รหัสวชิ า 3204 - 2010 รายวชิ า การส่ือสารข้อมูลและเครือข่าย จานวน 3 หน่วยกติ จานวนช่ัวโมง รวม 72 ช่ัวโมง
ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น
พ้ืนฐานการสื่อสารขอ้ มูล
ความหมายของขอ้ มูล (Data) • ข้อเทจ็ จริง (Facts) ที่ใช้สาหรับกจิ การอย่างใดอย่างหน่ึง • ข้อมูลเหล่านีเ้ กบ็ รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ • ข้อมูลอาจจะเป็ นข้อเทจ็ จริงทเ่ี ป็ นตวั เลข เช่น จานวน ปริมาณ ระยะทาง ราคาสินค้า ฯ • ข้อมูลอาจจะเป็ นข้อเทจ็ จริงทไี่ ม่ใช่ตัวเลข เช่น ชื่อ ทอ่ี ยู่ สถานภาพ หรือข้อมูลลกั ษณะอื่นเช่น เสียง ฯ • ยงั มคี วามหมายรวมถงึ ข่าวสารทยี่ งั ไม่ได้มีการ ประมวลผล
ข้อมูล (data) คือ ส่ิงที่อยใู่ นรูปท่ีสามารถจดั เก็บและเรียกใช้ ได้ สาหรับทางด้านระบบ คอมพิวเตอร์น้ัน ความถูกต้อง ความ น่าเช่ือถือ และความปลอดภยั ของขอ้ มูล มีความสาคญั มาก เพราะ ขอ้ มูลท่ีดีจะสามารถ สร้างรายได้และประโยชน์ให้กับผูใ้ ช้ เช่น ขอ้ มูลลูกคา้ ลูกหน้ี ขอ้ มูลสูตรการผลิต ขอ้ มูลการตลาด หากขอ้ มูล เหล่าน้ีผิดพลาด คาดเคล่ือน หรือคู่แข่งไดไ้ ป ก็อาจจะทาให้เจา้ ของ ขอ้ มูลเสียหายไดเ้ ป็นอยา่ งมาก
การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) คือ กระบวนการถ่ายทอดขอ้ มูลจากผสู้ ่งขอ้ มูลไปยงั ผรู้ ับขอ้ มูล หรือการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เพ่อื ส่งไปยงั ที่ห่างไกล โดยขอ้ มูลจะอยใู่ นรูป ของขอ้ ความ (Text) , เสียง(Sound) , รูปภาพ (Graphics) ฯลฯ โดยผา่ น ช่องทางสื่อสารต่าง ๆ เช่น สายโทรศพั ท์ , อากาศ , ดาวเทียม ฯลฯ สรุป การส่ือสารขอ้ มูล คือ การเคล่ือนยา้ ย ถ่ายโอนขอ้ มูลต่าง ๆ จากจุดหน่ึงไปยงั อีกจุดหน่ึง โดยผา่ นทางช่องทางการสื่อสาร (Communication Channel) โดยอยใู่ นรูปสญั ญานทางไฟฟ้าและ อิเลคทรอนิกส์ 6
พืน้ ฐานของการส่ือสารข้อมูล ผู้ส่ งสาร ตวั กลาง ผู้รับสาร (Sender) (Transmission (Receiver) medium) 7
ช่วงเวลา พฒั นาการของการส่ือสาร สมยั โบราณ พ.ศ. 2379 การส่งขอ้ ความระยะไกลตอ้ งอาศยั คนนาสาร สญั ญาณควนั ไฟ หรือนกพิราบสื่อสาร พ.ศ. 2419 เซมมวั ล์ มอรส์ (Samuel Morse) คิดคน้ รหสั มอรส์ ซึ่งถกู นามาใชอ้ ย่างกวา้ งขวางและยงั ใชใ้ น การสื่อสารดว้ ยโทรเลข อเล็กซานเดอร์ เกรแฮมเบล (Alexander Graham Bell) ประดิษฐโ์ ทรศพั ทเ์ พื่อการส่ือสาร ดว้ ยเสียงผ่านสายตวั นา
ช่วงเวลา พฒั นาการของการสื่อสาร พ.ศ. 2444 กกู ลิโกโม มารโ์ คนี (Gugligomo Marcon) พ.ศ. 2501 ทดลองส่งรหสั มอรส์ ดว้ ยคล่ืนวิทยุเพ่ือการส่ือสาร พ.ศ. 2512 ไดส้ าเร็จ พ.ศ. 2513 สหรฐั อเมริกาส่งดาวเทียมเพื่อการสื่อสารข้ึนส่อู วกาศ พ.ศ. 2516 อินเทอรเ์ น็ต การสื่อสารระหว่างเคร่ืองปลายทางที่อยู่ห่างไกลเขา้ มายงั คอมพิวเตอรศ์ นู ยก์ ลางเพื่อประมวลผล การส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอรใ์ นระยะใกลเ้ พ่ือ ทางานร่วมกนั เช่น ระบบอีเทอรเ์ น็ต (Ethernet) โทเค็นริง (Token Ring)
ช่วงเวลา พฒั นาการของการสื่อสาร พ.ศ. 2522 ระบบโทรศพั ทเ์ ซลลลู าร์ (Cellular Phone) เริ่มมี พ.ศ. 2530 ใชเ้ ป็ นครงั้ แรกท่ีประเทศญ่ีป่ ุน การส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอรแ์ บบไรส้ าย
องคป์ ระกอบพ้ืนฐานในการสื่อสารขอ้ มูล ข่าวสาร ผ้สู ่งข้อมูล ผู้รับข้อมูล สื่อกลางในการส่ือสาร
องคป์ ระกอบพ้นื ฐานในการส่ือสารขอ้ มูล เป็นแหล่งตน้ ทางของการส่ือสารโดยมีหนา้ ที่ใน การใหก้ าเนิดขอ้ มูล หรือเตรียมขอ้ มูล เช่น ผพู้ ดู คอมพวิ เตอร์ตน้ ทาง เป็นตน้ ผู้ส่ งข้ อมูล
องคป์ ระกอบพ้นื ฐานในการสื่อสารขอ้ มูล ข่าวสาร เป็นตวั เน้ือหาของขอ้ มูล ซ่ึงมีไดห้ ลายรูปแบบ ข้อความ เสียง รูปภาพ ส่ือผสม
องคป์ ระกอบพ้นื ฐานในการส่ือสารขอ้ มูล เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร หรือเป็น อุปกรณ์สาหรับขอ้ มูลท่ีจะนาขอ้ มูลน้นั ไปใช้ ผู้รับข้อมูล
องคป์ ระกอบพ้ืนฐานในการส่ือสารขอ้ มูล เป็นส่ือหรือช่องทางที่ใชใ้ นการนาขอ้ มูลจากตน้ ทางไปยงั ปลายทางซ่ึงอาจเป็นตวั กลางที่มี สายสัญญาณ เช่น สายไฟ หรือตวั กลางที่ไม่ใชส้ ายสัญญาณ เช่น อากาศ เป็นตน้ สื่อกลางในการส่ือสาร
ส่วนประกอบพืน้ ฐานของการส่ือสารข้อมูล 1. ตวั ส่งข้อมูล 2. ช่องทางการส่งสัญญาณ 3. ตวั รับข้อมูล ตวั ส่งและตวั รับข้อมูลอาจเป็ นคอมพวิ เตอร์ หรืออุปกรณ์ส่ือสารอ่ืนๆกไ็ ด้ ช่องทางการสื่อสาร เป็ นช่องทางทใี่ ช้ในการส่งสัญญาณ ระหว่างเคร่ืองผู้ส่งกบั เครื่องผู้รับ
การส่ งสัญญาณข้ อมูล หมายถึง การส่งขอ้ มูลจากเคร่ืองส่งหรือผสู้ ่ง ผา่ นส่ือกลางไปยงั เครื่องรับหรือผรู้ ับสญั ญาณ ท่ีใชส้ ่ง ไดแ้ ก่ สญั ญาณคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า สญั ญาณเสียง หรือแสงกไ็ ด้
การสื่อสารในชีวติ ประจาวนั - การสนทนาระหว่างบุคคล - การสนทนาทางโทรศัพท์ - การฟังดนตรี - การอ่านหนังสือ - การโฆษณา 18
คุณสมบตั พิ ืน้ ฐานของการสื่อสารข้อมูล มีอยู่ 3 ประการดว้ ยกนั คือ 1. การส่งมอบข้อมูล (Delivery) ระบบตอ้ งสามารถส่งขอ้ มูลไปยงั ผรู้ ับปลายทางไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. ความถูกต้องและแน่นอน (Accuracy) หาขอ้ มูลที่ส่งเกิดมีการ ผดิ พลาดหรือเสียหาย จะตอ้ งมีระบบส่งขอ้ ความเตือน รวมถึงการกู้ ขอ้ มูลดว้ ย 3. ระยะเวลา (Timeline) ระบบตอ้ งส่งขอ้ มูลไปในช่วงเวลาท่ีเหมาะสม
ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับการส่ือสารข้อมูล (Basic concept of Data Communication) ขอ้ มลู ขา่ วสาร ผรู ้ ับ ผสู ้ ่ง สอื่ กลาง รูปแสดงองค์ประกอบพืน้ ฐานของการสื่อสารข้อมูล
การส่ือสารข้ อมูลทางคอมพิวเตอร์ คือ การส่ งข้ อมูลหรือข่ าวสาร จาก แหล่งกาเนิดหรือผู้ส่ง ไปยังผู้รับปลายทาง โดยอาศัยส่ือกลางเป็ นตัวช่วยใน การส่ งข้ อมูลออกไป ข้ อมูลหรือข่ าวสารท่ีส่ งออกไปอาจอยู่ในรูปของ สัญญาณเสียง สัญญาณคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ แสง ก็ได้ ภายใต้กฎหรือ ระเบียบวธิ ีท่ีกาหนดขนึ้ สาหรับการส่ือสารข้อมูลในเครือข่ายนัน้ ๆ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ผรู ้ ับ ผสู ้ ่ง สอื่ กลาง ระเบยี บวธิ ใี นการส่งขอ้ มลู รูปแสดงองคป์ ระกอบพ้ืนฐานของการส่ือสารขอ้ มูลดว้ ยคอมพวิ เตอร์
องค์ประกอบพนื้ ฐานของการส่ือสารข้อมูล ระบบการส่ือสารข้อมูลจะทาให้ผู้ใช้สามารถเข้าถงึ บริการต่าง ๆ ซ่งึ ให้ข่าวสาร และข้อมูลต่าง ๆ องค์ประกอบพนื้ ฐานหลัก 4 องค์ประกอบในระบบการ ส่ือสาร ได้แก่ Step 1: ขา่ วสาร Step 1: Step 2: Step 2: Step 3: (Message) Step 3: ……… สื่อกลาง (Medium) ……… โพรโ…ท…ค…อล (Protocol) โพรโ…ท…ค…อล (Protocol) ผสู้ ่ง (Sender) ผรู้ ับ (Receiver)
องค์ประกอบพนื้ ฐานของการส่ือสารข้อมูลด้วยคอมพวิ เตอร์ • ผู้ส่ง (Sender) • ผู้รับข้อมูล (Receiver) • ส่ือกลาง (Media) – (Wire communication) – (Wireless communication) • สารหรือข้อความ (masses) – เสียง (Sound) – ไฟล์ข้อมลู (data) – ข้อความ (text) – ภาพ (image) – ข้อมลู ข่าวสาร (Message) • โปรโตคอล (Network Protocol) – TCP/IP
ชนิดของสัญญาณการส่ือสารข้อมูลอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 1. การส่งสญั ญาณแบบอนาลอ็ ก (Analog) 2.การส่งสัญญาณแบบดจิ ติ อล (Digital)
Analog Signal • สัญญาณอนาล็อกท่สี ่งออกจะมีความต่อเน่ืองกนั ตลอดเวลา เช่น สัญญาณเสียง เป็ นต้น • สัญญาณอนาล็อกท่ีใช้กันโดยท่ัวไปได้แก่สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณ วทิ ยุกระจายเสียง สัญญาณโทรทัศน์ • คนสามารถเปล่งเสียงตงั้ แต่ 20 - 18,000 Hz แต่ระบบโทรศัพท์ออกแบบมา สาหรับช่วง 300 - 3,300 Hz 25
Digital Signal • สัญญาณดจิ ติ อล หมายถงึ สัญญาณท่ี Amplitude ถกู จดั ระดบั ให้ แปรผันไปกับเวลาตามค่าท่กี าหนดให้ เช่น ถ้าแปรผันอย่รู ะหว่าง 2 ค่า เรียกว่า Binary Signal • วงจรสัญญาณดจิ ติ อลสามารถส่งสัญญาณรูปร่างลักษณะเป็ น พลั ส์ (Pulse) ซ่งึ แสดงค่า “0” หรือ “1” • การส่งสัญญาณดจิ ติ อลระยะไกลจะทาให้สัญญาณดจิ ติ อลจาง หายไป จะต้องใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณ (Repeater) 26
Analog Signal • สัญญาณอนาลอ็ กท่สี ่งออกไป พลงั งานจะอ่อนลงเรื่อย ๆ เมื่อระยะทาง เพมิ่ ขนึ้ ในการส่งสัญญาณอนาลอ็ กไประยะไกล ๆ จะต้องใช้เครื่อง ขยายสัญญาณหรือแอมปลไิ ฟเออร์ (Amplifier) เพื่อเพมิ่ พลงั งาน ให้กบั สัญญาณ • การขยายสัญญาณจะมีการสร้างสัญญาณรบกวน (Noise) รวมกบั สัญญาณข้อมูล จงึ มีวงจรกรองของสัญญาณ (Filter) เพื่อกรองเอา สัญญาณรบกวนออกอกี 27
ทศิ ทางการส่งข้อมูล มีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกนั คือ 1. การส่อื สารแบบทิศทางเดยี ว (Simplex) โดยจะมีแตล่ ะฝ่ายทาหน้าท่ีใด หน้าท่ีหนงึ่ เท่านนั้ การสือ่ สารแบบทางเดยี ว
ทศิ ทางการส่งข้อมูล (ต่อ) 2. การสือ่ สารแบบฮาล์ฟ-ดเู พลก็ ซ์ (Half-Duplex) เป็นการส่อื สารแบบ สองทศิ ทางสลบั กนั ด้วยการสง่ ข้อมลู ผา่ นชอ่ งสญั ญาณเดยี ว การสอื่ สารแบบ 2 ทิศทางสลบั กนั
ทศิ ทางการส่งข้อมูล (ต่อ) 3. การสือ่ สารแบบฟลู -ดเู พลก็ ซ์ (Full-Duplex) เป็นการส่ือสารแบบ สองทิศทางในเวลากนั การสื่อสารแบบ 2 ทิศทางในเวลา เดียวกนั
รูปแบบของการสื่อสารในการส่งข้อมูลแบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภทได้แก่ 1. แบบทศิ ทางเดยี ว (simplex) หรือการติดตอ่ ทางเดียว เม่ืออุปกรณ์หน่ึงส่งขอ้ มูล อุปกรณ์อีกชุดหน่ึง จะตอ้ งเป็นฝ่ ายรับขอ้ มูลเสมอ เช่น วทิ ยุ หรือโทรทศั น์ 2. แบบกง่ึ สองทาง (half duplex) หรือการติดต่อแบบก่ึงสองทาง เป็นการเปล่ียนเสน้ ทางในการส่งขอ้ มูลได้ แตค่ นละเวลา กลา่ วคือขอ้ มูลจะไหลไปในทิศทางเดียว ณ เวลาใดเวลาใดๆ เป็ นการสื่อสารแบบสองทางแต่ต่างเวลากนั เช่น วทิ ยสุ ่ือสารแบบผลดั กนั พดู 3. แบบสองทศิ ทาง (full duplex) หรือการติดตอ่ สองทาง เป็นการติดต่อกนั ไดส้ องทาง กล่าวคือ ผรู้ ับขอ้ มูลและผสู้ ่งขอ้ มูลในเวลาเดียวกนั ได้ เป็ นการสื่อสารสองทางในเวลา เดยี วกนั เช่น ระบบโทรศพั ท์ 31
เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร ์ (Computer Networks) การเช่ือมตอ่ เครือข่ายโดยใชส้ าย การเช่ือมตอ่ เครือข่ายแบบไร้สาย
ประโยชนข์ องเครอื ข่าย - การใ(ชCท้ oรพั mยาpกรuter Networks) รว่ มกนั - ลดตน้ ทุน - การใชโ้ ปรแกรม รว่ มกนั - ตดิ ตอ่ กบั ผูอ้ นื่ บน เครอื ข่าย - ฯลฯ
เกณฑว์ ดั ประสทิ ธภิ าพ ของเครอื ขา่ ย (Network Criteria) การพจิ ารณถงึ ประสทิ ธภิ าพของเครอื ขา่ ย จะมเี กณฑ ์ พนื้ ฐานทสี่ าคญั ทนี่ ามา พจิ ารณา ซงึ่ ประกอบไปดว้ ย 1. สมรรถนะ (Performance) สามารถประเมนิ ได ้ หลายทางดว้ ยกนั และมปี ัจจยั ทปี่ ระกอบดว้ ย - จานวนผูใ้ ช้ การออกแบบเครอื ขา่ ยทดี่ ี ควรมกี าร คานวณจานวนโหลดสงู สดุ ตอ่ การใชง้ านทเี่ หมาะสม - ชนิดสอื่ กลาง สอื่ กลางแตล่ ะชนิด มคี วามเรว็ ในการ
เกณฑ์วดั ประสิทธิภาพของเครือข่าย (Network Criteria) (ต่อ) - อปุ กรณ์ฮาร์ดแวร์ ประสิทธิภาพของอุปกรณ์มีผลต่อความเร็วในการ ประมวลผลและการส่งผา่ นขอ้ มูล - ซอฟต์แวร์
เกณฑ์วดั ประสิทธิภาพของเครือข่าย (Network Criteria) 2. ความน่าเช่ือถือ (Reliability) ความน่าเชื่อถือของระบบเครือขา่ ย สามารถประเมินไดจ้ าก - ความถี่ของความลม้ เหลว - ระยะเวลาในการกคู้ ืน - ความคงทนต่อขอ้ ผดิ พลาด
เกณฑว์ ดั ประสทิ ธภิ าพ ของเครอื ขา่ ย (Network Criteria) 3. ความปลอดภ(ยั ต(Sอ่ e)curity) ความปลอดภยั ของระบบเป็ นสงิ่ ทสี่ าคญั โดยเฉพาะระบบ เครอื ขา่ ยทมี่ กี าร เชอื่ มตอ่ กบั เครอื ขา่ ยภายนอก (internet) ซงึ่ จะเกยี่ วขอ้ ง กบั - การป้ องกนั บคุ คลทไี่ ม่มสี ทิ ธใิ ์ นการเขา้ ถงึ ขอ้ มูล - ไวรสั คอมพวิ เตอร ์
องค์กรมาตรฐาน จากแนวคิดมาตรฐานเครือขา่ ยที่ตอ้ งการใหผ้ บู้ ริโภค สามารถเลือกซ้ือ ผลิตภณั ฑท์ ี่มาจากผผู้ ลิตรายต่างๆ โดยผผู้ ลิตไดป้ ระดิษฐผ์ ลิตภณั ฑใ์ ดๆ โดย ไดพ้ ฒั นาผลิตภณั ฑต์ ามขอ้ กาหนดในเกณฑม์ าตรฐาน กจ็ ะสามารถนาไปใช้ งานหรือส่ือสารร่วมกบั อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งไม่มีปัญหา ดงั น้นั จึงไดเ้ กิดองคก์ รมาตรฐานข้ึน
กระบวนการกาหนดมาตรฐาน ในการกาหนดมาตรฐาน ตอ้ งมีคณะทางานที่ตอ้ งเขา้ ร่วมประชุม และสรุปเป็น ขอ้ ตกลงจนเป็นที่ยอมรับ โดยข้นั ตอนกระบวนการกาหนดมาตรฐาน ประกอบ ไปดว้ ย 1. กาหนดรายละเอียดของปัญหา เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจปัญหาเหล่าน้นั 2. ข้นั กาหนดทางเลือก เป็นการหาทางออกเพื่อแกไ้ ขปัญหา 3. ข้นั การยอมรับ นาทางเลือกที่พิจารณาแลว้ ส่งใหอ้ ุตสาหกรรมรองรับ มาตรฐาน จนไดม้ าเป็น Uniform ที่ไดร้ ับการยอมรับและนาไปประกาศใช้ งานต่อ
องค์กรมาตรฐาน (Standards Organizations) การกาหนดมาตรฐาน สามารถแบ่งออกเป็น - มาตรฐานที่ต้งั ข้ึนโดยกลุ่มคณะกรรมการ (Standards Creation Committees) • ISO (International Organization for Standardization) วตั ถุประสงค์ เพ่ือสนบั สนุนการกาหนดมาตรฐานระหวา่ งชาติ • ITU-T (International Telecommunications Union-Telecommunication Standards Sector) เป็นองคก์ รสหภาพท่ีทาหนา้ ท่ีกาหนดมาตรฐานดา้ นการสื่อสารโทร คมนาคมระดบั สากล จะเก่ียวขอ้ งกบั อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ
องค์กรมาตรฐาน (Standards Organizations) (ต่อ) • ANSI (American National Standards Institute) • สถาบนั มาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา เป็นองคก์ รสาคญั ท่ีใหก้ ารสนบั สนุนการ พฒั นามาตรฐานทางเทคโนโลยขี องสหรัฐ ทาหนา้ ที่พฒั นามาตรฐานต่างๆ ของอเมริกาให เหมาะสมจากน้นั จะรับรองข้ึนไปเป็นมาตรฐานสากล • IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) เป็นสถาบนั ทางอิเลก็ ทรอนิกส์และวศิ วกรไฟฟ้าที่ใหญ่ท่ีสุด มีหนา้ ที่กาหนด มาตรฐานการสื่อสาร การกาหนดทฤษฎี คิดคน้ วจิ ยั ผลิตภณั ฑท์ างวศิ วกรรม อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น มาตรฐานเครือข่ายแลน หรือ IEEE 802.11 เป็นตน้ • EIA (Electronics Industries Association) กาหนดมาตรฐานสาหรับวงจรไฟฟ้า
องค์กรมาตรฐาน (Standards Organizations) (ต่อ) • ฟอร่ัม (Forum) ตวั อยา่ งฟอรั่มที่ใชก้ บั การอุตสาหกรรมการส่ือสาร โทรคมนาคม เช่น Frame Relay Forum และ ATM Forum - ตวั แทนที่ไดร้ ับมอบหมายโดยรัฐ (Government Regulatory Agencies) หน่วยงาน Federal Communications Commission(FCC) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผกู้ าหนดระเบียบการใชค้ ล่ืนวทิ ยุ โทรทศั น์ และการส่ือสารต่างๆ
ประเภทของเครือข่าย 1. ระบบเครือข่ายระยะใกล้ (LAN – Local Area Network) 2. ระบบเครือข่ายระดบั เมือง (MAN – Metropolitan Area Network) 3. ระบบเครือข่ายระยะไกล (WAN – Wide Area Network) 43
เครือข่ายท้องถ่นิ (LAN : Local Area Network) ระยะไม่เกิน 5 กโิ ลเมตร
•LAN เป็ นเครือข่ายทตี่ ดิ ต้งั ใช้งานภายในบริเวณจากดั เช่น ภายในอาคาร ภายในหน่วยงาน เป็ นต้น ระยะทาง ประมาณ 2-3 กโิ ลเมตร
เครือข่ายระดบั เมือง (MAN : Metropolitan Area Network) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
•MAN เป็ นเครือข่ายทต่ี ดิ ต้งั ใช้งานในบริเวณกว้าง แต่ ไม่กว้างไปกว่าเครือข่าย WAN เช่น เครือข่ายทีใ่ ช้ ภายในจงั หวดั เป็ นต้น 47
•WAN เป็ นเครือข่ายทีต่ ดิ ต้งั ใช้งานในบริเวณกว้าง เช่น เครือข่ายระหว่างประเทศ เป็ นต้น 48
เครือข่ายระดับประเทศ (WAN : Wide Area Network) ระยะทางประมาณ 100 – 1,000 กโิ ลเมตร
โพรโทคอล (Protocol) โพรโทคอล (Protocol) คือข้อตกลงในการส่ือสารระหว่างอปุ กรณ์ต่าง ๆ ใน เครือข่าย ดงั น้ันคอมพวิ เตอร์หรืออปุ กรณ์เครือข่ายจะตดิ ต่อส่ือสารกนั ได้กต็ ้องใช้โพร โทคอลตวั เดยี วกนั ตัวอย่างโพรโทคอลทใี่ ช้ในการสื่อสาร ได้แก่ โพรโทคอล ทซี ีพ/ี ไอพี (TCP/IP) นิยมใช้ในการตดิ ต่อส่ือสารระหว่าง เครือข่าย และเป็ นโพรโทคอลหลกั ของเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต โพรโทคอลทีซีพี/ไอพี ประกอบขนึ้ ด้วย โพรโทคอล ย่อยหลายตวั ซ่ึงแต่ละตวั กท็ างานในแต่ละส่วนแตกต่างกนั ไป เช่น TCP (Transmission Control Protocol) เป็ นโพรโทคอลทใ่ี ช้ในการส่งข้อมูล ระหว่างอปุ กรณ์สองตวั ในเครือข่าย TCP/IP โดย TCP จะใช้พอร์ตเสมือนในการ เช่ือมต่อ และคอยตรวจสอบการส่งข้อมูล
Search