เกณฑ์การแข่งขนั งานศลิ ปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งท่ี 67 ปกี ารศกึ ษา 2560 กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ สรปุ กิจกรรมการแข่งขนั กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เขตพื้นที่ /ระดับชั้น หมาย เหตุ ชอ่ื กิจกรรม สพป. สพม. ประเภท ห้องเรียน ป.๑-๓ ป.๔-๖ ม.๑-๓ ม.๑-๓ ม.๔-๖ ลานโล่ง/๑. การแข่งขนั อจั ฉริยภาพทางคณิตศาสตร์ เด่ยี ว ห้องเรยี น๒. การประกวดโครงงานคณิตศาสตร์ ลานโลง่ / หอ้ งเรียนประเภทสรา้ งทฤษฎหี รือคาอธิบาย ทมี ๓ คน หอ้ งเรยี นทางคณติ ศาสตร์ หอ้ งเรยี น ห้องเรยี น๓. การประกวดโครงงานคณิตศาสตร์ ห้องเรียนประเภทบรู ณาการความรู้ในคณติ ศาสตร์ ทมี ๓ คนไปประยุกต์ใช้๔. การแขง่ ขนั สรา้ งสรรคผ์ ลงาน ทมี ๒ คนคณิตศาสตร์โดยใช้โปรแกรม GSP๕. การแข่งขนั คิดเลขเรว็ เดี่ยว6. การแข่งขันต่อสมการคณติ ศาสตร์ ทมี ๒ คน(เอแมท็ ) (ม.4-6เดี่ยว)7. การแข่งขันซูโดกุ เดย่ี ว รวม ๒๕ 777 2 ๑6 14 รวม 7 กจิ กรรม 30 รายการศลิ ปหัตถกรรมนักเรยี นคร้ังท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๑
๑. การแขง่ ขันอจั ฉริยภาพทางคณติ ศาสตร์1. คุณสมบัตผิ ู้เข้าแขง่ ขนั การแข่งขนั แบง่ เป็น 4 ระดบั ดงั นี้ 1.1 ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ 1 – 3 เทา่ นนั้ 1.2 ระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 เทา่ น้ัน 1.3 ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 - 3 เทา่ น้นั 1.4 ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 เท่าน้นั2. ประเภทและจานวนผู้เข้าแข่งขัน 2.1 ประเภทเดีย่ ว 2.2 จานวนผูเ้ ข้าแข่งขันระดับละ 1 คน3. วิธีดาเนนิ การและหลกั เกณฑก์ ารแข่งขนั 3.1 สง่ รายช่ือนกั เรยี นผู้เข้าแข่งขัน พร้อมชือ่ ครูผู้ฝึกสอนระดับละ 1 คน ตามแบบฟอร์มท่ีกาหนด 3.2 กิจกรรมการแขง่ ขนั ผู้แขง่ ขันต้องทาแบบทดสอบวัด - ความสามารถในการคิดเลขเรว็ และการคดิ คานวณ - ความสามารถของการแกโ้ จทย์ปัญหา 3.3 แบบทดสอบในแตล่ ะระดับชัน้ ใช้เนอื้ หาคณติ ศาสตรต์ ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐานพุทธศักราช2551หลักสูตรการแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติ, และแนวการประเมินนักเรียนระดับนานาชาติ (PISA) โดยใช้เวลาในการทดสอบ 120 นาที นักเรียนท่ีเข้าแข่งขันทุกระดับช้ันทาแบบทดสอบทัง้ หมด 3 ตอนดงั น้ี ตอนท่ี 1 แบบทดสอบปรนัยชนิดเลอื กตอบ แบบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ขอ้ ตอนที่ 2 แบบทดสอบปรนยั ชนดิ เตมิ คาตอบ วัดทกั ษะคิดเลขเรว็ และทกั ษะการคดิ คานวณจานวน 20 ขอ้ ตอนที่ 3 แบบทดสอบปรนัยชนิดเติมคาตอบ วัดทกั ษะการแก้โจทยป์ ญั หา จานวน 10 ข้อ4. เกณฑ์การใหค้ ะแนน (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) ดังน้ี ตอนท่ี 1 แบบทดสอบปรนัยชนิดเลอื กตอบ แบบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนนรวม 10 คะแนน ตอนที่ 2 แบบทดสอบปรนัยชนิดเตมิ คาตอบ จานวน 20 ขอ้ ข้อละ 2 คะแนน รวม 40 คะแนน ตอนที่ 3 แบบทดสอบปรนัยชนดิ เติมคาตอบ จานวน 10 ข้อ ขอ้ ละ 5 คะแนน รวม 50 คะแนน5. เกณฑก์ ารตดั สิน ถ้าคะแนนรวมเท่ากัน ให้พิจารณาตัดสินจากคะแนนแบบทดสอบตอนที่ 3 ตอนท่ี 2 และตอนที่ 1 ตามลาดบั แล้วนาคะแนนรวมมาคิดเทยี บเกณฑก์ ารตดั สิน ดงั น้ี รอ้ ยละ 80 - 100 ไดร้ ับรางวัลระดับเหรียญทอง ร้อยละ 70 – 79 ไดร้ ับรางวัลระดับเหรียญเงนิ ร้อยละ 60– 69 ได้รับรางวัลระดับเหรียญทองแดง ตา่ กว่ารอ้ ยละ 60 ไดร้ ับเกยี รติบตั ร เวน้ แตก่ รรมการจะเห็นเปน็ อยา่ งอนื่ ผลการตัดสินของคณะกรรมการถอื เปน็ สิน้ สุดศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนคร้งั ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๒
6. คณะกรรมการการแขง่ ขัน ระดับช้นั ละ 3 – 5 คน คณุ สมบัตขิ องคณะกรรมการ - เป็นศกึ ษานิเทศก์กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ - เป็นครูผสู้ อนที่ทาการสอนกล่มุ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ - ผูท้ รงคุณวุฒใิ นดา้ นคณิตศาสตร์ ข้อควรคานึง - กรรมการต้องไม่ตัดสนิ ในกรณสี ถานศึกษาของตนเขา้ แข่งขนั - กรรมการที่มาจากครผู สู้ อนควรแตง่ ตงั้ ใหต้ ดั สินในระดบั ชั้นท่ีทาการสอน - กรรมการควรให้ข้อเสนอแนะเติมเต็มใหก้ บั นักเรียนทีช่ นะในลาดับที่ 1 – 37. สถานทท่ี าการแข่งขนั ควรใชห้ ้องเรยี นทีม่ ีโต๊ะ เกา้ อ้ีที่สามารถดาเนนิ การแข่งขนั ไดพ้ รอ้ มกัน8. การเขา้ แข่งขนั ระดับภาค และระดบั ชาติ ๘.1 ให้ทมี ที่เปน็ ตัวแทนของของเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเขา้ แขง่ ขันในระดบั ภาค ทกุ กิจกรรมต้องไดค้ ะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับที่ ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป) และทีมที่เป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดับชาติ จะตอ้ งได้คะแนนระดบั เหรยี ญทอง ลาดบั ที่ ๑ - ๓ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ) ๘.๒ ในกรณแี ข่งขันระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาที่มีทีมชนะลาดับสูงสุดได้คะแนนเท่ากัน และในระดับภาค มีมากกวา่ ๓ ทีม ให้พิจารณาลาดับทต่ี ามลาดับข้อของเกณฑ์การให้คะแนน เช่น มีทมี ท่ีได้คะแนนข้อที่ ๑ เท่ากันให้ดูข้อที่ ๒ ทีมท่ีได้คะแนนข้อที่ ๒ มากกว่าถือเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าข้อท่ี ๒ เท่ากัน ให้ดูในข้อถัดไป กรณีคะแนนเท่ากันทุกข้อให้ประธานกรรมการตัดสนิ เป็นผู้ช้ขี าดขอ้ เสนอแนะในการตอ่ ยอดในระดับชาติ ควรตอ่ ยอดโดยการจัดค่ายพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์หมายเหตุ 1. นักเรียนทเ่ี ป็นตัวแทนเข้าร่วมแขง่ ขันระดบั ชาติ ต้องเป็นบคุ คลคนเดียวกับผู้ท่ีไดร้ ับการคัดเลอื กจากระดบั ภาคและระดบั เขตพน้ื ท่ี 2. ไมอ่ นุญาตให้นาเครอ่ื งคิดเลขหรืออุปกรณ์ช่วยอ่ืนๆ เข้าไปในห้องแข่งขัน 3. กรรมการคมุ สอบแจกกระดาษทดใหใ้ นห้องสอบ และห้ามนาออกจากห้องสอบ๙. การเผยแพรผ่ ลงานท่ีได้รบั รางวัล ผลงานของนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุดอันดับท่ี 1 - 3 คณะกรรมการพิจารณาและนาไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่อไปซง่ึ ผลงานของผแู้ ข่งขัน ถอื เป็นลขิ สทิ ธิ์ของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน เพื่อใช้ในการเผยแพร่และประชาสมั พนั ธ์ศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนครัง้ ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๓
2. การประกวดโครงงานคณิตศาสตร์ ประเภทสร้างทฤษฎหี รือคาอธิบายทาง คณติ ศาสตร์1. คุณสมบัตผิ ้เู ข้าแขง่ ขนั การแขง่ ขันแบ่งเป็น 3 ระดับ ดงั นี้ 1.1 ระดบั ประถมศึกษา - ผเู้ ข้าแขง่ ขนั เป็นนักเรียนช้ัน ป.4–6 1.2 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น - ผเู้ ขา้ แข่งขนั เปน็ นักเรยี นช้ัน ม.1–3 1.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย - ผู้เข้าแขง่ ขันเป็นนักเรียนชนั้ ม.4–62. ประเภทและจานวนผเู้ ข้าแขง่ ขนั 2.1 แข่งขันประเภททีม ทีมละ ๓ คน 2.2 เขา้ แข่งขัน ระดบั ละ 1 ทมี เท่าน้ัน3. วธิ ดี าเนินการและรายละเอียดหลกั เกณฑก์ ารแข่งขนั 3.1 สง่ รายชอ่ื นกั เรียนผเู้ ข้าแข่งขนั ทมี ละ 3 คน พร้อมชอื่ ครูทีป่ รกึ ษาโครงงานคณติ ศาสตรท์ ีมละไมเ่ กนิ 2 คน ตามแบบฟอร์มท่กี าหนด 3.2 รายละเอยี ดหลักเกณฑ์การแข่งขันการประกวดโครงงานคณิตศาสตร์ ประเภทสร้างทฤษฎีหรอืคาอธบิ ายทางคณิตศาสตร์ มีการพิจารณาระดับการแข่งขันและตดั สนิ โครงงาน แยกเขตพ้ืนท่ี /ระดับช้ัน ดงั นี้ ๓.๒.๑ ระดบั เขตพืน้ ที่ สพป. - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 - ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 – ๓ ๓.๒.๒ ระดบั เขตพน้ื ท่ี สพม. - ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 – ๓ - ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖ ๓.๓ ส่งรายงานโครงงานคณิตศาสตร์เปน็ รูปเลม่ ล่วงหน้าก่อนการแขง่ ขัน 2 สัปดาห์ (ตามท่รี ะดับเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา/ระดับภาค/ระดับชาติ กาหนด) 3.๔ นาแผงโครงงานคณิตศาสตร์มาแสดงตามเกณฑ์มาตรฐาน60 ซม. 60 ซม.ก ข ก 60 ซม. ๑๒๐ ซม. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๔ศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนครั้งท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60
ถ้ามีส่วนยนื่ ด้านบน อนุญาตให้ ติดแค่ชื่อโรงเรยี นเทา่ นัน้ ห้ามมเี นอื้ หาท่ีเกี่ยวกบั การทาโครงงาน 3.๕ นาเสนอโครงงานคณิตศาสตร์ต่อคณะกรรมการ ใช้เวลาไม่เกนิ 10 นาที และตอบข้อซักถามใชเ้ วลาไมเ่ กิน ๑๐ นาที 3.๖ สือ่ ทใ่ี ช้ในการนาเสนอโครงงานคณติ ศาสตร์ ผสู้ ง่ โครงงานเขา้ แขง่ ขันจัดเตรยี มมาเอง 3.๗ พนื้ ที่จดั วางแผงโครงงานคณติ ศาสตร์ คณะกรรมการจัดให้เทา่ กันไมเ่ กิน 1.50 ม. × 1.00 ม.และให้จดั ภายในพ้นื ที่ที่กาหนดเทา่ นั้น4. เกณฑ์การให้คะแนน 100 คะแนน4.1 การกาหนดหวั ข้อโครงงาน 5 คะแนน4.2 ความสาคญั และความเป็นมาของโครงงาน 10 คะแนน4.3 วัตถุประสงค์/สมมติฐาน/ตวั แปร (ถ้ามี) ๕ คะแนน4.4 เนอ้ื หาสาระและเอกสารทเี่ กีย่ วข้อง ๒๐ คะแนน4.5 วธิ ีดาเนนิ งาน/ แนวคดิ และผลทไ่ี ดร้ บั 1๕ คะแนน4.6 การจัดแสดงโครงงานเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 คะแนน4.7 การนาเสนอปากเปล่า 10 คะแนน4.8 การตอบข้อซกั ถาม (เนน้ การซักถามในประเด็นเกย่ี วกับคณติ ศาสตร์) ๑๐ คะแนน4.9 การเขียนรายงาน 10 คะแนน4.10 การนาไปใช้ประโยชน์ ๕ คะแนน4.11 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๕ คะแนน5. เกณฑ์การตดั สิน การพจิ ารณาตัดสนิ โครงงานมเี กณฑ์การพจิ ารณา ดงั น้ี ร้อยละ 80 - 100 ไดร้ บั รางวัลระดบั เหรียญทอง รอ้ ยละ 70 – 79 ได้รับรางวลั ระดบั เหรยี ญเงนิ รอ้ ยละ 60 – 69 ได้รบั รางวลั ระดับเหรยี ญทองแดง ตา่ กว่ารอ้ ยละ 60 ไดร้ บั เกยี รตบิ ตั ร เวน้ แตก่ รรมการจะเห็นเป็นอย่างอน่ื ผลการตดั สนิ ของคณะกรรมการถอื เปน็ ทส่ี ้ินสุด6. คณะกรรมการการแขง่ ขัน ระดบั ละ 3 - 5 คน คุณสมบตั ิของคณะกรรมการ - เป็นผทู้ รงคุณวุฒิในด้านคณิตศาสตร์ - เป็นศกึ ษานิเทศก์ทีร่ บั ผิดชอบกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ - เปน็ ครูที่มคี วามคดิ รวบยอดในเนื้อหาคณิตศาสตร์และมีประสบการณ์การทาโครงงานคณิตศาสตร์ (ถ้าเป็นกรรมการระดบั ชาตติ อ้ งเคยเปน็ กรรมการตัดสินโครงงานในระดับภาค หรอื ระดับชาติมาก่อน) ขอ้ ควรคานึง - กรรมการตอ้ งไม่ตดั สินในกรณสี ถานศึกษาของตนเข้าแข่งขัน - กรรมการท่มี าจากครผู สู้ อนควรแตง่ ต้ังใหต้ ดั สนิ ในระดับชั้นท่ีทาการสอน - กรรมการควรมที ี่มาจากเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาอ่นื อย่างหลากหลาย - กรรมการควรใหข้ ้อเสนอแนะเติมเต็มใหก้ บั นักเรยี นท่ีชนะในลาดบั ท่ี 1 – 3ศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนครงั้ ท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๕
7. สถานทีท่ าการแข่งขนั ควรใชห้ อ้ งเรียนหรือสถานที่ ทม่ี โี ต๊ะ เกา้ อ้ี ที่สามารถดาเนินการแขง่ ขนั ได้พร้อมกัน8. การเข้าแข่งขันระดับภาค และระดบั ชาติ ๘.1 ให้ทมี ท่ีเปน็ ตัวแทนของของเขตพ้นื ที่การศึกษาเข้าแขง่ ขันในระดับภาค ทกุ กิจกรรมตอ้ งได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับที่ ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป) และทีมท่ีเป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดบั ชาติ จะต้องได้คะแนนระดับเหรยี ญทอง ลาดบั ท่ี ๑ - ๓ (คะแนนรอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ) ๘.๒ ในกรณีแข่งขันระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาท่ีมีทีมชนะลาดับสูงสุดได้คะแนนเท่ากัน และในระดับภาคมีมากกว่า ๓ ทีม ให้พิจารณาการให้คะแนนในลาดับท่ี ๔.๔ ๔.๗ ๔.๘ ๔.๕ ๔๖ และ ๔.๙ เรียงตามลาดับคะแนนของทีมใดสูงกว่า ถือว่าเป็นทีมท่ีชนะ เช่น มีทีมท่ีได้คะแนนในลาดับที่ ๔.๔ เท่ากันให้พิจารณาลาดับที่ ๔.๗ ทีมที่ได้คะแนนมากกว่าถือเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าลาดับท่ี ๔.๗ เท่ากัน ให้พิจารณาในลาดับถัดไปตามที่กาหนด ถ้าคะแนนเท่ากนั ในทุกขอ้ ให้ประธานกรรมการตดั สินเป็นผชู้ ข้ี าด๙. การเผยแพรผ่ ลงานทีไ่ ดร้ บั รางวลั ผลงานของนักเรียนท่ีได้รับคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1 - 3 คณะกรรมการพจิ ารณาและนาไปเผยแพรใ่ นเว็บไซต์ต่อไป ซึ่งผลงานของผู้แข่งขัน ถือเปน็ ลิขสิทธิ์ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือใช้ในการเผยแพรแ่ ละประชาสมั พนั ธ์10. รปู แบบการเขียนรายงานโครงงานคณิตศาสตร์ (ปก)โครงงานคณิตศาสตร์ เร่ือง........................................................................................................................ โดย 1............................................................................................................................ .............. 2................................................................................................................... ....................... 3............................................................................................................................ ..............ครูทปี่ รึกษา 1......................................................................................................................................... 2............................................................................................................................ .............โรงเรยี น........................................................... สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา ..................................รายงานฉบับนเ้ี ป็นสว่ นประกอบของโครงงานคณติ ศาสตร์ประเภทสรา้ งทฤษฎีและคาอธิบายทางคณิตศาสตร์ ระดับ………................เนอื่ งในงานศลิ ปหตั ถกรรมนักเรียนคร้ังที่ ๖๗ ประจาปีการศกึ ษา ๒๕๖๐ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียนคร้ังที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๖
รายละเอยี ดในเล่มประกอบด้วย บทคดั ย่อ กติ ติกรรมประกาศ สารบญั สารบัญตาราง สารบัญรปู ภาพ บทที่ 1 บทนา บทท่ี 2 เอกสารที่เกีย่ วข้อง บทท่ี 3 วิธกี ารดาเนินการ บทท่ี 4 ผลการดาเนินการ บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ไม่เกนิ 10 หน้าหมายเหตุ 1. ขนาดของกระดาษเขยี นรายงานใหใ้ ช้กระดาษพมิ พ์ ขนาด A4 ตัวอกั ษรไมต่ า่ กวา่ ๑๖ pointพิมพ์หน้าเดยี ว เฉพาะบทท่ี 1 - 5 มีความยาวไมเ่ กิน ๓0 หนา้ ภาคผนวกมีความยาวไมเ่ กิน 10 หนา้ รายงานฉบบั ใดท่มี ีความยาวเกนิ กว่าท่ีกาหนดจะถกู ตดั คะแนน 2. ทารายงานส่งให้คณะกรรมการก่อนการแข่งขัน 2 สปั ดาห์ จานวนชุดตามที่กาหนดในการแขง่ ขนัในแต่ละระดับ (สาหรบั ระดบั ชาตจิ ะแจง้ ใหท้ ราบภายหลงั จากการแขง่ ขนั ระดับภาคเสร็จสิ้นไปแล้ว) 3. นักเรยี นทีเ่ ป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันระดับชาติ ต้องเป็นบคุ คลคนเดียวกับผู้ท่ไี ดร้ บั การคัดเลอื กจากระดบั ภาค และ ระดับเขตพนื้ ท่ีการศึกษาศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียนครัง้ ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๗
(ตวั อยา่ ง) แบบประเมินโครงงานคณิตศาสตร์ประเภทสรา้ งทฤษฎแี ละคาอธิบายทางคณิตศาสตร์ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มธั ยมศึกษาตอนปลายสงั กดั สพป. ............................................................ สพม. ....................................................ชอ่ื โครงงาน..................................................................................................................................................โรงเรยี น.......................................................................... จังหวัด..............................................................ขอ้ ท่ี รายการ คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได้1. การกาหนดหัวข้อโครงงาน (5) - สอดคลอ้ งกับเรอ่ื งทศ่ี ึกษา 1 - สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์/ปัญหาของโครงงาน 1 - สอดคล้องกบั เน้อื หาและระดบั ชน้ั ของผู้ท่ีทาโครงงาน 1 - มีความกะทัดรัด สื่อความหมายชดั เจน 1 - นา่ สนใจ กระตุ้นความคดิ ต่อผู้อืน่ อยา่ งหลากหลาย 1 (10)2. ความสาคัญและความเปน็ มาของโครงงาน 1 - มาจากปัญหาและความสนใจของผ้เู รียน 1 - เปน็ ปญั หาท่ีสะท้อน/เกีย่ วข้องกบั ตัวเอง ชุมชน 1 - บอกความเป็นมาหรอื เหตุผลของการทาโครงงานไดช้ ัดเจน 1 - มเี หตุผลทด่ี ีเพียงพอทนี่ าไปส่กู ารทาโครงงาน 2 - ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นได้ใช้ความร้คู วามคดิ และทักษะความสามารถทาง คณิตศาสตร์ 2 - มีการอ้างหลักการ แนวคดิ หรอื ทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องประกอบการทาโครงงาน 2 - มีองคป์ ระกอบถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้อง สมั พนั ธก์ นั (5) 13. วตั ถุประสงค/์ สมมติฐาน/ตัวแปร (ถ้ามี) 2 - เปน็ วตั ถปุ ระสงค์ของการทาโครงงาน 1 - ระบุวตั ถปุ ระสงค์ได้ถกู ต้อง ชัดเจน มคี วามเป็นไปได้จรงิ ในการดาเนินงาน - วัตถปุ ระสงค์สามารถวัดและประเมนิ ผลได้จริงดว้ ยวิธกี าร/เครอ่ื งมือที่เปน็ 1 รปู ธรรมเชือ่ ถอื ได้ - สอดคล้องกับชื่อเรื่องและเน้ือหา (20) - สมมติฐาน (ถ้ามี) มคี วามถกู ต้อง ชดั เจน สอดคล้องกบั ปัญหา ตัวแปรและ 3 วตั ถปุ ระสงค์ - สมมตฐิ านนาไปสู่การออกแบบการวางแผนการศกึ ษาทดลองไดช้ ดั เจน 34. เน้ือหาสาระและเอกสารท่เี ก่ียวข้อง - เน้ือหาถูกต้อง ครบถว้ นสมบูรณ์ เหมาะสม สอดคล้องและครอบคลมุ ในเรือ่ งที่ทา - มกี ารเชือ่ มโยงความรู้ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตรท์ ่ีเก่ียวข้องได้ ครบถว้ น สมบรู ณ์ศิลปหตั ถกรรมนักเรยี นครง้ั ที่ ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๘
ข้อที่ รายการ คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้ - มกี ารจัดระบบการนาเสนอเนอ้ื หาได้กระชบั ชดั เจน เข้าใจงา่ ย 3 - เนื้อหาสาระสามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาต่อยอด และกระตุ้นให้ 3 แนวทางนาไปสู่การทาโครงงานอน่ื - มีการอา้ งอิงหลักการ แนวคิด และทฤษฎีทถี่ ูกต้อง ชัดเจน และเชอื่ ถือได้ 3 - เนื้อหาสาระมาจากแหลง่ ข้อมูลท่หี ลากหลาย 3 - เอกสารอ้างองิ ท่เี กีย่ วข้องทันสมัย น่าเชอื่ ถือ 25. วธิ ดี าเนนิ งาน/แนวคดิ และผลทีไ่ ด้รบั (15) - มีลาดับขนั้ ตอนในการดาเนินงานชัดเจน 3 - มเี คร่ืองมือและการพฒั นาเครื่องมือ (ตรวจสอบคุณภาพ) ถูกต้องตามหลกั วิชาการ 3 - มกี ารเก็บรวบรวมข้อมูลและวเิ คราะห์ข้อมูลถกู ต้อง 3 - การนาเสนอข้อมูลถูกต้อง กะทดั รดั ชดั เจน 2 - ผลการทาโครงงานบรรลุวัตถปุ ระสงค์ที่ตั้งไว้ 2 - มีการอภิปรายผลการศึกษาอย่างครอบคลมุ สมเหตสุ มผล 26. การจัดแสดงโครงงานเปน็ ไปตามเกณฑ์มาตรฐาน (5) - ขนาดแผงโครงงานเป็นไปตามมาตรฐานท่ีกาหนด 1 - การจัดวางเหมาะสม สร้างสรรค์ สวยงาม ประหยัด น่าสนใจ 1 - เน้อื หาสาระครบถ้วนสมบูรณ์ 1 - การเรียงลาดบั ประเด็นหวั ข้อ และเน้ือหาสาระถูกต้องเป็นระบบ เข้าใจง่าย 1 - มีรอ่ งรอยของการดาเนินงาน 17. การนาเสนอปากเปลา่ (10 นาท)ี (10) - มีการแนะนาตนเอง ดว้ ยมารยาทที่ดี มีความย้มิ แย้มแจ่มใส 1 - พูดจาถกู ต้องตามหลกั ภาษาไทย กระชบั ชดั เจน เข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติ 2 - มคี วามเชอ่ื มน่ั ในตนเอง กล้าพดู กล้าแสดงออก 1 - มกี ารนาเสนอถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลมุ ประเด็นสาคัญของโครงงาน 2 - มกี ารจดั ระบบข้ันตอนการนาเสนอได้กระชับ ชัดเจน เป็นระบบเขา้ ใจง่าย 1 - การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในการนาเสนอ 1 - มีวิธกี ารนาเสนอที่น่าสนใจ 1 - นาเสนอไดเ้ หมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด 18. การตอบข้อซักถาม (เน้นการซกั ถามในประเด็นเก่ยี วกับคณิตศาสตร์) (10) - ตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง ตรงประเด็น คลอ่ งแคล่ว และชัดเจน 2 - ใชภ้ าษาถูกตอ้ งเขา้ ใจงา่ ย 1 - มกี ารใช้ขอ้ มูลจรงิ จากการศึกษา 1 - ใช้ภาษาคาศพั ท์เทคนิคไดถ้ ูกตอ้ ง 1 - การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกภายในกลมุ่ 1 - มีปฏภิ าณไหวพริบและสามารถแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ ได้ 2ศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี นคร้ังท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๙
ขอ้ ท่ี รายการ คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ - มกี ารใชค้ วามรจู้ ากการศึกษาประกอบการอธิบาย 29. การเขยี นรายงานโครงงานถกู ตอ้ งตามรูปแบบ (10) 3 - องคป์ ระกอบครบถว้ นตามประเภทของโครงงานและเรียงลาดบั ถกู ต้อง 3 - นาเสนอสาระในแตล่ ะหวั ข้อถกู ต้อง ชดั เจน กระชับ รดั กุม 2 - การใชภ้ าษาถูกต้องชัดเจน 2 - จานวนหนา้ ทั้งเนอ้ื หา ภาคผนวก และขนาดตัวอกั ษรเปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ีกาหนด (5)10. การนาไปใชป้ ระโยชน์ 2 - นาไปใช้ไดจ้ ริง 2 - นาไปพัฒนาต่อยอดได้ 1 - มีความค้มุ ค่าต่อการลงทุน (5)11. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ 2 - มคี วามแปลกใหม่ของปัญหาหรือความเป็นมา 1 - มีความแปลกใหมใ่ นการนาเสนอ 1 - เปน็ เรอื่ งทันสมยั 1 - สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ่ การศึกษา 100 คะแนนรวมขอ้ คิดเหน็ เพ่มิ เติม............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียนครง้ั ที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 ลงชื่อ ................................................ กรรมการ (........................................) กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๑๐
3. การประกวดโครงงานคณติ ศาสตร์ท่บี ูรณาการความรูใ้ นคณิตศาสตร์ไปประยกุ ต์ใช้1. คุณสมบตั ผิ ู้เขา้ แขง่ ขนั การแขง่ ขันแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังน้ี 1.1 ระดบั ประถมศึกษา - ผู้เข้าแข่งขนั เปน็ นักเรยี นชนั้ ป.4–6 1.2 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น - ผเู้ ข้าแข่งขันเปน็ นักเรียนชน้ั ม.1–3 1.3 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย - ผเู้ ขา้ แขง่ ขันเป็นนักเรียนช้นั ม.4–62. ประเภทและจานวนผู้เขา้ แขง่ ขนั 2.1 แขง่ ขนั ประเภททีม ทีมละ ๓ คน 2.2 เขา้ แข่งขัน ระดับละ 1 ทมี เทา่ น้ัน3. วิธดี าเนินการและรายละเอียดหลักเกณฑก์ ารแขง่ ขัน 3.1 สง่ รายชือ่ นกั เรียนผเู้ ข้าแขง่ ขัน ทมี ละ 3 คน พร้อมช่ือครูทีป่ รกึ ษาโครงงานคณติ ศาสตรท์ มี ละไม่เกิน 2 คน ตามแบบฟอร์มทก่ี าหนด 3.2 รายละเอียดหลักเกณฑ์การแขง่ ขนั การประกวดโครงงานคณติ ศาสตร์ที่บูรณาการความรู้ในคณิตศาสตร์ไปประยกุ ต์ใช้มีการพิจารณาระดบั การแขง่ ขันและตัดสนิ โครงงาน แยกเขตพืน้ ท่ี /ระดบั ชั้น ดงั นี้ ๓.๒.๑ ระดับเขตพ้ืนท่ี สพป. - โครงงานคณติ ศาสตร์ที่บรู ณาการความรู้ในคณิตศาสตร์ไปประยุกตใ์ ช้ระดับชน้ัประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ได้แก่ 1) โครงงานคณิตศาสตร์ประเภทสารวจเก็บรวบรวมข้อมูล 2) โครงงานคณิตศาสตร์ประเภททดลอง 3) โครงงานคณิตศาสตร์ประเภทพฒั นาหรอื ประดษิ ฐ์ - โครงงานคณิตศาสตร์ทีบ่ รู ณาการความรู้ในคณติ ศาสตร์ไปประยุกตใ์ ช้ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 – ๓ ไดแ้ ก่ 1) โครงงานคณิตศาสตรป์ ระเภททดลอง 2) โครงงานคณติ ศาสตร์ประเภทพัฒนาหรอื ประดิษฐ์ ๓.๒.๒ ระดบั เขตพื้นที่ สพม. - โครงงานคณติ ศาสตร์ที่บรู ณาการความรใู้ นคณิตศาสตร์ไปประยุกตใ์ ช้ ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 – ๖ ไดแ้ ก่ 1) โครงงานคณติ ศาสตร์ประเภททดลอง 2) โครงงานคณติ ศาสตรป์ ระเภทพัฒนาหรอื ประดษิ ฐ์ ๓.๓ สง่ รายงานโครงงานคณติ ศาสตรเ์ ป็นรูปเลม่ ล่วงหนา้ ก่อนการแข่งขนั 2 สัปดาห์ (ตามท่เี ขตพื้นที่การศึกษา/ระดบั ภาค/ระดบั ชาติ กาหนดศลิ ปหัตถกรรมนักเรยี นครั้งที่ ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๑๑
3.๔ นาแผงโครงงานคณติ ศาสตร์มาแสดงตามเกณฑม์ าตรฐาน 60 ซม. 60 ซม. 60 ซม. ก กข ๑๒๐ ซม. ถ้ามสี ่วนย่นื ด้านบน อนญุ าตให้ ติดแคช่ ่อื โรงเรยี นเท่าน้นั หา้ มมีเน้ือหาทีเ่ กย่ี วกบั การทาโครงงาน 3.๕ นาเสนอโครงงานคณิตศาสตรต์ ่อคณะกรรมการ ใช้เวลาไม่เกนิ 10 นาที และตอบข้อซักถามใชเ้ วลาไม่เกิน ๑๐ นาที 3.๖ สื่อทใี่ ชใ้ นการนาเสนอโครงงานคณติ ศาสตร์ ผสู้ ่งโครงงานเข้าแข่งขันจัดเตรียมมาเอง 3.๗ พืน้ ทจี่ ดั วางแผงโครงงานคณติ ศาสตร์ คณะกรรมการจัดให้เท่ากนั ไม่เกนิ 1.50 ม. × 1.00 ม.และใหจ้ ดั ภายในพ้ืนทท่ี ี่กาหนดเท่านนั้4. เกณฑ์การใหค้ ะแนน 100 คะแนน4.1 การกาหนดหวั ข้อโครงงาน 5 คะแนน คะแนน4.2 ความสาคัญและความเป็นมาของโครงงาน 10 คะแนน4.3 วตั ถปุ ระสงค/์ สมมตฐิ าน/ตวั แปร (ถา้ มี) ๕ คะแนน คะแนน4.4 เน้อื หามีความเชื่อมโยงความร้แู ละทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ คะแนน คะแนนกับศาสตร์อน่ื ๆ/บรู ณาการความรคู้ ณติ ศาสตร์ ๑๕ คะแนน4.5 วธิ ดี าเนนิ งาน /แนวคิด และผลที่ได้รบั 1๕ คะแนน คะแนน4.6 การจดั แสดงโครงงานเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 5 คะแนน4.7 การนาเสนอปากเปลา่ 104.8 การตอบข้อซกั ถาม (เน้นการนาความร้แู ละผลการดาเนนิ งาน/ผลงานและความรู้คณิตศาสตร์และการเชื่อมโยงบูรณาการไปประยุกต์ใช้) ๑๐4.9 การเขียนรายงาน ๕4.10 การนาไปใชป้ ระโยชน์ ๑๐4.11 ความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ ๑๐5. เกณฑก์ ารตัดสิน การพจิ ารณาตดั สินโครงงานมเี กณฑ์การพจิ ารณา ดงั นี้ รอ้ ยละ 80 - 100 ไดร้ บั รางวัลระดับเหรยี ญทอง ร้อยละ 70 – 79 ได้รับรางวัลระดบั เหรียญเงนิ ร้อยละ 60 – 69 ไดร้ ับรางวลั ระดับเหรยี ญทองแดง ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 60 ได้รบั เกียรติบตั ร เว้นแตก่ รรมการจะเห็นเป็นอยา่ งอ่นื ผลการตัดสนิ ของคณะกรรมการถอื เปน็ ที่สนิ้ สุดศิลปหัตถกรรมนกั เรียนครง้ั ท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๑๒
6. คณะกรรมการการแขง่ ขัน ระดบั ละ 3 - 5 คน คณุ สมบตั ขิ องคณะกรรมการ - เปน็ ผู้ทรงคุณวฒุ ิในด้านคณิตศาสตร์ - เป็นศกึ ษานิเทศก์ทรี่ บั ผิดชอบกล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ - เป็นครูท่ีมคี วามคดิ รวบยอดในเนื้อหาคณิตศาสตร์และมีประสบการณ์การทาโครงงานคณิตศาสตร์ (ถา้ เป็นกรรมการระดับชาติต้องเคยเปน็ กรรมการตัดสินโครงงานในระดบั ภาค หรอื ระดับชาติมาก่อน) ขอ้ ควรคานงึ - กรรมการตอ้ งไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาของตนเขา้ แข่งขัน - กรรมการทีม่ าจากครผู ู้สอนควรแตง่ ตงั้ ใหต้ ัดสินในระดับชั้นทีท่ าการสอน - กรรมการควรมที ่ีมาจากเขตพ้นื ที่การศึกษาอ่นื อยา่ งหลากหลาย - กรรมการควรให้ข้อเสนอแนะเตมิ เต็มใหก้ บั นักเรียนที่ชนะในลาดับท่ี 1 - 37. สถานท่ที าการแข่งขนั ควรใช้ห้องเรยี นหรอื สถานท่ี ทมี่ โี ต๊ะ เกา้ อี้ ที่สามารถดาเนินการแขง่ ขันได้พร้อมกัน8. การเข้าแขง่ ขนั ระดับภาค และระดับชาติ ๘.1 ใหท้ มี ที่เป็นตัวแทนของของเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาเขา้ แขง่ ขันในระดับภาค ทุกกิจกรรมตอ้ งได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับที่ ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป) และทีมท่ีเป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดบั ชาติ จะต้องได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับที่ ๑ - ๓ (คะแนนรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ) ๘.๒ ในกรณีแข่งขันระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาที่มีทีมชนะลาดับสูงสุดได้คะแนนเท่ากัน และในระดับภาคมีมากกว่า ๓ ทีม ให้พิจารณาการให้คะแนนในลาดับที่ ๔.๔ ๔.๗ ๔.๘ ๔.๑๐ และ ๔.๑๑ เรียงตามลาดับคะแนนของทีมใดสูงกว่า ถือว่าเป็นทีมท่ีชนะ เช่น มีทีมท่ีได้คะแนนในลาดับท่ี ๔.๔ เท่ากันให้พิจารณาลาดับที่ ๔.๗ ทีมท่ีได้คะแนนมากกว่าถือเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าลาดับท่ี ๔.๗ เท่ากัน ให้พิจารณาในลาดับถัดไปตามท่ีกาหนด ถ้าคะแนนเทา่ กนั ในทุกข้อ ใหป้ ระธานกรรมการตัดสนิ เป็นผูช้ ีข้ าด๙. การเผยแพรผ่ ลงานที่ไดร้ บั รางวลั ผลงานของนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1 - 3 คณะกรรมการพิจารณาและนาไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่อไปซง่ึ ผลงานของผ้แู ข่งขนั ถือเป็นลิขสิทธข์ิ องสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน เพื่อใชใ้ นการเผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธ์ศิลปหัตถกรรมนักเรียนครง้ั ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๑๓
10. รปู แบบการเขียนรายงานโครงงานคณติ ศาสตร์ (ปก)โครงงานคณิตศาสตร์ เรือ่ ง........................................................................................................................ โดย 1............................................................................................................................ .............. 2............................................................................................................................ .............. 3........................................................................................................ ..................................ครูท่ีปรกึ ษา 1............................................................................................................................ ............. 2.........................................................................................................................................โรงเรยี น........................................................... สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา ..................................รายงานฉบบั นเ้ี ปน็ สว่ นประกอบของโครงงานคณิตศาสตร์ประเภทบูรณาการความรู้ในคณติ ศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ ระดับ………................เนือ่ งในงานศิลปหัตถกรรมนกั เรียนคร้ังที่ ๖๗ ประจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๐รายละเอยี ดในเล่มประกอบด้วย บทคดั ย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบญั สารบัญตาราง สารบญั รปู ภาพ บทที่ 1 บทนา บทท่ี 2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีการดาเนินการ บทท่ี 4 ผลการดาเนินการ บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ บรรณานกุ รม ภาคผนวก ไมเ่ กิน 10 หนา้ศลิ ปหตั ถกรรมนักเรยี นครั้งที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๑๔
หมายเหตุ 1. ขนาดของกระดาษเขียนรายงานใหใ้ ชก้ ระดาษพิมพ์ ขนาด A4 ตัวอักษรไมต่ า่ กวา่ ๑๖ pointพมิ พ์หนา้ เดียว เฉพาะบทท่ี 1 - 5 มคี วามยาวไมเ่ กิน ๒0 หนา้ ภาคผนวกมคี วามยาวไมเ่ กนิ 10 หนา้ รายงานฉบับใดที่มีความยาวเกนิ กวา่ ท่ีกาหนดจะถกู ตดั คะแนน 2. ทารายงานส่งให้คณะกรรมการก่อนการแข่งขัน 2 สัปดาห์ จานวนชุดตามที่กาหนดในการแข่งขนัในแตล่ ะระดบั (สาหรบั ระดับชาติจะแจ้งใหท้ ราบภายหลังจากการแข่งขันระดบั ภาคเสรจ็ ส้ินไปแล้ว) 3. นักเรยี นทีเ่ ปน็ ตัวแทนเขา้ ร่วมแขง่ ขันระดบั ชาติ ต้องเปน็ บคุ คลคนเดียวกบั ผู้ทีไ่ ด้รบั การคดั เลอื กจากระดับภาค และ ระดับเขตพ้นื ท่ีการศึกษาศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนครง้ั ที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๑๕
(ตวั อยา่ ง) แบบประเมนิ โครงงานคณติ ศาสตร์ประเภทบูรณาการความรูใ้ นคณิตศาสตรไ์ ปประยกุ ตใ์ ช้ระดับ ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลายสังกดั สพป. …......................................................... สพม. ….................................................ชือ่ โครงงาน…...............................................................................................................................................โรงเรียน…....................................................................... จงั หวัด…...........................................................ข้อที่ รายการ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้1. การกาหนดหัวข้อโครงงาน (5) - สอดคล้องกบั เร่อื งที่ศึกษา 1 - สอดคล้องกบั วัตถุประสงค์/ปัญหาของโครงงาน 1 - สอดคลอ้ งกับเนือ้ หาและระดับชน้ั ของผู้ที่ทาโครงงาน 1 - มีความกะทดั รัด สอื่ ความหมายชดั เจน 1 - น่าสนใจ กระตนุ้ ความคดิ ต่อผ้อู ื่นอย่างหลากหลาย 1 (10)2. ความสาคญั และความเป็นมาของโครงงาน 1 - มาจากปัญหาและความสนใจของผเู้ รียน 1 - เปน็ ปญั หาท่สี ะท้อน/เก่ยี วข้องกับตัวเอง ชุมชนและสงั คมในวงกวา้ ง 1 - เป็นปัญหาที่สง่ ผลตอ่ /นาไปสู่การทาโครงงานทมี่ ปี ระโยชน์ 1 - บอกความเปน็ มาหรือเหตผุ ลของการทาโครงงานไดช้ ัดเจน 1 - มเี หตผุ ลที่ดีเพยี งพอท่ีนาไปสู่การทาโครงงาน 1 - แสดงใหเ้ ห็นถึงประโยชน์ คณุ ค่า/ความสาคัญของโครงงานตอ่ สงั คมในวงกว้าง 2 - ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชค้ วามรู้ความคดิ และทักษะความสามารถทาง คณติ ศาสตร์และศาสตรอ์ ื่น ๆ ในการทาโครงงาน 1 - มกี ารอ้างหลักการ แนวคิด หรือทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องประกอบการทาโครงงาน 1 - มอี งค์ประกอบถูกต้อง ครบถว้ น สอดคลอ้ ง สัมพนั ธ์กนั (5) 13. วตั ถปุ ระสงค/์ สมมติฐาน/ตวั แปร (ถา้ มี) 2 - เป็นวัตถปุ ระสงค์ของการทาโครงงาน 1 - ระบุวตั ถปุ ระสงค์ได้ถูกต้อง ชดั เจน มคี วามเปน็ ไปไดจ้ รงิ ในการดาเนนิ งาน - วัตถปุ ระสงคส์ ามารถวดั และประเมินผลได้จรงิ ดว้ ยวธิ กี าร/เครอ่ื งมือที่เป็น 1 รปู ธรรมเช่ือถอื ได้ - สอดคลอ้ งกับชื่อเรื่องและเน้ือหา (15) - สมมติฐาน (ถา้ มี) มีความถูกตอ้ ง ชดั เจน สอดคล้องกับปญั หา ตัวแปรและ 2 วตั ถุประสงค์ - สมมตฐิ านนาไปสกู่ ารออกแบบการวางแผนการศกึ ษาทดลองได้ชัดเจน4. เนอื้ หาสาระและเอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง - เน้อื หาถกู ต้อง ครบถ้วนสมบรู ณ์ เหมาะสม สอดคล้องและครอบคลมุ ในเรื่องทที่ าศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นครง้ั ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๑๖
ข้อที่ รายการ คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ - มกี ารเช่ือมโยงความรู้ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทีเ่ กี่ยวข้องได้ 2 ครบถว้ น สมบรู ณ์ - มีการจดั ระบบการนาเสนอเนื้อหาได้กระชับ ชัดเจน เข้าใจงา่ ยนาไปใชไ้ ด้ 2 อยา่ งสะดวก เพียงพอ มปี ระสิทธภิ าพ - เนอ้ื หาสาระสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการพฒั นาต่อยอด และกระต้นุ ให้ 2 แนวทางนาไปสู่การทาโครงงานและใชป้ ระโยชน์ในวงกวา้ ง - มีเทคนิควธิ ใี นการนาเสนอเนือ้ หาอย่างริเรมิ่ สร้างสรรค์ 1 - มีการอา้ งอิงหลักการ แนวคิด และทฤษฎีท่ีถูกต้อง ชัดเจน และเชื่อถือได้ 2 2 - เน้ือหาสาระมาจากแหล่งข้อมลู ท่หี ลากหลาย 2 - เอกสารอา้ งองิ ท่ีเกยี่ วข้องทันสมัย น่าเชื่อถือ (15)5. วธิ ีดาเนินงาน/แนวคิด และผลท่ีไดร้ บั 2 - มแี นวคดิ และวธิ กี ารดาเนนิ งาน 2 - มีลาดบั ขั้นตอนในการดาเนินงานชดั เจน 2 - มีเครื่องมือและการพัฒนาเครื่องมือ (ตรวจสอบคุณภาพ) ถูกต้องตามหลัก วชิ าการ 3 - มีการเก็บรวบรวมข้อมลู และวเิ คราะห์ขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง 2 - การนาเสนอข้อมลู ถูกต้อง กะทัดรัด ชดั เจน 2 - ผลการทาโครงงานบรรลุวัตถุประสงค์ท่ตี ัง้ ไว้ 2 - มกี ารอภปิ รายผลการศึกษาอยา่ งครอบคลุมสมเหตสุ มผล (5)6. การจดั แสดงโครงงานเป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐาน 1 - ขนาดแผงโครงงานเปน็ ไปตามมาตรฐานที่กาหนด - การจดั วางเหมาะสม สร้างสรรค์ สวยงาม ประหยัด นา่ สนใจ 1 - เนอื้ หาสาระครบถ้วนสมบูรณ์ 1 - การเรียงลาดับ ประเดน็ หวั ข้อ และเน้ือหาสาระถกู ต้องเป็นระบบ เขา้ ใจง่าย 1 - มีช้ินงาน/สิ่งประดิษฐ์/รอ่ งรอยของการดาเนนิ งาน นาเสนอไดเ้ หมาะสม 1 สอดคลอ้ งกับโครงงานท่ีทา7. การนาเสนอปากเปลา่ (10 นาที) (10) - มกี ารแนะนาตนเอง ด้วยมารยาทที่ดี มีความยิม้ แย้มแจม่ ใส 1- พดู จาถกู ต้องตามหลกั ภาษาไทย กระชบั ชัดเจน เขา้ ใจง่าย เปน็ ธรรมชาติ 2- มคี วามเชือ่ มัน่ ในตนเอง กล้าพูด กล้าแสดงออก 1- มีการนาเสนอถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลมุ ประเด็นสาคัญของโครงงาน 2- มีการจดั ระบบขัน้ ตอนการนาเสนอได้กระชับ ชัดเจน เป็นระบบเขา้ ใจงา่ ย 1- การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในการนาเสนอ 1- มวี ิธกี ารนาเสนอทนี่ า่ สนใจ มคี วามคดิ รเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ 1- นาเสนอได้เหมาะสมกบั เวลาท่กี าหนด 1ศิลปหตั ถกรรมนักเรียนครง้ั ท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๑๗
ขอ้ ที่ รายการ คะแนนเตม็ คะแนนท่ไี ด้8. การตอบข้อซักถาม (เนน้ การซักถามการนาความรู้และผลการดาเนนิ งาน/ (10) ผลงาน และความรู้ทางคณติ ศาสตร์ และการเชือ่ มโยงบูรณาการไป ประยุกต์ใช้) 1 - มคี วามเชอื่ มัน่ ในการตอบ 1 - ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตรงประเดน็ คล่องแคลว่ และชัดเจน 1 - ใชภ้ าษาถกู ตอ้ งเขา้ ใจงา่ ย 1 - มกี ารใชข้ ้อมูลจรงิ จากการศึกษา 1 - ใชภ้ าษาคาศพั ท์เทคนิคไดถ้ ูกต้อง 1 - การมสี ่วนร่วมของสมาชิกภายในกล่มุ 2 - มีปฏภิ าณไหวพรบิ และสามารถแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ได้ 2 - มกี ารใช้ความรจู้ ากการศึกษาประกอบการอธิบาย (5) 19. การเขยี นรายงานโครงงานถกู ตอ้ งตามรูปแบบ 2 - องค์ประกอบครบถ้วนตามประเภทของโครงงานและเรียงลาดับถูกต้อง 1 - นาเสนอสาระในแตล่ ะหวั ข้อถูกต้อง ชดั เจน กระชบั รดั กุม 1 - การใชภ้ าษาถูกต้องชัดเจน (10) - จานวนหนา้ ทั้งเน้ือหา ภาคผนวก และขนาดตวั อักษรเป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกาหนด 2 210. การนาไปใชป้ ระโยชน์ 2 - นาไปใชไ้ ด้จรงิ 2 - นาไปพัฒนาต่อยอดได้อย่างหลากหลาย 2 - เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง ชุมชน และสงั คมโลกในวงกวา้ ง (10) - มีความค้มุ ค่าต่อการลงทุน 1 - นาไปประยกุ ต์ใช้/ทาใชเ้ องได้ดว้ ยวสั ดอุ ุปกรณท์ ่หี าไดง้ า่ ย 1 111. ความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ 1 - มีความแปลกใหมร่ ิเริ่มสรา้ งสรรค์ของปัญหาหรือความเป็นมา 1 - มคี วามแปลกใหมร่ เิ ริม่ สรา้ งสรรคข์ องแนวคดิ วธิ กี าร 1 - มคี วามแปลกใหมใ่ นการนาเสนอ 1 - มีความแปลกใหมข่ องผลงาน 1 - มคี วามแปลกใหม่ของการนาไปใช้ 1 - สามารถนาไปพัฒนาต่อยอดเปน็ นวตั กรรม 1 - มคี วามแปลกใหม่ หลากหลาย ยดื หยุ่น 100 - มคี วามละเอียดปราณีต คานึงถงึ สว่ นตา่ ง ๆ อยา่ งรอบดา้ น ครอบคลมุ - เปน็ เรอ่ื งทนั สมัย - สามารถนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา คะแนนรวมศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนคร้งั ที่ ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๑๘
ขอ้ คิดเห็น เพิม่ เตมิ…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…................................................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................... ...............…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…................................................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................... ...............…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................….........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................…............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................ ลงช่อื …............................................. กรรมการ (….....................................)ศิลปหตั ถกรรมนกั เรียนคร้ังที่ ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๑๙
4. การแขง่ ขนั สรา้ งสรรคผ์ ลงานคณิตศาสตร์โดยใช้โปรแกรม GSP1. ระดบั และคณุ สมบัติผู้เขา้ แข่งขนัการแขง่ ขันแบง่ เป็น 3 ระดับ ดังน้ี1.1 ระดบั ประถมศึกษา ผ้เู ขา้ แข่งขนั ตอ้ งเป็นนกั เรยี นในชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 เท่านั้น1.2 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ผู้เข้าแข่งขนั ต้องเปน็ นกั เรยี นในช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 - 3 เท่านัน้1.3 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผเู้ ข้าแขง่ ขันตอ้ งเปน็ นักเรียนในชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เทา่ น้ัน2. ประเภทและจานวนผเู้ ข้าแข่งขัน2.1 ประเภททีม2.2 จานวนผ้เู ข้าแขง่ ขนั ทมี ละ 2 คน3. วธิ ดี าเนินการแขง่ ขันและรายละเอยี ดหลักเกณฑ์การแขง่ ขัน3.1 สง่ รายชอื่ นักเรียนผ้เู ขา้ แขง่ ขัน ระดับละ 1 ทมี พรอ้ มช่ือครูผู้ฝกึ สอน 2 คน ตามแบบฟอร์มที่กาหนด3.2 กาหนดโจทยก์ ารแขง่ ขนั จานวน 5 ข้อ ข้อละ 20 คะแนน รวมคะแนนเตม็ 100 คะแนน3.3 เวลาท่ีใชใ้ นการแขง่ ขัน 2 ชว่ั โมง 30 นาที4. เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 100 คะแนน กาหนดรายละเอยี ด ดังน้ี4.1 โจทย์การแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใชโ้ ปรแกรม GSP จานวน 4 ขอ้ ข้อละ 20 คะแนนรวม 80 คะแนน ซง่ึ แต่ละข้อใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดังนี้ 4.1.1 ความสมบูรณแ์ ละถกู ต้องของรปู หรือแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ 10 คะแนน 4.1.2 ความคิดและความสมเหตสุ มผลของคาตอบและกระบวนการแก้ปัญหา 10 คะแนน4.2 โจทยก์ ารสร้างสรรค์ผลงานคณติ ศาสตร์โดยใช้โปรแกรม GSP จานวน 1 ข้อ 20 คะแนน 4.2.1 ความเป็นพลวตั ความคดิ รเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ความสวยงาม และความเหมาะสม 10 คะแนน 4.2.2 ผลงานส่ือความหมายไดส้ อดคล้องและเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง 5 คะแนน 4.2.3 การพูดนาเสนอถกู ตอ้ ง ชัดเจน และใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที 5 คะแนน (หากเกนิ เวลาให้คณะกรรมการพจิ ารณาตัดคะแนน)5. เกณฑ์การตดั สนิ ร้อยละ 80 - 100 ไดร้ บั รางวัลระดบั เหรียญทอง ร้อยละ 70 – 79 ได้รับรางวลั ระดับเหรยี ญเงนิ ร้อยละ 60– 69 ได้รบั รางวลั ระดับเหรียญทองแดง ต่ากว่ารอ้ ยละ 60 ไดร้ ับเกียรตบิ ัตร เวน้ แตก่ รรมการจะเห็นเป็นอย่างอ่ืน ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นสน้ิ สุดศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียนคร้ังที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๒๐
6. คณะกรรมการ การแขง่ ขัน ระดับละ 5 – 10 คน คุณสมบตั ขิ องคณะกรรมการ - เป็นศกึ ษานเิ ทศก์ทร่ี บั ผดิ ชอบกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ - เปน็ ครูผสู้ อนกลุม่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ทีม่ ีความเชีย่ วชาญโปรแกรม GSP - เปน็ ผทู้ รงคุณวุฒใิ นด้านคณิตศาสตร์ ข้อควรคานึง - กรรมการตอ้ งไม่ตดั สินในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขนั - กรรมการท่มี าจากครูผู้สอนควรแตง่ ต้ังใหต้ ัดสินในระดับท่ีทาการสอน - กรรมการควรอยู่ในเขตพนื้ ท่ีการศึกษาหรือหนว่ ยงานอ่ืนอยา่ งหลากหลาย - กรรมการควรให้ข้อเสนอแนะเตมิ เต็มใหก้ บั นักเรียนทช่ี นะในลาดับท่ี 1- 37. สถานทแ่ี ข่งขัน หอ้ งคอมพิวเตอรแ์ ละโปรแกรม GSP ทส่ี ามารถดาเนนิ การแขง่ ขันได้พร้อมกัน8. การเขา้ แขง่ ขันระดับภาค และระดบั ชาติ ๘.1 ใหท้ มี ที่เป็นตัวแทนของของเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาเขา้ แขง่ ขันในระดบั ภาค ทกุ กจิ กรรมตอ้ งได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับท่ี ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป) และทีมที่เป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดับชาติ จะตอ้ งได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับที่ ๑ - ๓ (คะแนนรอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ) ๘.๒ ในกรณแี ข่งขันระดับเขตพื้นท่ีการศกึ ษาที่มีทีมชนะลาดับสูงสุดได้คะแนนเท่ากัน และในระดับภาค มีมากกวา่ ๓ ทมี ให้พจิ ารณาลาดับทต่ี ามลาดับข้อของเกณฑ์การให้คะแนน เชน่ มีทีมท่ีได้คะแนนข้อท่ี ๑ เท่ากันให้ดูข้อท่ี ๒ ทีมที่ได้คะแนนข้อที่ ๒ มากกว่าถือเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าข้อที่ ๒ เท่ากัน ให้ดูในข้อถัดไป กรณีคะแนนเท่ากันทุกข้อให้ประธานกรรมการตัดสินเปน็ ผู้ชขี้ าดจับฉลากข้อเสนอแนะในการตอ่ ยอดในระดับชาติควรตอ่ ยอดโดยการจัดค่ายพัฒนาทกั ษะคณิตศาสตร์และโปรแกรม GSPหมายเหตุ นกั เรียนทเ่ี ป็นตัวแทนเข้ารว่ มแขง่ ขันระดับชาติ ต้องเป็นบุคคลคนเดยี วกบั ผู้ทไี่ ด้รบั การ คดั เลอื กจากระดับภาคและระดบั เขตพ้ืนท่ี9.การเผยแพร่ผลงานทไี่ ดร้ บั รางวลั ผลงานของนักเรียนท่ีได้รับคะแนนสูงสุดอันดับท่ี 1 - 3 คณะกรรมการพิจารณาและนาไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ตอ่ ไปซง่ึ ผลงานของผู้แข่งขนั ถอื เป็นลขิ สทิ ธข์ิ องสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน เพื่อใช้ในการเผยแพรแ่ ละประชาสมั พันธ์ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรยี นคร้ังที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๒๑
5. การแข่งขันคดิ เลขเร็ว1. ระดบั และคณุ สมบตั ิผู้เขา้ แขง่ ขัน การแขง่ ขันแบ่งเปน็ 4 ระดบั ดงั นี้ 1.1 ระดับประถมศึกษาตอนต้น ผู้เขา้ แข่งขันตอ้ งเปน็ นักเรียนในช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 – 3 เทา่ น้ัน 1.2 ระดบั ประถมศึกษาตอนปลาย ผ้เู ขา้ แข่งขนั ต้องเปน็ นักเรียนในช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 เท่านน้ั 1.3 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั ตอ้ งเป็นนักเรยี นในชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 เทา่ นนั้ 1.4 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ผ้เู ขา้ แข่งขนั ตอ้ งเป็นนักเรียนในชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 เท่านนั้2. ประเภทและจานวนผู้เขา้ แขง่ ขนั 2.1 ประเภทเดีย่ ว 2.2 จานวนผู้เขา้ แข่งขนั ระดับละ 1 คน3. วิธดี าเนนิ การและหลักเกณฑ์การแข่งขัน 3.1 การส่งรายชื่อนกั เรียนผู้เข้าแข่งขัน ส่งรายชอื่ นักเรียนผเู้ ข้าแข่งขนั พรอ้ มชอื่ ครผู ฝู้ ึกสอนระดบั ละ 1 คน ตามแบบฟอร์มทีก่ าหนด 3.2 การจัดการแขง่ ขนั การแข่งขนั ทกุ ระดับมีการแข่งขัน 2 รอบ ดงั นี้ รอบที่ 1 จานวน 30 ข้อ ใชเ้ วลาขอ้ ละ 30 วนิ าที โดยสุม่ เลขโดดเปน็ โจทย์ 4 ตวั เลข ผลลพั ธ์ 2หลัก รอบท่ี 2 จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลาขอ้ ละ 30 วินาที โดยสุม่ เลขโดดเป็นโจทย์ 5 ตวั เลข ผลลพั ธ์ 3หลัก เมอ่ื เสร็จสน้ิ การแขง่ ขันรอบที่ 1 ใหพ้ กั 10 นาที หมายเหตุ ให้คณะกรรมการพิจารณาเกณฑข์ ้อท่ี 5 ประกอบการดาเนนิ การ 3.3 วิธกี ารแข่งขัน 3.3.1 ช้ีแจงระเบยี บการแขง่ ขันให้นักเรียนผ้เู ข้าแขง่ ขันและครูผ้ฝู ึกสอนเขา้ ใจตรงกันกอ่ นเริ่มการแข่งขนั 3.3.2 ใชโ้ ปรแกรม GSP ตามท่ีสว่ นกลางกาหนดไวใ้ หเ้ ทา่ นนั้ เพ่ือให้นักเรยี นท่เี ข้าแข่งขนั เตรียมความพร้อมในการแขง่ ขนั ระดับชาติ หา้ มนาไปปรับเปลีย่ น จะมไี ฟล์แนบให้ท้ังระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศกึ ษา 3.3.3 ใชก้ ระดาษคาตอบ ขนาด 1 ของกระดาษ A4 ดังตัวอย่าง ในการแขง่ ขันทุกระดบั 4ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรยี นครง้ั ที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๒๒
ชอ่ื -สกุล..................................................โรงเรียน................................................เลขท่ี ............... ขอ้ ........ วิธกี ารและคาตอบ พ้นื ท่ีสาหรับทดเลข 3.3.4 แจกกระดาษคาตอบตามจานวนข้อในการแขง่ ขนั แตล่ ะรอบ 3.3.5 ให้นักเรียนเขียนชื่อ – สกลุ โรงเรียน เลขทน่ี ัง่ และหมายเลขข้อ ให้เรียบร้อยก่อนเร่ิมการแขง่ ขนั ในแตล่ ะรอบ และหา้ มเขียนข้อความอนื่ ๆ จากที่กาหนด 3.3.6 เรม่ิ การแขง่ ขันโดยส่มุ เลขโดดจากโปรแกรม GSP ทีท่ างส่วนกลางจดั ไว้ให้ เป็นโจทย์และผลลพั ธ์ ซึ่งเลขโดดในโจทยท์ ี่สุ่มไดต้ ้องไมซ่ ้าเกินกวา่ 2 ตวั หรือถา้ สุ่มไดเ้ ลข 0 ตอ้ งมเี พียงตวั เดยี วเทา่ นั้น เช่น สุ่มเลขโดดเป็นโจทย์ 4 ตัว สมุ่ ไดเ้ ปน็ 6616 มี 6 ซ้าเกนิ กวา่ 2 ตัว ตอ้ งสุม่ ใหม่ หรือ สุม่ ได้เป็น 0054 มี 0 ซา้ เกนิ 1 ตัว ต้องส่มุ ใหม่ สุ่มเลขโดดเป็นโจทย์ 5 ตัว ส่มุ ไดเ้ ปน็ 43445 มี 4 ซ้าเกนิ กวา่ 2 ตัว ตอ้ งสุม่ ใหม่ หรือ สุม่ ได้เป็น 20703 มี 0 ซา้ เกนิ 1 ตวั ต้องสุ่มใหม่ช้แี จงเพ่มิ เติมในคู่มือ 3.3.7 เม่อื หมดเวลาในแต่ละข้อให้กรรมการเกบ็ กระดาษคาตอบ และดาเนนิ การแขง่ ขนัตอ่ เนอ่ื งจนครบทุกข้อ (ไม่มีการหยดุ พักในแต่ละขอ้ เพื่อตรวจใหค้ ะแนน/ไม่มีการเฉลยทีละขอ้ ให้นักเรียนผูเ้ ข้าแข่งขนั รับทราบก่อนเสรจ็ สิ้นการแข่งขนั ) 3.4 หลักเกณฑก์ ารแขง่ ขนั 3.4.1 การแข่งขันระดับประถมศึกษาตอนต้น (ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – 3) ใช้การดาเนินการทางคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หาร หรือยกกาลังเท่านั้น เพ่ือหาผลลัพธ์ และให้เขียนแสดงวิธีคิดทีละข้ันตอนหรือเขียนแสดงความสัมพันธ์ของวธิ ีการและคาตอบในรูปของสมการกไ็ ด้ เชน่สุ่มเลขโดดเปน็ โจทย์ 4 ตัวเลข ผลลัพธ์ 2 หลักตัวอยา่ งท่ี 1 โจทย์ทส่ี ุ่ม ผลลพั ธ์ 4957 88 วธิ คี ิด 9 7 = 63 5 × 4 = 20 63 20 = 83 หรือ นักเรียน เขยี น (9 7) + (5 × 4) = 63 + 20 = 83 กไ็ ด้ได้คาตอบ 83 ซึ่งไม่ตรงกบั ผลลพั ธ์ที่สุม่ ได้ ในกรณนี ้ีถา้ ไม่มีนักเรยี นคนใดได้คาตอบท่ีตรงกบั ผลลัพธท์ ่สี ุม่ ได้ถ้า 83 เปน็ คาตอบทีใ่ กลเ้ คียงทีส่ ดุ จะได้คะแนนตัวอยา่ งท่ี 2 โจทยท์ ีส่ ุ่ม ผลลัพธ์ 2123 99 วธิ คี ดิ (32 + 1)2 = (9 + 1)2 = 100ไดค้ าตอบ 100 ซ่ึงไม่ตรงกับผลลพั ธท์ ่สี ุม่ ได้ ในกรณนี ้ีถา้ ไม่มีนักเรยี นคนใดได้คาตอบทต่ี รงกบั ผลลัพธท์ ีส่ มุ่ ได้ถ้า 100 เปน็ คาตอบที่ใกล้เคียงทสี่ ุด จะได้คะแนนศลิ ปหัตถกรรมนักเรียนครั้งท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๒๓
ตวั อย่างที่ 3 โจทยท์ ่ีสุ่ม ผลลัพธ์ 4836 13 วิธคี ดิ (8 + 6) - (4 - 3) = 13ได้คาตอบตรงกบั ผลลัพธ์ท่ีส่มุ ไดพ้ อดี จะได้คะแนนสุ่มเลขโดดเป็นโจทย์ 5 ตัวเลข ผลลพั ธ์ 3 หลกัตัวอย่าง โจทย์ทสี่ ่มุ ผลลัพธ์ 19732 719 วิธีคิด 93 – (7 + 2) - 1 = 719ได้คาตอบตรงกบั ผลลพั ธท์ ีส่ ุ่มได้พอดี จะได้คะแนน 3.4.2 การแข่งขันระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 – 6) ใช้การดาเนินการทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ บวก ลบ คูณ หาร ยกกาลัง หรือถอดรากอันดับท่ี n ทเ่ี ป็นจานวนเต็มบวกเท่านนั้ เพ่ือหาผลลัพธ์ ในการถอดรากต้องใส่อันดับที่ของรากจากตัวเลขท่ีสุ่มจากโจทย์ ยกเว้นรากอันดับท่ีสอง ในการถอดรากอันดับที่ n อนุญาตให้ใช้เพียงช้ันเดียว และไม่อนุญาตให้ใช้รากอนันต์ และให้เขียนแสดงวิธีคิดทีละข้ันตอน หรือเขียนแสดงความสัมพันธข์ องวธิ ีการและคาตอบในรูปของสมการกไ็ ด้ เชน่สมุ่ เลขโดดเป็นโจทย์ 4 ตัวเลข ผลลัพธ์ 2 หลักตวั อย่างที่ 1 โจทยท์ ีส่ ุม่ ผลลัพธ์ 4957 88 วธิ ีคดิ 9 7 = 63 4 =2 52 = 25 63 25 = 88 หรอื นักเรยี น เขยี น (9 7) + 5 4 = 63 + 25 = 88 กไ็ ด้สมุ่ เลขโดดเป็นโจทย์ 5 ตัวเลข ผลลัพธ์ 3 หลักตวั อยา่ งท่ี 2 โจทยท์ ีส่ มุ่ ผลลัพธ์ 28439 757 วธิ ีคิด ( 4 )8 3 - (9 + 2) = 768 – 11 = 757ตัวอย่างที่ 3 โจทย์ทส่ี ุ่ม ผลลพั ธ์ 22453 182 วธิ ีคดิ (3 2) 4 × 5 + 2 = 182ศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี นครั้งท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๒๔
3.4.3 การแข่งขันระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 – 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6) ใช้การดาเนินการทางคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หาร ยกกาลัง ถอดรากอันดับที่ nที่เปน็ จานวนเต็มบวก เพื่อหาผลลัพธ์ สามารถใช้แฟคทอเรียลและซิกมาได้ โดยมีข้อตกลงดงั น้ี ในการถอดรากอันดับท่ี n จะถอดก่ีชั้นก็ได้ ถ้าไม่ใช่รากอันดับท่ีสองต้องใส่อันดับท่ีของรากจากตัวเลขท่ีสุ่มมาเท่าน้ัน และไมอ่ นุญาตให้ใช้รากอนันต์ การใชแ้ ฟคทอเรยี ลจะใช้ ! กีค่ รัง้ กไ็ ด้ แตต่ อ้ งใสว่ งเล็บใหช้ ัดเจนทกุ ครั้ง เชน่ (3!)! = (6)! = 720หากมีการใช้ซิกมาต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์ โดยอนุญาตให้ใช้ i ที่ปรากฏหลัง ได้ไม่เกิน2 ตัว เพราะไม่ต้องการให้มีการปรับรูปแบบการใช้ซิกมาหรือค่าที่เกิดจากการประยุกต์ มาประกอบกับ i เกินความจาเป็น และตัวเลขท่ีปรากฏอยู่กับ ต้องเป็นตัวเลขท่ีได้จากโจทย์ท่ีสุ่มเท่านั้น และผลรวมต้องเป็นจานวนเต็มบวก เชน่1) 5 55 2 × 15 = 30 (i i) 2i 2i i1 i1 iª 1 (ต้องมีตวั เลข 1 และ 5 ในโจทย์ท่สี มุ่ ) = 555 5 (ixi) i 2 12 22 32 42 52 2) i1 i1 (ต้องมีตัวเลข 1 และ 5 ในโจทย์ท่ีสุ่ม) 5 i3) i1 15 i i 1 2 3 ... 15 120 i 1 i 1 (ต้องมีตัวเลข 1 , 1 และ 5 ในโจทย์ทส่ี ุม่ ) n n i! ii และ สามารถใช้ n i 1 i i! i 1 i1 iการเขยี นแสดงวิธีคดิ ให้เขียนแสดงความสมั พนั ธ์ของวธิ ีการและคาตอบในรูปของสมการเท่าน้นั เชน่สมุ่ เลขโดดเปน็ โจทย์ 4 ตวั เลข ผลลัพธ์ 2 หลกัตัวอย่างที่ 1 โจทยท์ ี่สุ่ม ผลลพั ธ์ 0582 27 วิธคี ดิ 58 2 0 27 หรือ ( 58 2) 0 27ตัวอย่างที่ 2 โจทยท์ ่ีส่มุ ผลลัพธ์ 4837 69 วธิ ีคดิ 7 4 8 3 69ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรยี นคร้ังท่ี ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๒๕
สุม่ เลขโดดเปน็ โจทย์ 5 ตวั เลข ผลลัพธ์ 3 หลกัตวั อยา่ งท่ี 1 โจทยท์ ่ีสมุ่ ผลลัพธ์ 18374 834 วธิ ีคดิ 7! ÷ (8 - 4 ) - (3! × 1) = (5,040 ÷ 6) - 6 = 834ตวั อย่างที่ 2 โจทยท์ สี่ มุ่ ผลลพั ธ์ 58376 326 วธิ ีคดิ (8!/5!) - (7 + 6 - 3) = 326 หรือ 6 38 7 5 326ตัวอยา่ งที่ 3 โจทยท์ ส่ี ุม่ ผลลพั ธ์ 85842 242 วิธคี ิด (5! × 2) + 4 + (8 - 8) = 242 หรือ (5! × 2) + 4 × ( 8 ) = 242 8 หรอื 28 – (8 + (5 - 4 )!) = 242 3.4.4 ขอ้ พึงระวงั ในการแขง่ ขัน 1) การคิดคานวณหาคาตอบต้องใช้เลขโดดท่ีสมุ่ เปน็ โจทย์ให้ครบทุกตัว และใช้ไดต้ วั ละ 1 ครั้งเท่าน้ัน 2) การใชเ้ คร่ืองหมาย , , , ควรเขยี นให้ชดั เจน 2.1) การเขยี นเคร่ืองหมายบวก ให้เขียน + หา้ มเขียน 2.2) การเขียนเครือ่ งหมายคูณ ให้เขียน 2 3 หรือ (2)(3) หรือ 23 หา้ มเขยี น 23 2 3 2 3 2 3 2 3 2.3) การเขยี นเครือ่ งหมายหาร ให้เขียน 8 2 หรือ 8 หรอื 8/2 2 ห้ามเขียน 82 หรือ 8 2 3) กรณที ี่มีการใชว้ งเลบ็ ให้เขียนวงเล็บให้ชัดเจน จะใช้ ( ) หรือ หรือ กช่ี น้ั กไ็ ด้ ห้ามเขียน 4) การเขยี นเลขยกกาลงั ควรเขยี นใหช้ ัดเจน เช่น ( ) (23 4 = 84 หรือ 2 34 ) = 281 กรณที ี่ไมใ่ ส่วงเล็บจะคดิ ตามหลักคณิตศาสตร์ เชน่ 234 = 2(34) = 281 5) การเขยี นเครอ่ื งหมายอนั ดับทขี่ องราก ควรเขยี นใหช้ ดั เจน เช่น 9 8 2 , 12 8 = 2 , 4 9 3 6) การใช้ ตอ้ งเขยี นตวั เลขกากับไว้ตามหลกั การทางคณติ ศาสตร์ เชน่ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียนครงั้ ที่ ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๒๖
7 1 2 3 4 5 6 7 28i1iหา้ มเขยี น 7 1 2 3 4 5 6 7 284. เกณฑ์การให้คะแนน 4.1 ผ้ทู ่ีได้คาตอบเท่ากับผลลัพธท์ ก่ี าหนด และวิธีการถูกต้อง ได้คะแนนข้อละ 2 คะแนน 4.2 ถา้ ไมม่ ีผใู้ ดได้คาตอบเท่ากบั ผลลัพธ์ที่สมุ่ ได้ ผู้ที่ไดค้ าตอบใกลเ้ คยี งกับผลลัพธ์มากที่สดุ และวิธีการถกู ตอ้ ง เป็นผูไ้ ด้คะแนน ไม่วา่ ผลลัพธ์ทีต่ อ้ งการจะเป็นกีห่ ลักก็ตาม (ผลลพั ธ์ที่ได้ตอ้ งเป็นจานวนเตม็เทา่ นน้ั )เช่น ตอ้ งการผลลัพธ์ 99 มีผูไ้ ด้คาตอบ 100 และ 98 ซง่ึ วธิ กี ารถกู ตอ้ งทั้ง 2 คาตอบ ไดค้ ะแนนท้งั คู่5. เกณฑ์การตดั สิน คณะกรรมการนาคะแนนรวมของรอบท่ี 1 และรอบที่ 2 มาคดิ เทียบกบั เกณฑ์การตัดสินดังน้ี รอ้ ยละ 80 - 100 ได้รับเกยี รตบิ ัตรระดับเหรยี ญทอง รอ้ ยละ 70 – 79 ได้รบั เกียรติบัตรระดับเหรียญเงนิ ร้อยละ 60 – 69 ได้รับเกียรติบัตรระดบั เหรียญทองแดง ตา่ กว่ารอ้ ยละ 60 ได้รบั เกียรติบัตร เวน้ แต่กรรมการจะเหน็ เป็นอย่างอนื่ ผลการตัดสนิ ของคณะกรรมการถือเป็นสิน้ สุด6. คณะกรรมการการแขง่ ขัน 6.1 ระดับประถมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย (ป.1 – 3 และ ป.4 – 6) คณะกรรมการการแข่งขันจานวน 12 - 15 คน 6.2 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้นและตอนปลาย (ม.1 – 3 และ ม.4 – 6) คณะกรรมการการแข่งขนัจานวน 12 - 18 คน คณุ สมบตั ิของคณะกรรมการ - เป็นศึกษานเิ ทศก์ทรี่ ับผิดชอบกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ - เปน็ ครผู สู้ อนที่มคี วามเชย่ี วชาญการสอนคณิตศาสตรห์ รือการใชโ้ ปรแกรม GSP - ผูท้ รงคณุ วฒุ ิในดา้ นคณิตศาสตร์ - กรรมการตอ้ งไม่ตัดสนิ ในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขนั - กรรมการควรมาจากสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาหรอื หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วข้องอย่างหลากหลาย ขอ้ ควรคานึง - กรรมการควรใหข้ ้อเสนอแนะเติมเต็มให้กับนักเรยี นที่ชนะในลาดับท่ี 1 – 3 - ถ้าจะมกี ารเฉลยคาตอบในแตล่ ะข้อให้เฉลยหลังจากการแขง่ ขันเสรจ็ สน้ิ เรียบร้อยแลว้เทา่ นน้ั7. สถานทที่ าการแขง่ ขัน 7.1 หอ้ งที่สามารถใชค้ อมพิวเตอร์พร้อมโปรแกรม GSP ในการดาเนินการแข่งขนั ได้ 7.2 การแข่งขันในแต่ละระดับให้ใช้หอ้ งแขง่ ขันห้องเดียวเทา่ นนั้ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นครงั้ ท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๒๗
8. การเขา้ แข่งขันระดับภาคและระดับชาติ 8.1 ให้ทีมท่ีเปน็ ตัวแทนของของเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาเขา้ แขง่ ขันในระดบั ภาค ทกุ กจิ กรรมตอ้ งได้คะแนนระดับเหรียญทอง ลาดับท่ี ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป) และทีมที่เป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดบั ชาติ จะตอ้ งได้คะแนนระดบั เหรยี ญทอง ลาดบั ท่ี ๑ - ๓ (คะแนนรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ) ๘.๒ ในกรณแี ขง่ ขันระดบั เขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาที่มีทีมชนะลาดับสงู สุดได้คะแนนเทา่ กัน และในระดับภาค มีมากกวา่ ๓ ทีม ให้พจิ ารณาคะแนนทีน่ กั เรียนแตล่ ะคนไดใ้ นการแขง่ ขันรอบที่ 2 นกั เรียนคนใดได้คะแนนมากกวา่ ให้เปน็ ผูช้ นะตามลาดับทีต่ ้องการ ถา้ ยงั เทา่ กนั อีกให้ดาเนินการดงั น้ี ระดับชาติ ใหจ้ ัดแขง่ ขนั ใหม่จานวน 5 ขอ้ โดยสุม่ เลขโดดเปน็ โจทย์ 5 ตัวเลข ผลลัพธ์ 3หลกั เวลาขอ้ ละ 20 วินาที หากนกั เรยี นคนใดไดค้ ะแนนมากกว่าเป็นผชู้ นะ ถา้ คะแนนยงั เทา่ กันอีกจะดาเนินการแขง่ ขันข้อต่อข้อจนกวา่ จะไดผ้ ู้ชนะ ระดบั เขตพนื้ ที่การศึกษาและระดบั ภาค ใหเ้ ลอื กดาเนินการอย่างใดอย่างหน่ึงตอ่ ไปน้ี 1. ใหจ้ ดั แขง่ ขันใหมจ่ านวน 5 ข้อ โดยสมุ่ เลขโดดเป็นโจทย์ 5 ตวั เลข ผลลัพธ์ 3 หลกั ใช้ เวลาข้อละ 20 วนิ าที หากนักเรียนคนใดไดค้ ะแนนมากกวา่ เปน็ ผชู้ นะ ถ้าคะแนนยงั เท่ากันอกี จะดาเนนิ การแขง่ ขันข้อต่อข้อจนกว่าจะไดผ้ ู้ชนะ หรอื 2. ให้ดาเนนิ การแขง่ ขันรอบที่ 3 ตอ่ จาก รอบที่ 2 จานวน 10 ขอ้ ไวก้ ่อน โดยสุ่มเลขโดด เปน็ โจทย์ 5 ตวั เลข ผลลัพธ์ 3 หลัก ใช้เวลาขอ้ ละ 20 วินาที โดยจะตรวจให้คะแนน เพื่อตัดสินแบบข้อต่อข้อเฉพาะนกั เรยี นท่ีไดค้ ะแนนเท่ากันในรอบที่ 2 ถ้ายงั หาผชู้ นะ ไม่ได้ใหใ้ ช้วธิ ีจบั สลาก (ใหน้ กั เรยี น ครู หรือตวั แทนท่ีไดร้ บั มอบหมายมาจบั สลาก) ผลการตดั สนิ ของคณะกรรมการถือเปน็ สน้ิ สดุหมายเหตุ 1. ไม่อนุญาตใหน้ าเครื่องคิดเลขหรืออปุ กรณช์ ่วยในการคานวณอื่นๆ เข้าไปในห้องแข่งขัน 2. นกั เรยี นทเ่ี ป็นตัวแทนเขา้ ร่วมแข่งขนั ระดบั ชาติ ต้องเปน็ บุคคลคนเดียวกับผู้ทไ่ี ดร้ ับการคดั เลือก จากระดบั ภาค และระดับเขตพนื้ ที่เท่านน้ั 3. การสุ่มเลขโดด สามารถดาวน์โหลดไดท้ ่ี http://www.sillapa.net/rule59/mathGSP.gsp (โดยต้องเปดิ ดว้ ยโปรแกรม GSP version 4.0 เทา่ นัน้ )๙. การเผยแพรผ่ ลงานท่ีได้รบั รางวลั ผลงานของนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1 - 3 คณะกรรมการพิจารณาและนาไปเผยแพร่ในเวบ็ ไซต์ต่อไปซง่ึ ผลงานของผแู้ ข่งขัน ถอื เป็นลิขสิทธขิ์ องสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่อื ใชใ้ นการเผยแพรแ่ ละประชาสมั พนั ธ์ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นครั้งท่ี ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๒๘
6. การตอ่ สมการคณติ ศาสตร์ (เอแม็ท)1. ประเภทและจานวนผเู้ ข้าแข่งขัน1.1 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1-6 ประเภททีม จานวน 2 คน จานวน 2 คน1.2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 (ขยายโอกาส) ประเภททีม จานวน 2 คน จานวน 1 คน1.3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1-3 (สามัญ) ประเภททมี1.4 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 ประเภทเด่ียว2. วิธดี าเนินการแขง่ ขัน จานวนเกม/รอบ 2.1 ระดบั เขต 2.1.1 โรงเรยี นส่งรายชื่อนกั เรยี นผ้เู ขา้ แข่งขันตามประเภทท่ีกาหนด 2.1.2 ระยะเวลาดาเนนิ การแข่งขนั 1 วนั 2.1.3 เขตทมี่ จี านวนทมี เขา้ ร่วมการแขง่ ขนั 2 ทมี กาหนดใหท้ ้ัง 2 ทีมมาแข่งในรอบตดั สนิ 2 เกมโดยไมต่ ้องมีรอบคดั เลือก และผลัดกนั เร่ิมต้นเกมกอ่ น - หลัง เพ่ือความยุติธรรม 2.1.4 เขตทมี่ ีจานวนทีมเข้ารว่ มการแข่งขนั 3 – 6 ทีม กาหนดให้ทุกทมี แขง่ ขันกันในรอบคดั เลือกแบบพบกันหมด (Round Robin) ตามระบบการแขง่ ขนั สากล ในกรณีทีม่ ีทมี แขง่ ขนั ไมม่ ากและสามารถจัดแขง่แบบพบกันหมดไดใ้ นเวลาทกี่ าหนด แตล่ ะทมี จะได้แขง่ ขนั กับคูแ่ ขง่ ขนั ทุกโรงเรียน จากนน้ั นาทีมทม่ี ีผลคะแนนดที ่ีสดุ 2 ลาดับแรก เข้าสรู่ อบชงิ ชนะเลศิ โดยทาการแข่งขันรอบชิงชนะเลศิ 2 เกม และผลัดกันเริม่ ตน้ เกมก่อน- หลัง เพอื่ ความยุตธิ รรม ศึกษาข้อมูลเพิ่มเตมิ ไดท้ ่ี https://www.facebook.com/Crossword.AMath.Kumkom/ 2.1.5 เขตทมี่ ีจานวนทมี เข้ารว่ มการแข่งขันต้ังแต่ 7 ทมี ข้ึนไป กาหนดให้ทุกทมี แข่งรอบคดั เลือกโดยใชร้ ะบบสวิสแพรง่ิ (Swiss Pairing) ตามระบบการแขง่ ขันสากล จานวน 5 เกม โดยดาเนนิ การแข่งขันตามโปรแกรม ดังนี้ เกมท่ี 1 กรรมการประกบคู่แขง่ ขนั แบบสุ่ม (Random) ดว้ ยวธิ ีจบั สลาก โดยจัดเป็นกลมุ่ โตะ๊ ละ 4 ทีม เกมที่ 2 หลังจบการแข่งขันเกมท่ี 1 ใหผ้ เู้ ข้าแขง่ ขันสลบั คู่แขง่ ขนั โดยผู้ชนะจะแข่งกับผู้ชนะที่อยู่ในกลุ่มโตะ๊ เดยี วกนั และทีมที่เหลอื อีก 2 ทีมในกลุ่มโต๊ะนนั้ จะมาแข่งกนั จบเกมให้ส่งใบบันทึกผลการแขง่ ขนั (ใบมาสเตอร์สกอรก์ าร์ด)จากนน้ั ใหก้ รรมการจัดเรยี งอันดบั ตามผลการแข่งขนั เพ่ือประกบคู่การแขง่ ขันในเกมท่ี 3 เกมที่ 3 กรรมการประกบคู่แข่งขนั แบบสวสิ แพริง่ (Swiss Pairing) เกมที่ 4 หลงั จบการแข่งขนั เกมที่ 3 ให้ผูเ้ ข้าแข่งขันสลับคแู่ ข่งขนั โดยผชู้ นะจะแขง่ กับผูช้ นะท่ีอย่ใู นกลมุ่ โต๊ะเดยี วกนั และทมี ท่เี หลืออกี 2 ทมี ในกลุ่มโตะ๊ น้ันจะมาแขง่ กัน จบเกมให้ส่งใบบันทึกผลการแข่งขนั (ใบมาสเตอรส์ กอรก์ าร์ด) จากนน้ั ให้กรรมการจัดเรียงอันดับตามผลการแข่งขนั เพ่ือประกบคู่การแขง่ ขันในเกมท่ี 5 เกมที่ 5 กรรมการประกบคู่แข่งขันแบบเรียงลาดับ - king of the hill จากผลการแข่งขันเกมท่ี 4ดังน้ี - ทีมที่มคี ะแนนลาดบั ที่ 1 หลังจบเกมที่ 4 แขง่ กับ ทีมทม่ี คี ะแนนลาดับท่ี 2 - ทมี ทมี่ คี ะแนนลาดบั ท่ี 3 หลงั จบเกมที่ 4 แข่งกับ ทมี ท่มี ีคะแนนลาดบั ท่ี 4 - ทมี ทมี่ คี ะแนนลาดบั ที่ 5 หลังจบเกมท่ี 4 แข่งกบั ทีมที่มคี ะแนนลาดบั ที่ 6 - ทีมท่ีมีคะแนนลาดับท่ี 7 หลังจบเกมที่ 4 แข่งกับ ทีมท่ีมีคะแนนลาดับที่ 8 ตามลาดับ…. จบเกมให้ส่งใบบันทึกผลการแข่งขัน (ใบมาสเตอรส์ กอร์การ์ด)ศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี นครั้งท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๒๙
จากน้ันนาทีมท่มี ผี ลคะแนนดีท่ีสดุ 2 ลาดบั แรก ในรอบคัดเลือก เข้าส่รู อบชงิ ชนะเลิศ โดยทาการแขง่ ขนั 2 เกม และผลัดกนั เร่ิมต้นเกมก่อน - หลัง เพื่อความยุตธิ รรม 2.1.6 หากมีทมี ทเี่ ข้าสรู่ อบชิงชนะเลิศแน่นอนแล้ว ต้ังแต่ก่อนจบการแข่งขันรอบคัดเลือก จะใช้ระบบGibsonize โดยไมต่ ้องเลน่ เกมที่เหลือ 2.1.7 ตวั แทน 1 ทีมเข้าสู่รอบระดับภาค 2.2 ระดับภาค 2.2.1 ทมี ทีไ่ ดเ้ ปน็ ตวั แทนของเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาเข้าแข่งขันในระดับภาค 2.2.2 ระยะเวลาดาเนินการแข่งขนั 1 วนั 2.2.3 กาหนดให้ทกุ ทมี แข่งรอบคดั เลือกโดยใชร้ ะบบสวิสแพริง่ (Swiss Pairing) ตามระบบการแข่งขนั สากล จานวน 5 เกม โดยดาเนนิ การแข่งขนั ตามโปรแกรม ดังน้ี เกมท่ี 1 กรรมการประกบคแู่ ขง่ ขนั แบบสุ่ม (Random) ดว้ ยวิธีจับสลาก โดยจัดเป็นกล่มุ โตะ๊ ละ 4 ทีม เกมที่ 2 หลงั จบการแข่งขันเกมที่ 1 ให้ผเู้ ข้าแขง่ ขันสลับคู่แข่งขนั โดยผชู้ นะจะแข่งกบั ผู้ชนะท่ีอยู่ในกล่มุ โต๊ะเดียวกัน และทมี ทเ่ี หลอื อกี 2 ทีมในกลุ่มโตะ๊ นั้นจะมาแขง่ กนั จบเกมให้ส่งใบบันทึกผลการแข่งขนั (ใบมาสเตอร์สกอรก์ าร์ด)จากน้ันให้กรรมการจดั เรียงอันดบั ตามผลการแข่งขนั เพื่อประกบคู่การแขง่ ขนั ในเกมท่ี 3 เกมท่ี 3 กรรมการประกบคู่แขง่ ขันแบบสวสิ แพรง่ิ (Swiss Pairing) เกมที่ 4 หลังจบการแข่งขันเกมท่ี 3 ใหผ้ ูเ้ ขา้ แข่งขนั สลับค่แู ข่งขนั โดยผชู้ นะจะแขง่ กับผูช้ นะทีอ่ ย่ใู นกลุ่มโต๊ะเดยี วกัน และทีมท่ีเหลืออกี 2 ทมี ในกลุ่มโต๊ะนัน้ จะมาแขง่ กัน จบเกมใหส้ ง่ ใบบันทึกผลการแข่งขัน (ใบมาสเตอรส์ กอร์การ์ด) จากนั้นใหก้ รรมการจัดเรียงอนั ดับตามผลการแข่งขัน เพื่อประกบคู่การแขง่ ขนั ในเกมที่ 5 เกมที่ 5 กรรมการประกบคแู่ ข่งขันแบบเรยี งลาดับ - king of the hill จากผลการแข่งขันเกมท่ี 4 ดังนี้ - ทมี ท่มี ีคะแนนลาดับที่ 1 หลงั จบเกมท่ี 4 แขง่ กับ ทมี ที่มีคะแนนลาดับที่ 2 - ทมี ทมี่ ีคะแนนลาดับที่ 3 หลังจบเกมท่ี 4 แข่งกับ ทีมที่มคี ะแนนลาดับที่ 4 - ทีมท่มี คี ะแนนลาดับท่ี 5 หลงั จบเกมท่ี 4 แข่งกับ ทีมทมี่ ีคะแนนลาดับท่ี 6 - ทีมท่ีมีคะแนนลาดับท่ี 7 หลังจบเกมท่ี 4 แข่งกับ ทีมท่ีมีคะแน นลาดับท่ี 8 ตามลาดบั …. จบเกมใหส้ ง่ ใบบันทึกผลการแข่งขัน (ใบมาสเตอรส์ กอร์การ์ด) เกมท่ี 6 กรรมการประกบคู่แขง่ ขันแบบเรียงลาดับ - king of the hill จากผลการแขง่ ขันเกมที่ 5 จบเกมให้ส่งใบบนั ทกึ ผลการแขง่ ขนั (ใบมาสเตอรส์ กอร์การ์ด) จากนน้ั นาทีมทีม่ ผี ลคะแนนดีที่สุด 2 ลาดับแรก ในรอบคดั เลอื ก เข้าสู่รอบชงิ ชนะเลิศ และทมี ทมี่ ีคะแนนที่ 3 และ 4 เข้าสู่รอบรอบชิงอันดับท่ี 3 โดยทาการแขง่ ขัน 2 เกม และผลัดกันเริม่ ต้นเกมกอ่ น - หลังเพ่ือความยตุ ิธรรม 2.2.4 หากมีทีมทเ่ี ขา้ สรู่ อบชิงชนะเลศิ แน่นอนแล้ว ตงั้ แต่ก่อนจบการแข่งขันรอบคัดเลอื ก จะใช้ระบบGibsonize โดยไม่ต้องเล่นเกมท่ีเหลอื 2.2.5 ตวั แทน 3 ทีมเข้าสู่รอบระดับชาติศิลปหัตถกรรมนักเรียนครง้ั ที่ ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๓๐
2.3 ระดบั ชาติ 2.3.1 ทีมท่ไี ดเ้ ป็นตัวแทนของภาคเข้าแขง่ ขนั ในระดบั ชาติ 2.3.2 ระยะเวลาดาเนินการแข่งขนั 2 วนั 2.3.3 กาหนดใหท้ กุ ทมี ทีเ่ ขา้ แขง่ ขนั จะต้องแข่งรอบคดั เลอื กโดยใชร้ ะบบพบกนั หมด (round robin)จานวน 11 เกม หลังจากจบเกมที่ 11 ใหผ้ เู้ ขา้ แข่งขันส่งใบบนั ทึกผลการแขง่ ขัน (ใบมาสเตอรส์ กอร์การ์ด)จากน้นั ใหก้ รรมการจดั เรียงอันดับตามผลการแข่งขนั เพื่อประกบคู่การแข่งขนั ในเกมท่ี 12 และ 13 เกมท่ี 12 กรรมการประกบคู่แข่งขันแบบเรียงลาดบั - king of the hill จากผลการแขง่ ขันเกมที่ 11จบเกมให้ส่งใบบันทกึ ผลการแขง่ ขนั (ใบมาสเตอร์สกอร์การ์ด) เกมที่ 13 กรรมการประกบคู่แข่งขนั แบบเรียงลาดับ - king of the hill จากผลการแข่งขนั เกมท่ี 12จบเกมให้ส่งใบบันทึกผลการแขง่ ขนั (ใบมาสเตอร์สกอร์การ์ด) จากนั้นนาทีมทม่ี ผี ลคะแนนดีทสี่ ดุ 2 ลาดบั แรก ในรอบคดั เลอื ก เข้าสูร่ อบชงิ ชนะเลิศ และทมี ที่มีคะแนนท่ี 3 และ 4 เข้าสรู่ อบรอบชิงอันดบั ท่ี 3 โดยทาการแข่งขนั 2 เกม และผลดั กันเรม่ิ ต้นเกมก่อน - หลังเพือ่ ความยตุ ธิ รรม 2.3.4 หากมีทีมท่ีเข้าส่รู อบชิงชนะเลิศแน่นอนแล้ว ตัง้ แต่ก่อนจบการแขง่ ขันรอบคัดเลอื ก จะใช้ระบบGibsonize โดยไม่ต้องเลน่ เกมท่เี หลือ3. เกณฑ์การตดั สินรอ้ ยละ 80-100 ไดร้ บั รางวลั ระดบั เหรียญทองร้อยละ 70-79 ได้รบั รางวัลระดบั เหรยี ญเงินรอ้ ยละ 60-69 ไดร้ บั รางวัลระดับเหรยี ญทองแดงตา่ กว่าร้อยละ 60 ไดร้ ับเกยี รติบตั ร เว้นแต่กรรมการจะเหน็ เป็นอยา่ งอื่นผลการตดั สินของคณะกรรมการถือเป็นส้นิ สุด4. คณะกรรมการตดั สินการแข่งขนั เป็นผทู้ รงคุณวุฒิ วทิ ยากร นักกฬี า ท่มี ีความรู้ ความยุตธิ รรม มคี วามเขา้ ใจในระบบการแขง่ ขันตลอดจนกฎและกติกาการแข่งขันเป็นอยา่ งดี 4.1 กรรมการระดับเขตพนื้ ท่ี ใหแ้ ต่ละเขตพ้ืนท่สี รรหากรรมการในเขตทร่ี บั ผิดชอบหรือใกลเ้ คยี งเพ่อืดาเนินการตัดสนิ จากคุณสมบัติเบื้องต้นตามความเหมาะสม หรือสอบถามรายชอื่ กรรมการท่อี ยู่ในเขตพื้นที่ได้จากสว่ นกลาง ซ่งึ จะมีรายชือ่ กรรมการท่ีมคี วามรเู้ ก่ียวกับกิจกรรมดังกล่าวเพื่อประสานงานในทุกจงั หวดั 4.2 กรรมการระดับภาค สว่ นกลางจะเปน็ ผกู้ าหนดกรรมการตดั สนิ ในแตล่ ะภาค เพ่ือใหก้ ารจัดการแข่งขันมปี ระสทิ ธิภาพ และเกิดปญั หาน้อยทสี่ ุด ส่วนกรรมการดาเนนิ การจดั การแขง่ ขันให้ผ้รู ับผดิ ชอบระดบัภาคของแต่ละภาคประสานงานและสรรหาตามความเหมาะสม 4.3 กรรมการระดบั ชาติ สว่ นกลางจะเป็นผู้กาหนดกรรมการตดั สนิ5. กตกิ าเพิ่มเตมิ 5.1 กฎและกตกิ าการแข่งขัน ใช้กฎและกตกิ าการแข่งขนั ของสมาคมครอสเวริ ด์ เอแมท็ คาคม และซโู ดกุแหง่ ประเทศไทยศิลปหัตถกรรมนักเรยี นครั้งท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๓๑
5.2 อุปกรณใ์ นการแข่งขัน ผู้เขา้ แขง่ ขันทกุ ทีมจะตอ้ งเตรียมอปุ กรณใ์ นการแข่งขนั มาเอง ได้แก่ กระดานที่ใช้ในการแข่งขัน, แปน้ วางเบีย้ , ตัวเบ้ยี และเบยี้ สารอง (กรณีตวั เบ้ียหาย) โดยทาสัญลกั ษณ์ เคร่ืองหมาย หรือเขียนชอ่ื โรงเรยี นให้เรียบรอ้ ย เพ่ือใชใ้ นการแขง่ ขัน 5.2.1. รุ่นประถมศึกษาใช้อุปกรณก์ ารแข่งรนุ่ ประถมศกึ ษา กระดานขนาด 15x15 ช่อง (เบ้ีย 70 ตวั ) 5.2.2 รุ่นมธั ยมศกึ ษา ใชอ้ ปุ กรณก์ ารแขง่ ขันรนุ่ มาตรฐาน กระดานขนาด 15x15 ช่อง (เบ้ีย 100 ตวั ) 5.3 เวลาในการแขง่ ขัน 5.3.1 ใชเ้ วลาแข่งขันฝง่ั ละ 22 นาที โดยใช้นาฬิกาจับเวลาแบบเปล่ยี นสลบั (Switch Toggle) หรือChess Clock ทกุ เกม เพื่อป้องกนั ปัญหาความลา่ ช้าในการเลน่ การตัดเกม และการถ่วงเวลา 5.3.2 หากไม่มนี าฬิกาใหใ้ ช้แทบ็ เลต็ พซี ีหรือสมาร์ทโฟน (แนะนาใหใ้ ชร้ ะบบ Android) โดยติดต้ังแอพพลิเคช่ันสาหรบั จบั เวลาเพมิ่ เติม ซ่งึ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นลงบนแท็บเล็ตพซี ีหรือสมาร์ทโฟนเพอ่ื นามาใชจ้ บั เวลาได้ โดยพิมพ์ค้นหาใน App Store คาว่า “Scrabble Clock” หรือ “Chess Clock” ฯลฯ 5.3.3 ผู้เข้าแข่งสามารถนาสมาร์ทโฟนทม่ี ีโปรแกรมนาฬิกาจับเวลามาใช้ในการแข่งขันได้ คแู่ ขง่ ขันสามารถตรวจสอบและทดสอบการใชง้ านของนาฬกิ าทค่ี ู่ต่อสู้เตรียมมาก่อนได้ 5.3.4 ก่อนแขง่ ใหต้ รวจสอบแบตเตอร่ีที่เหลือก่อนใชท้ ุกครั้ง เพือ่ ป้องกันเคร่ืองดับระหวา่ งแข่งขัน 5.3.5 เมือ่ ผเู้ ข้าแขง่ ขันฝา่ ยใดฝ่ายหนงึ่ รอ้ งขอให้มีการใชน้ าฬิกาในเกมนัน้ คู่ต่อส้ไู ม่มสี ิทธิปฏเิ สธหรอืเลย่ี งการใช้นาฬิกาได้ 5.3.6 หากมีผเู้ ลน่ ใช้เวลาเกนิ จะถกู หักคะแนนนาทีละ 10 คะแนน เศษวินาทีจะถกู นับเป็น 1 นาทีตวั อย่างเช่น นาย A ใชเ้ วลาตดิ ลบ -3.18 นาที จะถอื ว่านาย A ใชเ้ วลาเกิน 4 นาที และจะถกู หกั คะแนน 40คะแนน ตามกฎ (นาฬิกาที่ใช้ตอ้ งตงั้ คา่ โปรแกรมให้เวลาติดลบได)้ ผู้เลน่ ควรฝึกการใช้นาฬกิ าจบั เวลาให้ชานาญกอ่ นแข่งเพือ่ ให้การแข่งขันเป็นไปตามมาตรฐานสากล 5.3.7 หา้ มกรรมการตัดสินทาการตดั เกมการแขง่ ขนั ต้องใหผ้ เู้ ข้าแข่งขนั เลน่ จนจบเกมเทา่ นั้น หากมีการตัดเกมการแข่งขนั ผฝู้ กึ สอนหรอื ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั สามารถประท้วงกรรมการผูต้ ดั สนิ ได้ หรอื หากต้องมีการตดัเกมจรงิ ต้องได้รับการยินยอมจากผเู้ ขา้ แขง่ ขนั และผู้ฝึกสอนเช่นกนั 5.3.8 กรณไี มใ่ ชน้ าฬิกา กรรมการตอ้ งช้ีแจงเง่อื นไขกบั ผ้เู ขา้ แขง่ ขันและครผู ฝู้ กึ สอนกอ่ นเรม่ิ การแขง่ ขนั และต้องได้รับการยนิ ยอมจากทุกฝา่ ย และบริหารจัดการเวลาในการแขง่ ขนั อย่างเหมาะสม 5.4 การขอตรวจสมการ (Challenge) 5.4.1 ผูเ้ ลน่ จะสามารถขอตรวจสมการได้ก็ต่อเมอ่ื คตู่ ่อสู้ขานแต้มและกดเวลาแล้วเทา่ นั้น หากคตู่ ่อสู้ยังไม่ขานแต้มและไม่กดเวลาการขอชาเลน้ จ์ไมเ่ ปน็ ผล 5.4.2 การขอโฮลด์ (Hold) ในกรณีขอพจิ ารณาสมการที่คู่แขง่ ขันลง คู่แขง่ ขนั จะยังไม่สามารถจบั เบย้ีขน้ึ มาเพ่มิ ได้ จนกว่าคแู่ ข่งขันท่ขี อโฮลดย์ อมรับคาศัพท์นน้ั ๆ (เวลาในการขอโฮลด์ ไมเ่ กิน 1 นาที) 5.5 คะแนนในแต่ละเกม ทมี ท่ชี นะจะได้ 2 คะแนน , เสมอได้ทีมละ 1 คะแนน และแพ้ได้ 0 คะแนน 5.6 การจดั อนั ดบั คะแนน ให้นบั คะแนนรวมจากเกมท่ชี นะ และเสมอ ก่อนเปน็ ลาดับแรก หากคะแนนเท่ากนั ใหใ้ ช้แต้มผลตา่ งสะสม (Difference) เป็นตวั ตดั สนิ 5.7 แต้มผลตา่ งสูงสุดต่อเกม Maximum Difference 5.7.1 เอแมท็ รนุ่ ประถมศกึ ษา แต้มตา่ งสงู สุดไมเ่ กนิ 150 แตม้ ถ้าเกินกวา่ นั้นใหป้ ัดลงเหลือ 150แตม้ เฉพาะเกมสุดท้ายแต้มต่างไมเ่ กนิ 120 แต้ม ถ้าเกินให้ปัดลงเหลอื 120 แต้ม 5.7.2 เอแมท็ รนุ่ มัธยมศึกษา แต้มตา่ งสูงสุดไม่เกิน 250 แตม้ ถา้ เกินกวา่ น้นั ให้ปดั ลงเหลอื 250 แตม้เฉพาะเกมสุดท้ายแต้มต่างไมเ่ กิน 200 แตม้ ถ้าเกนิ ให้ปดั ลงเหลอื 200 แตม้ศิลปหัตถกรรมนกั เรยี นคร้ังที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๓๒
5.7.3 รอบชงิ ชนะเลิศไม่มี Maximum Difference 5.7.4 ชนะบาย (Bye) ในกรณีท่ีไมม่ ีคู่แขง่ ขนั ผู้เขา้ แขง่ ขนั จะได้ชนะในเกมนั้นๆ เอแม็ทรุ่นประถมศึกษาจะได้คะแนนสะสม 80 แต้ม มธั ยมศึกษาได้ 100 แต้ม 5.8 การหยุดเกม ในกรณที จ่ี าเปน็ ต้องหยุดเกมต้องไม่มีการคิดสมการ และให้ควา่ เบยี้ ทกุ คร้งั เช่นตรวจสอบคะแนนใหต้ รงกัน , ตวั เบยี้ ชารดุ (ให้เรยี กกรรมการเทา่ น้ัน) เป็นตน้ หมายเหตุ ไม่อนุญาตให้ผู้เขา้ แขง่ ขันเข้าหอ้ งนา้ หรอื ลุกจากโต๊ะแขง่ ขันระหวา่ งการแข่งขัน ต้องทากจิธุระใหแ้ ล้วเสรจ็ กอ่ นเร่ิมการแข่งขันในแตล่ ะเกม 5.9 หา้ มเลน่ เครื่องมอื ส่ือสาร ใส่หฟู ัง หรือคุยโทรศัพทข์ ณะแข่งขัน 5.10 ใหจ้ บั ถุงเบย้ี ในระดบั สายตาหรือให้พน้ สายตา จบั เบ้ียใหค้ รบและวางเบ้ียที่จบั ลงบนโต๊ะกอ่ นใส่ในแปน้ วางเบย้ี เท่านั้น หา้ มวางถงุ เบี้ยบนโต๊ะแลว้ จับเบย้ี หา้ มจบั เบ้ียใตโ้ ต๊ะ หรือเปิดเบีย้ ดใู ตโ้ ตะ๊ ตามกฎกติกาและมารยาทในการแข่งขัน ผ้เู ลน่ ฝ่ายตรงข้ามสามารถตกั เตือนได้หากผเู้ ล่นอีกฝา่ ยมีพฤตกิ รรมดงั กล่าว และสามารถเรยี กกรรมการมาตักเตอื นหากยังทาซา้ เมอื่ จับเบ้ยี เสร็จแลว้ ให้รูดเชอื กปดิ ถุงเบย้ี ใหเ้ รยี บรอ้ ย 5.11 การทจุ รติ ในการแข่งขัน ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั ที่ทุจรติ ในการแข่งขันจะถูกปรบั แพ้ในเกมน้ันๆ ไมใ่ หร้ บั รางวัลหรอื ใหอ้ อกจากการแขง่ ขนั และโรงเรยี นจะถูกตดั สทิ ธ์ิจากการแขง่ ขนั้ ในปถี ัดไปสาหรบั กิจกรรมดงั กลา่ ว ทัง้ นี้ขึ้นอยู่กับดลุ ยพินจิ ของกรรมการตัดสนิศิลปหัตถกรรมนักเรยี นคร้งั ท่ี ๖7 ปีการศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๓๓
7. การแขง่ ขันซโู ดกุ1. ประเภทและจานวนผ้เู ข้าแข่งขนั1.1 แขง่ ขนั ประเภทเด่ยี ว1.2 จานวนผเู้ ขา้ แขง่ ขนั1) นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 จานวน 1 คน2) นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 (ขยายโอกาส) จานวน 1 คน3) นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 (สามญั ) จานวน 1 คน4) นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 จานวน 1 คน2. วิธดี าเนนิ การ และรายละเอียดหลักเกณฑ์การแข่งขนั2.1 ระดับเขตพื้นทก่ี ารศึกษาให้ตัวแทนนกั เรยี นแตล่ ะโรงเรียนเข้ารว่ มแขง่ ขนั ท้ังหมด 2 รอบๆ ละ 60 นาที ใช้โจทยป์ ริศนา 10ขอ้ ตามรูปแบบที่กาหนดให้ รูปแบบละ 1 ตาราง รวมรอบละ 10 ตาราง ทั้งสองรอบจะใช้โจทย์ปรศิ นรูปแบบเดยี วกัน ผ้เู ข้าแขง่ ขนั ท่ีไดค้ ะแนนสงู สดุ จะได้รับการคัดเลือกเป็นตวั แทนระดบั เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา เขา้ สกู่ ารแข่งขนั ระดบั ภาคต่อไป2.2 ระดับภาคให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาแขง่ ขนั ทั้งหมด 2 รอบ ๆ ละ 60 นาที ใชโ้ จทย์ปรศิ นา10 ข้อตามรูปแบบที่กาหนดให้ รูปแบบละ 1 ตาราง รวมรอบละ 10 ตาราง ทัง้ สองรอบจะใชโ้ จทย์ปริศนารูปแบบเดียวกนั ผู้เข้าแขง่ ขนั ที่ได้คะแนนสูงสดุ 3 ลาดับแรก จะได้รับการคัดเลอื กเป็นตัวแทนระดับภาค เขา้ สู่การแข่งขนั ระดับชาติตอ่ ไป2.3 ระดับชาติใหต้ วั แทนนกั เรยี นแตล่ ะภาค แข่งขนั ทัง้ หมด 2 รอบ ๆ ละ 60 นาที ใชโ้ จทย์ปรศิ นา 10 ข้อ ตามรูปแบบท่ีกาหนดให้ รูปแบบละ 1 ตาราง รวมรอบละ 10 ตาราง ทั้งสองรอบจะใชโ้ จทยป์ รศิ นารปู แบบเดียวกนัผู้เขา้ แข่งขนั ท่ีได้คะแนนสงู ที่สุด 2 อันดบั แรกเข้าสู่รอบชงิ ชนะเลิศ และผเู้ ข้าแข่งท่ีได้คะแนนอนั ดับท่ี 3 และ 4จะเขา้ สูร่ อบชงิ อนั ดับที่ 32.4 การแข่งขนั รอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันระดับชาติให้ตัวแทนนกั เรยี นท่ีได้คะแนนสงู ที่สุด 2 อันดบั แรก แขง่ ขันรอบชงิ ชนะเลิศ และตวั แทนนักเรียนทไ่ี ด้คะแนนอันดับที่ 3 และ 4 แข่งขันรอบชิงอนั ดบั ที่ 3 โดยแข่งขันทงั้ หมด 3 รอบ ๆ ละ 10 นาที ใชโ้ จทย์ปริศนา 1 ขอ้ นกั เรียนท่สี ามารถทาโจทย์ได้ถกู ต้องและทาเสรจ็ เป็นลาดบั ที่ 1 จะไดร้ ับ 1 คะแนน หากนักเรยี นคนใดได้ 2 คะแนนก่อน ถือเปน็ ผทู้ ีไ่ ด้รับรางวลั ชนะเลศิ และ รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดับท่ี 2ตามลาดับ2.5 รปู แบบปริศนาซโู ดกุท่ีใชใ้ นการแข่งขัน 2.5.1 ระดับประถมศกึ ษา ประกอบดว้ ยปรศิ นาซโู ดกุทง้ั หมด 10 รปู แบบ ดังนี้ 1. 6 x 6 Classic Sudoku 6. 9 x 9 Classic Sudoku 2. 6 x 6 Alphabet Sudoku 7. 9 x 9 Alphabet Sudoku 3. 6 x 6 Diagonal Sudoku 8. 9 x 9 Diagonal Sudokuศลิ ปหตั ถกรรมนักเรยี นครัง้ ท่ี ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๓๔
4. 6 x 6 Jigsaw Sudoku 9. 9 x 9 Jigsaw Sudoku5. 6 x 6 Thai Alphabet Sudoku 10. 9 x 9 Even-Odd Sudoku2.5.2 ระดับมธั ยมศึกษาประกอบดว้ ยปรศิ นาซโู ดกุตาราง 9 x 9 ทั้งหมด 10 รปู แบบ ดังนี้1. Classic Sudoku 6. Consecutive Sudoku2. Diagonal Sudoku 7. Asterisk Sudoku3. Alphabet Sudoku 8. Thai Alphabet Sudoku4. Jigsaw Sudoku 9. Diagonal Jigsaw Sudoku5. Even-Odd Sudoku 10. Windoku Sudoku3. กตกิ าการแขง่ ขันและวธิ ีการนบั คะแนนซูโดกุ 3.1 ให้ตัวแทนนกั เรยี นแขง่ ขนั ทัง้ หมด 2 รอบ ๆ ละ 60 นาที ใช้โจทย์ปรศิ นา 10 รูปแบบ รปู แบบละ1 ตาราง รวมรอบละ 10 ตาราง ทั้งสองรอบจะใชโ้ จทยป์ รศิ นารปู แบบเดยี วกัน 3.2 หากตัวแทนนักเรียนสามารถแก้โจทย์ปริศนาซูโดกุได้ภายในเวลาที่กาหนด และถูกต้อง จะได้รับคะแนนประจาโจทยป์ รศิ นา ข้อละ 10 คะแนน หากทาปรศิ นาไม่ถูกต้อง สามารถทาผิดไดข้ อ้ ละ 2 ช่องเทา่ นั้นโดยจะหักคะแนนช่องละ 3 คะแนน 3.3 หากตัวแทนนักเรียนสามารถแก้โจทย์ปริศนาทั้งหมดได้ถูกต้องภายในเวลาท่ีกาหนดในแต่ละรอบ(รวมถึงปริศนาท่ีผิดไม่เกิน 2 ช่อง) จะได้รับคะแนนโบนัสเวลาเพิ่มนาทีละ 3 คะแนน โดยคานวณจากเวลาที่เหลืออยู่เป็นนาที (เศษของนาทีปัดทิ้ง) คูณด้วย 3 (ถ้าแก้โจทย์ปริศนาไม่ถูกต้อง และผิดเกิน 2 ช่อง ต้ังแต่ 1ตารางข้ึนไป จะไม่ได้รับคะแนนโบนัส) ตัวอย่างการคิดคะแนนโบนัสเวลา เช่น ถ้ากาหนดเวลาในรอบให้ 30นาที แต่นาย Z ทาเสร็จและถูกต้องภายในเวลา 20 นาที 40 วินาที นาย Z จะได้คะแนนโบนัสเวลาในรอบน้ีเทา่ กบั 9 นาที x 3 คะแนนตอ่ นาที = คะแนนโบนสั เวลา 27 คะแนน4. เกณฑ์การตดั สิน รอ้ ยละ 80-100 ได้รบั รางวลั ระดบั เหรียญทอง ร้อยละ 70-79 ไดร้ ับรางวัลระดับเหรียญเงิน ร้อยละ 60-69 ได้รบั รางวลั ระดบั เหรียญทองแดง ตา่ กวา่ ร้อยละ 60 ไดร้ บั เกยี รติบตั ร เวน้ แต่กรรมการจะเห็นเป็นอย่างอื่น ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นสน้ิ สุด5. สถานท่จี ดั การแขง่ ขัน ควรใช้หอ้ งเรยี นที่มโี ต๊ะ เก้าอ้ี ท่ีสามารถดาเนนิ การแขง่ ขนั ได้พร้อมกนั6. การเข้าแข่งขนั ระดับภาคและระดับชาติ 6.1 ให้นักเรียนที่เป็นตัวแทนของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เข้าแข่งขันในระดับภาค ทุกกิจกรรมต้องได้คะแนนระดับเหรยี ญทอง ลาดับที่ ๑ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป) และทีมที่เป็นตัวแทนระดบั ภาคเข้าแขง่ ขันในระดับชาติ จะต้องได้คะแนนระดบั เหรียญทอง ลาดับที่ ๑ - ๓ (คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป)ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นครงั้ ที่ ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๓๕
6.2 ในกรณีแข่งขนั ระดับเขตพื้นทก่ี ารศึกษา ท่ีมีผู้ชนะลาดับสูงสุดไดค้ ะแนนเท่ากนั และในระดับภาคมมี ากกว่า ๓ คน ให้ใชโ้ จทยป์ รศิ นาซโู ดกุสารอง รูปแบบ 9x9 Classic 1 ตาราง ใช้เวลา 10 นาที ตัวแทนนกั เรียนท่สี ามารถทาโจทยไ์ ด้ถูกต้องและทาเสร็จเป็นลาดบั ท่ี 1 ถือเป็นผ้ชู นะตวั อย่างโจทย์ปรศิ นาซโู ดกทุ ใ่ี ชใ้ นการแข่งขัน6 x 6 Classic Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 6 ลงในช่องว่างไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 2x36 x 6 Alphabet Sudokuเตมิ ตวั อกั ษร A ถงึ F ลงในชอ่ งวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด2x3ศิลปหตั ถกรรมนักเรียนครั้งท่ี ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๓๖
6 x 6 Diagonal Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 6 ลงในช่องว่างไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน ตารางย่อยขนาด 2x3 และแนวทแยงมมุ ทงั้ สองเสน้6 x 6 Jigsaw Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 6 ลงในช่องวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยทต่ี กี รอบดว้ ยเสน้ สดี าหนาศิลปหตั ถกรรมนักเรียนครั้งท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๓๗
6 x 6 Thai Alphabet Sudokuเตมิ ตวั อกั ษรภาษาไทย ก, ข, ค, ง, จ, ฉ ไมใ่ หซ้ า้ กนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 2 x 39 x 9 Classic Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในชอ่ งว่างไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 3x3ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียนครงั้ ท่ี ๖7 ปกี ารศกึ ษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๓๘
9 x 9 Alphabet Sudokuเตมิ ตวั อกั ษร A ถงึ I ลงในช่องวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด3x39 x 9 Diagonal Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในช่องว่างไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน ตารางยอ่ ยขนาด 3x3 และแนวทแยงมมุ ทงั้ สองเสน้ศลิ ปหัตถกรรมนักเรยี นครง้ั ท่ี ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๓๙
9 x 9 Jigsaw Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในชอ่ งวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยทต่ี กี รอบดว้ ยเสน้ สดี าหนา9 x 9 Odd-Even Sudoku เตมิตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในชอ่ งวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 3x3 โดยทช่ี ่องทแ่ี รเงาจะตอ้ งเตมิ เลขคเู่ ทา่ นัน้ศลิ ปหัตถกรรมนักเรียนครั้งที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ๔๐
9 x 9 Consecutive Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในช่องวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 3x3ถา้ มแี ถบสดี าอยรู่ ะหวา่ ง 2 ช่องใด ตวั เลขในสองชอ่ งนนั้ จะตอ้ งมคี า่ เรยี งกนั แต่ถา้ ไมม่ แี ถบสดี าอยู่ระหว่าง 2 สองช่องใดแสดงวา่ ตวั เลขในสองช่องนนั้ หา้ มมคี ่าเรยี งกนั9 x 9 Asterisk Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในช่องวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน ตารางยอ่ ยขนาด 3x3 และชอ่ งทแ่ี รเงา 9 ชอ่ งศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียนครงั้ ท่ี ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนา้ ๔๑
9 x 9 Windoku Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในช่องวา่ งไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน ตารางยอ่ ยขนาด 3x3 และชอ่ งแรเงาขนาด 3x39 x 9 Thai Alphabet Sudokuเตมิ ตวั อกั ษรภาษาไทย ก, ข, ค, ง, จ, ฉ, ช, ซ, ฌ ไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน และตารางยอ่ ยขนาด 3 x 3ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นครง้ั ที่ ๖7 ปกี ารศึกษา ๒๕60 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน้า ๔๒
9 x 9 Diagonal Jigsaw Sudokuเตมิ ตวั เลข 1 ถงึ 9 ลงในช่องว่างไมใ่ หซ้ ้ากนั ในแต่ละแถว แนวตงั้ แนวนอน ตารางยอ่ ยทต่ี กี รอบดว้ ยเสน้สดี าหนา และ แนวทแยงมมุ ทงั้ สองเสน้ศิลปหัตถกรรมนักเรียนครัง้ ท่ี ๖7 ปีการศึกษา ๒๕60 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน้า ๔๓
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: