สงิ หาคม 255๙ ปฏริ ปู จงั หวดั ปฏริ ปู การเรียนรู้
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 2 ปฏิรูปการเรียนรู้เต็มพื้นท่ี อาจกลา่ วไดว้ า่ การแกป้ ญั หาใหญอ่ าจตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากจดุ เลก็ ๆ การปฏริ ปู การเรยี นรู้ ก็เช่นกัน เมื่อมองภาพใหญ่ของระบบการศึกษาไทยเราอาจพบปัญหาที่มีความซับซ้อน และคาบเกยี่ วกบั ความรบั ผดิ ชอบของหลายหนว่ ยงาน แตห่ ากมองประเทศไทยผา่ นแวน่ ขยาย แลว้ โฟกัสไปยังหน่วยท่เี ลก็ ลงไปในระดบั จังหวดั จะพบวา่ แตล่ ะจงั หวัดน้ันล้วนมี ทรพั ยากร มบี คุ ลากร มเี ครอื ขา่ ยความรว่ มมอื จนอาจเรยี กไดว้ า่ มศี กั ยภาพมากพอทจ่ี ะ บรหิ ารจดั การแกไ้ ขปญั หาภายในจงั หวดั ของตนเองได้ สามารถปฏริ ปู การเรยี นรเู้ องไดโ้ ดย ไม่จำ�เปน็ ตอ้ งรอการเปลยี่ นแปลงจากส่วนกลาง ‘เวทกี ารศกึ ษากบั การเปลยี่ นแปลงประเทศไทย’ ครงั้ ท่ี ๑๐ ซง่ึ จดั ขนึ้ เปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ย เมอ่ื วนั ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ภายใตค้ วามรว่ มมอื ระหวา่ งส�ำ นกั สนบั สนนุ สขุ ภาวะเดก็ เยาวชน และครอบครัว (สำ�นัก ๔) สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รว่ มกบั มลู นธิ สิ ถาบนั วจิ ยั ระบบการศกึ ษา มลู นธิ สิ ดศร-ี สฤษดว์ิ งศ์ (มสส.) มขี อ้ สรปุ บางประการว่า ‘จงั หวัดคอื สงั คมแห่งการเรียนร้’ู และน�ำ มาสู่หัวข้อการประชมุ ครัง้ นี้
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 3 ๑. จังหวดั ทงั้ จงั หวดั คือสงั คมแหง่ การเรยี นรู้ ปาฐกถาพิเศษโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี รองประธานมูลนิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ์ กล่าวไวต้ อนหน่งึ ว่า จงั หวดั ท้งั จงั หวัดคอื สังคม แห่งการเรียนรู้ (Total Provincial Education) โดยมีเป้าหมายสำ�คัญคือ การสร้างสังคมที่สันติสุข หรือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ระหวา่ งคนกับคน คนกับสง่ิ แวดลอ้ ม ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า จังหวัดเป็นหน่วยสำ�คัญของการปฏิรูปการเรียนรู้ สามารถระดมทรัพยากรท่ีมีท้ังหมดในจังหวัดเพ่ือ สรา้ งระบบการเรยี นรขู้ องคนทง้ั มวล ซงึ่ จะท�ำ ใหเ้ กดิ การพฒั นาอยา่ งบรู ณาการทง้ั ๘ ดา้ น ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ไปพรอ้ มกนั ทกุ ดา้ น ไดแ้ ก่ เศรษฐกจิ จติ ใจ สงั คม วฒั นธรรม สงิ่ แวดลอ้ ม สขุ ภาพ การศกึ ษา และประชาธปิ ไตย อนั จะน�ำ ไปสกู่ ารเปน็ จงั หวดั ทนี่ า่ อยอู่ ยา่ งยงั่ ยนื “โดยเฉล่ียแต่ละจังหวัดจะมี ๑๐ อำ�เภอ ๑๐๐ ตำ�บล ๑,๐๐๐ หมู่บ้าน การพัฒนาต้องท�ำ ให้เต็มพื้นที่ อย่างเช่นการพัฒนา เศรษฐกิจต้องมสี ัมมาชีพเตม็ พ้นื ท่ี ไม่ใชด่ ูแค่ GDP เพราะถงึ แม้ GDP จะโต แตค่ นยงั มชี อ่ งวา่ งเยอะ คนไมม่ ีงานท�ำ ไม่มีรายได้ ก็ทำ�ให้เกิดความเหล่ือมล้ำ�และปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากเหมือนเช่นอเมริกา ฉะน้ัน เศรษฐกิจจึงต้องมีสัมมาชีพเต็มพื้นท่ี ทุก หม่บู า้ น ทุกตำ�บล” ดว้ ยเหตุน้ี จังหวดั จึงถอื เป็นมหาวิทยาลัยชีวิตรปู แบบใหมท่ ่มี ีการเรียนรู้จากชวี ิตจรงิ ปฏบิ ตั จิ ริง
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 4 “การเรียนรขู้ องคนท้งั มวลจะเกดิ ข้ึนไดก้ ต็ ่อเม่ือทกุ หมู่บ้าน ทกุ ศ.นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อมี ตำ�บล บรู ณาการเตม็ พ้ืนทท่ี ้งั จังหวัด ที่ผา่ นมาการศึกษาของเราเอา การปฏิรูปการเรียนรู้ภายในโรงเรียน โดยไม่เอาความรู้ในตำ�ราเป็น วิชาเป็นตัวต้ัง ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง ประเทศไทยลงทุนด้านการ ตัวต้ัง แต่เอาความจริงของชีวิตเป็นตัวต้ัง ทำ�ให้ทุกอย่างเกิดความ ศกึ ษาไปมากมาย แตไ่ มเ่ กดิ การพฒั นาอยา่ งบรู ณาการ เพราะท�ำ แบบ เปลย่ี นแปลงในทศิ ทางทดี่ ขี น้ึ ทง้ั ในดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม แยกสว่ น สิ่งนเ้ี องจึงจำ�เป็นต้องมกี ารปฏริ ปู การเรยี นร้”ู ดว้ ยการสร้างระบบทเ่ี ชื่อมโยงท้งั ชมุ ชน ศ.นพ.ประเวศ ระบุว่า การพัฒนาตั้งแต่ระดับปฐมวัยมีความ ท่ัวประเทศไทยขณะนี้มีจำ�นวนโรงเรียนทั้งส้ินกว่า ๓๖,๐๐๐ สำ�คัญอยา่ งยิง่ แต่ละปีมีเด็กเกดิ ใหมป่ ลี ะกว่า ๗๐๐,๐๐๐ คน ซงึ่ ใน แหง่ แตล่ ะต�ำ บลมโี รงเรยี นประมาณ ๕ แหง่ รวมทงั้ จงั หวดั มโี รงเรยี น ช่วงปฐมวยั ๐-๖ ขวบ หากเดก็ ได้รบั การเลย้ี งดูท่ีดี เด็กจะเตบิ โตข้ึน ประมาณ ๕๐๐ แห่ง หากปฏิรูปการเรียนรู้ได้หมดทุกโรงเรียน อยา่ งมคี ณุ ภาพ เปน็ คนดี คนฉลาด และมคี วามสขุ แตห่ ากเดก็ กลมุ่ น้ี เศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะโรงเรียนสามารถเป็นได้ทั้งแหล่งเรียนรู้และ ถูกทอดท้ิง ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ประเทศไทยก็จะเสีย เปน็ social enterprise (กจิ การเพอื่ สงั คม) สามารถเรยี นรไู้ ปพรอ้ มๆ โอกาสในการพัฒนาคุณภาพของคน กบั การมรี ายได้ ทงั้ จากงานเกษตร งานชา่ ง และกจิ กรรมตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนจากการบรู ณาการร่วมกบั เครอื ข่ายท่มี อี ยูใ่ นแต่ละจังหวดั “คุณภาพของเด็กและเยาวชนมีความสำ�คัญอย่างยิ่งยวดต่อ อนาคตประเทศไทย หากปล่อยปละละเลยส่วนน้ีไป ก็เท่ากับเรา จะเหน็ ไดว้ า่ แตล่ ะจงั หวดั ประกอบดว้ ยเครอื ขา่ ยการเรยี นรมู้ าก ปลอ่ ยปละละเลยอนาคตของประเทศไทย ฉะนนั้ ทุกจังหวดั จะต้อง มาย ทั้งชมุ ชน ท้องถน่ิ ภาคธรุ กจิ วัด โรงเรียน มหาวทิ ยาลยั องคก์ ร ช่วยกนั ท�ำ ให้เดก็ ปฐมวยั ได้รับการดแู ลเป็นอย่างดี หากพ่อแม่ยากจน สุขภาพ หน่วยงานดา้ นเกษตร สภาการศึกษาจังหวดั ทงั้ หมดนล้ี ้วน ไมม่ เี วลาเลยี้ งดู จงั หวดั จะตอ้ งหาวธิ กี ารเชอื่ มโยงกบั ชมุ ชนทอ้ งถนิ่ ให้ เปน็ ทรพั ยากรเพอ่ื การเรยี นรทู้ ง้ั สนิ้ และสามารถรว่ มมอื กนั จดั ตง้ั เปน็ ทกุ ฝา่ ยเข้ามารว่ มคดิ ร่วมท�ำ ‘คณะท�ำ งานยุทธศาสตรป์ ฏริ ูปการเรียนร’ู้ ในระดับจังหวัดได้ “จากความรทู้ เ่ี รามอี ยใู่ นปจั จบุ นั นเ้ี ปน็ ทท่ี ราบกนั วา่ วธิ กี ารสง่ั สอน เดก็ ดว้ ยการหา้ มท�ำ สงิ่ นนั้ สงิ่ นี้ จะยงิ่ ท�ำ ใหเ้ ดก็ ๆ อยากท�ำ ในสง่ิ ทหี่ า้ ม แต่หากให้เด็กคิดเอง ริเร่ิมเอง อยากทำ�อะไรด้วยตัวเอง โดยผู้ใหญ่ เพียงแค่สนับสนุน จะช่วยให้เด็กได้ใช้สมองส่วนหน้า ซึ่งมีผลสำ�คัญ ต่อสติปัญญา วิจารณญาณ และศีลธรรม แต่หากผู้ใหญ่ใช้อำ�นาจ ท็อปดาวน์ก็จะทำ�ให้เด็กมีโอกาสได้ใช้แค่สมองส่วนหลัง ซึ่งเป็น ลักษณะสมองของสัตว์เล้อื ยคลาย ศีลธรรมจึงไมเ่ กิด”
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 5 ๒. การจัดการศึกษาเชิงพน้ื ที่ ปี ๒๕๕๗ มกี ารขบั เคลอื่ นการพฒั นาการศกึ ษาภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ ‘การจดั การศกึ ษาเชงิ พน้ื ท’่ี (Area-based Educa- tion: ABE) โดยความรว่ มมอื ระหวา่ งส�ำ นกั งานสง่ เสรมิ สงั คมแหง่ การเรยี นรแู้ ละคณุ ภาพเยาวชน (สสค.) ส�ำ นกั งานกองทนุ สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เร่ิมต้นจากจังหวัดนำ�ร่อง ๑๔ จงั หวดั และตัง้ เป้าขยายพน้ื ทีใ่ นการท�ำ งานใหค้ รอบคลมุ ทงั้ ๗๗ จงั หวัด แนวคิดหลักของโครงการมุ่งประสานความร่วมมือกับภาคีจังหวัด ท้องถิ่น และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการ ขบั เคลอ่ื นงานวจิ ยั เพอื่ พฒั นาพน้ื ที่ โดยมภี ารกจิ ทแี่ ตล่ ะจงั หวดั ตอ้ งรบั ไปด�ำ เนนิ การคอื ๑) พฒั นากลไกจงั หวดั จดั การศกึ ษา ๒) พัฒนาระบบข้อมูลเพ่ือการตัดสินใจทางการศึกษา ๓) เชื่อมโยงข้อมูลไปสู่การริเร่ิมขับเคลื่อนการดำ�เนินงานพัฒนา การศกึ ษาเชิงพน้ื ทที่ ่เี ปน็ รปู ธรรม วตั ถปุ ระสงคส์ �ำ คญั เพอ่ื หาแนวทางจดั การศกึ ษาทตี่ อบโจทยป์ ญั หาปจั จบุ นั และสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทความเปน็ จรงิ ของ แตล่ ะพืน้ ท่ี อนั จะเป็นตวั แบบการจดั การในการปฏิรปู และพฒั นาการศกึ ษาของประเทศ นำ�ร่องจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ จากการถอดบทเรียนการทำ�งานภายใต้โครงการดังกล่าว นพ.สภุ กร บัวสาย ผูจ้ ัดการส�ำ นกั งานสง่ เสริมสงั คมแห่งการ เรยี นรแู้ ละคณุ ภาพเยาวชน (สสค.) ประเมนิ วา่ โมเดล ABE อาจ ไมใ่ ชต่ วั แบบทดี่ เี ยย่ี มทสี่ ดุ เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการทอ่ี ยใู่ นขนั้ การทดลองในพ้ืนทจี่ ริง แต่อย่างน้อยกเ็ ป็นอกี หนง่ึ แนวทางของ การปฏิรูปการศึกษาท่สี ามารถน�ำ ไปสู่ภาคปฏบิ ตั ิได้ “จากการท�ำ งานเราพบวา่ ผทู้ ส่ี นใจอยากเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ในการปฏิรูปการศึกษาไม่ได้มีเฉพาะคนในแวดวงการศึกษา โดยตรงเท่าน้ัน ดังน้ัน สิ่งที่น่าสนใจคือ เราจะเปิดพื้นที่ให้คน เหลา่ นไ้ี ดม้ โี อกาสเขา้ มาชว่ ยกนั ท�ำ งานและรว่ มกนั พฒั นาตอ่ ไป ไดอ้ ยา่ งไร” นพ.สุภกร อธิบายว่า แนวคิดของ ABE คือการทดลอง จัดการศึกษาเชิงพื้นท่ี เริ่มต้นจากการคัดเลือกครูที่มีศักยภาพ รวมถงึ คัดเลือกจังหวดั ท่ีมีการบรหิ ารจดั การและการมสี ่วนรว่ ม ทดี่ ี โดยมโี จทยท์ ท่ี า้ ทายใหแ้ ตล่ ะพน้ื ทไี่ ปรว่ มกนั คดิ วธิ กี ารปฏริ ปู การศกึ ษาในจงั หวัดของตัวเอง “แตล่ ะจงั หวดั เขากม็ วี ธิ คี ดิ ทแี่ ตกตา่ งกนั ไป ถา้ จะใหจ้ ดั การ ศกึ ษาแบบเดยี วกนั พมิ พเ์ ดยี วกนั กไ็ มน่ า่ จะเปน็ เหตเุ ปน็ ผล ซงึ่ เราพบวา่ แตล่ ะจังหวดั มีรูปแบบการทำ�งาน ๒ ลกั ษณะ รปู แบบ แรกคอื ตัวโครงการมีขอบเขตท่ีชดั เจน มีโจทย์และเปา้ หมายท่ี
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 6 แน่ชัด เน้นการแกป้ ัญหาเป็นเรอ่ื งๆ แตจ่ ดุ อ่อนก็คอื มีผสู้ นใจทำ�งาน นพ.สุภกร กล่าวอีกว่า หากมองภาพรวมของประเทศไทยท้ัง ตามประเด็นน้ันๆ อยู่เพียงไม่กี่คน ทำ�ให้ขาดความต่อเนื่องในการ ประเทศจะพบวา่ การปฏริ ปู การศกึ ษาเปน็ ปญั หาทคี่ อ่ นขา้ งหนกั หนว่ ง ท�ำ งาน แตห่ ากซมู ภาพลงไปทรี่ ะดบั จงั หวดั จะเหน็ วา่ มคี รจู งั หวดั ละประมาณ ๘,๐๐๐ คน จากครทู งั้ ประเทศกวา่ ๖๐๐,๐๐๐ คน นกั เรยี นจงั หวดั ละ “รูปแบบท่สี องคอื ไม่ได้ตง้ั ต้นทป่ี ระเดน็ ใดประเดน็ หนึ่ง แต่เรมิ่ ๒๐๐,๐๐๐ คน จากทงั้ ประเทศกวา่ ๑๕ ล้านคน มโี รงเรยี นจงั หวัดละ จากการเชิญชวนภาคเี ครือขา่ ยตา่ งๆ มาชว่ ยกันคิด ชว่ ยกันทำ� เพือ่ 500 แห่ง จากทัง้ ประเทศ 32,000 แหง่ สรา้ งกลไกการท�ำ งานระยะยาว เชน่ การตงั้ สภาการศกึ ษาจงั หวดั การ ดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วย หรืออาจต้ังเป็นมูลนิธิ ซ่ึงจะทำ�ให้ขยายวง ฉะนนั้ การตโี จทยท์ ซี่ ับซอ้ นในระดบั จงั หวดั จงึ ทำ�ได้ง่ายขน้ึ อกี ออกไปได้ แตว่ ธิ นี กี้ ม็ จี ดุ ออ่ นคอื ประเดน็ การท�ำ งานจะคอ่ นขา้ งกวา้ ง ทั้งแต่ละจังหวัดก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน จึงควรมีอิสระและวิธีแก้ ทำ�ให้ไมร่ ู้จะเรม่ิ จากเร่อื งใดก่อน” ปญั หาตามแนวทางของตนเอง ผู้จัดการ สสค. กล่าวว่า การปฏิรูปการเรียนรู้ในจังหวัดให้ สมั ฤทธผ์ิ ลอาจตอ้ งผสมผสานทง้ั สองรปู แบบเขา้ ดว้ ยกนั โดยใหอ้ สิ ระ ในการคิดหาแนวทางของแต่ละจังหวัด เลือกทำ�ในประเด็นที่ตนเอง ถนัดและสนใจ ขณะท่ี สสค. จะให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการ ได้แก่ การ บรหิ ารจดั การการพฒั นาครู โดยจะแนะน�ำ ใหจ้ งั หวดั จดั ท�ำ ฐานขอ้ มลู ครู เพือ่ ค้นหาครดู ี ครูเก่ง รวมถงึ ใหม้ ีการเฟน้ หาวทิ ยากรในการฝกึ อบรมทั้งภายในและภายนอกจงั หวัด ประการตอ่ มา สสค.พรอ้ มจะใหก้ ารสนบั สนนุ ระบบสารสนเทศ เพ่อื การติดตามประเมนิ ผลนกั เรียน เนื่องจากขอ้ มูลเป็นสงิ่ สำ�คญั ใน การท�ำ งาน โดยมตี น้ แบบจากประเทศบราซลิ ประการสุดท้ายคือ การเตรียมความพร้อมของนักเรียนให้มี สัมมาชพี เนื่องจากพบว่าสถติ ขิ องเดก็ นกั เรียนท่ีหลดุ ออกจากระบบ การศึกษามีอยู่จำ�นวนไม่น้อย จึงจำ�เป็นต้องส่งเสริมให้นักเรียน มที กั ษะชวี ิต ทักษะการท�ำ งาน เพือ่ ใหด้ �ำ รงชีวติ ในสงั คมต่อไปได้ แก้ปัญหาใหญ่จากจุดที่เล็ก นพ.สุภกร ให้ข้อสังเกตถึงแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ว่า “สิ่งหน่ึงเราพบว่า ศักยภาพของส่ือท้องถิ่นมีพลังสูงมาก หาก กลไกระดบั จงั หวดั สามารถขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู ไดค้ ลอ่ งตวั กวา่ ระดบั สามารถดึงส่ือมวลชนท้องถ่ินเข้ามาร่วมเป็นเครือข่าย จะช่วยให้เกิด ประเทศ เน่ืองจากการสื่อสารระหว่างเครือข่ายต่างๆ ภายในพื้นท่ี การสอ่ื สารไปยงั กลมุ่ อน่ื ๆ ทอี่ าจยงั ไมเ่ คยเขา้ มารว่ มดว้ ย เชน่ เครอื ขา่ ย สามารถเข้าถึงกันได้ง่ายกว่า อีกท้ังในแต่ละจังหวัดยังประกอบด้วย พอ่ แมผ่ ู้ปกครอง และเครือขา่ ยดา้ นสงั คมต่างๆ” ภาคเี ครอื ขา่ ยทมี่ อี ยแู่ ลว้ หากสามารถปรบั มมุ มองใหเ้ ปน็ ไปในทศิ ทาง เดียวกันจะทำ�ใหก้ ารแก้ปญั หามีความชดั เจนมากขน้ึ “การปฏิรูปการเรียนรู้ในระดับจังหวัดทำ�ได้ง่ายกว่าระดับ ประเทศ เพราะคนในพื้นท่ีเขาใกล้ชิดกันมากกว่า ขณะที่หน่วยงาน สว่ นกลางหรอื ระดบั ประเทศมีจ�ำ นวนมากเกนิ ไปและมีมมุ มองคนละ ทิศละทาง คิดดูง่ายๆ แค่จะให้ครูครึ่งค่อนล้านคนใส่เสื้อสีเดียวกัน หมด หรอื ส่ังให้ซา้ ยหันขวาหัน แคน่ กี้ ็ยากแลว้ ”
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 7 ก้าวต่อไปของการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับจังหวัด นพ.สุภกร มองวา่ จะตอ้ งมกี ารเชอ่ื มโยงการท�ำ งานของคณะท�ำ งานในพนื้ ทเ่ี ขา้ กบั คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) จากน้ันขยายผลการตั้ง สมัชชาการศึกษาร่วมกับสภาการศึกษาจังหวัด และหามาตรการ สนบั สนนุ กศจ. ทสี่ อดคลอ้ งกบั แนวนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เพอ่ื แปลงนโยบายส่แู ผนการปฏบิ ตั ิ ๓. กรอบความคิดเวทีปฏิรูป การเรยี นรู้ ผลจากการจดั ‘เวทกี ารศกึ ษากบั การเปลยี่ นแปลง ขณะเดียวกัน ภายใต้กระบวนการปฏิรูปการศึกษาในแนวราบยัง ประเทศไทย’ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งรวมทง้ั สน้ิ ๑๐ ครง้ั ไดข้ อ้ สรปุ ต้องอาศัยฐานความรู้ท่ีแม่นยำ�และชัดเจน การส่ือสารท่ีทั่วถึง และ เบอ้ื งตน้ วา่ คณะท�ำ งานท่ีเก่ียวขอ้ งควรมุ่งเน้นไปท่ีภาค การขยายเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้กันในระดับพื้นที่ โดยมีโมเดลที่เรียก ปฏบิ ตั ใิ นระดบั พน้ื ที่ ซง่ึ ถอื เปน็ จดุ ยทุ ธศาสตรส์ �ำ คญั ทจ่ี ะ ว่า ‘RCN’ ซ่ึงประกอบด้วย Research, Communication และ กอ่ ให้เกดิ ความเปลี่ยนแปลงจากล่างสบู่ น จากภาพเล็ก Networking ไปสู่ภาพใหญ่ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการสร้างความ เขม้ แข็งจากฐานรากอย่างแทจ้ รงิ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัย ระบบการศึกษา กล่าวถึงหัวใจของการจัดเวทีการศึกษาเพ่ือการ เปล่ียนแปลงประเทศไทยว่า เวทีดังกล่าวเกิดข้ึนจากความเชื่อมั่น วา่ การปฏริ ปู การเรยี นรเู้ ปน็ เรอื่ งของคนทกุ คน การเรยี นรทู้ ดี่ ไี มไ่ ดเ้ กดิ ข้นึ จากการใช้ระบบอำ�นาจหรอื การสัง่ การ แตเ่ กดิ จากการเรียนรู้รว่ ม กันและนำ�ความรู้จากการปฏิบัติมาสู่การแลกเปล่ียนเพื่อขยายวงให้ กว้างขวางออกไปให้เต็มพน้ื ท่ี “ท่ผี า่ นมาการศึกษาไทยขบั เคลอื่ นภายใต้โครงสร้างแนวดิ่ง แต่ การเช่ือมประสานในแนวราบยังเกิดข้ึนน้อย ฉะน้ัน เวทีแห่งนี้จึง พยายามหาทางออกจากเรือ่ งนี้ โดยการเชือ่ มโยงคนทอ่ี ยู่หนา้ งานใน จดุ ต่างๆ หรือผทู้ ี่อยูใ่ นภาคปฏบิ ัตใิ ห้เข้ามารว่ มเปน็ เครือข่าย โดยจัด ใหม้ เี วทกี ลางในการเช่ือมประสาน รศ.ดร.ประวติ อธบิ ายวา่ หนงึ่ ในแนวคดิ ของการปฏริ ปู การเรยี นรู้ เรยี กว่า ระบบ ‘INN’ ประกอบดว้ ย Individual (I) หมายถึง การน�ำ องคค์ วามรทู้ ม่ี อี ย่ใู นแตล่ ะบุคคล แต่ละภาคี นำ�มาแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ กัน เพอื่ สร้าง Node (N) หรือหน่วยย่อยของการเรยี นรู้ข้นึ จากน้ัน จงึ เชอื่ มโยงกนั เปน็ เครอื ขา่ ย หากหนว่ ยยอ่ ยตา่ งๆ เหลา่ นส้ี ามารถเกดิ ข้นึ ได้ท่วั ประเทศก็จะท�ำ ใหเ้ กดิ พลงั ทยี่ ง่ิ ใหญใ่ นการเปลี่ยนแปลงได้
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 8 “การท�ำ งานในพน้ื ทหี่ รือระดบั จังหวัด ถอื เปน็ จุดคานงัดทีส่ �ำ คญั มาก เพราะถือเป็นข้อต่อระหว่างส่วนกลางกับชุมชนท้องถ่ิน หากแต่ละ จังหวัดมีความชัดเจนในแนวทางของตนเองก็จะส่งผลให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงในระดบั โครงสรา้ งได”้ “คำ�ถามที่สำ�คัญคือ เราจะขยายผลเร่ืองดีๆ เหล่าน้ีออกไปให้ เมอ่ื มองจากภาพเล็กไปสู่ภาพใหญ่ หากทกุ พ้นื ท่ีสามารถทำ�ให้ เตม็ พน้ื ทไี่ ดอ้ ยา่ งไร เพอื่ ใหเ้ กดิ กระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมาย การเรยี นรูเ้ ป็นไปเพื่อการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ท่ดี ี เปน็ การเรียนรูท้ ีน่ �ำ เรียนรู้อย่างมีความสุข โดยไม่จำ�เป็นต้องยึดตามหลักสูตรที่ตายตัว ไปสู่สัมมาชีพที่ดี กระบวนการท้ังหมดน้ีจะช่วยยกระดับคนท้ังสังคม และสิง่ ทเ่ี ราต้องท�ำ รว่ มกนั กค็ อื การปฏริ ูปการเรียนรตู้ งั้ แต่จากครรภ์ และยกระดับประเทศได้ในท่ีสุด เพราะเมื่อใดท่ีเปลี่ยนการศึกษาได้ มารดาจนถึงเชงิ ตะกอน” ประเทศไทยกย็ อ่ มเปลยี่ นได้เช่นกัน รศ.ดร.ประวิต ให้ขอ้ สรปุ ถึงแนวทางการขับเคล่ือนหลังจากการ จัดเวทีครั้งน้ีว่า จากน้ีไปยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนต้องต้ังหลักท่ี จงั หวดั ซ่งึ เป็นหนว่ ยปฏิบตั ิการจรงิ ในพื้นท่ี เริม่ จากการก�ำ หนดแผน พัฒนาจังหวัด โดยอาศัยฐานความรู้ ข้อมูล และการมีส่วนร่วมของ ภาคเี ครอื ขา่ ย เพอ่ื ขยายผลในการปฏริ ปู การเรยี นรใู้ หเ้ กดิ รปู ธรรมและ ผลักดันไปสู่นโยบายระดบั ชาตติ ่อไป ค�ำ ถามส�ำ คญั ที่ รศ.ดร.ประวติ ทงิ้ ทา้ ยไวก้ ค็ อื ภาคเี ครอื ขา่ ยการ ปฏริ ปู การเรียนรจู้ ะก้าวตอ่ ไปขา้ งหน้าอย่างไร โดยมคี ีย์เวิรด์ ส�ำ คญั ท่ี ทกุ ฝา่ ยตอ้ งชว่ ยกนั ถอดสมการ ไดแ้ ก่ ‘SALT’ – Scale up, Alliance, Linkage และ Zoom in
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 9 นานาทัศนะ: แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ประเจยี ด อกั ษรธรรมกุล รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั ภเู กต็ ณ วันน้ีที่จังหวัดภูเก็ต เราใส่พลังไปเยอะในเรื่องของการศึกษา แต่ผลท่ีออกมา แล้วผมอยากนำ�มาสะท้อนคือ เร่ืองการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ผมไปตามโรงเรียน ต่างๆ เด็กระดับประถมจะเข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์น้อยมาก ยกตัวอย่าง เช่น ต้นไม้ท่ีอยู่โดยรอบบริเวณโรงเรียน เด็กไม่รู้เลยว่าคือต้นอะไร ขาดการสังเกต ขาดการตั้งคำ�ถาม ซ่ึงสะท้อนให้เห็นว่าการเรียนเรื่องวิทยาศาสตร์ในภาคบังคับยัง ไมส่ ามารถท�ำ ใหเ้ ดก็ ซมึ ซบั ได้ และสะทอ้ นผลผลติ ทท่ี �ำ ใหเ้ หน็ วา่ เราไมไ่ ดใ้ ชเ้ ครอ่ื งมอื ทาง วทิ ยาศาสตรก์ ันอย่างจริงจัง ท่ีผ่านมาเราพยายามแก้ปัญหากันอย่างเต็มท่ี ณ วันน้ีได้เน้นย�้ำ ให้แผนการศึกษาระดับจังหวัด โดยเฉพาะ การศึกษาก่อนวัยเรียนและระดับภาคบังคับจะต้องเน้นกระบวนการการเรียนรู้เร่ืองวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น เน้น กระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ให้ทุกวิชาสามารถใช้วิทยาศาสตร์เข้าไปเป็นส่วนหน่ึง อีกอย่าง ทสี่ �ำ คญั คอื การเรยี นรจู้ ากองค์ความร้ทู ีม่ ีอยู่แลว้ ในทอ้ งถิ่น หอ้ งทดลองอาจไม่จ�ำ เปน็ ต้องใชก้ ็ได้ แตต่ อ้ งทำ�ใหเ้ ด็ก รู้จักป่าชายเลน รู้จักท้องถ่ินของตัวเอง ซ่ึงตรงน้ีสามารถทำ�ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้ โดยใช้ ป่าชายเลนเปน็ ห้องเรียนธรรมชาติ นอกจากนั้นเรายังมีการทำ�งานร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซ่ึงมีอาจารย์ท่ีจบสาขา ตา่ งๆ ประมาณ ๕๐ ทา่ น เรากใ็ หอ้ าจารยเ์ หลา่ นล้ี งไปสอนเดก็ จบั คเู่ ลยวา่ อาจารยค์ นไหนจะไปโรงเรยี นไหน ทส่ี �ำ คญั จะตอ้ งไดผ้ ลงานทางวชิ าการดว้ ย ทม่ี หาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภเู กต็ ผมบอกเลยวา่ คนทม่ี าเรยี นคณะวทิ ยาศาสตรต์ อ่ ไปนถ้ี า้ จะใหด้ ตี อ้ งมรี ายได้ ไมใ่ ช่ วา่ ยาง ๔ กิโลกรัม ๑๐๐ บาท แลว้ ต้องดรอ็ ปเรียน แบบนน้ั ไม่ได้ ต่อไปนีจ้ ะตอ้ งมีรายได้จากการท�ำ ศูนยร์ บั ทดสอบ ผลติ ภณั ฑ์ OTOP หรือการวเิ คราะหต์ า่ งๆ เชน่ วิเคราะหน์ �้ำ เสยี วเิ คราะหอ์ าหารส่งออก เราแนะแนวตรงน้อี ยตู่ ลอด เพราะเท่าที่ดสู ถิติคนทมี่ าเรยี นด้านนี้มแี นวโน้มลดลง ถามวา่ มีผลอะไร มีผลครับ มันน่าห่วงมาก เพราะวันน้ีองค์ความรู้ต่างๆ ที่จะทำ�ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมีน้อยมาก การกระจายรายได้ สู่ชุมชนแทบเป็นศูนย์ เขารับเทคโนโลยี รับวิธีการมาจากส่วนอ่ืน แล้วก็ส่วนใหญ่จะไปเป็นลูกจ้างเขา ส่วนระดับ อาชีวะเราขอให้ผลิตคนแล้วอย่าไปเป็นลูกจ้างเขา ให้ยืนบนขาตัวเองได้ ท่ีสำ�คัญขอให้ใส่ใจเร่ืององค์ความรู้ ใส่ใจ เรื่องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี หม้ ากขน้ึ
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 10 ทรงพล สวาสดธ์ิ รรม ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลา โดยสว่ นตวั ผมคอ่ นขา้ งจะสนใจเร่ืองการศกึ ษามานาน เพราะพอ่ แม่เปน็ ครู ทำ�ให้ผมสนใจ เรอ่ื งการศึกษามาตลอด ในขณะเดียวกนั พอ ป.๖ ผมกม็ าเรียนท่ีกรุงเทพฯ ไดเ้ ห็นความ แตกตา่ งและความเหลอ่ื มล�ำ้ ในเรอ่ื งของโอกาส ท�ำ ใหม้ องเหน็ วา่ การศกึ ษามผี ลคอ่ นขา้ ง เยอะในหลายๆ เร่ือง คำ�ว่าการศึกษามีความสำ�คัญมากกว่าเรื่องของความรู้ ผมจึง อยากแยกประเดน็ ออกเปน็ ๓ สว่ น ดงั น้ี สว่ นแรกคอื ในภาพใหญ่ เรอ่ื งของระบบการส่งั การข้างบน จากทผี่ มเหน็ มาตลอด ตั้งแต่เรียนหนังสือจนถึงทำ�งาน แล้วเห็นสภาพจริงในพื้นท่ี คือ การนำ�แนวคิดหรือทฤษฎี ตา่ งๆ เขา้ ไปใชใ้ นพนื้ ทนี่ ั้นทำ�ได้จรงิ แคไ่ หน เราจะทำ�อยา่ งไรใหเ้ ด็กเปน็ ศนู ยก์ ลางในการจัดการศกึ ษาอยา่ งแทจ้ ริง เราพดู กันเยอะมากวา่ เราจะเอาเด็กเปน็ ศนู ย์กลางการศึกษา แตถ่ า้ ลองสงั เกต เราจะเจอคำ�พดู ที่วา่ “ชว่ ยกันรกั ษา ชอ่ื เสียงของโรงเรยี นหนอ่ ย” หรอื “อยา่ ให้ครูเสยี หน้านะ” ผมก�ำ ลงั จะบอกวา่ ทผ่ี ่านมาเราเอาเด็กเปน็ ศูนย์กลางจริงๆ หรือเราเอาโรงเรียนเปน็ ศนู ย์กลางกนั แน่ เพราะ กลายเปน็ วา่ เราใหเ้ ดก็ ท�ำ เพอ่ื โรงเรยี น และบางครงั้ เรากพ็ รอ้ มทจ่ี ะรกั ษาชอ่ื เสยี งโรงเรยี นโดยไลเ่ ดก็ ออกจากโรงเรยี น เนอ่ื งจากกลวั วา่ จะไม่ได้รางวลั ถา้ เรามองแบบนี้ก็จะติดปัญหาทนั ที เพราะเปา้ หมายมนั ตา่ งกนั เพราะฉะนั้นเรา ตอ้ งทบทวนเรอ่ื งนกี้ นั อยา่ งจรงิ จัง ประการทีส่ อง คือ ที่ผ่านมาเราม่งุ เน้นเรอ่ื งรางวลั เรื่องของการแขง่ ขัน เรื่องชื่อเสยี งมากเกินไปหรือเปล่า เรา พรอ้ มทจี่ ะทมุ่ เททรพั ยากรมากมายเพอ่ื ไปสง่ เสรมิ เดก็ เกง่ เพอ่ื ใหเ้ ขาไปท�ำ ชอื่ เสยี งใหโ้ รงเรยี น เพอ่ื ชอ่ื เสยี งประเทศ แต่กลบั ละเลยเด็กอีกจ�ำ นวนหนึ่งทเ่ี ป็นเด็กดอ้ ยโอกาส ซงึ่ เปน็ ส่วนใหญด่ ว้ ยซำ�้ เราจะเหน็ วา่ แตล่ ะโรงเรยี นมกี ารวดั กนั เรอื่ งการประกวด เรอื่ งรางวลั อะไรตา่ งๆ ใชเ้ วลาไปมากในการท�ำ เรอื่ ง เหลา่ นี้ เสรจ็ แลว้ กม็ าขน้ึ ปา้ ยยกยอ่ งตดิ อยหู่ นา้ โรงเรยี น ฉะนนั้ ผมจงึ บอกวา่ เราตอ้ งคดิ เรอ่ื งนกี้ นั ใหมว่ า่ เราเนน้ การ ประกวดมากไปไหม เพราะมนั จะท�ำ ใหเ้ กดิ ค�ำ ถามภายหลงั ไดว้ า่ ในขณะทเ่ี ราไปมงุ่ เนน้ กบั เดก็ เกง่ ๆ แตม่ าตรฐานการ ศกึ ษาโดยรวมกลบั ดอ้ ย เราหมดเงนิ ไปกบั การประกวดนน่ั นี่ แทนทจี่ ะมองไปทผี่ ลสมั ฤทธหิ์ รอื โอกาสทางการศกึ ษา ประการทส่ี าม คอื เราจะท�ำ อยา่ งไรใหเ้ กดิ ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งสงิ่ เรามอบใหค้ รู แลว้ ครสู ง่ ถงึ นกั เรยี น สว่ นน้ี ผมคิดว่าเป็นอีกประเดน็ ส�ำ คัญ เพราะถา้ เราสังเกตดจู ะเหน็ ว่า ชว่ งหนึง่ ท่เี ราทำ�เรือ่ งปฏริ ูปการศึกษา เราอยากให้ ครูมีความรู้เต็มท่ี ครูต้องทำ�การวิจัย แต่สิ่งท่ีเราอยากทราบก็คือมันมีการส่งต่อความรู้นี้ไปถึงนักเรียนบ้างไหม มี ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำ�คัญแค่ไหนระหว่างส่ิงที่มอบให้ครูและส่ิงท่ีส่งต่อไปให้นักเรียน ซ่ึงบางครั้งเราพบว่ามัน ไมไ่ ด้เช่ือมตอ่ หรือสง่ ผลไปถงึ การเรียนรู้ของเด็ก กลายเปน็ ว่าเราไปดงึ ครอู อกมาเพอื่ ไปอบรม เพื่อเลือ่ นวิทยฐานะ เพราะฉะนนั้ ในภาพใหญจ่ ดุ หนงึ่ ทตี่ อ้ งแกไ้ ขคอื ท�ำ อยา่ งไรทจ่ี ะเนน้ เรอื่ งผลสมั ฤทธมิ์ ากกวา่ รปู แบบและกระบวนการ และเร่อื งท่ตี อ้ งมงุ่ เนน้ ท่สี ดุ คอื ท�ำ อย่างไรใหส้ ง่ิ เหลา่ นสี้ ง่ ผลสัมฤทธต์ิ อ่ เด็กนกั เรียน
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 11 บุญธรรม เลศิ สขุ เี กษม ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ยโสธร ประเดน็ เรอื่ งจงั หวดั จะเปน็ สงั คมของการเรยี นรู้ ผมคดิ วา่ เปน็ สง่ิ จ�ำ เปน็ โดยเฉพาะทมี่ คี น เสนอเรอื่ งการศึกษาเชงิ พืน้ ท่ี ซึ่งผมถือวา่ มนั เปน็ หัวใจ เพราะเดก็ แตล่ ะพ้นื ทยี่ อ่ มไม่ เหมือนกัน แต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่จึงต้องมีเป้าหมายในการสร้างคนของแต่ละ จังหวัดทแ่ี ตกต่างกนั จังหวัดยโสธร เราสร้างคนโดยการตอบโจทย์ท่ีตรงกับเป้าหมายวิสัยทัศน์ของ จงั หวดั วา่ ภาพอนาคตของแตล่ ะจงั หวดั แตล่ ะพนื้ ทนี่ นั้ เปน็ อยา่ งไร เชน่ การเปน็ สงั คม แหง่ การเรยี นรู้ เรียนรู้เรอื่ งอะไร ไมใ่ ชเ่ รยี นรเู้ ชิงวชิ าการอยา่ งเดียว ตอ้ งเรยี นร้กู ารมชี วี ิต เรียนรู้การมีอาชพี เรียนรู้การเปน็ พลเมอื งท่ดี ี เพราะฉะน้ันจังหวัดยโสธรจึงได้หารือกนั วา่ จากนไ้ี ปเราจะต้องทำ� ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาจังหวดั ตัวผมเองไม่สนับสนุนการสร้างมหาวิทยาลัยในจังหวัดยโสธร ผมไม่ได้ยึดม่ันในแนวคิดเร่ือง ๑ จังหวัด ตอ้ งมี ๑ มหาวทิ ยาลัย เพ่ือพฒั นาเศรษฐกิจ เพราะเราสามารถใช้เครือข่ายมหาวทิ ยาลยั ในจงั หวดั อุบลราชธานี อำ�นาจเจรญิ รอ้ ยเอด็ ศรีสะเกษ เพราะฉะน้ันเราไม่จ�ำ เปน็ ต้องมีมหาวิทยาลยั ในจงั หวัดยโสธร แต่เราสามารถ ผลิตคนเขา้ ไปเรยี นในมหาวทิ ยาลยั ได้ แตก่ ารไปเรียน ๔ ปี เขาจะกลับมาใช้ชีวติ การทำ�งานในยโสธรได้อยา่ งไร นน่ั คอื ปัญหา ประเดน็ ส�ำ คญั คือ เราจะสร้างคนใหม้ สี มั มาชีพอยู่ในยโสธรได้อยา่ งไร วสิ ยั ทัศน์จังหวัดของเราคือ เมอื งวิถี อสี าน เกษตรอนิ ทรยี ์ ก้าวไกลสู่สากล เพราะฉะน้ันจดุ เน้นของจงั หวดั ยโสธรคือการเปน็ เมอื งเกษตร เพราะเรา ไม่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่ได้เป็นเมืองชายแดน ถ้าจะมีสถาบันการศึกษาก็ต้องเป็นสถาบันการศึกษาที่ส่ง เสริมการทำ�เกษตรสมัยใหม่ เกษตรอินทรยี ์ ฉะนัน้ เราต้องสร้างคนให้สอดรบั กบั ส่งิ ท่ีเราเปน็ ไม่ใช่สร้างคนเพ่ือ ไปรองรบั กับสง่ิ ท่คี นอน่ื ตอ้ งการให้เราเป็น สง่ิ ท่ีผมจะเน้นก็คือสิ่งทีย่ โสธรมอี ยู่แล้ว นัน่ คือ วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวะ และวทิ ยาลยั เกษตรกรรม และเทคโนโลยกี ารเกษตร เราจะเนน้ การพฒั นาคนเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ตลาดแรงงาน ถา้ ตลาดขาดแคลนแรงงาน สายอาชีวะ เราก็ต้องเน้นตรงนี้ ในเรอ่ื งของการทำ�งานเชิงพื้นที่ ผมไม่ได้ท�ำ เฉพาะในระดบั จงั หวัด แตท่ ำ�ในระดบั อ�ำ เภอดว้ ย เพราะแตล่ ะ อ�ำ เภอกม็ คี วามแตกตา่ งกนั แตล่ ะอ�ำ เภอไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งสรา้ งเดก็ ใหเ้ หมอื นกนั หรอื มจี ดุ เนน้ ทเ่ี หมอื นกนั เพยี งแตเ่ รา จะใชจ้ ดุ รว่ มเดยี วกนั คอื การปฏริ ปู การเรยี นรตู้ อ้ งเรมิ่ ตงั้ แตศ่ นู ยเ์ ดก็ เลก็ ในพนื้ ทไี่ ปจนถงึ ระดบั มธั ยม และบรู ณาการ กจิ กรรมพเิ ศษอืน่ ๆ เขา้ ไปดว้ ย เชน่ เรื่องยาเสพติด เรอ่ื งคุณแม่วัยใส เรอื่ งเหล่านอ้ี าจเปน็ เร่อื งเชิงยุทธศาสตร์ใน ระดับจังหวดั แต่คนทจี่ ะเหยยี บคนั เร่งไดเ้ ร็วท่ีสดุ กค็ ือคนทอ่ี ยู่ในพน้ื ท่นี น่ั เอง
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 12 ผศ.ดร.ชัยฤทธ์ิ ศลิ าเดช เจือจันทร์ จงสถติ อยู่ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลัยราชภัฏหมูบ่ า้ นจอมบึง ผู้ทรงคณุ วุฒิ ขณะนก้ี ลไกส�ำ คญั ในการท�ำ งานดา้ นการศกึ ษา บทบาทของ กศจ. มีหน้าทีส่ ำ�คัญใน ๒ ส่วน คือ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ใหญๆ่ คอื หนง่ึ แผนพฒั นาจงั หวดั ในดา้ น (กศจ.) ซ่ึงมีภาคีเครือข่ายครบถ้วน การศกึ ษาในภาพรวม สอง เรื่องการแก้ สมบูรณ์อยู่ในจังหวัด และอีกส่วนที่ ปัญหาบุคลากร ยกตัวอย่างเช่นจังหวัด สำ�คัญคือ สำ�นักงานส่งเสริมสังคมแห่ง ชลบรุ ซี ง่ึ เปน็ จงั หวดั น�ำ รอ่ ง จะเหน็ วา่ เขา การเรียนรูแ้ ละคณุ ภาพเยาวชน (สสค.) ท่ี เนน้ เรอื่ งการศกึ ษาเพอื่ อาชพี เปน็ หลกั ซงึ่ ทำ�เร่ืองสมัชชาการศึกษาจังหวัด ผมคิดว่า จดุ นจี้ ะเปน็ ฐานในการพฒั นาจงั หวดั ใหเ้ ปน็ ไป ๒ องค์กร นี้สามารถไปด้วยกันได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงสมัชชาการ ในทิศทางที่ถูกต้องเหมือนกับท่ีจังหวัดยโสธร คือทำ�ให้มีจุดเน้นเป็น ศกึ ษาจงั หวดั เพราะจะกอ่ ใหเ้ กดิ กระบวนการทย่ี ง่ั ยนื ท�ำ ใหท้ กุ ภาคสว่ น เอกลักษณ์และสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของจังหวดั มากข้นึ มารว่ มกนั ท�ำ งานเรอื่ งการศกึ ษาเพอื่ พฒั นาจงั หวดั เนอ่ื งจากประเดน็ การศกึ ษาต้องไดร้ บั ความร่วมมือจากทกุ ฝา่ ย ในจังหวัดนำ�ร่องส่วนใหญ่จะได้เปรียบในการทำ�งาน เพราะ มีต้นทุนพอสมควร และมีภาคีทำ�งานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด ทจ่ี งั หวดั ราชบรุ มี ปี ระชากร ๘๐๐,๐๐๐ คน เปน็ นกั เรยี นนกั ศกึ ษา เชยี งใหม่ กระบ่ี ภเู กต็ ชลบรุ ี บางจงั หวดั มกี ารเนน้ เรอ่ื งการเกบ็ ขอ้ มลู ประมาณ ๑๒,๐๐๐ คน เกือบ ๔๐๐,๐๐๐ คน อยูใ่ นภาคแรงงาน ซึ่ง ด้านต่างๆ เชน่ การหาแนวทางสนบั สนนุ เด็กนักเรยี นไม่ใหห้ ลดุ ออก ในภาคแรงงานมรี ะดบั การศกึ ษาไมเ่ กนิ ประถมศกึ ษา เพราะฉะนน้ั คน จากระบบการศึกษากลางคัน ซึ่งตรงนี้ กศจ. สามารถใช้ประโยชน์ กลมุ่ นม้ี คี วามจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งไดร้ บั การศกึ ษาดว้ ย ถา้ เราดกู ารท�ำ งาน จากต้นทุนท่ีมีอยู่ตรงน้ีได้ เพื่อนำ�มาทำ�การพัฒนาการศึกษาของ ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ในจงั หวดั แตล่ ะหนว่ ยงานกย็ อ่ มมแี ผนของตวั เอง จังหวัดตอ่ ไป โจทย์ของเราคือ จะทำ�อย่างไรให้ทุกหน่วยงานสามารถนำ�แผนมา บูรณาการเขา้ ดว้ ยกัน ส่วนตัวคิดว่า การที่กระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งมอบหมายให้ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ผนู้ �ำ ระดบั จงั หวดั ในการพฒั นาการศกึ ษา นบั ข้อเสนอของผมอย่างแรกคือ เราควรเอา กศจ.เป็นตัวตั้ง และ วา่ เป็นสิ่งท่ดี ีท่ีจะทำ�ให้การศกึ ษาของจังหวัดพฒั นาไปในทิศทางที่ถกู พยายามเชื่อมโยงทุกแผนของแต่ละหน่วยงานให้ทำ�งานร่วมกันให้ได้ ตอ้ ง เพราะผู้วา่ ฯเป็นคนทีเ่ หน็ ปัญหารอบดา้ น เพ่ือจะนำ�ไปสู่ปลายทางที่ต้องการคือ การจัดต้ังสมัชชาการศึกษา จงั หวดั หรอื สภาการศกึ ษาจงั หวดั อยา่ งทส่ี องคอื ใหม้ แี ผนปฏบิ ตั กิ าร การพัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องอาศัยทุกภาคส่วนเข้ามา ในระยะสน้ั โดยตอ้ งท�ำ ใหเ้ หน็ ผลภายใน ๑-๒ ปี แลว้ จบั ประเดน็ ทเี่ ปน็ รว่ มมอื กนั เรอ่ื งการศกึ ษาไมใ่ ชห่ นา้ ทข่ี องกระทรวงศกึ ษาธกิ ารฝา่ ยเดยี ว ปญั หาในพน้ื ที่ ดงึ ทกุ ฝา่ ยมาชว่ ยกนั แกไ้ ขใหส้ �ำ เรจ็ ซง่ึ ถา้ ขนั้ แรกส�ำ เรจ็ จะเหน็ วา่ มหี ลายๆ โครงการทลี่ งไปสนบั สนนุ ในพน้ื ทต่ี า่ งๆ แตก่ ย็ งั ไม่ ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดความส�ำ เร็จในระยะยาว สามารถตอ่ จก๊ิ ซอวข์ องทง้ั จงั หวดั ไดเ้ ทา่ ทคี่ วร เชน่ สกว. ไปท�ำ โครงการ นน้ั สสส. ไปท�ำ โครงการนี้ แมแ้ ตส่ ว่ นกลางอยา่ งกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กล็ งไปท�ำ แตก่ ย็ งั ไมส่ ามารถผนกึ ก�ำ ลงั ทจ่ี ะชว่ ยพฒั นาการศกึ ษาของ จังหวัดใหด้ ีขนึ้ ได้ ดงั นน้ั ต้องอาศยั กลไกท่ีมอี ยู่ในจังหวัดใหม้ ากข้นึ ในการท�ำ งานตา่ งๆ ถ้ามีคณะทำ�งานดี งานกจ็ ะเดนิ หนา้ ไปได้ ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บข้อมูลหรือเรื่องการชงวาระต่างๆ คณะ ทำ�งานเป็นฝ่ายท่ีจะทำ�ให้การศึกษาเคล่ือนไปได้ และอาจมีส่วนอื่น เขา้ มาเสรมิ เชน่ สมชั ชาการศกึ ษาระดบั จงั หวดั ซงึ่ จะชว่ ยใหง้ านดา้ น การศกึ ษาเดินหนา้ ต่อไปไดด้ ขี นึ้
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 13 ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธชิ ีวิน หน่วยงานให้สอดคลอ้ งกนั ทง้ั ระบบ โดยจังหวัดราชบุรจี ะเนน้ การขบั อดตี รองประธานกรรมาธิการปฏริ ูปการศกึ ษาและการพัฒนา เคลอื่ นเชงิ พนื้ ท่ีเป็นหลัก ทรพั ยากรมนษุ ย์ สภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ (สปช.) อีกเร่ืองหน่ึงที่สำ�คัญคือ จังหวัดราชบุรีเป็นเมืองหลักของ การเกษตร เราจึงมีการขับเคล่ือนในเรื่องการทำ�การเกษตรให้เป็น ผมคดิ วา่ เรอื่ งการปรบั กระบวนทศั นใ์ นการขบั อาชีพท่ยี ัง่ ยืน ซงึ่ ประเดน็ นจ้ี ะเปน็ ส่วนหน่ึงในการขบั เคลื่อนเชิงพ้นื ที่ เคลื่อนการศึกษาเป็นส่ิงสำ�คัญ กรอบ ทางการศึกษาดว้ ย ความคิดที่ว่าสถานศึกษาไม่ใช่แค่การ ผลิตคนหรือเป็นแค่สถานท่ีสำ�หรับการ รศ.ดร.ฉตั รนภา พรหมมา เรียนการสอนเท่าน้ัน ตรงน้ีเป็นปัญหา ทป่ี รกึ ษาวชิ าการวจิ ยั และพนั ธกจิ สมั พนั ธ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อตุ รดติ ถ์ เดียวกับพันธกิจองค์กรของมหาวิทยาลัย จากท่ีฟังหลายๆ ท่านพูด รู้สึกประทับใจท่ี ที่มุ่งเน้นไปท่ีการสอนวิจัยบริการชุมชน ซึ่ง แต่ละจังหวัดล้วนมีโมเดลการทำ�งานที่ อาจจะตอบสนองพนั ธกจิ ของตวั เองได้ แตอ่ าจไมใ่ ชค่ �ำ ตอบของสงั คม น่าสนใจ ซึ่งเป็นโมเดลที่เกิดขึ้นจาก หรอื ประเทศชาติ บรบิ ทของแตล่ ะพน้ื ท่ี แตล่ ะสงั คม รวมทง้ั ปัจจัยเรื่องตุ้นทุนด้วย แต่ส่ิงท่ีอยากจะ เช่นเดยี วกบั สถาบนั ด้านอน่ื ๆ ทจี่ ะต้องไมท่ ำ�หนา้ ท่ีเป็นแค่ผูช้ ม เสรมิ คอื เรอื่ งการปฏบิ ตั ทิ ต่ี อ้ งมาจากฐาน หรือเป็นแค่ผู้มีส่วนร่วม แต่ต้องลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย ต้องสร้าง กลไกให้องค์กรอ่ืนๆ ในจังหวัดเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการ และ ขอ้ มูล การจะทำ�อย่างน้ันได้เราต้องตีโจทย์ให้แตก เพื่อนำ�ไปสู่การกำ�หนด การสังเคราะห์ข้อมลู องคค์ วามรู้เป็นสิ่งท่ตี อ้ งทำ�ในเบื้องต้น แต่ ประเดน็ ทชี่ ดั เจน การจะสง่ ต่อข้อมลู เพอื่ นำ�ไปปฏิบตั ิควรจะท�ำ ให้เกิดเป็นรปู ธรรมและ เชอื่ มโยงกนั มากขน้ึ เรอื่ งกระบวนการทเ่ี คยท�ำ กนั มานน้ั เปน็ สงิ่ ทดี่ อี ยู่ เมอ่ื ประเดน็ ชดั แลว้ สาระหรอื เนอื้ หากต็ อ้ งดดี ว้ ย ถา้ เปรยี บเทยี บ แล้ว แต่ถ้าสังเกตดูให้ดีกระบวนการของท้ังระบบยังกระจัดกระจาย ให้เห็นภาพเหมือนกีฬาฟุตบอล ตัวกระบวนการก็เหมือนกับเกม ไม่มกี ารผนึกกำ�ลงั เทา่ ท่คี วร การเล่นในสนาม ถ้าเกมการเลน่ ดกี ็ตอ้ งท�ำ ประตไู ด้ กระบวนการทง้ั ขณะน้ีเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏเองก็กำ�ลังขับเคลื่อนอย่าง ข้ันตอนน้ีอาจจะเรียกว่า ‘สมัชชาการศึกษา’ หรือ ‘สภาการศึกษา เตม็ ที่ พยายามจบั มอื กบั มหาวทิ ยาลยั ทงั้ ๔ ภมู ภิ าค เพอ่ื สรา้ งเครอื ขา่ ย จงั หวดั ’ แตท่ ง้ั หมดทงั้ มวลตอ้ งท�ำ ใหข้ อ้ เสนอทพ่ี ดู กนั มานน้ั ท�ำ ไดจ้ รงิ ของการเรียนรู้เพื่อชุมชนท้องถ่ิน เรามีโมเดลท่ีพยายามจะสร้าง การเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะในช่วง ๓-๕ ปีมานี้ ณทิ ฐา แสวงทอง มหาวิทยาลัยวางตัวเองเป็นศูนย์กลางในเร่ืองของข้อมูล จากเดิมท่ี รองผ้วู ่าราชการจงั หวัดราชบุรี ข้อมูลกระจัดกระจายออกไปตามหน่วยงานต่างๆ ทำ�ให้การเข้าถึง ข้อมูลและนำ�ไปใช้ยังมีข้อจำ�กัด แต่เราพยายามทำ�ให้ข้อมูลต่างๆ ขณะนีก้ ระบวนการของทกุ จงั หวดั ก�ำ ลังอยใู่ น เชื่อมโยงกันโดยใช้มหาวิทยาลัยเปน็ ศูนยก์ ลาง ช่วงการจัดทำ�แผน หากเสร็จเรียบร้อยก็ ถา้ มโี ครงการจากภาครัฐ เช่น เวทีประชารัฐ เวทเี พอ่ื เศรษฐกจิ จะเข้าสู่ข้ันตอนเพ่ือรับไปปฏิบัติต่อ ซ่ึง รากหญา้ เราจะมภี าควชิ าการไปรว่ มประชมุ ทศ่ี นู ยบ์ รู ณาการ และน�ำ เราก็มีความต้ังใจอยากจะให้กระบวน- ข้อมูลที่ประมวลไว้กลับไปสู่การปฏิบัติ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น การน้ันบูรณาการการทำ�งานจากทุก ทางการ หากเปน็ ภาคเกษตรกจ็ ะมเี ครอื ขา่ ยทง้ั ในสว่ นงานวชิ าการและ ภาคสว่ น เพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารขบั เคลอ่ื นทง้ั ระบบ การปฏบิ ตั ใิ นระดบั ต�ำ บล ระดบั จงั หวดั เชอื่ มรอ้ ยเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งไร ก็ตาม วิธีการทำ�งานดังกล่าวสามารถทำ�ให้เรารวมศูนย์เชื่อมโยงท้ัง ตอ่ ไป ขอ้ มูลและการปฏิบตั งิ านของหลายๆ สมชั ชาได้ ตัวอย่างงานในระดับปฐมวัย ปัจจุบันเรามีคณะ การแลกเปลย่ี นวนั นน้ี บั วา่ มีคณุ คา่ มาก ในแงท่ เี่ ราไดเ้ หน็ โมเดล กรรมการด้านเด็กปฐมวัย คณะทำ�งานด้านการพัฒนาสังคมและ หลายๆ อย่างท่ีสามารถนำ�ไปเป็นทางเลือกให้แต่ละพ้ืนท่ีเอาไป มนุษย์ คณะทำ�งานในทุกเขตการศึกษา รวมท้ังคณะทำ�งานด้าน ประยุกตใ์ ช้ใหเ้ หมาะสมกับองคก์ รของตัวเองได้ สาธารณสุขด้วย จะเห็นว่ามีคณะทำ�งานกระจายกันไปในแต่ละภาค สว่ น แผนงานตอ่ ไปคอื จะตอ้ งพยายามเชอื่ มโยงการท�ำ งานของแตล่ ะ
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 14 สกุ จิ กลีบแก้ว ให้ออกมาใชจ้ ริง ก็ไม่แนว่ า่ อาจจะล้าหลังไปแล้วกเ็ ปน็ ได้ ผูอ้ �ำ นวยการกลุ่มงานศูนย์ดำ�รงธรรม สำ�นกั งานจังหวดั นครพนม มีบทความหนึ่งเก่ียวกับเรื่องการศึกษาของประเทศเยอรมนี สว่ นตวั ผมมคี วามเหน็ วา่ การศกึ ษาเปน็ ปญั หา เขยี นไวว้ ่า การเรยี นของเขาจะไม่ไดอ้ ยู่ในหอ้ งเรยี น ไม่มีการกำ�หนด ใ ห ญ่ ที่ เ ก่ี ย ว พั น ไ ป ถึ ง เ รื่ อ ง ค ว า ม วิชา แต่ก�ำ หนดเรอื่ งการสรา้ งภาวะผนู้ �ำ ก�ำ หนดเรอ่ื งการบริหารงาน เปลยี่ นแปลงของสังคม และการก�ำ หนด ใหม้ ีประสิทธภิ าพ นโยบายท้งั การกระจายอำ�นาจและรวม อ�ำ นาจ ซึง่ นโยบายกเ็ ปน็ ผลมาจากการ ปญั หาหนง่ึ ของการศกึ ษาไทยคอื การโฟกสั ไมถ่ กู จดุ สว่ นใหญเ่ รา รวมข้อมูลท้ังจากทฤษฎี ความเป็นจริง มกั ระดมความคดิ แตก่ เ็ ปน็ การระดมกนั ไปเรอ่ื ยๆ ไมไ่ ดจ้ บั จดุ อยทู่ ใ่ี ด ที่หน่ึง ซ่ึงทำ�ให้เราจับประเด็นยากและเสียเวลามาก สิ่งที่ผมเห็นว่า ความคาดหวงั ของสงั คม และองคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ส�ำ คัญคือ เรอื่ งของการวิเคราะหใ์ นเชงิ ข้อมลู ประเทศไทยเราไมใ่ หญ่ ในด้านการจัดการศึกษา ไม่ว่าในระดับประถม มัธยม อาชีวะ เลย เทียบพน้ื ท่แี ล้วเทา่ กับหนง่ึ มณฑลของประเทศจนี เทา่ นัน้ เพราะ อดุ มศกึ ษา จะเหน็ วา่ ครอบครวั ทม่ี ฐี านะดกี อ็ ยากจะสง่ ลกู เขา้ ไปเรยี น ฉะน้ันมันน่าจะท�ำ ได้ เพียงแต่ต้องโฟกัสและใช้เวลาในการวิเคราะห์ ในโรงเรียนใหญ่หรือมีช่ือเสียงในตัวจังหวัด หรืออยากส่งลูกเข้าไป ประเด็นปญั หาให้มากขน้ึ เรยี นทกี่ รงุ เทพฯ เพอ่ื จะเขา้ มหาวทิ ยาลยั ชน้ั น�ำ ใหไ้ ด้ ปญั หาตรงนเ้ี ปน็ ปญั หาใหญท่ ท่ี �ำ ใหต้ อ้ งคดิ วา่ ปจั จยั ทที่ �ำ ใหค้ ณุ ภาพการศกึ ษาแตกตา่ ง การวิจัยเร่ืองการผลติ คนกเ็ ป็นเรอื่ งสำ�คัญ เราตอ้ งการคนแบบ กันคืออะไร หากมองเฉพาะเรอ่ื งบุคลากรก็อาจตอ้ งมองเรื่องระบบที่ ไหน ทง้ั สายอาชพี สายสามญั นกั วจิ ยั หรอื อะไรกต็ าม ตอ้ งวเิ คราะหใ์ ห้ กอ่ ให้เกดิ ความเป็นธรรม ลดความเหลือ่ มลำ�้ ในภาคบุคลากร ไดว้ า่ ปญั หาทแ่ี ทจ้ รงิ ของการศกึ ษาคอื อะไร ถา้ เราจดั ตงั้ สภาการศกึ ษา ในระดบั มหาวทิ ยาลยั ของจงั หวดั เอง อาจจะตอ้ งดสู ดั สว่ นการก ขนึ้ มา เราอาจตอ้ งการองคาพยพ ตอ้ งการผนู้ �ำ ทส่ี ามารถสงั่ การไดว้ า่ ระจายตัวของประชากรว่าเหมาะสมหรือไม่ สัดส่วนของผู้ที่เข้าเรียน หนว่ ยไหน คณะไหน ควรจะมแี นวทางการทำ�งานแบบใด จะปฏริ ูป มหาวิทยาลัยในจังหวัด เม่ือจบการศึกษาแล้วพวกเขาอยากจะกลับ การศึกษาอยา่ งไร ดว้ ยงบเทา่ ไร ไปทำ�งานที่บ้านเกิดตัวเองหรือไม่ หรือเข้าไปทำ�งานที่เมืองใหญ่ๆ ท่ีมีรายได้สูงกว่า อีกปัญหาหนึ่งของมหาวิทยาลัยก็คือการท่ีหลาย การกลับมาโฟกัสที่หน่วยท่ีเล็กที่สุดคือระดับจังหวัด ผมคิดว่า มหาวิทยาลัยเปล่ียนรูปแบบไปเป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบกันเกือบ มาถูกทางแล้ว แต่การวิเคราะห์ในเชิงวิทยาศาสตร์อาจจะต้องเป็น หมดแล้ว ก็จะทำ�ให้เป้าหมายของการศึกษากระจัดกระจายไป ข้ึน ประเด็นท่ีเสริมเข้าไป เพื่อที่จะรู้ว่าเราจะเบนเข็มไปในทิศทางไหน อยู่กบั แตล่ ะมหาวิทยาลัย เชน่ จงั หวดั นครพนมมพี น้ื ทส่ี ว่ นหนงึ่ อยตู่ ดิ แถบชายแดนประเทศลาว ในเรอ่ื งของการเปลย่ี นแปลง เราตอ้ งวเิ คราะหใ์ หไ้ ดว้ า่ อะไรเปน็ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปวิเคราะห์ดูว่า พ้ืนท่ีตรงน้ันต้องการการเรียนรู้ ปัจจัยที่จะทำ�ให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง ‘ค่า แบบไหน การบรหิ ารต้องเป็นแบบไหน ซึง่ การเรยี นรู้และการบรหิ าร นิยม ๑๒ ประการ’ ท่ีพูดถึงเป้าหมายที่มีภาพสายงาม แต่ในความ กอ็ าจไม่เหมอื นกบั ท่ีกรงุ เทพฯ แปดร้วิ หรือราชบรุ กี ็ได้ เปน็ จริง การจะท�ำ ใหเ้ ดก็ มีคา่ นยิ มทีด่ ี วิธกี ารไปใหถ้ งึ เปา้ หมายตรงน้ี กเ็ ปน็ ไปไดย้ าก อยา่ งไรกต็ าม ทกุ อยา่ งกอ็ าจตอ้ งกลบั ไปมองทอ่ี งคร์ วม ปิยะบุตร ชลวจิ ารณ์ ของการเรียนรู้ ประธานอ�ำ นวยการสถาบันคีนันแห่งเอเชยี นพ.ประภาส วรี ะพล โจทยท์ ถ่ี ูกตงั้ ข้นึ ในวนั น้ี ส่วนตัวผมชน่ื ชมมาก สาธารณสุขจงั หวดั นครพนม เพราะเป็นสิ่งท่ีอยากเห็นมาตลอด อยาก เหน็ แตล่ ะจงั หวดั สามารถจดั การพนื้ ทข่ี อง เร่ืองของการศึกษานั้นใหญ่พอกับเรื่อง ตัวเองได้ อยากเหน็ การกระจายอำ�นาจสู่ สาธารณสุข เพราะทุกอย่างจะกลับไป การทอ้ งถน่ิ เพราะจากการท�ำ งานทผ่ี า่ นมา เชอ่ื มโยงกนั ท้ังหมด ท่ผี า่ นมาการศึกษา เรารมู้ าตลอดวา่ คนทอ้ งถน่ิ เขามคี วามพรอ้ ม ของเราใช้วิธีท่องจำ� ซ่ึงเป็นความรู้ที่ กำ�หนดมาจากคนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึง แต่ เพยี งแตเ่ ขาไมม่ ีอำ�นาจในการตดั สนิ ใจเทา่ นัน้ โลกปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็วมาก เรื่องท่ีเรา ที่ช่ืนชมอีกอย่างคือ การเปิดพ้ืนที่ให้แต่ละจังหวัดได้พูดคุยกัน ถา้ เทียบกับวฒั นธรรมตะวนั ตก อาจจะคล้ายการไปโบสถเ์ พือ่ พูดคยุ คยุ และสรปุ กนั ในทปี่ ระชมุ วนั นกี้ วา่ จะถกู เคาะ กันในวันอาทิตย์ ถ้าเทียบกับคำ�ในภาษาไทยก็อาจจะเป็นสภาชุมชน ซงึ่ สง่ิ ทโี่ บสถแ์ ละสภาชมุ ชนมเี หมอื นกนั คอื การพดู คยุ เพอื่ แลกเปลยี่ น
คิด-เปลี่ยน-เรียน-รู้ : ปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล 15 และน�ำ ไปสกู่ ารปรบั ปรงุ โครงสรา้ งทจี่ ะท�ำ ใหท้ อ้ งถน่ิ มอี �ำ นาจใชไ้ ดจ้ รงิ แทงทะลตุ ง้ั แตน่ โยบาย กระแทกกลบั ไปทโ่ี รงเรยี น และทะลสุ วนลงไป สว่ นตวั ผมเหน็ วา่ การปรบั ปรงุ แผนยทุ ธศาสตร์ ปจั จยั ส�ำ คญั อยทู่ ี่ ให้ถึงห้องเรียนให้ได้ ไม่ว่ายุทธศาสตร์น้ันจะดีหรือไม่ ถ้าแทงทะลุ ลงไปใน ๓ ระดับนไี้ มไ่ ด้ ก็จะไม่ก่อให้เกิดการเปลยี่ นแปลงใดๆ ๒ เรอื่ งเทา่ นนั้ หนง่ึ คอื เรอื่ งของหอ้ งเรยี น ระบบโรงเรยี น ครู ผอู้ �ำ นวยการ จนถึงเรอื่ งของประสทิ ธภิ าพนักเรียน วา่ เปา้ หมายแตล่ ะกลมุ่ กอ้ นคอื หัวใจท่ีสำ�คัญของการเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งก็คือ ครู อะไร และจะตอ้ งมแี ผนยทุ ธศาสตรอ์ ะไร สอง คอื เรอ่ื งของอาชพี ตอ้ ง เพราะครูเป็นผู้ที่สัมผัสคลุกคลีกับเด็ก เด็กควรได้เรียนจากโจทย์ ดูว่าเป้าหมายการศึกษาของเราคอื อะไร จะตอ้ งจัดการเรยี นการสอน จรงิ ครจู ริง ชุมชนจริง และคนท่ีควรจะลกุ ข้ึนมาออกแบบการจดั การ หรือระบบอย่างไร เพื่อให้เขานำ�ความร้ไู ปประกอบอาชีพได้ ทง้ั หมดทง้ั มวลกค็ ือครูเท่าน้ัน ทุกวนั นี้ส่อื การสอนเรามีเยอะมาก วิธกี ารสอนของครูก็ถือเปน็ ค�ำ ถามกค็ อื ครทู �ำ ไดไ้ หม ค�ำ ถามตอ่ มาคอื สมมตุ วิ า่ มคี รบู างคน เครอื่ งมอื ในการสอน ประเดน็ คอื ท�ำ อยา่ งไรใหค้ รเู ขา้ ถงึ สอ่ื นนั้ ๆ และ กล้าหาญข้ึนมาเพ่ือที่จะบอกว่าเขาต้องการลองทำ�ดู ครูคนนั้นต้อง ดงึ ออกมาใชไ้ ดจ้ รงิ อกี เรอ่ื งคอื ท�ำ อยา่ งไรใหเ้ อกชนมสี ว่ นรว่ มมากขนึ้ ใช้ทรัพยากรและการสนับสนุนเท่าไรและจากใครบ้าง การเรียนรู้ใน เพราะเป้าหมายของการเรยี นคือการออกไปประกอบอาชพี เอกชนก็ ตำ�รามนั ง่าย แตก่ ารเรียนรจู้ ากของจริง ลงพื้นทจี่ รงิ เชอื่ มโยงจรงิ กับ ตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม เพราะการจะมคี วามรจู้ นน�ำ ไปประกอบอาชพี ได้ คนในชมุ ชน มนั ตอ้ งการเวลาและตอ้ งการหนว่ ยสนบั สนนุ และหนว่ ย จำ�เป็นต้องได้รับการฝึกสอนตั้งแต่อยู่ในสถานศึกษา ทั้งหมดน้ีต้อง สนบั สนุนที่ดที ่สี ุดคอื ตวั ชมุ ชนเอง เข้าไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาจังหวัด และต้องขยาย ผลให้ได้ทวั่ ท้งั ๗๗ จงั หวดั ฉะนน้ั การทีค่ รลู งไปเชอ่ื มกับชุมชน ไปรับโจทย์จากชุมชน จะ เปน็ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรจู้ ากโจทยจ์ รงิ ท�ำ ใหเ้ ดก็ ไดม้ โี อกาส ประเด็นสุดท้าย ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยควรจะมีอยู่ทุกจังหวัด กลบั เขา้ ไปสชู่ มุ ชน สดุ ทา้ ยแลว้ กจ็ ะเปน็ การสรา้ งส�ำ นกึ ของความเปน็ แต่ความหมายของมหาวิทยาลัยอาจอยู่ในรูปของวิทยาลัยชุมชนก็ได้ พลเมอื งได้ เพราะเดก็ จะเกดิ ความเขา้ ใจในบรบิ ทบา้ นเกดิ ของตนเอง ไมต่ ้องใหญ่ขนาดรบั รองคนไดเ้ ปน็ พนั ๆ คน แต่ให้กระจายออกไปใน ระดบั ทอ้ งถนิ่ เชน่ วทิ ยาลยั สง่ เสรมิ อาชพี วทิ ยาลยั ทเ่ี ปน็ แหลง่ เรยี นรู้ หากเดก็ ได้เรียนร้ทู กุ ขแ์ ละทุนของชมุ ชน ภายในเวลาไมถ่ ึงปีจะ ของชุมชน สามารถเกิดความเข้าใจและเกิดสำ�นึกการเป็นพลเมืองในบ้านเกิด ตนเอง เพราะเขาจะรูส้ กึ ได้ถงึ ความเป็นเจา้ ของพน้ื ที่ ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมลู นิธสิ ยามกมั มาจล ดิฉันคิดว่ายุทธศาสตร์จังหวัดมาถูกทางแล้ว แต่วิธีปฏิบัติใน โรงเรยี นต่างๆ แทบจะไม่มรี ูปธรรม ถา้ เราสามารถเชื่อมยุทธศาสตร์ ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ส่ิงท่ีเราพูดกันใน ทั้ง ๓ อยา่ งนเ้ี ขา้ ด้วยกันได้ คอื ระบบในเชงิ นโยบาย พืน้ ที่ปฏบิ ตั ิการ ห้องประชุมเป็นเรื่องเชิงยุทธศาสตร์ เป็น และการปฏิบตั ิในห้องเรียน การขบั เคลอื่ นในเชงิ รปู ธรรมยอ่ มเกดิ ขน้ึ ความเหน็ ในเชงิ นโยบาย ทา้ ยทสี่ ดุ แลว้ มนั และถา้ ทกุ พน้ื ทท่ี กุ จงั หวดั ท�ำ ได้ ทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ ยอ่ มเปน็ พลงั ทผี่ ลกั ดนั จะส่งผลกลับไปใช้ได้จริงกับเด็กอย่างไร ให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงในระดบั ประเทศ ซ่งึ ดฉิ ันเหน็ วา่ ตรงนี้คือหัวใจส�ำ คัญ ประมวลจากท่ีทุกท่านพูด ดิฉันเห็น สิรกิ ร มณีรนิ ทร์ นายกสภาสถาบันวทิ ยาลัยชมุ ชน ภาพรวมอยู่ ๓ ระดับ หนง่ึ คอื เรื่องยุทธศาสตร์ จงั หวัด สอง คอื พ้ืนทปี่ ฏบิ ัติการ ไมว่ ่าจะเปน็ โรงเรียน ศูนยเ์ ด็กเลก็ เสียดายที่เร่ืองในท่ีประชุมวันน้ีจะยังคงเป็น หรอื มหาวทิ ยาลยั ระดบั สดุ ทา้ ยคอื การเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น ซง่ึ สงิ่ ทจ่ี ะ เรอ่ื งทร่ี จู้ กั เฉพาะในวงแคบ แตก่ ห็ วงั วา่ เรอ่ื งน้ี ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่ีแท้จริงคือระดับสุดท้าย หรือการศึกษา จะมีส่ือมวลชนนำ�ไปรายงานหรือเขียน ในห้องเรยี น บทความเผยแพร่ เพ่ือให้ความคิดนี้ถูก กระจายออกไป เพราะการเกิดขึ้นของ การจะทำ�ยุทธศาสตร์ให้เป็นจริง เรามักมองเป้าใหญ่ไปที่การ กศจ. เปน็ เรอ่ื งท่ีดี เพยี งแต่อาจยงั ไมเ่ ปน็ ท่ี เปลีย่ นแปลงในระดับประเทศ แตข่ ณะเดียวกนั เราจะเหน็ ว่ามีความ แตกตา่ งกนั ในการศกึ ษาของแตล่ ะพนื้ ที่ แตล่ ะจงั หวดั และประเดน็ น้ี รบั รใู้ นวงกวา้ ง อยา่ งไรกต็ าม ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ใน เป็นประเดน็ ทส่ี �ำ คญั วงการศึกษา ส่วนใหญ่มักไปติดกับอยู่ที่เรื่องการบริหารส่วนบุคคล เรอ่ื งการโยกยา้ ยตา่ งๆ ฉะนน้ั ควรแกไ้ ขตวั ระบบใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรม ดฉิ นั เหน็ วา่ การปฏิบัติทจี่ ะไดผ้ ลจรงิ ๆ คอื ยุทธศาสตร์น้ันตอ้ ง ควบค่กู นั ไป
กรุณาสง่ \"มองสุขภาพให้กวา้ ง สรา้ งความสขุ ให้สังคม\" จัดพิมพ์และเผยแพร่ สนับสนุนโดย ร่วมเป็นส่วนหน่ึงในการปฏริ ูปการเรยี นรู้ได้ที่ เวทกี ารศึกษากบั การเปลย่ี นแปลงประเทศไทย สำ�นักสนบั สนนุ สขุ ภาวะ เดก็ เยาวชน และครอบครวั facebook คดิ เปล่ียน เรยี น รู้ แผนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครวั สำ�นกั งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.) : เวทีการศกึ ษากับการเปลย่ี นแปลงประเทศไทย ส�ำ นักงานกองทุนสนับสนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) อาคารศูนยเ์ รยี นร้สู ุขภาวะ เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดพู ลี มูลนิธิสถาบนั วิจยั ระบบการศึกษา แขวงท่งุ มหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ๑๐๑๒๐ มลู นธิ ิสดศรี-สฤษดิว์ งศ์ (มสส.) โทรศพั ท ์ ๐ ๒๓๔๓ ๑๕๐๐ ที่ปรึกษา โทรสาร 0 2343 1551 นพ.ยงยทุ ธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ิ http://www.thaihealth.or.th/ เพญ็ พรรณ จิตตะเสนยี ์ ดำ�เนินการผลิต บรรณาธิการ เปนไท พับลิชชง่ิ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ โทรศัพท์ ๐ ๒๗๓๖ ๙๙๑๘ ผู้จัดการ โทรสาร ๐ ๒๗๓๖ ๘๘๙๑ เนาวรัตน์ ชมุ ยวง [email protected] ศิลปกรรม waymagazine.org ณขวัญ ศรอี รุโณทยั “ก ารปฏิรูปการเรียนรู้ในระดับ จังหวัดทำ�ได้ง่ายกว่าระดับ ประเทศ เพราะคนในพ้นื ท่เี ขา ใกล้ชิดกันมากกว่า ขณะท่ี หนว่ ยงานสว่ นกลางหรอื ระดบั ประเทศมีจำ�นวนมากเกินไป และมีมุมมองคนละทิศละทาง คดิ ดงู า่ ยๆ แคจ่ ะใหค้ รคู รง่ึ คอ่ น ล้านคนใส่เส้ือสีเดียวกันหมด หรอื ส่งั ใหซ้ า้ ยหันขวาหัน แคน่ ้ี กย็ ากแลว้ ” นพ.สภุ กร บวั สาย ผูจ้ ดั การสำ�นกั งานสง่ เสริมสงั คม แหง่ การเรยี นรแู้ ละคณุ ภาพเยาวชน (สสค.)
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: