ประวัติมวยไทย _____________________ จัดทำโดย เด็กชาย ธนกฤติ จินดาพงศ์ _____ชั_้น_ม._1/_7_เล_ข_ที่_1_0___
คำ นำ หนังสือเล่มเป็นส่วนหนึ่งของวิชา ว21246 การนำเสนอสสื่อผสม จัดทำขึ้นเพื่อ ได้ความรู้เกี่ยวกับ ประวัติ ความเป็นมาของมวยไทย และองค์ประกอบต่างๆ ของมวยไทย เช่น แม่ไม้มวยไทย กระบวนท่า และอื่นๆ อีก มากมาย จัดทำโดย ด.ช. ธนกฤติ จินดาพงศ์ ชั้น ม.1/7 เลขที่ 9
สารบัญ หน้า ประวัติมวยไทย 1-2 1.มวยไทยเกิดขึ้นในประเทศใด 3 2.มวยไทยเกิดขึ้นใน พ.ศ. ใด 4 3. ทักษะ แม่ไม้ต่างๆ ของมวยไทย 5-7 4.อุปกรณ์มวยไทย 8-10 5.กติกาของมวยไทย 11-13
ประวัติมวยไทย 1 ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทยเริ่มมีและใช้กันในการสงครามใน สมัยก่อน ซึ่งแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้เป็นการกีฬา โดยมีการ ใช้นวมขึ้นเพื่อป้องกันการอันตรายที่เกิดขึ้น มวยไทยยังคงได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่ง รวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตี) มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละสายตามท้องที่ นั้น ๆ โดยมีสายสำคัญหลัก เช่น มวยท่าเสา (ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาค อีสาน) มวยไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) มีคำ กล่าวไว้ว่า \"หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา\" ในสมัยโบราณจะมี สำนักเรียน (สำนักเรียนมวย แตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือ ครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่ เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้น ถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วน ค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ ชื่นชอบในการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไป ใช้ในการแข่งขัน-ประลอง) โดยแยกเป็น สำนักหลวง และ สำนักราษฎร์ บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบ กระบี่ กระบอง พลอง ทวน ง้าวและมีด หรือการต่อสู้อื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มี ทั้งพระมหากษัตริย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วน ใหญ่เป็นชาย) และจะมีการแข่งขันต่อสู้-ประลองกันในงานวัด และงาน เทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้า แข่งขันชิงรางวัล-เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค
2 รูปปั้ นจำลองของนายขนมต้ม นักมวยคาดเชือกชาวกรุง ศรีอยุธยา ในงานรำลึกนายขนมต้ม ในวันที่ 17 มีนาคม ของทุกปี บางครั้งจึงมีตำนานพระมหากษัตริย์หรือขุนนางที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ ปลอมตนเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือที่เป็นที่ปรากฏได้แก่ พระเจ้าเสือ (ขุนหลวงสรศักดิ์) พระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัย ดาบหัก ครูดอก แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จนเมื่อไทยเสียกรุงแก่ พม่า ปรากฏชื่อนายขนมต้ม ครูมวยชาวอยุธยา ซึ่งถูกกวาดต้อนเป็น เชลยศึกได้ชกมวยกับชาวพม่า ชนะหลายครั้งเป็นที่ปรากฏถึงความ เก่งกาจเหี้ยมหาญของวิชามวยไทย ในสมัยอยุธยา ตอนปลายได้มี การจัดตั้งกรมทนายเลือกและกรมตำรวจหลวงขึ้นมีหน้าที่ในการ ให้การคุ้มครองกษัตริย์และราชวงศ์ ได้มีการฝึกหัดวิชาการต่อสู้ทั้ง มวยไทยและมวยปล้ำตามแบบอย่างแขกเปอร์เซีย (อิหร่าน) จึงมีครู มวยไทยและนักมวยที่มีฝีมือเข้ารับราชการจำนวนมากและได้แสดง ฝีมือในการต่อสู้ในราชสำนักและหน้าพระที่นั่งในงานเทศกาลต่างๆ สืบต่อกันมาเป็นประจำ และเป็นที่น่าสังเกตว่า กองทัพกู้ชาติของ พระเจ้าตาก ล้วนประกอบด้วยนักมวยและครูมวยที่มีชื่อเสียงในยุค นั้นจำนวนมาก ถึงกับได้มีการจัดตั้งเป็นหน่วยรบพิเศษ 3 กอง คือ กองทนายเลือก กองพระอาจารย์ และกองแก้วจินดา ซึ่งได้ปฏิบัติ ภารกิจที่สำคัญที่ทำให้คนไทยสิ้นความหวาดกลัวต่อทัพพม่า ในการ รบที่บ้านนางแก้ว ราชบุรี จนอาจเรียกได้ว่า มวยไทยกู้ชาติ
1.มวยไทยเกิดขึ้นในประเทศใด 3 มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย มีความ โดดเด่นด้านเทคนิคการกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้ง กายและใจ สำหรับการต่อสู้ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดย เป็นที่รู้จักว่าเป็น \"นวอาวุธ\" ซึ่งประกอบด้วยการโจมตี จากร่างกายทั้ง หมัด, ศอก, เข่า และเท้า หากมีการเต รียมพร้อมด้านร่างกายดี จะก่อให้เกิดอาวุธที่มี อานุภาพ มวยไทยได้เป็นที่แพร่หลายในระดับนานาชาติ ในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบ เมื่อเหล่านักมวยไทยสามารถ เป็นฝ่ายชนะนักต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในแขนงอื่น ซึ่งการ แข่งขันมวยไทยในระดับอาชีพ ได้รับการดูแลโดยสภา มวยไทยโลก ปัจจุบัน ทางสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) มีแผนที่จะผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่กีฬา โอลิมปิก และใน พ.ศ.2557 ทางองค์การสหประชาชาติ ได้ให้การยอมรับมวยไทยเป็นกีฬาแห่งประชาคมโลก โดยได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสภา มวยไทยโลก และสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ
2.มวยไทยเกิดขึ้นใน พ.ศ. ใด 4 มวยไทย เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เริ่มประมาณ พ.ศ.1988 - 2310 รวม ระยะเวลา 417 ปี ในระหว่างนั้นบ้างก็มี ศึกกับประเทศใกล้เคียง ทำให้เหล่าชาย ฉกรรจ์สมัยกรุงศรี ต้องฝึกฝนความ ชำนาญในการต่อสู้ด้วยอาวุธและศิลปะ ป้องกันตัวด้วยมือเปล่า หรือ มวยไทย ที่ เราเข้าใจกันทั่วไป
3.ทักษะ แม้ไม้ต่างๆ 5 ของมวยไทย การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก 1.การใช้หมัด หมัดตรง หมายถึง การใช้หมัดที่ถนัดมุ่งไป ยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว และเท้ายันพื้น โดยน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า ใช้แรงส่งจากเท้าหลังและสะโพก หัวไหล่ หมัดตัด หมายถึง การใช้หมัดเหวี่ยงในลักษณะ โค้งเป็นครึ่งวงกลม บริเวณลำตัว ใบหน้า หรือ ศีรษะของคู่ต่อสู้ ผู้รู้บางคนเรียกว่า \"หมัดเหวี่ยง\" แบ่งออกเป็น หมัดเหวี่ยงสั้น และหมัดเหวี่ยงยาว หมัดเหวี่ยงสั้น หมายถึง การเหวี่ยงวงแคบ หมัดเหวี่ยงยาว หมายถึง การเหวี่ยงวงกว้าง หมัดตวัด หมายถึง การใช้สันหมัดกดลงบริเวณ อวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขน ออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ หมัดเสย หมายถึง การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอ ศอก เกร็งข้อศอกหงายหมัด แล้วพุ่งหมัดยกขึ้นสู่เป้า หมาย ได้แก่ ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้
2. การใช้เท้า 6 การเตะ หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า เตะตรง หมายถึง การเตะเสยจากพื้นขึ้นไปส่วนบนในลักษณะตั้งฉากกับพื้น เตะตัด หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าวาดขึ้นขนานกับพื้น สามารถเตะตัดได้ทั้งส่วนล่าง ของลำตัว และส่วนบนของอวัยวะ เตะตวัด หรือเตะเฉียง หมายถึง การเตะที่ทิศของการเตะจะเฉียงลงพื้นสู่เป้าหมาย กลับหลังเตะ หมายถึง การหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้ แล้วเหวี่ยงขาที่วางอยู่ด้าน หลัง ให้ส้นเท้าปะทะเป้าหมาย การถีบ การถีบ หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า เตะตรง หมายถึง การเตะเสยจากพื้นขึ้นไปส่วนบนในลักษณะตั้ง ฉากกับพื้น เตะตัด หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าวาดขึ้นขนานกับพื้น สามารถเตะ ตัดได้ทั้งส่วนล่างของลำตัว และส่วนบนของอวัยวะ เตะตวัด หรือเตะเฉียง หมายถึง การเตะที่ทิศของการเตะจะเฉียง ลงพื้นสู่เป้าหมาย กลับหลังเตะ หมายถึง การหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้ แล้วเหวี่ยงขา ที่วางอยู่ด้านหลัง ให้ส้นเท้าปะทะเป้าหมาย การถีบ 3.การใช้เข่า เข่าตรง หมายถึง เข่าพุ่งตรงไปข้างหน้าเข้าสู่เป้าหมาย เข่าเฉียง หมายถึง เข่าตีเฉียงเข้าสู่เป้าหมายด้านตรงกับ เข่าที่พุ่งออกไป เข่าโค้ง หมายถึง การบิดสะโพกให้คว่ำลง พร้อมกับ เหวี่ยงขาให้มีรัศมีโค้งจากบนลงล่าง ปะทะเป้าหมาย ให้ ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า เข่าโยน หมายถึง การกระโดดโยนเข่าขึ้นไปตรงๆ คล้ายๆ เข่าลอย เป้าหมายที่ปลายคาง และหน้าอกของคู่ต่อสู้ เข่าลอย หมายถึง การกระโดดขึ้นสูง ทะยานกับเข่าโยน
4.การใช้ศอก 7 การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลัก ษณะดังนี้ ศอกตี บางคนเรียกว่า ศอกสับ โดยใช้วิธีการตีศอกจาก บนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า ศอกตัด หมายถึง การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย ศอกงัด หมายถึง การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก ศอกกระทุ้ง หมายถึง การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้า มาด้านหลัง ศอกกลับ หมายถึง การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้าน หลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนตามเท้า
4.อุปกรณ์ มวยไทย 8 1..กางเกงมวยไทย 2.นวมมวยไทย 3.กระสอบทราย 4.เป้าล่อมือ
9 5.เชือกสำหรับกระโดด 6.ผ้าพันมือ 7.ฟันยาง 8.กระจับนักมวย 9.มงคลประเจียด
10 10.แองเกิ้ลข้อเท้า 11.เป่าล่อเตะ 12. สนับแข้ง
5.กติกามวยไทย 11 กติกาการแข่งขันมวยไทย กีฬาทุกชนิดเมื่อทำการแข่งขันจะต้องมีกติกามา กำหนดควบคุมการแข่งขันให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นได้ มวยไทยก็เช่นกันเมื่อทำการแข่งขันก็ต้องมีการวาง กติกาให้ผู้เข้าแข่งขันปฏิบัติเหมือนกันเพื่อความเป็น ระเบียบและยุติธรรมแก่ผู้เข้าแข่งขันทุกฝ่าย กติกา มวยไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นกติกาที่ปรับปรุงมาเป็น ลำดับเพื่อให้เหมาะสมกับกาลสมัยที่แตกต่างกัน กติกา การแข่งขันมวยไทยฉบับแรกมีใช้เมื่อก่อตั้งสนามมวย ราชดำเนินขึ้น อย่างเป็นทางการโดยปรับปรุงมาจาก กติกามวยสากลที่มีการแข่งขันกันอยู่ในเวลานั้น ก่อนจะ ค่อยปรับปรุงมาจนถึงยุคปัจจุบัน มีกติกาการแข่งขันที่ ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยให้ใช้โดยทั่ว กันทุกสนามเพื่อให้มาตรฐานเดียวกัน กติกามวยไทย สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ยุคคือ
12 กติกาการแข่งขันมวยไทยสมัยโบราณ มวยไทยนั้นมีการฝึกสอนและแข่งขันในประเทศไทยมาตั้งแต่อดีต สำหรับกติกาการแข่งขันมวยไทยในสมัยโบราณ แทบจะพูดได้ว่า ไม่มี กติกาที่แน่นอน การเปรียบเทียบเพื่อชกในอดีตจะยึดหลักความสมัครใจ เป็นที่ตั้ง ไม่มีการชั่งน้ำหนัก เพราะต่างถือว่าขนาดของร่างกาย อายุ น้ำ หนัก และส่วนสูงไม่มีความสำคัญเท่ากับฝีไม้ลายมือในชั้นเชิงมวยไทย ไม่มี การกำหนดยกในการแข่งขันที่แน่นอนคือจะชกกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะไม่สามารถชกต่อได้ ก็ให้ฝ่ายที่ยังยืนอยู่เป็นผู้ชนะ แม่ไม้มวยไทยทุกท่า นำมาใช้ในการแข่งขันได้หมด ส่วนเวลาในการชกแต่ละยกก็ใช้กะลาเจาะรู ลอยน้ำเมื่อกะลาจมก็ถือว่าหมดยก ทำให้ไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควรเพราะ กะลามีใบเล็กใบใหญ่ขนาดไม่เท่ากัน และรูที่เจาะก็มีรูเล็กรูใหญ่ไม่เท่ากัน ทำให้กะลาจมลงในเวลาต่างกัน ยังไม่มีการกำหนดมุมเป็นมุมแดงมุม น้ำเงิน ไม่มีชุดที่ใช้ในการแข่งขันเฉพาะใครใส่ชุดใดก็ได้ชุดนั้นแข่งขันได้ เลย แต่ให้คาดเชือกที่หมัดทั้งสองข้าง สรุปแล้วกติกาการแข่งขันไทยใน อดีตไม่แน่นอน โดยจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และความสมัครใจของนัก มวยทั้งสองฝ่ายเป็นสำคัญ
13 กติกาการแข่งขันมวยไทยสมัยปัจจุบัน กติกามวยไทยสมัยปัจจุบันจะถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน ครอบคลุมทุกๆ เรื่อง การแข่งขันมวยไทย ในปัจจุบันนักมวยต้องสวมนวมขนาด 4 ออนซ์ แต่งกายแบบ นักกีฬามวยคือ สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า หรือไม่ก็ได้ เครื่องรางของขลังผูกไว้ที่แขนท่อนบนได้ ส่วนเครื่องรา งอื่นๆ ใส่ได้เฉพาะตอนร่ายรำไหว้ครูแล้วให้ถอดออกตอนเริ่มทำการ แข่งขัน ในการแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คนกรรมการให้ คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยกในการแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาด บนเวที 1 คนกรรมการให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยกในการ แข่งขันมี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที การแข่งขัน แบ่งเป็นรุ่นตามน้ำหนักตัวของนักมวยเหมือนกับหลักเกณฑ์ของ มวยสากล อวัยวะที่ใช้ในการต่อสู้คือ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ ถอง เป็นต้น ได้ทุกส่วนของร่างกายโดยไม่จำกัดที่ที่ชก แม่ ไม้มวยไทยที่มีอันตรายสูงบางท่าถูกห้ามใช้เด็ดขาด อาทิ ท่าหลัก เพชร เป็นท่าจับขาแล้วหักด้วยการนั่งทับ เป็นต้น สำหรับราย ละเอียดของกติกาแต่ละข้อจะปรากฏในภาคผนวก การจำแนกรุ่น
อ้างอิง ประวัติมวยไทย https://th.wikipedia.org/wiki/ %E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0 %B8%A2%E0%B9%84%E0%B8 %97%E0%B8%A2 ทักษะ แม่ไม้มวยไทย https://www.saranukromthai .or.th/sub/book/book.php? book=35&chap=3&page=t35- 3-infodetail04.html กติกามวยไทย http://www.thonglang.ac.th/i mages/st-webonline/web- st2559/samrit/p2.html หาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
THAI BOXING
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: