ระบบนเิ วศของปา่ ชายเลนในบรเิ วณดงั กลา่ ว เสอ่ื มโทรมลง ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ จงึ ไดท้ ดลองปลกู ปา่ ชายเลนใน พื้นท่ีดังกล่าว ต่อมาได้ขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น จนใน ปจั จบุ นั สภาพแวดลอ้ มในพน้ื ทป่ี า่ ชายเลนในพระราชนเิ วศน์ มฤคทายวนั กลบั ฟน้ื คนื ความสมบรู ณข์ นึ้ มคี วามหลากหลาย ท้ังพืชและสัตว์นํ้า เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา นกนานาชนิด เปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องประชาชน

e การรักษาป่าพรุในภาคใต้ เช่น ในจังหวัดนราธิวาส และ นครศรธี รรมราช ปา่ พรเุ ปน็ ปา่ ไม้ ประเภทหนงึ่ ทมี่ คี ณุ คา่ มากในดา้ น ความหลากหลายทางพันธุกรรม และการควบคุมน้ํา เรายังพบพืช และสัตว์พันธุ์ใหม่อยู่ แม้แต่จุลินทรีย์ ในป่าพรุก็หลากหลาย และอาจมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เนอ่ื งจากปา่ พรอุ ดุ มดว้ ยอนิ ทรยี วตั ถจุ งึ เปน็ เชอ้ื เพลงิ ท�ำ ให้ ไฟไหมไ้ ดง้ า่ ย การดบั ไฟกท็ �ำ ไดย้ าก ตอ้ งสบู นาํ้ อดั เขา้ ไปใน ป่า หรือทำ�ฝนเทียมให้ไหลลงไปในห้วย หรือคลองท่ีไหล เขา้ ในพรุ มีโครงการฝึกหดั เยาวชน “เพื่อนชาวพร”ุ ให้ มคี วามรู้ สามารถเปน็ มคั คเุ ทศกพ์ านกั ทอ่ งเทย่ี วใหเ้ ขา้ ชม ปา่ พรุ เยาวชนเหลา่ นล้ี ว้ นแตร่ กั และหวงแหนปา่ พรซุ ง่ึ เปน็ สมบัติล้าํ ค่าของพวกเขา 22 การสร้างส�ำ นึกให้เด็กและเยาวชนอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ

“รกั ษ์ป่านา่ น” 23 ส รุ ป การรักษาปา่ และทรพั ยากรธรรมชาตอิ ื่นๆ มีหลากหลายวิธี วธิ ีการหนึ่งทจ่ี ะน�ำ ไปสคู่ วามยงั่ ยนื นน่ั คือ การให้โอกาสเดก็ และเยาวชนของเรา ไดเ้ รียนรจู้ ากธรรมชาติรอบตวั ของเขา มคี วามรู้ ความเข้าใจ เกดิ ความรกั ความผกู พัน และหวงแหนในทรัพยากรของตน โดยการจัดกจิ กรรมท่ีเนน้ ให้เดก็ และเยาวชน ไดล้ งมอื ปฏบิ ัตดิ ้วยตนเอง เรียนรจู้ ากวิถกี ารดำ�รงชวี ิตของชุมชน ทพ่ี ยายามปรับตนให้อยู่ร่วมกับปา่ ดว้ ยการผสมผสานความร้แู ละเทคโนโลยีสมยั ใหม่ และภูมปิ ญั ญาดั้งเดิมของชุมชน ชมุ ชนสามารถผลติ อาหารได้เพียงพอ มรี ายได้เสรมิ จากผลผลิตท่เี กดิ ขน้ึ ในชุมชน ในขณะเดยี วกนั ต้องไม่บุกรกุ ทำ�ลายป่าเพิ่มเติม ซ่งึ จะท�ำ ใหป้ ่าสว่ นรวมค่อยฟ้นื ตวั ได้อย่างย่ังยืน

การสร้างสำ�นึกให้เดก็ และเยาวชนอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ บทพระราชนพิ นธ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ISBN : 978-616-7975-16-0 จัดพิมพ์โดย ส�ำ นกั งานโครงการสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวงั ดุสิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑, ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ พิมพ์คร้ังที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ จ�ำ นวน ๒,๐๐๐ เลม่ พมิ พ์ท ่ี บรษิ ัทอมรินทร์พริน้ ติง้ แอนด์พบั ลิชชง่ิ จำ�กัด (มหาชน) ๓๗๖ ถนนชัยพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐ โทรศัพท์ ๖๖ ๒๔๒๒ ๙๐๐๐ โทรสาร ๖๖ ๒๔๓๔ ๑๓๘๕