Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักการจัดการองค์ประกอบศิลป์

หลักการจัดการองค์ประกอบศิลป์

Published by yinyin3007tanwarat, 2020-05-28 02:40:04

Description: หลักการจัดการองค์ประกอบศิลป์

Keywords: วิชาศิลปะ

Search

Read the Text Version

หลกั การจดั การองค์ประกอบศิลป์ ตุลาคม 24, 2561 1. ความหมายขององคป์ ระกอบศิลป์ คาวา่ องคป์ ระกอบ ตามความหมายพจนานุกรมราชบณั ฑิตยสถาน คือ ส่วนตา่ งๆท่ีประกอบกนั ทาใหเ้ กิดรูปร่างใหม่ข้ึนโดยเฉพาะ องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึง ส่ิงที่ศิลปิ นและนกั ออกแบบใชเ้ ป็นส่ือในการแสดงออกและสร้างความหมาย โดยนามาจดั เขา้ ดว้ ยกนั และเกิดรูปร่างอนั เด่นชดั (สวนศรี ศรีแพงพงษ์ : 82) องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึง เคร่ืองหมายหรือรูปแบบท่ีนามาจดั รวมกนั แลว้ เกิดรูปร่างต่างๆ ท่ีแสดงออกในการส่ือ ความหมายและความคิดสร้างสรรค์ (สิทธิศกั ด์ิ ธญั ศรีสวสั ด์ิกลุ : 56) องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึงศิลปะท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเพ่อื แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคดิ หรือความงาม ซ่ึงประกอบดว้ ย ส่วนที่มนุษยส์ ร้างข้ึนและส่วนท่ีเป็นการแสดงออกอนั เป็นผลที่เกิดจากโครงสร้างทางวตั ถุ (ชลูด นิ่มเสมอ :18) องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึง ส่วนประกอบตา่ งๆของศิลปะ เช่น จุด เสน้ รูปร่าง ขนาด สดั ส่วน น้าหนกั แสง เงาลกั ษณะพ้นื ผวิ ที่วา่ งและสี (มานิต กริน พงศ:์ 51)องคป์ ระกอบศิลป์ คือความงาม ความพอดี ลงตวั อนั เป็นรากฐานเน้ือหาของศิลปะ อีกท้งั ยงั เป็นเครื่องมือที่สาคญั ทางศิลปะใหผ้ สู้ ร้างสรรคไ์ ดส้ ื่อสารความคิดของตนเองไปสู่บุคคลอื่น (สุชาติ เถาทอง,สงั คม ทองมี,ธารงศกั ด์ิ ธารงเลิศฤทธ์ิ,รอง ทองดาดาษ: 3) จากความหมายต่างๆขา้ งตน้ พอสรุปไดว้ า่ องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถึงสิ่งท่ีมนุษยใ์ ชเ้ ป็นสื่อในการแสดงออกอยา่ งสร้างสรรค์ โดยนาส่วนประกอบของ ศิลปะมาจดั วางรวมกนั อยา่ งสอดคลอ้ งกลมกลืนและมีความหมายเกิดรูปร่างหรือรูปแบบตา่ งๆอนั เดน่ ชดั ซ่ึงจากความหมายขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ การท่ี จะเกิดผลงานศิลปะดีๆสกั ชิ้นน้นั ผสู้ ร้างสรรคจ์ ะตอ้ งใชก้ ระบวนการท่ีหลากหลายมาประกอบกนั ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบพ้นื ฐานทางศิลปะ องคป์ ระกอบ ของศิลปะ และการจดั องคป์ ระกอบของศิลปะ มาถ่ายทอดลงในชิ้นงานหรือผลงานน้นั ๆเพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลงานที่มีคุณคา่ ท้งั ดา้ นความงามและมีคุณคา่ ทาง

จิตใจอนั เป็นจุดหมายสาคญั ท่ีศิลปิ นทุกคนมุ่งหวงั ใหเ้ กิดแกผ่ ชู้ มท้งั หลาย 2. ความสาคญั ขององคป์ ระกอบศิลป์ ความสาคญั ขององคป์ ระกอบศิลป์ ในการสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะในสาขาตา่ งๆไม่วา่ จะเป็นสาขาวิจิตรศิลป์ หรือประยกุ ตศ์ ิลป์ ผสู้ ร้างสรรคน์ ้นั ตอ้ งมีความรู้เบ้ืองตน้ ดา้ นศิลปะมากอ่ น และศึกษาถึงหลกั การองคป์ ระกอบพ้ืนฐานองคป์ ระกอบท่ีสาคญั การจดั วางองคป์ ระกอบเหลา่ น้นั รวมถึงการ กาหนดสี ในลกั ษณะต่างๆเพมิ่ เติมใหเ้ กิดความเขา้ ใจเพอื่ เวลาท่ีสร้างผลงานศิลปะ จะไดผ้ ลงานท่ีมีคุณคา่ ความหมายและความงามเป็นที่น่าสนใจแก่ผู้ พบเห็นหากสร้างสรรคผ์ ลงานโดยขาดองคป์ ระกอบศิลป์ ผลงานน้นั อาจดูดอ้ ยคา่ หมดความหมายหรือไม่น่าสนใจไปเลย ดงั น้นั จะเห็นไดว้ า่ องคป์ ระกอบศิลป์ น้นั มีความสาคญั อยา่ งมากในการสร้างงานศิลปะมีนกั การศึกษาดา้ นศิลปะหลายทา่ นไดใ้ หท้ รรศนะในดา้ น ความสาคญั ขององคป์ ระกอบศิลป์ ท่ีมีต่อการสร้างงานศิลปะไว้ พอจะสรุปไดด้ งั น้ี การสร้างสรรคง์ านศิลปะใหไ้ ดด้ ีน้นั ผสู้ ร้างสรรคจ์ ะตอ้ งทาความเขา้ ใจกบั องคป์ ระกอบศิลป์ เป็นพ้ืนฐานเสียก่อนไม่เช่นน้นั แลว้ ผลงานท่ี ออกมามกั ไม่สมบรู ณ์เทา่ ไรนกั ซ่ึงองคป์ ระกอบหลกั ของศิลปะกค็ ือรูปทรงกบั เน้ือหา(ชลูด น่ิมเสมอ) องคป์ ระกอบศิลป์ เป็นเสมือนหวั ใจดวงหน่ึงของการทางานศิลปะ เพราะในงานองคป์ ระกอบศิลป์ หน่ึงชิ้นจะประกอบไปดว้ ย การร่างภาพ(วาดเสน้ ) การจดั วางใหเ้ กิดความงาม (จดั ภาพ) และการใชส้ ี(ทฤษฎีสี)ซ่ึงแตล่ ะอยา่ งจะตอ้ งเรียนรู้สู่รายละเอียดลึกลงไปอีก องคป์ ระกอบศิลป์ จึงเป็นพ้ืนฐาน สาคญั ท่ีรวบรวมความรู้หลายๆอยา่ งไวด้ ว้ ยกนั จึงตอ้ งเรียนรู้ก่อนท่ีจะศึกษาในเรื่องอ่ืนๆ (อนนั ต์ ประภาโส) 3. องคป์ ระกอบพ้ืนฐานดา้ นนามธรรมของศิลปะ

องคป์ ระกอบพ้ืนฐานดา้ นนามธรรมของศิลปะ เป็นแนวคิด หรือจุดกาเนิดแรกท่ีศิลปิ นใชเ้ ป็นส่ิงกาหนดทิศทางในการสร้างสรรค์ ก่อนที่จะ มีการสร้างผลงานศิลปะ ประกอบดว้ ย เน้ือหากบั เรื่องราว 1.เน้ือหาในทางศิลปะ คือ ความคิดที่เป็นนามธรรมที่แสดงใหเ้ ห็นไดโ้ ดยผา่ นกระบวนการทางศิลปะ เช่น ศิลปิ นตอ้ งการเขียนภาพที่มี เน้ือหาเกี่ยวกบั ชนบท กจ็ ะแสดงออกโดยการเขียนภาพทิวทศั นข์ องชนบทหรือภาพวิถีชิวติ ของคนในชนบทเป็นตน้ 2.เรื่องราวในทางศิลปะ คือส่วนท่ีแสดงความคิดท้งั หมดของศิลปิ นออกมาเป็นรูปธรรมดว้ ยกระบวนการทางศิลปะ เช่น ศิลปิ นเขียน ภาพชื่อชาวเขา กม็ กั แสดงรูปเก่ียวกบั วิถีชีวิต หรือกิจกรรมส่วนหน่ึงของชาวเขา นน่ั คือเร่ืองราวท่ีปรากฏออกมาใหเ้ ห็น ประเภทของความสมั พนั ธข์ องเน้ือหากบั เร่ืองราวในงานทศั นศิลป์ น้นั เน้ือหากบั เร่ืองราวจะมีความสมั พนั ธก์ นั นอ้ ยหรือมาก หรืออาจไม่ สมั พนั ธก์ นั เลย หรืออาจไมม่ ีเรื่องเลยกเ็ ป็นไปไดท้ ้งั น้นั โดยข้ึนกบั ลกั ษณะของงาน และเจตนาในการแสดงออกของศิลปิ น ซ่ึงเราสามารถแยกได้ ดงั ต่อไปน้ีคือ (1) การเนน้ เน้ือหาดว้ ยเร่ือง (2) เน้ือหาท่ีเป็นผลจากการผสมผสานกนั ของศิลปิ นกบั เรื่อง (3) เน้ือหาท่ีเป็นอิสระจากเรื่อง (4) เน้ือหาไม่มีเร่ือง 1. การเนน้ เน้ือหาดว้ ยเรื่อง ไดแ้ ก่ การใชเ้ ร่ืองท่ีตรงกบั เน้ือหา และเป็นตวั แสดงเน้ือหาของงานโดยตรง ตวั อยา่ งเช่น เม่ือศิลปิ นตอ้ งการให้ ความงามทางดา้ นดอกไมเ้ ป็นเน้ือหาของงาน เขากจ็ ะหาดอกไมท้ ี่สวยงามมาเป็นเร่ืองสีสนั และความอ่อนชอ้ ยของกลีบดอกจะช่วยใหเ้ กิดความงามข้ึน ในภาพ 2. เน้ือหาท่ีเป็นผลจากการผสมผสานระหวา่ งศิลปิ นกบั เร่ือง ในส่วนน้ีศิลปิ นจะเสนอความเห็นส่วนตวั หรือผสมความรู้สึกส่วนตวั เขา้ ไปในเรื่อง เป็นการผสมกนั ระหวา่ งรูปลกั ษณะของเรื่องกบั จินตนาการของศิลปิ น เช่นเรื่องความงามของดอกไม้ โดยศิลปิ นผสมความรู้สึกนึกคิดของ ตนเองลงไปในเร่ืองดว้ ย เขาจะดดั แปลง เพิม่ เติมรูปร่างของดอกไมใ้ หง้ ามไปตามทศั นะของเขาและใชอ้ งคป์ ระกอบทางศิลปะเป็นองคป์ ระกอบทาง รูปทรงใหส้ อดคลอ้ งกบั ความงามของเรื่อง

3. เน้ือหาท่ีเป็นอิสระจากเรื่อง เมื่อศิลปิ นผสมจินตนาการของตนเองเขา้ ไปในงานมากข้ึน ความสาคญั ของเร่ืองจะลดลง ดอกไมท้ ี่สวยท่ี เป็นแบบอาจถูกศิลปิ นตดั ทอนขดั เกลา หรือเปล่ียนแปลงมากที่สุด จนเรื่องดอกไมน้ ้นั หมดความสาคญั ไปอยา่ งสิ้นเชิง เหลือแตเ่ น้ือหาท่ีเป็นอิสระ การ ทางานแบบน้ีศิลปิ นอาศยั เพยี งเร่ือง เป็นจุดเร่ิมตน้ แลว้ เดินทางห่างออกจากเรื่องจนหายลบั ไป เหลือแตร่ ูปทรงและตวั ศิลปิ นเองท่ีเป็นเน้ือหาของงาน กรณีน้ีเน้ือหาภายในซ่ึง หมายถึงเน้ือหาท่ีท่ีเกิดข้ึนจากการประสานกนั ของรูปทรงจะมีบทบาทมากกวา่ เน้ือหาภายนอก หรือบางคร้ังจะไม่แสดง เน้ือหาภายนอกออกมาเลย 4. เน้ือหาไม่มีเร่ือง ศิลปิ นบางประเภท ไม่มีความจาเป็นตอ้ งใชเ้ ร่ืองเป็นจุดเริ่มตน้ งานของเขาไม่มีเร่ือง มีแตร่ ูปทรงกบั เน้ือหา โดยรูปทรง เป็นเน้ือหาเสียเองโดยตรง เป็นเน้ือหาภายในลว้ นๆ เป็นการแสดงความคิด อารมณ์ และบุคลิกภาพของศิลปิ นแทๆ้ ลงไปในรูปทรงท่ีบริสุทธ์ิ งาน ประเภทน้ีจะเห็นไดช้ ดั ในดนตรีและงานทศั นศิลป์ ท่ีเป็นนามธรรมและแบบนอนออบเจคตีฟ องคป์ ระกอบพ้ืนฐานดา้ นรูปธรรมของศิลปะองคป์ ระกอบพ้นื ฐานดา้ นรูปธรรมของศิลปะ คือสิ่งท่ีแสดงแนวดิดเก่ียวกบั เน้ือหาและเร่ืองราว ของศิลปิ นใหเ้ ห็นหรือรับรู้ผา่ นผลงานศิลปะ ประกอบดว้ ย เอกภาพ ดุลยภาพ และจุดเด่น 1. เอกภาพหมายถึงการนาองคป์ ระกอบของศิลปะมาจดั เขา้ ดว้ ยกนั ใหแ้ ต่ละหน่วยมีความสมั พนั ธ์ เกี่ยวขอ้ งซ่ึงกนั และกนั ประสาน กลมกลืนเกิดเป็นผลรวมท่ีแบ่งแยกไม่ได้ โดยถ่ายทอดเป็นผลงานศิลปะดว้ ยกระบวนการศิลปะ 2. ดุลยภาพ คือการนาองคป์ ระกอบของศิลปะมาจดั เขา้ ดว้ ยกนั ใหเ้ กิดความเทา่ กนั หรือสมดุล โดยมีเส้นแกนสมมุติ 2 เส้นเป็น ตวั กาหนดดุลยภาพเสน้ แกนสมมุติจะทาหนา้ ท่ีแบ่งภาพออกเป็นดา้ นซา้ นและดา้ นขวา หรือดา้ นบนและดา้ นลา่ ง เพือ่ ใหผ้ ลงานศิลปะท่ีปรากฏเกิด ความสมดุลในลกั ษณะใดลกั ษณะหน่ึง เช่นแบบซา้ ยขวาเหมือนกนั และแบบซา้ ย ขวา ไม่เหมือนกนั 3. จุดเด่น คือ ส่วนท่ีสาคญั ในภาพ มีความชดั เจนสะดุดตาเป็นแห่งแรก รับรู้ไดด้ ว้ ยการมองผลงานที่สาเร็จแลว้ จุดเด่นจะมีลกั ษณะ การมีอานาจ ตระหงา่ น ชดั เจนกวา่ ส่วนอื่นท้งั หมด โดยเกิดจากการเนน้ ใหเ้ ด่นในลกั ษณะใดลกั ษณะน่ึง เช่น จุดเด่นที่มีความเด่นชดั หรือจุดเด่นที่ แยกตวั ออกไปใหเ้ ดน่ 4. ส่วนประกอบขององคป์ ระกอบศิลป์

ซ่ึงจะทาใหเ้ ราสร้างสรรคผ์ ลงานทุกรูปแบบไดน้ ่าสนใจ มีความสวยงาม มีดงั น้ี จุด เสน้ รูปร่าง-รูปทรง สี น้าหนกั -แสงเงา สี จุดเด่น-จุดรอง ระยะ-จงั หวะ-การซ้า พิน้ ผวิ พ้ืนที่วา่ ง ความสมดุล ความเป็ นเอกภาพ 5. หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์

by Atsune Mitsunari 02/18/2014 หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ (Principles of design) หมายถึง การจดั องคป์ ระกอบของงานศิลปะท้งั รูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติเพ่ือใหเ้ กิดการรับรู้ที่สมบูรณ์ สวยงามบนพ้ืนฐานของการสร้างสรรค์ 1. สดั ส่วน (PROPERTY) คือ ความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งเหมาะสมระหวา่ งขนาดของ องคป์ ระกอบท่ีแตกตา่ งกนั ท้งั ขนาดที่อยใู่ นรูปทรงเดียวกนั หรือระหวา่ งรูปทรงและรวมถึง ความสมั พนั ธ์กลมกลืนระหวา่ งองคป์ ระกอบท้งั หลายดว้ ย ความเหมาะสมของสดั ส่วนอาจ พจิ ารณาจากคณุ ลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี 1.1 สดั ส่วนที่เป็นมาตรฐาน จากรูปลกั ษณะตามธรรมชาติ ของ คน สัตว์ พชื ซ่ึงโดยทว่ั ไป ถือวา่ สดั ส่วนตามธรรมชาติ จะมีความงามที่เหมาะสมที่สุด หรือจากรูปลกั ษณะท่ีเป็นการ สร้างสรรคข์ องมนุษย์ 1.2 สดั ส่วนจากความรู้สึก โดยที่ศิลปะน้นั ไม่ไดส้ ร้างข้ึนเพ่อื ความงามของรูปทรงเพยี ง อยา่ งเดียว แต่ยงั สร้างข้ึนเพื่อแสดงออกถึง เน้ือหา เรื่องราว ความรู้สึกดว้ ย สดั ส่วนจะช่วย เนน้ อารมณ์ ความรู้สึก ใหเ้ ป็นไปตามเจตนารมณ์ และเรื่องราวที่ศิลปิ นตอ้ งการ 2. ความสมดุล หรือ ดุลยภาพ (BALANCE)

คือ น้าหนกั ท่ีเท่ากนั ขององคป์ ระกอบ ไม่เอนเอียงไปขา้ งใดขา้ งหน่ึง ในทางศิลปะยงั รวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของ ส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหน่ึง หรืองานศิลปะ ชิ้นหน่ึง การจดั วางองคป์ ระกอบต่าง ๆ ลงในงานศิลปกรรมน้นั จะตอ้ งคานึงถึงจุดศูนยถ์ ่วง ในธรรมชาติ 2.1 ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาเหมือนกนั คือ การวางรูปท้งั สองขา้ งของแกนสมดุล เป็นการสมดุลแบบธรรมชาติ ส่วนมากจะใชใ้ นลวดลายตกแตง่ ในงานสถาปัตยกรรมบางแบบ หรือ ในงานที่ตอ้ งการ ดุลยภาพที่น่ิงและมน่ั คงจริง ๆ 2.2 ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาไม่เหมือนกนั มกั เป็นการสมดุลท่ีเกิดจาการจดั ใหม่ของมนุษย์ ซ่ึงมีลกั ษณะที่ทางซา้ ยและขวาไม่เหมือนกนั 3.จงั หวะลีลา(Rhythm) คือ การเคลื่อนไหวท่ีเกิดจาการซ้ากนั ขององคป์ ระกอบ เป็นการซ้าที่เป็นระเบียบ จากระเบียบธรรมดาท่ีมีช่วงห่างเท่าๆ กนั มาเป็นระเบียบท่ีสูงข้ึน ซบั ซอ้ นข้ึนจนถึงข้นั เกิดเป็นรูปลกั ษณะของศิลปะ4. การเนน้ (Emphasis) การกระทาใหเ้ ด่นเป็นพิเศษกวา่ ธรรมดา ในงานศิลปะจะตอ้ งมี ส่วนใดส่วนหน่ึง หรือจุดใดจุดหน่ึง ท่ีมีความสาคญั กวา่ ส่วนอ่ืน ๆ งานท่ีไม่มีจุดสนใจ หรือจุดเนน้ จะทาใหด้ ูน่าเบ่ือ เหมือนกบั ลวดลายที่ถูกจดั วางซ้ากนั โดยปราศจากความหมาย หรือเรื่องราวที่น่าสนใจ 4.1 การเนน้ ดว้ ยการใชอ้ งคป์ ระกอบท่ีตดั กนั (Emphasis by Contrast) ส่ิงท่ีแปลกแตกตา่ งไปจากส่วนอ่ืนๆ ของงาน จะเป็นจุดสนใจ ดงั น้นั การใชอ้ งคป์ ระกอบที่มีลกั ษณะ แตกต่าง หรือขดั แยง้ กบั ส่วนอ่ืน กจ็ ะทาใหเ้ กิดจุดสนใจข้ึนใน ผลงานได้ 4.2 การเนน้ ดว้ ยการดว้ ยการอยู่ โดดเด่ียว (Emphasis by Isolation) เมื่อส่ิงหน่ึงถูกแยกออกไปจากส่วนอื่น ๆ ของภาพ หรือกลุม่ ของมนั สิ่งน้นั กจ็ ะเป็นจุดสนใจ

และเกิดความสาคญั ข้ึนมา 4.3 การเนน้ ดว้ ยการจดั วางตาแหน่ง (Emphasis by Placement) เม่ือองคป์ ระกอบอ่ืน ๆ ช้ีนามายงั จุดใด ๆ จุดน้นั กจ็ ะเป็นจุดสนใจท่ีถูกเนน้ ข้ึนมา 5. เอกภาพ(Unity) ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ขององคป์ ระกอบศิลป์ ท้งั ดา้ นรูปลกั ษณะ และดา้ นเน้ือหาเรื่องราว เป็นการประสานหรือจดั ระเบียบของส่วนต่าง ๆใหเ้ กิดความเป็น หน่ึงเดียว 5.1 เอกภาพของการแสดงออก หมายถึง การแสดงออกท่ีมีจุดมุ่งหมายเดียว แน่นอน และมีความเรียบงา่ ย5.2 เอกภาพของรูปทรง คือ การรวมตวั กนั อยา่ งมีดุลยภาพ และมีระเบียบขององคป์ ระกอบ ทางศิลปะ เพอื่ ใหเ้ กิดเป็นรูปทรงหน่ึง ท่ีสามารถแสดงความคิดเห็นหรืออารมณ์ของศิลปิ น ออกไดอ้ ยา่ งชดั เจน 0 27294 Map Outline Comments หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ 1. การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ (Principles of design) หมายถึง การจดั องคป์ ระกอบของงานศิลปะท้งั รูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติเพ่อื ใหเ้ กิด การรับรู้ที่สมบูรณ์ สวยงามบนพ้นื ฐานของการสร้างสรรค์ 2. 1. สดั ส่วน (PROPERTY) 2.1. คือ ความสมั พนั ธก์ นั อยา่ งเหมาะสมระหวา่ งขนาดของ องคป์ ระกอบที่แตกต่างกนั ท้งั ขนาดที่อยใู่ นรูปทรงเดียวกนั หรือระหวา่ งรูปทรงและ รวมถึง ความสมั พนั ธก์ ลมกลืนระหวา่ งองคป์ ระกอบท้งั หลายดว้ ย ความเหมาะสมของสดั ส่วนอาจ พิจารณาจากคุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี 2.1.1. 1.1 สดั ส่วนที่เป็นมาตรฐาน จากรูปลกั ษณะตามธรรมชาติ ของ คน สตั ว์ พชื ซ่ึงโดยทวั่ ไป ถือวา่ สดั ส่วนตามธรรมชาติ จะมีความงาม ที่เหมาะสมที่สุด หรือจากรูปลกั ษณะที่เป็นการ สร้างสรรคข์ องมนุษย์ 2.1.2. 1.2 สดั ส่วนจากความรู้สึก โดยท่ีศิลปะน้นั ไม่ไดส้ ร้างข้ึนเพอื่ ความงามของรูปทรงเพียง อยา่ งเดียว แต่ยงั สร้างข้ึนเพอ่ื แสดงออก ถึง เน้ือหา เรื่องราว ความรู้สึกดว้ ย สัดส่วนจะช่วย เนน้ อารมณ์ ความรู้สึก ใหเ้ ป็นไปตามเจตนารมณ์ และเรื่องราวที่ศิลปิ นตอ้ งการ 3. 2. ความสมดุล หรือ ดุลยภาพ (BALANCE) 3.1. คือ น้าหนกั ท่ีเท่ากนั ขององคป์ ระกอบ ไม่เอนเอียงไปขา้ งใดขา้ งหน่ึง ในทางศิลปะยงั รวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดี ของ ส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหน่ึง หรืองานศิลปะ ชิ้นหน่ึง การจดั วางองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ลงในงานศิลปกรรมน้นั จะตอ้ งคานึงถึงจุดศูนยถ์ ว่ ง ใน

ธรรมชาติ 3.1.1. 2.1 ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาเหมือนกนั คือ การวางรูปท้งั สองขา้ งของ แกนสมดุล เป็นการสมดุลแบบธรรมชาติ ส่วนมากจะใชใ้ นลวดลายตกแต่ง ในงานสถาปัตยกรรมบางแบบ หรือ ในงานท่ีตอ้ งการ ดุลยภาพท่ีน่ิง และมนั่ คงจริง ๆ 3.1.2. 2.2 ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาไม่เหมือนกนั มกั เป็นการสมดุลที่เกิดจา การจดั ใหม่ของมนุษย์ ซ่ึงมีลกั ษณะที่ทางซา้ ยและขวาไม่เหมือนกนั 4. 3.จงั หวะลีลา(Rhythm) 4.1. คือ การเคลื่อนไหวที่เกิดจาการซ้ากนั ขององคป์ ระกอบ เป็นการซ้าท่ีเป็นระเบียบ จากระเบียบธรรมดาท่ีมีช่วงห่างเทา่ ๆ กนั 6. หลกั องคป์ ระกอบทางศิลปะ เป็นหลกั สาคญั สาหรับผสู้ ร้างสรรค์ และผศู้ ึกษางานศิลปะ เน่ืองจากผลงานศิลปะใด ๆ กต็ าม ลว้ นมีคุณคา่ อยู่ 2 ประการ คือ คุณคา่ ทางดา้ นรูปทรง และ คุณคา่ ทางดา้ นเร่ืองราวคุณคา่ ทางดา้ นรูปทรง เกิดจากการนาเอา องคป์ ระกอบต่าง ๆ ของ ศิลปะ อนั ไดแ้ ก่ เสน้ สี แสงและเงา รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผวิ ฯลฯ มาจดั เขา้ ดว้ ยกนั เพือ่ ใหเ้ กิดความงาม ซ่ึงแนวทางในการนาองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ มาจดั รวมกนั น้นั เรียกวา่ การจดั องค์ ประกอบศิลป์ (Art Composition) โดยมีหลกั การจดั ตามที่จะกล่าวต่อไป อีกคุณคา่ หน่ึงของงานศิลปะ คือ คุณคา่ ทางดา้ นเน้ือหา เป็นเร่ืองราว หรือสาระของ ผลงานที่ศิลปิ นผสู้ ร้าง สรรคต์ อ้ งการท่ีจะแสดงออกมา ใหผ้ ชู้ มไดส้ มั ผสั รับรู้ โดยอาศยั รูปลกั ษณะที่เกิดจากการจดั องคป์ ระกอบศิลป์ นนั่ เองหรืออาจ กลา่ วไดว้ า่ ศิลปิ นนาเสนอเน้ือหาเร่ืองราวผา่ นรูปลกั ษณะท่ีเกิดจากการจดั องคป์ ระกอบทางศิลปะ ถา้ องคป์ ระกอบที่จดั ข้ึน ไม่สมั พนั ธก์ บั เน้ือหาเร่ืองราวที่นาเสนองานศิลปะน้นั กจ็ ะขาดคุณคา่ ทางความงามไป ดงั น้นั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ จึงมี ความสาคญั ในการสร้างสรรคง์ านศิลปะเป็นอยา่ งยง่ิ เพราะจะทาใหง้ านศิลปะทรงคุณคา่ ทางความงามอยา่ งสมบูรณ์ การจดั องคป์ ระกอบของศิลปะ มีหลกั ที่ควรคานึง อยู่ 5 ประการ คือ 1 .ความสมดุล หรือ ดุลยภาพ หมายถึง น้าหนกั ที่เทา่ กนั ขององคป์ ระกอบ ไม่เอนเอียงไปขา้ งใดขา้ งหน่ึงในทางศิลปะยงั รวมถึงความประสาน

กลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของ ส่วนตา่ ง ๆ ในรูปทรงหน่ึง หรืองานศิลปะชิ้นหน่ึง การจดั วางองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ลงใน งานศิลปกรรมน้นั จะตอ้ ง คานึงถึงจุดศูนยถ์ ่วง ในธรรมชาติน้นั ทกุ สิ่งส่ิงท่ีทรงตวั อยไู่ ดโ้ ดยไม่ลม้ เพราะมีน้าหนกั เฉล่ียเทา่ กนั ทุกดา้ น ฉะน้นั ในงานศิลปะถา้ มองดูแลว้ รู้สึกวา่ บางส่วนหนกั ไป แน่นไป หรือ เบา บางไปกจ็ ะทาใหภ้ าพน้นั ดูเอนเอียง และเกิดความ รู้สึกไม่สมดุล เป็นการ บกพร่องทางความงาม ดุลยภาพในงานศิลปะ มี 2 ลกั ษณะ คือ 1.1 ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาเหมือนกนั คือ การวางรูปท้งั สองขา้ งของแกนสมดุล เป็นการสมดุลแบบธรรมชาติลกั ษณะแบบน้ีใน ทางศิลปะมีใชน้ อ้ ย ส่วนมากจะใชใ้ นลวดลายตกแต่ง ในงานสถาปัตยกรรมบางแบบ หรือ ในงานท่ี ตอ้ งการดุลยภาพท่ีนิ่งและมน่ั คงจริง ๆ 1.2 ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซา้ ยขวาไม่เหมือนกนั มกั เป็นการสมดุลที่เกิดจาการจดั ใหม่ ของมนุษย์ ซ่ึงมีลกั ษณะท่ีทางซา้ ยและขวาจะไม่ เหมือนกนั ใชอ้ งคป์ ระกอบท่ีไม่เหมือนกนั แต่มีความสมดุลกนั อาจเป็นความสมดุลดว้ ย น้าหนกั ของ องคป์ ระกอบ หรือสมดุลดว้ ยความรู้สึกกไ็ ด้ การจดั องคป์ ระกอบใหเ้ กิดความ สมดุลแบบอสมมาตรอาจทาไดโ้ ดย เล่ือนแกนสมดุลไปทางดา้ นที่มี น้าหนกั มากวา่ หรือ เล่ือนรูปที่มีน้าหนกั มากวา่ เขา้ หาแกน จะทาใหเ้ กิดความสมดุลข้ึน หรือใชห้ น่วยท่ีมีขนาดเลก็ แตม่ ีรูปลกั ษณะที่น่าสนใจถ่วงดุลกบั รูปลกั ษณะที่มีขนาดใหญ่แตม่ ีรูปแบบธรรมดา 2.จงั หวะลีลา หมายถึง การเคล่ือนไหวที่เกิดจาการซ้ากนั ขององคป์ ระกอบ เป็นการซ้าที่เป็นระเบียบ จากระเบียบธรรมดาที่มีช่วงห่างเท่าๆ กนั มาเป็น ระเบียบที่สูงข้ึน ซบั ซอ้ นข้ึนจนถึงข้นั เกิดเป็นรูปลกั ษณะของศิลปะ โดยเกิดจาก การซ้าของหน่วย หรือการสลบั กนั ของหน่วยกบั ช่องไฟ หรือเกิดจาก การเลื่อนไหลตอ่ เนื่องกนั ของเส้น สี รูปทรง หรือ น้าหนกั รูปแบบๆ หน่ึง อาจเรียกวา่ แม่ลาย การนาแม่ลายมาจดั วางซ้า ๆ กนั ทาใหเ้ กิดจงั หวะและถา้ จดั จงั หวะใหแ้ ตกต่างกนั ออกไป ดว้ ยการเวน้ ช่วง หรือสลบั ช่วง กจ็ ะเกิดลวดลายที่แตกต่างกนั ออกไป ไดอ้ ยา่ งมากมาย แต่จงั หวะของลายเป็นจงั หวะอยา่ งง่าย ๆ ใหค้ วาม รู้สึกเพียงผวิ เผนิ และเบ่ืองา่ ย เน่ืองจาก ขาดความหมาย เป็นการรวมตวั ของสิ่งที่เหมือนกนั แต่ไม่มีความหมายในตวั เอง จงั หวะที่น่าสนใจและมีชีวติ ไดแ้ ก่ การเคล่ือนไหวของ คน สตั ว์ การ เติบโตของพืช การเตน้ ราเป็นการเคล่ือนไหวของโครงสร้างท่ีใหค้ วามบนั ดาล ใจในการสร้างรูปทรงท่ีมีความหมาย 3.สดั ส่วน หมายถึง ความสมั พนั ธก์ นั อยา่ งเหมาะสมระหวา่ งขนาดของ องคป์ ระกอบท่ีแตกตา่ งกนั ท้งั ขนาดท่ีอยใู่ นรูปทรงเดียวกนั หรือระหวา่ ง รูปทรง และรวมถึงความสมั พนั ธก์ ลมกลืนระหวา่ งองคป์ ระกอบท้งั หลายดว้ ย ซ่ึงเป็นความพอเหมาะพอดี ไม่ มากไม่นอ้ ย ขององคป์ ระกอบท้งั หลายที่ นามาจดั รวมกนั ความเหมาะสมของสดั ส่วนอาจ พจิ ารณาจากคุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี 1.1 สดั ส่วนท่ีเป็นมาตรฐาน จากรูปลกั ษณะตามธรรมชาต ของ คน สตั ว์ พชื ซ่ึงโดยทว่ั ไป ถือวา่ สดั ส่วนตามธรรมชาติ จะมีความงามที่เหมาะสม ท่ีสุด หรือจากรูปลกั ษณะท่ีเป็นการ สร้างสรรคข์ องมนุษย์ เช่น Gold section เป็นกฎในการสร้างสรรคร์ ูปทรงของกรีก ซ่ึงถือวา่ “ส่วนเลก็ สมั พนั ธ์กบั ส่วนท่ีใหญ่กวา่ ส่วนที่ใหญก่ วา่ สมั พนั ธ์กบั ส่วนรวม” ทาใหส้ ่ิงตา่ ง ๆ ท่ีสร้างข้ึนมีสดั ส่วนที่สมั พนั ธก์ บั ทุกส่ิงอยา่ งลงตวั 1.2 สดั ส่วนจากความรู้สึก โดยที่ศิลปะน้นั ไม่ไดส้ ร้างข้ึนเพ่ือความงามของรูปทรงเพียง อยา่ งเดียว แต่ยงั สร้างข้ึนเพ่อื แสดงออกถึง เน้ือหา เร่ืองราว ความรู้สึกดว้ ย สดั ส่วนจะช่วย เนน้ อารมณ์ ความรู้สึก ใหเ้ ป็นไปตามเจตนารมณ์ และเร่ืองราวท่ีศิลปิ นตอ้ งการ ลกั ษณะเช่น น้ี ทาใหง้ านศิลปะของชน ชาติตา่ ง ๆ มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั เน่ืองจากมีเรื่องราว อารมณ์ และ ความรู้สึกท่ีตอ้ งการแสดงออกตา่ ง ๆ กนั ไป เช่น กรีก นิยมในความงามตาม ธรรมชาติเป็น อุดมคติ เนน้ ความงามท่ีเกิดจากการประสานกลมกลืนของรูปทรง จึงแสดงถึงความเหมือน จริงตามธรรมชาติ ส่วนศิลปะแอฟริกนั ด้งั เดิม เนน้ ที่ความรู้สึกทางวิญญานที่น่ากลวั ดงั น้นั รูปลกั ษณะจึงมีสดั ส่วนท่ีผดิ แผกแตกต่างไปจากธรรมชาติทว่ั ไป 4. เอกภาพ หมายถึง ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ขององคป์ ระกอบศิลป์ ท้งั ดา้ นรูปลกั ษณะและดา้ นเน้ือหาเร่ืองราว เป็นการประสานหรือจดั ระเบียบ ของส่วนตา่ ง ๆใหเ้ กิดความเป็น หน่ึงเดียวเพอ่ื ผลรวมอนั ไม่อาจแบ่งแยกส่วนใดส่วนหน่ึงออกไป

การสร้างงานศิลปะ คือ การสร้างเอกภาพข้ึนจากความสบั สน ความยงุ่ เหยงิ เป็นการจดั ระเบียบ และดุลยภาพ ใหแ้ ก่สิ่งท่ีขดั แยง้ กนั เพ่อื ใหร้ วมตวั กนั ได้ โดยการเชื่อมโยงส่วนตา่ ความคดิ เห็น โพสต์ยอดนิยมจากบลอ็ กนี้ ธาตุทางทัศนศิลป์ ตลุ าคม 30, 2561 1. ความเป็นมาของทศั นศิลป์ ความเป็นมาของคาว่า “ทัศนศิลป์ ” เกิดจากแนวความคิดของศิลปิ น เบาเฮาส์ ใน เยอรมนี ซึ่งกต็ ังสถาบัน “เบาเฮาส์” นี้ ขึน้ ในปี ค.ศ. 1919 และก่อตั้งได้ไม่นานกแ็ ยกย้ายไปในประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งย้ายไปอย่ปู ระเทศสหรัฐอเมริกามากที่สุด และได้ต้ัง สถาบนั ศิลปะแห่งใหม่ขึน้ มาที่นครชิคาโก ช่ือ Institute of Design โดย โมโฮลี นาจ (Mr.Moholy Nagy) และพยายามทบทวน จุดยืนทางศิลปะขึน้ ใหม่ตามแนวทางทางศิลปะมลี กั ษณะทางวิทยาศาสตร์มาย่ิงขึน้ เมือ้ ผ้สู าเร็จการศึกษาจากสถาบันนีม้ ากขึน้ จึงได้คิดค้นคาใหม่ท่ี เหมาะสมรัดกมุ จึงได้ใช้คาว่า Visual Art แต่ความเข้าใจและความหมายของคาตามสภาพสังคมที่เปล่ียนแปลงอย่เู สมอจึงสงผลต่อการรับรู้ถึง ความหมายและขอบข่ายของ Visual Art ดังน้ันจึงได้มกี ารทบทวนใหม่ โดยสถาบนั “เบาเฮาส์” ในเยอรมนี ซึ่งได้ร่วมขอบค่ายของศิลปะ 3 สาขาคือ สถาปัตยกรรม จิตกรรม และ ประติมากรรม เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็น Visual Art ซึ่งในภาษาไทยเรียกว่า ทัศนศิลป์ หมายถึง ผลงานมนุษย์สร้างขึน้ ให้เห็นรูปทรง 2 มิติและ 3 มิติ มีเนือ้ ที่ปริมาตรและเนือ้ ท่ี บริเวณว่างตามปริมาตร ของการรับรู้ท่ีมีลักษณะเ… อ่านเพมิ่ เติม กระบวนการสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ พฤศจิกายน 13, 2561 กระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ กระบวนการสร้างสรรค์งานออกแบบ การออกแบบ เป็นความคิดสร้างสรรค์ขึน้ เพ่ือต้องกานสร้างผลิตภณั ฑ์ชิน้ นั้นๆ โดยการสเกต็ ซ์หรือเขยี นแบบแล้วทาการอ่านแบบต่อไป เน่ืองจากการ อ่านแบบเป็นการศึกษาถึงรูปร่างลักษณะรายละเอียดของชิน้ งาน เพื่อต้องการทราบความสัมพันธ์และวสั ดุ ตลอดจนการประมาณราคาการ ออกแบบ หมายถึง การถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ท่ีผ้อู ื่นสามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผสั ได้ เพ่ือให้มคี วามเข้าใจในผลงาน ร่วมกัน แบบท่ีคิดออกมาอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริง หรือแบบที่เป็นลกั ษณะเพือ้ ฝัน เป็นเพยี งนามธรรมกไ็ ด้ หลกั ทั่วไปก่อนการออกแบบ จะต้อง พิจารณาหรือคานึงถึงส่ิงต่อไปนีก้ ารออกแบบรูปร่างต่าง 1. รูปร่าง (Shape)คือ รูปแบน ๆ มี 2 มิติ มคี วามกว้างกับความยาวไม่มีความหนา เกิดจากเส้นรอบนอกที่แสดงพืน้ ที่ขอบเขตของรูปต่าง ๆ เช่น รูปวงกลม รูปสามเหลยี่ ม หรือ รูปอิสระที่แสดงเนือ้ ท่ีของผิวท่ีเป็นระนาบมากกว่าแสดง ปริมาตรหรือมวลรูปทรงต่างๆ 2. รูปทรง (Form)คือ รูปที่ลกั ษณะเป็น 3 มิติ โดยนอกจากจะแสดง ความกว้าง ความยาวแล้ว ยงั มีความลึก หรือความหนา นูน ด้วย เช่น รูปทรงกลม ทรง… อ่านเพม่ิ เติม ขบั เคล่ือนโดย Blogger ภาพธีมโดย Michael Elkan