ชือ่ เรอื่ ง การพัฒนาแอปพลิเคชน่ั เกม เสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่อื ง ศาสตร์พระราชาผศู้ ึกษา นายพตั ศกรณ์ ลลี าอดุ มวิทย์ นางสาวยุวดี แซเ่ จิง เด็กชายนทั ธพงศ์ อัมโรครูท่ปี รึกษา นายไอหยุ หมดั ชดู ชู นางจิตมยุรี หมัดชูดชูปที ศ่ี กึ ษา 2560 บทคดั ยอ่ การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพ่ือพัฒนาแอปพลิเคชั่นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์ พระราชา 2) เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้แอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา 3) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้แอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์ พระราชา การศึกษาคร้ังน้ีศึกษา ตัวแปรต้น ได้แก่ เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชาตัวแปรตาม ได้แก่ 1. ความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญต่อแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั การใช้แอปพลเิ คชัน่ เกมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ 3. ความพงึ พอใจของผู้เล่น ตอ่ เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา ระยะเวลาท่ีใช้ในการศึกษาดาเนินการจัดทาโครงงาน ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 เน้ือหาที่ใช้ในการจัดทาโครงงาน เรื่อง ศาสตร์พระราชา ได้แก่ โครงการแกล้งดิน โครงการแก้มลิง โครงการชั่งหัวมัน โครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการกังหันน้าชัยพัฒนาเผยเพร่ผา่ นเวบ็ ไซต์ http://project61.banto.ac.th/ และ Mobile Application ชอ่ื King Science โดยผู้เล่นสามารถติดตง้ั บนสมาทโฟน ผลการศึกษาพบว่า 1. ผลการแสดงความคดิ เห็นของผเู้ ชี่ยวชาญต่อแอปพลเิ คช่ันเกมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา ด้านการออกแบบเกม มคี ่าเฉล่ยี 4.62 อยู่ในระดับมากที่สดุ และด้านเน้ือหา มีคา่ เฉล่ีย 4.67 อยู่ในระดบั มากท่ีสุด 2. นักเรียนมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างเรียน คดิ เป็นรอ้ ยละ 82.47 และหลังการใช้แอปพลิเคชัน่เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา คิดเปน็ รอ้ ยละ 80.20 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้เล่นเกม ผู้เลน่ มคี วามพงึ พอใจ มีค่าเฉลยี่ 4.90 อย่ใู นระดบั มากที่สุด
กติ ติกรรมประกาศ รายงานผลการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ เรื่อง การพัฒนาแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง ศาสตร์พระราชา เล่มน้ี เสร็จสมบูรณ์ด้วยดี โดยได้รับคาปรึกษาจากครูไอหยุ หมัดชูดชู ครูจิตมยุรี หมัดชูดชู ท่ีได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมในการสร้าง MobileApplication เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา แนะนาการศึกษาคน้ คว้าข้อมูลในการจัดทาโครงงานตลอดจนข้อแนะนาต่าง ๆ ขอขอบคุณ นายประสิทธ์ิ เรืองหิรัญ ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านโต ที่สนับสนุนในการจดั ทาโครงงานในครั้งน้ี ขอขอบคุณคณะครู เพอ่ื น ๆ น้อง ๆ โรงเรยี นบา้ นโต สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษายะลาเขต 3 ทเ่ี ขา้ มาติชม ใหข้ ้อเสนอแนะ และหวงั เป็นอย่างยิง่ ว่าโครงงานที่คณะผู้จดั ทาสร้างขนึ้ จะมีประโยชน์ต่อการศึกษาของเพอื่ น น้อง ๆ ต่อไป คณะผูจ้ ดั ทา
สารบัญ หนา้บทคัดยอ่ กกิตติกรรมประกาศ ขสารบญั คสารบญั ตาราง งสารบญั ภาพ จบทที่ 1 1 บทนา 1 ทม่ี า และความสาคัญ 1 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน 2 ขอบเขตของโครงงาน 2 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 2 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รับ 3 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวข้อง 3 เกมการศกึ ษา 4 โครงการแกล้งดิน 6 โครงการแก้มลงิ 7 โครงการชัง่ หวั มัน 9 โครงการฝนหลวง 11 โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 14 โครงการกังหนั น้าชัยพฒั นา 17 3 วธิ ดี าเนินการศกึ ษา 17 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ โปรแกรมหรือทใ่ี ชใ้ นการพฒั นา 17 ขั้นตอนการดาเนินงาน 18 18 4 ผลการดาเนินงาน ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
สารบัญ ( ต่อ ) หน้า 205 สรปุ ผลการดาเนินงาน / อภิปรายลการดาเนินงาน 20 การดาเนนิ งานจดั ทาโครงงาน 20 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน 20 วัสดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือหรอื โปรแกรมหรือท่ใี ชใ้ นการพฒั นา 20 สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน 20 ข้อเสนอแนะ 21 บรรณานกุ รม
สารบัญตารางตาราง หนา้1 ความคิดเหน็ ของผเู้ ช่ียวชาญต่อแอปพลิเคช่นั เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ 182 ผลการศกึ ษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั การใช้แอปพลิเคชน่ั เกมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ 193 ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผเู้ ล่นเกม เร่ือง ศาสตร์พระราชา 19
สารบัญภาพ หนา้ภาพประกอบ 7 14 1 ลกั ษณะและวิธกี ารของโครงการแกม้ ลิง 15 2 ทฤษฎใี หม่ทส่ี มบรู ณ์ 16 3 รูปกังหันนา้ ชัยพัฒนา รปู แบบ A 16 4 รูปกงั หันน้าชัยพฒั นา รูปแบบ B 16 5 รูปกงั หนั นา้ ชยั พฒั นา รปู แบบ C 16 6 รปู กงั หันน้าชยั พัฒนา รปู แบบ D 7 สิทธบิ ัตรเคร่อื งกลเติมอากาศ
บทที่ 1 บทนา1. ที่มา และความสาคญั เป็นที่ทราบกันว่าตลอดระยะเวลาการครองราชย์ 70 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลท่ี 9 พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีเปี่ยมดว้ ยพระอจั ฉริยภาพและความสามารถพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย เฉพาะโครงการในพระราชดาริมีมากกวา่ 4,000 โครงการ ในสาขาตา่ ง ๆ ซึง่ ช่วยพฒั นาคุณภาพชวี ิตของราษฎรใหม้ ีความเปน็ อยู่ที่ดีขึ้น อันเปน็คุณูปการย่ิงใหญ่แก่ประชาชนและประเทศชาติ สิ่งท่ีพระองค์ทรงสอน ทรงทาให้เป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแนวคดิ ทฤษฎี พระราชดาริ หลกั การทรงงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริตา่ ง ๆ หรือแมแ้ ตพ่ ระราชกรณียกิจของพระองคถ์ ือเปน็ “ ศาสตร์พระราชา ” ท้งั สิ้น ปัจจุบันการศึกษาก้าวสู่ยุคเทคโนโลยี 4.0 ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม การส่งเสริมให้เด็กไทยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง คิดค้น ประดิษฐ์ส่ิงใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการศึกษา แตน่ ักเรยี นหน่งึ ใช้เทคโนโลยีในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การเลน่ เกม ดหู นังเพื่อความบนั เทงิ มากกว่าการศึกษา ซงึ่ เกมเข้ามามบี ทบาทต่อเยาวชนต้ังแต่เด็กก่อนวัยเรยี น หรือแม้กระทัง้ วัยทางาน ท้ังนี้เน่อื งจากเกมเป็นสง่ิ ท่ีหาเล่นได้ไมย่ าก และมาพร้อมกับความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี เช่น สมารท์ โฟน แทปเลต็ จึงเปน็ เรื่องทส่ี าคัญทเี่ ราจะต้องเลอื กสรรเล่นเกมท่ีดี มีประโยชน์กบั ผูเ้ ล่นเกม ส่งเสริมการเรยี นร้แู กผ่ เู้ ล่น การเรียนรู้ของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน เป็นการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนต้องสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามศักยภาพ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ดังนั้นการเรียนรู้เพียงในช้ันเรียน จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของผูเ้ รียน ซึง่ สามารถเรยี นรู้จากมือถือสมาร์ทโฟน แทปเล็ต หรืออปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ โนต้ บุก เป็นตน้ ศาสตร์พระราชา เปน็ องคค์ วามรู้ที่พระบาทสามเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ท่ีพระองค์ได้พระราชทานองค์ความรู้ ผ่านโครงการในพระราชดาริต่าง ๆ มากมาย ซึ่งล้วนมีประโยชน์ และมีคุณคา่ แกก่ ารเรียนรู้ ดังนน้ั คณะผูศ้ ึกษาได้จัดทาเปน็ บทเรียนคอมพวิ เตอร์มลั ติมีเดีย ในรูปแบบเกมคอมพิวเตอร์ทีส่ ร้างโดยโปรแกรมสาเร็จรูป Construct 2 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงการพระราชดาริขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั การท่ี 9 เรือ่ ง ศาสตร์พระราชา2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพอื่ พัฒนาแอปพลเิ คช่นั เกมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ เร่อื ง ศาสตรพ์ ระราชา 2. เพือ่ ศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั การใช้แอปพลิเคชัน่ เกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เร่อื ง ศาสตร์ พระราชา 3. เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของผู้ใช้แอปพลิเคชน่ั เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา
3. ขอบเขตของโครงงาน 3.1. ตวั แปรทีศ่ กึ ษา 1. ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง ศาสตร์พระราชา 2. ตัวแปรตาม ได้แก่ 1. ความคิดเห็นของผ้เู ช่ียวชาญต่อแอปพลิเคชั่นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา 2. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนหลงั การใช้แอปพลเิ คช่ันเกมเสรมิ ทกั ษะการเรียนรู้เรือ่ ง ศาสตร์พระราชา 3. ความพึงพอใจของผู้เลน่ ตอ่ เกมเสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตรพ์ ระราชา 3. ระยะเวลาในการจดั ทาโครงงาน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2560 4. เนื้อหาทีใ่ ช้ในการจัดทาโครงงาน เรื่อง ศาสตร์พระราชา ได้แก่ โครงการแกล้งดนิโครงการแก้มลิง โครงการช่ังหัวมัน โครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการกังหันน้าชัยพัฒนา4. นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1. แอปพลเิ คช่ันเกม เสริมทักษะการเรยี นรู้ หมายถึง บทเรยี นคอมพวิ เตอร์มัลติมีเดยี ในรูปแบบเกมคอมพิวเตอร์ทสี่ รา้ งโดยโปรแกรมสาเร็จรปู Construct 2 ซ่ึงมเี น้อื หาเก่ียวกับโครงการพระราชดาริขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั การที่ 9 2. ศาสตรพ์ ระราชา หมายถึง องคค์ วามรู้ขององค์พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชโดยถ่ายทอดผา่ นโครงการในพระราชดาริ ประกอบด้วย โครงการแกล้งดนิ โครงการแก้มลงิ โครงการช่ังหัวมนัโครงการฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ โครงการกงั หันน้าชัยพฒั นา 3. ความพงึ พอใจ หมายถึง ความคิดเหน็ ของผู้เล่น ตอ่ การเล่นเกมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ เรื่องศาสตร์พระราชา5. ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รับ 1. นกั เรยี นมีความรู้ เรอื่ ง ศาสตร์พระราชาสูงมากข้ึน 2. นักเรียนมคี วามเพลิดเพลินจากการเลน่ เกมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ 3. ผจู้ ัดทามคี วามรูเ้ ก่ียวกับการเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นในการพฒั นาแอปพลิเคช่นั เกม
บทท่ี 2 เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง โครงงานการพฒั นาแอปพลเิ คชั่นเกมเสรมิ ทกั ษะการเรียนรู้ เรอื่ ง ศาสตร์พระราชา ผจู้ ดั ทาได้ศกึ ษาคน้ คว้าเอกสาร ตารา และงานที่เกีย่ วข้องดังนี้ 1. เกมการศกึ ษา 2. โครงการแกลง้ ดิน 3. โครงการแก้มลิง 4. โครงการช่ังหวั มนั 5. โครงการฝนหลวง 6. โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 7. โครงการกงั หันน้าชยั พฒั นา 1. เกมการศกึ ษา 1.1 ความหมายของ เกม เกมคอมพิวเตอร์ คือ เกมท่ีถูกสรา้ งขึ้นมาเพ่อื เลน่ บนเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งตาม ลกั ษณะการแสดงผลไดเ้ ปน็ เกม 2 มิติ และเกม 3 มิตคิ รับ เกม 2 มติ ิ เป็นรปู แบบเกมที่มีการใช้ภาพแบบ 2 มิติ ตวัละครหรอื ฉากสามารถเคล่ือนท่ไี ด้ เฉพาะในแนวแกน x และ y ไม่สามารถเปลี่ยนมมุ มองในการเลน่ ได้ เช่นเกมGhost เกม 3 มติ ิ เปน็ รปู แบบเกมท่ีมกี ารใช้ภาพแบบ 3 มิติ ตวั ละครหรือฉากสามารถเคลอ่ื นที่ ไดท้ ้ังในแนวแกน x แกน y และ แกน z ผ้เู ลน่ สามารถเปลย่ี นมมุ มองในการเลน่ ได้ เช่นเกม GTA V 1.2 ประเภทของเกม 1. เกมแอคช่ัน (Action Game) 2. เกมสวมบทบาท (Role-Playing Game) 3. เกมการจาลอง (Simulation Game) 4. เกมการยงิ (Shooting Game) 5. เกมต่อสู้ (Fighting Game) 6. เกมวางแผนการรบ (Strategy Game) 7. เกมพซั เซลิ (Puzzle Game) 8. เกมกีฬา (Sport Game) 9. เกมการศึกษา (Education Game)
2. โครงการแกล้งดนิ ความเปน็ มา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดาริ ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ดาเนนิ การศกึ ษา ทดลอง เพอ่ื หาวธิ ีการปรับปรุงดนิ เปร้ยี ว ใหส้ ามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นตน้ มาผลการทดลอง การแกล้งดิน เป็นการเร่งทาให้ดินเปรี้ยวเป็นกรดจัดรุนแรงท่ีสุด จนไม่สามารถปลูกพืช เศรษฐกิจได้จากน้ันหาวธิ ีการปรับปรงุ ดินเปร้ยี วจดั รุนแรงทสี่ ุด ใหส้ ามารถปลกู พืชเศรษฐกจิ ได้ โดยอาศยั วธิ กี ารต่าง ๆ ดังน้ี 1. การปรบั ปรุงดินเปรยี้ วจัดเพ่อื ปลกู ขา้ ว• การใชน้ า้ ล้างความเป็นกรด ในปแี รกขา้ วเจริญเติบโต แตใ่ ห้ผลผลติ ตา่ และผลผลติ เพ่ิมข้ึนเรื่อย ๆ ในปตี ่อมาช่วงเวลาของการขงั นา้ และระบายนา้ ท้งิ ทเี่ หมาะสมคือ 4 สัปดาห์• การใส่หินปูนฝ่นุ ข้าวเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีกว่า การใส่หินปูนอัตราครึ่งหน่งึ ของความตอ้ งการปูน (1.5ตนั /ไร่) ข้าวให้ผลผลิตเทียบเท่ากับการใส่ปนู เต็มอัตราแนะนา• การใส่ปูนอัตราต่า (ครึ่งหนึ่งของความต้องการปูน) เพื่อสะเทินกรด ควบคู่กับการขังน้า แล้วเปล่ียนน้าทุก ๆ4 สัปดาห์ ขา้ วจะใหผ้ ลผลิตดีท่สี ุด 2. การปรบั ปรุงดินเปร้ียวจัดเพ่ือปลกู พชื ไร่ พชื ผัก• โดยใส่หนิ ปูนฝุ่นอัตรา 2 ตัน/ไร่ รว่ มกบั การใส่ป๋ยุ คอก ปุ๋ยหมกั และปยุ๋ เคมอี ตั ราแนะนา 3. การปรับปรงุ ดินเปรีย้ วจัดเพื่อปลูกไมผ้ ล• ควรขุดยกร่องเพ่ือป้องกันน้าท่วมและช่วยล้างกรด บนคันดินลงสู่คูด้านล่างควรปรับปรุงดินบริเวณสันร่องก่อน โดยหว่านหินปูนฝุ่นอัตรา 2 ตัน/ไร่ เพ่ือสะเทินกรด ก่อนปลูกพืชรองก้นหลุมด้วยปูนขาวหรือหินปูนฝุ่นร่วมกับปุย๋ หมกั ปยุ๋ คอก ไม้ผลท่ที ดลองปลกู ได้ผลดี คือ มะพรา้ วน้าหอม ละมดุ กระทอ้ น ชมพู่ 4. จากการทดลองปรับปรงุ ดนิ แลว้ ไม่ใช้ประโยชนต์ ่อเนอื่ ง พบวา่ ดินจะเปรีย้ วจดั รุนแรงอีก 5. ดินเปร้ียวจัดในสภาพที่ไม่ถูกรบกวน ความเป็นกรดจะเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ และพืชพรรณธรรมชาติทท่ี นทานความเป็นกรดข้ึนไดห้ ลายชนดิรายละเอยี ดและวธิ กี าร \"แกล้งดนิ \"วตั ถปุ ระสงค์• เพือ่ ทาการศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงทางเคมีท่ีเกิดขึ้นในดินเปร้ยี ว และหาวิธกี ารปรบั ปรงุ แก้ไขสภาพดนิ• เพอ่ื ปรบั แกไ้ ขสภาพดนิ เปรีย้ วอันเกิดมาจากปา่ พรุ และดนิ เปรยี้ วอ่ืน ๆ ให้สามารถปลกู พืชได้แกล้งดนิ ทาอยา่ งไร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจัยและปรับปรุงดิน โดยวธิ ีการ \"แกล้งดนิ \" คอื ทาใหด้ ินเปรีย้ ว เป็นกรดจัดรุนแรงที่สุด กล่าวคือ การทาให้ดนิ แห้ง และเปียกโดยนาน้าเข้าแปลงทดลองระยะหน่ึง และระบายน้าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดกรดมากย่ิงข้ึน ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงทรงให้เลียนแบบ
สภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเปน็ ปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการรน่ ระยะเวลาช่วงแลง้ และช่วงฝนในรอบปีให้สั้นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้าให้ดินเปียกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดินแห้งและดินเปยี ก 4 รอบ ตอ่ 1 ปี เสมือนกบั มีฤดูแล้งและฤดฝู น 4 ครงั้ ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธกี ารปรบั ปรงุดนิ ดงั กลา่ วใหส้ ามารถปลูกพืชเศรษฐกจิ ได้แกล้งดินแลว้ ปรับปรุงดนิ : วิธีการทส่ี าคัญ เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี \"แกล้งดิน\" แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุงดิน ซึ่งเปรี้ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมหี ลายวธิ ีการดว้ ยกนั ดังน้ี• ใชป้ นู เช่น ปูนขาว หนิ ปนู ฝุ่น ใสล่ งไปในดนิ แลว้ คลุกเคลา้ ให้เข้ากัน ปูนจะทาปฏิกรยิ ากบั กรดกามะถันในดินเกิดสารสะเทิน ปรมิ าณกรดในดินจะลดลง ซงึ่ หากใส่ในปริมาณท่ีมากพอจะช่วย ใหด้ ินมสี ภาพเปน็ กลาง• ใช้น้าจืดล้างกรดและสารพิษออกจากดินโดยตรง วิธีการน้ีใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน เนื่องจากกรดจะชะล้างออกไปอย่างช้า ๆ แต่ได้ผลเชน่ กัน• ยกร่อง เพื่อปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น โดยมีคูน้าอยู่ด้านข้าง ให้นาหน้าดินจากดินในบริเวณที่เป็นคูมา เสริมหน้าดินเดิมท่ีเป็นคันร่อง ก็จะได้หน้าดินที่หนาข้ึน ส่วนดินที่มีสารไพไรท์จะใช้เสริมด้านข้าง เมื่อใช้น้าชะล้างกรดบนสนั ร่อง กรดจะถกู น้าชะล้างไปยงั คูดา้ นข้าง แล้วระบายออกไป• ควบคุมระดับน้าใต้ดิน ให้อยู่เหนือช้ันดินเลนตะกอนทะเล ป้องกันไม่ให้สารไพไรท์ทาปฎิกริยากับออกซิเจนกรดกามะถนั จึงไม่ถกู ปลดปล่อยเพิ่มขึ้น• ใชพ้ ชื พันธ์ทุ นทานต่อความเป็นกรด มาปลูกในดนิ เปรี้ยว ใชว้ ิธกี ารต่าง ๆ ขา้ งต้นรว่ มกนัการดาเนนิ งานศึกษาทดลองในโครงการแกล้งดินได้มีการดาเนินการในช่วง ตา่ ง ๆ ตามแนวพระราชดารดิ ังนี้ ช่วงท่ี 1 (มกราคม 2529-กันยายน 2530) เป็นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของดินเปรียบเทียบระหว่างดินท่ีปล่อยทิ้งไว้ตามธรรมชาติ กับดินท่ีทาให้แห้งและเปียกสลับกัน โดยวิธีการสูบน้าเข้า-ออก การทาดินให้แห้งและเปียกสลับกัน ดินจะเป็นกรดจัดรุนแรง และมีผล ต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าข้าวสามารถ เจรญิ เตบิ โตได้ แต่ให้ผลผลติ ต่า ช่วงที่ 2 (ตุลาคม 2530-ธันวาคม 2532) ศึกษาการเปลี่ยน แปลงทางเคมีของดินโดยเปรียบเทียบระหว่างระยะเวลา ที่ทาให้ดินแห้งและ เปียกแตกต่างกัน การปล่อยให้ดินแห้งนานมากขึ้น ความเป็นกรดจะรุนแรงมากกวา่ การใช้ นา้ แชข่ งั ดินนาน ๆ และการใหน้ ้าหมุนเวียนโดยไม่มกี ารระบายออก ทาให้ความเป็นกรดและ สารพิษสะสมในดินมากขึ้น ในการปลูกข้าวทดสอบความรุนแรงของกรด พบว่าข้าวตายหลังจากปักดาได้1 เดอื น ช่วงที่ 3 (มกราคม 2533-ปัจจบุ นั ) ศึกษาถงึ วธิ ีการปรบั ปรงุ ดนิ โดยใชน้ า้ ชะลา้ งความเป็นกรด ใช้นา้ชะล้างควบคู่กับการใชห้ ินปูนฝนุ่ ใช้หินปูนฝุ่นอัตราต่า เฝ้าติดตามการเปลยี่ นแปลงของดิน หลังจากท่ีปรบั ปรงุแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการใช้ประโยชน์ และศึกษาการเปลี่ยนแปลงของดินเปรี้ยวจัด เม่ืออยู่ในสภาพธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อย พบว่าวิธีการใช้น้าชะล้างดิน โดยขังน้าไว้นาน 4 สัปดาห์ แล้วระบายออก ควบคู่กับการใช้หินปูนฝุ่นในปริมาณเล็ก น้อยจะสามารถปรับปรงุ ดินเปรี้ยวจดั ได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการใช้น้าชะล้างก็ให้ผลดี
เช่นเดียวกนั แต่ตอ้ งใชเ้ วลานานกว่า หลงั จากมกี ารปรับปรุงดนิ แล้ว หากปลอ่ ยทิ้งไว้ไม่มีการใชป้ ระโยชน์อย่างต่อเนื่อง จะทาให้ดินกลับเป็นกรดจัดรุนแรงขึ้นอีก สาหรับพ้ืนท่ีดินเปร้ียวจัดตามธรรมชาติ ท่ีไม่มีการปรับปรุงการเปลยี่ นแปลง ของความเป็นกรดน้อยมากเมื่อปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ไดม้ ีรับสง่ั เมือ่ คราวเสด็จพระราชดาเนิน ตรวจแปลงศึกษาการเปล่ียนแปลงความเป็น กรดของดนิ กามะถันวา่\"...น่ีเป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง ท่ีพูดมาสามปีแล้วหรือส่ีปี ว่าต้องการน้าสาหรับมาให้ดินทางาน ดินทางานแล้วดินจะหายโกรธ อนั นีไ้ มม่ ใี ครเชื่อ แล้วก็มาทาทนี่ ้แี ลว้ มนั ได้ผล... อันนี้ผลงานของเราท่ีทาที่นี่ เปน็ งานท่ีสาคัญที่สุดเชือ่ ว่าชาวตา่ งประเทศ เขามาดเู ราทาอย่างนแี้ ลว้ เขากพ็ อใจ เขามปี ญั หานี่แล้วเขากไ็ มไ่ ด้ แก้หาตาราไมไ่ ด้ ...\"ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ จึงได้จัดทาคู่มือ การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัด เพื่อการเกษตรขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 25363. โครงการแก้มลิงความเป็นมาของโครงการแกม้ ลงิ โครงการแก้มลิง เป็นแนวคิดในพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โดยพระองค์ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของอุทกภัยท่ีเกิดข้ึนในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2538 จึงมีพระราชดาริ \"โครงการแก้มลิง\" ข้ึน เม่ือวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2538 โดยใหจ้ ัดหาสถานทเ่ี กบ็ กักนา้ ตามจุดตา่ งๆ ในกรุงเทพมหานคร เพ่ือรองรับนา้ ฝนไวช้ ว่ั คราว เมื่อถึงเวลาทค่ี ลองพอจะระบายน้าไดจ้ ึงค่อยระบายน้าจากสว่ นทก่ี ักเกบ็ ไว้ออกไป จึงสามารถลดปัญหาน้าท่วมได้ทั้งน้ี นอกจากโครงการแก้มลิงจะมีขึ้นเพ่ือช่วยระบายน้า ลดความรุนแรงของปัญหาน้าท่วมในพ้ืนที่กรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียงแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์น้าและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยน้าท่ีถูกกักเก็บไว้ เม่ือถูกระบายสู่คูคลอง จะไปบาบัดน้าเน่าเสียให้เจือจางลง และในที่สุดน้าเหล่าน้ีจะผลักดันน้าเสียให้ระบายออกไปได้แนวคดิ ของโครงการแก้มลงิ แนวคิดของโครงการแก้มลิง เกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร มพี ระราชดารถิ ึงลิงที่อมกลว้ ยไวใ้ นกระพุ้งแก้มได้คราวละมากๆ จงึ มพี ระราชกระแสอธิบายว่า \"ลงิโดยท่ัวไปถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเค้ียว แล้วนาไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทาอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อยๆ นาออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง\" ด้วยแนวพระราชดารินี้ จึงเกิดเป็น \"โครงการแก้มลิง\" ข้ึน เพ่ือสร้างพื้นท่ีกักเก็บน้า ไว้รอการระบายเพ่ือใช้ประโยชนใ์ นภายหลังลกั ษณะและวธิ กี ารของโครงการแกม้ ลงิ ลักษณะของโครงการแก้มลิงจะดาเนินการระบายน้าออกจากพ้นื ท่ีตอนบน เพอ่ื ใหน้ ้าไหลลงคลองพักน้าที่ชายทะเล จากนน้ั เม่ือระดบั น้าทะเลลดลงจนต่ากว่าน้าในคลอง น้าในคลองจะไหลลงส่ทู ะเลตามธรรมชาติ ต่อจากน้ันจะเร่ิมสูบน้าออกจากคลองท่ีทาหน้าที่แกม้ ลิง เพื่อ
ทาให้น้าตอนบนค่อยๆ ไหลมาเอง จึงทาให้เกิดน้าท่วมพ้ืนที่ลดน้อยลง จนในท่ีสุดเม่ือระดับน้าทะเลสูงกว่าระดับในคลอง จึงปดิ ประตรู ะบายนา้ โดยใหน้ ้าไหลลงทางเดียว (One Way Flow) ลักษณะและวิธีการของโครงการแกม้ ลงิประเภทของโครงการแก้มลิงโครงการแก้มลงิ มี 3 ขนาด คอื 1. แก้มลิงขนาดใหญ่ ( Retarding Basin) คือ สระน้าหรือบึงขนาดใหญ่ ท่ีรวบรวมน้าฝนจากพื้นท่ี บริเวณนั้นๆ โดยจะกักเก็บไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายลงสู่ลาน้า พ้ืนท่ีเก็บกักน้าเหล่าน้ี ได้แก่ เขื่อน อ่างเก็บน้า ฝาย ทุ่งเกษตรกรรม เป็นต้น ลักษณะสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะมีวัตถุประสงค์อื่น ประกอบดว้ ย เชน่ เพอ่ื การชลประทาน เพอ่ื การประมง เปน็ ต้น 2. แกม้ ลงิ ขนาดกลาง เปน็ พืน้ ที่ชะลอน้าทีม่ ขี นาดเล็กกว่า ก่อสร้างในระดบั ลมุ่ นา้ มักเปน็ พน้ื ท่ีธรรมชาติ เชน่ หนอง บงึ คลอง เปน็ ตน้ 3. แก้มลิงขนาดเล็ก (Regulating Reservoir) คือแก้มลิงที่มีขนาดเล็กกว่า อาจเป็นพื้นท่ีสาธารณะ สนามเดก็ เล่น ลานจอดรถ หรอื สนามในบา้ น ซ่งึ ต่อเข้ากับระบบระบายนา้ หรอื คลองทั้งนี้ แก้มลิงที่อยู่ในพ้ืนท่ีเอกชน เรียกว่า \"แก้มลิงเอกชน\" ส่วนท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีของราชการและรัฐวิสาหกิจจะเรียกว่า \"แกม้ ลิงสาธารณะ\"4. โครงการชัง่ หวั มนั ตามพระราชดาริวตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ให้เป็นแหล่งรวบรวมพนั ธพุ์ ืชเศรษฐกิจ พชื พนั ธด์ุ ีของอาเภอท่ายาง และของจังหวดั เพชรบรุ ี 2. เพื่อเปน็ แหล่งเรยี นรู้ดา้ นการเกษตรแกเ่ กษตรกร 3. เพอื่ ใหป้ ระชาชนในพื้นทเี่ ข้ามามสี ว่ นรว่ มในการจัดทาแปลงหรือมาช่วยงานพระองค์เปา้ หมาย โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดาริ มีเป้าหมายในการสนองพระราชประสงค์และพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้เป็นศูนย์รวมพันธ์ุพืชเศรษฐกิจของอาเภอท่ายาง จงั หวัดเพชรบุรี และพน้ื ท่ีใกล้เคียงรวมทงั้ การจดั การฟาร์มโคนม และโรงเลีย้ งไก่ไข่ โรงงานแปรรปู ผลติ ภัณฑ์นม ซง่ึ มีผลิตภัณฑน์ มพาสเจอร์ไรส์ และสเตอริไรส์ ตลอดจนมีหน่วยทดลองพลังงานทดแทน เช่น
ทุ่งกันหันลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไบโอดีเซล ทั้งนี้หน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน รวมถึงชาวบ้านที่อยู่พ้ืนท่ีใกล้เคียงได้เข้ามาร่วมกันบารุงดูแลรักษา และแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นตามวิถีการดารงชีวิตเกษตรกรรมตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “...โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดาริ ได้ดาเนินการผลิตผลิตภัณฑ์เกษตรท่ีปลอดภัยจากสารพิษภายใต้การควบคุมกากับดูแลขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิดโดยนักวิชาการเกษตรที่มีความชานาญเพื่อให้ได้ผลิตภณั ฑท์ ่มี ีคุณภาพผ่านการเก็บเกย่ี วรวบรวมผลิตภณั ฑ์ทถ่ี ูกต้องตามหลักวชิ าการ การคดั เลือก คัดแยก และบรรจุ เพ่ือส่งถงึ ผบู้ รโิ ภค ให้มัน่ ใจไดว้ า่ ผู้บรโิ ภคจะไดร้ ับผลติ ภณั ฑ์ทม่ี คี ุณภาพ...”แนวทางการบริหารงาน 1. บริหารทรัพยากรแบบบูรณาการ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้คุ้มค่า ได้แก่ การพัฒนาอ่างเก็บน้าหนองเสือเพื่อส่งน้าไปใช้ในโครงการ โดยมีสัตว์เก็บกักน้าไว้ 2 สระ ไว้รองรับและกระจายนาเข้าสู่ระบบการเพาะปลูก ฟาร์มปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปนม รวมทั้งการขุดเอาเจาะน้าบาดาลเพื่อนามาใช้ในการอปุ โภคด้วย 2. ใช้ช่องทางการจาหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของโครงการฯ ผ่านร้านโกลเด้นเพลส (GoldenPlace) ภายใต้การดาเนินงานของ บริษัท สุวรรณชาด จากัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อควบคุมผลผลิตให้มีคณุ ภาพและจาหนา่ ยถงึ ผูบ้ รโิ ภคโดยตรง 3. เป็นแหล่งเรียนรู้ ในการนาพลังงานสะอาดจากธรรมชาติมาใช้เป็นพลังงานทดแทนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น ทุ่งกังหันลม (Wind Farm) และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cells) สามารถจาหน่ายกระแสไฟฟ้าท่ีผลิตได้เข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งนอกจากเป็นการเพ่ิมรายได้ให้แก่โครงการฯแลว้ ยังช่วยให้ราษฎรในหมูบ่ ้านต่าง ๆ ทีอ่ ยใู่ กลเ้ คียง มกี ระแสไฟฟ้าใช้ไดอ้ ย่างพอเพียง และท่ัวถึง 4. เป็นแหล่งสาธิตทางการเกษตรของภาคเอกชนและวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อให้โครงการนี้มีประโยชน์แก่เกษตรกรและประชาชนเพ่ิมมากข้ึน เช่น บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดทาแปลงสาธิตการปลูกยางพาราท่ีทนั สมัย และนาขา้ วทดลองแบบใช้นาบังคับให้ได้ผลผลิตสูง และลดตน้ ทุนการผลิต มหาวิทยาลยั แม่โจ้นาเสนอแปลงสาธติ การเกษตรแบบผสมผสานสาหรับการดาเนนิ ชีวิตได้อยา่ งพอเพยี งในพื้นทจ่ี ากัด เพยี ง 1 ไร่ และเงินลงทุน 100,000 บาท รวมทั้งการเพาะเล้ียงไส้เดือน เพ่ือประโยชน์ในการผลิตปุ๋ยบารุงดินและเป็นรายได้เสริมของเกษตรกรที่สนใจ เปน็ ต้น ในปี 2556 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมอบหมายให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของโครงการฯ โดยจะส่งเจ้าหน้าท่ีเข้าร่วมพัฒนาและปฏิบัติงานร่วมกับกองงานส่วนพระองค์ เช่น การเลี้ยงโคนม การเล้ียงไก่ไข่ การผลติ น้านมพาสเจอไรซแ์ ละสเตอรไิ รส์ หนว่ ยพลงั งานทดแทน ไบโอดีเซล รวมท้งั การเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ ปัจจุบัน โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดาริ ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรอีกแห่งหน่ึง ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต ใหผ้ ทู้ ส่ี นใจเข้าศึกษาดูงาน และเปดิ ให้เข้าชมไดจ้ ากจุดเร่ิมต้นท่มี าจากพ้ืนที่ท่ีแห้งแล้งและเส่ือมโทรม กลับกลายเป็นพื้นที่สีเขียว ท่ีสามารถเพาะปลูกพืชสวนครัวและ พันธุ์พืชต่าง ๆ
รวมทั้งการปศุสัตว์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และหน่วยพลังงานทดแทน ซึ่งได้มีนักเรียน นิสิต นักศึกษาเกษตรกร และประชาชนทั่วไป รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐ และเอกชน ภิกษุ สามเณรตลอดจนชาวต่างชาติ เข้าเยย่ี มชมกจิ กรรมของโครงการฯ เพิ่มมากขนึ้ เป็นลาดับกิจกรรมโครงการ• การใช้กงั หันลมผลติ ไฟฟ้าเพอ่ื เปน็ พลงั งานทดแทน • การผลิตพืชปลอดภัยจากสารพษิ • การสาธติ การปลูกสบู่ดา • การปลูกข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง • แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง • การทาปุ๋ยหมัก • การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้าว้ากล้วยหักมุก มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย อ้อย มะพร้าวน้าหอม มะพร้าวห้าว ฯลฯ • การปลูกพืชผักประกอบดว้ ย มนั เทศ กระเพรา โหระพา พริกพนั ธซุ์ ปู เปอร์ฮอต มะเขือเทศราชินี กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครสมะระข้ีนก ผกั หวานบ้าน ฯลฯ5. ทฤษฎกี ารพฒั นาทรพั ยากรแหล่งน้า “ ฝนหลวง ” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตรไดท้ รงวเิ คราะห์กรรมวิธที ่ีจะทาการผลิตฝนหลวงว่ามีข้ันตอนที่สามารถเข้าใจกันได้ง่าย 3 ขั้นตอน คือข้ันตอนท่ี 1 กอ่ กวน โดยการใช้สารเคมีไปกระตุ้นมวลอากาศทางด้านเหนือลมของพื้นที่เป้าหมาย ให้เกิดการลอยตัวข้ึนสู่เบ้ืองบนรวมตวั กันเปน็ กลุ่มก้อนเมฆฝน ขั้นตอนแรกนี้เป็นขั้นตอนที่เมฆธรรมชาติเร่ิมก่อตัวทางแนวตั้ง การทาฝนหลวงในขั้นตอนนี้จึงมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้นอากาศให้เกิดการลอยตัวข้ึนสู่เบ้ืองบน เพ่ือให้เกิดกระบวนการชักนาไอนา้ หรอื ความช้ืนเข้าสู่ระดับการเกิดเมฆ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการปฏบิ ตั ิงานของขั้นตอนแรกน้ี ควรดาเนินการในช่วงเช้าของแต่ละวัน สารเคมีท่ีใช้ในข้ันตอนนี้ ได้แก่ สารแคลเซียมคลอไรด์ สารแคลเซยี มคาร์ไบด์ สารแคลเซยี มอ๊อกไซด์ หรือสารผสมระหว่างเกลือแกงกับสารยูเรียหรือสารผสมระหว่างสารยเู รยี กบั สารแอมโมเนียไนเตรทซ่ึงสารผสมดังกล่าวน้ี แมจ้ ะมเี ปอรเ์ ซน็ ต์ความชนื้ สมั พัทธ์ตา่ กต็ าม แตก่ ส็ ามารถดูดซับไอน้าจากมวลอากาศได้อันเป็นการกระตุ้นกลไกของกระบวนการกล่ันตัวของไอน้าในมวลอากาศ อีกท้ังยังเสริมสร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมโดยรอบท่ีเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเมฆทางด้านเหนือลมของพ้ืนที่เป้าหมายอีกด้วย เม่ือเมฆเริ่มเกิดมีการก่อรวมตัวและเจริญเติบโตทางตั้งแล้ว จึงใช้สารเคมีท่ีให้ปฏิกิริยาคายความร้อนโปรยเป็นวงกลมหรือเป็นแนว ถัดมาทางใต้ลมเป็นะระยทางส้ัน ๆ เข้าสู่ก้อนเมฆ เพ่ือกระตุ้นให้เกิดก้อนเมฆเป็นกลุ่มแกนร่วมในบริเวณพ้ืนที่ปฏิบัติการ สาหรับใช้เป็นแกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะตอ่ มา การวางแผนปฏิบตั กิ ารฝนหลวงในขั้นแรกน้ี ก่อนดาเนินการจะต้องทาการศกึ ษาข้อมูลสภาพอากาศและกาหนดพื้นที่เป้าหมายในแต่ละวันโดยใช้ทิศทางและความเร็วของลมเป็นตัวกาหนดบริเวณหรือแนวพิกัดท่ีจะโปรยสารเคมี อุณหภูมิและความช้ืนของบรรยากาศ แต่ละระดับจะถูกนามาคานวณและวเิ คราะห์ตามวชิ าการทางอุตุนิยมวิทยา เพื่อหาสาเหตุที่ขัดขวางการก่อตัวของเมฆท่ีอาจเกิดข้ึนระหว่างดาเนินการ เช่น ปริมาณความช้ืนที่ต่าเกินไป อากาศเกินภาวะสมดุล ระดับที่ความชื้นอิ่มตัว ระดับที่เมฆฝนเร่ิมก่อตัว ระดับท่ีหยุดยั้งการเจริญเติบโตของยอดเมฆ ข้อมูลอื่น ๆ ที่ต้องนามาพิจารณาประกอบด้วย คือ สภาพภูมิประเทศ เช่น แนว
เขา ปา่ ไม้ แหล่งความชืน้ ฯลฯ ลักษณะของเมฆท่ีสงั เกตเห็น ข้อมลู แผนท่ที างอากาศ พายุโซนรอ้ นและเหตุอื่นๆ ท่ีอาจจะมีอิทธิพลต่อสภาพอากาศในพ้ืนท่ีเป้าหมาย ทั้งหมดของข้อมูลและสาเหตุต่าง ๆ นี้ มีความสาคัญตอ่ การกาหนดชนิดและปริมาณของสารเคมีที่จะนามาใชใ้ นการทาฝนหลวง ซึง่ จะต้องกระทาดว้ ยความชานาญควบคู่ไปกับการคานึงถึงระดับความสูงผนวกกับอัตราการโปรยสารเคมี รวมถึงลักษณะของแนวโปรยสารเคมีด้วย หากแต่ละวันมีลักษณะข้อมูลท่ีแตกต่างกันออกไป ก็ย่อมทาให้ต้องมีการปรับเปล่ียนแผนปฏิบัติงานแต่ละครง้ั ด้วยข้ันตอนท่ี 2 เล้ียงใหอ้ ้วน เป็นข้ันตอนสาคัญมากในการปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากเป็นระยะที่เมฆกาลังก่อตัวเจริญเติบโตจึงใชค้ วามรู้ทางเทคโนโลยีและประสบการณผ์ สมผสานกลยุทธในเชงิ ศลิ ปะแห่งการทาฝนหลวงควบคู่ไปพร้อมกันเพื่อตัดสินใจโปรยสารเคมีฝนหลวงที่ทรงค้นคว้าขึ้นมา โดยไม่มีสารอันเป็นพิษต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม การปฏิบัติงานต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่าจะใช้สารเคมีชนิดใดและอัตราใดจึงจะเหมาะสมในการตัดสินใจโปรยสารเคมีฝนหลวง ณ ท่ีใดของกลุ่มก้อนเมฆ เพื่อให้สัมฤทธิผลที่จะทาให้ก้อนเมฆขยายตัวหรืออ้วนขึ้นและป้องกันมิให้ก้อนเมฆสลายตัวให้จงได้ การวางแผนปฏิบัติการในขั้นตอนนี้จาต้องอาศัยข้อมูล และความต่อเน่ืองจากขั้นตอนที่หน่ึงประกอบการพิจารณาด้วย การสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพเมฆที่เกิดขึ้นจึงกล่าวได้ว่าข้ันตอนน้ีการวางแผนปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาให้ทันต่อความเปล่ียนแปลงของเมฆที่เกิดขึ้นมีความสาคัญย่ิงสารเคมีท่ีใช้ในข้ันตอนน้ีมักได้แก่ เกลือแกง สารประกอบสูตร ท. 1 (เป็นสารละลายเข้มข้นท่ีได้จากกระบวนการอิเลคโตรไลซิส ซ่ึงเป็นผลงานค้นคว้าของ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล) สารยูเรีย สารแอมโมเนียไนเตรท แข็งแห้ง และบางคร้ังอาจใช้สารแคลเซียมคลอไรด์ร่วมด้วย โดยพิจารณาลักษณะการเติบโตของเมฆ บริเวณเมฆและการเกิดฝนในวันนัน้ ๆ เปน็ หลกัขั้นตอนท่ี 3 โจมตี เมื่อกลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ โดยภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่มากมาย โดยภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่มากมาย สังเกตได้หากเครื่องบินเข้าไปในกลุ่มเมฆฝนนแ้ี ล้ว จะมีเม็ดนา้ เกาะตามปกี และกระจงั หนา้ ของเครอื่ งบิน ดังนนั้ ขนั้ ตอนสุดท้ายจงึ มีความสาคัญอย่างยิ่งยวดเพราะจะต้องอาศยั ความชานาญและประสบการณเ์ ป็นอย่างมากเหนือสิ่งอน่ื ใดต้องรู้จักใช้เทคนิคในการทาฝนหลวงซ่ึงพระองค์ท่านทรงให้ข้อคิดว่าจะต้องพิจารณาจุดมุ่งหมายของการทาฝนหลวงด้วยว่า ในการทาฝนหลวงของแต่ละพ้ืนท่ีน้ันต้องตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของราษฎรใน 2 ประเด็น คือ เพื่อเพ่ิมปริมาณฝนตกให้กับพ้ืนที่ (Rain Enhancement) และเพื่อให้เกิดการกระจายการตกของฝน (RainDistribution) ซึง่ ทง้ั 2 วัตถุประสงค์น้ไี ดเ้ ปน็ แนวทางในการบาบัดทุกขบ์ ารุงสุขของพสกนิกรให้คลายความเด็ดร้อนยามขาดแคลนน้าเรื่อยมาตราบเทา่ ทุกวันนี้ เพราะความต้องการน้าของมนุษยชาตินับวันแต่จะทวีขึ้นอย่างเกิดคาด สืบเนื่องมาจากผลกระทบท่ีเกิดจากปฏิกิริยาเรือนกระจกของโลก (Green House Effect) ทาให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดกู าลดังเชน่ เคยในอดีต
6. \"เกษตรทฤษฎใี หม\"่ แนวพระราชดาริการแบ่งสดั สว่ นพ้ืนท่ที ากนิ เพ่ือการอยูร่ อดและพงึ่ ตนเอง ปัญหาหลักของเกษตรกรในอดีต จนถึงปัจจุบันท่ีสาคัญประการหนึ่ง คือ การขาดแคลนน้าเพ่ือเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพ้ืนที่เกษตรท่ีอาศัยน้าฝน ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ของประเทศท่ีอยู่ในเขตที่มีฝนค่อนข้างน้อยและส่วนมากเป็นนาข้าวและพืชไร่ เกษตรกรยังคงทาการเพาะปลูก ได้ปีละครั้งในช่วงฤดูฝนเท่าน้ัน และมีความเสี่ยงกับความเสียหาย อันเนื่องมาจากความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศและฝนทิ้งช่วงแม้ว่าจะมีการขุดบ่อหรือสระเก็บน้าไว้ใช้บ้างแต่ก็มีขนาดเพียงพอ หรือมีปัจจัยอื่น ๆ ท่ีเป็นปัญหาให้มีน้าใช้ไม่เพยี งพอ รวมท้ังระบบการปลกู พืชไมม่ ีหลกั เกณฑ์ใด ๆ และส่วนใหญป่ ลกู พืชชนดิ เดียว ด้วยเหตุน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงได้พระราชทานพระราชดาริ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรท่ีประสบความยากลาบาก ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติโดยเฉพาะการขาดแคลนนา้ ได้ โดยไม่เดือดร้อนและยากลาบากนกั พระราชดารนิ ี้ ทรงเรียกว่า \"ทฤษฎใี หม่\" ซึ่งเป็นแนวทางหรือหลักการในการบริหารการจัดการที่ดินและน้า เพื่อการเกษตรในท่ีพื้นที่ขนาดเล็กให้เกิดประโยชนส์ งู สดุทฤษฎีใหม่: ทาไมใหม่ ? มีการบรหิ ารและจัดแบง่ ท่ีดินแปลงเล็กออกเปน็ สดั ส่วนท่ชี ดั เจน เพื่อประโยชนส์ งู สดุ ของเกษตรกร ซง่ึ ไม่เคยมีใครคดิ มากอ่ น มกี ารคานวณโดยหลักวชิ าการ เก่ียวกับปริมาณนา้ ที่จะกักเก็บใหพ้ อเพยี งตอ่ การเพาะปลูกไดต้ ลอดปี มีการวางแผนทสี่ มบูรณแ์ บบ สาหรบั เกษตรกรรายย่อยการจัดสรรพนื้ ทีอ่ ยู่อาศยั และ ท่ีทากินทฤษฎีใหมข่ น้ั ต้นใหแ้ บ่งพน้ื ที่ ออกเปน็ 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30: 30: 30: 10 ซึง่ หมายถึง พ้ืนที่ส่วนที่หน่ึง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้า เพื่อใช้เก็บกักน้าฝนในฤดูฝนและ ใช้เสริมการ ปลกู พชื ในฤดแู ล้ง ตลอดจนการเลีย้ งสตั วน์ ้าและพืชน้าต่าง ๆ พน้ื ที่สว่ นท่ีสอง ประมาณ 30% ใหป้ ลกู ข้าวในฤดูฝน เพื่อใชเ้ ปน็ อาหารประจาวัน สาหรบั ครอบครัวให้ เพยี งพอตลอดปี เพื่อตดั ค่าใช้จา่ ยและสามารถพ่งึ ตนเองได้ พื้นที่ส่วนท่ีสาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็น อาหารประจาวนั หากเหลือบรโิ ภคก็นาไปจาหน่าย พน้ื ท่ีสว่ นที่สี่ ประมาณ 10% เปน็ ท่ีอย่อู าศัย เลย้ี งสัตวแ์ ละโรงเรือนอ่ืน ๆหลกั การและแนวทางสาคญั 1. เปน็ ระบบการผลิตแบบพอเพียง ทเี่ กษตรกรสามารถเล้ยี งตัวเองได้ในระดบั ท่ปี ระหยัดก่อน ทงั้ นช้ี มุ ชน ต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซ่ึงกันและกันทานองเดียวกับการ \"ลงแขก\" แบบ ด้งั เดมิ เพอ่ื ลดค่าใช้จ่าย 2. เนอ่ื งจากขา้ วเป็นปัจจัยหลักท่ีทกุ ครัวเรือนจะต้องบริโภค ดงั นัน้ จึงประมาณวา่ ครอบครวั หน่ึงทานา 5 ไร่ จะทาใหม้ ขี า้ วพอกินตลอดปี โดยไมต่ อ้ งซ้ือหาในราคาแพง เพอื่ ยดึ หลักพ่งึ ตนเองได้อยา่ งมีอิสรภาพ
3. ต้องมีน้าเพ่ือการเพาะปลูกสารองไว้ใช้ในฤดูแล้ง หรือระยะฝนท้ิงช่วงได้อย่างพอเพียง ดังน้ัน จึง จาเปน็ ตอ้ งกันท่ีดินส่วนหน่ึงไว้ขุดสระน้า โดยมหี ลกั วา่ ต้องมีน้าเพยี งพอทจี่ ะทาการเพาะปลูกได้ตลอด ปี ทง้ั นไี้ ดพ้ ระราชทานพระราชดาริเป็นแนวทางว่า ต้องมนี ้า 1,000 ลกู บาศก์เมตร ต่อการเพาะปลกู 1 ไร่ โดยประมาณ ฉะน้ัน เม่ือทานา 5 ไร่ ทาพืชไร่หรือไม้ผลอีก 5 ไร่ (รวมเป็น 10 ไร่) จะต้องมีน้า 10,000 ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี ดังนนั้ หากมพี นื้ ท่ี 15 ไร่ จึงมสี ตู รครา่ ว ๆ ว่า แต่ละแปลงประกอบด้วย o นา 5 ไร่ o พชื ไร่พชื สวน 5 ไร่ o สระนา้ 3 ไร่ ลกึ 4 เมตร จปุ ระมาณ 19,000 ลกู บาศก์เมตร ซ่งึ เป็น ปรมิ าณนา้ ท่เี พยี งพอที่จะ สารองไว้ใชย้ ามฤดูแลง้ o ทอ่ี ยู่อาศัยและอ่นื ๆ 2 ไร่ รวมทัง้ หมด 15 ไร่ 4. การจัดแบ่งแปลงที่ดินเพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ทรงคานวณและคานึงจากอัตราถือครองท่ีดินถัวเฉล่ีย ครัวเรือนละ 15 ไร่ อย่างไรก็ ตาม หากเกษตรกรมีพื้นท่ีถือครองน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ ก็สามารถใช้อัตราส่วน 30:30:30:10 ไป เป็นเกณฑป์ รบั ใชไ้ ด้ กลา่ วคือ 30% ส่วนแรก ขุดสระน้า (สามารถเลยี้ งปลา ปลูกพชื น้า เชน่ ผักบุ้ง ผักกะเฉด ฯลฯ ได้ดว้ ย) 30% ส่วนท่ีสอง ทานา 30% ส่วนท่ีสาม ปลูกพืชไร่ พืชสวน (ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอย ไม้สร้างบ้าน พืชไร่ พืชผัก สมุนไพรเป็นต้น) 10% สุดท้าย เป็นที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก โรงเรือน โรงเพาะเหด็ คอกสตั ว์ ไม้ดอกไมป้ ระดบั พืชผกั สวนครวั หลังบา้ น เปน็ ตน้ )อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตรหรือหลักการโดยประมาณเท่าน้ัน สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กบั สภาพของพืน้ ที่ ดนิ ปริมาณนา้ ฝนและสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ท่ีมีฝนตกชกุ กวา่ ภาคอ่นื หรอื หากพื้นที่ที่มีแหล่งนา้ มาเติมสระไดต้ ่อเน่ือง กอ็ าจลดขนาดของบ่อหรือสระน้าให้เล็กลง เพื่อเกบ็ พ้นื ที่ไว้ใช้ประโยชนอ์ ่นื ต่อไปได้ทฤษฎใี หม่ขน้ั ก้าวหนา้ เม่ือเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ลงมือปฏิบัติตามขั้นที่หนึ่งในที่ดินของ ตนจนได้ผลแล้ว ฉะนั้นเกษตรกรก็จะพัฒนาตนเองไปสู่ข้ันพออยู่พอกิน เพอื่ ใหม้ ผี ลสมบูรณย์ ิ่งขึ้น จงึ ควรท่จี ะต้องดาเนนิ การตามข้ันท่ีสอง และข้ันทส่ี าม ตอ่ ไปตามลาดบั ดังนี้ทฤษฎีใหมข่ ั้นที่สอง เมื่อเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในท่ีดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นที่สอง คือ ให้เกษตรกรรวมพลังกนั ในรูป กล่มุ หรอื สหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกันดาเนนิ การในด้าน 1. การผลิต (พนั ธุพ์ ชื เตรียมดนิ ชลประทาน ฯลฯ)
เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมือในการผลติ โดยเรม่ิ ตง้ั แต่ ข้นั เตรยี มดนิ การหาพันธพุ์ ชื ปุ๋ย การหาน้า และอ่ืน ๆ เพอ่ื การเพาะปลกู 2. การตลาด (ลานตากข้าว ยงุ้ เคร่ืองสขี ้าว การจาหน่ายผลผลติ ) เม่ือมีผลผลิตแล้ว จะต้องเตรียมการต่าง ๆ เพ่ือการขายผลผลิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียม ลานตากข้าวร่วมกัน การจัดหายุ้งรวบรวมข้าว เตรียมหาเคร่ืองสีข้าว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิต ใหไ้ ดร้ าคาดี และลดคา่ ใช้จ่ายลงด้วย 3. ความเปน็ อยู(่ กะปิ น้าปลา อาหาร เครอ่ื งน่งุ ห่ม ฯลฯ) ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควร โดยมีปัจจัยพ้ืนฐานในการดารงชีวิต เช่น อาหารการกินตา่ ง ๆ กะปิ นา้ ปลา เสือ้ ผ้า ทพ่ี อเพียง 4. สวสั ดิการ (สาธารณสขุ เงนิ ก)ู้ แต่ละชุมชนควรมีสวัสดิภาพและบริการท่ีจาเป็น เช่น มีสถานีอนามัยเมื่อยามป่วยไข้ หรือมีกองทุนไว้ ก้ยู มื เพอ่ื ประโยชน์ในกจิ กรรมต่าง ๆ ของชมุ ชน 5. การศกึ ษา (โรงเรียน ทนุ การศกึ ษา) ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพ่ือการศึกษาเล่าเรียนให้แก่เยาวชนของ ชมุ ชนเอง 6. สงั คมและศาสนา ชุมชนควรเปน็ ทร่ี วมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นทย่ี ึดเหน่ียวกิจกรรมท้ังหมดดังกล่าวข้างต้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง ไม่ว่าส่วนราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชมุ ชนนัน้ เป็นสาคญัทฤษฎีใหม่ขน้ั ทีส่ ามเมื่อดาเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ขั้นท่ีสามต่อไป คือตดิ ตอ่ ประสานงาน เพ่อื จดั หาทุน หรือแหล่งเงนิ เชน่ ธนาคาร หรือบรษิ ทั หา้ งร้านเอกชน มาชว่ ยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชวี ติ ท้งั นี้ ท้งั ฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคารกบั บรษิ ัท จะได้รับประโยชน์ร่วมกนั กลา่ วคือ เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาสูง (ไมถ่ ูกกดราคา) ธนาคารกบั บรษิ ัทสามารถซอ้ื ขา้ วบรโิ ภคในราคาตา่ (ซอื้ ข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง) เกษตรกรซ้ือเคร่ืองอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่า เพราะรวมกันซื้อเป็นจานวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ ราคาขายส่ง) ธนาคารกบั บริษัทจะสามารถกระจายบคุ ลากร (เพือ่ ไปดาเนินการในกิจกรรมตา่ ง ๆ ใหเ้ กดิ ผลดยี งิ่ ขนึ้ )ประโยชนข์ องทฤษฎใี หม่จากพระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ที่ไดพ้ ระราชทานในโอกาสต่าง ๆ น้ัน พอจะสรปุ ถงึ ประโยชน์ของทฤษฎีใหมไ่ ด้ ดังน้ี 1. ให้ประชาชนพออยู่พอกนิ สมควรแกอ่ ตั ภาพในระดับท่ีประหยัด ไม่อดอยาก และเลยี้ งตนเองได้
2. ในหน้าแล้งมีน้าน้อยก็สามารถเอาน้าที่เก็บไว้ในสระ มาปลูกพืชผักต่าง ๆ ได้ แม้แต่ข้าวก็ยังปลูกได้ โดยไมต่ ้องเบียดเบียนชลประทาน 3. ในปที ่ีฝนตกตามฤดกู าลโดยมนี า้ ดีตลอดปี ทฤษฎีใหมน่ ้กี ส็ ามารถสรา้ งรายไดใ้ หร้ า่ รวยขึ้นได้ 4. ในกรณีที่เกิดอุทกภัยก็สามารถท่ีจะฟ้ืนตัว และช่วยตัวเองได้ในระดับหน่ึง โดยทางราชการไม่ต้อง ชว่ ยเหลือมากเกนิ ไป อนั เปน็ การประหยัดงบประมาณดว้ ยทฤษฎีใหม่ทสี่ มบรู ณ์ การท่ีจะทาให้ทฤษฎีใหม่สมบูรณ์ได้นั้นคือ สระเก็บกักน้าจะต้องทาหน้าท่ีได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มความสามารถ โดยต้องมีแหล่งน้าขนาดใหญ่ท่ีสามารถเพิ่มเติมน้าในสระเก็บกักน้าให้เต็มอยู่ เสมอ ดังเช่นในกรณีของการทดลองท่ีวัดมงคลชัยพัฒนา จังหวัดสระบุรี ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเสนอวิธีการดังน้ี ระบบทฤษฎีใหม่ที่สมบูรณ์ อ่างใหญ่ เติมอ่างเล็ก อ่างเล็ก เติมสระน้า ทฤษฎีใหมท่ ีส่ มบรู ณ์จากภาพวงกลมเล็กคือสระน้าที่เกษตรกร ขุดขึ้นตามทฤษฎีใหม่ เมื่อเกิดช่วงขาดแคลนน้าในฤดูแล้ง เกษตรกรสามารถสูบน้ามาใช้ประโยชนไ์ ด้ และหากน้าในสระน้าไม่เพียงพอก็ขอรับน้าจากอ่างห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ซ่ึงไดท้ าระบบส่งน้าเชื่อมตอ่ ลงมายังสระน้าทีไ่ ด้ขดุ ไว้ในแตล่ ะแปลงซงึ่ จะ ช่วยให้สามารถมนี า้ ใช้ตลอดปีกรณีที่เกษตรกรใช้น้ากันมาก อ่างห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็อาจมีปริมาณน้าไม่พอเพียง หากโครงการพัฒนาลุ่มน้าป่าสักหรอื มโี ครงการใหญ่ที่สมบูรณ์แล้ว กใ็ ช้วธิ ีการผนั นา้ จากป่าสัก คืออ่างใหญ่ ต่อลงมายงั อ่างเก็บน้าห้วยหนิ ขาว (อา่ งเลก็ ) ก็จะชว่ ยให้มีปริมาณนา้ ใช้มากพอตลอดปสี าหรบั สระของเกษตรกร7. โครงการกงั หนั ชยั พัฒนา - บาบดั นา้ เสยี เมื่อวันท่ี 24 ธันวาคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานรูปแบบและพระราชดาริ เรื่องการแก้ไขปัญหาน้าเสีย โดยการเติมออกซิเจนในน้า การเติมออกซิเจนในน้ามี 2 วิธี คือ วิธีหนึ่ง ใช้อากาศอัดเข้าไปตามท่อเป่าลงไปใต้ผิวน้าแบบกระจายฟอง และอีกวิธีหนึ่ง น่าจะกระทาได้โดยกังหันวิดน้า วิดตักข้ึนไปบนผิวน้า แล้วปล่อยให้ตกลงไปยังผิวน้าตามเดิม โดยท่ีกังหันน้าดังกล่าวจะหมุนช้า ๆ ด้วยกาลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นฝอย ซองน้าน้ีจะถูกขับเคล่ือนให้หมุนโดยรอบ ด้วยมอเตอรไ์ ฟฟา้ ขนาด 2 แรงม้า ระบบแรงดัน 380 โวลต์ 3 เฟส 50 เฮิรท์ ผา่ นระบบสง่ กาลงั ดว้ ยเฟืองเกียร์ทดรอบและ/หรือจานโซ่ ซ่ึงจะทาให้การหมุนเคลื่อนที่ของซองน้าวดิ ตักน้าด้วยความเร็ว 5 รอบ/นาที สามารถวดิ
น้าลึกลงไปใต้ผิวน้า ประมาณ 0.50 เมตร ยกน้าขึ้นไปสาดกระจายเป็นฝอยเหนือผิวน้าด้วยความสูงประมาณ1.00 เมตร ทาให้มีพื้นท่ีผิวสัมผัสระหว่างน้ากับอากาศกว้างขวางมากข้ึน เป็นผลทาให้ออกซิเจนในน้าละลายเข้าไปในนา้ ได้อย่างรวดเร็ว และในขณะที่นาเสียถูกยกข้นึ ไปสาดกระจายสัมผัสกับอากาศแล้วตกลงไปยังผิวน้านั้น จะเกิดการอัดอากาศภายในซองน้าภายใต้ผิวน้าจนกระทั่งซองน้าจมน้าเต็มท่ี ทาให้เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงข้ึนตามไปด้วย หลังจากน้ันน้าที่ได้รับการเติมอากาศแล้ว จะเกิดการถ่ายเทของน้าเคลื่อนที่ออกไปด้วยการผลักดันของซองน้าดว้ ยความเร็วของการไหล 0.20 เมตร/วนิ าที จึงสามารถผลักดันน้าออกไปจากเคร่ือง มีระยะทางประมาณ 10.00 เมตร และผลพลอยได้อีกประการหน่งึ ได้แก่ การโยกตัวของทนุลอยในขณะทางานจะส่งผลให้แผ่นไฮโดรฟลอยที่ตดิ ตั้งไวใ้ นส่วนขนาดเล็กไม่เกิน 2 แรงม้า หรืออาจจะใช้พลังน้าไหลก็ได้ จึงสมควรพิจารณาสร้างต้นแบบ แล้วนาไปติดต้ังทดลองใช้บาบัดน้าเสีย ท่ีภายในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกฏุ เกลา้ และวดั บวรนิเวศวหิ าร การศกึ ษา วิจยั และพฒั นา กรมชลประทานรับสนองพระราชดาริในการศึกษาและสร้างต้นแบบโดยดัดแปลงเครื่องสูบน้าพลังน้าจาก \"กังหันนา้ สูบน้าทนุ่ ลอย\" เปลยี่ นเป็น \"กงั หนั น้าชัยพัฒนา\" และไดน้ าไปติดตั้งใช้ในกิจกรรมบาบัดนา้ เสียที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 และท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม2532 เพือ่ ศึกษา วจิ ัย และพัฒนาระบบบาบดั นา้ เสยี เป็นระยะเวลา 4-5 ปีคุณสมบตั ิ กังหันน้าชัยพัฒนา หรือ เครื่องกลเติมอากาศท่ีผิวน้าหมุนช้าแบบทุ่นลอย (Chaipattana LowSurface Aerator) ซึ่งเป็น Model RX-2 หมายถึง Royal Experiment แบบที่ 2 มีคุณสมบัติในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงถึง 1.2 กิโลกรัมของออกซิเจน/แรงม้า/ชั่วโมง สามารถนาไปใช้ในกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพน้าได้อย่างอเนกประสงค์ ติดตั้งง่าย เหมาะสาหรับใช้ในแหล่งน้าธรรมชาติ ได้แก่ สระน้า หนองน้า คลอง บึง ลาห้วย ฯลฯ ท่ีมีความลึกประมาณ 1.00 เมตร และมคี วามกว้างมากกว่า 3.00 เมตรหลกั การทางาน เครื่องกลเติมอากาศ \"กังหันน้าชัยพัฒนา\" แบบทุ่นลอย สามารถปรับตัวข้ึนลงได้ตามระดับขึ้นลงของน้า ส่วนประกอบสาคัญ ได้แก่ โครงกังหันน้ารูป 12 เหล่ียม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.00 เมตร มีซองตักน้าขนาดบรรจุ 110 ลิตร ตดิ ตั้งโดยรอบ จานวน 6 ซอง เจาะรซู องนา้ พรุน เพอ่ื ให้น้าไหลกระจายใต้น้า สามารถผลักดันน้าให้เคลื่อนที่ผสมผสานออกซิเจนเข้ากับน้าในระดับความลึกใต้ผิวน้าเป็นอย่างดีอีกด้วย จึงก่อให้เกิดกระบวนการท้ังการเติมอากาศ การกวนแบบผสมผสานและการทาให้เกิดการไหลของน้าเสียไปตามทิศทางท่ีกาหนดโดยพรอ้ มกนั รูปกงั หันน้าชยั พฒั นา รปู แบบ A
รูปกงั หนั นา้ ชยั พฒั นา รูปแบบ A (ปี พ.ศ. 2535-2536) ซองนา้ จะถกู ขับเคลอื่ นโดยใชร้ ะบบขับส่งกาลังด้วยเฟืองจานโซร่ ว่ มกับเกียรม์ อเตอรข์ นาด 1 : 50 ใช้มอเตอร์ 2 แรงมา้รปู กงั หนั น้าชัยพัฒนา รูปแบบ B (ปี พ.ศ. 2538) ซองนา้ จะถกู ขับเคลอื่ นโดยใช้ระบบขับสง่ กาลงั ดว้ ยชดุ เกยี รท์ ดรอบขนาด 1:300 ใช้มอเตอร์ 1 แรงมา้ ขับ 1 ข้างรปู กังหันน้าชัยพฒั นา รูปแบบ C (ปี พ.ศ. 2537) เหมือนรูปแบบ Aแตใ่ ชใ้ นกรณที ่ตี อ้ งการขับเคลอ่ื นแลน่ ไปตามแหล่งน้าด้วยตัวเองและแหล่งน้านัน้ ไม่มพี ลังงานไฟฟ้าเขา้ ถึงตอ้ งใช้เครอ่ื งยนตข์ บั เคลื่อนโดยมเี จ้าหนา้ ทบี่ ังคบั ทิศทางรูปกังหันน้าชัยพัฒนา รูปแบบ D (ปี พ.ศ. 2538) ซองน้าจะถูกขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ทดรอบขนาด 1:50 ร่วมกบั เกยี รท์ ดแบบเฟืองตรง 1: 6 ใช้มอเตอร์ 2 แรงมา้สิทธิบตั รในพระปรมาภไิ ธย เป็นท่ีน่าปิติยินดีเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรไทยท้ังมวล เม่ือเคร่ืองกลเติมอากาศ \"กังหันน้าชัยพัฒนา\" ได้รับการพิจารณาและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย เม่ือวันท่ี 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 นับเป็นสิ่งประดิษฐ์เคร่ืองกลเติมอากาศเคร่ืองที่ 9 ของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรและเป็นคร้ังแรกที่ได้รับการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวายแด่พระมหากษตั ริย์ด้วย จงึ นับได้วา่ \"สทิ ธิบตั รเคร่อื งกลเตมิ อากาศในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริยพ์ ระองคแ์ รกในประวัติศาสตรช์ าตไิ ทยและเป็นคร้งั แรกของโลก\"
บทที่ 3 อปุ กรณ์และวิธีการดาเนินการโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ การพฒั นาแอปพลเิ คช่นั เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เรอ่ื งศาสตรพ์ ระราชา มวี ธิ ีดาเนนิ งานตามขน้ั ตอนดังต่อไปนี้1. วัสดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ โปรแกรมหรือทใี่ ช้ในการพฒั นา1.1 เครอื่ งคอมพิวเตอร์1.2 โปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการดาเนินงาน ไดแ้ ก่- Construct 2 - โปรแกรม Photo scape- โปรแกรม Google Form - โปรแกรม AVC- โปรแกรม Format Factory - โปรแกรม Google Sites1.3 สมารท์ โฟน1.4 สมดุ บนั ทกึ2. ขน้ั ตอนการดาเนินงาน2.1 คดิ หวั ขอ้ โครงงาน และเลือกหัวข้อท่ีสนใจ เพอื่ นาเสนอครทู ปี่ รกึ ษาโครงงาน2.2 ศึกษาและคน้ คว้าข้อมลู ที่เกีย่ วขอ้ งกับเร่ืองที่สนใจ ประกอบดว้ ย- การสร้างเกม- โปรแกรมการสรา้ งเกม Construct 2- โปรแกรมตกแตง่ ภาพ PhotoScape- ศกึ ษา เร่อื ง ศาสตรพ์ ระราชา และโครงการในพระราชดาริ- การสรา้ งเครื่องมอื ประเมนิ ความพงึ พอใจ2.3 จดั ทาเค้าโครงเกมนาเสนอครูทป่ี รึกษา โดยทาสตอรบี่ อร์ด รูปแบบการเลน่ วิธีเลน่ เกม2.4 พฒั นาโครงงานคอมพวิ เตอร์ การพฒั นาแอปพลเิ คช่ันเกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา ดังน้ี1. ออกแบบเกม ด้วยโปรแกรม Construct 2 ตามสตอรบี่ อร์ด2. นาเกมท่สี ร้างสมบรู ณ์ให้ครูผ้เู ชย่ี วชาญ ประเมนิ ด้านการออกแบบบทเรยี น และเนื้อหา3. ปรบั ปรุง พฒั นาตามคาแนะนาของครผู ู้เชี่ยวชาญ4. นาเกมที่ออกแบบเสร็จสมบูรณ์ ใหน้ ักเรยี นเล่น และตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจ5.วเิ คราะห์ข้อมลู การตอบแบบสอบถามแสดงความคดิ เห็นของผูเ้ ล่น2.5 จดั ทารายงานและเผยแพรผ่ า่ นเวบ็ ไซต์ https://project61.banto.ac.th
บทท่ี 4 ผลการดาเนินงานการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทซอฟต์แวร์ การพัฒนาแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา ผู้ศึกษาได้เสนอผลการดาเนินงานโครงงาน ดงั น้ี1. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล1. ความคดิ เหน็ ของผเู้ ช่ยี วชาญต่อแอปพลิเคช่นั เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง ศาสตร์พระราชาจานวน 5 คน ปรากฏผลดงั ตาราง 1ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ x̅ SD. แปลผลดา้ นการออกแบบบทเรยี นเกม1 ความเหมาะสมของภาพประกอบในเกม 4.8 0.45 มากทส่ี ุด2 ความเหมาะสมของดนตรีประกอบเกม 4.8 0.45 มากท่ีสุด3 ความสอดคล้องของภาพและเสียง 4.2 0.45 มากที่สุด4 รปู แบบของตวั อักษรท่ใี ชใ้ นการนาเสนอ 4 0.00 มากท่ีสดุ5 ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร 4.2 0.45 มากที่สุด6 ความเหมาะสมของการเลอื กใชส้ ตี วั อักษร 4.4 0.55 มากทส่ี ุด7 ความตอ่ เนื่องของการนาเสนอเนือ้ หา 4.8 0.45 มากทส่ี ุด8 ความเหมาะสมของการออกแบบหน้าจอ 5 0.00 มากที่สดุ9 การควบคมุ เกม เช่นการใชเ้ มาส์ 4.6 0.55 มากที่สดุ10 ความนา่ สนใจของการตอบโต้ของเกม 5 0.00 มากทส่ี ดุ11 การเช่อื มโยงของแตล่ ะหน้าผลงงาน 5 0.00 มากที่สุด เฉลยี่ ดา้ นการออกแบบบทเรียน 4.62 0.36 มากทสี่ ุดดา้ นเนอื้ หา12 ความถูกตอ้ งขอเนื้อหา 4.8 0.45 มากท่สี ุด13 ความสอดคล้องของจดุ ประสงค์และเนื้อหา 4.4 0.55 มากท่สี ดุ14 ลาดับขั้นของการนาเสนอเน้ือหา 4.8 0.45 มากทส่ี ดุ15 ความเหมาะสมของระดบั ผูเ้ รียน 5 0.00 มากทส่ี ดุ16 ความน่าสนใจของเน้ือหา 4.8 0.45 มากที่สุด17 ระยะเวลาการนาเสนอเน้ือหา 4.2 0.45 มากทส่ี ุด เฉลย่ี ด้านเนือ้ หา 4.67 0.30 มากทีส่ ดุ N=5
2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้แอปพลเิ คช่นั เกมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ เร่อื งศาสตร์พระราชา จากนกั เรยี นท่เี ล่นเกม จานวน 50 คน ปรากฏผลดังตาราง 2 เรอ่ื ง คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ SD โครงการแกลง้ ดนิ 212 4.24 84.8 0.43 โครงการแก้มลิง 204 4.08 81.6 0.85 โครงการชัง่ หัวมนั 207 4.14 82.8 0.67 โครงการฝนหลวง 201 4.02 80.4 0.87 โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 206 4.12 82.4 0.56 โครงการกังหันน้าชยั พฒั นา 207 4.14 82.8 0.76 1,237 4.12 82.47 0.17 รวมเฉล่ีย 401 8.02 80.20 0.71 หลงั เรยี น N = 50 3. ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เลน่ เกม เรอื่ ง ศาสตร์พระราชา จานวน 50 คน ปรากฏผลดังตาราง 3 ขอ้ ท่ี รายการประเมิน x̅ SD. แปลผล 1 วธิ กี ารเลน่ เกม สามารถเข้าใจง่าย 4.96 0.20 มากทส่ี ุด 2 เวลาทใ่ี ช้เลน่ เกมมคี วามเหมาะสม 4.98 0.14 มากที่สุด 3 สสี ันของเกมมีความเหมาะสม 4.96 0.20 มากท่สี ดุ 4 คะแนนของเกมมคี วามเหมาะสม 4.88 0.39 มากทส่ี ดุ 5 อุปสรรคในเกมมีความเหมาะสม 4.98 0.14 มากท่สี ดุ 6 ความเหมาะสมของเกมกับช่วงวยั ของผเู้ ลน่ 4.92 0.34 มากทส่ี ดุ 7 ความท้าทายในการเลน่ 4.74 0.49 มากทีส่ ดุ 8 แนะนาวธิ ีการเลน่ ทด่ี ี 4.96 0.20 มากทส่ี ุด 9 ความรทู้ ี่ไดร้ ับจากการเลน่ เกม 4.84 0.37 มากทสี่ ุด 10 ประสทิ ธภิ าพของเกมโดยรวม 4.74 0.44 มากที่สุด รวม 4.90 0.13 มากที่สุด N = 50
บทที่ 5 สรุปผลการดาเนนิ งาน / อภปิ รายผลการดาเนินงานการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ การพัฒนาแอปพลิเคช่ันเกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้5.1 การดาเนนิ งานจัดทาโครงงาน5.1.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน1. เพื่อพัฒนาแอปพลเิ คชน่ั เกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา2. เพ่อื ศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังการใช้แอปพลิเคชั่นเกมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ เร่อื ง ศาสตร์พระราชา3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้แอปพลเิ คชั่นเกมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา5.2.2 วสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื หรือโปรแกรมหรือที่ใชใ้ นการพฒั นา 1.1 เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 1.2 โปรแกรมทีใ่ ช้ในการดาเนินงาน ไดแ้ ก่ - โปรแกรม RPG Maker MV - โปรแกรม Construct 2 - โปรแกรม Photo scape - โปรแกรม Google Form - โปรแกรม AVC - โปรแกรม FileZella - โปรแกรม Google Sites 1.3 สมารท์ โฟน 1.4 สมุดบันทึก 5.2 สรปุ ผลการดาเนินงานโครงงาน การศึกษาผลการจัดทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ การพฒั นาแอปพลิเคช่ันเกมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา สามารถสรุปผลการศกึ ษาไดด้ ังนี้ 1. ผลการแสดงความคดิ เห็นของผู้เชีย่ วชาญตอ่ แอปพลเิ คชนั่ เกมเสริมทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา ด้านการออกแบบเกม มีค่าเฉลยี่ 4.62 อยู่ในระดับมากทีส่ ดุ และด้านเนื้อหา มีค่าเฉลีย่ 4.67 อยู่ในระดับมากทีส่ ุด 2. นกั เรียนมีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นระหวา่ งเรยี น คดิ เป็นรอ้ ยละ 82.47 และหลังการใช้แอปพลเิ คชั่นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้ เร่ือง ศาสตร์พระราชา คิดเป็นรอ้ ยละ 80.20 3. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผู้เล่นเกม ผ้เู ล่นมีความพงึ พอใจ มีค่าเฉลี่ย 4.90 อยู่ในระดบั มากท่ีสดุ 5.3 ข้อเสนอแนะ 1. ควรศึกษาและผลิตเกมในกลุ่มสาระอ่ืน ๆ
บรรณานุกรมนริศรา เดชดี. การพัฒนาเกมคอมพิวเตอรฝกทักษะการสังเกตการเขียนคายาก กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย ชวงชัน้ ท่ี 2 วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ, 2550.บุญธรรม กิจปรดี าบริสุทธ.์ิ สถิติวเิ คราะห์เพือ่ การวิจยั . พมิ พ์ครั้งที่ 3. กรงุ เทพฯ : จามจรุ ี โปรดักท,์ 2546.อภิเชษฐ์ ขาวเผอื ก. การพัฒนาเกมการศกึ ษาบนแท็บเล็ตโดยใชเ้ ทคนิคชว่ ยจาเพ่อื ส่งเสริมความคงทนใน การจาคาศพั ท์ภาษาอังกฤษ สาาหรับนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดสะแกงามhttps://www.youtube.com/watch?v=HeDvxJIfuuU&t=4shttps://www.youtube.com/watch?v=7BmLyQhbtjs&t=2shttp://www.tsdf.or.th/th/royally-initiated-projects/
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: