จอมปราชญ์แห่งการพฒั นา ชะลอนํ้า : เพม่ิ ความชมุ่ ช้ืน
ค�ำ น�ำ “๘๔ พรรษา ประโยชน์สขุ สู่ปวงประชา” ส�ำ นักราชเลขาธกิ าร มลู นิธิชัยพฒั นา ส�ำ นกั งบประมาณ และสำ�นักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน กปร.) ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในโอกาสอันเป็นมงคลท่ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระชนมพรรษา ๗ รอบ ในวันท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ หนงั สอื ชดุ จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา เปน็ หนง่ึ ในกจิ กรรมทไ่ี ดจ้ ดั ท�ำ ขนึ้ เพอื่ เผยแพรพ่ ระราชกรณยี กจิ พระราชดำ�ริ พระปรีชาสามารถและผลสำ�เร็จจากการพัฒนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริที่ก่อให้เกิด คุณูปการต่อประชาชน ประเทศชาติมาอย่างต่อเน่ือง โดยจัดทำ�เป็นหนังสือชุด จอมปราชญ์แห่งการพัฒนา มที ้ังส้นิ ๑๔ เลม่ ประกอบดว้ ย หลกั การทรงงาน, รากฐานความมน่ั คงของมนุษย,์ นํา้ คือชวี ิต, ปราชญแ์ หง่ ดนิ , รกั ษป์ า่ : รกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม, วถิ แี หง่ ดลุ ยภาพ, ทฤษฎใี หม,่ ชะลอนาํ้ : เพม่ิ ความชมุ่ ชนื้ , ก�ำ แพงธรรมชาตทิ ม่ี ชี วี ติ , พลงั งานสเี ขยี ว, จากนา้ํ เสยี สนู่ าํ้ ใส, พพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาตทิ ม่ี ชี วี ติ , ผลส�ำ เรจ็ สปู่ ระชาชน และพระเกยี รตเิ กรกิ ไกร โดยมีเป้าหมายหลักคือ เพ่ือให้การจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ “๘๔ พรรษา ประโยชน์สุขสู่ ปวงประชา” เป็นไปอย่างสมพระเกียรติและสามารถเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย มาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งยาวนาน ประกอบกบั เพอื่ ใหเ้ ยาวชนและประชาชนทวั่ ไป ไดม้ สี ว่ นรว่ มในการสานตอ่ และถา่ ยทอด แนวพระราชด�ำ รไิ ดอ้ ยา่ งชดั เจน เหมาะสม ผา่ นการเรยี นรจู้ ากหนงั สอื ชดุ จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา ทงั้ ๑๔ เลม่ ท่ีมีลักษณะที่เรียบง่ายสามารถนำ�ไปประยุกต์ได้อย่างหลากหลาย อันนำ�ไปสู่การพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม องค์กร และประเทศชาติ ให้บังเกิดความสขุ และความยง่ั ยืนตลอดไป คณะท�ำ งานจดั ทำ�หนงั สอื เฉลมิ พระเกียรติ “๘๔ พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา” ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำ ริ (ส�ำ นักงาน กปร.)
ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
“…จะต้องสร้างฝายเล็กเพ่ือหมุนน้ําส่งไปตาม 3 เหมืองไปใช้ ในพ้ืนท่ีเพาะปลูกทั้งสองด้าน ซ่ึงจะ ค่อยๆ แผ่ขยายออกไปทำ�ความชุ่มช้ืนในบริเวณ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื นั้นดว้ ย...”
จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา 4
ชะลอน้าํ : เพ่มิ ความชมุ่ ชนื้ 5 ฝายต้นนํา้ ลำ�ธาร : พลกิ ผืนป่าให้สมบรู ณ์ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื การดูแลรักษา และฟ้ืนฟูสภาพป่าไม้เพ่ือนำ�มาซ่ึงความ สมบูรณ์ของป่าไม้ ดิน และนํ้า มีหลากหลายวิธีการ พระบาท สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงตระหนักถงึ ความสำ�คัญของป่าไม้ และ สภาพปญั หาต่างๆ ทเ่ี กดิ ข้ึน จึงทรงเสนอวธิ ีการอนั เป็นเครอ่ื งมอื ที่สามารถจะใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ให้ได้ผลดี โดยใชฝ้ ายกน้ั นา้ํ ทเ่ี รยี กวา่ “CheckDam”หรอื อาจเรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ ได้ว่า “ฝายต้นน้ํา” หรือ “ฝายชะลอนํ้า” หรือ “ฝายชะลอ ความชมุ่ ชื้น”
แนวพระราชดำ�รเิ กีย่ วกบั ฝายตน้ น้าํ แ น ว พ ร ะ ร า ช ดำ � ริ ท่ี สำ � คั ญ ย่ิ ง ข อ ง พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระเจ้าอยู่หัว คือ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะด้านดินและน้ํา การก่อสร้างฝายชะลอความชุ่มช้ืน หรือฝายแม้ว (Check Dam) ที่พระราชทานพระราชด�ำ ริขึน้ ตง้ั แต่ ปี ๒๔๙๘ ท่ีบ้านส่ีแยก จังหวัดกาฬสินธ์ุ มิเพียงจะป้องกันการ ถูกชะล้างของแร่ธาตุในดิน ยังช่วยทำ�ให้พ้ืนดินมีความชุ่มช้ืน ทำ�ให้ป่าเกิดความชุ่มชื้น ซึ่งพระราชดำ�รินี้มีความสำ�คัญมาก ตอ่ ระบบนิเวศปา่ ไม ้ ฝายต้นนา้ํ ลำ�ธาร หรือ Check Dam คือ สงิ่ ก่อสรา้ งขวาง 6 หรอื กน้ั ทางนา้ํ ซง่ึ ปกตมิ กั จะกนั้ ล�ำ หว้ ยล�ำ ธารขนาดเลก็ ในบรเิ วณ จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ที่เป็นต้นนํ้า หรือพ้ืนท่ีที่มีความลาดชันสูงให้สามารถกักตะกอน อยู่ได้ และหากช่วงที่น้ําไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของนํ้า ให้ช้าลง และเก็บกักตะกอนไม่ให้ไหลลงไปทับถมลำ�น้ําตอนล่าง ซ่ึงเปน็ วิธีการอนรุ ักษ์ดินและน้ําไดม้ ากวธิ กี ารหนึง่
7 ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำ�ริ 9 เกยี่ วกบั การปลกู ป่าทดแทนพนื้ ทป่ี า่ ไม้ทีถ่ กู ทำ�ลายนน้ั ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื “…จะตอ้ งสรา้ งฝายเลก็ เพอ่ื หมนุ นาํ้ สง่ ไปตามเหมอื ง ไปใช้ในพื้นท่ีเพาะปลูกทั้งสองด้าน ซึ่งจะค่อยๆ แผ่ขยาย ออกไปทำ�ความชุ่มชื้นในบรเิ วณนน้ั ด้วย...” การพิจารณาสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพื่อสร้าง ระบบวงจรนา้ํ แก่ป่าไม้ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุดน้ัน ได้พระราชทาน พระราชดำ�ริ สรุปได้ว่า “...ให้ดำ�เนินการสำ�รวจหาทำ�เลสร้างฝายต้นนํ้า ลำ�ธารในระดับที่สูงใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะ เปน็ ไปได้ ลกั ษณะของฝายดงั กลา่ วจำ�เปน็ ตอ้ งออกแบบใหม่ เพอ่ื ใหส้ ามารถกกั เก็บน้าํ ไวไ้ ด้ ปริมาณนา้ํ หลอ่ เล้ยี งประคบั ประคองกลา้ ไมพ้ นั ธท์ุ แ่ี ขง็ แรงและโตเรว็ ทใ่ี ชป้ ลกู แซมในปา่ แหง้ แลง้ อยา่ งสมา่ํ เสมอและตอ่ เนอื่ ง โดยการจา่ ยนาํ้ ออกไป รอบๆ ตัวฝายจนสามารถตั้งตัวได้...”
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา รูปแบบและลักษณะ Check Dam น้ัน ได้พระราชทาน พระราชดำ�ริ สรุปวา่ “...ให้พิจารณาดำ�เนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถ่ิน เช่น แบบหินท้ิง คลุมด้วยตาข่าย ปิดกั้นร่องน้ํากับลำ�ธารขนาดเล็กเป็น ระยะๆ เพ่ือใช้เก็บกักนํ้าและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยนํ้า ท่ีกักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดินทำ�ให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยาย ออกไปท้ังสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพันธ์ุไม้ป้องกันไฟ พนั ธไ์ุ มโ้ ตเรว็ และพนั ธไุ์ มไ้ มท่ ง้ิ ใบเพอ่ื ฟน้ื ฟพู น้ื ทต่ี น้ นา้ํ ลำ�ธาร ให้มีสภาพเขยี วชอมุ่ ข้นึ เป็นลำ�ดับ…” การกอ่ สรา้ ง Check Dam นนั้ ไดพ้ ระราชทานพระราชด�ำ ริ เพม่ิ เตมิ ในรายละเอียด สรปุ ไดว้ ่า 10 “…สำ�หรับ Check Dam ชนิดป้องกันไมใ่ หท้ รายไหล ลงไปในอ่างใหญ่จะต้องทำ�ให้ดีและลึก เพราะทรายลงมา จะกกั เกบ็ ไว้ ถา้ นํ้าตื้นทรายจะข้ามไปลงอา่ งใหญไ่ ด้ ถา้ เปน็ Check Dam สำ�หรับรักษาความชุ่มช้ืน ไม่จำ�เป็นตอ้ งขดุ ลึก เพียงแต่กักนํ้าให้ลงไปในดิน แต่แบบกันทรายน้ีจะต้อง ทำ�ให้ลึกและออกแบบอย่างไรไม่ให้นํ้าลงมาแล้วไล่ทราย ออกไป…”
11 ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
ประเภทของ Check Dam นน้ั ทรงแยกออกเปน็ ๒ ประเภท 13 ดังพระราชด�ำ ริ สรปุ ไดว้ า่ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื Check Dam นนั้ มี ๒ อยา่ ง ชนดิ หนงึ่ สำ�หรบั ชะลอนาํ้ เพ่ือสร้างความชุ่มชื้น อีกอย่างสำ�หรับป้องกันมิให้ทรายลง ในอ่างใหญ่ จึงอาจกล่าวได้ว่า Check Dam น้ัน ประเภทแรก คือ ฝายตน้ นา้ํ ล�ำ ธาร หรอื ฝายชะลอความชมุ่ ชนื้ สว่ นประเภททสี่ องนน้ั เป็นฝายดักตะกอนนนั่ เอง นอกจากน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไดพ้ ระราชทาน พระราชดำ�รัสซ่ึงเป็นแนวทางการดำ�เนินงานเกี่ยวกับฝายต้นน้ํา ลำ�ธาร (Check Dam) ในพ้ืนท่ีตา่ งๆ ดงั นี้ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๑ ณ อำ�เภอแม่ลาน้อย จังหวัด แม่ฮ่องสอน ความตอนหน่งึ วา่ “…สำ�หรบั ตน้ นา้ํ ไมท้ ข่ี น้ึ อยใู่ นบรเิ วณสองขา้ งลำ�หว้ ย จำ�เปน็ ตอ้ งรกั ษาไวใ้ หด้ ี เพราะจะชว่ ยเกบ็ รกั ษาความชมุ่ ชน้ื ไว้ สว่ นตามรอ่ งนา้ํ และบรเิ วณทนี่ า้ํ ซบั กค็ วรสรา้ งฝายขนาด เลก็ กน้ั นา้ํ ไวใ้ นลกั ษณะฝายชมุ่ ชน้ื แมจ้ ะมจี ำ�นวนนอ้ ยกต็ าม
จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา 14
สำ�หรับแหล่งน้ําท่ีมีปริมาณนํ้ามาก จึงสร้างฝายเพื่อผันน้ํา 15 ลงมาใชใ้ นพื้นที่เพาะปลูก…” ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื เมือ่ วนั ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ ณ ศูนย์ศกึ ษาการพฒั นา ห้วยฮ่องไคร้อันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ อำ�เภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม่ สรุปไดว้ า่ “...เป้าหมายหลักของโครงการฯ แห่งน้คี ือ การฟืน้ ฟู และอนุรักษ์บริเวณต้นนํ้าห้วยฮ่องไคร้ ซึ่งมีสภาพแห้งแล้ง โดยเร่งด่วน โดยทดลองใช้วิธีการใหม่ เช่น วิธีการผันน้ํา ออกจากอา่ งเกบ็ นาํ้ ในระดบั บนลงไปตามแนวรอ่ งนา้ํ ตา่ งๆ เพ่ือช่วยให้ความชุ่มช้ืนค่อยๆ แผ่ขยายตัวออกไป สำ�หรับ น้ําส่วนที่เหลือก็จะไหลลงอ่างเก็บน้ําในระดับตํ่าลงไป เพ่ือ นำ�ไปใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตรกรรมต่อไป ในการน้ี ควรเริ่มปลูกป่าทดแทนตามแนวร่องน้ํา ซึ่งมีความชุ่มช้ืน มากกวา่ บรเิ วณสนั เขา ซง่ึ จะทำ�ใหเ้ หน็ ผลโดยเรว็ นอกจากน้ี ยังเป็นการประหยัดกล้าไม้ และปลอดภัยจากไฟป่าด้วย เมอ่ื รอ่ งน้ําดังกล่าวมคี วามชุ่มช้ืนเพิม่ ข้นึ ลำ�ดับต่อไปก็ควร สร้างฝายต้นน้ําเป็นระยะๆ เพื่อค่อยๆ เก็บกักน้ําไว้แล้ว
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ส่งต่อท่อไม้ไผ่ส่งนํ้าออกทั้งสองฝั่งร่องน้ํา อันเป็นการช่วย แผ่ขยายแนวความชุม่ ชน้ื ออกไปตลอดแนวรอ่ งนํา้ …” เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ณ ศูนย์ศึกษา การพัฒนาภูพานอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ จังหวัดสกลนคร สรุปได้ว่า “...ควรดำ�เนินการพัฒนาป่าไม้ด้วยนํ้าชลประทาน แบบง่ายๆ เช่น การต่อท่อนํ้าด้วยไม้ไผ่ เพื่อนำ�นํ้าไป สนับสนุนการปลูกป่า การปลูกป่าในบริเวณที่มีฝายก้ันนํ้า และการปลูกป่าโดยธรรมชาติ ซ่ึงไม่มีฝายกั้นน้ําอยู่ และ แสดงใหค้ นมาดงู านไดเ้ หน็ วธิ กี ารตา่ งๆดว้ ยในบรเิ วณทว่ี า่ ง เปลา่ และสามารถเขา้ ไปถงึ กใ็ หพ้ ยายามกอ่ สรา้ งฝายกนั้ นาํ้ 16 ขนาดเลก็ ๆ เพื่อรวบรวมนา้ํ เขา้ มาอยรู่ วมกนั และพยายาม กระจายน้ําออกไปให้ทั่วบริเวณ เพ่ือเสริมสร้างความชุ่มช้ืน ให้แก่ดินในบริเวณน้ัน อันจะช่วยพัฒนาป่าไม้ได้อย่าง รวดเร็ว เมื่อก่อสร้างฝายเล็กๆ แล้ว ก็ใหป้ ลกู ปา่ ไมเ้ สริมให้ สามารถปกปิดในบริเวณนั้นได้ท่ัวถึง และพยายามส่งเสริม ให้มีการสร้างแนวกันไฟด้วย…”
17 ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา 18
เม่ือวันท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ ณ ศูนย์ศึกษาการ 19 พฒั นาหว้ ยฮอ่ งไครอ้ นั เนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ อ�ำ เภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชียงใหม่ สรุปได้ว่า ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื “…การก่อสร้างฝายเก็บกักนํ้าลำ�ธาร มีประโยชน์ ในด้านช่วยให้พื้นที่ใกล้ร่องน้ํามีความชุ่มชื้น ทำ�ให้ป่าไม้ นั้นเจริญเติบโตดี จึงเห็นควรให้พิจารณาสร้างเพ่ิมเติมขึ้น ตามความเหมาะสมทั้งในบริเวณพ้ืนที่พัฒนาป่าไม้ด้วยนํ้า ชลประทานและพื้นท่ีทั่วไป ส่วนระบบแจกจ่ายน้ําจากท่อ ส่งนํ้าของอ่างเก็บน้ําห้วยฮ่องไคร้ ๑ ให้เป็นพื้นที่ปลูกป่า ทว่ั ไป ให้พจิ ารณาขยายขอบเขตตอ่ ไปตามความเหมาะสม เมื่อวนั ที่ ๒๒ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๓๒ ณ โครงการอา่ งเก็บนํา้ ห้วยลานอนั เนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ จังหวดั เชยี งใหม่ สรปุ ได้ว่า “…งานดา้ นปา่ ไม้มคี วามจำ�เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเรง่ ปรบั ปรงุ สภาพป่าไม้ ทั้งบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ําและบริเวณดอย รอบๆ นี้ให้สมบูรณ์ขึ้น เพราะนอกจากจะทำ�ให้ป่าสมบูรณ์ แล้ว ยังจะช่วยทำ�ให้นํ้าในบริเวณน้ีมีความสมบูรณ์ข้ึนด้วย วิธีการปรับปรุงสภาพป่าน้ันขอให้อาศัยวิธีการที่ได้ดำ�เนิน
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา การแลว้ ทศ่ี นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไครอ้ นั เนอ่ื งมาจาก พระราชดำ�ริ เพราะถอื เสมอื นวา่ ท่หี ้วยลานนี้เปน็ ศูนยส์ าขา ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ โดยการทำ�เป็น ฝายหนิ ทงิ้ ขนาดเลก็ หรือ Check Dam บริเวณรอ่ งนา้ํ สาขา ของห้วยลานเพื่อกักเก็บและชะลอความชุ่มช้ืนแก่ต้นไม้ บรเิ วณเหนอื อา่ งเกบ็ นาํ้ แตถ่ า้ เปน็ รอ่ งนา้ํ ขนาดใหญ่ จะตอ้ ง ทำ�ฝายกักเกบ็ ให้แขง็ แรงขน้ึ สำ�หรับการฟ้ืนฟูสภาพป่าในพ้ืนท่ีสูงตามสันดอย ตา่ งๆนนั้ จะใชว้ ธิ กี ารตดิ ตง้ั ปม๊ั Turbineทอ่ี า่ งเกบ็ นาํ้ หว้ ยลาน ห้วยป่าไร่ และดอยโตน เพ่ือส่งนํ้าขึ้นที่สูงบริเวณยอด ดอยม่อนผักชี ดอยยาว และดอยโตน ไปเก็บไว้บนแท็งก์ 20 และตอ่ ทอ่ เลก็ ๆ เจาะรปู ลอ่ ยนา้ํ ใหไ้ หลลงมาจากแนวสนั เขา เพอื่ สรา้ งความชมุ่ ชนื้ ใหแ้ กป่ า่ ไม้ วธิ กี ารนจ้ี ะทำ�ใหป้ า่ ไมอ้ ดุ ม สมบรู ณไ์ ด้ภายใน ๒ - ๓ ปี และจะเปน็ ป่าไมต้ ัวอย่างที่อุดม สมบรู ณแ์ ละชว่ ยใหป้ รมิ าณนาํ้ ในอา่ งเก็บนา้ํ มากขน้ึ โดยขอ ให้มีการบันทึกข้อมูลระดับน้ําในอ่างเก็บน้ําไว้ด้วย สำ�หรับ พนั ธไ์ุ มท้ จี่ ะใชใ้ นการปลกู ปา่ นนั้ ขอใหใ้ ชพ้ นั ธไุ์ มด้ ง้ั เดมิ ทไ่ี ม่ ผลดั ใบเปน็ หลกั ไว้
นอกจากนี้ บรเิ วณทส่ี องขา้ งทาง ขอใหพ้ จิ ารณาปลกู 21 พันธ์ุไม้ยึดพื้นดินหรือจะใช้หญ้าแฝกก็ได้ เพ่ือป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินลงไปในอ่างนํ้า และพิจารณาค่อยๆ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื จัดสร้างฝายกักเก็บตะกอน ดังเช่นที่กรมพัฒนาที่ดินได้ ดำ�เนนิ การแลว้ ทศี่ นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไครอ้ นั เนอื่ ง มาจากพระราชดำ�ริ ซึ่งตะกอนเหล่านี้เมื่อมีจำ�นวนมากขึ้น ก็สามารถตักเอามาใช้ประโยชน์ได้อีก นอกจากนั้นอาจ จดั ทำ�เปน็ รอ่ งดนิ ขวางทางเดนิ ของนา้ํ ใหแ้ ตกกระจายไปทว่ั ๆ ซ่งึ จะชว่ ยลดปญั หาของการชะลา้ งและตกตะกอนได.้ ..”
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา22 เมื่อวนั ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๓๒ ณ ดอยอา่ งขาง อ�ำ เภอฝาง จงั หวัดเชยี งใหม่ สรปุ ไดว้ ่า “...ควรสร้างฝายลำ�ธารตามร่องน้ําเพ่ือช่วยชะลอ กระแสนํ้าและเก็บกักน้ําสำ�หรับสร้างความชุ่มชื้นให้กับ บรเิ วณตน้ นํ้า...”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำ�ริเพ่ิมเติม 23 สรปุ ไดว้ ่า ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื “...ในเขตของศูนย์ศึกษาฯ แห่งน้ี ควรจะต้องมีการ แสดงการศกึ ษาทดลองเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ชดั โดยแบง่ พน้ื ที่ ที่มีการใช้ระบบน้ําชลประทานส่วนหนึ่ง และพ้ืนท่ีท่ีได้รับ เฉพาะน้ําฝน โดยมี Check Dam ช่วยกักนํ้าฝนไว้ส่วนหน่ึง และพ้ืนท่ีท่ีปล่อยไว้โดยระบบธรรมชาติอีกส่วนหน่ึง ต้นไม้ ต่างๆ ในศูนย์ฯ จะเจริญเติบโตหรือจะหงิกงอก็ไม่เป็นไร เพราะนนั่ เปน็ การทดลองหรอื เปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ขอ้ แตกตา่ ง ซ่ึงเป็นจดุ ประสงค์ท่ีสำ�คัญของศูนยศ์ ึกษาฯ...” เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๓ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พรอ้ มด้วยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ เสด็จพระราชดำ�เนินไปทอดพระเนตรการดำ�เนินงานของศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ จังหวัด เพชรบุรี ในการน้ี ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ�รเิ กีย่ วกบั ฝายชะลอ ความช่มุ ชนื้ สรปุ ได้ดงั นี้
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา “...การฟนื้ ฟสู ภาพปา่ ไมบ้ นภเู ขา กใ็ หด้ ำ�เนนิ การแบบ เขาเสวยกะปิ โดยการสบู นา้ํ ดว้ ยเครอื่ งสบู นาํ้ กงั หนั นา้ํ ขน้ึ ไป เก็บไวท้ ฝี่ ายเก็บกกั นา้ํ ซึ่งไดส้ รา้ งปดิ ก้ันรอ่ งนํา้ ตามช่องเขา ตา่ งๆ เปน็ ชนั้ ๆ ตามความเหมาะสม พรอ้ มกบั ตอ่ ทอ่ กระจาย น้าํ ไปตามลาดเขา เป็นการทดลองสรา้ งภูเขาป่าในระดับสงู ด้วยระบบนํ้าชลประทานท่ีบริเวณเขาเสวยกะปิแห่งน้ี ให้มี สภาพสมบูรณ์ และดำ�เนินการปลูกป่าประเภทไม้โตเร็ว คนกนิ ได้ สตั วก์ ินได้ ไมส้ วยงาม ตลอดจนไมท้ ำ�ฟนื บริเวณ ลาดเขาต่างๆ เม่ือสามารถปลูกป่าไม้ได้เจริญเติบโตได้ผล ดีแล้ว ก็ให้นำ�รูปแบบเดียวกันน้ีไปขยายผลการดำ�เนินงาน ไปยังภูเขาลูกอ่ืนๆ ก็จะช่วยให้พื้นท่ีมีสภาพป่าไม้ที่อุดม 24 สมบรู ณ์และมคี วามชมุ ชน้ื ตลอดไปด้วย...” เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ มนี าคม ๒๕๓๔ ณ โครงการพฒั นาหว้ ยลาน อันเนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ สรุปไดว้ ่า “...Check Dam มี ๒ อยา่ ง ชนดิ หนง่ึ สำ�หรบั ใหม้ คี วาม ชมุ่ ชน้ื รกั ษาความชมุ่ ชน้ื อกี อยา่ งสำ�หรบั ปอ้ งกนั ไมใ่ หท้ ราย ลงไปในอา่ งใหญ่ สำ�หรบั Check Dam ชนดิ ปอ้ งกนั ไมใ่ หท้ ราย ไหลลงไปในอ่างใหญ่ ความจริงจะตอ้ งทำ�ใหด้ แี ละลกึ เพราะ ทรายลงมาจะกกั เกบ็ ไว้ ถา้ ทำ�ตน้ื ทรายจะขา้ มไปลงอา่ งใหญ่
ได้ ถา้ เปน็ Check Dam สำ�หรับรกั ษาความชุ่มชื้นไมจ่ ำ�เปน็ 25 ตอ้ งขดุ ลกึ เพยี งแตก่ กั นา้ํ ไวใ้ หล้ งไปในดนิ แตแ่ บบกกั ทรายน้ี จะต้องทำ�ให้ลึกและออกแบบอย่างไรไม่ให้น้ําลงมา แล้วไล่ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื ทรายออกไป สำ�หรับ Check Dam ตวั ท่ี ๖ นี้ มิไดด้ ักทราย เท่าไหร่เพราะว่าไม่ได้ทำ�หน้าที่ดักทรายเท่าไหร่ และท่ีน้ี จะไมม่ ที รายเพราะวา่ อา่ งเกบ็ นา้ํ หว้ ยดอยโตนและอา่ งเกบ็ นาํ้ ห้วยป่าไร่ ซ่ึงเก็บนํ้าไว้สำ�หรับกิจกรรมศูนย์ประมงและ ป่าไม้นั้น จะช่วยดักตะกอนไว้ แล้ว Check Dam ตัวท่ี ๖ จึงทำ�หน้าท่ีสำ�หรับรักษาความชุ่มช้ืนของป่า และป้องกัน
จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา 26
ตะกอนในพ้ืนท่ีในกรณีที่มีการเกษตรเท่านั้น ส่วน Check 27 Dam ท่ีทำ�หน้าท่ีดักตะกอนทราย ได้แก่ Check Dam ที่ทำ� เหนืออา่ งเกบ็ นํ้าห้วยดอนโตนและหว้ ยป่าไร่...” ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื เมอ่ื วนั ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ ณ โครงการอนรุ กั ษแ์ ละ ฟ้ืนฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเน่ืองมาจาก พระราชด�ำ ริ จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ สรปุ ไดว้ า่ “...ให้สำ�รวจตรวจสอบพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะทำ� Check Dam ซง่ึ หากพิจารณาแลว้ เหน็ ว่ามีความเหมาะสมก็ ดำ�เนินการได้เลย...ถ้ามีฝนแล้งหรือเกิดน้ําท่วมก็พิจารณา หาแหล่งน้ําสัก ๑ จุด ซ่ึงจะใช้นํ้ามาเติม Check Dam ก็ได้ และเนื่องจากแม่นํ้ากุยบุรีเป็นแม่น้ําสายสำ�คัญ ปัจจุบันมี ปริมาณนํ้าน้อยและต้ืนเขินในฤดูแล้ง ควรมีการสร้างฝาย หรือเข่ือนเก็บกักนํ้า รวมถึงการขุดลอกหรือหาแนวทาง แก้ไขโดยวิธีอ่ืนเพ่ือให้มีนํ้าใช้ได้ตลอดปี เพ่ือใช้ประโยชน์ ทางการเกษตรและการใช้สอยของราษฎรในบริเวณลุ่มนํ้า ดงั กลา่ ว...” เมอ่ื วนั ที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๔๖ ณ โครงการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ การเก็บกักน้ําของอ่างเก็บน้ํายางชุมฯ อำ�เภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบครี ีขันธ์ สรุปไดว้ ่า
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา “...ให้พิจารณาก่อสร้างฝายต้นน้ํา (Check Dam) สระนํ้าขนาดเล็กตามลำ�ห้วยในพ้ืนที่เหนืออ่าง เพ่ือเก็บกัก 28 นํ้าไว้ใช้ ซ่ึงจะช่วยชะลอไม่ให้เกิดนํ้าท่วม เกิดความชุ่มชื้น และช้างมนี ํ้ากนิ ดว้ ย...” ฉะนนั้ จะเหน็ วา่ การกอ่ สรา้ งฝายตน้ นาํ้ ล�ำ ธาร หรอื Check Dam จึงเปน็ แนวทางหรอื วิธีหนง่ึ ในการฟนื้ ฟูสภาพป่าไม้บรเิ วณ ต้นน้ําลำ�ธารเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ และทำ�ให้เกิดความ หลากหลายทางชีวภาพ (Bio diversity) แก่สังคมของพืชและสัตว์ ตลอดจนน�ำ ความช่มุ ชืน้ กลับมาสู่แผ่นดนิ
ฝายตน้ น้าํ คืออะไร? 29 ฝายต้นน้ํา หรือฝายต้นนํ้าลำ�ธาร หรือฝายกั้นนํ้า หรือ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื ฝายแมว้ หรอื ฝายชะลอนาํ้ คอื สง่ิ เดยี วกนั เรยี กดว้ ยภาษาองั กฤษ Check Dam คือ สิ่งก่อสร้างขวางทางเดินของลำ�นํ้า ซ่ึงปกติ มกั จะกนั้ ล�ำ หว้ ย ล�ำ ธารขนาดเลก็ ในบรเิ วณทเ่ี ปน็ ตน้ นา้ํ หรอื พน้ื ที่ ทมี่ คี วามลาดชนั สงู ใหส้ ามารถกกั ตะกอนอยไู่ ด้ และหากชว่ งทน่ี าํ้ ไหลแรงกส็ ามารถชะลอการไหลของนา้ํ ใหช้ า้ ลง และกกั เกบ็ ตะกอน ไมใ่ หไ้ หลลงไปทบั ถมล�ำ นา้ํ ตอนลา่ ง ซง่ึ เปน็ วธิ กี ารอนรุ กั ษด์ นิ และ น้ําได้มากวธิ กี ารหนึง่ ประโยชนข์ องฝายต้นนา้ํ • ช่วยลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่า เน่ืองจากการ กระจายความชุ่มชื้นมากขึ้น สร้างระบบการควบคุมไฟป่า ด้วย แนวป้องกนั ไฟปา่ เปียก (Wet Fire Break) • ช่วยลดการชะล้างพังทลายของดิน และลดความ รุนแรงของกระแสน้ําในลำ�ห้วย ทำ�ให้ระยะเวลาการไหลของน้ํา เพิ่มมากขึ้น ความชุ่มช้ืนมีเพ่ิมขึ้นและแผ่กระจายความชุ่มชื้น ออกไปเปน็ วงกวา้ งในพน้ื ท่ที ้ังสองฝง่ั ของล�ำ ห้วย
• ชว่ ยกกั เกบ็ ตะกอนและวสั ดตุ า่ งๆ ทไ่ี หลลงมากบั นา้ํ ใน ล�ำ ห้วยไดด้ ี เปน็ การชว่ ยยดื อายแุ หลง่ นา้ํ ตอนลา่ งให้ตื้นเขินช้าลง คณุ ภาพของนา้ํ มตี ะกอนปะปนน้อยลง • ชว่ ยเพม่ิ ความหลากหลายทางดา้ นชวี ภาพใหแ้ กพ่ นื้ ที่ • ทำ�ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ํา และใช้เป็น แหล่งน้ําเพ่ือการอุปโภคบริโภคของมนุษย์ และสัตว์ป่าต่างๆ ตลอดจนมนี าํ้ ใชเ้ พื่อการเกษตรกรรมอีกด้วย รูปแบบและลักษณะของฝายต้นนาํ้ จากแนวพระราชดำ�ริเก่ียวกับการสร้างฝายชะลอความ ชุ่มชื้นเพ่ือสร้างวงจรน้ําแก่ป่าไม้ สามารถกระทำ�ได้ ๓ รูปแบบ 30 กลา่ วคือ จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา แบบท้องถ่ินเบ้ืองต้น เป็นการก่อสร้างด้วยวัสดุ ธรรมชาติทมี่ ีอยู่ เช่น ก่งิ ไม้ และทอ่ นไม้ลม้ ขอนนอนไพร ขนาบ
ด้วยก้อนหินขนาดต่างๆ ในลำ�ห้วยเป็นการก่อสร้างแบบง่ายๆ ก่อสร้างในบริเวณตอนบนของลำ�ห้วยหรือร่องนํ้า ซ่ึงจะสามารถ ดกั ตะกอน ชะลอการไหลของนาํ้ และเพมิ่ ความชมุ่ ชนื้ บรเิ วณฝาย ได้เป็นอย่างดี วิธีน้ีสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก หรืออาจจะไม่มี ค่าใชจ้ า่ ยเลย นอกจากแรงงานเทา่ นั้น แบบเรยี งดว้ ยหนิ คอ่ นขา้ งถาวร กอ่ สรา้ งดว้ ยการเรยี ง หนิ เปน็ ผนงั กนั้ นา้ํ กอ่ สรา้ งบรเิ วณตอนกลาง และตอนลา่ งล�ำ หว้ ย หรือร่องน้ํา จะสามารถดักตะกอน และเก็บน้ําในช่วงฤดูแล้งได้ เปน็ บางส่วน 31 ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นการก่อสร้างแบบถาวร ส่วนมากจะดำ�เนินการบริเวณตอนปลายของลำ�ห้วยหรือร่องน้ํา จะสามารถดักตะกอน และเก็บกักนํ้าในฤดูแล้งได้ดี ค่าก่อสร้าง จะมีราคาค่อนข้างสงู กวา่ แบบอืน่ ๆ การสร้างฝายตน้ นํ้า ทำ�อย่างไร? 32 การเลือกทส่ี รา้ งฝายตน้ น้ํา การเลอื กท�ำ เลส�ำ หรบั สรา้ งฝายตน้ นาํ้ ควรพจิ ารณาเลอื ก ใหเ้ หมาะสม ตามหลกั เกณฑ์ ดงั น้ี ๑. ทส่ี รา้ งฝาย ควรจะอยใู่ นตำ�แหนง่ ทสี่ ามารถเปน็ แหลง่ เกบ็ กกั นํา้ บรเิ วณด้านหน้าฝายได้พอสมควร ๒. บริเวณท่ีสร้างฝาย ควรมีตล่ิงของลำ�น้ําด้านข้างของ ตวั ฝายสงู มากพอทจ่ี ะไมท่ �ำ ใหน้ า้ํ ไหลทว่ มและกดั เซาะเปน็ รอ่ งนา้ํ ได้
๓. ควรสรา้ งในบรเิ วณล�ำ หว้ ยทม่ี คี วามลาดชนั ตา่ํ และแคบ เพอ่ื จะไดฝ้ ายในขนาดทไี่ มเ่ ลก็ เกนิ ไป อกี ทงั้ ยงั สามารถเกบ็ กกั นาํ้ และตะกอนได้มากพอควร สำ�หรับลำ�ห้วยที่มีความลาดชันสูง กค็ วรสร้างฝายให้ถีข่ ้นึ ๔. ควรสำ�รวจสภาพพ้ืนท่ี วัสดุก่อสร้างตามธรรมชาติ และรูปแบบฝายท่ีเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศมากท่ีสุด เช่น ควรพิจารณาสรา้ งฝายตน้ น้ําแบบท้องถ่ินเบ้ืองต้นในตอนบนของ พื้นที่ป่าหรือในลำ�ห้วยสาขา สำ�หรับตอนกลางหรือตอนล่างของ พื้นท่ีซ่ึงเป็นลำ�ห้วยหลัก ก็ควรจะกำ�หนดเป็นฝายแบบกึ่งถาวร หรอื ฝายแบบถาวร 33 ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ๕. ต้องคำ�นึงถึงความแข็งแรงให้มากพอที่จะไม่เกิดการ พงั ทลายเสยี หายกรณฝี นตกหนกั และกระแสนาํ้ ไหลแรง การเลอื ก ทำ�เลที่สร้างฝายบริเวณที่ผ่านโค้งของลำ�ห้วยมาเล็กน้อย หรือ บรเิ วณทม่ี ีตน้ ไม้ใหญห่ รอื กอไผ่อยบู่ รเิ วณริมหว้ ย จะเสริมให้ฝาย มคี วามมั่นคงแข็งแรงมากขน้ึ ไม่เกิดการพังทลายได้งา่ ย ๖. ขอ้ ส�ำ คญั อกี ประการหนงึ่ กค็ อื ฝายตน้ นาํ้ มไิ ดท้ �ำ หนา้ ที่ เปน็ ฝายทดน้าํ เพื่อสง่ นา้ํ เข้าสูพ่ น้ื ทีเ่ พาะปลูก ดงั นัน้ จุดทีจ่ ะสร้าง ฝายต้นน้ําจึงควรเป็นลำ�ห้วยท่ีมิได้มีน้ําไหลตลอดปี สภาพป่า มคี วามแหง้ แลง้ ซงึ่ จะตอ้ งฟน้ื ฟใู หเ้ กดิ ความชมุ่ ชน้ื และอดุ มสมบรู ณ์ ตอ่ ไป 34 ๗. การเลือกจุดที่ก่อสร้างฝายต้นน้ํา ปัจจัยสำ�คัญที่ควร คำ�นึงถึงคือ ประโยชน์ที่จะได้รับจากฝาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการ อนรุ กั ษต์ น้ นาํ้ ดา้ นการพฒั นาฟน้ื ฟปู า่ ไม้ ดา้ นนเิ วศวทิ ยา ตลอดจน ดา้ นชุมชน นอกจากน้ี การกำ�หนดพ้นื ท่จี ะก่อสร้างตอ้ งขึ้นอยกู่ ับ สภาพพ้นื ท่คี วามจ�ำ เปน็ และความเหมาะสมอื่นๆ อีกดว้ ย
การสำ�รวจรายละเอยี ดภูมิประเทศ 35 เม่ือเลือกทำ�เลที่จะสร้างฝายต้นน้ําได้เรียบร้อยจนพร้อม ที่จะเร่ิมงานออกแบบ และทำ�การก่อสร้างต่อไปได้แล้ว ขั้นตอน ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื ต่อไปก็ควรจะต้องทำ�การสำ�รวจรายละเอียดสำ�หรับใช้ประกอบ การออกแบบและประมาณราคางาน รายละเอียดภูมิประเทศท่ี สำ�คญั ได้แก่ ระดบั แสดงความสูงตํา่ ของพน้ื ท่ี ตน้ นํา้ ตามแนวฝาย และบรเิ วณทจี่ ะสรา้ งฝาย ซง่ึ ควรจะท�ำ การส�ำ รวจแลว้ เขยี นแผนท่ี แสดงดว้ ย ในแผนทดี่ งั กลา่ วควรจะแสดงรายละเอยี ดเกย่ี วกบั แนว และรูปร่างของทางนํ้าในบริเวณท่ีจะสร้างฝายให้ชัดเจน วิธีการ ส�ำ รวจและการจดั ทำ�แผนท่ี สามารถดำ�เนนิ การได้ ดงั น้ี
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ๑. เครื่องมือสำ�รวจท่ีจำ�เป็น ได้แก่ โซ่หรือเทปสำ�หรับ วดั ระยะทาง กลอ้ งสอ่ งระดบั หรอื กลอ้ งสอ่ งระดบั มอื ไมแ้ สดงระยะ 36 ส�ำ หรับใช้สอ่ งระดบั และเขม็ ทิศ ๒. การสำ�รวจบริเวณท่ีสร้างฝาย จะเริ่มด้วยการสร้าง หมุดหลักฐานสองหมุดไว้ที่สองฟากของลำ�น้ํา พร้อมท้ังกำ�หนด ค่าระดับสมมติท่ีหมุดหนึ่ง หาค่าระดับ แนว และระยะของอีก หมุดหนง่ึ เพื่อใช้ในการสำ�รวจตอ่ ไปเช่นกนั การสำ�รวจรายละเอียดบริเวณท่ีสร้างฝายท่ีสำ�คัญ ได้แก่ การสำ�รวจแนวและความกว้างของลำ�น้ํา และระดับความสูงต่ํา ของพ้นื ดินจากตล่งิ ทงั้ สองฝั่งลงมาจนถึงท้องล�ำ น้าํ
ในการสำ�รวจฝายต้นน้ํา ฝายแบบท้องถ่ินเบ้ืองต้นนั้น 37 อาจจะไม่จำ�เป็นท่ีจะต้องเขียนแผนที่บริเวณที่ก่อสร้างหรือระดับ อาจจะใช้การเดินสำ�รวจลำ�ห้วยหรือร่องนํ้าโดยราษฎร แล้วทำ� ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื แผนทีล่ ำ�หว้ ยบริเวณร่องนา้ํ (Mapping) แบบงา่ ยๆ แลว้ ก�ำ หนด จุดท่ีจะสร้างฝาย เพื่อให้ทราบตำ�แหน่งของตัวฝาย ความกว้าง และความสงู ของฝาย เนอื่ งจากฝายรปู แบบนจี้ ะกอ่ สรา้ งแบบงา่ ยๆ ใชว้ สั ดธุ รรมชาตทิ ม่ี อี ยู่ จงึ ไมต่ อ้ งค�ำ นงึ ถงึ เรอ่ื งการออกแบบมากนกั จะเน้นเฉพาะการก่อสร้างให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงเป็นหลัก ส�ำ หรบั รูปแบบฝายทีค่ อ่ นขา้ งถาวรและฝายแบบถาวร ซง่ึ จะตอ้ ง นำ�ผลการสำ�รวจรายละเอียดภูมิประเทศไปประกอบการคำ�นวณ ออกแบบ หลังจากท่ีได้มีการสำ�รวจรายละเอียดภูมิประเทศบริเวณ ที่จะก่อสร้างฝายต้นน้ําแล้ว ควรทำ�การศึกษาสภาพฐานรากของ ท้องลำ�ห้วยหรือร่องน้ําว่าตัวฝายอยู่บนฐานรากลักษณะใด การ ออกแบบโดยทั่วไปจะต้องคำ�นึงถึงความแข็งแรงของตัวฝาย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานให้มากท่ีสุด โดยเฉพาะ ฝายต้นนํ้าแบบท้องถ่ินเบ้ืองต้น ถึงแม้จะไม่มีการออกแบบตาม หลกั วชิ าการ กค็ วรจะมกี ารก�ำ หนดวธิ กี ารกอ่ สรา้ งใหใ้ ชง้ านไดน้ าน ท่ีสุดเท่าท่ีจะนานได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างน้อยท่ีสุด
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ด้วยเหตุน้ีการออกแบบฝาย จึงจะต้องมีการดำ�เนินงาน อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ เกดิ ประโยชนใ์ นการใชง้ านได้ มากทสี่ ดุ และมคี วามประหยดั เป็นหลกั เสมอ การออกแบบเพื่อ กำ�หนดขนาดของฝาย ไม่มี การกำ�หนดขนาดที่แน่นอน แต่ให้คำ�นึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 38 ๑. พ้นื ทรี่ ับนํ้าของแตล่ ะลำ�ห้วย/ฝาย ๒. ความลาดชนั ของพื้นที่ ๓. สภาพของตน้ นํ้าและการชะล้างพังทลายของดนิ ๔. ปรมิ าณนา้ํ ฝน ๕. ความกว้าง - ลึกของลำ�หว้ ย ๖. แหล่งวสั ดุธรรมชาติ ๗. วตั ถุประสงค์ของการก่อสร้าง
การประมาณราคา 39 ราคาก่อสร้างงานต่างๆ จะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายใน ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื การดำ�เนินงานก่อสร้าง ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีจะ ต้องจัดหามาใช้งาน การประมาณค่าก่อสร้างให้ถูกต้องและใกล้เคียงกับค่าใช้ จา่ ยจรงิ นนั้ จะตอ้ งอาศยั ประสบการณแ์ ละตอ้ งทราบหรอื เขา้ ใจถงึ องคป์ ระกอบตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วกบั การกอ่ สรา้ ง รวมทงั้ จะตอ้ งพจิ ารณา ถึงข้ันตอนว่าจะดำ�เนินการอย่างไร ผู้ก่อสร้างจะสามารถควบคุม การก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่กำ�หนดไว้ได้ใกล้เคียงมาก น้อยเพียงใด ฤดูกาลขณะที่จะทำ�การก่อสร้างจะเป็นอุปสรรคต่อ การก่อสรา้ งมากน้อยเพยี งไร อัตราคา่ แรง ค่าใช้จ่ายของช่างและ ผู้ควบคุมงาน ตลอดจนราคาวัสดุท่ีจะซื้อ รวมทั้งค่าขนส่งที่นำ� มายังบริเวณก่อสร้าง ความสามารถในการทำ�งานของผู้ปฏิบัติ งานแต่ละคน และพัฒนาความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องมือที่ จะใช้ทำ�งานอย่างละเอียด ซ่ึงเม่ือคำ�นวณปริมาตรงานต่างๆ ไว้ เรียบรอ้ ยแลว้ ก็จะทราบคา่ ก่อสรา้ งของงานแตล่ ะประเภทนนั้ ได้
ตัวอย่างต้นทนุ ในการกอ่ สร้างฝายต้นนา้ํ ลำ�ธาร (แบบท้องถิ่นเบอ้ื งตน้ ) ความยาวฝาย ตอ่ ๑ เมตร ท่ี รายการ หนว่ ย อตั รา จำ�นวน ราคา หมาย (บาท/หนว่ ย) ท่ีใช้ เหตุ ๑. งานขุดดนิ ด้วยแรงคน ลบ.ม. ๑๐๐.๘๘ ๐.๓๖ ๓๖.๓๒ ๒. งานดินถมบดอดั แน่น ลบ.ม. ๒๐๑.๗๕ ๑.๔๔ ๒๙๐.๕๒ ดว้ ยแรงคน ๓. ไมไ้ ผ่ ขนาด Ø ๒.๕ - ล�ำ ๒๕.๐๐ ๑๑.๐๐ ๒๗๕.๐๐ ๓ นวิ้ ความยาวทอ่ ละ ๕.๐๐ ม. จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา ๔. หินใหญ่ ขนาด Ø ลบ.ม. ๓๐๐.๐๐ ๐.๗๒ ๒๑๖.๐๐ ๐.๑๕ - ๐.๓๐ ม. 40 ๕. แผน่ พลาสตกิ ออ่ น เมตร ๑๖๐.๕๐ ๒.๐๐ ๓๒๑.๐๐ โพลไี วนิลคลอไรด์ สำ�หรบั กรแุ หล่งนํา้ ขนาดกวา้ ง ๑.๕๐ ม. หนา ๐.๕๐ มม. มอก. ๕๗๕ - ๒๕๒๘ ๖. ค่านาํ้ มันเช้ือเพลิงและ บาท - - ๒๘๔.๐๐ เบด็ เตลด็ อ่ืนๆ รวมทงั้ ส้ิน ๑,๔๒๒.๘๔ บาท
การขยายผลตามแนวพระราชดำ�ริ 41 ความสมบูรณ์ของป่าจะยังคงอยู่ได้ด้วยการดูแลรักษา ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื ซง่ึ ในอดตี การบกุ รกุ ท�ำ ลายปา่ ตดั ไม้ การท�ำ ไรเ่ ลอ่ื นลอย ไดท้ �ำ ให้ เกิดปัญหาใหญ่ที่ตามมา คือ การชะล้างพังทลายของหน้าดินที่ ขาดพืชปกคลุม เม่ือฝนตกลงมาการไหลบ่าของนํ้าฝนปริมาณ มากไม่มีสิ่งใดมาก้ันชะลอเอาไว้ ผิวหน้าดินซึ่งประกอบไปด้วย สารอาหารที่สมบูรณ์ จะถูกนํ้าฝนกัดเซาะพังทลายอย่างรุนแรง สรา้ งความเสยี หายใหก้ บั พน้ื ทเ่ี กษตรกรรมสง่ ผลใหร้ าษฎรเดอื ดรอ้ น รายได้น้อยลง คุณภาพชีวิตต่ําลง ดังเช่น ชาวบ้านโป่งนํ้าร้อน อำ�เภอเสริมงาม จังหวัดลำ�ปาง ได้คำ�นึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้ ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาพื้นที่ผืนป่าตามพระราชดำ�ริในพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น โดยมี อุปกรณ์ที่ใช้ทำ�ฝายที่สำ�คัญๆ ประกอบด้วยไม้ท่อนหรือไม้ไผ่ ขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ ๔ - ๖ น้ิว ไมไ้ ผข่ นาดเสน้ ผา่ น ศนู ยก์ ลางประมาณ ๓ - ๔ นว้ิ ทราย หิน กงิ่ ไม้ ใบไม้ ในพื้นที่ วิธีการดำ�เนินการโดยสำ�รวจ และคัดพ้ืนท่ีตอกหลักไม้ท่อนหรือ ไมไ้ ผข่ วางลำ�ห้วย ระยะหา่ งประมาณ ๑๕ - ๒๐ เซนติเมตร ยาว ประมาณ ๓.๐๐ - ๔.๐๐ เมตร นำ�ไม้ไผ่ผ่าครึ่งมาวางด้านหน้า หลกั ไม้ท่อนที่ตอกลงไป ต้ังแต่ดา้ นหลงั ของตวั ฝายขน้ึ ไปเรอ่ื ยถึง หน้าฝาย นําเศษไม้ ใบไม้ ทราย หรือวัสดุท่ีหาได้ในบริเวณน้ัน มาใสต่ ามช่องระหวา่ งไมไ้ ผ่ผ่าต้งั แตห่ ลงั ฝายถงึ หน้าฝาย
จอมปราช ์ญแห่งการพัฒนา จากพระราชดำ�ริที่ได้พระราชทานให้กับราษฎรได้มีการ ถา่ ยทอดความรใู้ นเรอ่ื งของการพฒั นาพนื้ ทตี่ น้ นา้ํ ล�ำ ธาร โดยฝาย ท้ังจากส่วนราชการและเอกชนที่ให้ความสนใจยังผลให้ปัจจุบัน ได้มีราษฎรจำ�นวนมากน้อมนำ�พระราชดำ�ริไปใช้ในแนวทางการ พัฒนาท้องถ่ินจนประสบความสำ�เร็จ อาทิ กลุ่มราษฎรอนุรักษ์ 42 ป่าบ้านสามขา อำ�เภอแม่ทะ จังหวัดลำ�ปาง ซ่ึงทำ�ให้พ้ืนท่ีป่าท่ี เคยแห้งแล้งได้กลับคืนความสมบูรณ์อีกครั้ง และผืนป่าแห่งน้ียัง เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำ�คัญให้กับเยาวชนและผู้สนใจทั่วไปได้นำ�ไป ประยุกต์ใช้ในพ้ืนท่ีของตน จึงนับได้ว่าฝายต้นนํ้ามีส่วนสำ�คัญ อย่างยิ่งในการพลิกผันความแห้งแล้งสู่ความชุ่มช้ืนให้กับชุมชน และภมู ิภาคของประเทศไทยในท่ีสุด กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำ�แนวพระราชดำ�ริและ ให้ความสำ�คัญในการดำ�เนินงานตามนโยบายรัฐบาล เพ่ือสร้าง
ความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่าท่ัวประเทศ โดยได้มอบหมายให้จังหวัด 43 ได้ประยุกต์ใช้การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพในภาคเอกชน มาใชก้ บั ภาครฐั ในสว่ นภมู ภิ าคระดบั จงั หวดั โดยปรบั บทบาทและ ชะลอนํ้า : เพิ่มความชุ่มช้นื ภารกจิ การบรหิ ารราชการสว่ นภมู ภิ าค “จงั หวดั ” ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ เปน็ เสมือนหน่วยงานธุรกิจเชงิ ยุทธศาสตร์ (Strategic Business Unit : SBU) ต้องบริหารงานให้สัมฤทธผิ ลทว่ี ัดได้ บรหิ ารเสมอื น ให้มีกำ�ไรเหมือนในภาคธุรกิจ มียุทธศาสตร์ชี้นำ�การพัฒนา ทำ�งานในเชิงรุกและมีการพัฒนาท่ียั่งยืน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการ น้อมนำ�พระราชดำ�ริและนโยบายรัฐบาลไปแปลงสู่การปฏิบัติให้ เกดิ ผลในพนื้ ท่ี ดังเห็นได้ว่า กระทรวงและกรมท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม และกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ร่วมกับจังหวัดได้ประสานและดำ�เนินการก่อสร้าง ฝายชะลอความชุ่มชื้นกว่าสี่หมื่นแห่ง ส่วนกระทรวงมหาดไทย ได้ดำ�เนินการรณรงค์และสนับสนุนการก่อสร้างฝายชะลอความ ชุ่มช้ืน ซึ่งสามารถดำ�เนินการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณจังหวัด แบบบูรณาการ งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ งบประมาณสว่ นราชการทเี่ กยี่ วขอ้ ง รวมจ�ำ นวนกวา่ เจด็ หมนื่ แหง่ ในพนื้ ทที่ ่ีมีความเหมาะสม ๖๒ จังหวัด ________________________
จอมปราชญแ์ หง่ การพฒั นา 44
หนงั สอื ชดุ จอมปราชญแ์ ห่งการพฒั นา เปน็ หนงั สือชุดจำ�นวน ๑๔ เลม่ ประกอบดว้ ย ๑. หลักการทรงงาน ๘. ชะลอนํ้า : เพ่มิ ความชุ่มชื้น ๒. รากฐานความมัน่ คงของมนุษย ์ ๙. กำ�แพงธรรมชาติท่ีมชี ีวติ ๓. นา้ํ คอื ชีวิต ๑๐. พลังงานสเี ขยี ว ๔. ปราชญแ์ หง่ ดิน ๑๑. จากนํา้ เสยี สนู่ ้าํ ใส ๕. รักษป์ า่ : รกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม ๑๒. พพิ ิธภณั ฑ์ธรรมชาติทมี่ ีชวี ติ ๖. วถิ ีแหง่ ดุลยภาพ ๑๓. ผลสำ�เรจ็ ส่ปู ระชาชน ๗. ทฤษฎีใหม่ ๑๔. พระเกยี รติเกรกิ ไกร จัดท�ำ โดย สำ�นักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน กปร.) เลขที่ ๒๐๑๒ อาคารสำ�นักงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๖ ถนนอรุณอมรนิ ทร์ แขวงบางยขี่ นั เขตบางพลดั กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๔๗-๘๕๐๐ โทรสาร ๐-๒๔๔๗-๘๕๖๒ www.rdpb.go.th คณะผูจ้ ดั ท�ำ เลขาธิการ กปร. ทป่ี รึกษา รองเลขาธกิ าร ๑. นายเฉลิมเกยี รติ แสนวเิ ศษ รองเลขาธิการ ๒. นายโกวิทย์ เพง่ วาณชิ ย์ ๓. หมอ่ มหลวงจริ พนั ธุ์ ทวีวงศ์ คณะท�ำ งาน รองเลขาธกิ าร ประธานคณะทำ�งาน ๑. นายสุวัฒน์ เทพอารักษ ์ ผู้อำ�นวยการสำ�นักประสานงานโครงการพื้นทภ่ี าคเหนือ ๒. นายปวัตร์ นวะมะรัตน ผูอ้ ำ�นวยการกลุ่มแผนงาน ๓. นางสุพร ตรนี รนิ ทร์ นักวิเคราะหน์ โยบายและแผน ชำ�นาญการพิเศษ ๔. นางศศิพร ปาณิกบุตร นักวเิ คราะหน์ โยบายและแผน ชำ�นาญการพิเศษ ๕. นายศุภรชั ต์ อนิ ทราวธุ นักวิเคราะหน์ โยบายและแผน ชำ�นาญการ ๖. นางกญุ ชัชญา ทองคำ� นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน ชำ�นาญการ ๗. นายอิทธิพล วรนชุ เจ้าหนา้ ที่วเิ คราะห์นโยบายและแผน ๘. นางสาวณัฐฤดี แสนทวีสุข เจ้าหน้าทว่ี ิเคราะหน์ โยบายและแผน ๙. นางสาวปุญชรัสม์ิ ราศร ี ภาพประกอบ ฝ า่ ยโสตทศั นศึกษา สำ�นกั ประชาสัมพนั ธ์ สำ�นักงาน กปร. พมิ พท์ ี่ บรษิ ทั อมรนิ ทร์พร้นิ ติ้งแอนดพ์ บั ลชิ ช่งิ จำ�กดั (มหาชน) ปที ีพ่ ิมพ์ ISBN 978-974-7569-10-0 ก มุ ภาพันธ์ ๒๕๕๕
จัดพิมพ์โดย ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นกั งาน กปร.) Office of the Royal Development Projects Board (Rdpb) เลขท่ี ๒๐๑๒ อาคารสำ�นักงานโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ ซอยอรุณอมรนิ ทร์ ๓๖ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยข่ี ัน เขตบางพลดั กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๔๗-๘๕๐๐ โทรสาร ๐-๒๔๔๗-๘๕๖๒ www.rdpb.go.th ISBN 978-974-7569-10-0
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: