ไอหยุ หมัดชูดชูโรงเรยี นบ้านโต ตาบลแม่หวาด อาเภอธารโต จงั หวัดยะลา สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษายะลา เขต ๓
คำนำ การพฒั นาความสามารถในการอา่ นและการคิดเปน็ เปา้ หมายที่สาคญั ของการศึกษา เน่ืองจากการอา่ นโดยไม่ใช้วิจารณญาณในการพินิจพิเคราะห์ (Critical) หรือไม่พิจารณาแยกแยะ (Analytical)ข้อเทจ็ จรงิ อาจทาให้การอา่ นน้นั รบั ขอ้ มลู หรือสื่อสารผดิ วัตถปุ ระสงค์ แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์มีวัตถุประสงค์ท่ีจะพัฒนาทักษะการอ่านและการคิดวิเคราะห์ให้กับนักเรียนโดยเฉพาะนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ท้ังนี้เพ่ือท่ีจะเป็นพ้ืนฐานในการอ่านในระดับสูงไม่ว่าจะเป็นการอ่านเพ่ือการคิดวิพากษ์ (Critical Thinking) การคิดสังเคราะห์(Synthesis Thinking) และการอ่านเพ่ือพฒั นาความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์ได้นาเนื้อหาที่หลากหลายมาใช้เป็นเน้ือหาที่ยังเป็นปัญหาในการอา่ นของนกั เรยี นในบทเรยี น ทั้งทเ่ี ปน็ ประเดน็ ความสนใจตามเหตุการณ์ปัจจุบัน วัฒนธรรมและประเพณีในท้องถ่ินของนักเรียน และเน้ือหาที่มีการสอดแทรกแง่คิดในการใช้ชีวิตตามวัยของนักเรียนโดยแบ่งออกเป็น ๘ เรื่องด้วยกัน คอื ๑) โคลงโลกนิติ (เน้ือหาทนี่ กั เรยี นมปี ญั หา) ๒) กาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน (เน้ือหาทนี่ กั เรียนมีปัญหา) ๓) ตากใบ (นิทานในท้องถ่ิน) ๔) สุขแสนล้น ทกุ ข์แสนนาน (ใหแ้ ง่คดิ และเตอื นสติ) ๕) ลเิ กฮลู ู (ประเพณีและวัฒนธรรมในท้องถ่นิ ) ๖) ภัยพบิ ัติโลกรอ้ น (ตระหนักถึงความสาคัญของเหตุการณโ์ ลกปจั จุบนั ) ๗) กฎแห่งกรรม (ให้แงค่ ิดและมมุ มองในการปฏิบตั ติ นในชีวิตประจาวัน) ๘) พระอัจฉรยิ ะภาพทางดนตรี (บุคคลสาคญั ) แบบฝึกการอ่านคิดวิเคราะห์อาจไม่นาเสนอเน้ือหาทั้งหมดโดยเฉพาะในส่วนของหลักภาษาต่าง ๆ เพราะมีในหนังสือเรียนและหนังสือต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ได้ใช้แนวคิดต่าง ๆ มาช่วยให้นักเรียนได้เกิดทักษะดังกล่าว ผู้จัดทาขอขอบพระคุณสาหรับทุก ๆ ท่าน รวมทั้งนักเรียนที่มีส่วนให้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์เล่มน้ีสาเร็จลง สิ่งใดที่ไม่เหมาะ ไม่ควรหรือแม้แต่ข้อติชม ผู้จัดทาขอน้อมรับด้วยความยินดี โดยฝากข้อความดังกล่าวผ่านมาท่ี [email protected] ผู้จัดทาจักขอบพระคณุ อยา่ งย่ิง ไอหยุ หมดั ชูดชู
แนวทำงในกำรใช้๑. แนวทำงของครู ๑.๑ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์น้ันครูควรทาความเข้าใจส่วนประกอบของแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทีพ่ ฒั นาการอา่ นคิดวิเคราะหใ์ หเ้ ขา้ ใจ โดยมี ๖ ข้ันตอนดังตอ่ ไปน้ีกาหนดสิ่งที่ กาหนดปัญหา กาหนดตอ้ งวิเคราะห์ หลกั การสรปุ และ ตรวจสอบ พิจารณานาเสนอ โครงสรา้ ง แยกแยะ ๑.๒ บทบาทของครูในการจัดกิจกรรมโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์น้ันควรเป็นลักษณะเคร่ืองช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ (Scaffolding) เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้(Facilitator) และเปน็ ผู้เรียนรรู้ ่วมไปกับนักเรยี น (Learner) ๑.๓ ครูต้องเข้าใจว่าน่ีไม่ใช่การเรียนหลักภาษา จุดเน้นอยู่ที่การอ่านและคิดวิเคราะห์ และการอ่านไม่ใช่อ่านออกเสียง แต่เป็นการอ่านจับใจความ สรุปความ และทาความเข้าใจเกี่ยวกั บบทความหรอื เนือ้ หา ๑.๔ ครูต้องให้ความยตุ ิธรรมและความเป็นธรรมในการวัดและประเมินผลเพื่อให้นักเรียนเกิดทัศนคตทิ ด่ี ตี อ่ การเรยี นรแู้ ละควรใหบ้ รรยากาศเปน็ ไปอย่างผ่อนคลาย
๒. แนวทำงของนักเรียน เพื่อทจี่ ะใหเ้ กิดผลในการอา่ นคิดวเิ คราะห์นน้ั มแี นวทางในการเรยี นรดู้ ังต่อไปน้ี ๒.๑ นักเรียนต้องทาความเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การอ่านสะกดคา แต่เป็นการอ่านเพ่ือทาความเข้าใจ โดยเน้นท่ีการทาความเข้าใจเนื้อหาหรือสารท่ีต้องการสื่อ ดังน้ันถ้านักเรียนไม่สามารถอา่ นคาใดคาหนึ่งได้ควรที่จะขา้ มไปก่อนโดยไมต่ ้องกังวลและมาทาความเข้าใจภายหลัง โดยในแบบฝึกทกั ษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์จะมี “อภธิ านศพั ท์” อยู่ดา้ นหลังใหน้ กั เรียนได้ศกึ ษา ๒.๒ นักเรียนสามารถศึกษาเนื้อหาได้เพิ่มเติม ท้ังจากทางเว็บไซต์ (Web Site) หรือแหล่งเรยี นรู้อน่ื ๆ โดยดไู ดจ้ ากบรรณานุกรม ๒.๓ ขณะท่ีนักเรียนอ่านไม่ควรเคร่งเครียด ควรผ่อนคลายและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคาศัพท์หรอื หลกั ภาษามากนกั ๒.๔ นักเรยี นควรให้เกียรติและเคารพสิทธิของผู้อื่น โดยให้ความร่วมมือ ความช่วยเหลือและเออ้ื เฟือ้ ในขณะดาเนนิ กิจกรรมในชัน้ เรียน ๒.๕ นักเรียนสามารถใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ท้ังในและนอกเวลาเรียน โดยต้องระวงั ไม่ให้เกดิ ความชารุดเสยี หาย ๒.๖ ถ้านักเรียนมีปัญหาและไม่สบายใจใด ๆ ในขณะดาเนินกิจกรรมให้นักเรียนบอกกับครผู ้จู ดั กจิ กรรมการเรียนรไู้ ดท้ ันที
๓. แนวทำงในกำรวดั และประเมนิ ผลกำรอำ่ นคดิ วิเครำะห์ การวัดประเมินผลการอ่านคิดวิเคราะห์นั้นได้แยกออกเป็น ๔ ประเด็นด้วยกัน โดยใช้เกณฑ์การประเมินเชงิ คุณลกั ษณะ (Rubrics) ซง่ึ มรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้หวั ข้อในกำร เกณฑ์กำรประเมนิ เชิงคณุ ลักษณะประเมิน ๔ (ดมี ำก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง)การระบุปัญหา สาม ารถ อ่านแล้ว ระ บุ สามารถอ่านแล้วระบุ สามารถอ่านแล้วระบุ เมื่อนักเรียนอ่านเนื้อ ประเด็น/หัวข้อ/ช่ือเร่ืองที่ ประเด็น/หัวข้อ/ชื่อ ประเด็น/หัวข้อ/ช่ือ เร่อื งแล้วไม่สามารถระบุ สื่อถึงเนื้อหาหรือบทความ เรอื่ งทสี่ ่ือถงึ เนือ้ หาหรือ เรือ่ งท่ีส่ือถึงเนื้อหาหรือ ประเด็น/หัวข้อ/ช่ือเร่ือง ท่ีได้ศึกษา ได้ครบถ้วน บทความท่ีได้ศึกษาได้ บทความที่ไดศ้ กึ ษาได้ ที่ ส่ื อ ถึ ง เ น้ื อ ห า ห รื อ สมบูรณ์ พร้อมให้เหตุผล ครบถ้วนสมบรู ณ์ บทความที่ศกึ ษาได้ ประกอบการแยกแยะ สามารถอ่านแล้วจาแนก ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ไม่ ส า ม า รถ อ่า นแ ล้ ว ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ร ะ บุ จาแนกความแตกต่าง จาแนกความแตกต่าง จาแนกความแตกต่าง ใจความสาคัญเก่ียวกับ ร ะ บุ ใจ ค วา ม ส า คั ญ ร ะ บุ ใ จ ค ว า ม ส า คั ญ ระบุใจความสาคัญจาก ข้ อ มู ล จ า ก เ นื้ อ ห า ไ ด้ เ กี่ ย ว กับ ข้อ มู ล จ า ก เ ก่ี ย ว กั บ ข้ อ มู ล จ า ก เนอ้ื หาท่ศี กึ ษาได้ ถกู ต้องครบถว้ นสมบูรณ์ เน้อื หา ได้ถกู ต้อง เนือ้ หาการเปรียบเทียบ สามารถอ่านแล้วจัดลาดับ ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ไม่ ส า ม า รถอ่า นแ ล้ ว รวบรวมตีความ ให้เหตุผล จั ด ล า ดั บ ร ว บ ร ว ม จั ด ล า ดั บ ร ว บ ร ว ม จั ด ล า ดั บ ร ว บ ร ว ม ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ เ ขี ย น ตี ค ว า ม ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล ตี ค ว า ม ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล ตี ค ว า ม ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล แผนภาพโครงเร่ืองของ ประกอบ และเขียน ประกอบ และเขียน ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ เ ขี ย น ข้ อ มู ล จ า ก เ นื้ อ ห า ไ ด้ แผนภาพโครงเรื่องของ แผนภาพโครงเร่ืองของ แผนภาพโครงเรื่องจาก ถูกตอ้ ง ครบถว้ นสมบูรณ์ ข้อมูลจากเนื้อหาได้ ข้อมลู จากเนื้อหาได้ ข้ อ มู ล จ า ก เ นื้ อ ห า ท่ี ถูกตอ้ ง ศึกษาได้ก า ร เ ช่ื อ ม โ ย ง สามารถอ่านแล้วเชื่อมโยง ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ส า ม า ร ถ อ่ า น แ ล้ ว ไม่ ส า ม า รถ อ่า นแ ล้ วสัมพันธ์ สรุปและนาเสนอเน้อื หาได้ เ ชื่ อ ม โ ย ง ส รุ ป แ ล ะ เ ช่ื อ ม โ ย ง ส รุ ป แ ล ะ เ ชื่ อ ม โ ย ง ส รุ ป แ ล ะ ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ น า เ ส น อ เ น้ื อ ห า ไ ด้ นาเสนอเน้อื หาได้ นาเสนอเน้ือหาจากที่ พร้อมทั้งให้ข้อคิดเห็น ถู ก ต้ อ ง ค ร บ ถ้ ว น ศึกษาได้ ประกอบ สมบรู ณ์ หมำยเหตุ ครูผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้และนักเรียนควรที่จะศึกษาเกณฑ์ดังกล่าวให้ละเอียดเพื่อผลประโยชน์และเกดิ ความสัมฤทธ์ิผลดงั จุดประสงค์ทไี่ ด้ตัง้ ไว้
มำตรฐำนและตวั ชีว้ ัด ในแบบฝึกทักษะการอ่านคดิ วเิ คราะห์ เรื่อง “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” เล่มนี้ได้วิเคราะห์มาตรฐานและตัวชีว้ ัด รวมทั้งสังเคราะหเ์ ป็นจุดประสงค์ในการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปนี้๑. มำตรฐำนและตวั ชี้วดัมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตัวชี้วัดท ๑.๑ การใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และ ๑. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้องความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ เหมาะสมกบั เร่อื งทอ่ี า่ นดาเนนิ ชีวิตและมนี สิ ยั รกั การอา่ น ๒. จบั ใจความสาคัญจากเรื่องท่ีอา่ น ๓. ระบุเหตุและผล และข้อเทจ็ จริงกับขอ้ คดิ เห็นจาก เร่อื งทอ่ี า่ น ๕. ตีความคายากในเอกสารวิชาการ โดยพจิ ารณาจากบริบท ๘. วเิ คราะหค์ ณุ ค่าที่ได้รบั จากการอา่ นงานเขียนอยา่ ง หลากหลายเพื่อนาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ ๙. มีมารยาทในการอ่านท ๓ . ๑ ส า ม า ร ถ เ ลื อ ก ฟั ง แ ล ะ ดู อ ย่ า ง มี ๑. พูดสรุปใจความสาคัญของเรอื่ งที่ฟังและดูวจิ ารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิดและ ๒. เล่าเรอ่ื งย่อจากเรอื่ งทฟ่ี ังและดูความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณ ๕. พูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟังและสรา้ งสรรค์ การดู และการสนทนา ๖. มมี ารยาทในการฟงั การดแู ละการพูดท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ ๓. อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่านวรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า ๔. สรปุ ความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยกุ ต์ในชวี ิตจรงิและนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอา่ นออกเสยี งคาศพั ทเ์ รื่องกาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวานได้ถกู ต้อง ๒.๒ นกั เรียนสามารถอา่ นแล้วระบหุ วั ขอ้ และใจความสาคญั ๒.๓ นักเรียนสามารถอ่านแล้วสรุปเน้ือหาเร่ืองกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานและอธิบายรายละเอียดจากเรอ่ื งทีอ่ ่านได้ถูกตอ้ ง ๒.๔ นกั เรยี นสามารถทาแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์เร่ืองกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานไดถ้ ูกต้องผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ ๒.๕ นกั เรยี นสามารถนาเสนอและสรปุ ใจความสาคญั จากเรือ่ งทอ่ี ่านได้ ๒.๖ นักเรยี นมมี ารยาทในการอ่าน ฟัง การดูและการพูดโดยให้ความร่วมมือ เคารพสิทธิผู้อื่นพร้อมใหค้ วามชว่ ยเหลือและรว่ มมอื ในขณะทากจิ กรรมการเรยี นรทู้ งั้ ใหห้ อ้ งเรยี นและนอกห้องเรียน
แบบทดสอบกำรอ่ำนคิดวเิ ครำะห์กอ่ นเรียน: กำพย์เห่ชมเครื่องคำวหวำนคำชแ้ี จง: ใหน้ กั เรยี นอา่ นคาถามในแต่ละขอ้ ให้ละเอียดแล้วเลอื กข้อท่ีถูกทส่ี ุดเพยี ง ๑ ข้อลงในกระดาษคาตอบ๑. “ความรกั ยักเปลย่ี นท่า ทานา้ ยาอยา่ งแกงขมกลออ่ มกล่อมเกล้ยี งกลม ชมไม่วายคลับคลา้ ยเหน็ ”กาพย์บทนมี้ ชี ื่ออาหารกป่ี ระเภท ก. ๑ ประเภท ข. ๒ ประเภท ค. ๓ ประเภท ง. ๔ ประเภท๒. “ก้อยกงุ้ ปรุงประทน่ิ วางถึงลิน้ ดนิ้ แดโดยรสทพิ ยห์ ยบิ มาโปรย ฤาจะเปรียบเทยี บทันขวัญ”วรรคใดทแี่ สดงถึงวา่ ส่วนประกอบของอาหารยงั มชี วี ติ อยู่ ก. กอ้ ยก้งุ ปรุงประท่ิน ข. วางถงึ ลิ้นด้นิ แดโดย ค. รสทพิ ยห์ ยบิ มาโปรย ง. ฤาจะเปรียบเทยี บทนั ขวญั๓. อาหารในข้อใดไม่เขา้ พวก ก. มสั ม่ัน ข. เทโพ ค. แกงขม ง.หมแู นม๔. ข้อใดตอ่ ไปน้มี คี วามหมายวา่ รสชาติอร่อย ก.รสโอชา ข. รสรอ้ นแรง ค. รสหน่ื หอม ง. รสพเิ ศษ
๕. นักเรยี นได้รับคุณค่าใดในการอ่านกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ก. สามารถนาความรไู้ ปปรงุ อาหารได้ ข. สามารถทาให้ผอู้ ่านอยากรับประทานอาหาร ค. สามารถแยกแยะรสชาตขิ องอาหารในสมัยโบราณได้ ง. มีความรู้เกีย่ วกับวฒั นธรรมดา้ นอาหารการกินของคนไทยสมัยโบราณ๖. จากเนือ้ เรอ่ื งกาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวาน มีจดุ ประสงคเ์ พ่อื สอ่ื ความถึงสงิ่ ใด ก. อาหารทมี่ ีรสอรอ่ ย ข. ผทู้ ช่ี ่นื ชอบอาหาร ค. อาหารท่ีคนส่วนใหญ่ชอบ ง. เสนห่ ข์ องอาหารอันหลากหลาย๗. กาพย์วรรคใดไมม่ กี ารกลา่ วถงึ ผู้หญิง ก. เหมอื นเรียมรา้ งห่างหอ้ งหวน ข. ไมม่ เี ทียบเปรยี บมอื นาง ค. สนทิ เน้ือเจอื เสาวคนธ์ ง. ลา่ เตยี งคดิ เตียงน้อง๘. ขอ้ ใดต่อไปนเ้ี ปน็ ชอ่ื เร่ืองท่ีเหมาะสมทีส่ ุดของกาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน ก. อาหารเลศิ รส ข. อาหารรสอรอ่ ย ค. อาหารฝีมอื นาง ง. อาหารคาวหวาน๙. บทกลอนในขอ้ ใดต่อไปนีไ้ ม่มชี อื่ ของอาหาร ก. รงั นกนึ่งนา่ ซด ข. ลา่ เตียงคิดถงึ น้อง ค. วางจานจดั หลายเหลอื ตรา ง. กลออ่ มกลอ่ มเกล้ียงกลม๑๐.ขอ้ ใดไม่ไดก้ ลา่ วถงึ ในกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน ก. พล่าเนื้อสดมีรสหอม ข. รงั นกน่งึ อรอ่ ยกวา่ อาหารใด ค. หงุ ขา้ วปรุงดว้ ยมันเทศเพ่มิ รสชาติ ง. ตบั ลวกเพมิ่ น้ามะนาวและพริกไทยมีรสชาตทิ ่ีอร่อย
กิจกรรมท่ี ๑ให้นักเรียนอ่านเน้ือหาท่กี าหนดให้แลว้ ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายกบั เพอื่ นในห้อง แล้วเขยี นคาตอบลงในผังมโนทศั น์ตา่ ง ๆ ท่ีกาหนดให้โคลง นพคณุ พเ่ี อย แกงไก่มสั มนั่ เนื้อ เฉียบร้อน พิศวาส หวงั นาหอมย่ีหรา่ รสฉุน อกให้หวนแสวงฯชายใดบริโภคภุญช์แรงอยากยอหัตถ์ข้อนกาพย์ มสั มนั่ แกงแกว้ ตา หอมย่ีหร่ารสร้อนแรงชายใดไดก้ ลนื แกง แรงอยากให้ใฝฝ่ นั หา วางจานจดั หลายเหลอื ตรา ยาใหญใ่ ส่สารพัด ญี่ปนุ่ ล้าย้ายวนใจรสดดี ว้ ยน้าปลา เจอื น้าสม้ โรยพรกิ ไทย ไม่มเี ทียบเปรยี บมือนาง ตบั เหล็กลวกหลอ่ นต้ม พร้อมพริกสดใบทองหลางโอชาจะหาไหน ห่างห่อหวนป่วนใจโหย วางถึงล้นิ ดิน้ แดโดย หมแู นมแหลมเลิศรส ฤาจะเปรยี บเทียบทันขวัญพศิ ห่อเหน็ รางชาง เปน็ มนั ยอ่ งล่องลอยมัน ของสวรรค์เสวยรมย์ กอ้ ยกงุ้ ปรุงประทนิ่ ทา้ น้ายาอย่างแกงขมรสทิพย์หยิบมาโปรย ชมไม่วายคลบั คล้ายเหน็ รสพเิ ศษใส่ลูกเอน็ เทโพพื้นเน้ือท้อง เชน่ เชงิ มิตรประดิษฐ์ทานา่ ซดรสครามครัน แกงคัว่ สม้ ใส่ระก้า ชา้ ทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ความรกั ยกั เปล่ียนท่า ฟงุ้ ปรากฏรสหื่นหอมกลออ่ มกล่อมเกลยี้ งกลม สนทิ เนื้อเจอื เสาวคนธ์ ขา้ วหงุ ปรุงอยา่ งเทศใครหุงปรุงไมเ่ ปน็ เหลือรหู้ มูป่าต้มรอยแจ้งแหง่ ความขา ช้าชา้ พลา่ เนอ้ื สดคดิ ความยามถนอม ~๑~
ลา่ เตยี งคิดเตียงนอ้ ง นอนเตยี งทองท้าเมืองบนลดหลั่นชน้ั ชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน รมุ่ รมุ่ เรา้ คือไฟฟอน เห็นหร่มุ รุมทรวงเศร้า รอ้ นรุมรมุ่ กลมุ้ กลางทรวงเจบ็ ไกลใจอาวรณ์ โอชารสกว่าทั้งปวง เหมอื นเรียมร้างหา่ งหอ้ งหวน รังนกน่งึ น่าซด ดุจวาจากระบิดกระบวนนกพรากจากรงั รวง ใหพ้ เี่ คร่าเจ้าดวงใจ เป็นโฉมนอ้ งฤาโฉมไหน ไตปลาเสแสรง้ วา่ ใคร่ครวญรักผักหวานนางฯใบโศกบอกโศกครวญ ผกั โฉมชอ่ื เพราะพรอ้ งผกั หวานซ่านทรวงใน~๒~
ตอนที่ ๑ ข้ันตอนการสังเกต ระบเุ รอ่ื งหรอื ระบปุ ัญหา(การระบหุ วั ข้อ บง่ ชีส้ งิ่ ตา่ ง ๆ หรือ สว่ นตา่ ง ๆ ทเี่ ป็นองค์ประกอบหลกั ของที่ศกึ ษา)คาสัง่ : ใหน้ ักเรียนระบชุ อ่ื ของอาหารที่พบในเรอ่ื งกาพย์เห่ชมเคร่อื งคาวหวานในบทเรยี นวา่ มีก่ีชนดิ อะไรบ้าง และแตล่ ะชนดิ มเี คร่ืองปรุงอะไรบา้ ง ช่ืออาหาร เคร่อื งปรงุ ~๓~
ตอนที่ ๒ ขั้นการจา้ แนกแยกแยะขอ้ มลู (การน้าส่ิงต่าง ๆ มาแยกเปน็ กลุ่มตามเน้ือหา ท่ไี ดร้ บั )คาส่งั ใหน้ ักเรยี นจ้าแนกประเภทของอาหารไทยและอาหารเทศตามทป่ี รากฏในเรื่องวา่ มี ประเภทใดบา้ งประเภทอาหาร ช่ือของอาหาร แกงตม้ลวกยาอื่น ๆ ~๔~
ตอนท่ี ๓ ข้ันการเปรียบเทียบเพ่ือจดั ระบบขอ้ มูล (การจ้าแนกระบสุ ิง่ ของหรือเหตกุ ารณ์ ตา่ ง ๆ ในส่ิงที่เหมือนกันหรือแตกตา่ งกนั มาจัดกลมุ่ )คาสง่ั ใหน้ ักเรยี นดวู า่ เน้ือหาในกาพย์แห่ชมเครือ่ งคาวหวานในอาหารแต่ละชนิดมลี กั ษณะเด่น ในดา้ นใด ลกั ษณะเด่น ช่ืออาหาร๑. ความไพเราะที่เกิดจากการสรรหาคา้ ที่มีเสียง ไพเราะและการเล่นเสยี ง๒. ใชส้ า้ นวนเปรียบเทียบบ่งบอกความพเิ ศษ ของอาหาร๓. ใช้ค้าเปรยี บเทยี บบ่งบอกความพิเศษ ของอาหารทเ่ี กินค้าพรรณนา๔. สะท้อนวัฒนธรรมการกิน ~๕~
กจิ กรรมที่ ๒ให้นักเรียนสรปุ เนื้อหาทั้งหมดเก่ยี วกบั เน้อื หาลงในตารางสรุปคาสงั่ ใหน้ กั เรียนนา้ เน้ือหาท่ีอยูใ่ นกาพย์แห่ชมเครื่องคาวหวานท้ังหมดมาสรปุ ลงในตารางและตรวจสอบข้อมูลชือ่ อาหาร เครอื่ งปรงุ อาหารประเภท ลกั ษณะเดน่ ~๖~
กจิ กรรมที่ ๓ให้นกั เรยี นเลอื กอาหารท่ีนักเรียนชอบมา ๑ ชนิด แลว้ บอกละเอียดตา่ ง ๆ ลงในผังมโนทศั นท์ ี่ให้สาเหตุทีน่ กั เรยี นชอบ............................. เป็นอาหารประเภทใด.......................................................................................... .......................................................................................................................... .............................................................ชอ่ื อาหาร...............................................รสชาตอิ าหารเป็นอยา่ งไร..................... มีส่วนผสมอะไรบา้ ง....................................................................................... ...................................................... ................................................................................................................... ...................................................... ...................................................... ...................................................... ~๗~
แบบทดสอบการอา่ นคดิ วเิ คราะห์หลงั เรียน : กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวานคาชี้แจง: ให้นกั เรียนอ่านค้าถามในแตล่ ะข้อใหล้ ะเอียดแล้วเลอื กข้อท่ีถูกทส่ี ุดเพยี ง ๑ ข้อลงในกระดาษค้าตอบ๑. จากเนื้อเรื่องกาพย์เหช่ มเครือ่ งคาวหวาน มจี ุดประสงคเ์ พื่อสื่อความถึงสง่ิ ใด ก. ผทู้ ี่ช่นื ชอบอาหาร ข. อาหารท่มี รี สอรอ่ ย ค. อาหารทีค่ นส่วนใหญช่ อบ ง. เสน่หข์ องอาหารอนั หลากหลาย๒. อาหารในข้อใดไมเ่ ขา้ พวก ก. มัสมัน่ ข. เทโพ ค. หมแู นม ง.แกงขม๓. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้มี ีความหมายว่ารสชาตอิ รอ่ ย ก.รสร้อนแรง ข.รสโอชา ค. รสหนื่ หอม ง. รสพเิ ศษ๔. นกั เรยี นไดร้ ับคณุ ค่าใดในการอา่ นกาพย์เห่ชมเครอื่ งคาวหวาน ก. สามารถท้าใหผ้ ู้อ่านอยากรับประทานอาหาร ข.สามารถนา้ ความรู้ไปปรุงอาหารได้ ค. สามารถแยกแยะรสชาติของอาหารในสมัยโบราณได้ ง. มคี วามรูเ้ กีย่ วกบั วัฒนธรรมด้านอาหารการกินของคนไทยสมยั โบราณ๕.บทความในข้อใดต่อไปน้ีไม่มีชอื่ ของอาหาร ก. รงั นกน่ึงน่าซด ข. วางจานจดั หลายเหลอื ตรา ค. กลออ่ มกลอ่ มเกลีย้ งกลม ง. ล่าเตยี งคดิ ถงึ น้อง ~๘~
ใหน้ กั เรยี นอา่ นกาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวานต่อไปนี้แล้วเลือกคา้ ตอบที่ถกู ที่สดุ๖. “ความรกั ยักเปล่ียนทา่ ท้าน้ายาอยา่ งแกงขมกลออ่ มกล่อมเกลยี้ งกลม ชมไมว่ ายคลบั คลา้ ยเห็น”กาพยบ์ ทนมี้ ชี ่อื อาหารก่ีประเภท ก. ๒ ประเภท ข. ๑ ประเภท ค. ๓ ประเภท ง. ๔ ประเภท๗. “ก้อยกงุ้ ปรุงประทนิ่ วางถึงลิ้นดนิ้ แดโดยรสทพิ ยห์ ยบิ มาโปรย ฤาจะเปรียบเทยี บทนั ขวญั ”วรรคใดทแ่ี สดงถึงวา่ ส่วนประกอบของอาหารยงั มีชีวิตอยู่ ก. ก้อยกุ้งปรุงประท่ิน ข. ฤาจะเปรียบเทยี บทันขวญั ค. รสทพิ ย์หยบิ มาโปรย ง. วางถงึ ลิน้ ดน้ิ แดโดย๘.ขอ้ ใดไมไ่ ด้กล่าวถึงในกาพย์เห่ชมเครือ่ งคาวหวาน ก. หุงข้าวปรุงดว้ ยมันเทศเพิ่มรสชาติ ข. รงั นกนึ่งอร่อยกว่าอาหารใด ค.พลา่ เน้ือสดมีรสหอม ง. ตับลวกเพม่ิ น้ามะนาวและพรกิ ไทยมรี สชาตทิ ี่อร่อย๙. กาพย์วรรคใดไม่มีการกล่าวถึงผู้หญิง ก.ลา่ เตยี งคิดเตียงน้อง ข. เหมือนเรยี มรา้ งหา่ งหอ้ งหวน ค. สนิทเนือ้ เจือเสาวคนธ์ ง. ไมม่ เี ทียบเปรียบมอื นาง๑๐.ข้อใดตอ่ ไปนี้เปน็ ช่ือเรื่องทีเ่ หมาะสมท่ีสุดของกาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน ก. อาหารรสอร่อย ข. อาหารเลิศรส ค. อาหารฝีมอื นาง ง. อาหารคาวหวาน ~๙~
บรรณานกุ รมกระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๓). หนงั สอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษา ปีที่ ๑ : วิวิธภาษา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๓). หนงั สอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดวี จิ กั ษ์. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.จุฬาลกั ษณ์ ดอกเขม็ . (๒๕๕๐). ผลสัมฤทธิแ์ ละทกั ษะการอ่านเชงิ วิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทยของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ด้วยรปู แบบการสอนแบบรว่ มมือกันเรยี นรู้ (เทคนคิ STAD). วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม.) (หลักสตู รและการสอน). ขอนแกน่ : บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น.ปรางทอง แกว้ หลา่ ยูง อศิ เรศ พพิ ฒั น์มงคลพร และ สถาพร ขันโต. (เมษายน – มิถนุ ายน ๒๕๔๙). รายงานการวจิ ัย เรื่อง การพัฒนากจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เพือ่ สร้างความเข้าใจและแรงจูงใจในการอ่านของนกั เรียน ช่วงช้ันที่ ๓(ชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒), วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . ๒๖ (๒) : ๖๗ – ๗๖.ฟองจันทร์ สุขย่ิง กลั ยา สหชาตโิ กสยี ์ ศรีวรรณ ชอ้ ยหิรญั ภาสกร เกดิ ออ่ น ระวีวรรณ อนิ ทรประพันธ์. (ม.ป.ป.). หนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน : ภาษาไทย วรรณคดี และวรรณกรรม. กรงุ เทพฯ : บริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จา้ กัด.ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๖). พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๒. กรงุ เทพฯ : นานมบี ุ๊คสพ์ บั ลเิ คช่นั ส์.โรงเรียนบ้านโต. (๒๕๕๒). หลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย พุทธศักราช ๒๕๕๒ (ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑). ยะลา : สา้ นักงานเขตพนื้ ที่การศึกษายะลา เขต ๓.สารยี ์ เจริญจติ และ คณะ. (มิถุนายน ๒๕๔๖). “การสรา้ งแบบทดสอบวินจิ ฉัยการอ่านจบั ใจความส้าหรบั นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๔อ้าเภอปราสาท จังหวัดสรุ ินทร์”, วารสารวิจัย มข. (บศ.). ปีที่ ๓ (๑) : ๗๖ – ๘๓. ~ ๑๐ ~
อภธิ านศัพท์คาท่ี คาศัพท์ ความหมาย ๑ กล ๒ กลอ่ มเกล้ยี งกลม เหมือน ๓ กอ้ ย รสกลมกลอ่ ม ๔ แกงขม อาหารชนิดหน่ึงคล้ายพลา่ ท้าจากเน้ือ ปลา หรือก้งุ ที่ดิบ เครือ่ งผักต้ม เช่น มะระ ผกั บุ้ง เปน็ ต้น หั่นเปน็ ช้ินเล็ก ๆ ส้าหรบั ๕ แกงคัว่ สม้ รบั ประทานกับขนมจีนน้ายา ๖ ความขา้ แกงทป่ี รงุ น้าพริกคล้ายแกงส้มแตใ่ สก่ ะทิ ๗ เคร่า ความลับ ในท่ีนหี้ มายถึง ความลบั ระหวา่ งกวกี บั นาง ๘ ช้าช้า คอย ๙ เช่นเชงิ มติ ร คอื ค้าว่า ชะชา้ เป็นคา้ อุทานแสดงความดใี จ แปลกใจ เหมือนกับทนี่ างต้ังใจท้า ประดิษฐ์ท้า ใจ๑๐ แด ค้าทใ่ี ช้เรียกม้ามของหมู๑๑ ตับเหลก็ เนอ้ื ที่เป็นกอ้ นอยใู่ นกระเพาะปลาบางชนดิ เชน่ ปลาทู เป็นต้น๑๒ ไตปลา ชอ่ื ปลานา้ จดื ชนิดหนึง่ ไม่มเี กล็ด๑๓ เทโพ นอน๑๔ นิทร เครื่องหอม๑๕ ประทิน พดู ถงึ๑๖ พรอ้ ง อาหารยา้ ท่ีใชเ้ นื้อสตั ว์สด ๆ ปรุงรสดว้ ยน้ามะนาว น้าปลา พรกิ๑๗ พล่า และใสต่ ะไคร้หน่ั ฝอย ใบสะระแหน่ เปน็ ตน้ ไพเราะ๑๘ เพราะ กองไฟท่ีดบั แลว้ แต่ยงั มีความร้อนระอุอยู่๑๙ ไฟฟอน รบั ประทาน๒๐ ภญุ ช์ แกงชนดิ หน่งึ ปรุงดว้ ยเคร่ืองเทศ๒๑ มัสมนั่ ฝีมอื นาง๒๒ มือนาง เมอื งฟ้า เมืองสวรรค์ หรอื บางแหง่ วา่ เมอื งเหนอื๒๓ เมืองบน อาหารยา้ แบบไทย๒๔ ย้าใหญ่ เครือ่ งเทศชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอมฉุน๒๕ ยีห่ รา่ ~ ๑๑ ~
๒๖ รงั นก รงั นกนางแอ่นท้าดว้ ยน้าลายนกทข่ี ยอกออกมาจากลา้ คอ๒๗ รางชาง สวยงามเดน่๒๘ ลดหลนั่ ชั้นชอบกล มีลวดลายเป็นช้ัน ๆ อย่างสวยงาม๒๙ ลา่ เตยี ง อาหารวา่ งทา้ ด้วยไข่โรยเป็นฝอยบนกระทะ แล้วห้มุ ไส้ทที่ ้าดว้ ยกุ้ง สบั ปรงุ รส พับห่อเป็นชิน้ ส่เี หลย่ี มพอค้า บางแห่งเรียกวา่ หรมุ่๓๐ ลูกเอ็น หรือลูกเฮล็ คือ ลกู กระวาน เปน็ เครื่องเทศชนิดหน่งึ มีกลิ่นเป็น เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ๓๑ แสรง้ ว่า “ไตปลาเสแสรง้ ว่า” หมายถึง อาหารชนิดหนึ่งทเี่ ปน็ เครื่องจิม้ ที่ ตั้งใจท้าแทนไตปลาโดยใช้เน้ือปลายา่ งแทนไสป้ ลา ปจั จบุ ันท้าด้วย กงุ้ กม็ ี โดยมลี ักษณะเป็นอาหารประเภทย้า โดยนา้ กงุ้ ย่างไฟ ปอก เปลือกแลว้ เอาเส้นด้าท่ีหลงั ออก ใส่น้ามะนาว เกลือป่น เคล้าให้ เข้ากัน โรยตะไคร้ หวั หอม ขงิ อ่อนซอย ต้นหอม ผกั ชี พรกิ แดง พรกิ เหลือง รบั ประทานพร้อมผัก แตงกวา มะเขือ๓๒ หมูแนม อาหารวา่ ง ท้าดว้ ยเนื้อหมแู ละข้าวคว่ั โม่๓๓ หรมุ่ ช่อื อาหารอยา่ งหนง่ึ ไส้ทา้ ดว้ ยหมูหั่นเป็นช้ินเลก็ ๆ ผัดกับถั่วลสิ ง หัวหอมและเคร่อื งปรุง หอ่ ด้วยไข่ โรยฝอยขนาดพอดีคา้ (ล่าเตยี ง)๓๔ หื่นหอม หอมมากจนเรา้ อารมณ์๓๕ เหลือตรา เหลอื ที่จะพรรณนาหรือคะเนนบั๓๖ อ่อม แกงชนิดหนงึ่ คล้ายแกงคว่ั แต่ไม่ใสม่ ะระ มักแกงกับปลาดุก ~ ๑๒ ~
กิจกรรมท่ี ๑ แนวทางในการตอบ ๑. ตอนที่ ๑ เครือ่ งปรุง ชอ่ื อาหาร เนอื้ ไก่ ยห่ี รา่ นา้ ปลา๑. มสั ม่ันเน้ือไก่ น้าสม้ พริกไทย ม้ามของหมู๒. ยา้ ใหญ่ เน้ือหมู ขา้ วคว่ั พริกสด ใบทองหลาง๓. ตบั เหลก็ ลวก -๔. หมแู นม -๕. ก้อยกุ้ง ปลาดกุ๖. เทโพ -๗. แกงออ่ ม ขา้ ว ลูกเอน็๘. น้ายา -๙. ขา้ วหุง หมปู ่า ระก้า๑๐. หมปู า่ ตม้ -๑๑. แกงคว่ั สม้ เนือ้ หมู ถว่ั ลสิ ง หัวหอม ไข่ เครอื่ งปรุง๑๒. พลา่ เน้ือสด รังนกนางแอ่น๑๓. ลา่ เตยี ง/หร่มุ -๑๔. รงั นก เนื้อปลา หรอื กงุ้ มะนาว ตะไคร้ หัวหอม ตน้ หอม ผักชี พริก๑๕. ไตปลา๑๖. แสร้งวา่ ๒. ตอนที่ ๒ ชอื่ ของอาหาร ประเภทอาหาร มัสมั่น เทโพ นา้ ยา อ่อม ไตปลา แกงค่วั สม้แกง หมปู า่ ต้มตม้ ตับเหล็กลวกลวก ย้าใหญ่ หมแู นม ก้อยกุ้ง พล่าเน้อื แสรง้ ว่ายา้ ขา้ วหงุ เครื่องเทศ ลา่ เตยี ง หรุม่ รังนกอ่นื ๆ ~ ๑๓ ~
๓. ตอนที่ ๓ ชอื่ อาหาร ตวั อย่างกาพย์ฯ ลักษณะเดน่ หรมุ่ เห็นหรมุ่ รมุ ทรวงเศรา้ รุม่ รมุ่ เร้าคอื ไฟฟอน๑. ความไพเราะทเ่ี กิดจากการ เจบ็ ไกลใจอาวรณ์ รอ้ นรมุ รมุ่ กลมุ้ กลางทรวงสรรหาค้า กอ้ ยกุ้ง กอ้ ยกงุ้ ปรุงประท่นิ วางถงึ ลน้ิ ด้นิ แดโดย๒. ใช้สา้ นวนเปรยี บเทยี บบ่ง รสทพิ ย์หยบิ มาโปรย ฤาจะเปรยี บเทยี บทนั ขวัญบอกความพิเศษของอาหาร โคลงทีส่ ะทอ้ นวัฒนธรรมการท้าอาหาร การจดั วาง สสี ัน และรปู ลักษณ์ของ๓. ใชค้ า้ เปรยี บเทยี บบ่งบอกความพิเศษของอาหารท่ีเกนิพรรณนา๔. สะท้อนวัฒนธรรมการกนิ อาหาร เช่นยา้ ใหญ่ หรมุ่ ย้าใหญ่ ยาใหญใ่ สส่ ารพัด วางจานจดั หลายเหลอื ตรา รสดดี ว้ ยน้าปลา ญป่ี ุน่ ล้ายา้ ยวนใจกจิ กรรมท่ี ๒ สรปุ จากกจิ กรรมที่ ๑กิจกรรมท่ี ๓ ตามวจิ ารณญาณของครู โดยใชเ้ กณฑ์คุณภาพเกีย่ วกับ “การระบุปัญหา” “การจา้ แนกแยกแยะ” “การเปรยี บเทียบ” และ “การเชื่อมโยง” แบบทดสอบวัดการอา่ นคิดวิเคราะห์ กอ่ นเรยี น หลังเรยี นขอ้ ที่ คาตอบ ข้อที่ คาตอบ ๑ข ๑ง ๒ข ๒ค ๓ง ๓ข ๔ก ๔ง ๕ง ๕ข ๖ง ๖ก ๗ค ๗ง ๘ก ๘ก ๙ค ๙ค ๑๐ ค ๑๐ ข ~ ๑๔ ~
แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ สาหรบั นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เลม่ ท่ี ๒ เรอื่ ง“กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวาน” โดย ไอหยุ หมดั ชูดชูเกยี่ วกับผ้แู ตง่ชือ่ นายไอหยุ หมดั ชดู ชูการศกึ ษา ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ (ศษ.ม.) การบริหารการศึกษา ครศุ าสตรบณั ฑิต (คบ.) ภาษาไทยตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการสถานท่ีทางาน โรงเรยี นบ้านโต ตาบลแมห่ วาด อาเภอธารโต จงั หวัดยะลา สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต ๓ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รม นายไอหยุ หมัดชดู ชู ๑. แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านคิดวเิ คราะห์ สาหรับนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เล่มท่ี ๒ เร่อื ง “กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวาน” (ช่ือเร่ือง) ๒.พมิ พ์ครั้งท่ี ๒ ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พมิ พ์ท่ี โรงเรียนบา้ นโต ตาบลแม่หวาด อาเภอธารโต จงั หวดั ยะลา สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษายะลา เขต ๓ภาพประกอบ โดย นายไอหยุ หมดั ชดู ชู ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการ โรงเรียนบา้ นโต สงั กดั สานักงาน เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษายะลา เขต ๓ท่ปี รึกษา ๑.นายประสิทธ์ิ จินากลุ ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านโต ๒.นางอรวรรณ เรอื งหริ ญั ตาแหนง ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นใหม่ (วันครู ๒๕๐๓) ๓.นายวชั ระ จันทรัตน์ ตาแหน่ง ศึกษานิเทศก์ สพป ยะลา.๓ ( วัดผล ) ๔.นางสาวสรุ างค์ ศกุ รวรรณ ตาแหน่ง ครูชานาญการพิเศษ ( ภาษาไทย ) ๕.นางสขุ ศริ ิ ทกั ษะกวนิ ตาแหนง ครูชานาญการพิเศษ ( ภาษาไทย ) ติดตอ่ : โรงเรียนบา้ นโต อาเภอธารโต จังหวัดยะลา ๙๕๑๗๐ Email : [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: