ติวเข้ม O net get 100 ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย โดย True ปลูกปัญญา

• The sun rises in the east. เม่ือประธานเป็นคํานามเอกพจน์ หรือ he/ she/ it น้องๆ อย่าลืมเติม s หรือ es ท้ายกริยาด้วยนะคะ แต่ถ้า ประธานเป็นคาํ นามพหพู จน์ หรือ I/ we/ you/ they กรยิ าไม่ตอ้ งเติม s หรอื es เช่น • I study... แต่ He studies... • Teachers teach... แต่ My teacher teaches เมอื่ น้องๆ ตอ้ งการทาํ ใหเ้ ป็นประโยคคาํ ถามหรือปฏิเสธ ตอ้ งใช้ do/does เข้าช่วย เชน่ Do I/ we/ you/ they work? I/ we/ you/ they don’t work. Does he/ she/ it play? he/ she/ it doesn’t play. Present continuous เราใช้ Present continuous สาํ หรบั เหตกุ ารณท์ ก่ี าํ ลงั เกดิ ขน้ึ อยใู่ นขณะทพ่ี ดู หรอื ในชว่ งเวลาทใ่ี กลก้ นั หรอื เปน็ เหตกุ ารณช์ วั่ คราว และเหตกุ ารณ์น้นั ยังไมส่ นิ้ สดุ ซ่งึ จะเนน้ ความ ต่อเนอื่ งของเหตุการณ์ Past Present Future โครงสร้างประโยค คอื Subject + Verb to be (is/am/are) + V.-ing เช่น • I can’t understand them. What language are they speaking? • I am going to bed now. Goodnight! • I am staying at this apartment until I find the better one. เราจะใช้ continuous tense กบั กริยาทแี่ สดงการกระทาํ เทา่ น้นั คาํ กรยิ าบางคาํ ไม่แสดง การกระทาํ ไดแ้ ก่ know realize understand believe remember mean suppose hate love like prefer need want belong depend consist เช่น • Do you understand what I'm saying? • Are you understanding what I'm saying? 50 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

Present perfect เราจะใช้ Present perfect เมอ่ื พูดถึงเหตกุ ารณ์ / การกระทาํ ท่ีเกิดข้นึ ในอดตี และผลของเหตุการณน์ ้นั ยังคงดําเนินเรอ่ื ยมา จนถงึ ปจั จบุ ัน หรอื เปน็ เหตกุ ารณ์ที่เพ่ิงส้นิ สดุ ลงใหมๆ่ Past Present Future โครงสร้างประโยค คอื Subject + have/has + Verb 3 (ed) เช่น • We have been friends for 10 years. • She has drunk three cups of coffee today. • Have you ever been to Brazil? • She hasn’t finished her homework yet. TIP : เลก็ ๆ ทนี่ ้องๆ ควรรู้ ควรรู้ การใช้ for และ since ตา่ งกนั ตรงที่ for -- ตามด้วยผลรวมของระยะเวลาการกระทาํ / เหตุการณ์ since -- ตามด้วยจดุ เร่มิ ตน้ ของการกระทาํ / เหตกุ ารณ์ เช่น • I haven’t seen Tom for a week. • She has work at this company for a decade. • I haven’t seen Tom since last weekend. • She has work at this company since 2003. Present perfect continuous เราใช้ Present perfect continuous เพ่ือบอกว่าเหตกุ ารณ์ / การกระทําท่ีเกิดข้นึ ในอดตี แลว้ ดาํ เนนิ เรอื่ ยมาจนถึงปจั จบุ ัน และ มที า่ ว่าจะดําเนนิ ตอ่ ไปอกี ในอนาคต เพอ่ื เนน้ ถึงการกระทํา Past Present Future โครงสรา้ งประโยค คอื Subject + have/has + been + V.ing ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 51

เช่น • He has been working very hard. • How long have you been learning Chinese? • She’s still in a hospital. She hasn’t been working for a month. TIP : เล็กๆ Present perfect ใช้ต่างกับ Present perfect continuous ตรงที่ เหตุการณ์ของ Present perfect continuous อาจจะดําเนินต่อไปในอนาคต ในขณะที่ Present perfect เราจะเน้นที่ ผลของเหตุการณ์ที่ได้ จบลงไปแลว้ เชน่ • Chris has washed has car. It is very clean now. • Chris has been washing his car. You can see that his clothe is wet. • Pam has painted four artworks today. • Pam has been painting since this morning. She’s still painting. Past simple น้องๆ จะใช้ Past simple พดู ถึงเหตุการณ์ท่เี กิดขน้ึ และจบลงไปแล้ว หรอื เคยเกดิ ขน้ึ อยู่ตลอดเวลา หรือเกิดขึ้นเป็นประจาํ จน เป็นนสิ ัย เป็นกิจวัตรประจาํ วัน แต่ปจั จุบันไมไ่ ดท้ าํ แลว้ Past Present Future โครงสรา้ งประโยค คือ Subject + Verb 2 (ed) เช่น • My grandmother lived in England. • I film was fantastic. I enjoyed it very much. • He was elected to be a president in 1930. แตจ่ ะมกี ริยาทีเ่ ราเรยี กว่า Irregular verb กริยาเหลา่ นีน้ อ้ งๆ ต้องเปล่ียนรูปเม่อื เป็น past tense Irregular verb V.1 V.2 Meaning buy bought ซ้ือ catch caught จบั drink drank ด่ืม 52 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

fall fell ตก hurt hurt เจ็บ seek sought หา spend spent ใชจ้ า่ ย teach taught สอน throw threw ขวา้ ง write wrote เขียน เช่น • Ann spent a lot of money yesterday. She bought expensive clothes. • Sir Author Conan Doyle wrote more than 50 of novels and short stories. • He drank the water very quickly because he was thirsty. สําหรับประโยคคําถาม และประโยคปฏเิ สธเราจะใช้ “did / didn’t + infinitive” เชน่ A: Did you hang out with your friends last night? B: No, I didn’t. I watched my favorite TV series at home. A: How long did you stay at the hotel? B: Well I didn’t stay at the hotel. I slept over at my friend’s house. Past continuous เราจะใช้ Past continuous tense เพ่อื เลา่ ถงึ เหตกุ ารณท์ ่กี าํ ลงั เกดิ ขึ้น / ดาํ เนนิ อยู่ในอดีตเพื่อเนน้ ใหเ้ ห็นถึงความต่อเน่ืองของ เหตุการณ์ Past Present Future โครงสรา้ งประโยค คอื Subject + was/were + V.ing เช่น • Eric was playing computer games at 7pm last night. • We were having a meeting from 9-12am this morning. เมื่อน้องๆ ตอ้ งการพูดถึงเหตกุ ารณห์ น่งึ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในอดตี และมีอกี เหตุการณ์หนงึ่ เข้ามา แทรก / ขดั จังหวะเหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดข้ึน อยู่ก่อนแลว้ จะใช้ Past continuous และเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ แทรก / เปน็ เหตุการณ์ท่เี ข้ามาขดั จังหวะจะใช้ Past simple ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 53

Past Present Future ----- Past Con. ------ Past Sim. เชน่ • The light went off while I was reviewing my lesson. • They were watching television when Peter arrived. น้องๆ สังเกตไหมว่า หลงั “while” จะตามดว้ ย Past continuous และหลัง “when” จะตามดว้ ย Past simple นอกจากน้ี แลว้ เมอ่ื นอ้ งๆ ตอ้ งการพดู ถงึ เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ในอดตี พรอ้ มกนั ทง้ั 2 เหตกุ ารณน์ น้ั นอ้ งๆ จะตอ้ งใช้ Past continuous ทงั้ 2 เหตกุ ารณ์ Past Present Future ----- Past Con. ------ เช่น • While I was watching TV, my brother was reading a book. • She was washing dishes while we were cooking dinner. Past perfect เราจะใช้ Past perfect ในกรณีที่มเี หตุการณ์ 2 เหตกุ ารณ์ เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณท์ เ่ี กิดขึ้นและจบลงไปกอ่ นแล้วจะใช้ Past perfect และอกี เหตกุ ารณ์ที่เกิดขน้ึ ทีห่ ลังจะใช้ Past simple Past Present Future Past Perfect Past Sim. โครงสร้างประโยค คือ  Subject + had + Verb 3 (ed) เชน่ • When we arrived at the party, Simon had already gone home. • Patty refused to see the cinema with us because she had already seen that film • The girl sitting next to me when I went for skydiving was so nervous. She hadn’t done this extreme sport before. • I was so happy to see Jim at the airport. I hadn’t met him for several years 54 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

Past perfect continuous เราจะใช้ Past perfect ในกรณีทม่ี เี หตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกดิ ข้นึ ในอดตี โดยเหตุการณท์ เ่ี กิดขน้ึ และกําลังดําเนนิ อยู่น้นั กม็ ี เหตกุ ารณห์ นงึ่ แทรกเขา้ มาภายหลงั โดยเหตกุ ารณท์ ก่ี าํ ลงั ดาํ เนนิ อยกู่ อ่ นจะใช้ Past perfect continuous และอกี เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ แทรก เข้ามาภายหลงั จะใช้ Past simple Past Present Future Past Perfect Con. -- Past Sim โครงสร้างประโยค คือ Subject + had + been + V.ing เช่น • We were very exhausted at the end of the journey because we had been travelling for 10 hours. • He had been drinking alcohol for 10 years when he decided to quit it. • I had been playing football for half an hour when it started to rain. นอ้ งๆ บางคนอาจสบั สนการใช้ Past perfect continuous กบั past continuous ซ่ึงถ้าต้องการเนน้ ความต่อเนือ่ ง ของเหตกุ ารณเ์ ราจะใช้ Past perfect continuous แต่ถ้าไม่เน้นถงึ ความตอ่ เนอ่ื งสามารถใช้ Past perfect แทนก็ได้ เช่น • He had been waiting there for several hours. (รออยู่ – ไม่ไปไหนเลย) • He had waited there for several hours. (รออยู่ – อาจไปไหนกไ็ ด)้ Future simple เราจะใช้ Future simple กบั เหตุการณ์ / การกระทําทย่ี ังไมเ่ กิดขนึ้ แต่จะเกิดขน้ึ ในอนาคต (เป็นการคาดการณ์ / การตดั สนิ ใจ ณ ขณะท่พี ดู ) Past Present Future โครงสรา้ งประโยค คอื Subject + will + V.inf เช่น • Thank you so much for lending me your laptop. I will return it back to you within this Saturday. ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 55

• This is a secret between us. I promise I won’t well anyone. • When will you be here? I arrived. • I think I will walk to the grocery store. It isn’t far from here. TIP : เลก็ ๆ ทนี่ อ้ งๆ ควรรู้ เมื่อนอ้ งๆ พูดถึงส่ิงทไ่ี ดว้ างแผน เตรยี มการ หรือตดั สินใจไว้แลว้ ว่าจะ ทาํ นอ้ งๆ จะใช้ Subject + is/am/are + going to + V.inf เชน่ • I am goingto clean my house. It’s so dirty. • We are going to travel to Europe by train. It must be a great experience. Future continuous เราใช้ Future continuous เพอื่ บอกถงึ เหตกุ ารณ์ / การกระทาํ ทจี่ ะกาํ ลงั ดาํ เนนิ อยู่ ณ ชว่ งเวลาใดเวลาหนงึ่ ในอนาคตหรือ เป็นการคาดเดาเหตุการณ์ว่า ณ เวลานี้ในอนาคตกาํ ลังมเี หตุการณ์อยา่ งใดอย่างหน่ึงกาํ ลงั เกิดขึ้นอยู่ Past Present Future โครงสร้างประโยค คือ Subject + will + be + V.ing เช่น • Mary will be living in Washington DC this time next year. • The boys will be playing football tomorrow evening. • She won't be studying this Saturday morning. • Will you be using your car this evening? Can I borrow it? Future perfect เราใช้ Future perfect เพอื่ บอกถงึ เหตกุ ารณ/์ การกระทาํ จะเสรจ็ สมบรู ณใ์ นอนาคต ถงึ แมว้ า่ ในขณะทพี่ ดู เหตกุ ารณน์ นั้ ๆ อาจ จะยงั ไมเ่ กดิ กต็ าม Past Present Future 56 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

โครงสร้างประโยค คือ Subject + will + have + Verb 3 เช่น • By the end of next month, my father will have worked in this company for 15 years. • I will have finished lunch at 12.30. Come to see me at the cafeteria. • I won't have finished my report by the end of this week. There're tons of work I need to do. • Will Edward have gone home when I arrive at the party? Future perfect continuous เราใช้ Future perfect continuous เพ่ือบอกถึงเหตุการณ์ / การกระทาํ จะเสรจ็ สมบูรณใ์ นอนาคต และแสดงใหเ้ หน็ ถึงความ ตอ่ เน่ืงของเหตกุ ารณ์ ถึงแม้วา่ ในขณะทพี่ ูดเหตกุ ารณน์ ้ันๆ อาจจะยังไม่เกิดกต็ าม Past Present Future โครงสรา้ งประโยค คือ Subject + will + have + been + V.ing เชน่ • I will have been sleeping. • By next April, we will have been living here for five years. นอ้ งๆ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ได้ที่ Tag : สอนศาสตร์ ภาษาอังกฤษ โครงสรา้ งประโยค tense • 11 : Tenses & Voices http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-1 • Tense ตอนท่ี 1 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-2 • Tense ตอนท่ี 2 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-3 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 57

• Tense ตอนท่ี 3 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-4 • Tense ตอนที่ 4 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-5 ตัวอยา่ งแนวข้อสอบ Exercises 1 : เติมกรยิ าในรูป present simple หรือ present continuous ในชอ่ งวา่ ง 1. Patrick ..................... (look) for a place to live. He ...................... (stay) with her brother until he finds somewhere. 2. Come on! It’s time to leave. Everyone .................... (wait) for you. 3. It is a lovely day. The sun.................(shine) and the birds ...................(sing). 4. My family and I .....................(go) to the park every Sunday morning. Answer 1. Is looking, stays 2. Is waiting 3. Is shining, are singing 4. go Exercise 2 : เตมิ กรยิ าในรูป present simple, present continuous, past simple หรอื past continuous ลงในช่องว่าง 1. My friends and I usually ................ (play) badminton on Sundays but we ................. (not/play) last Sunday. 2. Let's find something to eat. I ................. (get) hungry. 3. Last night the bell .................. (ring) many time while I ................. (take) a shower. 4. Do you hear the noise? What .......................... (happen)? 5. What ............................... (you/do) at the time of the accident? Somebody saw you near where the accident happened. 58 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

Answer 1. Play, didn’t play 2. Am getting 3. Rang, was taking 4. Is happening 5. Were you doing Exercise 3 : เตมิ กริยาทีเ่ หมาะสมลงในช่องว่าง 1. I really want to see Kevin. It's a long time since I saw him/ that I didn't see him. 2. A: ................. (you/be) to New Zealand?  B: No, never. I wish I had a chance. 3. A: ................. (you/have) a nice holiday? B: Of course, it was amazing. 4. A: Can you describe the suspect that you saw? What.................. (he/wear)? B: A black jacket and jeans. 5. A: I love your house. It's very beautiful. How long....................... (you/live) here? B: Almost 10 years. Answer 1. Since I saw him 2. Have you (ever) been 3. Did you have 4. Was he wearing 5. Have you been living Exercise 4 : ใหน้ อ้ งๆเตมิ กรยิ าทเ่ี หมาะสมในชอ่ งวา่ งตอ่ ไปนโ้ี ดยใชP้ astcontinuous,past perfect หรอื past perfect continuous 1. Tom and Lily were good friends. They ............... (know) each other for many years. 2. I was sad when I lost my watch. I ................ (had) it for a long time. 3. The music performance ............. (play) for 30 minutes when the light went off. 4. My father ............. (be) so tired when he arrived home. He ................. (work) hard all day 5. When we left the gym, it ...............(not/rain) ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 59

Answer 1. Had known (เราจะไมใ่ ช้ had been knowing เน่อื งจาก know เป็นคาํ ท่ไี ม่เตมิ ing) 2. Had had 3. Had been playing 4. Was, Had been working 5. Wasn’t raining Exercise 5 : ให้นอ้ งๆ เตมิ กรยิ าที่เหมาะสมในชอ่ งว่างต่อไปน้ี โดยใช้ Future Continuous หรอื Future Perfect 1. A: ........................ (You/see) Paul tomorrow? B: Yes, why? 2. ...................... (I/finish) my homework by 10pm. You can phone me after that. 3. Laura came to study in Los Angeles nearly four years ago. By the end this year. ..................... (he/be) in Los Angeles for exactly four years. 4. A: will you be free tomorrow morning? B: I'm afraid not. ........................ (I/work). Answer 1. Will you be seeing 2. I will have finished 3. He will have been 4. I will be working นอ้ งๆ สามารถฝึกทำ� ขอ้ สอบเพมิ่ เตมิ ไดท้ ่ี • Tenses http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch4-6 60 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

บทท5ี่ Subject and Verb Agreement Subject and Verb Agreement ในประโยคภาษาองั กฤษ การใชป้ ระธานของประโยค (Subject) และการใชค้ าํ กรยิ าใน ประโยค (Verb) จะตอ้ งสอดคลอ้ งกนั กลา่ ว คือ ถ้าประธานเป็นเอกพจนก์ ริยาตอ้ งเป็นเอกพจน์ เชน่ เดยี วกนั แตถ่ า้ ประธานเปน็ พหูพจน์กรยิ าต้องเปน็ พหพู จนด์ ้วยซงึ่ ปัญหาสาํ หรับ นอ้ งๆ ในการทำ� ประโยค Subject and Verb Agreemsent คอื ไมแ่ นใ่ จว่าประธานของประโยคเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เชน่ government,committee เปน็ ไดท้ ง้ั เอกพจน์และพหพู จนซ์ งึ่ ขึ้นอยู่กบั การใช้ furniture, money เป็นคํานามนับไม่ได้ ดังน้ัน จงึ เป็นคํานามเอกพจน์ police, people เป็นคํานามพหูพจน์ เพราะฉะน้ันน้องๆจะต้องทําความเข้าใจเรื่องnounรวมท้ังข้อยกเว้น ตา่ งๆใหถ้ ่องแท้เสยี กอ่ นจงึจะสามารถใช้คาํ กริยาใหส้ อดคลอ้ งกับประธานไดอ้ ยา่ งถูกต้อง หลักการใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน 1. ประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเปน็ เอกพจน์ ประธานเปน็ พหูพจน์ กริยาเป็นพหพู จน์ เชน่ Jane lives in China. These children live in France. 2. กรณี ท่ีมปี่ ระธาน2ตวั เชอื่ มด้วย“and”โดยปกติถอื เป็นพหพู จนก์ ริยาจึงอยู่ในรูปพหูพจน์ เชน่ Jean and David are moving back to Australia. 3. กรณีทมี่ ่ีประธาน2ตัวเชอ่ื มดว้ย“and”แตน่ ํามาใชโ้ ดยคิดเป็นหน่วยเดยี วกนั ใช้กรยิ าเปน็ เอกพจน์ เช่น Bread and butter has been my breakfast for years. Honesty and truth is the best policy. Rice and curry is my daughter's favorite food. **แตถ่ ้าผพู้ ดูคิดวา่ แยกกันก็จะมคี วามหมายเปน็ พหูพจน์ เชน่ Rice and curry are what we have for lunch today. 4. ประธานทม่ี คี าํ นามมากกวา่ 1 และเชอื่ มดว้ ย “and” หากเปน็ คนหรอื สงิ่ เดยี วกนั จะมี article ทป่ี ระธานตวั หนา้ แหง่ เดยี วเทา่ นน้ั เช่น The manager and owner of this restaurant is my friend. (manager and owner = คนเดยี วกนั แต่มี 2 ตําแหนง่ ) The black and white cat under the table is my cat. (black and white cat = แมวตัวเดยี ว แตม่ ี 2 สี) ระวัง!!! หากเป็นคนละคนกันจะมี article ทหี่ น้าคาํ นามทง้ั สอง เชน่ The manager and the owner of this restaurant are my friends. ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 61

(manager and owner = คน 2 คน คนหนงึ่ เปน็ ผจู้ ดั การ อกี คนหนง่ึ เปน็ เจ้าของ) The black and the white cat under the table are my cats. (black cat and white cat = แมว 2 ตัว ตวั หน่ึงสีดําอีกตวั หนึ่งสขี าว ) 5. ประธานท่ีมวี ลหี รือคําขยายต่อไปน้ตี ่อท้ายจะใชก้ ริยาทเี่ ป็นเอกพจน์หรอื พหพู จน์น้ันจะต้องยดึ เอาประธาน / คาํ นามทอี่ ยขู่ ้าง หนา้ เปน็ หลัก accompanied by (พร้อมดว้ ย) along with (พร้อมด้วย) as well as (เช่นเดียวกับ) besides (นอกจาก) but (ยกเว้น) except (ยกเวน้ ) excluding (ไม่นับ) in addition to (นอกจาก) in company with (พร้อมด้วย) including (รวมทงั้ ) like (เชน่ เดียวกบั ) not (ไมใ่ ช)่ plus (รวมทั้ง) together with (พร้อมด้วย) with (พรอ้ มกบั ) เชน่ Some people including my brother find cricket boring. John together with his colleagues has agreed to work late tonight. 6. ประโยคหรอื วลีทขี่ ยายประธาน ไมม่ ผี ลต่อการใชก้ ริยาของประธาน เชน่ John, with all his players, was on the field. Mr. Clark, like our other neighbors, is very helpful. 7. คาํ ต่อไปน้ีถอื เปน็ เอกพจน์ เม่ือมาเปน็ ประธานของประโยค ตอ้ งใช้กรยิ าเอกพจนเ์ สมอ  ได้แก่ anybody everybody someone anyone everyone somebody anything everything something anywhere everywhere somewhere each + singular N. either + singular N. neither + singular N. each of + Plural N. either of + Plural N. neither of + plural N. เชน่ Is there anybody here who could speak Japanese? Each of the lessons takes an hour. Somebody is in the room. Neither of my sisters is married. Either of us is to clean up the house after the party tonight. 62 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

8. ประธานซึ่งเชอ่ื มด้วยคาํ ตอ่ ไปน้ี กริยาถอื ตามประธานตัวหลัง or neither... nor either....or not only......but also เชน่ Neither the Priminister nor his representatives are to attend the meeting. Either the teachers or the principal is to blame for the accident. Not only Jim but also his friends are coming to the party tonight. ** หมายเหตุ ในกรณปี ระธาน 2 ตัว นิยมเอาประธานท่ีเป็นพหูพจนไ์ วข้ า้ งหลังมากกวา่ 9. คาํ Indefinite Pronouns ตอ่ ไปนถ้ี า้ ใช้แทนคํานามนบั ได้ ถือเปน็ พหพู จน์เสมอ all both (a) few many severa some เช่น All were ready to leave the party by midnight. Few were in the audience to see the horrible play. Many were invited to the lunch but only twelve showed up. 10. การใช้วลีบอกปริมาณ 10.1 วลบี อกปริมาณต่อไปน้ีถ้าตามดวย้ นามเอกพจ์นต้องใชก้ รยิ าตอ้ งใช้เอกพจน์ถ้า ตามด้วยนามพหพู จนก์ รยิ า ต้องใช้พหพู จน์  a lot of plenty of most of some of lots of all of none of percent of เชน่ I think a lot of English wine is too sweet. A lot of people are in the room. Some of my jewelry is missing. Ten percent of the men have lung problems. 10.2 วลีบอกปริมาณตอ่ ไปน้ใี ชกบั คํานามนับได้ที่เปน็ พหูพจนแ์ ละกริยากต็ ้องเป็น พหพู จน์ตามดว้ ยซง่ึ ได้แก้คา่ํ วา่ a number of many a large number of a good many a great number of a great many ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 63

เชน่ A number of students are playing football. A large number of tourists get lost because of that sign. There are still a large number of problems to be solved. 11.วลีบอกปริมาณตอ่ ไปน้เี ม่อื ใช้กับนามนับไมไ่ ด้กริยาตอ้ งใช้รปู เอกพจน์ตลอดไป much a large number of a great deal of a large amount of a good deal of a large quantity of เช่น A large amount of money was stolen from the bank. TIP : เล็กๆท่ีนอ้ งๆควรรวู้ ลบี อกปริมาณถ้าตามดว้ ยนามพหูพจนแ์ ละใชก้ รยิ าเอกพจน์ เชน่ The number of students in the class is limited to twenty. 12. ประโยคทีม่ ี who, which, that เป็น Relative Pronoun กริยาของ Relative Pronoun จะใช้รปู ของเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ ถอื เอาตามคาํ ท่ีมนแั ทนซึ่งอย่ขู า้ งหนา้ who,which,that เช่น He is one of my friends who are millionaires. (who = my friends) That girl who wears pink dress is my younger sister. (who = girl) 13. ประธานทีข่ นึ้ ตน้ ดว้ ย Infinitive Phrase (วลที นี่ าํ หนา้ ดว้ ย to) หรือ gerund (ing) ถอื วา่ เป็น เอกพจน์ กริยาตอ้ งเปน็ รปู เอกพจน์ เชน่ To see is to believe. Winning the national championship is her most important achievement. 14. จํานวนเงินหรอื มาตราตา่ งๆ ถอื เป็นเอกพจน์ เช่น Twenty thousand bahts is too high for this camera. Two hundred miles is a long way. 15. เศษสว่ นของคาํ นามพหูพจน์ ใช้กริยาเปน็ พหพู จน์ เศษส่วนของคํานามเอกพจน์ ใชก้ รยิ าเปน็ เอกพจน์ เช่น Two-thirds of the boys are absent. Two-thirds of the wall has been painted. 16. ช่อื หนังสือหรอื บทความเปน็ เอกพจน์ เชน่ Gulliver's travels was written by Swift. 64 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

น้องๆ สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ ได้ท่ี Tag :สอนศาสตร์ ภาษาอังกฤษ subject and verb agreement, verb agreement • 13 : Subject & Verb Agreement http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch5-1 • Element of sentence & Agreement of subject and verb ตอนท่ี 1 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch5-2 • Element of sentence & Agreement of subject and verb ตอนที่ 2 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch5-3 • Element of sentence & Agreement of subject and verb ตอนท่ี 3 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch5-4 น้องๆ สามารถฝึกท�ำข้อสอบไดท้ ี่ Tag :สอนศาสตร์ ภาษาองั กฤษ subject and verb agreement, verb agreement • Verb Agreement http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch5-5 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 65

บทท่6ี Active and Passive Voice Active and Passive Voice Voice (วาจก) คือ รูปของคํากริยาที่แสดงใหร้ วู้ ่าประธานของประโยคเป็นผูก้ ระทํากรยิ าอาการนน้ั เอง หรอื ว่าเปน็ ผูถ้ ูกกระทาํ ในภาษาองั กฤษแบง่ Voice ออก เปน็ 2 ประเภท คอื 1. Active Voice หมายถึง “ประธาน” เปน็ ผู้ทํากระทาํ กรยิ านัน้ โดยตรง เช่น She kicks the ball. The dog buried the bone. 2. Passive Voice หมายถงึ “ประธาน” เป็นผู้ถกู กระทาํ โดยผู้อ่นื เช่น The ball is kicked by her. The bone was buried by the dog. โครงสร้างของ Passive Voice จะมีลกั ษณะคลา้ ยกับโครงสร้างของActive Voice ตา่ งกันตรงท่ี Passive Voice จะต้องอยูใ่ น รปู ของ “Verb to be + Verb 3” แบ่งออกเปน็ 12 tenses ดังต่อไปนี้ Tenses of Passive Voice Structures  Present Simple Subject + is/am/are + V.3 Present Continuous Subject + is/am/are + being + V.3 Present Perfect Subject + have/has + been + V.3 Present Perfect Continuous Subject + have/has + been + being + V.3 Past Simple Subject + was/were + V.3 Past Continuous Subject + was/were + being + V.3 Past Perfect Subject + had + been + V.3 Past Perfect Continuous Subject + had + been + being + V.3 Future Simple Subject + will + be + V.3 Future Continuous Subject + will + be + being + V.3 Future Perfect Subject + will + have + been + V.3 Future Perfect Continuous Subject + will + have + been + being + V.3 66 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

น้องๆ พอคนุ้ เคยกบั หน้าตาโครงสร้างของ Passive Voice แล้ว อีกเรอื่ งท่นี ้องๆ ควร จะตอ้ งร้เู ก่ียวกับ Passive Voice คือกฏ การเปลี่ยนโครงสรา้ งจาก Active Voice เป็น Passive Voice ซึ่งนอ้ งๆ จะเจอบอ่ ยในขอ้ สอบ 1. ประโยคทีจ่ ะสามารถเปลี่ยนรปู เปน็ Passive Voice ได้นน้ั จะต้องมี “กรรม” (Object) 2. ดังน้ัน!!! กลุ่มกริยาท่ีไม่ต้องการกรรม (Intransitive Verbs) ทั้งหลายก็ไม่สามารถทําเป็น Passive ได้เช่น arrive, agree, appear, belong, become, collapse, cost, depend, remain, sit, sleep, stand, stay,  happen, swim, vanish, wait เป็นต้น เชน่ - The earthquake happened so suddenly that no one could possibly escape. - The earthquake was happened so suddenly that no one could possibly escape. 3. หลักการใช้ Preposition - By VS. With >> By + ผู้กระทํา **แต*่ * With + เคร่ืองมือ เช่น The glass was broken by a thief with a large hammer. 4. ถ้าประโยค Active Voice มีกรรมสองตวั นยิ มเอากรรมรองขนึ้ เป็นประธาน **กรรมตรงคอื “สิ่งของ” แต่ กรรมรองคือ “คน” ** แต่จะเอากรรมตรงข้นึ เป็นประธานของประโยคกไ็ ด้ แต่ตอ้ งใส่ Prepo. “TO” ดว้ ยเสมอ เช่น (S.) (V.) (กรรมรอง) (กรรมตรง) - President Obama has given the brave soldiers the tokens of appreciation. เปลย่ี นเป็นรปู ประโยค Passive ไดส้ องแบบคอื ... 4.1 กรรมรองขน้ึ >> The brave soldiers have been given the tokens of appreciation by President Obama. 4.2 กรรมตรงขึ้น >> The tokens of appreciation have been given to the brave soldiers by President Obama. 5. ในกรณีที่ประโยคนั้นมี Helping Verb ใช้โครงสร้าง Helping Verb + Be + V.3 - Anyone can eat these cookies. >> These cookies can be eaten by anyone. 6. ถา้ ในประโยคมี Infinitive ให้เปลี่ยน Infinitive เปน็ To Be + V.3 - I want him to do this report by himself. - I want this report to be done by himself. 7. กรณที ่โี ครงสรา้ ง Active Voice เป็น Infinitive without To ในโครงสรา้ ง Passive Voice ให้ ถือซะว่าเปน็ Infinitive with To - I noticed your boyfriend have a dinner with another girl yesterday. - Your boyfriend was noticed to have a dinner with another girl yesterday. 8. ถ้าในประโยคมี “There” ใหใ้ ช้โครงสร้าง It + is / was / + V.3 that there is / are... - There was said to be a long-awaited change in the army's thinking about Afghanistan. >> It was said that there is a long-waited change in the army's thinking about Afghanistan. ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 67

9. ถ้าในประโยคมี Participle วิธกี ารคอื ให้เอา “กรรม” ของ Present Participle ใน Active Voice ไปเป็นกรรของ กรยิ าหลกั ในประโยค Passive Voice ดูตัวอยา่ งกนั เช่น - I saw David killing ants in the field >> I saw ants in the field killed by David. - I saw Mary drawing a picture so beautifully. >> I saw a picture drawn so beautifully by Mary. 10. ในกรณที ่ี Object ของประโยคใน Active Voice เปน็ Noun Clause วิธีการเปลยี่ นเปน็ Passive Voice มีดว้ ย กันสองรปู แบบคือ... - I believe that drinking 8 glasses of water a day is beneficial to the body. >> It was believed that drinking 8 glasses of water a day is beneficial to the body. >> That drinking 8 glasses of water a day is beneficial to the body was believed. ** หมายเหตุ การเขียนแบบแรกจะเป็นท่ีนยิ มและฟังดรู น่ื หกู ว่าแบบท่สี อง 11. บางครัง้ อาจใชก้ รยิ า Get แทน Be ในประโยค Passive ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั ยกตัวอย่าง เช่น... - There was a bomb yesterday, but nobody got hurt. (= Nobody was hurt) - Has she got bored from the new job yet? (= Has she been bored....?) ถ้าถามว่าในกรณไี หนบ้างทสี่ ามารถใช้ Get แทน be ได้ อาจจะสามารถพูดรวมๆไดว้ า่ จะต้องเปน็ กรณที พ่ี ดู ถึงส่ิงท่ีเกิดข้ึนต่อบุคคลหรือสิ่งหน่ึงสิ่งใดซ่ึงเป็นการแสดงความบังเอิญ ประหลาดใจ ไม่มีการวางแผนไว้ก่อน ท้ังน้ีน้องๆ ก็ต้องสังเกตุลักษณะการใช้จากสถานการณ์ต่างๆเพ่ือให้ ภาษาอังกฤษของเราเป็นธรรมชาติเหมือน เจ้าของภาษา - When she was crossing the road, she suddenly got hit by a truck. อย่างไรกต็ าม สําหรับสถานการณ์ชนดิ อนื่ ๆนน้ั ตามปกตแิ ลว้ จะไม่นยิ มใช้ Get ใน Passive Voice - Jessica gets liked by her classmates. >> Jessica is liked by her classmates. 12. สาํ นวน Be Supposed to = ใช้ในการพดู ว่าไดเ้ ตรียมการหรอื วางแผนอย่างไรเอาไว้ ซงึ่ อาจจะแตกต่างจาก การเกดิ ขึ้นตามความเปน็ จริงกไ็ ด้ เชน่ - The plane is supposed to land at 11.30, but it is 30 minutes delayed. (หมายถงึ เครอ่ื งบินควรจะถึงตอนเวลา 11.30 แตค่ วามเปน็ จรงิ คือลา่ ช้า 30 นาที) - You were supposed to be at school by now. (You should have been at school. Why are not you at school now?) - Passengers are not supposed to bring drink or food into the station. (Passengers should not bring drink or food into the station.) ขอ้ ควรระวัง! Suppose to จะใช้ในรูป Passive Voice เสมอๆในโครงสร้าง Be supposed to จะไม่สามารถใช้ในรูป Active Voice ได้ อย่างไรก็ตาม Suppose ใช้ในรูป Active voice จะเป็นอีกกรณีในการใช้คําจะให้ความหมายว่าสมมุติ เดา คาดว่า หรือ ทกึ ทักเอาเอง เช่น - He sure was drunk last night I suppose. (ฉันคาดวา่ เมือ่ คนื เขาตอ้ งเมาแนๆ่ ) ชวนให้ร!ู้ น้องๆ เคยสังเกตุป้าย Open และ Closed ที่ห้อยกันอยู่ ตามกระจกบานประตูของร้านอาหารต่างๆทั้งใประเทศ ไทยเราเอง รวมถึงตา่ งประเทศ ด้วยกันบา้ งไหม สงั เกตไหมว่าคาํ วา่ Closed มกั จะอยู่ในรปู กรยิ าช่องที่ 3 ซึง่ ย่อมา จาก “The restaurant/shop is closed.” แต่ในขณะเดียวกันทําไมคําว่า Open ถึงไม่เขียนอยู่ในรูปเดียวกันเป็น 68 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

Opened ทัง้ นี้ก็เพราะคําว่า Open ในกรณที ีอ่ ยูใ่ นป้ายแปะหนา้ กระจก ฝรงั่ เขาใช้เป็นการบ่งบอกสภาพว่า “ร้านกําลังเปิดอยู่” โดยที่คําว่า Open เป็น คาํ คณุ ศพั ท์ (Adjective) ลองมาดตู วั อยา่ งเปรยี บเทียบกัน >> The restaurant is open >> เปน็ Adjective บอกสภาพว่ากาํ ลัง เปดิ ให้บรกิ ารอยู่ >> The restaurant is opened >> เปน็ Passive Voice บอก Action วา่ ร้าน “ถกู ” เปดิ อนงึ่ คาํ วา่ Close นนั้ นยิ มใช้อยใู่ นโครงสร้าง Passive Voice น้นั ก็ คอื The restaurant is closed เพราะจะได้เห็นภาพวา่ รา้ นได้ “ถกู ” ปิด ไมม่ ี การให้บริการแล้วและจะเปิดให้บริการอีกทีในวันถัดไป ท้ังนี้ของแบบน่ี้ก็ เปน็ การใช้ภาษาตามความรสู้ ึกของตวั เจา้ ของภาษาน่ันเอง นอ้ งๆ สามารถศึกษาเพ่ิมเติมไดท้ ี่ • TOEIC - การผนั กรยิ าตามรปู ประโยค Tag : voice, active, passive, วาจก active/passive http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch6-1 บนั ทึกช่วยจำ� ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 69

บทท่7ี Direct and Indirect Speech Direct and Indirect Speech Direct and Indirect Speech คือ วิธีการนําเอาคําพูดท่ีได้ยินมากล่าวถึงอีกครั้งในภาษาอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ 1. Direct Speech คอื การยกคําพดู จรงิ ๆ ของผู้พดู ทงั้ หมดมาเล่าให้ฟงั โดยไม่มีการ เปลย่ี นแปลง และนําเอาคาํ พดู นน้ั ๆ มา ใสใ่ นเครอื่ งหมายคําพดู (Quotation Marks (“...”)) และมี comma (,) ค่นั กลางระหว่างประโยคทย่ี กมาพูดถงึ กับประโยคหลกั และประธานท่ี อย่ใู นเครอื่ งหมายคําพดู จะต้องเป็นตัวใหญ่เสมอ เชน่ He said, “I will clean the house.” “My name is Mike”, he said. 2. Indirect Speech (Reported Speech) คือ การนําคําพูดของคนหนึ่งมาเล่าให้อีกคน หน่ึงฟัง หรือเป็นการดัดแปลง ค�ำพดู ของผ้อู นื่ มาเลา่ ในเชิง ทเ่ี ป็นคาํ พูดของตนเอง ดงั นัน้ จึงไม่มีเคร่อื งหมายคาํ พดู (“.....”)อยใู่ นประโยค เช่น He said he would clean the house. He said his name was Mike. Indirect Speech สามารถแบ่งออกได้เปน็ 3 ประเภท ดังน้ี 1. Indirect Speech – Statement คือ ประโยคที่นําเอาคําพูดของคนหนึ่งมาเล่าให้อีกคนหน่ึงฟัง ให้อยู่ในรูปของ ประโยคบอกเลา่ หรือประโยคปฏิเสธ หลักการเปลี่ยนจากประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech 1. นาํ เครอ่ื งหมายคําพดู (Quotation Marks (“...”)) และ comma (,) ออก 2. เปล่ยี น says เป็น says that say to เป็น tell said เป็น said that said to เปน็ told 3. เราสามารถทีจ่ ะเตมิ “that” หลัง Reporting Verbs หรอื ไมก่ ไ็ ด้ 4. เปลย่ี นสรรพนามใหส้ อดคล้องกับประธานหลักของประโยค 5. เปล่ียนคาํ ระบุเวลาต่างๆ และ เปลี่ยนคาํ ทเี่ ปน็ ระยะ ใกล้ ให้เปน็ ไกล เชน่ He said, “I bought this house 2 years ago.” He said (that) he bought that house 2 years before. 70 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

ตารางเปรียบเทียบคําบอกระยะเวลา  Direct Speech Indirect Speech ago before, earlier a year/month before, the previous year/month a year/month ago the...before, the previous... last... (night/week/moth/year) the following... next... (night/week/moth/year) then, at that time two days before now later in two days time, two days late the day before yesterday the day after tomorrow that day the following day, the next day today tomorrow that night tonight the day before, the previous day yesterday here here those these that this 6. เปล่ยี น Tense ให้เข้ากบั Reporting Verbs ซงึ่ มีวธิ กี ารเปลี่ยนดงั นี้ 6.1 หากกริยาใน Direct Statement อยู่ในรปู ของ Present Tense เราไมจ่ ําเป็นต้องเปลยี่ นแปลง Tense ใน Indirect Statement อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเปลย่ี นรูปกริยาตามประธานในประโยคนน้ั ๆ เช่น He says, “I like you.” He says (that) he likes me. 6.2 หากกรยิ าใน Direct Statement อยู่ในรปู ของ Past Tense เราจะต้องเปลย่ี นแปลง Tense ใน Indirect Statement ดังนี้ ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 71

Direct Speech Indirect Speech Present simple Tense Past simple Tense Present continuous Tense Past continuous Tense Past simple Tense Past perfect Tense Past Continuous Tense Past Perfect Continuous Tense Present perfect Tense Past perfect Tense Future simple Tense (will) Future in past forms Tense (would) Can Could May Might Shall Should Must Had to • เปลี่ยนจาก Present Simple Tense เปน็ Past Simple Tense เชน่ Direct : Sarah said, \"I like Science.\" Indirect : Sarah said (that) he liked Science. • เปลยี่ นจาก Present Continuous เปน็ Past Continuous เช่น Direct : She said, \"I am not shouting.\" Indirect : She said (that) she was not shouting. • เปล่ยี นจาก Present Perfect Tense เปน็ Past Perfect Tense เชน่ Direct : John said, \"I’ve finished my homework.\" Indirect : John said (that) he had finished his homework. • เปลย่ี นจาก Past Simple Tense เป็น Past Perfect Tense เช่น Direct : Jake said, \"I cleaned the kitchen.\" Indirect : Jake said (that) he had cleaned the kitchen. • เปลี่ยนจาก will เป็น would เชน่ Direct : I said, \"I will wait for you.\" Indirect : I said (that) I would wait for you. • เปล่ียนจาก shall เปน็ should เช่น Direct : They said, \"We shall go to the supermarket.\" Indirect : They said they should go to the supermarket. • เปลย่ี นจาก can เป็น could เชน่ Direct : George and Sarah said, “We can help you.\" Indirect : George and Sarah said they could help me. • เปลีย่ นจาก may เป็น might เชน่ Direct : He said, \"I may not be home tonight.\" Indirect : He said (that) he might not be home tonight. 72 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

• เปลีย่ นจาก must เปน็ had to เช่น Direct : The doctor said, \"You must stop smoking.\" Indirect : The doctor said (that) I had to stop smoking. 2. Indirect Speech – Commands, Request or Suggestions คอื ประโยคทนี่ าํ เอาคาํ พดูของคนหนง่ึ มาเลา่ ใหอ้ ีกคนหนง่ึ ฟังใหอ้ ยใู่ นรปู ของประโยคคําสง่ั ประโยคขอรอ้ ง หรอื ประโยคทใี่ ห้คาํ แนะนํา หลักการเปลี่ยนจากประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech แบ่งได้ ดังนี้ 1. เปล่ียนกริยาหลกั ใหเ้ ปน็ คําดงั ตอ่ ไปน้ี โดยเปล่ียนรปู คําใหเ้ ข้ากับ Tense น้นั ๆ ask / asked (ขอรอ้ ง) order / ordered (สง่ั ) advise / advised (แนะนาํ ) propose / proposed (เสนอแนะ) beg / begged (วงิ วอน อ้อนวอน) request / requested (ขอร้อง) command / commanded (ส่งั ) forbid / forbade (ส่ังห้าม) tell / told (บอก) warn / warned (เตือน) 2. ใช้คาํ วา่ “to + V.1” เพือ่ บอก สง่ั ให้ทํา / แนะนํา “not to + V.1” เพ่ือบอกส่งั ไมใ่ ห้ทาํ / แนะนํา 3. ถา้ ประโยค Direct Speech น้ันไม่มีกรรม ใหเ้ ตมิ กรรมลงไปในประโยค Indirect Speech ด้วย 4. หากมคี าํ ว่า “please” ในประโยค Direct Speech ให้ตดั ทงิ้ ตัวอยา่ งการเปลีย่ นประโยค Direct Speech เปน็ Indirect Speech ask / asked (ขอร้อง) Direct Speech : He asked, “Please let me go to the party.” Indirect Speech: He asked me to let her go to the party. advise / advised (แนะนํา) Direct Speech : Mom advised, “Don’t get married.” Indirect Speech: Mom advised me not to get married. beg / begged (วิงวอน อ้อนวอน) Direct Speech : He begged, “Please, don’t leave me alone.” Indirect Speech: He begged her not to leave him alone. command / commanded (ส่งั ) Direct Speech : The police said, “Stop the car!” Indirect Speech: The police commanded her to stop the car. forbid / forbade (ส่งั ห้าม) Direct Speech : He said, “Please, do not touch it.” Indirect Speech: He forbade me not to touch it. order / ordered (สัง่ ) Direct Speech : The teacher said, “Be quiet!” Indirect Speech: The teacher ordered us to be quiet. propose / proposed (เสนอแนะ) Direct Speech : He said, “You should read more books.” Indirect Speech: He proposed me to read more books. ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 73

request / requested (ขอร้อง) Direct Speech : The teacher said, “Please, listen to me.” tell / told (บอก) Indirect Speech: The teacher requested us to listen to her. Direct Speech : He said, “Please, do not touch it.” warn / warned (เตอื น) Indirect Speech: He told me not to touch it. Direct Speech : He said, “Be careful!” Indirect Speech: He warned me to be careful. 3. Indirect Speech–Question คือประโยคที่น�ำเอาคําพดู ของคนหน่ึงมาเลา่ ให้อีกคนหนึง่ ฟังให้อยใู่ นรูปของประโยคคําถาม หลักการเปล่ียนจากประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech สามารถแบง่ ออกได้ เป็น 2 ประเภทด้วยกนั คือ • 1. ประโยคคําถามท่ขี ้นึ ตน้ ดว้ ยกริยาชว่ ย (Yes/No Questions) ซึง่ มหี ลกั การเปล่ียน ดังนี้ 1.1 ใช้กริยานาํ ในประโยคหลกั ดงั นี้ ask / asked (ถาม) want to know / wanted to know (อยากร)ู้ inquire / inquired (สอบถาม) wonder / wondered (สงสยั ) 1.2 ใช้ “if”, “whether”, “whether or not” หรอื “whether...or not” เป็นตวั เชือ่ มประโยค 1.3 ทาํ ประโยคใหอ้ ยูใ่ นรปู ของประโยคบอกเล่าและตดั เครื่องหมาย“?”ออก ตัวอย่างการเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech ask / asked (ถาม) Direct Speech : He asked, “Can I borrow your pen?” Indirect Speech: He asked if he could borrow my pen. inquire / inquired (สอบถาม) Direct Speech : She said to the customer, “Can I have your name, please?” Indirect Speech: She inquired the customer whether or not she could have his name. want to know / wanted to Direct Speech : He said to me, “Do you have children?” know (อยากร้)ู Indirect Speech: He wanted to know whether I had children or not. wonder / wondered (สงสัย) Direct Speech : He said, “Is it delicious?” Indirect Speech: He wondered if it was delicious. 2. ประโยคคําถามที่ขึ้นต้นด้วย Question Words (Wh- Questions) มหี ลักการเปลย่ี น ดงั น้ี 2.1 ใชก้ ริยานาํ ในประโยคหลัก เช่น เดยี วกับการสร้าง Indirect Question สาํ หรบั ประโยคคาํ ถามทีข่ นึ้ ต้น ดว้ ยกริยาชว่ ย (Yes/No Questions) 2.2 ใช้ Question words ซึ่ง ได้แก่ Who, Whom, What, Which, When, Why, Where และ How เปน็ ตวั เชือ่ ม 74 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

2.3 ทาํ ประโยคให้อย่ใู นรูปของประโยคบอกเลา่ และตดเั ครือ่ งหมาย “?” ออก ตัวอย่างเชน่ Direct Speech : He said to me, “Where are the apples?” Indirect Speech: He asked me where the apples were. Direct Speech : He asked, “Where are you going?” Indirect Speech: He asked where I was going. Direct Speech : She said to him, “How did you make it?” Indirect Speech: She asked him how he had done it. น้องๆ สามารถศึกษาเพิ่มเตมิ ได้ท่ี Tag : ภาษาอังกฤษ direct speech, indirect speech • Direct and Indirect Speech : Part 1 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch7-1 • Direct and Indirect Speech : Part 2 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch7-2 • Direct and Indirect Speech : Part 3 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-1 บนั ทกึ ช่วยจ�ำ ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 75

บทที8่ Reading Part Reading Part นอ้ งๆ หลายคนคงกำ� ลงั ประสบกบั ปญั หาในการทำ� ขอ้ สอบ part – reading กนั ซงึ่ อาจจะเกดิ จากเวลาไมพ่ อบา้ ง หรอื บทความ (passage) ทต่ี อ้ งอา่ นยาวไปบา้ ง แต่ความจริงแลว้ การอา่ นเปน็ ทักษะอย่างหน่ึงท่นี ้องๆ จะต้องฝึกฝนอย่างมาก ถ้าน้องๆ อยากอ่าน เก่งและเร็ว นอ้ งๆ จะตอ้ งอา่ นเยอะๆ ดงั น้นั การฝึกอ่านเยอะๆ เป็นอกี ทางหนง่ึ ที่น้องๆ สามารถฝกึ ฝนและพัฒนาตนเองก่อนเขา้ ห้อง สอบ นอ้ งๆ อาจจะลองอา่ นขา่ ว บทความ หรอื นิทานที่เป็นภาษาองั กฤษทีส่ นใจบอ่ ยๆ ซึ่งเปน็ อกี วธิ ีการหนง่ึ ท่ีจะทำ� ให้นอ้ งๆ ได้ค่ะแนน reading มากขึ้น วิธกี ารอา่ นภาษาองั กฤษง่าย ๆ วธิ ีการอา่ นภาษาอังกฤษงา่ ยๆ มอี ยู่ 3 อยา่ งคือ Skim, Scan และ Speed ซ่งึ นอ้ งๆ ต้อง ฝึกทักษะเหล่านี้ และเลือกใชต้ าม ความเหมาะสม 1. Skimming reading เปน็ การอ่านแบบคร่าวๆ ผวิ เผนิ เพยี งเพือ่ ใหท้ ราบวา่ เรื่องน้ี บทความน้ี พูดถึงเรื่องอะไร มภี าพรวมอยา่ งไรหลกั การอา่ น มีดังนี้ 1. อ่านช่ือเรอ่ื ง หวั เร่อื ง และหวั ข้อต่างๆ เพ่ือหาวา่ บทความนเ้ี ก่ียวข้องกับเรือ่ งใด 2. ดูภาพประกอบเพ่ือหาขอ้ มลู เพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั หัวขอ้ นนั้ ๆ 3. อา่ นประโยคแรกและประโยคสุดทา้ ยของทกุ ยอ่ หน้า 4. อยา่ อา่ นทกุ คาํ ทุกประโยค ใช้ส�ำยตากวาดไปทงั้ บทความแลว้ เลือกคําสาํ คญั 5. พจิ ารณาถงึ ความหมายของคําต่างๆ ทเ่ี ลือกมา  2. Scanning reading เปน็ การอ่านเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะจากบทความนน้ั ๆ ดงั นนั้ Skim และ Scan จึงเปน็ ทักษะ การอา่ นท่ีจําเปน็ ในการสอบ หรอื ใชเ้ ม่ือมีเวลาจาํ กดั หลักการอ่าน มีดงั นี้ 1. อย่าพยายามอา่ นทกุ คาํ ใหใ้ ช้สายตาอ่านไปอยา่ งรวดเร็วทัว่ ทง้ั หน้าจนเจอสิ่งท่ี เราต้องการหา 2. ใชน้ ยั ตา่ งๆ บนหนา้ นัน้ ๆ เชน่ หวั ข้อ และช่อื เรอ่ื งช่วยในการอา่ น 3. ในพจนานุกรม หรือสมุดโทรศัพท์ ใช้คําใน “หัวข้อ” เพ่ือช่วยในการมองหา เราสามารถมองหาคํา เหล่านี้ได้จากตัวหน้าทีส่ ่วนบนของทุกหน้า 4. ถ้าเราอ่านเพ่ือศึกษา เพื่อการเรียน เร่ิมต้นโดยการคิดถึงและเขียนคําถามที่เรา ต้องการหาคําตอบ ก่อน ซึ่งจะทาํ ใหเ้ ราสามารถโฟกสั ไปทีส่ ่งิ ท่กี ารหาขอ้ มลู ตา่ งๆ เพอื่ ตอบคําถามน้นั ๆ ได้ง่ายข้ึน 5. ทําให้บทความต่างๆ สามารถหาได้ง่ายขนึ้ โดยอาจเรยี งตามตัวอักษร ใช้ดชั นีท้ายหนังสือในการชว่ ย คน้ หา 6. มีหลายวิธีในการฝึกทักษะการ Scan ได้ เช่น การค้นหาเบอร์โทรศัพท์ ร้านอาหารต่างๆในสมุดหน้า เหลอื งเปน็ ตน้ ทกั ษะการอ่านสองอยา่ งขา้ งตน้ ส่วนมากเราจะใชเ้ มอ่ื ต้องการความ เรว็ แต่หากเราอ่าน เพ่ือความบนั เทงิ อ่าน เพอ่ื เรยี นรภู้ าษาองั กฤษ ความเรว็ ไมไ่ ดม้ ากอ่ นความเขา้ ใจเทคนคิ ทงั้ สอง อยา่ งขา้ งตน้ ไมจ่ าํ เปน็ สาํ หรบั การอา่ นของเรา 76 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

3. Speed reading คือ การฝึกอ่านให้เร็วทําได้โดยการนําเอาเทคนิคการ Skim มาปรับใช้ นั่นคือ อ่านไปเร่ือยๆ หากไมเ่ ขา้ ใจคําใดให้ พจิ ารณาหาความหมายของคําๆ นนั้ จาก บริบทของมัน แทนการเปิดพจนานุกรม ในกรณีที่ค�ำถามถามว่าใจความส�ำคัญของเนื้อเร่ืองในบทความคืออะไร หรือควรจะตั้งช่ือบทความว่าอย่างไร ก่อนอ่ืน น้องๆ ตอ้ งรู้จักก่อนวา่ อะไรคือ Main ideas, Topic หรอื Subtopics และอะไรคือ supporting details • Main ideas หรอื Topic ก็คอื ส่งิ ท่บี ทความน้ันตอ้ งการจะสอ่ื จรงิ ๆ และไมใ่ ช่แค่ examples (ตวั อย่าง) สว่ นมากพวก นค้ี อื ตัวที่ถกู อธิบาย และพดู ยากวา่ จะอยู่ส่วนไหนของบทความ เพราะสามารถอยูไ่ ด้ทกุ ที่ และสว่ นมากจะอยู่ตรงกลางๆ ของบทความ หรอื อาจอยใู่ นภาพรวม ตอ้ งอ่านทง้ั หมดจึงจะรวู้ ่าในบทความอะไรที่ส�ำคัญ • Subtopics ก็คือ topics หรือหวั ขอ้ ท่ีแยกย่อยมาจาก topic ใหญๆ่ มีไว้เพือ่ อธบิ ายหลักใหญใ่ จความของประโยค หา ได้ง่ายมากในบทความ • Supporting details กค็ อื สว่ นทข่ี ยาย subtopics อกี ทหี น่งึ อาจเปน็ ตวั อยา่ งท่มี ไี ว้เพอื่ เสรมิ ให้ใจความชดั เจนมากขน้ึ TIP : เล็กๆ ท่นี ้องๆ ควรรู้ แต่ถ้านอ้ งๆ ยังไมพ่ ร้อมจริงๆ พมี่ วี ธิ ีปฏิบัตทิ ีจ่ ะแนะน�ำนอ้ งๆ ดังนี้ 1. ให้น้องๆ อ่านคำ� ถามทกุ ข้อแบบอ่านผา่ นๆ เพอื่ ดูวา่ คำ� ถามแตล่ ะค�ำถามเคา้ ถามอะไร 2. อา่ นบทความแบบผ่านๆ เพอ่ื หา key words ซง่ึ สว่ นใหญ่จะเป็ฯค�ำที่ถูกกล่าวถึงซ้�ำๆ กนั อยบู่ อ่ ยครัง้ หรืออ่าน บทความแบบผา่ นๆ เพ่อื หาค�ำทมี่ ีลักษณะเหมอื น หรือคล้ายกันค�ำในประโยคคำ� ถาม 3. อ่านค�ำถามอกี คร้ังเพื่อตรวจสอบ key words ทนี่ อ้ งๆ วงหรือขีดวา่ สามารถน�ำมาตอบค�ำถามแต่ละขอ้ ไดห้ รอื ไม่ ซง่ึ วธิ กี ารน้ีจะทำ� ใหน้ อ้ งๆ รู้สึกว่าข้อสอบ reading งา่ ยขน้ึ และประหยัดเวลากว่าการท่นี ้องๆ จะอ่านบทความจน จบเร่ือง แตก่ ลบั นำ� มาใชต้ อบค�ำถามไม่ไดเ้ ลย 4. ถา้ หากเวลากบั จำ� นวนขอ้ สอบใน part – reading ตา่ งกนั มากจรงิ ๆ เชน่ มี 5 – 6 passages แลว้ แตล่ ะ passage มี ประมาณ 1 – 2 หนา้ แตใ่ หเ้ วลาท�ำแค่ 30 – 40 นาที พข่ี อแนะน�ำใหน้ ้องๆ เลอื กท�ำแค่ คร่ึงเดยี ว (3 – 4 passages) แล้วทเ่ี หลือให้น้องๆ ท้งิ ฝนคำ� ตอบใหเ้ ตมิ (เลือกฝนข้อเดียวกัน 4 – 5 ข้อ แล้วคอ่ ยเปล่ียนข้อฝนใหม่) บันทกึ ชว่ ยจ�ำ ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 77

ตัวอยา่ งข้อสอบ Passage 1 You are in Sydney with a friend. Now you are looking at a page of a city guide which gives information about Sydney’s best restaurants. Look at the list below and answer the questions that follow: Sydney’s best restaurants B = breakfast L = lunch D = dinner Alhambra – A Spanish/ Moroccan menu Diamond Century - One of Sydney’s best plus flamenco dancing and Chinese restaurants, harbour views. specializes in fresh seafood. L Mon – Fri, & D daily. L Mon-Sat, & D daily. 54 West Esplanade, Manly 876 – 878 Sussex Street, Tel: 9976-2977 Haymarket Tel: 9545-9885 Darling Pavilion - modern Australian cuisine Florence’s - Delicious Italian cuisine. Enjoy in beachside setting. a three course meal or just drop L&Ddaily in for a coffee. Waterfront location. 68 Darlinghurst Rd., Open 24 hours. B , L & D daily. Darlinghurst 345 Harbourside, Darling Harbour Tel: 9887-6456 345 Tel: 9656-7866 Ram & Rain - Authentic Thai dishes, plus Rani’s - Authentic and unique dishes from Thai dances. Informal cafe different regions of India. Outdoor upstairs. seating. L Tue–Fri & D Tue-Sat. L&DMon–Sat. 658 Commonwealth Street, 786 Commonwealth Street, Surry Hills Surry Hills Tel: 9897-4959 Tel: 9787-7457 786 1. Customers can enjoy Thai food with the telephone number “___.” a. 9787-7457 786 b. 9897-4959 c. 9976-2977 d. 9887-6456 345 2. YoucanorderIndianfoodat___. b. Florence’s a. Ram & Rain d. Alhambra c. Rani’s 78 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

3. The restaurant that serves lunch only in weekdays is___. a. Darling Pavillion b. Alhambra c. Diamond Century d. Rani’s 4. Every restaurant serves dinner everyday except___. a. Ram & Rain, Rani’s b. Rani’s, Diamond Century c. Florence, Darling Pavillion d. Alhambra, Ram & Rain 5. The restaurant that serves breakfast, lunch and dinner everyday is located at ____. a. 658 Commonwealth Street, Surry Hills b. 68DarlinghurstRd.Darlinghurst c. 876 – 878 Sussex Street, Haymarket d. 345 Harbourside, Darling Harbour เฉลย 1. ตอบขอ้ a 9787-7457 786 เพราะ Ram & Rain เป็นภัตตาคำ� รเดียวที่ขายอาหารไทย และเบอร์โทรศัพท์ของรา้ น คือ 9787-7457 786 ซง่ึ ตรงกับข้อ 1 2. ตอบข้อ c Rani’s เพราะ Rani’s เปน็ ภัตตาค�ำรเดยี วท่ีขายอาหารอินเดยี โดยในป้าย โฆษณาเขียนว่า Authentic and unique dishes from different regions of India. 3. ตอบข้อ b Alhambra เพราะ ในปา้ ยโฆษณาในสว่ นของ Alhambra เขยี นวา่ L Mon – Fri ซง่ึ หมายความวา่ มอี าหาร กลางวันวนัจนั ทรถ์ งศึ กุรน์ ้นั หมายความวา่ เปน็ weekdays เทา่ น้นั 4. ตอบข้อ a Ram & Rain, Rani’s เพราะ Ram & Rain มีอาหารคํ่าใหเ้ ฉพาะวนั องั คำ� รถงึ วัน เสาร์ และ Rani’s มอี าหารคํ่าใหเ้ ฉพาะวนั จันทรถ์ ึงวันเสาร์ ในขณะทภ่ี ัตตาค�ำรท่ีอื่นมี อาหารคํ่าให้ทกุ วนั 5. ตอบขอ้ d 345 Harbourside, Darling Harbour เพราะ 345 Harbourside, Darling Harbour เป็นท่ีอยู่ของ Florence’s ซึ่งเขียนว่า B , L & D daily. หมายความว่า มีอาหาร เช้า อาหารกลางวนั และอาหารเย็น ทกุ วนั Passage 2 Media Advertising Sales Representative position is available with Prime Media Inc., the leader in cable advertising. Seeking an assertive, energetic, and goal-oriented individual with previous experience in sales. Position is responsible for increasing local sales, customer service, and managing customer relationships. The position will entail selling local cable advertising on networks such as ESPN, CNN, and more to bring the most powerful advertising options to their customers. The successful applicant must be willing to travel. In addition to same, selected candidate will receive a competitive ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 79

salary, commissions, and benefit package including medical/dental/life and vacation.For consideration please email resume with references. 1. Who is the best example of being an “assertive” individual? a. Mary who always hesitates to choose the destination for her vacation b. John who is always interested in searching for old, rare books c. Daniel who is characteristically confident and determined when making decisions d. Peter who always gives destructive criticism to others 2. The word “their” (line 6) refers to ___. b. local cable advertising’s a. ESPN, CNN’s d. experiences in sales c. Prime Media Inc.’s 3. The word “benefit package” (line 9) can be replaced by ____. a. assistance package b. welfare package c. complimentary package d. additional package 4. It is mentioned in the passage that ______. a. Prime Media Inc. is the company that is responsible for increasing local sales. b. ESPN and CNN are the examples of local cable company with high customer service. c. those interested in applying for this job might have to be away from home. d. the position require the applicant to be unenthusiastic and passive. 5. What can be inferred from the passage? a. Prime Media Inc. is a brand-new business in the cable advertising industry. b. The United State of America is one of the world’s highest competitive countries in local cable advertising. c. Those who used to work in sales company may gain more interest when applying. d. Phone interview is recommended for applicants who do not wish to email resume. 6. What is a “competitive salary” (line 8)? a. A salary that is unusually low yet the year-end bonus is extraordinarily high b. A biweekly-paid salary to which employers pay his employees every 15 days c. A salary that is meant to be prepaid to employers before each task begins d. A salary which compares favorably to other employers pay in the same position 80 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

7. The announcement would probably appear in a/an ____. a. real estate magazine b. media tabloid advertising c. obituary section in newspaper d. medical and/or dental journal เฉลย 1. ตอบ c ข้อน้ีวัดคําศัพท์น้องๆ โดยในตัวบทความกล่าวถึงความต้องการของบริษัทที่จะหาบุคคลซ่ึงมีความแน่วแน่ (assertive) กระตอื รอื รน้ (energetic) และ goal-oriented (มงุ่ เนน้ เปา้ หมาย) ดงั นนั้ นอ้ งๆจะตอ้ งตคี วามตวั เลอื กทโ่ี จทยใ์ หม้ าวา่ บคุ คล ไหนมีลักษณะตรงกบั ความหมายของคาํ วา่ “Assertive” (แน่วแน)่ มากท่สี ุด ซงึ่ ตัวเลือกข้อ c “แดนเนยี ลผ้ซู ่ึง มีความ มนั่ ใจในแบบของตวั เอง และแนว่ แน่ช่ัดเจนเมื่อถงึ เวลาทีจ่ ะต้องตดั สินใจ”จงึ เปน็ คาํ ตอบที่ดที ีส่ ดุ ของข้อน้ี 2. ตอบ a คาํ วา่ “their” ในบรรทัดที่ 9 “to bring the most powerful advertising options to their customers.” (เพอื่ เสนอตัวเลอื ก ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลสงู สดุ ในการโฆษณาแกล่ กู คา้ ของพวกเขา) คาํ วา่ “พวกเขา”ในทน่ี ถ้ี า้ ยอ้ นไปดดู ๆี วา่ ใครคอื ลกู คา้ ของพวก เขาเราก็จะพบว่า ESPN และ CNN เปน็ ช่องเคเบิ้ลทกี่ ารโฆษณาของบรษิ ทั ท่กี ลา่ วมานนัจ้ ะไปทําการลงโฆษณาท่ีช่องดงั กลา่ วดงั น้นั แลว้ คาํ ว่า “ลูกค้าของพวกเขา” ก็อา้ งถงึ ช่อง ESPN และ CNN นั้นเอง 3. ตอบ b คาํ วา่ “benefitpackage”คอื สวสั ดกิ ารนนเ้ั องซง่ึ ถา้ ขอ้ นน้ี อ้ งๆรศู้ พั ทก์ จ็ ะสามารถตอบ ไดท้ นั ทนี น้ั กค็ อื ขอ้ b ซง่ึ คาํ วา่ welfare เป็นคํานามแปลวา่ สวสั ดิการ ใหค้ วามหมายเดียวกบั benefit package น้ันเอง 4. ตอบ c ข้อนี้ Keyword คําตอบอยู่ที่พารากราฟสุดท้าย ประโยค “The successful applicant must be willing to travel.” (ผู้สมคั รท่ีไดร้ ับการคัดเลอื กจะตอ้ งเตม็ ใจท่ีจะเดินทางทอ่ งเท่ียว) ซงึ่ ก็ตรงกบั ความหมายของตัวเลอื กขอ้ c ซ่งึ ข้ออ่ืนๆ ไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั สิ่งที่บทความกลา่ วถงึ 5. ตอบ c โจทย์ท่ีถามถึงการอนุมาน (inference) คือการถามถึงการสรุปความจากบทความท่ีได้อ่าน น้องๆ ต้องทําความเข้าใจ ก่อนเลยว่าการสรุปความแบบอนุมานและสรุปความแบบทั่วไป (Summary)ต่างกันตรงที่ว่าการอนุมานคือการนํา ข้อมูลที่ได้จากบทความมาตีความแล้วได้ ออกมาเป็นข้อสรุป ไม่ใช่การสรุป ข้อมูลเดิมแล้วมาเขียนด้วยคําใหม่ที่ไม่ ซ�้ำดังน้ัน เมื่อไหรก็ตามที่ โจทย์ต้องการถามถงึการอนมุาน (Inference) คําตอบจะต้องเป็นข้อที่ไม่ได้เอาข้อความใน บทความ มาเขียนใหม่ ซึ่งคําตอบที่ถูกต้องคือข้อ c เพราะใน Paragraph แรกมีการบอกไว้ว่า “ค้นหาผู้มี ประสบการณ์ในด้านการขาย” (Seeking ... with previous experience in sales) ดังน้ันเราก็สามารถอนมุานได้ จากขอ้ มลู นวี้ า่ คนทม่ี ปี ระสบการณด์ า้ นการขายมากอ่ นอาจจะไดร้ บั ความสนใจจากบรษิ ทั ทไี่ ปสมคั รงานมากกวา่ คนทไี่ มม่ ี ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 81

6. ตอบ d Competitive salary หมายถึงเงินเดือนที่จะได้รับตามความสามารถ ตําแหน่งและปัจจัย อื่นๆ ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมี มาตรฐานทแี่ ตกต่างกันออกไป 7. ตอบ b บทความน้ีมีแนวโน้มท่ีจะปรากฎท่ีหนังสือพิมพ์ท่ีเกี่ยวกับส่ือโฆษณาหรือ media tabloid advertising ส่วนตัวเลือก แรก หมายถึงนติ ยสารทเี่ กี่ยวกบั อสังหารมิ ทรพั ย์ ตัวเลือกที่ 3 มีศัพทท์ ีน่ ่าสนใจคือคําวา่ obituary หมายถงึ หวั ข้อขา่ ว มรณะกรรมของบุคคลในหนงั สือพิมพส์ ว่ นตวั เลือกที่ 4 หมายถงึ วารสารทางการแพทยห์ รือทันตกรรม Passage 3 Grapes -- along with their leaves and sap -- have been traditional treatments in Europe for thousands of years. Grape seed extract is derived from the ground-up seeds of red wine grapes. Although fairly new to the U.S., grape seed extract is now used to treat a number of diseases. There’s strong evidence that grape seed extract is beneficial for a number of cardiovascular conditions. Grape seed extract may help with a type of poor circulation (chronic venous insufficiency) and high cholesterol. Grape seed extract also reduces swelling caused by injury and helps with eye disease related to diabetes. Many people are interested in grape seed extract because it contains antioxidants. These are substances that protect cells from damage and may help prevent many diseases. __________, it’s still too early to say whether the antioxidant properties of grape seed extract really benefit people. Researchers are studying grape seed extract to see if it might lower the risks of some cancers. For now, the evidence is not clear. Grape seed extract has been studied for use in many other conditions -- ranging from PMS to skin damage to wound healing -- but the results have been inconclusive. There is no firmly established dose of grape seed extract. Doses of between 100-300 milligrams/day have been used in studies and are prescribed in some European countries. No one knows what the highest safe dose is. Grape seed extract comes from grapes. There are no other food sources. Grape seed extract is generally considered safe. Side effects may include headache, itchy scalp, dizziness, and nausea. People allergic to grapes should not use grape seed extract. If you have a bleeding disorder or high blood pressure, talk to your doctor before you start using grape seed extract. If you take any medicines regularly, talk to your doctor before you start using grape seed extract. It could interact with drugs like blood thinners, NSAID painkillers (like aspirin, Advil, and Aleve), certain heart medicines, cancer treatments, and others.Given the lack of evidence about its safety, grape seed extract is not recommended for children or for women who are pregnant or breastfeeding. 1. The best title for this passage is___. a. Grape Seed Extract—New Medicine for Human Beings b. Grape Seed Extract—Its Benefits on People of All Ages and its Side Effect c. Grape Seed Extract—Its Skeptical Benefits on Human Beings and Its Cautions d. Pros and Cons of Grape Seed Extract 82 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

2. What is the main idea of the passage? a. Grape seed extract contains beneficial nutrients but the benefits of its antioxidant properties are still at doubt. b. Grape seed extract contains many side effects which are harmful to human beings. c. There are various sources of evidences that show the advantages of grape seed extract and its antioxidant properties. d. The patients who suffer from cancer, heart diseases, and others should not take grape seed extract or take it under the prescription of the doctor. 3. What does “it” in line 9 refer to? a. Antioxidant b. Grape seed extract c. People who are interested in grape seed extract d. Grape 4. What is the most appropriate word that fit in the blank in line 11? a. Inaddition b. Therefore c. Besides d. However 5. What does “the evidence” in line 13 refer to? a. The evidence of how grape seed extract helps reduce the risk of some cancers b. The evidence of to what extent grape seed extract helps lower the risks of some types of cancer c. The evidence that shows that the risk of some cancers can be cut down by grape seed extract d. The evidence that shows that the risk of some cancers can be totally eliminated by grape seed extract 6. Which of the following is TRUE about grape seed extract? a. Grape seed extract can come from many food sources. b. We can be pretty certain that grape seed extract can help us cope with many heart diseases. c. If you take medicine regularly, grape seed extract can be added in the list of medicines you take every day immediately without consulting anyone. d. Grape seed extract is strongly disadvantageous. 7. Side effects of grape seed extract includes every of the following EXCEPT. a. Headache b. Giddiness c. Scratchyhead d. Vomit ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 83

8. What can we infer from the first paragraph? a. Grape seed extract is used as a treatment of diseases in Europe and America. b. For thousands of years, Europeans have made use of grapes but not their leaves and sap. c. There are numerous sources of grape seed extract and one of them is the seeds of red wine grapes. d. The U.S. has been utilizing grape seed extract for a long time already. 9. What is the tone of the passage? a. Persuasive b. Narrative c. Sarcastic d. Informative 10. Which of the following is NOT mentioned in the passage? a. The advantages of grape seed extract b. The highest safe dose c. Whoshouldnottakegrapeseedextract d. The warning before taking grape seed extract เฉลย 1. ตอบขอ้ c Grape Seed Extract—Its Skeptical Benefits on Human Beings and Its Cautions เพราะวา่ บทความนีห้ ลกั ๆพดู ถงึ ผลประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากเมลด็ องนุ่ สกดั ตามทปี่ รากฏใน paragraph ที2่ เชน่ สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระท่ไี ดจ้ ากเมลด็ องนุ่ สกดั ยงั ไม่ ได้มีผลวิจัยที่แน่นอนต่อมนษุย์และการรักษาโรคบางโรค พร้อมทั้งยังพูดถึงคําเตือนของการใช้เมล็ดองุ่นสกัด ในparagraph6-7 บทความน้ีไมไ่ ดพ้ ดู ว่าเมล็ดองุ่นสกดั จะนํามาใชเ้ ปน็ ยา อยา่ งคําตอบขอ้ 1 อา้ ง ในข้อ 2 ในบทความนี้ พูดถึง side effect หรือผลขา้ งเคียงของ เมลด็ องุ่นสกัดจริง แต่ไม่ไดบ้ อกว่าเหมาะกบั มนษุ ยใ์ นทกุ วัย ความจริงไมไ่ ด้มี สว่ นไหนเลยทพี่ ดู เกยี่ วกบั อายขุ องผบู้ รโิ ภคนะ นอกเหนอื จากนน้ั แลว้ บทความนย้ี งั ไมไ่ ดพ้ ดู ถงึ ขอ้ เสยี ของเมลด็ องนุ่ สกดั เลยแมแ้ ตน่ อ้ ย ฉะน้ันขอ้ 4จึงไม่ถกู ต้อง 2. ตอบข้อ a Grape seed extract contains beneficial nutrients but the benefits of its antioxidant properties are still at doubt. เพราะวา่ บทความน�ำเสนอผลดีทไี่ ดจ้ ากเมลด็ องนุ่ สกดั เช่น ดตี อ่ ผ้ทู เ่ี ป็นโรคหวั ใจการหมนุ เวยี นของเลอื ดและช่วยเรื่อง ไขมัน(paragraph2)สารต้านอนมุ ลู อสิระทีไ่ ด้จากอง่นุ (paragraph3) เปน็ ต้น 3. ตอบข้อ b Grape seed extract เพราะวา่ ดูจากประโยคก่อนหน้า Many people are interested in grape seed extract because it contains antioxidants. ซึ่งการถามหาคําสรรพนามที่ใช้แทนคํานาม ให้น้องๆย้อนกลับไปดคํูานามท่ีอยู่ข้างหน้า เพราะคําสรรพนามเป็นคาํ ท่ใี ช้แทนคาํ นาม จึงต้องมกี ารกลา่ วมากอ่ นหนา้ นี้แลว้ 84 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

4. ตอบขอ้ d However เพราะวา่ However เป็นตวั เชอื่ มประโยคทม่ี เี นือ้ หาใจความที่ขัดแย้งกนั น้ันหมายความวา่ ถา้ ประโยคท่มี ากอ่ น หนา้ however เปน็ ในเชิงบวกหลงั however ตอ้ งเป็นประโยคในเชงิ ลบ 5. ตอบข้อ c The evidence that shows that the risk of some cancers can be cut down by grape seed extract เพราะว่าถ้า น้องๆสงั เกตุดๆี จะเหน็ ว่าเป็นประโยคเดยี วกนั กบั ประโยคกอ่ นหนา้ คําหนา้ evidence 6. ตอบขอ้ b We can be pretty certain that grape seed extract can help us cope with many heart diseases. เพราะว่า ใน paragraph 2 There’s strong evidence that grape seed extract is beneficial for a number of cardiovascular conditions (มีหลักฐานที่แน่นอนว่าเมล็ดองุ่นสกัดส่งผลดีกับอาการหัวใจและหลอดเลือดหัวใจดังนั้น จึงค่อนข้างม่ันใจ ได้ว่าเมลด็ อง่นุ สกดั จะสามารถชว่ ยเราจดั การกับโรคหวั ใจในระดบั หนง่ึ 7. ตอบขอ้ d Vomit เพระวา่ ผลขา้ งเคยี งของการบรโิ ภคเมลด็ องนุ่ สกดั มแี คค่ นั หนงั ศรี ษะ มนึ ศรี ษะ และคลน่ื ไส้ ไมไ่ ดพ้ ดู ถงึ การอาเจยี น 8. ตอบข้อ a Grape seed extract is used as a treatment of diseases in Europe and America เพราะว่า ในย่อหน้าแรกบอกวา่ องนุ่ ได้ถกู ใชเ้ ป็นการรักษาโรคประเภทหน่ึงมาเปน็ เวลาหลายพันปีแลว้ และยังพดู ตอ่ อีกว่าตอนนีอ้ เมรกิ าก็ไดใ้ ช้ดว้ ย 9. ตอบขอ้ d Informative เพราะวา่ บทความนเี้ ป็นการใหข้อมลู อย่างชัดเจนในเร่ืองของเมล็ดองุน่ สกัดมีการอธบิ ายอย่างชดั เจน 10. ตอบขอ้ b The highest safe dose เพราะวา่ ปริมาณทีป่ ลอดภัยทีส่ ามารถบรโิ ภคได้ยังไมถ่ กู ระบไุ ว้ในบทความส่วนตัวเลือกที่เหลอื ท้ังหมดถูระบุไวใ้ นบทความแลว้ Passage 4 Whose woods these are I think I know. His house is in the village though; He will not see me stopping here To watch his woods fill up with snow. My little horse must think it queer To stop without a farmhouse near Between the woods and frozen lake ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 85

The darkest evening of the year. He gives his harness bells a shake To ask if there is some mistake. The only other sound’s the sweep Of easy wind and downy flake. The woods are lovely, dark and deep. But I have promises to keep, And miles to go before I sleep, And miles to go before I sleep.  Robert Frost, “Stopping by Woods on a Snowy Evening” from The Poetry of Robert Frost 1. Who does “he” (line 3) most likely refer to? b. the horse a. the poet d. the traveler c. the villager 2. “he” (line 9) refers to? a. the speaker b. a stranger c. a villager d. the horse 3. How does the poet think the horse feel? a. excited b. confused c. hungry d. tired 4. Besides the sound of bells, what is another “sound” mentioned in the poem? a. falling snow b. cracking ice c. brushing leaves d. flowing water 5. When did the event in the poem take place? b. night a. morning d. dawn c. afternoon 6. how would you describe the weather? a. stormy b. cool c. windy d. freezing 86 ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

7. The poet finds the woods.... a. frightening b. fascinating c. boring d. upsetting 8. “promises to keep” (line 14) is closet in meaning to... b. hidden secret a. responsibilities d. desires c. marriage vows 9. A possible meaning of “sleep” as used in this poem is... a. die b. travel c. work d. succeed 10. Which line could best serve as the title? a. He will not see me stopping here b. To stop without a farmhouse near c. To ask if there is some mistake d. Miles to go before I sleep เฉลย 1. ตอบ c. โจทย์ถามว่า pronoun “he” หมายถงึ ใคร ตอ้ งตอบวา่ the villager ชาวบ้าน(เจา้ ของบา้ น) น้ันเอง เพราะผูเ้ ลา่ (speaker) กําลังกล่าวว่าไปเจอบ้านในหมู่บ้าน เขาก็เลยหยุดดู โดยคิดว่าเจ้าของบ้านจะไม่เห็นเขาท่ีมาแอบดูอยู่ตรงนี้ “Whose woods these are I think I know. His house is in the village though” 2. ตอบ d. ข้อน้ีก็ถามเรื่อง pronoun อีกแล้ว จะตอบข้อนี้ได้ ต้องย้อนกลับไปดู stanza 2 ก่อน the speaker ได้พูดถึงม้า ของเขาวา่ “My little horse must think it queer. To stop without a farmhouse near” พอขึน้ stanza 3 กย็ ังอยู่กับ เรือ่ งม้าอย่นู นั้ แหละ “He gives his harness bells a shake” แปลวา่ เจ้าม้าเนีย่ สน่ั กระด่งิ ที่ผกู อย่ตู รงบังเหียนม้า ถา้ เรา ตอบตัวเลือกอื่นมนั กจ็ ะแปลกๆ เพราะคงไมม่ ใี ครต้องแขวนกระด่งิ ไว้นอกจากม้านน่ั เอง 3. ตอบ b. โจทย์ถามว่าม้ารสู้ กึ ยังไง ดอู าการของมา้ จาก Stanza 2 the speaker บอกว่า “My little horse must think it queer. To stop without a farmhouse near” ม้าของฉนั ตอ้ งคดิ วา่ มันแปลกแน่ๆ ท่มี าหยุดในที่ๆ ไมม่ โี รงนาอยู่ อาจเป็นไปได้ ว่าปกติม้าตัวน้ีชินกับการที่เจ้าของจะหยุดพักก็ต่อไปไปถึงจุดหมาย แต่นี้ม้าก็งงๆ ทําไมมาหยุดอยู่ในป่าแบบนี้ และใน stanza 3 speaker กท็ ําใหช้ ดั เจนขนึ้ ไปอีกว่ามา้ มันสงสยั แน่ๆ “He gives his harnessbells a shake to ask if there is some mistake” มนั สน่ั กระดิ่ง เหมอื นจะถามวา่ มอี ะไรผิดหรอื เปล่า ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 87

4. ตอบ a โจทยถ์ ามว่านอกจากเสยี งกระดง่ิ แลว้ อีกเสียงท่ถี ูกพูดถึงในกลอนนคี้ ือเสียง อะไร ใน stanza 4 บอกชดั เจนอยู่แลว้ วา่ “The only other sound’s the sweep of easy wind and downy flake.” เสียงอน่ื นอกจากน้ันก็มแี ค่เสียงลมกับเสยี ง หมิ ะตก 5. ตอบ b. เหตุการณ์น้ีเกิดขึ้นตอนไหน หาคําตอบได้จาก stanza สุดท้ายท่ีบอกว่า “The woods are lovely, dark and deep” ป่านีม้ นั สวย มืด และลกึ ลบั เพราะฉะนั้นเรากส็ ามารถคาดเดา ได้ว่ามนั ตอ้ งเป็นตอนกลางคืนอยแู่ น่ๆ เพราะมันมืดแล้ว 6. ตอบ d. อากาศเป็นอย่างไร จากเน้ือหาอากาศท่ีพบคือ มีหิมะตก เพราะ มีท้ังคําว่า frozen lake (ทะเลสาบที่เป็นน้�ำแข็ง) downy flake (เกล็ดหิมะ) กต็ อ้ งตอบไดข้ อ้ เดยี วว่า freezing หนาวจะแขง็ อยูแ่ ลว้ ! 7. ตอบ b. speaker ต้องหลงใหลในธรรมชาติเพราะสังเกตจากเน้ือหาท่ีเล่าถึงการ เดินทางผ่านเข้ามาในป่า ยังหยุดพักดู หิมะตกอยา่ งโรแมนตกิ บนหลังม้า และยงั พูดถึงป่าว่า สวย มดื และลกึ ลบั 8. ตอบ a. ป่านี้มันสวยนะ ฉันอยากจะหยุดดูอะไรอยู่ที่น่ี แต่ฉันมี “promises to keep” มี สัญญาที่ต้องรักษา (ต้องไปทํา) ก็คือ speaker เน่ียกําลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจอะไรซักอย่าง อยู่ คือมีหน้าท่ี (responsibilities) ท่ีจะต้องไป จะมาหยุดเล่นนานๆ ไม่ได้ 9. ตอบ a. ข้อนี้ต้องตีความดีๆ เพราะคําพูด คําศัพท์ในกลอนมักจะลึกซึ้งกว่าความหมาย ตามตัว อย่างกลอนนี้ speaker มีความขัดแย้งในตัวเองอยู่ คือ ใจหน่ึงก็อยากจะหยุดพักในป่า ชื่นชมความงามอะไรไป อีกใจก็รู้ดีว่าทําแบบนั้นไม่ ได้ เพราะมีหน้าท่ีที่จะต้องไปทําให้สําเร็จ ซ่ึงสังเกตุ ได้จากประโยค “And miles to go before I sleep.” มีการซ้ํา ประโยคนี้ถึง 2 ครั้งทําให้ผู้อ่านรู้ได้เลย ว่านี่มันสําคัญนะที่จะต้องไปแล้วยังต้องเดินทางอีกไกล (เพ่ือท่ีจะไป ทาํ หน้าท่)ี กอ่ นทฉี่ ันจะตาย! 10. ตอบ d. บรรทัดไหนท่ีควรจะนํามาเป็นหัวเรื่อง ก็ต้องเป็นบรรทัดที่ให้ความหมาย ครอบคลุม และเป็น Main idea ในที่นี้ ต้องตอบ d. And miles to go before I sleep ก็คือ ฉันยังคงต้องเดินทางต่อไปอีกไกลก่อนตาย นี่คือใจความ สําคัญของกลอนนี้ เค้าสอนว่าเราทุกคนหยุดพักได้ แต่ไม่ใช่หยุดตลอดไป เราทุกคนต่างก็มีภารกิจท่ีตนเองต้อง ทําให้ลลุ ่วงก่อนท่จี ะลาลับจากโลกน้ไี ป 88 ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

Passage 5 One of the major hazards for deep-sea divers is the “bends.” This condition is caused by gas bubbles forming in the bloodstream if the diver ascends too rapidly. The reason for this condition has to do with the situation and desaturation of body tissues with various gases. At increasingly greater depths, the diver breathes air at higher pressures. This results in an increased quantity of air being dissolved in the bloodstream. Different body tissues are saturated with different gases from the air at different rates. When the divers ascend, oxygen is used by the body tissues, carbon dioxide is released quickly, and nitrogen remains. The nitrogen needs to be released gradually from the bloodstream and body tissues. If nitrogen is subjected to a too rapid pressure reduction, it forms gas bubbles in the blood vessels. The bubbles become trapped in the capillaries. This prevents blood and oxygen from supplying necessary nutrients to body tissues, which consequently begin to die. Saturation and desaturation are affected by various factors such as the depth, length of time, and amount of exertion underwater. There are other factors that a diver must take into account when determining a safe ascent rate. These include the diver’s sex and body build, the number of dives undertaken within the previous 12 hours, the time spent at the dive location before the dive, and the composition of the respiration gas. 1. The passage is mainly about a. How to calculate a safe depth when diving b. How to determine saturation and desaturation rates c. Instructs for diving safety d. The factors causing the bends in drivers 2. The word “dissolved” in line 4is the closest in meaning to a. Driven out b. Broken down c. Melted down d. Turned off 3. According to the passage, gas bubbles a. Trap the capillaries b. Are gradually released from the tissues and bloodstream c. Block the supply of nutrients to body tissues d. Are formed from compressed air 4. According to the passage, the bends a. Is the major diving hazard b. Reduces pressure in the bloodstream c. Is a condition caused by diving too quickly d. Is a direct result of dying body tissues ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 89

5. The word “which” in line 9 refers to a. Blood b. Oxygen c. Nutrients d. Tissues 6. The word “exertion” in line 11 is the closest in meaning to a. Effort b. Athletics c. Swimming d. Breathing 7. It can be inferred from the passage that a. woman is more likely to get the bends b. men and women may ascend at different rates c. heavy people shouldn’t dive d. men are better divers than women 8. The word \"undertaken\" in line 13 is closest in meaning to a. Submerged b. Uncovered c. Attempted d. Encountered 9. Which of the following does NOT affect the desaturation of body tissues? a. The location of the dive b. The number of the previous dives c. The composition of the gas being used d. The amount of activity underwater 10. The word “composition” in line 14 is closest in meaning to a. Contentsb. b. Character c. Inscription d. Documentation เฉลย 1. ตอบ d. ใจความสําคัญของ passage น้ีกล่าวถึง “the bends” แน่นอน เพราะพ่ีเคยบอกไปแล้วว่า main idea ของเรื่อง มักจะอยู่ที่ประโยคแรกของเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่น passage น้ี กล่าวถึงปัจจัย (factors) ต่างๆ ที่ทําให้เกิดอาการ “bends” แลว้ บรรทัดตอ่ ๆ มา นอ้ งจะสังเกตได้วา่ เรื่องจะไมไ่ ปไหนไกลเลย นอนกจากอธิบายเพ่ิมว่าปจั จัยมอี ะไรบา้ ง ก่อให้เกิดผลอะไร เกิดจากอะไรสําหรับคําแปล พ่ีจะยังไม่บอกนะว่ามันคืออะไร เพราะคําตอบจะอยู่ในโจทย์ข้อท่ี 4 อยู่แลว้ 90 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

2. ตอบ c. ถ้าเกิดแปลคําศัพท์ไม่ออกจริงๆ เราต้องดูจากบริบทของมัน ซ่ึงก็คือประโยคหน้า ประโยคหลังท่ีอยู่รายล้อมคํา ที่เราต้องการหาความหมาย ประโยคก่อนหน้าน้ี กล่าวว่า “At increasingly greater depths, the diver breathes air at higher pressures.” เม่ืออยู่ในระดับท่ีความลึกเพ่ิมสูงขึ้นอย่างมาก นักดําน้�ำจะหายใจที่ระดับความดันสูงข้ึน “This results in an increased quantity of air being dissolved in the bloodstream” นี่ (ระดับความดนั ทเ่ี พม่ิ สูง) คอื สาเหตใุ ห้เกดิ การเพิ่มขึน้ ของปริมาณอากาศทลี่ ะลายอยใู่ นกระแสเลอื ด 3. ตอบ c. คาํ ตอบอยลู่ ่างสดุ ของ paragraph แรก “The bubbles become trapped in the capillaries. This prevents blood and oxygen from supplying necessary nutrients to body tissues, which consequently begin to die.” ฟองอากาศจะ จบั อยใู่ นเสน้ เลอื ดฝอย ซงึ่ จะไปขวางกนั้ เลอื ดและออกซเิ จนทใ่ี หส้ ารอาหารแกเ่ นอ้ื เยอ่ื ของรา่ งกาย ซงึ่ ถา้ ไมไ่ ดส้ ารอาหาร เนื้อเยื่อกจ็ ะตายได้ 4. ตอบ a. The bends คอื อะไร คําตอบอยใู่ นประโยคแรกเลย “One of the major hazards for deep-sea divers is the “bends.” มนั คอื ปจั จัยอนั ตรายหนึง่ สาํ หรับนักดาํ น้�ำทะเลลกึ ถา้ ยงั ไมเ่ ข้าใจ น้องๆ สามารถหาคาํ ตอบทช่ี ัดเจนกว่านนั้ ไดใ้ นประโยค ถัดมา “This condition is caused by gas bubbles forming in the bloodstream if the diver ascends too rapidly.” 5. ตอบ d. Which เป็นส่วนขยาย ซ่ึงมันจะขยายอะไรไปไม่ได้นอกจากตัวที่อยู่ข้างหน้ามัน เพราะฉะนั้น which จึงหมายถึง body tissues หรอื เนอื้ เยือ่ นั่นเอง 6. ตอบ a. “Saturation and desaturation are affected by various factors such as the depth, length of time, and amount of exertion underwater.”การอืม่ ตัวและไมอิ่มตวัมาจากหลายปจั จยั เชน่ ความลึก ระยะเวลา และการออกแรงใตน้ ้ำ� เพราะฉะนนั้ จงึ ต้องตอบขอ้ a. effort (ความ พยายาม) ส่วนขอ้ อน่ื ๆ b. athletics (กรีฑา) c. swimming (การว่ายน้ํา) d. breathing (การหายใจ) 7. ตอบ b. ขอ้ b คือคาํ ตอบทท่ดี ที ่ีสดุ เพราะขอ้ อื่นๆมันผดิ ตรงที่ a. woman is more likely to get the bends ผหู้ ญงิ จะเกดิ การนี้ไดม้ ากกวา่ ผ้ชู าย จรงิ หรอื ?! ใน passage ยังไม่ไดบ้ อก เลยวา่ เพศในมีโอกาสเกดิ อาการได้มากกวา่ กนั c. heavy people shouldn’t dive คนอ้วนไม่ควรดาํ นำ้� เขากไ็ ม่ได้พูดถงึ ซักหนอ่ ย d. men are better divers than women ผู้ชายดาํ นํ้าไดด้ ีกว่าผ้หู ญงิ เขากไ็ ม่ได้บอกอกี น่ันแหละ 8. ตอบ c. “the number of dives undertaken within the previous 12 hours” จํานวนครั้งในการดํานํา้ ภายใน 12 ชว่ั โมงกอ่ นหนา้ น้ี (กเ็ ป็นอกี ปัจจยั ) ขอ้ ที่มคี วามหมายใกล้เคยี งท่ีสดุ คือ attempt ซ่งึ แปลว่า ความพยายาม ออกแรง (ในการอยใู่ ต้น้ํา) ติวเข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 91

ขอ้ อน่ื ๆ แปลวา่ submerged (จ่มุ ) uncovered (เปิดเผย) encountered (เผชญิ ปะทะ) 9. ตอบ a. ดูโจทยด์ ๆี นะน้องๆ วงกลมคาํ วา่ not ไวเ้ ลย เค้าถามวา่ อะไรทไี่ มใ่ ช!่ ! ต้อง ตอบว่า location of the dive สถานท่ดี ํานาํ้ อันนเ้ี ขาไม่ไดพ้ ดู ถึงเลย แต่ขอ้ อ่ืนๆกลา่ วเอาไวห้ มดแลว้ อย่าโดนหลอกตรงประโยคที่ว่า the time spent at the dive location นะ อนั น้ีคํานามหลักคือ time หรอื เวลาในการใชด้ ําน�้ำ แต่ at the locationเปน็ ส่วนขยายเฉยๆ 10. ตอบ a. Composition of the respiration gas แปลว่าองค์ประกอบ (contents) ของ แก๊สที่ใช้ในการหายใจ ข้ออื่นๆแปลว่า character (ลักษณะ) inscription (ขอ้ ความท่สี ลกั จารึก) documentation (เอกสารประกอบ) นอ้ งๆ สามารถศึกษาเพ่ิมเตมิ ไดท้ ี่ Tag : สอนศาสตร์ ภาษาองั กฤษ การอา่ น เทคนคิ การอา่ น การอา่ นอยา่ งเรว็ การอา่ นบทความ reading, skimming, scanning • 14 : Skimming & Scanning http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-1 • สอนศาสตร์ : ม.ปลาย : ภาษาอังกฤษ : Reading 4 Purpose & Attitude & tone http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-2 • 23 : ตะลุยข้อสอบ GAT : Reading 1 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-3 • 24 : ตะลุยข้อสอบ GAT : Reading 2 http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-4 • สอนศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ม.6 : READING และเทคนิคการท�ำ READING http://www.trueplookpanya.com/book/m6/ onet-english/ch8-5 92 ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya

บทที่9 Vocabulary Vocabulary เมือ่ นึกถึงภาษาองั กฤษ นอ้ งๆ หลายคนคงรสู้ กึ วา่ การท่องจําคําศพั ท์เป็นปัญหาใหญ่ แต่อยา่ พึ่งทอ้ ไปเพราะในบทน้ีพ่จี ะเปลีย่ น การทอ่ งจาํ ศพั ทแ์ บบเดมิ ๆ ทที่ าํ ใหน้ อ้ งๆ ปวดหวั มาเปน็ การจาํ ศพั ทง์ า่ ยๆ โดยใชค้ วามเขา้ ใจไปถงึ รากศพั ท์ ซงึ่ วธิ ที พ่ี จ่ี ะบอกกค็ อื Guessing meaning from word analysis (การเดาความหมายคําศัพท์จากบรบิ ทโดยการวิเคราะห์คํา) พูดงา่ ยๆ ก็คอื การดูท่ี prefixes, suffixes และ roots ของคําศพั ท์นัน่ เอง ก่อนอื่น นอ้ งๆ ต้องรูก้ อ่ นว่า Prefixes ในภาษาไทยเรยี กกันวา่ “อุปสรรค” และ suffixes ก็คือ “ปัจจยั ” ซ่งึ นอ้ งๆ อาจจะยังไม่ เข้าใจ แตล่ องมาดกู ันวา่ แทจ้ รงิ แลว้ ท้งั 3 ตัวนีม้ หี น้าทอ่ี ะไรกบั คําศพั ท์บา้ ง • Prefix คือ คาํ ท่ีเตมิ หน้า • Suffix คอื คําทเ่ี ติม ท้าย • Base/root คอื คาํ หลกั ซง่ึ ความหมายกม็ กั จะอย่ทู ีค่ ํานี้ เช่น คําวา่ “Invisible” Prefix => in แปลวา่ ไม่ Root => vis แปลวา่ มอง Suffix => ible (able) แปลว่า สามารถ ดังนัน้ “Invisible” จึงแปลไดว้ ่าที่ไมส่ ามารถเหน็ ได้หรอื ล่องหน ทีนีน้ ้องๆ ก็ไมจ่ าํ เปน็ ต้องมานั่งท่องจาํ คาํ ศพั ท์ทกุ คําอกี ต่อไป เพียงแคน่ อ้ งๆ รจู้ กั หรอื คุ้นๆ Prefix, suffix และ root นอ้ งๆ ก็ สามารถแตกศพั ท์ของนอ้ งๆ เองไดม้ าดูกนั ดีกวา่ ว่า Prefix, Suffix และ Root ที่นอ้ งๆจะเห็นบ่อยๆ ในขอ้ สอบมอี ะไรกันบา้ ง 1. Prefixes (ค�ำเติมหน้า) อุปสรรค ความหมาย ตัวอยา่ งค�ำ ความหมาย apath ไมร่ ู้สึก เฉยเมย 1. a-, an- ไม่ / ไม่มี abnormal ผดิ ปกติ address พดู ตอ่ 2. ab- ออกจาก antisocial ตอ่ ตา้ นสังคม 3. ac-, ad-, af-, al-, ap-, สู่ / แก่ / ไปยัง beneficent ใจดี , เกื้อกลู as-, at- bilingual สองภาษา company บริษัท 4. anti- ตรงข้าม counteract ตอบโต้ 5. bene- ดีงาม 6. bi- สอง 7. co-, col-, com-, con- ดว้ ยกนั / รว่ มกนั 8. contra-, contro-, ตรงข้าม counter- ตวิ เขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 93

9. de- ไม่ดี / ลดลง deny ปฏิเสธ 10. dec- สบิ decade ทศวรรษ 11. dis- ไม่ / แยกออก / dislike ไม่ชอบ ตรงขา้ ม 12. e-, ex- ออกไป exhale หายใจออก 13. fore- ข้างหน้า foresee ทํานาย 14. in-, im-, ir- ไม่ impossible เป็นไปไมไ่ ด้ 15. inter- ระหว่าง international นานาชาติ 16. mis- ผดิ misuse ใช้ผิด 17. mono- หนึง่ monotone เสยี งเดียว 18. per- ผา่ น / ทะลุ perceive เข้าใจ 19. post- ข้างหลัง postpone เลอื่ น 20. pre- กอ่ น prejudice อคติ 21. pro- ขา้ งหนา้ prolong ยดื ตอ่ 22. re- อกี ครงั้ /ถอย/ react ตอบโต้ ยอ้ นกลบั 23. sub- ใต้ / ตา่ํ กว่า subside จมลง, ยบุ 24. sur-, super- เหนอื / สูงกวา่ superior เหนือกว่า 25. syn-, sym- เหมือนกัน / รว่ มกนั synonym คาํ พอ้ ง 26. tele- ทางไกล telegraph โทรเลข 27. Trans- ข้าม transport ขนสง่ 28, ri- สาม triangle สามเหลยี่ ม 29. un- ไม่ unfair ไมย่ ุตธิ รรม 30. vice- รอง vice-president รอง ประธานาธิบดี 2. Suffixes (ค�ำเติมท้าย) ค�ำตามท้าย จะมีหน้าทบ่ี อกวา่ ศัพท์ตัวนเ้ี ป็น คาํ นาม กรยิ า คาํ คณุศัพท์ หรอื คําวเิ ศษณ์ เราจงึ แบ่งมันแบง่ เปน็ 4 กลมุ่ ใหญๆ่ ตามหนา้ ท่ีคํา (Part of speech) 2.1 Noun-forming suffixes (คาํ ทแ่ี สดงความเป็นคํานาม) 2.2 Verb-forming suffixes (คําแสดงความเปน็ กรยิ า) 2.3 Adjective-forming suffixes (คําแสดงความเป็นคําคณุ ศพั ท)์ 2.4 Adverb-forming suffixes (คาํ แสดงความเป็นคาํ วิเศษณ์) 94 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

ปจั จยั ความหมาย ตวั อย่างค�ำ ความหมาย 1. -ant, ent คนรับใช้ 2. -er, -eer, or ผกู้ ระทํา servant วิศวกร 3. -ee ผไู้ ดร้ ับการฝึก 4. -ess ผูก้ ระทาํ engineer นักแสดงหญิง 5. -ist นักเปียโน ผู้รบั การกระทาํ trainee 6. -ster อันธพาล 7. -y, -ie ผูห้ ญงิ actress พ่อ ผทู้ เ่ี ชือ่ ในหลกั การ pianist คาํ สอน ผู้เช่ยี วชาญ คนกลุม่ เดียวกัน gangster ผู้เปน็ ที่รัก น่ารกั daddy 2.1 Noun-forming suffixes 2.1.1 Suffix ท่เี ติมแลว้ เป็นคํานาม ท่ีหมายถงึ คนมกั บอกอาชพี หรือสถานะ ปัจจัย ตวั อย่างค�ำ ความหมาย เพ่มิ เติม 1. -acy , -cy accuracy ความถูกต้องแมน่ ยาํ ใชก้ ับสถานท่ี 2. -age courage ความกลา้ หาญ 3. -ance, -ence importance ความสําคัญ ใชก้ บั สภาวะ 4. -ary, -ery, -ry library หอ้ งสมดุ ใช้กบั สภาวะ 5. -ate electorate ผูม้ ีสทิ ธิเลือกตงั้ กลัว 6. -ation, -tion, -ion nation ชาติ ใชก้ ับศาสตรว์ ชิ า 7. -dom boredom ความเบอ่ื หนา่ ย ใช้กบั หลักการคาํ สอน 8. -hood sisterhood ความเป็นพี่นอ้ ง เติมคําศพั ทเ์ พอ่ื แสดง 9. -phobia Hydrophobia โรคกลัวน้�ำ ส่ิงเล็ก ๆ 10 -ic, -ics physics ฟิสิกส์ ใชก้ บั ศาสตร์วชิ า 11. -ism feminism สตรนี ิยม 12. -ity identity เอกลักษณ์ตวั ตน 13. -let, -ette booklet หนงั สอื เลม่ เลก็ 14. -logy, -ology, geology ธรณีวิทยา -nomy management การจัดการ มกั ใชว้ างหลัง adj 15. -ment goodness ความดี เพือ่ ทําใหเ้ ป็นคํานาม 16 -ness ใช้กับภาวะ คณุ สมบตั ิ ความเปน็ เพอื่ น 17. -ship friendship ติวเขม้ O-NET Get 100 by TruePlookpanya 95

18. -ium aquarium ตปู้ ลา, พิพธิ ภณั ฑ์ ใชก้ บั สถานท่ี สตั ว์ น�ำ้ 2.1.2 suffix ทเ่ี ตมิ แลว้ เป็นคํานามท่ัวๆ ไป 2.2 Verb-forming suffixes กลมุ่ suffix ท่เี อาไปเติมคาํ ทา้ ยคำ� ไหน จะทาํ ให้คาํ น้ันกลายเปน็ คำ� กรยิ าไปทนั ที ปจั จัย ความหมาย ตวั อยา่ งคำ� ความหมาย 1. -ate ทําให้ activate กระตุน้ , ทาํ ใหเ้ คลอ่ื นไหว 2. -en ทาํ ให้ brighten ทําใหส้ ว่างขึน้ 3. -ify ทําให้ specify ระบุ เฉพาะเจาะจง 4. -ise, -ize ทาํ ให้ civilize นําความเจรญิ มาให้ 2.3 Adjective-forming suffixes กลมุ่ นี้ เติมคาํ ท้ายลงไปทาํ ใหค้ ําศพั ท์ มีหน้าทีเ่ ปน็ คําคณุ ศัพท์ ปัจจยั ตัวอย่างค�ำ ความหมาย 1. -able, -ible believable น่าเชอื่ ถือ 2. -al, -ial natural เปน็ ธรรมชาติ 3. -an, -ean, -ian American คนอเมรกิ ัน 4. -ed interested รู้สึกสนใจ 5. -ing interesting นา่ สนใจ 6. -ful colorful มสี สี ัน 7. -ic, -ical automatic โดยอัตโนมัติ 8. -ive, -ative, -itive creative ท่สี ร้างสรรค์ 9. -ly friendly เป็นมติ ร 10. -ous, -eous, -ious glorious รุ่งเรอื่ ง รงุ่ โรจน์ 11. -less hopeless ส้ินหวงั 2.4 Adverb-forming suffixes กลุ่มนเี้ ตมิ คําท้ายลงไปทาํ ให้คาํ ศัพท์ มหี นา้ ทเี่ ปน็ คําคํากรยิ าวเิ ศษณ์ ซ่ึงคาํ เตมิ ท้ายสว่ นใหญ่ คือ -ly เช่น sadly อย่างเศรา้ ๆ generally โดยทั่วไป suddenly ทันใดน้ัน normally ตามปกติ ขอ้ ควรระวงั !!! ความหมายของคําศพั ท์บางตัวทีเ่ ตมิ –ly มกั จะทําใหค้ วามหมายของคําศัพทน์ ้นั เปล่ยี นไป 96 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

คําศพั ท์ คาํ แปล คาํ ศัพท์ คาํ แปล hard ยาก / แข็ง hardly แทบจะไม่ high highly อย่างยิ่ง late สูง lately เร็วๆ นี้ near ชา้ / สาย nearly เกือบจะ wide widely โดยทว่ั ไป ใกล้ กว้าง ความหมาย กระตนุ้ ปฏบิ ตั กิ าร 3. Roots (รากศัพท์) ตู้ปลา พพิ ิธภัณฑ์ สัตวน้ํา์ ดาราศาสตร์ ทาํ หน้าท่บี อกความหมายหลักของคาํ หอ้ งประชุม ตาย รากศพั ท์ ความหมาย ตวั อยา่ งคํา ตะขาบ 1. act กระทาํ เคลอื่ นไหว activate ตามลําดับเวลา 2. aqua น้�ำ aquarium ผลิต 3. aster, astro ดาว astronomy เดา 4. audi ไดย้ นิ auditorium ส่งผ่าน 5. cede, ceed, cess ไป จากไป decrease น่าเวทนา 6. cent รอ้ ย centipede ทดแทน 7. chron เวลา chronological ย่อ กด อัด 8. gen เกิด generate ขัดจงั หวะ 9. ject, jet โยน ขวา้ งมา conjecture บรรยาย 10. miss, mit สง่ ปล่อย transmit ดถู กู ดแู คลน 11. path ความรู้สึก pathetic บรรจุ 12. pend, pens, pense แขวน ห้อย compensate การมองเหน็ วสิ ยั ทศัน์ 13. press กด ทับ compress รายได้ 14. rupt แตก ระเบดิ ปะทุ interrupt ปลกุ เรา้ เรียกออกมา 15. scribe, script เขียน describe 16. spec, spic, spect มอง despise 17. tin, tain, ten, tent ถอื ไว้ contain 18. vis ดู มองเห็น vision 19. ven, vent มา revenue 20. vok, voc เสยี ง เรียก evoke ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 97

ตัวอยา่ งขอ้ สอบ Complete the text using the words below. The poet Robert Frost wrote, “Two roads diverged in a wood, and I---I took the one less 1.______ by, And that has made all the 2.______.” I have come to believe that there are certain hard moments, diverging-road moments, that, if we are strong in them, will make “all the difference” down the road of life. So what exactly are hard moments? Hard moments are conflicts between doing the right thing and doing the easier thing. They are the key tests, the defining moments of life---and how we 3.______ them can 4.______ shape our forevers. They come in two sizes, small and large. Small hard moments occur daily and include things like getting up when your alarm rings, controlling your temper, or 5.______ yourself to do your homework. If you can conquer yourself and be strong in these moments your days will run so much more smoothly. 6.______, if I ‘m weak in a hard moment and sleep in (mattress over mind), it often snowballs and becomes the first of many little failures throughout the day. But if I get up when planned (mind over mattress), it often becomes the first of many little 7.______. In contrast to small hard moments, larger ones 8.______ every so often in life and include things like choosing good friends, resisting negative peer pressure, and rebounding after a major setback: You may get cut from a team or dumped by your lover, your parents may get divorced, or you may have a death in the family. These moments have huge consequences and often strike when you’re 9.______ expecting them. If you 10._______ that these moments will come (and they will), then you can prepare for them head on like a warrior and come out victorious. 1. a. Passed b. Travelled c. Visited d. Arrived 2. a. Difference b. Significance c. Different d. Significant 3. a. Prepare b. Define c. Fight d. Handle 4. a. Eventually b. Accurately c. Literally d. Avoidably 5. a. Disciplining b. Force c. Persuade d. Coaxing 6. a. Consequently b. For example c. Most importantly d. Such as 98 ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya

7. a. Knowledge b. Directions c. Readiness d. Successes 8. a. Occur b. Emit c. Release d. Mitigate 9. a. Most b. The Most c. Least d. The Least 10. a. Recognize b. Memorize c. Synthesize d. Analyze เฉลย 1. ตอบขอ้ b Travelled (ท่องเท่ียว) เพราะว่า ความจรงิ แลว้ มันมชี ่ือหนงั สือ The Road Less Travelled ซึ่งแปลตรงๆกค็ ือเสน้ ทาง หรือทางเลอื กทีผ่ คู้ นสว่ นนอ้ ยเลือกกนั ซง่ึ travelled แปลวา่ ท่องเที่ยว และ road ก็แปลว่าถนนหนทางถา้ เราเลอื กขอ้ a. คือ passed จะแปลว่าผ่าน pass by คือเดินผ่านไปซ่ึงแปลออกมาไม่ได้ใจความในประโยคน้ี รวมถึง ข้อ c. visited (เยยี่ มเยียน) และขอ้ d. Arrived (มาถึง) ก็ไมไ่ ดใ้ หใ้ จความที่เหมาะสม เช่นกัน 2. ตอบข้อ a Difference (ความแตกตา่ ง) เพราะวา่ อันดับแรกท่ีน้องๆ ต้องมองหา คือ กอ่ น ช่องวา่ งทีเ่ วน้ ไว้คอื อะไร ในประโยคนเ้ี ป็น the (article) เพราะฉะน้ันต้องลมคี าํ นามตามหลัง ทําใหน้ ้องๆ สามารถตัดตวั เลอื กข้อ c. และ d. ทิง้ ไดท้ ันที เพราะเปน็ adjective ส่วนขอ้ b. Significant (ความสําคญั ) ถ้าน้องๆ เลอื ก จะผดิ ความหมายของเน้ือเร่ืองทันที เพราะ การเลอื ก เส้นทางของคนสว่ นมากทําให้เกิดความแตกตา่ ง ไมใ่ ช่ทาํ ใหเ้ กดิ ความสําคญั 3. ตอบขอ้ d Handle (รบั มอื / จดั การกบั ) เพราะว่า ในประโยคนี้เราจะหมายถึงการรบั มือ สิ่งตา่ งๆ ที่เกดิ ขึน้ กบั เรา ความจริงแล้วนะ นอ้ งๆ ทุกขอ้ คือคํากริยาท้ังหมด ซ่งึ ตามหลังประธาน we ต้องเป็นคํากริยาอยูแ่ ลว้ นะ แตป่ ญั หาของข้อทีเ่ หลอื คือความ หมาย ขอ้ a. Prepare (เตรียมตัว) b. Define (จาํ กัดความ) c. Fight (ตอ่ ส)ู้ ไมส่ ามารถนาํ มาเติมและให้ ความหมายเดียว กันได้ 4. ตอบข้อ c Literally (จรงิ ๆ แลว้ ) เพราะว่า ประโยคนี้ต้องการจะเน้นย้าํ ว่าการที่เราจดั การกบั สิง่ ต่างๆทอ่ี ยูร่ อบตวั เราจะตัดสนิ ชีวติ ของเราไปตลอด literally ใหค้ วามหมายเดียวกับ Actually หรอื Veritably ซงึ่ มักจะถูกนํามาเน้นยา้ํ ในประโยค ซง่ึ ขอ้ a. Eventually (ทา้ ยทีส่ ดุ แล้ว) b. Accurately (อยา่ งแมน่ ยาํ ) d. Avoidably ซงึ่ ไม่มขี ้อใด (อย่าหลกี เลยี่ งได้) ทใ่ี ห้ความหมาย ทใ่ี ช้ในการเน้นย�้ำเลย แต่จะสังเกตไุ ด้วา่ ทุกข้อคอื คาํ กริยาวเิ ศษณท์ ง้ั หมด ซ่ึงถูกตอ้ งแลว้ นะ เพราะว่าเอาไวข้ ยายกริยา แท้คือ shape ตวิ เข้ม O-NET Get 100 by TruePlookpanya 99