Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพยาบาลผู้ป่วยยาเสพติด10มิย57

การพยาบาลผู้ป่วยยาเสพติด10มิย57

Published by podpod.t, 2019-07-31 00:41:43

Description: การพยาบาลผู้ป่วยยาเสพติด10มิย57

Search

Read the Text Version

การพยาบาลผู้ป่ วยผู้ตดิ สารเสพตดิ (Substance-related disorders) ดร.ฐิตวนั ต์ หงษ์กิตตยิ านนท์ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้:เมื่อจบการเรียนการสอนแล้วนกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายสารเสพตดิ และปัจจยั ที่ทาให้ใช้สารเสพตดิ 2. ให้การพยาบาลผ้ตู ดิ สารเสพตดิ แตล่ ะระยะได้ องค์การอนามยั โลก ให้นิยามของภาวะการตดิ สารเสพติด หมายถงึ ภาวะผดิ ปกตทิ างด้านพฤตกิ รรม สตปิ ัญญา ความคดิ อา่ น และระบบสรีระร่างกาย ซงึ่ เกิดภายหลงั จากการใช้สารเสพตดิ ซา้ ๆ และมีอาการ 1. มีความต้องการอยา่ งรุนแรงท่ีจะใช้สารตวั นนั้ ๆ 2. มีความยากลาบาก ในการควบคมุ การใช้ทงั้ ปริมาณ และความถ่ี 3. ยงั คงใช้สารนนั้ ตอ่ ไปทงั้ ๆที่รู้วา่ จะเป็นอนั ตรายตอ่ ร่างกาย 4. หมกมนุ่ อย่กู บั การใช้สารเสพตดิ มากกวา่ การทากิจกรรมอ่ืนท่ีสาคญั กวา่ 5. มีอาการดือ้ ยา คือ ต้องเพิม่ ปริมาณการใช้เพมิ่ ให้ได้ผลเทา่ เดมิ 6. เม่ือหยดุ ใช้ยาจะเกิดอาการขาดยา หรืออยากยาทางร่างกาย( Physical Withdrawal Stage ) สารเสพตดิ หมายถึง ส่งิ ที่เสพเข้าไปในร่างกายแล้วทาให้ร่างกายต้องการสารนนั้ ในปริมาณที่เพม่ิ ขนึ ้ ไม่ สามารถหยดุ ได้ มีผลทาให้ร่างกายทรุดโทรมและสภาวะจติ ผดิ ปกติ Substance abuse การใช้สารเสพตดิ ให้โทษ คือ การใช้สารเสพตดิ จนเกิดโทษตอ่ ร่างกาย จิตใจ สงั คม Substance Dependencedการตดิ สารเสพตดิ หมายถึง การที่บคุ คลเสพยาหรือพงึ่ พาสารเสพตดิ จนเกิด ภาวะตดิ ทางกาย คอื มีอาการทนยา ต้องการใช้ยาเพม่ิ มากขนึ ้ ใช้นานขนึ ้ และเมื่อร่างกายขาดยาจะเกิด ภาวะ withdrawal syndrome ดงั ตารางเปรียบเทียบด้านลา่ ง ตารางเปรียบเทียบ Substance dependenceและ Substance abuse • Tolerance Arrest ถกู จบั กมุ มีปัญหาทางกฎหมาย BU - Bussiness worse • Withdrawal S - Social problemsยงั คงใช้สารนนั้ อยแู่ ม้ มี • ใช้สารปริมาณมาก /ยาวนาน • ต้องการสารตลอดเวลา ปัญหาทางด้านสงั คม เชน่ ทะเลาะกบั คสู่ มรส • Time spend E - Excessively risk มีการใช้สารเป็นประจาแม้ • Social function ลดลง ในสถานการณ์ที่อาจก่ออนั ตรายตอ่ ร่างกาย เชน่ ขบั • ยงั คงใช้สารนนั้ แม้จะเกิดปัญหา รถ ทางานเกี่ยวกบั เคร่ืองจกั ร (1/4) ร่างกาย/จิตใจ ( 3/7) 1

ETIOLOGY: Biological factors 1.Genetic factors: Family Studies : อตั ราการตดิ สรุ าในบดิ า มารดา พ่ี น้อง และบตุ รของผ้ทู ่ีเสพตดิ สรุ าจะสงู กวา่ คนทวั่ ไป ถงึ 3-5 เทา่ Twin Studies : มีโอกาสเป็นได้ถงึ ร้อยละ 80 2.Brain transmitters: Neurotransmitter Receptor Reward Circuit Brain reward circuit ( mesolimbic dopamine system ) • ในระบบประสาทสว่ นกลางมีสว่ นที่ทาหน้าท่ีรับรู้เกี่ยวกบั อารมณ์และความรู้สึกเป็นสขุ • สาหรับนโิ คตนิ หลงั ผา่ นเข้าสสู่ มองแล้วจะเข้าจบั กบั ตวั รับ คือ Nicotinic receptor ใน Brain reward circuit • เป็นผลให้มีการหลงั่ สารสื่อประสาท ซงึ่ ทาให้ผ้เู สพเกิดความพงึ พอใจ ดงั รูปภาพด้านลา่ ง 2

ปัจจัยท่สี ่งเสริมให้มีการใช้สารเสพตดิ ที่สาคญั ได้แก่ 1. ความต้องการฤทธิ์อนั พงึ ประสงคข์ องยาเสพติด เชน่ คนที่ดืม่ เหล้าก็ต้องการให้เกิดอารมณ์ ครืน้ เครง (euphoria) ยาเสพติดชนิดร้ายแรงสามารถทาให้เกิดความรู้สกึ เป็นสขุ เคลบิ เคลมิ ้ มากกวา่ ปกตใิ นบรรดา สารเสพตดิ ทงั้ หลาย เฮโรอีนเป็นสารท่ีทาให้เกิดความรู้สกึ เป็นสขุ เคลบิ เคลมิ ้ มากที่สดุ เพราะเป็นสารท่ี ร้ายแรงท่ีสดุ ในกลมุ่ สารท่ีทาจากฝิ่ น ในทางการแพทย์มีท่ีใช้คือ ใช้มอร์ฟี นเป็ นยาแก้ปวดในผ้ปู ่ วยที่มีอาการ ปวดรุนแรง เชน่ หลงั ผา่ ตดั หรืออาการวดจากมะเร็งระยะท้ายๆ 2. บคุ ลิกภาพของผ้ตู ดิ สารเสพตดิ พืน้ ฐานทางจติ ใจของแตล่ ะบคุ คล เป็นปัจจยั ท่ีหนง่ึ ท่ีทาให้ บคุ คลหนั ไป พงึ่ พายาเสพตดิ ตวั อยา่ งในกลมุ่ คนที่ดื่มสรุ า บางคนดม่ื เพียงเล็กน้อยโดยสามารถมีสติ พอท่ีจะหยดุ ด่ืม หรือผอ่ นลงเม่ือรู้วา่ ควรหยดุ ในขณะที่ผ้ตู ิดสรุ าจะดื่มจนครองสตไิ มไ่ ด้ และรู้สกึ วา่ ถ้าไมไ่ ด้ดืม่ ถึงขีดนนั้ ก็อยา่ ด่ืมเสียดีกวา่ ผ้ทู ่ีตดิ ยาเสพติดมกั มีพืน้ ฐานจิตใจที่ออ่ นแอ ขาดความมน่ั คง ในบคุ ลิกภาพ มีความต้องการ พงึ่ พงิ ผ้อู ื่นสงู มีวฒุ ภิ าวะต่า ขาดความรับผิดอบ และพยายามเลี่ยงปัญหาท่ีต้องเผชิญโดยการใช้ความมนึ เมาเป็นข้ออ้าง บางคนมีอาการซมึ เศร้าแล้วหนั ไปดม่ื สรุ า เม่ือรักษาอาการซมึ เศร้าแล้วก็เลกิ ดมื่ สรุ าได้ บาง รายป่ วยเป็นโรคจติ อยแู่ ล้ว และยงั ใช้ยาเสพตดิ อีก เม่ือเกิดอาการทางจิตขนึ ้ ทาให้แยกยากวา่ เกิดอาการ จากสาเหตใุ ดแน่ สาเหตขุ องความบกพร่องทางจิตใจของผ้ตู ดิ ยาเสพตดิ เก่ียวข้องกบั พืน้ ฐานครอบครัว และการเลีย้ งดวู ยั เดก็ เชน่ มีครอบครัวที่แตกแยก, ขาดความรักความเข้าใจ, สมั พนั ธภาพในครอบครัวไมด่ ี มีชีวติ ที่อ้างวา่ หว้าเหว่, ขาดท่ีพงึ่ ทางใจหรือถกู กดดนั คาดหวงั มากเกินไปจนไมส่ ามารถทนได้ 3

3.พฤตกิ รรมการเลียนแบบ เป็นปัจจยั ท่ีเกี่ยวข้องกบั บคุ ลิกภาพ คา่ นิยมของสงั คมและวฒั นธรรม กลมุ่ คนท่ี มีพฤตกิ รรมเลียนแบบคนอ่ืนได้งา่ ยได้แกเดก็ และคนที่ขาดเอกลกั ษณ์ของตนเอง หรือคนท่ีไมม่ ีจดุ ยืนนน่ั เอง วยั รุ่นเป็ นวยั ท่ีมีการเลียนแบบเพื่อนได้ง่าย และกลวั วา่ ตนเองจะแปลกแยก จากกลมุ่ เพ่ือนจงึ มกั ทาอะไร ตามเพื่อนและอาจถกู ชกั จงู ได้งา่ ย ประกอบกบั วยั รุ่นมีความว้าวนุ่ สบั สนทางจิตได้มาก จงึ พบวา่ ยาเสพตดิ แพร่หลายไปได้ง่ายในหมวู่ ยั รุ่น เราจงึ พบวา่ คนท่ีใช้สารเสพตดิ สว่ นหนงึ่ เริ่มต้นจากการเลียนแบบเชน่ เริ่ม สบู บหุ ร่ี 4. ความยากงา่ ยในการเข้าถึงสารเสพตดิ สถานที่ท่ีมียาเสพตดิ ซือ้ หาง่ายราคาถกู ยอ่ มมีการระบาดได้ง่าย ทาให้การระบาดของสารเสพตดิ เป็นปัญหาทกุ ประเทศในโลกท่ีต้องเผชญิ ละไมม่ ีทา่ วา่ จะหมดไป ไมว่ า่ ประเทศเหล่านนั้ จะมีเทคโนโลยี ก้าวหน้าเพียงใดก็ตาม การแก้ปัญหาเสพติดต้องแก้ ทกุ สาเหตไุ ปพร้อมๆ กนั การสง่ เสริมครอบครัว ชว่ ยให้เดก็ มีคณุ ภาพจิตดีมีพืน้ ฐานทางจิตใจท่ีมนั่ คงและสามารถปฏิเสธสารเสพ ตดิ ได้ ไมย่ อมให้ใครมาชกั จงู ได้โดยง่าย สาเหตุของการตดิ ยาเสพตดิ 1. ความอยากรู้อยากลองด้วยความคกึ คะนอง 2. เพ่ือนชวน หรือต้องการให้เป็นท่ียอมรับจากกลมุ่ เพ่ือน 3. มีความเชื่อในทางที่ผิด เชน่ เช่ือวา่ ยาเสพติดบางชนดิ อาจชว่ ยให้สบายใจ ลืมความทกุ ข์หรือชว่ ยให้ ทางานได้มากๆ 4. ขาดความระมดั ระวงั ในการใช้ยาบางชนดิ อาจทาให้ผ้ยู าเกิดการเสพติดได้โดยไมร่ ู้ตวั หากใช้ยาอย่าง พร่าเพื่อหรือใช้ตดิ ตอ่ กนั เป็ นเวลานานขาดการแนะนาจาก แพทย์ หรือ เภสชั กร 5. สภาพแวดล้อม ถิ่นที่อยอู่ าศยั มีการค้ายาเสพตดิ หรือมี ผ้ตู ดิ ยาเสพตดิ 6. ถกู หลอกให้ใช้ยาเสพตดิ โดยรู้เทา่ ไมถ่ งึ การณ์ 7. คบเพ่ือนใช้สารเสพตดิ หรือใช้สารเพ่ือหนีปัญหา เมื่อมีปัญหาแล้วไมส่ ามารถแก้ปัญหาให้กบั ตวั เอง ประเภทของยาเสพตดิ จาแนกตามการออกฤทธ์ิต่อระบบประสาท แบ่งเป็ น 4 ประเภท 1. ประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟี น เฮโรอีน ยานอนหลบั ยาระงบั ประสาท ยากล่อมประสาทเคร่ืองด่มื 4

มนึ เมาทกุ ชนิด เชน่ สรุ าหรือเหล้า รวมทงั้ สารระเหย เชน่ ทินเนอร์ แล็กเกอร์ นา้ มนั เบนซนิ กาว เป็นต้น มกั พบวา่ ผ้เู สพติดมี ร่างกายซูบซีด ผอมเหลือง ออ่ นเพลีย ฟ้ งุ ซา่ น อารมณ์ เปล่ียนแปลงง่าย • ตัวอย่าง ระดบั แอลกอฮอล์ที่ถกู จบั คือ มากกวา่ 50 มก.ตอ่ ดล. • ระดบั ตา่ 30-100 มก.ตอ่ ดล. รู้สกึ ร่าเริง คกึ คกั และความวติ กกงั วลลดลง • ระดบั 100 - 250 มก.ตอ่ ดล. ทาให้พดู ไมช่ ดั เจน เดนิ เซ การประสานงานระหวา่ งสายตา สมอง และการกระทาเริ่มผิดพลาด การตดั สนิ ใจบกพร่อง มองเห็นภาพ ไมช่ ดั ภาพซ้อน • ระดบั 250 - 400 มก.ตอ่ ดล. หมดสติ ระดบั แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดท่ีเพ่ิมขนึ ้ ทาให้เกิดAlcohol Intoxication ภาวะมนึ เมาจากแอลกอฮอล์ มีกลนิ่ แอลกอฮอล์ อาการเดนิ เซ มองเหน็ ภาพ ไมช่ ดั ภาพซ้อน ระดบั แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดสงู หมดสติ 2. ประเภทกระต้นุ ประสาท ได้แก่ ยาบ้า ยาอี กระทอ่ ม โคเคน มกั พบวา่ ผ้เู สพตดิ จะมีอาการ หงดุ หงิด กระวน กระวาย จิตสบั สนหวาดระแวง บางครัง้ มีอาการคล้มุ คลง่ั หรือทาในสง่ิ ท่ีคนปกติ ไมก่ ล้าทา เชน่ ทาร้ายตนเอง หรือฆา่ ผ้อู ่ืน เป็นต้น นอกจากนีม้ ีประเภทกระต้นุ และมีสารนโิ คตนิ ที่ทาให้ตดิ เชน่ บหุ ร่ีหรือ ผลิตภณั ฑ์ยาสบู 3. ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี และ เหด็ ขีค้ วาย เป็นต้น ผ้เู สพตดิ จะมีอาการประสาทหลอน ฝันเฟ่ื อง เหน็ แสงสีวิจิตรพสิ ดาร หแู วว่ ได้ยินเสียง ประหลาดหรือเห็นภาพหลอนที่นา่ เกลียดนา่ กลวั ควบคมุ ตนเองไมไ่ ด้ ใน ที่สดุ มกั ป่ วยเป็ น โรคจิต 4. ประเภทออกฤทธ์ิผสมผสาน คือทงั้ กระต้นุ กดและหลอนประสาทร่วมกนั ได้แก่ ผ้เู สพตดิ มกั มี อาการ หวาดระแวง ความคดิ สบั สนเห็นภาพลวงตา หแู ว่ว ควบคมุ ตนเองไมไ่ ด้และป่ วยเป็นโรคจติ ได้ ลกั ษณะของผ้ทู ่ีตดิ สารเสพติด 1. ร่างกายทรุดโทรม ซบู ผอม เหลือง ออ่ นเพลีย 2. อารมณ์ฉนุ เฉียว หรือเงียบขรึมผดิ ปกติ จงึ มกั พบผ้เู สพตดิ ชอบทะเลาะววิ าทหรือทาร้ายผ้อู ่ืนหรือในทางกลบั กนั บางคนอาจชอบแยกตวั อยคู่ นเดยี วและหนีอกจากสงั คม 3. ถ้าผ้เู สพเป็นนกั เรียน มกั พบวา่ ผลการเรียนแยล่ ง สว่ นคนทางาน มกั พบวา่ ประสิทธิภาพในการทางานลดลง หรือยอมไมท่ างานเลย 4. ใสเ่ สือ้ แขนยาวตลอดเวลาเพ่ือปกปิ ดรอยเขม็ ฉีดยาตรงแขนด้านในหรือรอยกรีดตรงต้นแขนด้านใน 5. ตดิ ตอ่ กบั เพ่ือนแปลกๆใหมๆ่ ซง่ึ มีพฤตกิ รรมผดิ ปกติ 6. ขอเงินจากผ้ปู กครองเพม่ิ หรือยืมเงินจากเพื่อนฝงู สมอเพ่ือนาไปซือ้ ยาเสพติด 5

กระบวนการพยาบาลให้การพยาบาลผู้ตดิ สารเสพติด 1. การรวบรวมข้อมลู มีเป้ าหมายเชน่ เดียวกบั การให้พยาบาลจิตเวชในกลมุ่ อื่น ข้อมลู ที่ควรรวบรวม ได้แก่ 1.1 ชนิดของสารเสพตดิ ที่ผ้ปู ่ วยเคยใช้ และก่อนใช้ท่ีจะมาขอรับการรักษาครัง้ นี ้ 1.2 วิธีการนาสารเข้าสรู่ ่างกาย เชน่ การดม การสดู การกิน การฉีด 1.3 ปริมาณสารเสพติดท่ีใช้ในแตล่ ะครัง้ 1.4 ระยะเวลา ความถ่ีในการใช้สารและหลงั สดุ ผ้ปู ่ วยใช้สารเสพตดิ เมื่อไหร่ 1.5 สภาพการณ์ท่ีผ้ปู ่ วยต้องใช้สารเสพตดิ นนั้ ๆ 1.6 ประสบการณ์ที่เกี่ยวกบั อาการตา่ งๆทางร่างกายและจิตใจ 2. อาการและอาการแสดงในภาวะฉกุ เฉิน นอกจากความรู้เก่ียวกบั ฤทธิ์ของสารเสพตดิ ในแตล่ ะกลมุ่ แล้วพยาบาล ท่ีเก่ียวกบั ผ้ปู ่ วยสารเสพตดิ ต้องสามารถให้การชว่ ยเหลือโดยดว่ น ไมเ่ ชน่ นนั้ ผ้ปู ่ วยอาจมีอนั ตรายถงึ ชีวิตได้ เมื่อ ผ้ปู ่ วยเกิดอาการเป็นพิษหรือเม่ือขาดสาร 3. ข้อมลู ตามแผนสขุ ภาพ ผ้ใู ช้สารเสพตดิ สว่ นมากหลีกเลี่ยงการให้ข้อมลู อย่างตรงไปตรงมา มกั ไมบ่ อกปัญหาท่ี แท้จริงจนเอง ดงั นนั้ อาจต้องให้การรวบรวมข้อมลู ที่นา่ เชื่อถือของตวั ผ้ปู ่ วยมากขนึ ้ 4. การปฏิบตั กิ ารพยาบาล ในผ้ปู ่ วยกล่มุ นีต้ ้องใช้เวลานาน โดยเร่ิมจากขนั้ ถอนพษิ สารเสพตดิ ไปจนกระทง่ั ผ้ปู ่ วย หยดุ ใช้ ซงึ่ พยาบาลจิตเวชควรมีเป้ าหมายในการชว่ ยเหลือ ดงั นี ้ 4.1 เป้ าหมายในระยะสัน้ (short-term objectives) -ชว่ ยเหลือผ้ปู ่ วยให้ได้รับความปลอดภยั และได้รับการดแู ลขณะถอนพิษสารเสพตดิ -ประเมนิ อาการจากการเจ็บป่ วยทางกาย ซง่ึ ต้องการได้รับการชว่ ยเหลือ 6

-ให้กาลงั ใจและจดั สภาพแวดล้อมให้ผ้ปู ่ วยได้พกั 4.2 เป้ าหมายในระยะสัน้ (intermediate objective) -ประเมนิ อาการตา่ งๆที่เกิดขนึ ้ ในขณะถอนพษิ พร้อมกบั กาหนดระยะเวลาการชว่ ยเหลือ -กระต้นุ ให้ผ้ปู ่ วยเข้ารับการรักษาอยา่ งตอ่ เนื่องและสง่ เสริมให้เข้าใจเกี่ยวกบั สารเสพตดิ กบั อาการทางจิต 4.3 เป้ าหมายในระยะสัน้ (long-term objectives) -กระต้นุ ให้ผ้ปู ่ วยมีสว่ นร่วมในการรักษา และมงุ่ เน้นให้เกิดความเข้าใจในปัญหาของตนเองท่ีต้องใช้สารเสพติด -ประเมินภาวะเครียดและแรงกดดนั ตา่ งๆที่อาจทาให้ผ้ปู ่ วยกลบั ไปใช้สารเสพตดิ อีก -สนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วยเปิ ดเผยหรือสิ่งที่กระต้นุ ที่ทาให้กลบั ไปใช้สารเสพตดิ อีกพร้อมทงั้ สนบั สนนุ หาวธิ ีแก้ปัญหาแบบ ตา่ งๆ การแปลผลการใช้ประเมนิ ในโรงพยาบาลจิตเวช - Critical phase (วิกฤต/ฉุกเฉิน) ระดบั คะแนน 0 – 6 - Acute phase (แรกรับ) ระดบั คะแนน 7 – 13 - Sub-Acute phase (เร่งรัดบาบัด) ระดับคะแนน 14 – 20 ตัวอย่างการใช้ประเมินและกระบวนการพยาบาลในโรงพยาบาลจิตเวช การใช้กระบวนการพยาบาลประเมนิ 1. การประเมนิ Assessment Critical phase (วกิ ฤต/ฉุกเฉิน) Acute phase (แรกรับ) Sub-Acute phase (เร่งรัด Maintenance phase (บาบดั คะแนน 0 – 6 คะแนน 7 – 13 บาบดั ) 14 – 20 ระยะยาว) คะแนน 21 ขึน้ ไป 1. การรับรู้วนั /เวลา/สถานที่/บคุ คล 1.การรับรู้วนั /เวลา/สถานท่ี/ 1.การรับรู้วนั /เวลา/สถานที/่ 1.การรับรู้วนั /เวลา/สถานที/่ 2. การจดั การความคดิ อารมณ์และ บคุ คล บคุ คล บคุ คล การแสดงออกของตนเอง 2.การจดั การความคิดอารมณ์ 2.การจดั การความคดิ อารมณ์ 2.การจดั การความคิดอารมณ์ 3. การดแู ลเร่ืองกิจวตั รประจาวนั และการแสดงออกของตนเอง และการแสดงออกของตนเอง และการแสดงออกของตนเอง 4. การพดู คยุ อยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่น 3.การดแู ลตนเองเรื่องกิจวตั ร 3.การดแู ลตนเองเร่ืองกิจวตั ร 3.การดแู ลตนเองเร่ืองกิจวตั ร 5. การไว้วางใจ ประจาวนั ประจาวนั ประจาวนั 6. การแสดงความคิดเหน็ 4.การพดู คยุ /การอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ่นื 4.การพดู คยุ /การอยรู่ ่วมกบั 4.การพดู คยุ /การอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ่ืน 7. การบอกความรู้สกึ 5.การไว้วางใจ ผ้อู ื่น 5.การไว้วางใจ 8. พยาธิสภาพทางกาย 6.การแสดงความคดิ เหน็ 5.การไว้วางใจ 6.การแสดงความคดิ เหน็ 9. ผลกระทบจากการรักษา 7.การบอกความรู้สกึ 6.การแสดงความคดิ เหน็ 7.การบอกความรู้สกึ - มภี าวะเสีย่ งตอ่ ชีวิต (ABC) 8.พยาธิสภาพทางกาย 7.การบอกความรู้สกึ 8.พยาธิสภาพทางกาย - มีผลกระทบ/เสย่ี งทรี่ ุนแรงถึงชวี ติ 9.ผลกระทบจากการรักษา 8.พยาธิสภาพทางกาย 9.ผลกระทบจากการรักษา จดั อยใู่ น phase นี ้ 9.ผลกระทบจากการรักษา 7

2.ข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล Critical phase 1. มีภาวะเพ้อสบั สนเน่ืองจากพิษสรุ า 2. เสี่ยงตอ่ การเกิดภาวะแทรกซ้อนทางกายจากอาการถอนพิษสรุ า Acute phase 1. เส่ียงตอ่ การทาร้ายตนเองและผ้อู ่ืน 2. เส่ียงตอ่ การเกิดอบุ ตั เิ หตเุ น่ืองจากการทรงตวั ไมด่ ี,ฤทธ์ิข้างเคียงของยา 3. เสี่ยงตอ่ การหลบหนีเน่ืองจากปฏิเสธการเจ็บป่ วย 4. เส่ียงตอ่ การเกิดภาวะแทรกซ้อนระหวา่ งรักษาด้วยไฟฟ้ า บกพร่องทางด้านกระบวนความคดิ และพฤตกิ รรมเน่ืองจากการรับรู้ผิดปกติ 6 เส่ียงตอ่ การมีอนั ตรายตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืน เนื่องจากมีอาการหลงผดิ ประสาทหลอนและพฤตกิ รรมหวาดระแวง 7 มีความบกพร่องในการปฏิบตั กิ ิจวตั รประจาวนั เนื่องจากอยใู่ นภาวะหวาดระแวง หลงผิดและประสาทหลอน 8 มีความบกพร่องในการสร้างสมั พนั ธภาพเนื่องจากขาดความไว้วางใจผ้อู ่ืนและมีภาวะแยกตวั เอง Sub-Acute phase 1.มีการปรับตวั ตอ่ แผนการรักษาดีขนึ ้ 2.มีแนวโน้มกลบั มารักษาซา้ เนื่องจากขาดความรู้และทกั ษะการปฏิเสธ 3. เส่ียงตอ่ การกลบั เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลซา้ เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจในการรักษาและการ ปฏิบตั ติ วั ที่ถกู ต้อง 4. วิตกกงั วลเน่ืองจากต้องการกลบั บ้าน Maintenance phase เพ่อื สง่ เสริมการดแู ลตนเองเมื่อกลบั ไปอยบู่ ้าน เชน่ D-method 3.Intervention Acute phase (แรกรับ) Sub-Acute phase (เร่งรัด Maintenance phase คะแนน 7 – 13 บาบดั )คะแนน 14 – 20 Critical phase (วกิ ฤต/ฉกุ เฉิน) คะแนน 0 – 6 8

1.ชว่ ยฟืน้ คืนชีพให้ปลอดภยั ในราย 1.ป้ องกนั อนั ตรายจากการทา 1.สร้างสมั พนั ธภาพเพือ่ ให้ 1.สร้างสมั พนั ธภาพเพือ่ การ ท่มี พี ยาธิสภาพทางกายท่ีเป็ น ร้ายตนเอง/ผ้อู น่ื /ทรัพย์สนิ / ผ้ปู ่ วยได้ระบายความรู้สกึ และ บาบดั เน้นให้ผ้ปู ่ วยเรียนรู้ อนั ตรายตอ่ ชีวิต หลบหนี แสดงความคดิ เหน็ ทกั ษะการตดั สินใจและการ 2.ป้ องกนั อนั ตรายจากการทาร้าย 2.ปฐมนิเทศให้มีการรับรู้บคุ คล 2.กระต้นุ ให้ผ้ปู ่ วยเข้าร่วม แก้ไขปัญหา ตนเอง/ผ้อู น่ื ทรัพย์สนิ สถานท่ีเวลาได้ถกู ต้อง กิจกรรมบาบดั ตา่ ง ๆ เชน่ -สง่ เสริมสนบั สนนุ การเข้าร่วม - จากดั พฤติกรรม 3.สร้างสมั พนั ธภาพเพอ่ื ความ กิจกรรมบาบดั ภายในตกึ และ กิจกรรมกลมุ่ บาบดั - พิจารณาฉีดยาprn. ไว้วางใจ ศนู ย์กิจกรรมบาบดั ชมเชยและ 2.ให้ข้อมลู เครือข่ายท่ีเก่ียวข้อง 3.จดั สภาพแวดล้อมให้ปลอดภยั 4.ดแู ลให้ได้รับสารอาหารและ ให้กาลงั ใจ และแหลง่ ขอความชว่ ยเหลอื 4.เฝ้ าระวงั ผ้ปู ่ วย 24 ชว่ั โมง และ นา้ อยา่ งพอเพยี ง 3.สง่ เสริมและสนบั สนนุ การดแู ล กรณีฉกุ เฉิน บนั ทกึ อาการเปลยี่ นแปลงทกุ 15 5.ชว่ ยเหลอื ให้ผ้ปู ่ วยได้ดแู ลสขุ ตนเองเรื่องกิจวตั รประจาวนั 3.ให้ข้อมลู เก่ียวกบั การรักษา นาที วิทยาสว่ นบคุ คล 4.กระต้นุ และสง่ เสริมให้สนใจ ตอ่ เนื่อง 5.ดแู ลให้ได้รับสารอาหารและนา้ 6.ดแู ลให้ผ้ปู ่ วยได้รับการรักษา สง่ิ แวดล้อมขา่ วสารภายในและ 4.สง่ ตอ่ ข้อมลู กบั หนว่ ยงานท่ี อยา่ งเพยี งพอ ตามแผนการรักษา ภายนอกโรงพยาบาล เก่ียวข้องเพอ่ื ตดิ ตามการรักษา 6.ชว่ ยเหลอื ให้ผ้ปู ่ วยได้รับความสขุ 7.จดั ให้ผ้ปู ่ วยเข้ากิจกรรมบาบดั 5.ชว่ ยเหลือให้ผ้ปู ่ วยเรียนรู้การ อยา่ งตอ่ เนื่อง สบายด้านร่างกายจิตใจ ทง่ี า่ ย ๆ ไมซ่ บั ซ้อนและ อยรู่ ่วมกนั ภายในหอผ้ปู ่ วย 7.พจิ ารณารายงานอาการผ้ปู ่ วย ระยะเวลาสนั้ เชน่ เข้าร่วมกลมุ่ 6.ให้ความรู้แกผ่ ้ปู ่ วยเร่ือง โรค เพื่อแพทย์พิจารณาปรับอาการ กบั เพอ่ื น 2-3 คน กลมุ่ อา่ น การรักษา และการสงั เกต รักษา หนงั สอื พมิ พ์ อาการข้างเคียงของยา 8.ให้ข้อมลู อาการ/อาการ 8.ให้ข้อมลู ความรู้เรื่องโรคและ 7.ดแู ลให้ได้รับการรักษาตาม เปล่ียนแปลงและแนวทางการรักษา แนวทางการรักษาแก่ญาติ แผนการรักษา แกญ่ าติ ให้คาปรึกษาแกญ่ าตริ ายบคุ คล รายกลมุ่ การประเมนิ ผล Out Come Critical phase - ผ้ปู ่ วยปลอดภยั จากการรักษาด้วย Med , Non Med - ได้รับสารอาหารและนา้ พอเพียง - ลดความวติ กกงั วลของญาติ Acute phase - ผ้ปู ่ วยปลอดภยั จากการรกั ษาด้วยยาท่ีรักษา Med , Non Med - ได้รับสารอาหารและนา้ พอเพยี ง - อาการทางจิตลดลง - ญาติมคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั อาการของผ้ปู ่ วย Sub-Acute phase และ Maintenance phase -ผ้ปู ่ วยดแู ลตนเองและสามารถอยใู่ นสงั คมได้ตามศกั ยภาพ -ผ้ปู ่ วยสามารถแสดงความคดิ เหน็ และร่วมกิจกรรมบาบดั ได้อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ญาติมคี วามรู้มคี วามสามารถในการดแู ลผ้ปู ่ วย เฝ้ าระวงั อาการแทรกซ้อนจากยาและรู้วธิ ีการกบั อาการทางจิตกาเริบ 9

ตัวอย่างกรอบแนวคิดในการให้การพยาบาลผู้ตดิ สารเสพตดิ เพ่มิ เตมิ กรอบแนวคิดในการให้การพยาบาลผู้ตดิ สารเสพตดิ จากการศกึ ษามโนมตขิ องการตดิ สารเสพติด ทาให้เราเข้าใจถงึ กลไกการติดยาในมมุ มองของสมองมี การเปล่ียนแปลง ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม ความคดิ และอารมณ์ การจะให้ความชว่ ยเหลือผ้ตู ดิ สารเสพตดิ ให้ผา่ นพ้นชว่ งที่ยากลาบาก คือ ตงั้ แตเ่ ริ่มแรกที่สว่ นใหญ่แล้วผ้ตู ดิ สารเสพตดิ เกือบทกุ คนจะไมม่ ี แรงจงู ใจในการบาบดั รักษา มกั มีจิตปฏิเสธวา่ ตนเองไมม่ ีปัญหาไมไ่ ด้ตดิ ดงั นนั้ ทฤษฎีของสมั พนั ธภาพระหวา่ ง บคุ คลจงึ มีความจาเป็น เมื่อพยาบาลสามารถสร้างสมั พนั ธภาพได้ในระดบั หนง่ึ แล้ว ในระยะของการแก้ปัญหา จาเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมซงึ่ ต้องใช้กระบวนการที่จะทาให้ผ้ตู ดิ ยาเข้าใจตนเอง และสามารถ ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมโดยผา่ นการปรับเปลี่ยนความคดิ ทางปัญญา เพื่อท่ีจะชว่ ยให้ผ้ตู ดิ สารเสพตดิ สามารถ หยดุ ใช้ยา และไมก่ ลบั ไปตดิ ซา้ อีกในระยะยาว ซง่ึ ความคดิ ในการนาทฤษฎีการปรับพฤตกิ รรมทางปัญญามา ใช้ในปัจจบุ นั ท่ีเป็นท่ียอมรับ ผา่ นการศกึ ษาวจิ ยั ในสหรัฐอเมริกา คือ การใช้โปรแกรมจิตสงั คมบาบดั ( Matrix Program ) ดงั นนั้ จากการนา 2 ทฤษฎีมาประยกุ ต์ได้ เป็นกรอบแนวคิดในการพยาบาลผ้ตู ดิ สารเสพตดิ ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. การสร้างแรงจงู ใจ เพื่อปรับเปล่ียนพฤตกิ รรม ในขนั้ นี ้เป็นขนั้ ตอนแรกท่ีพยาบาลและผ้รู ับการบาบดั พบกนั เพ่ือสร้างสมั พนั ธภาพให้เกิดแรงจงู ใจ เพราะสว่ นใหญ่แล้ว ผ้ตู ดิ สารเสพตดิ มกั คิดวา่ ตนเองไมม่ ีปัญหา จะ หยดุ เมื่อไรก็ได้ ขนึ ้ อยกู่ บั ความต้องการของตน พยาบาลต้องสร้าง สมั พนั ธภาพ เพื่อให้ผ้ปู ่ วยเกิดความไว้วางใจ แสดงความเข้าใจ เหน็ อกเห็นใจ เพ่ือให้ผ้เู สพยาได้สารวจผลดี ผลเสียของพฤติกรรมของเขา พยาบาลมีทา่ ทีอบอ่นุ เป็ นมิตร รับฟังอยา่ งตงั้ ใจ พยาบาลจะมีบทบาทเป็นครู โดย ให้ความรู้ ข้อมลู เก่ียวกบั ผลเสียของการใช้สารเสพติดตอ่ ไป บทบาทเป็นแหลง่ สนบั สนนุ (Resourcer) ให้แนวทาง วธิ ีการรักษาเพื่อชว่ ยในการตดั สนิ ใจของผ้ปู ่ วย 2. ผ้รู ับบริการสามารถหยดุ ใช้สารเสพตดิ พยาบาลสง่ เสริมให้ผ้ปู ่ วยได้ลงมือทาตามวิธีการที่ตนเองเลือก โดยพยาบาลเป็นผ้สู นบั สนนุ มีบทบาทเป็นผ้ใู ห้คาปรึกษา ให้ผ้ปู ่ วยมีทกั ษะตา่ งๆในการหยดุ ใช้สารเสพตดิ ตระหนกั ถึงปัญหา ยอมรับและดาเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขนึ ้ ในชว่ งหยดุ ใช้ยา พยาบาลมีบทบาทเป็นผ้นู าริเริ่มให้ ผ้ปู ่ วยสามารถดาเนินการตามเป้ าหมายที่ตงั้ ไว้ร่วมกนั และที่สาคญั คือ พยาบาลมีบทบาทเป็นผ้ชู านาญด้าน เทคนิค สอนทกั ษะท่ีสาคญั โดยนาความรู้เร่ืองยาเสพตดิ มาผสมผสานกบั การปรับเปล่ียนพฤตกิ รรม โดยใช้ กระบวนการปรับเปล่ียนความคดิ เรียนรู้วิธีการตา่ งๆ ในการจดั การกบั ความคิด พฤตกิ รรม อารมณ์ท่ีเกี่ยวข้องใน การท่ีจะกลบั ไปใช้ยา 3. การป้ องกนั การกลบั ไปติดซา้ ซง่ึ เป็ นหวั ใจสาคญั ของการชว่ ยเหลือผ้ตู ดิ สารเสพตดิ พยาบาลจะมี บทบาทเป็นผ้ใู ห้คาปรึกษา ผ้ชู านาญในการให้ทกั ษะการป้ องกนั การกลบั ไปเสพยาซา้ ให้ผ้ปู ่ วยได้เรียนรู้วิธีการใน การดาเนินชีวิต ขจดั ปัญหาอปุ สรรคตา่ ง ๆที่เกิดขนึ ้ ให้ความมนั่ ใจกบั ผ้ปู ่ วยถึงความสามารถในการชว่ ยตนเอง ในการหยดุ ใช้ยา ให้ความหวงั กาลงั ใจ สนบั สนนุ ให้ตงั้ เป้ าหมายในชีวติ ที่ไมใ่ ช้ยา สนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วยมีวถิ ีชีวิตที่ 10

สมดลุ การดแู ลสขุ ภาพตนเอง การออกกาลงั กาย การผ่อนคลายความเครียด ตลอดจนการควบคมุ ส่ิงเร้าที่ทา ให้อยากยา พยาบาลมีบทบาทในการสนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วย และครอบครัวร่วมกนั ในการดาเนนิ ชีวิตโดยไมใ่ ช้ยา 4. ครอบครัวมีสว่ นร่วมในการดแู ลชว่ ยเหลือผ้ปู ่ วย แนวทางในการบาบดั รักษาผ้ตู ดิ สารเสพตดิ ญาตมิ ี สว่ นสาคญั เป็นอยา่ งมาก ที่จะชว่ ยให้การรักษามีประสทิ ธิภาพ พยาบาลมีบทบาทในการสร้างสมั พนั ธภาพกบั ญาติ เพ่ือให้ครอบครัวมีความไว้วางใจพยาบาล เพ่ือที่จะได้เห็นความสาคญั ของการช่วยเหลือผ้ปู ่ วย สง่ เสริมให้ เกิดความร่วมมือร่วมใจภายในครอบครัว ในการแก้ไขปัญหาของสมาชกิ ในครอบครัว พยาบาลควรเปิ ดโอกาสให้ ผ้ปู ่ วย และญาติ ได้แสดงความคิดเห็น และหาทางร่วมกนั ในการแก้ไขปัญหา สนบั สนนุ ให้ญาตไิ ด้แสดงความ หว่ งใย พยาบาลมีบทบาทเป็นผ้ใู ห้คาปรึกษาครอบครัว หรืออาจต้องมีบทบาทเป็ นผ้ทู ดแทนให้ผ้ปู ่ วย หรือญาติ ในบางสถานการณ์ เปิ ดโอกาสให้ญาตจิ งู ใจผ้ปู ่ วยในการหยดุ สารเสพตดิ สนบั สนนุ ให้ญาตใิ ห้กาลงั ในแกผ่ ้ปู ่ วย พยาบาลแสดงบทบาทเป็นผ้นู าในการจดั การกบั ปัญหาท่ีญาติ และผ้ปู ่ วยอาจมีความไมเ่ ข้าใจกนั เพื่อให้เกิดความ ร่วมมือร่วมใจ เห็นอกเห็นใจกนั และสามารถอยดู่ ้วยกนั ได้อยา่ งมีความสขุ แผนการพยาบาลผ้ตู ดิ สารเสพตดิ ปัญหาท่ี 1 ผู้ป่ วยขาดแรงจูงใจในการเลิกยา เน่ืองจากไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของการเสพ ตดิ กิจกรรมการพยาบาล 1. พยาบาลสร้างสมั พนั ธภาพกบั ผ้ปู ่ วย เพ่ือให้เกิดความไว้วางใจ โดยแสดงความเห็นอกเหน็ ใจ เข้าใจ รับฟังผ้ปู ่ วยอยา่ งตงั้ ใจ ด้วยทา่ ทีท่ีเป็นมิตร อบอนุ่ 2. ให้ข้อมลู ทาให้ผ้ปู ่ วยมองเห็นถึงความขดั แย้งที่มีอยใู่ นตนเอง เพ่ือกอ่ ให้เกิดการเปล่ียนแปลง จงู ใจ ผ้ปู ่ วยโดยให้รับรู้วา่ พฤตกิ รรมในปัจจบุ นั เป็นอปุ สรรคอย่างไรกบั เป้ าหมายในชีวิต 3. พดู คยุ ให้ผ้ปู ่ วยได้สารวจถึงผลดีผลเสียท่ีตามมาจากพฤตกิ รรมของเขา เน้นให้ทราบวา่ เขาคือ ผ้ทู ่ี รับผิดชอบตอ่ พฤตกิ รรมตนเอง 4. หลีกเล่ียงการขดั แย้งกบั ผ้ปู ่ วย ซง่ึ ในชว่ งแรกนีผ้ ้ปู ่ วยยงั มีความสบั สนเก่ียวกบั พฤตกิ รรมของตนเอง 5. ให้ข้อมลู ความรู้ ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง เก่ียวกบั สาเหตกุ ารติดยา แนวทางในการบาบดั รักษา วิธีการ ท่ีจะหยดุ ใช้ยาได้อยา่ งถกู ต้อง ปัญหาท่ี 2 ผู้ป่ วยขาดความรู้และทักษะในการหยุดใช้ยาระยะเร่ิมต้น กิจกรรมการพยาบาล 1. ให้ความรู้เกี่ยวกบั ทกั ษะในการหยดุ ยา เทคนคิ การหยดุ ความคดิ เพื่อไมใ่ ห้เกิดความอยากยา แยกแยะตวั กระต้นุ ที่ทาให้เกิดความอยากยา 2. สนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วยเรียนรู้ทกั ษะพืน้ ฐานตา่ ง ๆ ในการเลิกยา เรียนรู้ว่าความคิด อารมณ์ และ พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ สามารถเปล่ียนแปลงได้ 3. พยาบาลและผ้ปู ่ วยร่วมกนั หาแนวทางในการปฏิบตั ติ วั เพื่อเตรียมเผชิญกบั ตวั กระต้นุ ตา่ ง ๆ และ 11

กาจดั อปุ กรณ์การเสพยา 4. พดู คยุ กบั ผ้ปู ่ วยเก่ียวกบั วงจรการอยากยา และหาวธิ ีท่ีจะหยดุ วงจรนนั้ ด้วยตวั เอง โดยพยาบาลมี หน้าที่เป็นผ้ใู ห้แนวทาง และให้กาลงั ใจสนบั สนนุ 1. อธิบายให้ข้อมลู เก่ียวกบั อาการท่ีจะเกิดขนึ ้ ในชว่ งขาดยา เชน่ ซมึ เศร้า นอนไมห่ ลบั หงดุ หงิด ปวด ศรี ษะ และหาแนวทางในการจดั การกบั อาการดงั กลา่ วร่วมกบั ผ้ปู ่ วย ปัญหาท่ี 3 ผู้ป่ วยขาดทักษะในการปฏิเสธและมีโอกาสเส่ียงต่อการกลับไปใช้ยาซา้ กิจกรรมการพยาบาล 1. ให้ผ้ปู ่ วยเข้าใจถึงสญั ญาณเตอื นภายในของการหวนกลบั ไปใช้ยาซา้ และสามารถหยดุ ยงั้ ได้ทนั 2. พดู คยุ กบั ผ้ปู ่ วยถึงเหตกุ ารณ์ ประสบการณ์ตา่ ง ๆ ที่ผ่านมาท่ีเคยทาให้กลบั ไปใช้ยา และเรียนรู้การมี พฤตกิ รรมใหมท่ ี่ไม่ต้องใช้ยาเสพตดิ 3. ให้กาลงั ใจแก่ผ้ปู ่ วยในชว่ งนีท้ ่ีหยดุ ยาได้ เพื่อให้เข้าใจ และเห็นถึงผลสาเร็จท่ีเกิดจากความตงั้ ใจ 4. สอนทกั ษะตา่ ง ๆ ในการป้ องกนั การกลบั ไปเสพยาซา้ เทคนิคการจดั การกบั อารมณ์ ความเชื่อ ความคดิ ที่จะทาให้กลบั ไปเสพยาซา้ 5. สนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วยมีพฤตกิ รรมใหมท่ ี่ตา่ งจากการใช้ยา การออกกาลงั กาย การจดั ตาราง ชีวิตประจาวนั ใหม่ การมีกิจกรรมนนั ทนาการใหม่ ๆ ในชีวติ 6. สนบั สนนุ ให้ผ้ปู ่ วยเรียนรู้โอกาสของการกลบั ไปใช้ยาซา้ อาจเกิดขนึ ้ ได้ ทวา่ ไมใ่ ชค่ วามล้มเหลว แต่ เป็นสิง่ ท่ีจะชว่ ยให้เกิดการเรียนรู้ท่ีจะป้ องกนั ไมใ่ ห้เกิดขนึ ้ อีก ปัญหาท่ี 4 ครอบครัวขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดูแลช่วยเหลือผู้ตดิ ยา กิจกรรมการพยาบาล 1. สร้างสมั พนั ธภาพกบั ครอบครัว โดยแสดงความเหน็ อกเหน็ ใจ ยอมรับ และตงั้ ใจรับฟังปัญหาของ ครอบครัว ที่เกิดจากการใช้ยาเสพตดิ ของสมาชกิ ในครอบครัว 2. ให้ความรู้ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง เก่ียวกบั กระบวนการตดิ ยา และกระบวนการเลิกยา เนื่องจากความรู้ ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง จะชว่ ยให้ครอบครัวให้อภยั เห็นใจ และสนบั สนนุ ให้ผ้รู ับการบาบดั เลิกยาได้อย่างตอ่ เนื่อง 3. สนบั สนนุ ให้ครอบครัวเข้ามามีสว่ นร่วมในการทากิจกรรม และเรียนรู้วิธีการหาแนวทางตา่ ง ๆ ร่วมกบั ผ้ปู ่ วย 4. สอนเทคนิคการเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอย่รู ่วมกนั กบั ผ้ทู ี่กาลงั เลิกยา เรียนรู้วธิ ีการสร้างสมั พนั ธภาพท่ีดี ตอ่ กนั ในครอบครัว 5. สนบั สนนุ ให้ผ้รู ับการบาบดั และครอบครัว มีการเรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมให้เหมาะสม สง่ เสริมให้เกิดการเลกิ ยาอยา่ งตอ่ เนื่อง และฟื น้ ฟสู มั พนั ธภาพที่ดใี นครอบครัว ปัญหาที่ 5 ผ้ปู ่ วยขาดทกั ษะในการใช้ชีวิตในสงั คมโดยไมใ่ ช้ยา 12

กิจกรรมการพยาบาล 1. ตดิ ตามผ้ปู ่ วยอยา่ งตอ่ เนื่อง หลงั การเลกิ ยา เพื่อให้ความชว่ ยเหลือในการดาเนินชีวิตหลงั เลิกยา 2. สอนให้ผ้ปู ่ วยได้รู้จกั ฝึ กวิธีการเข้าสงั คม และการสร้างสมั พนั ธภาพกบั ผ้อู ื่น ภายใต้บรรยากาศของ มิตรภาพ และความเห็นอกเหน็ ใจซงึ่ กนั และกนั 3. สนบั สนนุ ให้กาลงั ใจในความสามารถท่ีผ้ปู ่ วยหยดุ ยาได้ด้วยตนเอง เสริมความมีคณุ คา่ ในตนเองให้ ผ้ปู ่ วย 4. ให้คาปรึกษาผ้ปู ่ วย และครอบครัว ในการดาเนินชีวิตที่สมดลุ ย์ การจดั การกบั กิจวตั รประจาวนั ในแต่ ละวนั ให้ผ้ปู ่ วยเรียนรู้ท่ีจะจดั เวลาในการทางาน พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ออกกาลงั และทากิจกรรมในสงั คมให้ เหมาะสม และสมดลุ ย์ สามารถดาเนนิ ชีวิตอยใู่ นสงั คมอยา่ งมีความสขุ และไมใ่ ช้ยา งานวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง การพฒั นาการรับรู้ความสามารถของตนเองและการควบคมุ ตนเองเพ่ือหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพตดิ ของเยาวชน (วราภรณ์ กปุ ระดษิ ฐ์,2551) สรุป จะเหน็ วา่ พยาบาลมีบทบาทสาคญั ในการพยาบาลผ้ปู ่ วยผ้ตู ดิ สารเสพตดิ (Substance-related disorders)ซงึ่ ต้องใช้ความเข้าใจในเร่ืองสารเสพตดิ และการบาบดั รักษาผ้ตู ดิ สารเสพตดิ แตส่ งิ่ ที่ดที ี่สดุ คอื การ ป้ องกนั การใช้สารเสพตดิ ไมใ่ ห้ทดลองใช้ตงั้ แตแ่ รก แตถ่ ้าตดิ สารเสพตดิ แล้วต้องมีการประเมนิ stage of change วา่ อยใู่ นระยะใด ถ้าอยใู่ นระยะ เพิกเฉยหรือ ลงั เล ก็จะทาได้ยาก และถ้าขาดครอบครัวสนบั สนนุ ขาดความ เช่ือมน่ั ในการรับรู้ความสามารถของตนเองและการควบคมุ ตนเองก็จะกลบั ไปเสพสารเสพตดิ ซา้ ได้(วราภรณ์ กุ ประดษิ ฐ์,2551)ดงั นนั้ มีผ้ตู ดิ สารเสพติดปฏิบตั ิหยดุ การใช้สารได้แล้ว ต้องป้ องกนั การเสพตดิ ซา้ ตอ่ ไปให้นานท่ีสดุ ต้องมีการหลีกเล่ียงตวั กระต้นุ และใช้เทคนิคการปฏิเสธ เพ่ือเลิกสารเสพติดให้ได้ในท่ีสดุ ตวั อย่างคาถามท้ายบท 1. ผ้ปู ่ วยในข้อใดท่ีอยใู่ นภาวะตดิ สารเสพตดิ (ยาบ้า) อาจมีพฤตกิ รรมใดเสี่ยงตอ่ การทาร้ายผ้อู ่ืน ก. สมองเส่ือม ข. หแู วว่ ประสาทหลอน* ค. กระวนกระวายนอนไมห่ ลบั ง. เดนิ เซ สบั สน 2.ผ้ปู ่ วยอยใู่ นภาวะถอนพษิ สรุ า 8-12 ชว่ั โมงมีอาการอยา่ งไร ก. หวั เราะ ยมิ ้ ได้ ข. มือสนั่ กระสบั กระส่าย* ค. เหน่ือย ออ่ นเพลีย ออ่ นแรง ง. ความดนั โลหิตต่า ชีพจรเร็ว หายใจเร็ว 3.ผ้ปู ่ วยโรคพิษสรุ าเรือ้ รัง บอกมีอะไรไตต่ ามตวั แสดงวา่ ผ้ปู ่ วยมีการรับรู้ด้านใดผิดปกต.ิ Tactile Hallucination 13

เอกสารอ้างองิ ฉวีวรรณ สตั ยธรรม (2550). การพยาบาลจติ เวชและสุขภาพจิต. พิมพ์ครัง้ ท่ี 9. นนทบรุ ี: ยทุ ธรินทร์ การพิมพ์ . จติ เวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลยั มหิดล. วราภรณ์ กปุ ระดษิ ฐ์ (2551)การพัฒนาการรับรู้ความสามารถของตนเองและการควบคุม ตนเอง เพ่อื หลีกเล่ียงการใช้สารเสพตดิ ของเยาวชน. ขอนแก่น สวุ นีย์ เก่ียวก่ิงแก้ว.(2554). การพยาบาลจิตเวช:Psychiatric Nursing. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2.ปทมุ ธานี:โรงพิมพ์ ธรรมศาสตร์ อรพรรณ ลือบญุ ธวชั ชยั .(2549).การพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช.พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ:ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ์ Boyd, M. A. (2012). Psychiatric nursing: Contemporary practice (5th ed.). Philadelphia, PA: Lippincott Williams Pryjmachuk, S. (2011) Mental Health Nursing: An Evidence-Based Introduction. London: Sage Publication Ltd Shives, L. R. (2012). Basic concepts of psychiatric-mental health nursing (8th ed.) . Philadelphia, PA: Wolters Kluwer Health | Lippincott Williams & Wilkins. 14


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook