Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore inbound258524983641052364

inbound258524983641052364

Published by Guset User, 2023-02-13 06:12:44

Description: inbound258524983641052364

Search

Read the Text Version

กฎหมายพาณิชย์ กฎหมายพาณิชย์ คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเศรษฐกิจและการค้า โดยวางระเบียบ เกี่ยวพันทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบุคคล เช่น การตั้งหุ้นส่วนบริษัท การประกอบการรับขน และเรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงิน (เช่น เช็ค) กฎหมาย ว่าด้วยการซื้อขาย การเช่าทรัพย์ การจำนอง การจำนำ เป็นต้น ในปัจจุบันกฎหมายแพ่งและกฎหมายพาณิชย์ของ ประเทศไทย ได้บัญญัติรวมเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน เรียกชื่อว่า “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” แบ่งออกเป็น 6 บรรพ คือ บรรพ 1 ว่าด้วยหลักทั่วไป บรรพ 2 ว่าด้วยหนี้ บรรพ 3 ว่าด้วยเอกเทศ สัญญา บรรพ 4 ว่าด้วยทรัพย์สิน บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัวและ บรรพ 6 ว่าด้วยมรดกเหตุที่ประเทศไทยมีการจัดทำประมวลกฎหมาย โ ด ย ก า ร นำ เ อ า ก ฎ ห ม า ย แ พ่ ง ม า ร ว ม กั บ ก ฎ ห ม า ย พ า ณิ ช ย์ เ ป็ น ฉ บั บ เ ดี ย ว ค ล้ า ย กั บ ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย แ พ่ ง แ ล ะ พ า ณิ ช ย์ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ส วิ ส เ ซ อ ร์ แ ล น ด์ โ ด ย ไ ม่ ไ ด้ แ ย ก เ ป็ น ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย แ พ่ ง เ ล่ ม ห นึ่ ง แ ล ะ ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย พาณิชย์อีกเล่มหนึ่งดังเช่นประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เพราะการค้าพาณิชย์ในขณะที่ร่างกฎหมายยังไม่เจริญก้าวหน้า อีกทั้ง ห ลั ก ทั่ ว ไ ป บ า ง อ ย่ า ง ใ น ก ฎ ห ม า ย แ พ่ ง ก็ ส า ม า ร ถ นำ ไ ป ใ ช้ กั บ ก ฎ ห ม า ย พาณิชย์ได้ ความจำเป็นที่จะต้องแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมาย แ พ่ ง โ ด ย จั ด ทำ เ ป็ น ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย ค น ล ะ เ ล่ ม กั น จึ ง ยั ง ไ ม่ มี ค ว า ม จำ เ ป็ น เท่าใดนักในขณะนั้น

มาตราบุคคล มาตรา ๑๕ ส ภ า พ บุ ค ค ล ย่ อ ม เ ริ่ ม แ ต่ เ มื่ อ ค ล อ ด แ ล้ ว อ ยู่ ร อ ด เ ป็ น ท า ร ก แ ล ะ สิ้นสุดลงเมื่อตายทารกในครรภ์มารดาก็สามารถมีสิทธิต่าง ๆ ได้ หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก มาตรา ๑๖ การนับอายุของบุคคล ให้เริ่มนับแต่วันเกิด ในกรณีที่รู้ว่า เกิดในเดือนใดแต่ไม่รู้วันเกิด ให้นับวันที่หนึ่งแห่งเดือนนั้น เป็นวันเกิด แต่ถ้าพ้นวิสัยที่จะหยั่งรู้เดือนและวันเกิดของ บุคคลใด ให้นับอายุบุคคลนั้นตั้งแต่วันต้นปีปฏิทิน ซึ่งเป็นปี ที่บุคคลนั้นเกิด มาตรา ๑๗ ในกรณีบุคคลหลายคนตายในเหตุภยันตรายร่วมกัน ถ้า เป็นการพ้นวิสัยที่จะกำหนดได้ว่าคนไหนตายก่อนหลัง ให้ ถือว่าตายพร้อมกัน มาตรา ๑๘ สิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้นั้น ถ้ามี บุคคลอื่นโต้แย้งก็ดี หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของนามนั้นต้อง เสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามเดียวกันโดย มิได้รับอำนาจให้ใช้ได้ก็ดี บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้ บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะ ต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้

มาตรานิติกรรม มาตรา ๑๔๙ “นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทําลงโดยชอบด้วย กฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่ง โดยตรงต่อการผูกนิติ สัมพันธ์ขึนระหว่างบุคคล เพือ จะก่อ เปลียนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึงสิทธิ มาตรา ๑๕๐ การใดที่วัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดย กฎหมาย เ ป็ น ก า ร พ บ วิ สั ย ห รื อ ก า ร ขั ด ต่ อ ค ว า ม ส ง บ เ รี ย บ ร้ อ ย ห รื อ ศี ล ธ ร ร ม อั น ดี ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ก า ร นั้ น เ ป็ น โ ม ฆ ะ มาตรา ๑๕๑ การใดเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย ถ้ามิใช่ กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน การนั้นไม่เป็นโมฆะ มาตรา ๑๕๒ การใดมิได้ทำให้ถูกต้องตามที่กฎหมายบังคับไว้ การนั้นเป็น โมฆะ

มาตราสัญญา มาตรา ๓๖๑ อันสัญญาระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทางนั้น ย่อมเกิดเป็น สัญญาขึ้นแต่เวลาเมื่อคำบอกกล่าวสนองไปถึงผู้เสนอ ถ้าตามเจตนาอันผู้ เสนอได้แสดง หรือตามปกติประเพณีไม่จำเป็นจะต้องมีคำบอกกล่าวสนอง ไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเกิดเป็นสัญญาขึ้นในเวลาเมื่อมีการอันใดอันหนึ่งขึ้น อั น จ ะ พึ ง สั น นิ ษ ฐ า น ไ ด้ ว่ า เ ป็ น ก า ร แ ส ด ง เ จ ต น า ส น อ ง รั บ มาตรา ๓๖๒ บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่า จำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใด ๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะ ได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล มาตรา ๓๖๓ ในกรณีที่กล่าวมาในมาตราก่อนนี้ เมื่อยังไม่มีใครทำการสำเร็จดังบ่งไว้ นั้นอยู่ตราบใด ผู้ให้คำมั่นจะถอนคำมั่นของตนเสียโดยวิธีเดียวกับที่โฆษณา นั้นก็ได้ เว้นแต่จะได้แสดงไว้ในโฆษณานั้นว่าจะไม่ถอน ถ้าคำมั่นนั้นไม่อาจ จะถอนโดยวิธีดังกล่าวมาก่อน จะถอนโดยวิธีอื่นก็ได้ แต่ถ้าเช่นนั้นการ ถอนจะเป็นอันสมบูรณ์ใช้ได้เพียงเฉพาะต่อบุคคลที่รู้ ถ้าผู้ให้คำมั่นได้ กำหนดระยะเวลาให้ด้วยเพื่อทำการอันบ่งนั้นไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อน ว่าผู้ให้คำมั่นได้สละสิทธิที่จะถอนคำมั่นนั้นเสียแล้ว มาตรา ๓๖๔ ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการอันบ่งไว้ในโฆษณา ท่านว่าเฉพาะแต่คนที่ทำได้ ก่อนใครหมดเท่านั้น มีสิทธิจะได้รับรางวัล ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการ อันนั้นได้พร้อมกัน ท่านว่าแต่ละคนมีสิทธิจะได้รับรางวัลเป็นส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน แต่ถ้ารางวัลนั้นมีสภาพแบ่งไม่ได้ก็ดี หรือถ้าตามข้อความแห่งคำมั่น นั้น บุคคลแต่คนเดียวจะพึงรับรางวัลก็ดี ท่านให้วินิจฉัยด้วยวิธีจับสลาก บทบัญญัติดังกล่าวมาในวรรคทั้งสองข้างต้นนั้น ท่านมิให้ใช้บังคับถ้าใน โ ฆ ษ ณ า นั้ น แ ส ด ง เ จ ต น า ไ ว้ เ ป็ น อ ย่ า ง อื่ น

มาตราหนี้ มาตรา ๒๐๓ ถ้าเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิได้กำหนดลงไว้ หรือจะอนุมาน จากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้ โดยพลันดุจกัน ถ้าได้กำหนดเวลาไว้ แต่หากกรณีเป็นที่สงสัย ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลา นั้นหาได้ไม่ แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นก็ได้ มาตรา ๒๐๔ ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำ เตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัด เพราะเขาเตือนแล้ว ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่ง ปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตก เป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้ บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้ กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอก กล่าว มาตรา ๒๐๕ ตราบใดการชำระหนี้นั้นยังมิได้กระทำลงเพราะพฤติการณ์อันใด อันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ตราบนั้นลูกหนี้ยังหาได้ชื่อว่า ผิดนัดไม่ มาตรา ๒๐๖ ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่ เวลาที่ทำละเมิด

มาตราซื้อขาย มาตรา ๔๕๓ “อันว่าซื้อขายนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย” มาตรา ๔๕๔ การที่คู่กรณีฝ่ายหนึ่งให้คำมั่นไว้ก่อนว่าจะซื้อหรือขายนั้น จะมีผลเป็นการ ซื้อขายต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้บอกกล่าวความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้ สำเร็จตลอดไป และคำบอกกล่าวเช่นนั้นได้ไปถึงบุคคลผู้ให้คำมั่นแล้ว ถ้า ในคำมั่นมิได้กำหนดเวลาไว้เพื่อการบอกกล่าวเช่นนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้ให้ คำมั่นจะกำหนดเวลาพอสมควร และบอกกล่าวไปยังคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้ ตอบมาเป็นแน่นอนภายในเวลากำหนดนั้นก็ได้ ว่าจะทำการซื้อขายให้สำเร็จ ตลอดไปหรือไม่ ถ้าและไม่ตอบเป็นแน่นอนภายในกำหนดเวลานั้นไซร้ คำ มั่ น ซึ่ ง ไ ด้ ใ ห้ ไ ว้ ก่ อ น นั้ น ก็ เ ป็ น อั น ไ ร้ ผ ล มาตรา ๔๕๕ เมื่อกล่าวต่อไปเบื้องหน้าถึงเวลาซื้อขาย ท่านหมายความว่า เวลาซึ่งทำสัญญาซื้อขายสำเร็จบริบูรณ์ มาตรา ๔๕๖ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตัน ขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือ คำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐาน เ ป็ น ห นั ง สื อ อ ย่ า ง ห นึ่ ง อ ย่ า ง ใ ด ล ง ล า ย มื อ ชื่ อ ฝ่า ย ผู้ ต้ อ ง รั บ ผิ ด เ ป็ น สำ คั ญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้ให้บังคับคดีหา ได้ไม บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขาย สังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย

มาตราเช่าทรัพย์ มาตรา ๕๓๗ หมายถึงการเช่าทรัพย์สินที่มีรูปร่าง ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ที่ไม่มีรูปร่าง เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร สิทธิในเครื่องหมายการค้า เป็นต้น มาตรา ๕๓๘ เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่ง อย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้อง ร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่า มีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือ กำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็น หนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้น จ ะ ฟ้อ ง ร้ อ ง ใ ห้ บั ง คั บ ค ดี ไ ด้ แ ต่ เ พี ย ง ส า ม ปี มาตรา ๕๓๙ ค่าฤชาธรรมเนียมทำสัญญาเช่านั้น คู่สัญญาพึงออกใช้เสมอ กัน ทั้งสองฝ่าย มาตรา ๕๔๐ อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่า สามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้นท่านก็ ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี อนึ่งกำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อ สิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้อง อย่าให้เกินสามสิบปีนับ แต่วันต่อสัญญา

มาตราเช่าซื้อ มาตรา ๕๗๒ อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้ เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สิน นั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็น จำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว มาตรา ๕๗๓ ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ด้วยส่งมอบ ทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง มาตรา ๕๗๔ ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทำผิด สัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิก สัญญาเสียก็ได้ ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ใ ห้ ริ บ เ ป็ น ข อ ง เ จ้ า ข อ ง ท รั พ ย์ สิ น แ ล ะ เ จ้ า ข อ ง ท รั พ ย์ สิ น ช อ บ ที่ จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย

มาตราจ้างแรงงาน มาตรา ๕๗๕ อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ มาตรา ๕๗๖ ถ้ า ต า ม พ ฤ ติ ก า ร ณ์ ไ ม่ อ า จ จ ะ ค า ด ห ม า ย ไ ด้ ว่ า ง า น นั้ น จ ะ พึ ง ทำ ใ ห้ เปล่าไซร้ ท่านย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง มาตรา ๕๗๗ นายจ้างจะโอนสิทธิของตนให้แก่บุคคลภายนอกก็ได้เมื่อลูกจ้าง ยินยอมพร้อมใจด้วย ลูกจ้างจะให้บุคคลภายนอกทำงานแทนตน ก็ได้เมื่อนายจ้างยินยอมพร้อมใจด้วย ถ้าคู่สัญญาฝ่ายใดทำการ ฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกสัญญาเสีย ก็ได้ มาตรา ๕๗๘ ถ้ า ลู ก จ้ า ง รั บ ร อ ง โ ด ย แ ส ด ง อ อ ก ชั ด ห รื อ โ ด ย ป ริ ย า ย ว่ า ต น เ ป็ น ผู้ มี ฝีมือพิเศษ หากมาปรากฏว่าไร้ฝีมือเช่นนั้นไซร้ ท่านว่านายจ้าง ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้

มาตราจ้างทำของ มาตรา ๕๘๗ อันว่าจ้างทำของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับ จ้าง ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีก คนหนึ่ง เรียกว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผล สำเร็จแห่งการที่ทำน มาตรา ๕๘๘ เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับใช้ทำการงานให้สำเร็จนั้นผู้รับจ้าง เ ป็ น ผู้ จั ด ห า มาตรา ๕๘๙ ถ้ า สั ม ภ า ร ะ สำ ห รั บ ทำ ก า ร ง า น ที่ ก ล่ า ว นั้ น ผู้ รั บ จ้ า ง เ ป็ น ผู้ จั ด ห า ท่านว่าต้องจัดหาชนิดที่ดี มาตรา ๕๙๐ ถ้าสัมภาระนั้นผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหามาส่ง ท่านให้ผู้รับจ้างใช้ สัมภาระด้วยความระมัดระวังและประหยัดอย่าให้เปลืองเสียเปล่า เมื่อทำการงานสำเร็จแล้ว มีสัมภาระเหลืออยู่ก็ให้คืนแก่ผู้ว่าจ้าง

มาตรารับทำของ มาตรา ๖๑๐ อั น บุ ค ค ล ผู้ ทำ ค ว า ม ต ก ล ง กั บ ผู้ ข น ส่ ง เ พื่ อ ใ ห้ ข น ข อ ง ส่ ง ไ ป นั้ น เรียกว่าผู้ส่ง หรือผู้ตราส่ง บุคคลผู้ซึ่งเขาส่งของไปถึงนั้น เรียกว่าผู้รับตราส่ง บำเหน็จอันจะต้องจ่ายให้เพื่อการขนส่งของ นั้น เรียกว่าค่าระวางพาหนะ มาตรา ๖๑๑ อันว่าอุปกรณ์แห่งค่าระวางพาหนะนั้น ได้แก่ค่าใช้จ่ายอย่างใด ๆ ตามจารีตประเพณีอันผู้ขนส่งได้เสียไปโดยควรในระหว่างขนส่ง มาตรา ๖๑๒ ถ้าผู้ขนส่งเรียกเอาใบกำกับของ ผู้ส่งต้องทำให้ ฝใบกำกับของ นั้นต้องแสดงรายการต่อไปนี้ คือ (๑) สภาพและน้ำหนัก หรือ ขนาดแห่งของที่ส่ง กับสภาพ จำนวน และเครื่องหมายแห่ง หีบห่อ(๒) ตำบลที่กำหนดให้ส่ง(๓) ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของ ผู้รับตราส่ง (๔) ตำบลและวันที่ออกใบกำกับของนั้น อนึ่งใบ กำ กั บ ข อ ง นั้ น ต้ อ ง ล ง ล า ย มื อ ชื่ อ ผู้ ส่ ง เ ป็ น สำ คั ญ มาตรา ๖๑๓ ถ้าผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งก็ต้องทำให้ใบตราส่งนั้นต้อง แสดงรายการต่อไปนี้ คือ (๑) รายการดังกล่าวไว้ในมาตรา ๖๑๒ อนุมาตรา ๑, ๒ และ ๓(๒) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ส่ง (๓) จำนวนค่าระวางพาหนะ (๔) ตำบลและวันที่ออกใบตราส่ง อ นึ่ ง ใ บ ต ร า ส่ ง นั้ น ต้ อ ง ล ง ล า ย มื อ ชื่ อ ผู้ ข น ส่ ง เ ป็ น สำ คั ญ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook